Thai VI

โดยสหรัฐ ยื่นข้อเสนอหลักให้เปิดเสรีธุรกิจทางการเงิน

เรื่องนี้ แบค์ชาติและกลุ่มธนาคาร สถาบันการเงิน ออกโรงมาคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า หากเปิดแล้ว ธุรกิจสถาบันการเงินในไทย ไม่มีอำนาจเม็ดเงินทุนสามารถมาทำการแข่งขันได้

ท่านนายก ก็ออกมาพูดหากเปิดแล้วเสียเปรียบก็จะไม่เปิด แต่ผมว่านะ เราจะโดนแรงบีบกดดัน เหมือนทุกๆครั้งที่ดึงเราไปเป็นแนวร่วมได้ทุกๆเรื่อง

ท่านเห็นด้วยหรือไม่ครับ ที่จะเปิดเสรี ธุรกิจสถาบันการเงิน FTA ไทย-สหรัฐ

สิ่งที่สหรัฐต้องการจากไทยมากที่สุด น่าจะเป็นเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา

วันก่อนผมได้ฟังรายการวิทยุรายการหนึ่ง เค้าพูดถึงตอนที่ พอล ครุกแมน มาเมืองไทย มีคนถาม มร.พอล ว่า มีความเห็นเกี่ยวกับ FTA ไทย-สหรัฐ อย่างไรบ้าง

มร.พอล ตอบอย่างนี้ครับ "ผมไม่ทราบรายละเอียดครับ แต่บอกได้แค่ว่า ที่ผ่านมาสหรัฐไม่เคยทำ FTA กับชาติไหนแล้วเสียเปรียบเลย ยกเว้นแต่แคนาดาประเทศเดียวเท่านั้น"

สั้นๆ แต่ได้ใจความดีครับ 8)

ตอนหนึ่งของความเห็นของดร.ฉลองภพ สุสังกรกาญจน์


- ในครึ่งปีหลังนี้มีปัจจัยทางเศรษฐกิจอะไรที่น่าจับตามองบ้าง ?

ปัจจัยหนึ่งที่ต้องตามดูตอนครึ่งปีหลังคือเรื่อง การส่งออก ที่มีมูลค่าค่อนข้างต่ำในไตรมาสแรก

***** ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่เพราะไทยไม่มีโอกาสหรือความสามารถในการส่งออก แต่เป็นเพราะโดนประเทศอื่นฉวยโอกาสไปก่อนและเราเองยังฉวยโอกาสได้ไม่เท่ากับประเทศอื่น ******

*****ตัวเลขที่เห็นชัดคือ การค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ซึ่งออสเตรเลียเริ่มทำเอฟทีเออย่างจริงจังตั้งแต่ต้นปี ทำให้ภาษีของสินค้าหลายตัวเริ่มลดลงไป โดยการส่งออกของไทยไปออสเตรเลียขยายตัวแค่ 20% แต่ออสเตรเลียส่งออกมาไทยขยายตัวถึง 100% **********


******เช่นเดียวกับไทย-จีน ที่ในไตรมาสแรกไทยส่งสินค้าออกไปจีนขยายตัว 14% ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาบางครั้งไทยส่งออกไปจีนขยายตัวเกินกว่า 50% ด้วยซ้ำ ในขณะที่การส่งออกของจีนมาไทยกลับขยายตัว 40% และยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้น ส่วนไทยไปจีนแนวโน้มลดลง เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องตามดู *******


- หมายความว่าการดำเนินการเรื่องเอฟทีเอของไทยช้าเกินไป ?

**** ผมคิดว่าประเด็นหนึ่งที่สำคัญก็คือ เวลาเจรจาเอฟทีเอเราอาจจะทำการบ้านน้อยเกินไปตั้งแต่ต้น *****
คือไม่ได้เป็นยุทธศาสตร์ร่วมกันระหว่างรัฐ เอกชนไทยและเอกชนต่างประเทศที่อยู่ในไทย คือต้องมีการมาคุยกันว่าใครต้องการอะไร อย่างไรบ้าง ถ้าได้ตามนั้นก็ลุยเลย และที่ผ่านมาเอกชนต่างประเทศที่อยู่ในไทยจะมีบทบาทค่อนข้างน้อย ซึ่งที่จริงไทยต้องรู้ความต้องการของกลุ่มนี้ เพื่อที่จะได้ให้เอกชนต่างชาติใช้ฐานการส่งออกที่มีอยู่ในไทยส่งออกไปได้มากๆ



ยิ่งทํายิ่งขาดทุนหรือเปล่าครับ FTA ................

เห็นด้วยกับคุณ LOSO

ทางการเปิด FTA ไปแล้วก็มาบอกว่าเอกชน ธุรกิจ ต้องปรับตัวให้ทันโลก ไม่งั้นเสียเปรียบ

ทำไมไม่เตรียมเอกชนเราให้พร้อมก่อนแล้วค่อยเปิดเสรี (ผมว่าประเทศคู่สัญญากับเราเค้าใช้วิธีนี้นะ เตรียมพร้อมแล้วค่อยออกรบ)

หรือว่าของเราถนัด Change management (ฟังดูดีนะ แต่ผมแปลเป็นไทยได้ว่า ขายผ้าเอาหน้ารอด )

สงสัยมานานแล้วครับ ไอ้ FTA เนี่ย
ถ้าฝ่ายนึงได้เปรียบ อีกฝ่ายต้องเสียเปรียบมั๊ยครับ
ถ้ามองว่าสหรัฐได้เปรียบชาติอื่นยกเว้นแคนาดา หมายความว่าชาติอื่นยกเว้นแคนาดาเสียสหรัฐรึเปล่า
มีแบบ win win มั๊ยครับ ... อยากรู้จิงๆ

**** ผมคิดว่าประเด็นหนึ่งที่สำคัญก็คือ เวลาเจรจาเอฟทีเอเราอาจจะทำการบ้านน้อยเกินไปตั้งแต่ต้น *****
คือไม่ได้เป็นยุทธศาสตร์ร่วมกันระหว่างรัฐ เอกชนไทยและเอกชนต่างประเทศที่อยู่ในไทย คือต้องมีการมาคุยกันว่าใครต้องการอะไร อย่างไรบ้าง ถ้าได้ตามนั้นก็ลุยเลย และที่ผ่านมาเอกชนต่างประเทศที่อยู่ในไทยจะมีบทบาทค่อนข้างน้อย ซึ่งที่จริงไทยต้องรู้ความต้องการของกลุ่มนี้ เพื่อที่จะได้ให้เอกชนต่างชาติใช้ฐานการส่งออกที่มีอยู่ในไทยส่งออกไปได้มากๆ


ผมว่าความข้างบนอาจารย์ฉลองภพ พูดไว้ชัดเจนมากครับ ..............

ถ้ายังเป็นแบบนี้ ผมว่าไม่ต้องไปทํามันหรอก FTA .............

ทํากับประเทศไหน ผู้ประกอบการในประเทศตายเกลื่อน .............

เจอข่าวพอดีเลยครับ

********************

ถกเอฟทีเอ-ไทยสหรัฐส่อแววยุ่ง ทีมเจรจาต้องหารือครบ20สินค้า

โพสต์ทูเดย์ ทีมเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐ ออกมาย้ำการเจรจากับสหรัฐรอบที่ 4 ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ต้องถกครบทุกกลุ่มเจรจา ไม่เช่นนั้นสหรัฐอาจขอเลื่อน ระบุรัฐบาลต้องให้แนวทางก่อนถึงวันเจรจาอย่างน้อย 10 วัน

นายนิตย์ พิบูลย์สงคราม หัวหน้าคณะเจรจาการเปิดเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอไทย-สหรัฐอเมริกา พร้อมทีมเจรจาการค้าร่วมกัน กล่าวว่า ในการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐ ครั้งที่ 4 ซึ่งกำหนดไว้วันที่ 4 กรกฎาคมนี้ที่ประเทศสหรัฐ การเจรจาจะต้องประชุมทั้ง 20 กลุ่ม

ดังนั้น หากทางไทยจะขอแยก 4 กลุ่ม คือ 1.ทรัพย์สินทางปัญญา 2.การเงิน 3.แรงงาน และ 4.สิ่งแวดล้อม ออกมาก่อนไม่ได้ ซึ่งเรื่องจะต้องหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอท่าทีจากรัฐบาลเพื่อนำไปเจรจากับทางสหรัฐ ในการหารือเพื่อขอท่าทีรัฐบาล คงต้องให้คำตอบคณะเจรจาก่อนถึงกำหนดเจรจาอย่างน้อย 10 วัน เพื่อเตรียมข้อมูลเอกสารนำไปเจรจา ภายใต้แนวทางผลการเจรจาต้องยุติธรรมเท่าเทียมกัน

ด้านความคืบหน้า การเปิดเจรจาการค้าเสรีไทย-อินเดีย นั้น นายชนะ คณารัตนดิลก รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 3-6 มิถุนายนนี้ ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางไปเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ ซึ่งหนึ่งในวาระที่จะหยิบยกขึ้นหารือคือ การผลักดันให้อินเดียเดินหน้าเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับไทย หลังหยุดเจรจามาหลายเดือน

ทั้งนี้ คาดว่าภายในประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ การเจรจาเอฟทีเอไทย-อินเดีย จะเริ่มต้นขึ้นใหม่ในรายการสินค้าที่เหลืออยู่ทั้งหมดประมาณ 5,000 รายการ หลังจากที่ได้ลดภาษีสินค้านำร่องกัน ไปแล้ว 82 รายการ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2547 โดยทั้ง 2 ประเทศจะแลกเปลี่ยนรายการสินค้าอ่อนไหวระหว่างกัน หลังจากที่อินเดียขอชะลอ การแลกเปลี่ยนรายการสินค้าดังกล่าวมาแล้วถึง 2 ครั้ง เพราะเกรงว่าการทำเอฟทีเอกับไทยจะยิ่งทำให้อินเดียเสียเปรียบ และขาดดุลการค้าไทย มากขึ้น คาดว่าการเจรจาลดภาษีสินค้าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้

First Sign หนี้ครัวเรือน ออกอาการไปก่อนแล้ว

Second sign FTA เริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว

ธุรกิจเล็กๆ คงจะเริ่มตายเพราะ FTA ครึ่งหลังของปีนี้

ตอนนี้รอดอกเบี้ยขึ้น

หนี้เสียครัวเรือนก็จะกระฉูด

วันไหนที่พันธบัตรที่รัฐออกมาจุนเจือ mega projects ขายไม่ได้หรือไม่หมด

ก็เตรียมใจไว้ได้เลย

เจ็บแน่ๆ

นี่ยังไม่นับปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อีกนะ เช่น น้ำมัน จีนปะทะสหรัฐฯ สงคราม
สึนามิ ก่อการร้ายภาคใต้ ฯลฯ

แค่ปัจจัยภายในที่รบ. "คุมได้" ก็เสี่ยงสูงมากๆ แล้ว