Thai VI

25 พฤษภาคม 2548

THAI320 VI Index ปิดหลุด 1,000 จุด
แต่ SET100 Index ไม่หลุด 1,000 จุด

ที่ SET100 Index ไม่หลุด 1,000 จุดเพราะถูก Big caps พยุงไว้
ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็น supper big caps เป็นส่วนใหญ่บวก
เช่น... PTT PTTEP TOP BANPU

จำได้ไหม ที่เคยนำเสนอไว้ ?

NASDAQ Index ขึ้น..... หุ้นไทยตก
NASDAQ Index ตก..... หุ้นไทยขึ้น...... เช่นวันนี้เป็นต้น(เมื่อคืน NASDAQ ตก)

เป็นจริงประมาณ 70-80%

8)

TVI320 Index เมื่อวาน(26 พฤษภาคม 2548)

ยังปิดต่ำกว่า 1,000 จุดอยู่ ยังไม่สามารถขึ้นเหนือ 1,000 จุดได้

แต่ SET100 Index ยังยืนเหนือ 1,000 อยู่ได้

หมายเหตุ
TVI320 Index และ SET100 Index เกิดวันเดียวกันที่ 29 เมษายน 2548
ที่ระดับ 1000 จุดเท่ากัน

8)

ถ้าเลือกหุ้นด้วยแนวทางเน้นคุณค่าจริงๆ ผมว่าดัชนีจะไม่หลุด 1000 จุดครับ
เชื่อว่าผลตอบแทนน่าจะเหนือกว่าดัชนีตลาด ท่านดัชนีไทยเลือกหุ้น 320 ตัวด้วยวิธีตัดราคาสูงและต่ำออก ยังไม่สะท้อนวิธีการลงทุนแบบเน้นคุณค่านะครับ

เห็นท่าน CK เกริ่นๆไว้ ว่าจะลองทำดัชนีอีกซักครั้ง...

ไม่ใช่ duchanee ครับ คุณ J

เขาเรียก Performance Benchmark ครับ

เป็นมาตรวัดผลตอบแทนการลงทุนแบบเน้นคุณค่าโดยเฉลี่ยครับ

กำลังจะเสร็จแล้วครับ ตอนนี้ดำเนินการด้านเทคนิกอยู่

กำลังหาวิธีให้คนช่วยกันโหวตหุ้นที่ represent Value Investment
อยู่ครับ

CK เขียน:ไม่ใช่ duchanee ครับ คุณ J

เขาเรียก Performance Benchmark ครับ

เป็นมาตรวัดผลตอบแทนการลงทุนแบบเน้นคุณค่าโดยเฉลี่ยครับ

กำลังจะเสร็จแล้วครับ ตอนนี้ดำเนินการด้านเทคนิกอยู่

กำลังหาวิธีให้คนช่วยกันโหวตหุ้นที่ represent Value Investment
อยู่ครับ

เอาใจช่วยครับ

100 คน 100 หุ้นมีหุ้นถึง 68 ตัวแล้ว

CK เขียน:ไม่ใช่ duchanee ครับ คุณ J

เขาเรียก Performance Benchmark ครับ

เป็นมาตรวัดผลตอบแทนการลงทุนแบบเน้นคุณค่าโดยเฉลี่ยครับ

กำลังจะเสร็จแล้วครับ ตอนนี้ดำเนินการด้านเทคนิกอยู่

กำลังหาวิธีให้คนช่วยกันโหวตหุ้นที่ represent Value Investment
อยู่ครับ

หลักการย่อๆเป็นอย่างไรครับ ?

อย่างของที่ผมทำนี่... ทุกคนทราบ
คือกลุ่มงราคาที่ตัดหัวตัดหางออก
แล้วเอาตรงกลางมา 320 ตัวมาเฉลี่ย
คล้าย DJIA30 และ NIKKE!225

หลักการเบื้องต้นเหมือน Nikkei225 ครับ

"In modifying the selection rules, Nikkei used input from the Index Committee, a closed group of academics and professionals formed to review the index. Revisions to the selection criteria led Nikkei to replace a relatively large number of issues in an effort to make sure the Nikkei average accurately reflected structural changes in industry and the stock market. Adherence to the principals governing calculation of the index ensures historical continuity -- one of the most important characteristics of the Nikkei Stock Average."

แต่แทนที่จะเลือกหุ้นที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ (เหมือน Nikkei กับ DJIA)
เราเลือกหุ้นที่คำนวณ intrinsic value แล้ว มี margin of safety สูง

ส่วนระยะเวลาในการรีวิวก็เหมือน Nikkei อีก คือมี 2 แบบ

แบบปกติ ปีละครั้ง
แบบวิสามัญ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น โดน T/O เป็นต้น

2-1. Major Points of Revision

The concepts of "Periodic Review" and "Extraordinary Review" were redefined, and timing for the reviews was changed. The primary purpose of the Periodic Review is to annually reconsider component issues from the standpoint of changes in the industrial and market structures. The Extraordinary Review is for deleting and adding components in response to extraordinary developments, such as bankruptcies or mergers.

เห็นตลาดหลักทรัพย์ ทำ WAI อยู่ไม่รู้เป็นไงนะคับ

จะออกรายงานเมื่อใดครับ

ย้อนหลังไปถึงวันที่ 29 เม.ย. เหมือน SET100 ไหมครับ

เริ่มต้นที่ 1000 เท่ากัน

jaychou เขียน:เห็นตลาดหลักทรัพย์ ทำ WAI อยู่ไม่รู้เป็นไงนะคับ

มันคืออะไรละครับ

ผมลอง test ดู โดยเลือกหุ้นที่คุยกันบ่อยๆ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
ได้แก่ FANCY HMPRO PSL PTL SAFE SE-ED SNC TICON UMS WG
โดยให้วันที่ 29 เม.ย. 2548 เป็น 1,000.00 จุด

วันนี้ INDEX ปิดที่ 1,048.93 จุด

หันไปดู SET100 ปิดที่ 1,008.98 จุด

โอ้ ไม่เลว

นี่ขนาด PSL ลบกระหน่ำ มีผลต่อ index ถึง -15.53 จุดทีเดียว

อืมม์ top performer คือ SNC ตัวเดียวเลยนะเนี่ย มีผลต่อ index +35.58 จุด

ถึงไม่นับ SNC (แต่นับ PSL) ก็ยังบวก 13.35 จุด เก่งกว่า SET100 อยู่ดี

คณะกรรมการดัชนีฟังดูแล้วขลัง
หากมันเป็นดัชนีราคามันจะไม่อันตรายนัก
เพราะกลุ่มตัวเลขราคาจะเกิดการเบี่ยงเบนไม่มาก
อย่างเช่นเมื่อวานนี้.. EASTW แตกพาร์จาก 10 บาทเหลือ 1 บาท
ผมต้องเอา 10 ไปหารราคาวันก่อนหน้าแล้ว
แล้วก็มาปรับค่า constant
จึงค่อยคำนวณดัชนี

คำนวณมาเกือยเดือนมีหุ้นแตกพาร์มา 2-3 ตัวแล้ว
คนที่เข้าใจถึงการแตกพาร์จะทราบว่าจะทำให้ราคาเล็กลง
ยิ่งมีการแตกพาร์การเบี่ยงเบนยิ่งต่ำลง
แต่การแตกพาร์ไม่ทำให้มูลค่าตลาดลดลง.. เท่าเดิม

ไม่เหมือนกับดัชนีแบบมูลค่าตลาด... เลือกหุ้นมาโดยขาดความเข้าใจ
อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้....
เหมือนเมื่อปี 1999
อุตสาหกรรม hi-tech และ dot com ทำท่าจะเจริญ
ได้มีการเปลียนแปลงตัวหุ้น นำหุ้น hi-tech เข้าไปคำนวณดัชนี NASDAQ
(NASDAQ เป็นดัชนีมูลค่าตลาด)
เช่น MSFT (Micro soft) เข้าไปรวมในการคำนวณดัชนี
MSFT เป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูง(ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนสูงได้)
Hedge Fund ได้โอกาส ...รู้จัก Hedge Fund น้อยไป
มันไม่แยกหรอกว่าเป็นอเมริกา หรือไม่ใช่อเมริกา
มันกระชาก NASDAQ จากระดับ 2,000-3,000 จุด ไปถึง 5,047 จุด
จากนั้นก็ทุบลงอย่างรุนแรงถึง 1,114 จุด ในอีก 2-3 ปีถัดมา ตกลงถึง 78%

แล้ววิกฤติก็เข้าครอบงำสหรัฐทั่วประเทศ
ค่าเงินเหรียญพ้งพาบมาถึงทุกวันนี้ - 39% เมื่อเทียบ EUR และ YEN
ดอกเบี้ยก็โหม่งโลกเช่นกัน
FED FUND RATE ตกจาก 6% เหลือ 1.00 - 1.50% อยู่ 2-3 ปี

CK เขียน:ผมลอง test ดู โดยเลือกหุ้นที่คุยกันบ่อยๆ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
ได้แก่ FANCY HMPRO PSL PTL SAFE SE-ED SNC TICON UMS WG
โดยให้วันที่ 29 เม.ย. 2548 เป็น 1,000.00 จุด

วันนี้ INDEX ปิดที่ 1,048.93 จุด

หันไปดู SET100 ปิดที่ 1,008.98 จุด

โอ้ ไม่เลว

นี่ขนาด PSL ลบกระหน่ำ มีผลต่อ index ถึง -15.53 จุดทีเดียว

อืมม์ top performer คือ SNC ตัวเดียวเลยนะเนี่ย มีผลต่อ index +35.58 จุด

ถึงไม่นับ SNC (แต่นับ PSL) ก็ยังบวก 13.35 จุด เก่งกว่า SET100 อยู่ดี

มันต้องเริ่มต้นที่ 1,000 จุดเท่ากัน ในวันที่ 29 เมษายน 2548
จึงควรจะนำดัชนีมาเปรียบเทียบกันได้

ของเราก็ไม่ใช่ดัชนีราคาครับ และไม่ใช่ market capitalization
แต่เป็น individual divisor สำหรับหุ้นแต่ละตัวเลย

การแตกพาร์จะไม่มีผลใดๆ กับดัชนีแต่ประการใด คือแตกหรือไม่แตก ค่าเท่ากัน
เช่น 45 ที่พาร์ 10 กับ 4.5 ที่พาร์ 1 ก็ได้ค่าเดียวกัน

ก็เริ่มที่ 29 เม.ย. เป็น 1,000 จุดแล้วไงครับ

ผมลอง test ดู โดยเลือกหุ้นที่คุยกันบ่อยๆ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
ได้แก่ FANCY HMPRO PSL PTL SAFE SE-ED SNC TICON UMS WG
โดยให้วันที่ 29 เม.ย. 2548 เป็น 1,000.00 จุด

CK เขียน:ก็เริ่มที่ 29 เม.ย. เป็น 1,000 จุดแล้วไงครับ

เห็นแล้วครับ

ใช้หุ้น 10 ตัว หรือครับ ?
หรือใช้หุ้นทั้งหมกี่ตัว ?

คือค่อนข้างงง
performmance ก็เป็น index อย่างหนึ่ง เรียก performance index
มันต้องมีฐาน แล้วเราเอา individual divisor ไปหารอะไรครับ

หากเอาไปหารราคา.. ก็เป็นดัชนีราคา
หากเอาไปหารมูลค่าตลาด.. ก็เป็นกัชนีมูลค่าตลาด

ทำดังนี้ครับ สมมุติว่ามีหุ้น 3 ตัว (เพื่อความง่าย)

ณ วันที่ 29 เม.ย. 2548

หุ้น A ราคา 10 บาท
หุ้น B ราคา 15 บาท
หุน C ราคา 2 บาท

คำนวณ divisors เริ่มต้น ได้

A = 0.03000
B = 0.04500
C = 0.00600

เมื่อเอาราคาหุ้นวันตั้งต้นหาร divisor ของแต่ละตัว แล้วบวกกัน จะได้

10/0.03 + 15/0.045 + 2/0.006 = 1,000.00 พอดี

ต่อมา วันนี้

หุ้น A ราคา 12 บาท
หุ้น B ราคา 13 บาท
หุน C ราคา 2.3 บาท

จะได้ 12/0.03 + 15/0.0045 + 2.3/0.006 = 1,072.22

เทียบง่ายๆ คือ ถ้ามีเงินต้น 3 ล้านบาท กระจายซื้อหุ้น A,B และ C ตัวละ 1 ล้านบาท
ณ วันที่ 29 เม.ย. มูลค่าพอร์ตปัจจุบันจะเป็น 3,000,000 * 1,072.22 / 1,000.00

คำนวณ divisors เริ่มต้น ได้

A = 0.03000
B = 0.04500
C = 0.00600

คำนวณอย่างไรครับ

สมมุติว่าหุ้นเพิ่มมาเป็น 4 ตัว
หรือหุ้นถูกลดไปเหลือ 2 ตัว
ก็ต้องคำนวณหา divisor เริ่มต้นใหม่ใช่ไหมครับ

จะได้ 12/0.03 + 15/0.0045 + 2.3/0.006 = 1,072.22

อันนี้ถูกหรือเปล่าครับ

indexthai เขียน:คำนวณ divisors เริ่มต้น ได้

A = 0.03000
B = 0.04500
C = 0.00600

คำนวณอย่างไรครับ

ผมเข้าใจแล้วครับ
โดยค่าดัชนีเริ่มต้นที่ 1,000

มันเป็นดัชนีราคาครับ
เป็น price weighted index

"ดัชนีผลงานการสร้างความมั่งคั่งเพิ่มแก่ผู้ถือหุ้น"

(Wealth Added Index - WAI)

โดยเจ้าของแนวคิด
Professor Joel M. Stern, Columbia University

และการเสวนาหัวข้อ "แนวทางการสร้างความมั่งคั่งเพิ่มแก่ผู้ถือหุ้น"

วันจันทร์ ที่ 30 พฤษภาคม 2548 เวลา 8.00-11.30 น.
ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 3
จัดโดย: ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ บริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) และวิทยาลัยการจัดการ ม.มหิดล

การสร้างความมั่งคั่งให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเป้าหมายสำคัญของผู้บริหารระดับสูงทุกบริษัท การบริหารจัดการองค์กรและการวางแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ ล้วนเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เป้าหมายดังกล่าวประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ การวัดผลงานที่ดีควรสะท้อนทั้งผลตอบแทนรวม ขนาดของทุนทรัพย์ที่ใช้ และระดับความเสี่ยงด้วย

กำหนดการ
8:00 - 8:30 ลงทะเบียน
8:30 - 9:20 แนวคิดการสร้างความมั่งคั่งเพิ่มแก่ผู้ถือหุ้น
โดย Professor Joel M. Stern
Managing Partner, Stern Stewart & Co.
9:20 - 10:00 นำเสนอผลงานการสร้างความมั่งคั่งเพิ่ม (WAI) ของบริษัทจดทะเบียนฯ 150 บริษัท
โดย ดร. ชาญ สรณาคมน์
อาจารย์ - วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล
คุณวรชัย เตชะไพบูลย์
ที่ปรึกษา - Stern Stewart & Co.
10:00 - 10:20 รับประทานอาหารว่าง
10:20 - 11:20 เสวนาเรื่อง แนวทางการสร้างความมั่งคั่งเพิ่มแก่ผู้ถือหุ้น
โดย คุณอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล
รองประธานกรรมการบริหาร - บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด(มหาชน)
คุณอดิศร ธนนันท์นราพูล
รองกรรมการผู้จัดการ - บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์
คุณสุวิมล แก้วคูณ
หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการบริการลูกค้าและธุรกิจเครื่องลูกข่าย - บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
คุณวสันต์ ศิรประภาศิริ
ผู้อำนวยการวิชาการ และกลุ่มหลักสูตร - วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ดำเนินรายการโดย
คุณอโณทัย อดุลพันธุ์
ผู้จัดการสาขาประเทศไทย - บริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำกัด
11:20 - 11:30 สรุปและปิดการสัมมนา


copy มาฝาก