Thai VI

2 หุ้นที่ทำให้วิต้องช้ำใจมารวมกันจะเกิด synergy ได้มั๊ย

ผู้ซื้อ : บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ("แกรมมี่")
ประเภทรายการ : ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ("ซีเอ็ด")
จำนวน 42,284,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 13.22
ของทุนที่เรียกชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท

แกรมมี่ซื้อหุ้นซีเอ็ดจากเนชั่น
ผมไม่มีแกรมมี่กับเนชั่นแล้ว
แต่ยังมีซีเอ็ด แล้วจะเป็นไงหนอ
ผมเดาว่าแกรมมี่ซื้อหวังช่องจำหน่ายoutlet

yoyo เขียน:2 หุ้นที่ทำให้วิต้องช้ำใจมารวมกันจะเกิด synergy ได้มั๊ย

ผู้ซื้อ : บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ("แกรมมี่")
ประเภทรายการ : ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ("ซีเอ็ด")
จำนวน 42,284,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 13.22
ของทุนที่เรียกชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท

ในที่สุดกลุ่มเนชั่นก็ขายหุ้นซีเอ็ด
ผมสงสัยว่าทำไมทำอย่างนั้น
ทำหนังสือพิมพ์กับร้านหนังสือน่าจะเข้ากันได้ดี
น่าจะดีกว่าร้านหนังสือกับค่ายเพลงนะ

ส่วนแกรมมี่คงต้องการหาความแน่นอนจากการลงทุน
ในขณะที่ธุรกิจเพลงคงถึงจุดอิ่มตัว ไม่มีอะไรใหม่ๆ

ใครมีวิชั่นดีกว่าระหว่างคนซื้อ หรือคนขาย

อยากจะเข้าไปถือหางสักหน่อยครับ

WIN-WIN WIN-NO WIN

มิน่า เปิดมาโดดข้ามกำแพง 5 ไปเลย

ผมเห็นหนังสือในเครือ grammy ขายไม่ดีสักเล่ม เช่น her world, maxim, In, Madam

ฝันธงได้ว่า อีกหน่อยร้าน se-ed จะมีมุม ขายเพลง เทป ซีดี แน่นอนครับ
ตามด้วยบัตรคอนเสริต์

บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5 /2548
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2548 มีมติให้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) วันที่คาดว่าจะเกิดรายการ : ภายใน 15 กรกฎาคม 2548
2) ผู้ขาย : บริษัท เนชั่น มัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกัน
3) ผู้ซื้อ : บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ("แกรมมี่")
4) ประเภทรายการ : ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ("ซีเอ็ด")
จำนวน 42,284,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 13.22
ของทุนที่เรียกชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท
5) ประเภทธุรกิจ : ผลิตหนังสือและวารสารเชิงวิชาการ, รับจัดจำหน่ายหนังสือ
และดำเนินงาน ร้านหนังสือ ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์และ
Book Variety ทั้งในกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด
6) มูลค่าของสิ่งตอบแทน : เงินสดจำนวน 232.56 ล้านบาท
7) เกณฑ์ที่ใช้กำหนดมูลค่าสิ่งตอบแทน : มูลค่าคิดลดกระแสเงินสดของกิจการ
(Discounted cash flow)
ราคาตลาด ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2548 ราคาหุ้นละ 4.80 บาท
8) แหล่งเงินทุนที่ใช้ : จากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
9) ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ : เพื่อพัฒนาความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่สามารถใช้ทรัพยากร
และจุดแข็งของทั้งสองบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เช่นการพัฒนาช่องทาง การจัดจำหน่าย นอกจากนี้ยัง
เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม
10) จำนวนหุ้นทั้งหมด : ภายหลังจากการทำรายการข้างต้น จะทำให้บริษัทฯมีหุ้นซีเอ็ด
เพิ่มจากปัจจุบันที่มีอยู่จำนวน 138,200 หุ้นเป็น 42,422,200 หุ้น
หรือร้อยละ 13.26 ของทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว

ต่อไปร้านซีเอ็ดก็คงมีซีดีขายมากขึ้นซิครับ

ผมคิดว่าอาจจะต้องการ ต่อสู้กับB2S แต่ดูแล้ว ร้านB2S เทปหรือซีดี มันก็ขายไม่ค่อยจะดีเลย แต่ข่าวนี้ก็ทำให้SE-ED มีชีวิตชีวา ขึ้นมาหน่อย :lovl:

ต่อไปร้านซีเอ็ดก็คงมีซีดีขายมากขึ้นซิครับ

ถ้าจำไม่ผิด คุณทนงเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า จะทำให้ร้าน se-ed เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นนอกเหนือจากหนังสือ ซึ่งก็เป็นแนวทางที่ดี เข้าร้านเดียวได้ของที่หลากหลายขึ้น และการที่ grammy เข้ามาถือหุ้นใน se-ed มากขึ้นก็ทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นดูดีและเข้มแข็งขึ้นนะคะ(ความเห็นส่วนตัว)

แต่แปลกใจอยู่แต่เพียงว่าทำไม grammy ถึงไม่มาซื้อหุ้นในตลาดที่ราคถูกกว่ามาก เหมือนที่คุณเสริมสินแกมาเก็บหุ้นในตลาดอยู่ช่วงหนึ่ง คิดว่าคงอาจจะเป็นเพราะสภาพคล่องน้อยมังคะ จำนวนที่จะซื้อ 42,284,000 หุ้นคงซื้อในตลาดไม่ไหวแน่ๆ แต่ถ้าทะยอยเก็บในตลาดส่วนหนึ่งและซื้อโดยตรงอีกส่วนหนึ่ง น่าจะทำให้ grammy ประหยัดเงินได้พอสมควรเหมือนกันนะคะ

แต่ราคา se-ed นับจากนี้ไปคงไปไหนได้ไม่ไกลหรอกค่ะ เพราะคงมีคนติด se-ed อยู่มาก ราคาขึ้นมาก็คงถูกถล่มขายแน่ๆ

แต่ราคา se-ed นับจากนี้ไปคงไปไหนได้ไม่ไกลหรอกค่ะ เพราะคงมีคนติด se-ed อยู่มาก ราคาขึ้นมาก็คงถูกถล่มขายแน่ๆ

ถ้า Diworseify ชัดเจน.......ผมจะรอซื้อ










































ตอนมันเริ่ม turnaround....... :lovl:

จากข่าวนี้ผมว่าไม่ได้ทำให้พื้นฐาน se-ed เปลี่ยนไปเท่าไหร่นะครับ
ส่วนสำหรับแกรมมี่ ผมว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดีซักเท่าไหร่
สรุปแล้ว deal นี้ผมยังไม่เห็นว่าเค้าจะมี synergy เกิดขึ้นมากมาย ...
แต่ยังไงก็ต้องรอดูกันต่อไป... อากู๋อาจจะมี idea ที่ผมนึกไม่ถึงก็ได้

กระทู้ se-ed มาทีไร hot ทุกที
ท่าทางจะติดกันหลายคน :lol: :lol: :lol:

ผมก็ยังนืกไม่ออกเหมือนกันว่า grammy มาถือ se-ed
แล้วมันจะดียังไงกับ se-ed
แต่ที่เดาๆ งบ nation คงได้กำไรเพิ่ม
ส่วนงบ grammy คงกำไรลดเพราะซื้อแพงอยู่

บอกตรงๆ ว่าไม่ค่อยชอบ grammy เท่าไร
ไม่รู้จะมาจูงกันลงเหวหรือป่าว

1. บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) (GRAMMY) 42,422,200 13.26%
2. HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD 31,000,000 9.69%
3. นายฤทธิ์ ธีระโกเมน 22,851,790 7.14%


กลายเป็นผู้ถือหุ้น number one ไปซะแล้ว
ไม่น่าล่ะมีการขายหุ้นของผู้บริหารออกมา ก่อนหน้านี้

เพื่อนที่เป็นนักตรวจสอบบัญชีเคยบอกว่า "ไอ้ G... กะ R...(อยู่หมวดเดียวกัน) เนี่ยมันทำงบแบบมั่วๆวะ" เลยเชื่อเพื่อนไม่ไปยุ่งกะสองเสือนี้เลย

แบบนี้ Dr. เค้าจะยังมองภาพหุ้น se-ed เป็นบวกหรือเปล่าเนี่ย???

เราอาจจะได้เห็น barnes & noble ในเมืองไทย ก็ได้นะครับ


จะไปนั่งซะให้เข็ด

ชอบซีเอ็ดเป็นการส่วนตัว เพราะผมเป็น supplier รายหนึ่งของเขา รู้สึกว่าเขา fair ดี ชอบผู้บริหารด้วย แต่ไม่ได้ซื้อหุ้นไว้เพราะมองไม่เห็นการเติบโตที่ชัดเจนครับ

ไม่ชอบแกรมมี่มากๆ วัฒนธรรมในองค์กรนี้ หยิ่งมาก

ธุรกิจแกรมมี่มีปัญหาเพราะ mp3 ครองเมือง เลยต้องหันไปทำเพลงลูกทุ่งเพราะกลุ่มเป้าหมายไม่เล่น mp3 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เลยพยายาม diworsify (อย่างคุณ jaychou บอก) ตอนแรกทำบะหมี่โฟร์มี เจ๊ง ต้องขายให้มาม่าไป คราวนี้จะซื้อร้านหนังสือเพราะรายได้มั่งคงกว่า แต่หา synergy ที่ชัดเจนไม่เจอ

คงต้องคลำทางอีกนานครับ กำไรก็ตกลงทุกวัน

พูดตรงไปหน่อย ต้องขอโทษคนที่รักแกรมมีด้วย

เออ... จริงด้วย
แกรมมี่ น่าจะสามารถทำเพลงลูกทุ่งให้สำเร็จดีกว่านี้ได้นะ...

ยอดขายเพลงลูกทุ่งของแกรมมี่ ถล่มทลายครับ ขายดีมาก

โดนเฉพาะของนักร้องหญิงคนล่าสุด จำชื่อบ่ได้

แล้ว....
แล้ว....
เอ่อ....
ถามแบบมีเท็คกะนิกหน่อยก็แล้วกันคุณพี่ CK
ว่ายอดขายที่ว่า มันสะท้อนออกมาในงบการเงินแล้วหรือยังครับ :lovl:

ที่แน่ๆ ราคาขึ้นทันทีเลย

ช่องทางการจำหน่าย มีมูลค่าที่แท้จริงเท่าไรกันคับ

ถ้าผมเป็นอากู๋นะครับ ผมจะหันมาลุยธุรกิจ Media ให้ดีที่สุด แม้ว่าตอนนี้ Media จะไม่ดีเพราะมีความเสี่ยงเรื่อง กสช. แต่อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่แกรมมี่มีศักยภาพ

ธุรกิจผลิตงานเพลงต้องทยอยลดลงเรื่อยๆ เพราะปัญหาเรื่อง mp3 นี่หนักมาก เมื่อก่อนเทปขาย 1 ล้านม้วนจะฉลองใหญ่ สมัยนี้ 5 หมื่นแผ่นก็ถือว่าสำเร็จแล้วครับ ควรร่วมทุนกับบริษัทผลิตเพลงเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรทำ in-house เลย เพราะงานสร้างสรรไม่เหมาะกับบริษัทขนาดใหญ่แล้ว

ส่วนธุรกิจอย่างอื่นอย่าไปทำเลย ไม่เหมาะหรอก

เดี๋ยวก็คงมี "เบิร์ดรักหนังสือ เบิร์ดอยากให้แฟนเพลงทุกคนรักหนังสือ เหมือนที่รักเบิร์ด"

จินตรา พูลลาภ, ไมค์ ภิรมย์พร, ก็อด จักรพรรณ

ไม่ดังเหรอครับ

ดีที่ซื้อก่อน หลายวันได้ปันผลฟรีๆ
ผมว่าปีนี้ se-ed ค่าจะกลับมาแข็งแกร่งครับ

เห็น grammy และ gmmm เริ่มซื้อธุรกิจอื่นๆ
ไม่รู้ว่า grammy จะซิ้อ rs ด้วยไหมเนี่ยะ

เห็นค่ายใหญ่ๆ ของเมืองนอกอย่าง sony กับ bmg ก็ merge กัน

SecondBoy เขียน:เห็น grammy และ gmmm เริ่มซื้อธุรกิจอื่นๆ
ไม่รู้ว่า grammy จะซิ้อ rs ด้วยไหมเนี่ยะ

เห็นค่ายใหญ่ๆ ของเมืองนอกอย่าง sony กับ bmg ก็ merge กัน

ต้องถาม ดร.ผู้ที่สร้างตำนานการรวมกิจการในประเทศไทยครับ

ในอดีต ท่านเคยนำ Central รวมกับ ROBINS นำ MAJOR รวมกับ EGV

อนาคตอาจจะมี GRAMMY+RS BEC+MCOT

อากู๋แก จะืทำหนังสือพิมพ์ แกเริ่มจะหาซื้อบริษัททำหนังสือพิมพ์แล้วหละ ตัวไหนเริ่มมีปริมาณการซื้อมากกว่าปกติ ก็ตัวนั้นแหละ