หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 5:03 pm
โดย ksnk
ประเทศจีนจะยังคงมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี ไปอีก 20-30 ปีข้างหน้า

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 7:10 pm
โดย yoyo
ไม่เชื่อครับ :x

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 8:49 pm
โดย miracle
มันเจริญเติบโตมาก ก็ต้องมีถดถอย
เป็นไปตามวัฏจักร

มีลาภก็เสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 9:40 pm
โดย สามัญชน
:lol: :lol: :lol: :lol:

ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ ไม่แน่
หรืออาจจะไม่ได้ตามเป้า

20 ปีค่อนข้างนานเกินไป เกินความสามารถของคนธรรมดาจะคาดการณ์

แต่ถ้า 5 ปี ผมว่ามีสิทธิเป็นไปได้สูงครับ โอกาสน่าจะถึง 60-70% ( กะๆเอาไม่มีที่มาที่ไป อิอิอิ )

:lol: :lol: :lol: :lol:

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 10:15 pm
โดย Stupid Buffalo
:shock: อืม ผมว่าค่อนข้างจะเป็นไปได้ยากนะครับ โอกาสจะเกิดฟองสะบู่แตกก็มีสิทธิเป็นไปได้นะครับ เคยอ่านหนังสือพิมพ์เจอว่ารัฐบาลจีนเองก็เอาเงินอุดธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อแล้วมีหนี้สูญมากเป็นหลักหลายล้านเหรียญสหรัฐเช่นกัน กิจการในจีนก็เยอะมากๆ ความเหลือมล้ำของความสามารถในแต่ละบริษัทมีเยอะครับ ถ้ารัฐบาลกลางไม่ระมัดระวังมีหวังสะดุดได้นะครับ อีกอย่างครับถ้าโตเร็วไปมันก็ไม่มีคุณภาพ เสี่ยงเอามากๆ ไม่เป็นไปตามธรรมชาติครับ :)

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 10:26 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ประเทศจีนจะยังคงมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี ไปอีก 20-30 ปีข้างหน้า
ใครพูดแบบนี้ครับ

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 10:48 pm
โดย สามัญชน
:lol: :lol: :lol: :lol:

ศาสตราจารย์ จัสติน ลิน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจจีน ณ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง

ก็พูดอย่างนี้ครับ

:lol: :lol: :lol: :lol:

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 10:50 pm
โดย น้ำเชี่ยว
ฟังดู ไม่น่าเป็นไปได้เลย อาจจะเป็นไปได้ในช่วงระยะแรกๆ
แต่อย่างว่าล่ะฮะ ในระยะยาวนี่มันคงเป็นไปได้ยากมาก
เห็นด้วยครับ มันย่อมมี วงจรcycle ของระบบทุกระบบ
จะให้โตต่อเนื่องเรื่อยๆไป มันคงไม่มีทาง

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 11:16 pm
โดย yoyo
1.09^20 = 5.6
1.09^30 = 13.3
อีก 20- 30 ปีข้างหน้าจีนจะโตเป็น 5.6-13.3 เท่าจากวันนี้ ...
เป็นไปได้มั๊ยหว่า ... ฟังแล้วยากอยู่นา
20-30 ปีมันนานเกินจะคาดเดาได้นะไปนะผมว่า ...
ใครจะรู้ตอนนั้นไทย เวียดนาม ลาวหรือพม่าอาจจะหใญ่ที่สุดก็ได้

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 11:27 pm
โดย สามัญชน
:lol: :lol: :lol: :lol:
ขออ้างอิงถึงบทความจาก HSBC Shipping Service Weekly Commentary เขียนไว้เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2548 โดยศาสตราจารย์ จัสติน ลิน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจจีน ณ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ซึ่งได้คาดการณ์ไว้ว่า ประเทศจีนจะยังคงมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 9 ไปอีก 20 ถึง 30 ปีข้างหน้า เหมือนกับที่ได้เคยทำได้ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา
รอดูครับ คนอาไร้คาดการณ์ไว้นานเหลือเกิน ถ้าเป็นจริงขึ้นมาตัวเองจะได้เห็นใหมน้อ....

:lol: :lol: :lol: :lol:

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 11:27 pm
โดย ManInBlack
จีน ทำสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้มามากมายแล้วครับ คนจีนเฉพาะที่อยู่ในประเทศจีนเองก็มากมายเป็นอับดับหนึ่ง ความน่าจะเป็นที่จะมีอัจฉริยะด้านต่างๆจึงสูงกว่าประเทศอื่น
ดูอย่างท่านเติ้งที่ไม่เลือกว่าแมวสีอะไรขอให้จับหนูได้เป็นพอ เพียงคำพูดประโยคนี้ก็ทำให้จีนสามารถอยู่ถ่วงดุลอเมริกามาจนทุกวันนี้ ขณะที่ประเทศอย่างโซเวียตหมดลายไปแล้ว
จีนยังมีอีก 2 ปัจจัยแฝงที่ไม่อาจคำนวณด้วยทฤษฏีทั่วไปได้ คือจำนวนประชากรจีนโพ้นทะเลซึ่งมีอยู่ทุกประเทศ และอยู่ในระดับที่มั่งคั่ง อีกปัจจัยคือความเป็นชาตินิยมของชาวจีน ซึ่งปัจจัยนี้ประเทศอย่างอเมริกาคงไม่สามารถเข้าใจได้ถึงแก่น

สรุปความเห็นของผมต่อประโยค
ประเทศจีนจะยังคงมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี ไปอีก 20-30 ปีข้างหน้า
ไม่สามารถเชื่อถือได้ครับ เพราะกฎส่วนตัวของผมมีว่า อย่าเชื่อคำพยากรณ์จำเพาะเจาะจงในระยะเวลาที่ยังแสนยาวไกล ผมเชื่อได้เพียงว่าอีก 20-30ปีข้างหน้าจีนจะยังคงความยิ่งใหญ่ไว้ได้ แต่ในระหว่าง 20-30ปีนี้จะราบรื่น 9% ทุกปี จำเพาะเจาะจงเกินไม่เชื่อครับ 8)

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 2:34 am
โดย jaychou
คนจีนไม่ใช่พวกชาตินิยมครับ ...ดูคนพูดเอาเถิด แซ่หลิน(林) ทำไมชื่อจัสติน(Justin)
<<<------ หมอนี่แซ่โจว (周) ยังชื่อเจย์(Jay) เล้ย

แม้จะเป็นจีนโพ้นทะเล แต่อยู่ประเทศไหนก็เป็นชนชาตินั้นครับ แม้เอาวัฒนธรรมจีนมาดำรงชีวิต แต่ก็ไม่อยากกลับไปพัฒนาประเทศจีน อ่านวรรณกรรมของจีนโพ้นทะเลอย่าง Joy Luck Club, อยู่กับก๋ง หรือ จดหมายจากเมืองไทย ..จะเข้าใจความคิดนี้

ปัจจัยนี้ลืมไปได้เลย ไม่ได้กลับไปพัฒนาชาติเหมือนพวกคนยิวหรอกครับ

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 4:36 am
โดย โป้ง
อยากที่จะเชื่อ น่าจะอธิบายเหตุผลทางเศษฐศาสตร์มาด้วยนะครับ

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 7:09 am
โดย por_jai
ManInBlack wrote:
ถ้าลมแรงพอ ไก่งวงก็บินได้
ถ้าคนจีนเยอะพอ จีนอาจครองโลกก็เป็นได้นา
คนจีนเหมือนเอเลี่ยน อยู่กะใคร กลมกลืนไปได้หมด
ยึดประเทศโดยไม่ต้องฆ่าฟัน
แต่ผมก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่า จะเติบโตต่อเนื่องได้ขนาดนั้น
มันผิดธรรมชาติ
ท่านดร.สอนบ่อยๆว่าดูได้5ปี ก็เก่งตายแล้ว...
แต่ผมชอบที่ท่านManInBlack เขียนไว้จัง คล้ายๆโคลงโลกนิติที่อ่านตอนเด็กๆ

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 10:44 am
โดย sombuak
สมัยที่ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตปีละ 7-8% ติดๆกัน ก็มีคนออกมาบอกว่าอีก 20 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 20 ของโลก ใหญ่กว่าอังกฤษอีกนะ

หลังจากนั้นก็ฟองสบู่แตกดังโพละๆๆ แมงเม่าตายเรียบ แมงโม้ก็หายจ้อย คราวนี้ก็มาฟอร์มเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนประเทศเท่านั้นแหละครับ

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 11:11 am
โดย CK
อีก 20 ปี เราขุดกระทู้นี้ขึ้นมาอีกที ดีไหมครับ

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 1:22 pm
โดย harry
อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน

แต่ผมคิดว่า จีนอาจทำได้ในช่วงหลายปีอันใกล้นี้ แต่ระยะยาวเชื่อว่ายาก เพราะหลายประเทศต้องปรับตัว รวมถึงอเมริกา ต้องกดดันจีนอย่างหนัก เพื่อแก้ปัญหาดุลการค้า และภายในของเขา

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 2:59 pm
โดย miracle
มันจะจริงหรือไม่ต้องดูอีก 20 ปี
แต่ตอนนี้ไม่เชื่อหรอก
เพราะว่า ทุก 10 ปี จะมีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น ในประเทศใดประเทศหนึ่ง
ซึ่งมันจะส่งผลต่อประเทศอื่นๆๆเป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆๆ

ขนาด คาดการณ์ 1 ปี ของโลก ยังทำไม่ได้เลย
เดี๋ยวคาดการณ์วันนี้ พรุ่งนี้ เจอเครื่องบินพุ่งชนตึกที่เมืองจีนอีกคราวนี้ ก็ต้องตกต่ำไปอีกหลายปีหรือเปล่าเนี่ย<<----อันนี้คิดเล่นๆๆ อยากซีเครียส

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 3:12 pm
โดย jaychou
อยากดังต้องกล้าทำนาย
ทายผิดก็ลืม ทายถูกก็ดัง
มีคนเสียตังมาฟังคุณพูด :lovl:
เดาๆไปเหอะ ..ดีกว่าอยู่เปล่าๆครับ

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 3:48 pm
โดย สุมาอี้
มีความเป็นไปได้ครับ

ตอนนี้จีนเติบโตด้วยการเป็นโรงงานอุตสาหกรรมของโลก เพราะค่าแรงต่ำ โดยเริ่มจากมณฑลทางฝั่งตะวันออกก่อนที่ติดทะเลก่อน พอพื้นที่แถบนี้เริ่มรวยขึ้น ค่าแรงจะแพงขึ้น ก็ค่อยสร้างถนนเข้าไปในชนบลฝั่งตะวันตกเพื่อเข้าถึงแหล่งที่ค่าแรงถูกกว่า ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถผลิตสินค้าราคาต่ำออกมาได้อย่างต่อเนื่อง ประมาณกันว่ายังทำแบบนี้อีกไม่ต่ำกว่า 20 ปีครับ

ประเทศนี้เคยปิดประเทศมานานมาก เปรียบเสมือนหลุมบนพื้นดินที่มีกำแพงกั้นไว้ไม่ให้น้ำท่วมเข้ามา วันดีคืนดีก็ทลายกำแพงอย่างสิ้นเชิง น้ำจึงไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว จึงโตติดต่อกันปีละ 10 หลายปี และจะโตต่อไปจนกว่าระดับน้ำจะเท่ากับพื้นที่รอบข้าง จะเอามาเปรียบกับประเทศอื่นที่ไม่เคยปิดประเทศเป็นเวลานานๆ ไม่ได้

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 11:38 pm
โดย ManInBlack
เก็บมาฝากครับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 93978.html

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 11:43 pm
โดย M149
ผมสงสัยอยู่ประเด็น ที่ว่าการขยายตัวมากขนาดนั้นเป็นเชิง Norminal Price หรือ Constant Price ซึ่งมันต่างกันมากเลยนะครับ เพราะหากเป็นการขยายตัวในรูปแบบแรกมีโอกาสเป็นไปได้ เนื่องจากการเติบโตแบบ Norminal Price คือการเติบโตที่รวมเอาการเพิ่มขึ้นของราคาเข้ามาด้วย และมีโอกาสเป็นไปได้สูงเนื่องจากประชากรมีจำนวนมากและมีอัตราการเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง อันเป็นผลผลักดันให้ระดับราคาสูงขึ้นซึ่งสงผลให้ GDP โตขึ้นได้เช่นกันเหมือนช่วงก่อนฟองสบู่เมืองไทยที่การเติบโตเป็นแบบNorminal อันมาจากการเพิ่มขึ้นของการเก็งกำไรที่ดินและ BIBF แต่ถ้าเป็นในรูปแบบ Constant Price Growth ผมว่ายากเนื่องจาก 1.การลงทุนในลักษณะ Real Investment จะขยายตัวขนาดนั้นเชียวหรือผมว่ามันจะบ้าเลือดเกินไปและแรงงานฝีมือก็มิได้มีมากเพียงพอขนาดนั้น 2.ต่อเนื่องจากประเด็น1.แรงงานที่มีฝีมือโดยมากมักจะอพยพย้ายถิ่นฐานเนื่องจากอัตราค่าจ้างที่สูงกว่าและอิสระภาพในการถือครองทรัพย์ฯมีมากกว่าในประเทศจีน 3.ถ้าการไหลเข้าของเงินทุนในอัตราที่สูงขนาดนั้นน่ากลัวว่าจะฟองสบู่แตกก่อนที่จะปรับปัจจัยพื้นฐานทัน เนื่องจากเมื่อมีการไหลเข้าของเงินทุน สิ่งที่ตามมาก็คือการเก็งกำไร เมื่อการเก็งกำไรเกิดขึ้นเงินเฟ้อก็จะสูงขึ้น(ตามทฤษฎี Expectation) ดังนั้นเมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้นความน่าลงทุนก็จะหมดไปอันเนื่องมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ดังนั้นจากเหตุและผลแล้ว ผมว่าเป็นไปได้ยากที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในเชิง Real(Constant) Term จะเกิดขึ้นได้ตามที่นักเศรษฐศาสตร์ผู้นั้นคาดการณ์

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 12:00 am
โดย M149
พอดีแว๊บไปอ่านในพันทิพย์ เลยนึกขึ้นได้ว่าตกประเด็นเรื่องค่าเงินไปด้วย เพราะการที่ค่าเงินอ่อนเกินจริงส่งผลให้ การส่งออกสูงแต่นำเข้าต่ำ ฟังดูแล้วอาจเหมือนดูดี แต่คิดในมุมกลับอีกนิดจะเห็นว่าการที่การนำเข้าต่ำและการส่งออกสูงเกินไปนั้นส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อภายในประเทศได้เนื่องจาก เมื่อการขายส่งออกสามารถสร้างรายได้ให้ผู้ผลิตได้มาก การผลิตจะเน้นไปในการส่งออกสูงแต่ผลิตเพื่อใช้ในประเทศต่ำ แต่ในขณะเดียวกันที่ตรึงค่าเงินให้อ่อน(แบบผิดธรรมชาติ)ทำให้การนำเข้าต่ำ ซึ่งเมื่การผลิตเพื่อใช้ในประเทศต่ำบวกกับนำเข้าต่ำสิ่งที่ตามมาคือราคาสินค้าภายในประเทศจะถีบตัวสูงขึ้นและผลักดันให้เกิดเงินเฟ้อ ซึ่งถ้ารัฐบาลจะทำการแทรกแซง(อันเป็นสิ่งที่กระทำได้) ก็จะเกิดปัญหาการเก็งกำไรของผู้ผลิต และอีกทั้งยังต้องแทรกแซงค่าเงินทำให้รัฐต้องรับศึกหลายด้าน บอกตามตรงไม่ใช่เรื่องสนุกเลย และการที่เงินภาษีถูกนำไปใช้เพื่อการตรึงราคาและค่าเงินแทนที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ การสร้าง Growth ในเชิง Real Term จะยิ่งเป็นไปได้ยากลำบากขึ้น

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 6:35 pm
โดย สุมาอี้
GDP ที่เราเห็นทั่วไปตามหน้าหนังสือพิมพ์เป็น Real GDP ทั้งสิ้น ไม่มีใครพูดถึง nominal GDP ต่างกับอัตราดอกเบี้ยที่ส่วนใหญ่จะนิยม quote เป็น nominal ครับ

ประเ็ด็นที่คุณ genie พูดถึงเกี่ยวกับ nominal ถ้าเกี่ยวกับเงินเฟ้อผมคิดว่าไม่น่าห่วง แต่ที่น่าห่วงคือ แนวคิดที่ทำให้ Krugman โด่งดัง ก็คือ เขาบอกว่าเศรษฐกิจเอเชียโตสูงแต่จะไม่ยัั่งยืนเพราะโตด้วยการใส่ input เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ถึงระดับหนึ่งเศรษฐกิจจะไปต่อไม่ได้เมื่อเข้าสู่ช่วง diminishing return to scale ต่างกับตะวันตกที่โตด้วยการปรับปรุง productivity เป็นหลักใส่ input เข้าไปเท่าๆ เดิม

ส่วนเรื่องค่าเงิน ผมเห็นด้วยครับ

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 7:15 pm
โดย buglife
ระบอบการปกครองละครับ มีผลทำให้สามารถกำหนดอะไรได้มากน้อยแค่ไหนครับ

สิ่งนี้จะเป็นปัจจัยทำให้ตัวเลขไปได้เรื่อยๆ หรือไม่ครับ :|

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 10:42 pm
โดย M149
เรื่องระบอบการปกครองส่งผลต่อระดับความสามารถในการแทรกแทรงจากรัฐบาลครับ เพราะการที่อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทำให้การกำหนดนโยบายต่างๆสามารถกระทำได้โดยทันที ไม่ต้องผ่านเรื่องเข้ามติ ครม. เป็นเพียงมติพรรค(คอมมิวนิสต์) ดังนั้นการจะตรึงค่าเงินก็ดี ตรึงราคาสินค้าต่างๆก็ดี สามารถกระทำได้ง่ายกว่า แต่การที่กระทำได้ง่ายกว่าก็ไม่ได้เป็นเรื่องรับรองผลแห่งความสำเร็จนะครับ :wink:

ส่วนเรื่องGDPนั้น GDP ที่พูดกันทั่วไปในหนังสือพิมพ์เป็น Norminal นะครับ เหมือนอย่างที่บอกว่า GDP ไทยปัจจุบันอยู่ที่ ห้าพันล้านๆบาท นั่นเป็น Norminal Term ครับ เพราะที่ Constant Price (ปัจจุบันใช้ที่ 1988) ยังอยู่ที่ ประมาณสามพันเก้าร้อยล้านๆบาทเท่านั้นนะครับ (ข้อมูลจาก สภาพัฒน์ฯ) แต่ถ้าที่พูดถึงGrowth โดยมากจะพูดเชิงrealนี่จริงครับ แต่ที่ตั้งเป็นสองประเด็นขึ้นเพราะผมไม่เห็นSourceของข่าวจึงต้องแยกประเด็นครับ เพราะโดยมากมันไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ :wink:

แต่เรื่อง Diminishing return to scale ที่คุณสุมาอี้พูด แค่ได้ยกหัวข้อก็เห็นภาพเลยครับ เยี่ยมมากเลยครับ :D

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 25, 2005 12:43 am
โดย โป้ง
GNP ก็ไม่เห็นยกตัวเลขมาดูกันเลยครับ (อย่างสหรัฐ) หรือมันเป็นค่าวัดความจริงไม่ได้

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 25, 2005 5:06 am
โดย สุมาอี้
ผมหมายถึง GDP Growth ครับ ขออภัยด้วย

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 25, 2005 8:54 am
โดย indexthai
คงตายก่อน

ขอ comment ข้อความนี้หน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 27, 2005 12:19 am
โดย M149
ถ้าต้องการดูตัวเลข GDP GNP หรือ National Income ขอแนะนำให้ไปดูที่เว็บ www.nesdb.go.th หรือ www.bot.or.th ก็มีเช่นกันครับ