หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 9:39 pm
โดย CK
ผู้จัดการออนไลน์ เขียน:"สมคิด"สั่งพาณิชย์คุมเข้มการนำเข้าสินค้า
กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--ผู้จัดการออนไลน์

รมว.คลัง สั่งพาณิชย์ให้ดูแลการนำเข้าสินค้าอย่างละเอียด ป้องกันการกักตุนสินค้า และให้หารือกับภาคเอกชนเพื่อพิจารณาการสตอกสินค้าในปริมาณที่เหมาะสม พร้อมแนะให้สิ่งทอไทยฉวยโอกาสที่สหรัฐต่อต้านสิ่งทอจีน แย่งส่วนแบ่งตลาดมาให้ได้มากขึ้น

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวหลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการส่งออกและนำเข้าว่าได้สอบถามจากนางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ถึงสถานการณ์การส่งออกในขณะนี้ ปรากฏว่าในเดือนเมษายนมีอัตราการเติบโตร้อยละ 14 และเชื่อว่าในไตรมาส 3 การส่งออกจะดีขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่การส่งออกขยายตัวมากที่สุดของปี โดยเห็นว่าสิ่งทออิเล็กทรอนิกส์ และเฟอร์นิเจอร์ เป็นสินค้าที่มีศักยภาพ และตลาดส่งออกหลักจะเน้นไปที่ตลาดเอเชีย โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และได้กำชับให้ผู้ส่งออกเร่งส่งออกสินค้าอย่างต่อเนื่อง

"ขณะนี้สหรัฐกับกำลังต่อต้านสิ่งทอจากจีน ดังนั้น จึงถือเป็นจังหวะของประเทศไทยในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาการส่งออกสิ่งทอไทยก็เติบโตร้อยละ 30 ดังนั้น จึงต้องใช้จังหวะนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยวันจันทร์นี้กระทรวงพาณิชย์จะเชิญผู้ประกอบการสิ่งทอมาหารือ เพื่อให้ผลักดันการส่งออกโดยรวมของไทยให้โตได้ร้อยละ 20 จากที่มั่นใจว่าการส่งออกจะเติบโตเกินกว่าร้อยละ 15 แน่นอน" นายสมคิด กล่าว

นอกจากนี้ ยังย้ำให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาเรื่องการส่งออกสินค้าตามข้อตกลงระหว่างประเทศ เช่น กุ้งและสินค้าเกษตร ซึ่งที่ผ่านมาก็ประสบปัญหาและอุปสรรค จึงได้กำชับให้ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผนึกกำลังให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการรายย่อยและช่วยขจัดปัญหาและอุปสรรคเพื่อหนุนการส่งออกให้ขยายตัวขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากุ้งที่พบว่าการส่งออกไตรมาส 1 ลดลง ให้เร่งดำเนินการก่อนเดือนกรกฎาคมที่อียูจะคืนสิทธิพิเศษทางศุลกากร (จีเอสพี) ให้สินค้ากุ้งของไทย

นายสมคิด กล่าวถึงการดูแลการนำเข้าว่าได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปสำรวจว่ามีสินค้าประเภทใดบ้างที่มีการนำเข้าที่สูงผิดปกติ เช่น เหล็ก เคมีภัณฑ์ และชิ้นส่วน โดยเน้นให้ดูอย่างละเอียด ทั้งสินค้าเหล็ก ชิ้นส่วน ยานยนต์ และให้เชิญผู้ประกอบการมาหารือว่าจะต้องสตอกสินค้าเป็นเวลากี่เดือน และกำชับให้นำเข้าสินค้าเท่าที่จำเป็น อย่าให้กักตุนหรือลักลอบนำเข้าสินค้ามากจนเกินไป หากนำเข้าเกินความจำเป็นหรือเก็งกำไร ให้ดำเนินการจัดการตามกฎหมาย แต่ขอย้ำว่าไม่ได้สั่งให้จำกัดการนำเข้าสินค้า เพียงแต่ขอให้พิจารณาความจำเป็นอย่างละเอียดเท่านั้น

ส่วนเรื่องของการควบคุมราคาสินค้า หลังการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ได้กำชับให้กรมการค้าภายในดูแล อย่าให้มีการขึ้นราคาโดยไม่มีพื้นฐาน และให้ผู้ประกอบการยืนอยู่ได้ หากจะปรับขึ้นราคาก็จะต้องมีสาเหตุจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น--จบ--

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 9:42 pm
โดย คัดท้าย
อืมมมม ... น่าคิดครับ น่าคิด ... มือถือนี่มีโดนห้ามเพราะนำเข้าเยอะผิดปกติด้วยหรือเปล่าครับ ... :lovl: :lovl: :lovl:

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 9:43 pm
โดย naris
แต่ขอย้ำว่าไม่ได้สั่งให้จำกัดการนำเข้าสินค้า เพียงแต่ขอให้พิจารณาความจำเป็นอย่างละเอียดเท่านั้น
ไม่น่าจะมีผลกระทบกับบริษัทของเรานะครับหุ้นส่วนหญ่าย :mrgreen:

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 9:47 pm
โดย chatchai
ทาง WG ไม่มีการกักตุนสินค้าอยู่แล้วครับ

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 10:29 pm
โดย harry
การที่รัฐกีดกันมากเกินไป แม้ว่าเหตุผลที่ดี ตากเรื่องการขาดดุล

ผมว่าไม่ดีนะครับ สงสัยว่าถ้ามากไป อาจมีการประท้วงได้

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 8:00 am
โดย mustang
พี่ chatchai ครับพี่ว่า wg จะทำอย่างไรกับเงินสดที่กำลังจะล้นบริษัทนะครับ
1.จ่ายให้ผู้ถือหุ้นมากขึ้น > 50%
2.ซื้อหุ้นคืน
3.ลงทุน

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 10:19 am
โดย chatchai
ผมพยายามให้บริษัทจ่ายเงินปันผลเพิ่มจาก 50% ของกำไรสุทธิครับ เพราะคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นมากที่สุดครับ

ผมพยายามชักจูงมา 2 ปีแล้วครับ ถ้าปีนี้ไม่เพิ่มก็คงต้องไปยกมือคัดค้านแล้วละครับ

แต่ผมเชื่อว่าจากเงินสดที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี จะเป็นตัวกดดันผู้บริหารมากขึ้นเรื่อยๆครับ

เรื่องซื้อหุ้นคืน เป็นเรื่องที่ดีครับ เพียงแต่ผมคิดว่า จากลักษณะการบริหารงานแบบ Conservative ทำให้ถึงแม้บริษัทจะซื้อหุ้นคืน ก็คงตั้งราคาใกล้เคียงราคาตลาด แล้วก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่มีคนขาย ซึ่งก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่ผู้ถือหุ้นครับ

เรื่องการลงทุน ผู้บริหารก็คงไม่อยากจะเสี่ยงมากครับ ช่วงปีหรือสองปีก่อนซึ่งเป็นช่วงเศรษฐกิจที่ดี ผู้บริหารยังไม่ลงทุนอะไร ช่วงนี้สภาวะเศรษฐกิจแย่ลง ผมว่าคงไม่มีการลงทุนอะไรครับ

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 10:41 am
โดย mustang
ผมก็คิดเหมือนกันครับพี่ เมื่อเช้าก็ตอดเพิ่มไปอีกหน่อย ถ้าไม่จ่ายเพิ่มเดี่ยวจะไปยกมือด้วยอีกคน แต่จริงๆผมอยากให้เพิ่มในส่วนรายได้ที่มาจากค่าเช่า และก็อยากจะให้เพิ่มในส่วนของยอดขายเคมีภัณฑ์ ที่มีอยู่เดิม ผมว่าตลาดเคมีภัณฑมันน่าจะมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งบริษัทใช้พนักงาน 119 คน ฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย 24 คน ยอดขายปีที่แล้ว700 กว่าล้านตกขายกันคนละ 30 ล้าน ผมว่าน่าจะเพิ่มบุคคลการในส่วนนี้ได้แล้วขายตลาดในสิ่งที่ตัวเองถนัด น่าจะดีกว่านะครับ
พี่ chatchai ว่าไงบ้างครับ

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 10:43 am
โดย akekarat
เห็นด้วยกับพี่ฉัตรชัยครับ ในสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้คิดจะซื้อหุ้นคืน ก็คงได้ไม่มาก ต่อให้ไม่เกี่ยงราคา ก็จะทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นเปล่า ๆ (กลายเป็นหุ้นดีราคาไม่ดีสำหรับ VI ไปซะฉิบ) ยิ่งการลงทุนในสภาวะแบบนี้ ถ้าไม่แน่จริงก็เหมือนเพิ่มความเสี่ยงซะเปล่า ๆ เพราะผมเชื่อว่าผู้ถือหุ้นหลาย ๆ คนก็มองออกว่า การที่ WG เอาเงินไปลงกับ เดอะ คอลัมน์ ที่ให้ผลตอบแทนประมาณ MLR นั้น (แค่พอใช้ ไม่ถึงกับดี) ก็เหมือนกับการมองว่า เส้นทางเรื่องการลงทุนเพิ่มจะเริ่มตันแล้วล่ะ

ดังนั้นถ้ากำไรปีนี้เพิ่มขึ้นและเงินสดมีมาก ๆ เหตุผลที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นการปันผลแก่ผู้ถือหุ้นบ้างแหละครับ ... 2.20-2.50 บาทต่อหุ้น ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับ WG ยิ่งถ้า XD แล้วราคาตกแบบที่ผ่านมาอีกละก็ หวานเลยครับ (เสียดายรอบที่ผ่านมาผมเงินหมดจริง ๆ :( เลยต้องมาเก็บเพิ่มแถว ๆ 30)

ว่าแต่นิดหน่อยที่ว่านี่ 600 หรือว่า 2400 ครับ คุณ mustang :lol:

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 4:51 pm
โดย chatchai
รายได้ค่าเช่าในครึ่งปีหลังคงจะเพิ่มขึ้นแน่นอนครับ เพราะที่คลังสินค้าที่บางนา ปีก่อนทาง Ford ได้คืนพื้นที่ครับ ทำให้รายได้ค่าเช่าลดลง

แต่ปีนี้เมื่อต้นปี ก็มีรายใหม่เข้ามาใช้พื้นที่แล้ว และช่วงไตรมาส 3 ก็น่าจะมีรายใหม่อีกรายมาเช่าพื้นที่ คงทำให้พื้นที่ให้เช่าเต็ม 100% ในช่วงไตรมาส 3 นี้

รวมทั้งผลขาดทุนจากแอมคอร์ที่ทาง WG จะไม่ต้องรับรู้เพิ่ม ในขณะที่ปีก่อนต้องรับรู้จำนวนมากทีเดียว (ทั้งปีเกือบ 1 บาทต่อหุ้น)

ผมว่ายังไงปีนี้กำไรสุทธิของบริษัทก็คงเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งก็รวมทั้งเงินปันผลด้วย

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 5:20 pm
โดย mustang
พี่ chatchai ครับ แล้วเรื่อง อาคารสำนักงานที่ให้เช่านะครับ ทางผู้บริหารน่าจะมีมาดตาการเชิงรุกในการหาผู้เช่าเพิ่มให้เต็มพื้นที่เช่านะครับ ผมมองว่ามีค่าเสียโอกาสเยอะครับ และก็ ในเรื่องยอดขายของกลุ่มเคมีภัณฑ์ สาเหตุที่ยอดขายเติบโต ไม่มากมาจากอะไรคับ กำลังซื้อลดลง หรือ กำลังซื้อมากขึ้นแต่ซื้อกับบริษัทอื่นมากขึ้น ผมมองว่าตลาดกำลังซื้อน่าจะยังมีอยู่ และบริษัทก็มีเงินสดมากพอ ถ้าจะลงทุนน่าจะลงทุนในกิจการที่ตนเองถนัดและทำอยู่ก็คือเคมีภัณฑ์ ฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย ยี่สิบก่ว่าคน
ทำงานเต็มที่ประสิทธิภาพแล้วหรือไม่ ถ้าเติมแล้วน่าจะมีการเพิ่มบุคคคลากรหรือเพิ่ม
ช่องทางการขายให้มากขึ้น เป็นต้น คล้ายกับว่า แทนที่จะใช้แหจับปลาในทะเลคุณกลับใช้เบ็ดแทนซะนี่
เป็นแค่ความเห้นส่วนตัวนะครับ อาจผิดก็ได้

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 8:11 pm
โดย chatchai
ผมว่ายอดขายของบริษัทก็เติบโตพอประมาณนะครับ

ไตรมาสแรกของปี 48 มียอดขายจำนวน 209.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.61% จาก 164.17 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปี 47

เรื่องการลงทุนในกิจการเคมีภัณฑ์อื่นนั้น ผมว่าสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้คงหาลำบากครับที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี

เรื่องการเพิ่มพนักงานขายและช่องทางการขายนั้น ก็เป็นความคิดเห็นที่ดีครับ

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 8:25 pm
โดย ปรัชญา
:mrgreen: มาอ่านด้วยยคนครับ

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 6:50 pm
โดย mustang
ทำไมผม search กระทู้ที่เกี่ยวกับ WG ไม่มีเลยอะครับ เกิดไรขึ้นหรือครับ

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 8:57 pm
โดย chatchai
ผมไม่ได้ติดตามราคาเม็ดพลาสติกเลยครับ ไม่ทราบว่าขึ้นลงเท่าไรแล้ว

เท่าที่ผมดูงบแอมคอร์ งวดสิ้นปี สิ้นสุด มิ.ย. 47 นะครับ

บริษัทมีค่าใช้จ่าย 2 รายการที่สามารถลดได้ คือ

1. ค่าธรรมเนียมทางเทคนิค ที่ทางแอมคอร์ ประเทศไทยต้องจ่ายให้ทาง ออสเตรเลีย ( ในปี 47 จ่ายถึง 17.68 ล้านบาท) ซึ่งทาง กรรมการผู้จัดการของ WG บอกว่ากำลังเจรจาเพื่อลดค่าธรรมเนียมอยู่

2. จากที่บริษัทมีหนี้ประมาณ 181.84 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีดอกเบี้ยจ่ายในปี 47 จำนวน 12.21 ล้านบาท ซึ่งถ้ามีการเพิ่มทุนแล้วนำเงินไปชำระหนี้ บริษัทก็จะไม่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย แต่ผมว่าผู้ถือหุ้น WG อาจจะไม่ชอบนัก

ค่าใช้จ่ายทั้งสองรายการรวมกันก็ 29.89 ล้านบาทแล้วครับ ซึ่งในงวดปี มิ.ย. 47 บริษัทขาดทุน 13.60 ล้านบาทครับ

ส่วนที่ทำให้ผมไม่หนักใจ แอมคอร์มากนักก็คือ

1. เรื่องสภาพคล่อง ถึงแม้บริษัทจะมีผลขาดทุน แต่ก็เนื่องจากบริษัทมีค่าเสื่อมราคาในแต่ละปีสูงถึงเกือบ 40 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทจึงยังคงพอมีสภาพคล่องเหลือพอที่จะดำเนินธุรกิจได้

2. ส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทในงบ มิ.ย. 47 ยังคงมีเหลือถึง 152.80 ล้านบาท

3. และจากมุลค่าเงินลงทุนในบริษัทแอมคอร์ที่เหลืออยู่ในงบ WG เหลืออยู่ไม่มาก ดังนั้นผลขาดทุนของแอมคอร์ในอนาคตก็จะไม่กระทบต่องบการเงินของ WG แล้ว

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 05, 2005 11:01 am
โดย mustang
พี่ chatchai ครับ ทำไมบริษัท ยังทู่ซี้ทำต่อละครับ ในเมื่อ แอมคอร์ขาดทุนมาตลอด
และในอนาคตก็ไม่น่าที่จะทำกำไรได้มาก น่าจะได้แค่ประคองตัวไปเรื่อยๆ ในที่ประชุมผู้ถื่อหุ้นมีใครถามไหมครับ ว่าผู้บริหารคิดอย่างไร
ปล . ผมเพิ่งเริ่มสนใจหุ้นตัวนี้ไม่นานนะครับ ไม่ทันประชุม่ผู้ถื่อหุ้นนะครับ

ข่าวนี้กระทบ WG กับธุรกิจนำเข้าอื่นๆ ไหมครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 05, 2005 2:51 pm
โดย chatchai
เรื่อง แอมคอร์ เป็นประเด็นซักถามรองจากเงินปันผลครับ

ผู้บริหารเองในปีนี้ก็จะมีศึกษาเพื่อการวางแผนและปรับกลยุทธของแอมคอร์ใหม่ครับ

คงต้องรอดูว่าจะมีแนวทางปรับปรุงอย่างไร