Thai VI

TheDoc. เขียน:ทำไมมีแต่คนมองว่าการปล่อยลอยตัวน้ำมันดีเซลเป็นปัญหาแทนที่จะมองว่าเป็นการแก้ปัญหา ไม่อย่างนั้นนายกรัฐมนตรีจะทำไปทำไม

แต่สิ่งที่ผมสนใจคือเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกทางหรือเปล่า

พี่ๆท่านใดมองภาพรวมออกบ้างครับว่าผลจะเป็นยังไงในอีก 5 ปี จากนี้

ผมก็เห็นดีด้วยคนครับ

1.ค่ารถโดยสารจะได้ปรับค่าโดยสารขึ้นในไม่นาน
2.ข้าวแกงก็คงขึ้นราคา สมัยก่อนเขาเปรียบไข่ไก่ชวน ไข่ไก่บิ๊กจิ๋ว มาเจอไข่ทักษิณ2บาทกว่า อนาคตคงได้กินไข่ดาวฟองละ10บาท
3.สินค้าทุกอย่างก็จะทยอยขึ้นราคาแบบบ้าๆบอๆ
4.ค่าครองชีพ จะถีบตัวถีบหัวส่งล่ะครับ
และอื่นๆอีกมากมาย
ดีครับดี ดีกับคนที่รวยไม่เดือดร้อน
ไม่ดีกับคนหาเช้ากินค่ำ กรรมกร ชนชั้นล่างหาเช้ากินค่ำ
ดูกันไปเรื่อยๆก็จะรู้ว่า...สวรรค์บนหน้า หลบตากันทำไม

ผมมองว่าการไม่ลอยตัวดีเซลตั้งแต่ 2 ปีก่อนคือปัญหา

เรื่องมันเศร้า แอบรักเขาข้างเดียว

ถ้าสภาพโดยรวมของประเทศดี ส่งออกเกินดุล ไม่ขาดดุลหนึ่งพันล้านยูเอสดอล ก็ดีอย่างมากมาก และไม่มีการ ขอรับชั่น แบบหน้าหนึ่งประกาศบน นสพ จะทำให้เงินในคลังมีมากกว่านี้
เม็กกะโปเจ๊ก ที่อาจเปลี่ยนชื่อเป็นเม็กกะโปแจก ทำได้อยู่แล้วถ้าไม่มีการ ขอรับชั่น

ประชาชนมีรายได้ดี ไม่มีหนี้นอกระบบ ไม่มีเเชมป์เปี้ยนบัตรเครดิตมากว่าสิบใบ เคยได้ยินว่ามีสูงสุดยี่สิบเอ็ดใบหรือยี่สิบสี่ไม่แน่ใจ หนาวเลย ง่ายๆเอาวงเงินใบละห้าหมื่น ยี่สิบใบ หนึ่งล้านบาท ถ้ารูดแล้วไม่จ่ายนะเหมือนเปิดฝาเงินล้านโออิชิเลย น่าชักดาบ หรือบอกประนอมหนี้จ่ายแค่ครึ่งเดียว แหะๆน้องๆที่โรงงานผมทำอยู่ด้วย และรูดกันให้ลืมบ้านเลขที่ สุดท้ายจ่ายไม่ทัน ต้องปล้นแบงค์ ขายยาม้า ก็ดี รูดบัตรเพียงไม่นานมันก็ทบต้นเหมือนเล่นหุ้นที่ปันผลงามๆ เหมือนเพื่อนผมเลย ฟังแล้วกลุ้มเลย ไม่รู้ว่าจะโดนทวงเงินด้วยมีดหรือปืน

คนจนก็ต้องเปลี่ยนคำนิยามใหม่เพราะมีจนยิ่งกว่าจนอีก ข้าวราดแกงจานละยี่สิบบาทจะหมดไป ต้องอัพเป็นสามสิบบาทอย่างต่ำ
เหนื่อยใจจังเลย

อานาคิน เปลี่ยนเป็น ดากเวเดอร์ แย้ว

ผมเห็นด้วยกับคุณ CK ครับ
ว่าการไม่ยอมรับว่ามีปัญหา คือ ปัญหา

ค่ารถเมย์ขึ้นจาก 4 บาทเป็น 5 บาท รัฐ
จาก 5 เป็น 6 เอกชน

ก๊วนเตี๋ยวข้างบ้านจานละ 25 บาทเท่าเดิม

หมูกิโลละ 120 บาท แล้วแต่เนื้อ

CK เขียน:ผมมองว่าการไม่ลอยตัวดีเซลตั้งแต่ 2 ปีก่อนคือปัญหา

เห็นด้วยครับ ...............

ปัญหาของการไม่ยอมลอยตัวแต่แรกได้แก่

1. คนทั่วไป ไม่สำนึกถึงราคาจริงของราคาน้ำมันที่แท้จริง ทำให้ไม่ได้ลดการใช้น้ำมัน ทำให้การนำเข้าเป็นมูลค่าสูง ขาดดุลการค้าเพิ่ม และมีหนี้กองทุนน้ำมันบานเบอะ

2. การค่อยๆขึ้นน้ำมัน กั๊กๆ ถูๆไถๆไปเรื่อยๆ ทำให้ของแพงขึ้น หลายรอบ เป็นเรื่องทางด้านจิตวิทยา แต่เรื่องนี้ ว่าเค้าไม่ได้เพราะตอนแรกผมเชื่อว่ารัฐบาลมองว่าน้ำมันจะขึ้นชั่วคราว คงไม่คิดว่าจะขึ้นยาว จึงคิดว่าตะตรึงราคาชั่วคราว แต่ผมว่าที่ผิด คือ ไอ้ช่วงก่อน เลือกตั้ง เรื่อยมาจนช่วงนี้ ก็รู้ทั้งรู้ว่าต้องลอยแล้วชัวๆ ... แต่ว่ากลัวชาวบ้านว่า เลือกประชานิยม ไม่เลือกความถูกต้อง ผมมองว่าการที่รัฐบาลทำแบบนี้ เงินจะเฟ้อมากกว่า การลอยตัวทีเดียว

คนใช้น้ำมันเบนซินจ่ายให้คนใช้ดีเซลมานานแล้วไม่ใช่หรือครับ

ผมว่าโครงสร้างมันผิดแต่ต้น ทำให้คนหันมาใช้รถเครื่องดีเซลกันเยอะ

ยิ่งทำให้อุปสงค์ดีเซลสูงเข้าไปอีก

โตโยต้าคงเห็นปัญหานี้ .. เลยออกเครื่องเบนซิน 2.7 เผื่อไว้
ในขณะค่ายอื่นยังเพลินในการทำเครื่องดีเซล

ที่ขึ้นนี่ก็ไม่ใช่ว่าขึ้นเลยนะครับ มันขึ้นแบบมีเงื่อนไขต่างหาก

CK เขียน:ผมมองว่าการไม่ลอยตัวดีเซลตั้งแต่ 2 ปีก่อนคือปัญหา

ถูกต้องและตรงประเด็นครับ

CK เขียน:ผมมองว่าการไม่ลอยตัวดีเซลตั้งแต่ 2 ปีก่อนคือปัญหา

ถูกต้องคร๊าบๆๆๆๆๆๆๆ

ใช่เลย

โดนเลย
...

...

...

จริงๆแล้วถ้าเราพูดว่าการตัดสินใจเมื่อ 2 ปีก่อนเป็นความผิดโดยมองจากเวลาปัจจุบัน ผมว่าออกจะเป็นการกล่าวโทษรัฐฯมากเกินไปอยู่ซักหน่อย เพราะหากปรากฎว่าราคาน้ำมันเกิดเพิ่มขึ้นเพียงชั่วคราวแล้วกลับลงมา(ซึ่งเคยเกิดขึ้น) สิ่งที่เกิดขึ้นคือราคาสินค้าผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อโดยทันที ผมจึงมองว่าการตัดสินใจของรัฐฯในเรื่องนี้น่าจะเป็นการคาดการณ์พลาดมากกว่าเป็นความผิดนะครับ แต่แม้จะเป็นการคาดการณ์พลาดก็ย่อมหลีกหนีความผิดและหนีการตกเป็นจำเลยไม่ได้อย่างแน่นอน

วันที่ท่านนายกออกมาบอกว่าจะตรึงราคาน้ำมันเมื่อสองปีก่อน
ผมก็บอกเลยว่าไม่ถูกต้อง และจะพาเศรษฐกิจประเทศไทยลงเหว
ถ้าไม่รีบปล่อยลอยตัวโดยเร็ว

เพราะ

1. ทำให้ consumption ของน้ำมันไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
2. ก่อหนี้โดยไม่จำเป็น
3. ซุกขยะใต้พรม
4. เป็นการ bet against commodity price เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุด
5. ทำให้มีกลุ่มบุคคลได้รับผลประโยชน์มหาศาล
6. เป็นการบิดเบือนกลไกเศรษฐกิจ

ผมมองว่าคล้ายกับตอนตรึงค่าเงินบาท แต่ระยะเวลาจะยาวนานกว่า

พูดกับใคร ก็ไม่มีใครเชื่อ มีแต่คนเห็นว่า รัฐบาลทำถูกแล้ว

คาดการณ์พลาดเป็นความผิดครับ ของบางอย่าง ไม่ควรคาดการณ์
ไม่งั้นจะมีคำว่า act of God เหรอครับ (force majeur)

สิ่งที่ไม่ควรคาดการณ์คือ ราคาสิ้นค้า commodity และอัตราแลกเปลี่ยน
ควรปล่อยให้เป็นกลไกการตลาดโดยสมบูรณ์ เพราะไม่มีใครรู้อนาคต

เจ๊งมาเท่าไหร่แล้วครับ ยังไม่เข็ดกันเสียที

ที่สำคัญคือ ตอนนี้ ... เห็นว่าที่ผ่านมาผิด ยังทุเรียน ทำเหมือนเดิมอีก ... สรุปดีเซลราคาเท่าเดิม ... แต่กองทุนน้ำมันไม่ต้องรับ ไม่เก็บภาษีแทน ... กระเป๋าซ้าย กระเป๋า ขวา ... มันก็เหมือนกันแหละ

ทำไมไม่ทำให้ถูกซะที .....

เจ๊งมาเท่าไหร่แล้วครับ ยังไม่เข็ดกันเสียที

แล้วจะหาคนมาจ่ายอีก แสนแปด....หมื่น...ล้านบาท หรือเปล่า
ใครจะเป็นผู้โชคดี หุหุ
กำลังเป็นรับสมัครหรือเปล่าหนอ

ที่ไม่กล้าขึ้นราคาเมื่อก่อน
เหตผลอยากเป็นรัฐบาล2สมัย