เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
- Eak71
- Verified User
- โพสต์: 344
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 1
ในปี 2545 บ. กู้เงิน 2100 ลบ. จากธนาคารเพื่อชำระเงินกู้ต่างประเทศ แล้วในปีนี้ ปี48 หนี้เหลือแค่ 622.2ลบ คำถามคือ บ.เอาเงินที่ไหนจ่ายครับ ทั้งที่ ปี 45 กำไร สุทธิ 525ลบ. ปี 46 159ลบ. ปี47 314ลบ. กำไรรวมกันแล้ว 3ปียังไม่เท่ากับจำนวนเงินที่ชำระหนี้ปี 1447.8ลบ. ยังไม่รวมดอกเบี้ยอีก
-หรือว่ากำไรที่เห็นในงบหักหนี้ไปแล้ว ก็ไม่มีบอกไว้
-หรือว่าจะแปลงหนี้เป็นทุน... ก็ไม่น่าใช้เหมือนกัน.... คือว่าผมกำลังหัดอ่านงบการเงินอยู่ครับ อาจจะมองข้ามอะไรไปหลายๆอย่าง ขอผู้รู้ช่วยตอบหน่อยครับ :lol:
ปล. ข้อมูลรายงานประจำปี 2547
-หรือว่ากำไรที่เห็นในงบหักหนี้ไปแล้ว ก็ไม่มีบอกไว้
-หรือว่าจะแปลงหนี้เป็นทุน... ก็ไม่น่าใช้เหมือนกัน.... คือว่าผมกำลังหัดอ่านงบการเงินอยู่ครับ อาจจะมองข้ามอะไรไปหลายๆอย่าง ขอผู้รู้ช่วยตอบหน่อยครับ :lol:
ปล. ข้อมูลรายงานประจำปี 2547
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 2
:lol:
แก้ไขล่าสุดโดย ต.หยวนเปียว เมื่อ พุธ พ.ค. 18, 2005 8:14 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 7
ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ บมจ.(SITHAI) ณพล เลิศสุมิตรกุล คู่สมรส หุ้นสามัญ 18/05/2548 13/05/2548 500,000 9.38 ซื้อ
ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ บมจ.(SITHAI) ณพล เลิศสุมิตรกุล คู่สมรส หุ้นสามัญ 18/05/2548 13/05/2548 50,000 9.50 ซื้อ
ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ บมจ.(SITHAI) ณพล เลิศสุมิตรกุล คู่สมรส หุ้นสามัญ 18/05/2548 16/05/2548 200,000 9.15 ซื้อ
ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ บมจ.(SITHAI) ณพล เลิศสุมิตรกุล คู่สมรส หุ้นสามัญ 18/05/2548 13/05/2548 50,000 9.50 ซื้อ
ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ บมจ.(SITHAI) ณพล เลิศสุมิตรกุล คู่สมรส หุ้นสามัญ 18/05/2548 16/05/2548 200,000 9.15 ซื้อ
Impossible is Nothing
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 8
เท่าที่อ่านคำถามดู รู้สึกว่ายังคงสับสนเรื่อง การลงรายการในงบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสดนะครับ
งบดุล คือ งบที่จะแสดงมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัท หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ถ้าอยากรู้ว่าบริษัท ณ.วันใดวันหนึ่ง มีสินทรัพย์อะไรบ้าง มูลค่าเท่าไร ก็ดูจากงบดุลในฝั่งสินทรัพย์ ที่นี้บริษัทนำเงินที่ไหนมาซื้อสินทรัพย์ ก็ดูฝั่งหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น ก็จะทราบว่า บริษัทมีสินทรัพย์ 100 ล้านบาท มาจากการกู้ยืม 50 ล้านบาท ส่วนผุ้ถือหุ้น 50 ล้านบาท
งบกำไรขาดทุน คือ งบที่แสดงผลการดำเนินงานในช่วงเวลาหนึ่ง การบันทึกจะยึดหลักเกณฑ์สิทธิ ไม่ใช่เกณฑ์เงินสดครับ ดังนั้นบางครั้งขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ ยังไม่เก็บเงิน แต่ก็ลงบัญชีเป็นรายได้ ซึ่งถ้าเกิดเบี้ยวหนี้ภายใน ก็ตัดจำหน่ายหนี้สูญไป
งบกระแสเงินสด คือ งบที่แสดงการหมุนเวียนของเงินสดของบริษัท โดยแยกตามประเภทของกิจกรรม คือ การดำเนินงานปรกติ การลงทุน และการจัดหาเงิน
ที่นี้เรื่องการชำระเงินกู้
ผลกระทบต่องบดุลก็คือ บริษัทจะมีเงินสดลดลงเนื่องจากนำเงินไปชำระหนี้ รวมทั้งหนี้สินก็จะลดลง ไม่เกี่ยวกับส่วนผู้ถือหุ้นเลย เพราะก็ไม่มีผลกำไรหรือขาดทุนจากการชำระหนี้
ผลกระทบต่องบกำไรขาดทุน อย่างที่บอกว่าการชำระหนี้ ไม่เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทเลย
ผลกระทบต่องบกระแสเงินสด เมื่อเงินสดออกจากบริษัทเพื่อไปชำระหนี้ ก็จะบันทึกเป็นลบในรายการชำระหนี้เงินกู้ ในกิจกรรมการจัดหาเงิน
พอไหวไหมครับ
งบดุล คือ งบที่จะแสดงมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัท หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ถ้าอยากรู้ว่าบริษัท ณ.วันใดวันหนึ่ง มีสินทรัพย์อะไรบ้าง มูลค่าเท่าไร ก็ดูจากงบดุลในฝั่งสินทรัพย์ ที่นี้บริษัทนำเงินที่ไหนมาซื้อสินทรัพย์ ก็ดูฝั่งหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น ก็จะทราบว่า บริษัทมีสินทรัพย์ 100 ล้านบาท มาจากการกู้ยืม 50 ล้านบาท ส่วนผุ้ถือหุ้น 50 ล้านบาท
งบกำไรขาดทุน คือ งบที่แสดงผลการดำเนินงานในช่วงเวลาหนึ่ง การบันทึกจะยึดหลักเกณฑ์สิทธิ ไม่ใช่เกณฑ์เงินสดครับ ดังนั้นบางครั้งขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ ยังไม่เก็บเงิน แต่ก็ลงบัญชีเป็นรายได้ ซึ่งถ้าเกิดเบี้ยวหนี้ภายใน ก็ตัดจำหน่ายหนี้สูญไป
งบกระแสเงินสด คือ งบที่แสดงการหมุนเวียนของเงินสดของบริษัท โดยแยกตามประเภทของกิจกรรม คือ การดำเนินงานปรกติ การลงทุน และการจัดหาเงิน
ที่นี้เรื่องการชำระเงินกู้
ผลกระทบต่องบดุลก็คือ บริษัทจะมีเงินสดลดลงเนื่องจากนำเงินไปชำระหนี้ รวมทั้งหนี้สินก็จะลดลง ไม่เกี่ยวกับส่วนผู้ถือหุ้นเลย เพราะก็ไม่มีผลกำไรหรือขาดทุนจากการชำระหนี้
ผลกระทบต่องบกำไรขาดทุน อย่างที่บอกว่าการชำระหนี้ ไม่เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทเลย
ผลกระทบต่องบกระแสเงินสด เมื่อเงินสดออกจากบริษัทเพื่อไปชำระหนี้ ก็จะบันทึกเป็นลบในรายการชำระหนี้เงินกู้ ในกิจกรรมการจัดหาเงิน
พอไหวไหมครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณพี่ฉัตรชัยครับ
แน่แค่น้ำจิ้มนะครับ วันงาน คงได้ฟังความรู้ประสบการณ์จากพี่ฉัตรชัยอีกเยอะเลย
แน่แค่น้ำจิ้มนะครับ วันงาน คงได้ฟังความรู้ประสบการณ์จากพี่ฉัตรชัยอีกเยอะเลย
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 10
เงินสดสุทธิของบริษัทในแต่ละปี จะมากกว่าหรือน้อยกว่ากำไรสุทธิก็ได้ครับ
เนื่องจาก รายได้และค่าใช้จ่ายบางรายการไม่ใช่รายการเงินสดครับ ที่สำคัญก็พวกค่าเสื่อมราคา ค่าใช้จ่ายตัดจ่าย การตั้งสำรองต่างๆ
เช่น ถ้าเราขายสินค้าได้เงินมา 100 บาท เราจ่ายเงินซื้อวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าใช้จ่ายต่างๆ เพียง 50 บาท เราก็จะเหลือเงินสด 50 บาท
แต่ในการบันทึกในงบกำไรขาดทุนนั้น นอกจากค่าใช้จ่ายเงินสดที่กล่าวมาแล้ว ยังต้องหักค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวรและเครื่องจักรอีกด้วย จำนวน 30 บาท ดังนั้นในงบกำไรขาดทุนจะมีกำไรเพียง 20 บาท แต่เรมีเงินสดเหลือจริง 50 บาท
ส่วนกรณีของ SITHAI นั้น เงินสดที่นำไปชำระหนี้ ก็มาจากการดำเนินงานเป็นหลักครับ ก็คือกำไรสุทธิและค่าเสื่อมราคา
พิจารณารายละเอียดของงบกระแสเงินสดของบริษัทครับ
เนื่องจาก รายได้และค่าใช้จ่ายบางรายการไม่ใช่รายการเงินสดครับ ที่สำคัญก็พวกค่าเสื่อมราคา ค่าใช้จ่ายตัดจ่าย การตั้งสำรองต่างๆ
เช่น ถ้าเราขายสินค้าได้เงินมา 100 บาท เราจ่ายเงินซื้อวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าใช้จ่ายต่างๆ เพียง 50 บาท เราก็จะเหลือเงินสด 50 บาท
แต่ในการบันทึกในงบกำไรขาดทุนนั้น นอกจากค่าใช้จ่ายเงินสดที่กล่าวมาแล้ว ยังต้องหักค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวรและเครื่องจักรอีกด้วย จำนวน 30 บาท ดังนั้นในงบกำไรขาดทุนจะมีกำไรเพียง 20 บาท แต่เรมีเงินสดเหลือจริง 50 บาท
ส่วนกรณีของ SITHAI นั้น เงินสดที่นำไปชำระหนี้ ก็มาจากการดำเนินงานเป็นหลักครับ ก็คือกำไรสุทธิและค่าเสื่อมราคา
พิจารณารายละเอียดของงบกระแสเงินสดของบริษัทครับ
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 11
คุณฉัตรชัยครับ..สินค้าคงเหลือของพี่ศรีสิ้นปี46อยู่ที่521.319ล้านบาท มาสิ้นปี2547อยู่ที่640.131ล้านบาท มา1/48อยู่ที่682.791 น่าเป็นห่วงหรือเปล่าครับ
(ยอดขายโตน้อยกว่ายอดสินค้าคงเหลือ)ยังไงถ้าว่างรบกวนพี่ช่วยดูและแนะนำด้วยครับ.....จากคนไทเลย
(ยอดขายโตน้อยกว่ายอดสินค้าคงเหลือ)ยังไงถ้าว่างรบกวนพี่ช่วยดูและแนะนำด้วยครับ.....จากคนไทเลย
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 12
ต้องไปดูที่งบกระแสเงินสดของศรีไทยครับ
ตอนช่วงที่เกิดวิกฤษ sithai มีการ revalue asset ใหม่ทำให้ราคาทางบัญชีมีมูลค่าสูงขึ้นมาก
ในขณะเดียวกัน ค่าเสื่อมราคาก็สูงขึ้นมากตามขึ้นด้วย
ทำให้กำไรเกือบจะเป็นครึ่งหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกระแสเงินสด
สาเหตุที่ทำให้จ่ายหนี้ได้เร็วก็เพราะจุดนี้แหละครับ
ดูจากงบในปีนี้แล้วถ้าบริษัทไม่ได้เอาเงินสดไปลงทุนครั้งใหญ่อะไร
sithai จะปลอดหนี้ได้ในช่วง Q1 ปี 49 ครับ
ตอนช่วงที่เกิดวิกฤษ sithai มีการ revalue asset ใหม่ทำให้ราคาทางบัญชีมีมูลค่าสูงขึ้นมาก
ในขณะเดียวกัน ค่าเสื่อมราคาก็สูงขึ้นมากตามขึ้นด้วย
ทำให้กำไรเกือบจะเป็นครึ่งหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกระแสเงินสด
สาเหตุที่ทำให้จ่ายหนี้ได้เร็วก็เพราะจุดนี้แหละครับ
ดูจากงบในปีนี้แล้วถ้าบริษัทไม่ได้เอาเงินสดไปลงทุนครั้งใหญ่อะไร
sithai จะปลอดหนี้ได้ในช่วง Q1 ปี 49 ครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 13
แล้วสรรพากรยอมรับค่าเสื่อมราคาของมูลค่าสินทรัพย์ที่ปรับมูลค่าขึ้นมาเป็นค่าใช้จ่ายหรือไม่ครับ
ลองคิดเปรียบเทียบบริษัทสองแห่งดูซิครับ
บริษัทแรกเมื่อเกิดวิกฤต ก็มีการปรับมูลค่าสินทรัพย์ถาวรใหม่ เพื่อให้มูลค่าของส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น บริษัทประเภทนี้ก็เช่น SITHAI SCC
บริษัทอีกประเภท คือไม่มีการปรับมุลค่าสินทรัพย์ใหม่ โดยยังลงบัญชีมูลค่าที่ต่ำกว่ามูลค่าตลาด บริษัทประเภทนี้ที่ชัดๆก็คือ PSL TTA
มีจุดไหนที่ส่งผลให้การวิเคราะห์ผิดเพี้ยนไหมครับ
ลองคิดเปรียบเทียบบริษัทสองแห่งดูซิครับ
บริษัทแรกเมื่อเกิดวิกฤต ก็มีการปรับมูลค่าสินทรัพย์ถาวรใหม่ เพื่อให้มูลค่าของส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น บริษัทประเภทนี้ก็เช่น SITHAI SCC
บริษัทอีกประเภท คือไม่มีการปรับมุลค่าสินทรัพย์ใหม่ โดยยังลงบัญชีมูลค่าที่ต่ำกว่ามูลค่าตลาด บริษัทประเภทนี้ที่ชัดๆก็คือ PSL TTA
มีจุดไหนที่ส่งผลให้การวิเคราะห์ผิดเพี้ยนไหมครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 15
ดู cash flow หรือ ebitda ก็จะตัดปัญหาพวกนี้ไปได้ครับ
- stp
- Verified User
- โพสต์: 252
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 17
ในส่วนของ SITHAI มีการ revalue asset ใหม่ทำให้ราคาทางบัญชีมีมูลค่าสูงขึ้น
มาจากการตีราคา เมื่อเทียบกับ USD ใหม่หรือเปล่าครับ ...เช่นราคาเครื่องจักร อุปกรณ์ ??
เพราะอย่างของ PSL ใช้ USD ที่ 25 บาทตอนซื้อเรือเลยทำให้หักค่าเสื่อมต่ำกำไรก็เลยสูง
แต่ SITHAI ไม่รู้จากวิธีไหน เพราะเพิ่มได้เป็นปรกติถ้าเป็นบริษัทของผมคง re-value สินทรัพย์ตลอดจะได้เอาค่าเสื่อมไปหักเป็นค่าใช้จ่าย ....และจะได้เสียภาษีน้อยๆไง
มาจากการตีราคา เมื่อเทียบกับ USD ใหม่หรือเปล่าครับ ...เช่นราคาเครื่องจักร อุปกรณ์ ??
เพราะอย่างของ PSL ใช้ USD ที่ 25 บาทตอนซื้อเรือเลยทำให้หักค่าเสื่อมต่ำกำไรก็เลยสูง
แต่ SITHAI ไม่รู้จากวิธีไหน เพราะเพิ่มได้เป็นปรกติถ้าเป็นบริษัทของผมคง re-value สินทรัพย์ตลอดจะได้เอาค่าเสื่อมไปหักเป็นค่าใช้จ่าย ....และจะได้เสียภาษีน้อยๆไง
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 19
ไม่น่าจะใช่นะครับ เท่าที่เห็นมา 2-3 บริษัท ค่าเสื่อมของ assets เดิม จะอยู่ในงบกำไรขาดทุน หักภาษีได้ ส่วนค่าเสื่อมของ re-valued assets จะหักไปจากส่วนของผู้ถือหุ้นคือ ไม่ได้อยู่ในกำไรขาดทุนstp เขียน: แต่ SITHAI ไม่รู้จากวิธีไหน เพราะเพิ่มได้เป็นปรกติถ้าเป็นบริษัทของผมคง re-value สินทรัพย์ตลอดจะได้เอาค่าเสื่อมไปหักเป็นค่าใช้จ่าย ....และจะได้เสียภาษีน้อยๆไง
บริษัทพวกนี้บางทีก็มีเหมือนกัน ที่รายงานกำไร แต่ส่วนผู้ถือหุ้นลดลง เพราะ ค่าเสื่อมของ re-valued assets สูงกว่ากำไรสุทธิอีก
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 21
บริษัทที่ revalue assets ที่ผมเคยดูก็เช่น TPIPL, GRAND, RCI เป็นต้น สังเกตได้ง่ายๆ คือส่วนของผู้ถือหุ้นจะมีรายการ Surplus on assets revaluation อยู่
- stp
- Verified User
- โพสต์: 252
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 22
คุณ YOYO:---
"ตอนช่วงที่เกิดวิกฤษ sithai มีการ revalue asset ใหม่ทำให้ราคาทางบัญชีมีมูลค่าสูงขึ้นมาก
ในขณะเดียวกัน ค่าเสื่อมราคาก็สูงขึ้นมากตามขึ้นด้วย
ทำให้กำไรเกือบจะเป็นครึ่งหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกระแสเงินสด "
คุณ Minessweeper :-
"ไม่น่าจะใช่นะครับ เท่าที่เห็นมา 2-3 บริษัท ค่าเสื่อมของ assets เดิม จะอยู่ในงบกำไรขาดทุน หักภาษีได้ ส่วนค่าเสื่อมของ re-valued assets จะหักไปจากส่วนของผู้ถือหุ้นคือ ไม่ได้อยู่ในกำไรขาดทุน"
......ชักจะงงงงเหมือนกันแฮะ
"ตอนช่วงที่เกิดวิกฤษ sithai มีการ revalue asset ใหม่ทำให้ราคาทางบัญชีมีมูลค่าสูงขึ้นมาก
ในขณะเดียวกัน ค่าเสื่อมราคาก็สูงขึ้นมากตามขึ้นด้วย
ทำให้กำไรเกือบจะเป็นครึ่งหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกระแสเงินสด "
คุณ Minessweeper :-
"ไม่น่าจะใช่นะครับ เท่าที่เห็นมา 2-3 บริษัท ค่าเสื่อมของ assets เดิม จะอยู่ในงบกำไรขาดทุน หักภาษีได้ ส่วนค่าเสื่อมของ re-valued assets จะหักไปจากส่วนของผู้ถือหุ้นคือ ไม่ได้อยู่ในกำไรขาดทุน"
......ชักจะงงงงเหมือนกันแฮะ
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 23
SITHAI นี่งงๆ เหมือนกันครับ
ในงบส่วนผู้ถือหุ้นมีการลบค่าเสื่อมของ re-valued assets 21 ล้าน แต่กลับมีการมาบวกกลับ 31 ล้าน ในกำไรสะสม ?
สงสัยผมยังเข้าใจอะไรไม่ครบถ้วนแน่เลย
ในงบส่วนผู้ถือหุ้นมีการลบค่าเสื่อมของ re-valued assets 21 ล้าน แต่กลับมีการมาบวกกลับ 31 ล้าน ในกำไรสะสม ?
สงสัยผมยังเข้าใจอะไรไม่ครบถ้วนแน่เลย
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 25
ผมงงเองด้วยแล้วครับ
ไม่กล้าตอบแล้วครับ ไม่ปึ๊กพอ ต้องถามผู้รู้แล้ว
ไม่กล้าตอบแล้วครับ ไม่ปึ๊กพอ ต้องถามผู้รู้แล้ว
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 38
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 26
แล้วบริษัทมีค่าเสื่อมเยอะขนาดนี้แล้วไม่ต้องไปนำกระแสเงินสดไปลงทุนเพิ่มเยอะๆ เพื่อชดเชยกับสินทรัพย์เหรอครับ ผมเห็นเขาลงทุนน้อยมากจ่ายหนี้อย่างเดียวเลย (ซึ่งถ้าจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มมากกว่าที่ทำอยู่ในปัจจุบัน free cash flow ในปัจจุบัน ก็ยังไม่ใช่ของจริงสิครับ )
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 27
ลองปล่อยไก่ดูครับ :lol:chatchai เขียน:แล้ว ROE กับ ROA ละครับ
ผลจะแตกต่างกันไหม จะส่งผลให้เราวิเคราะห์ถึงอัตราผลตอบแทนผิดเพี้ยนไปหรือไม่
แตกต่างกันครับ
ผมมักดูทั้งสองตัว จะชอบถ้าสูงทั้งคู่ โดยROAใกล้กับROE
เท่าไหร่แสดงว่าหนี้น้อย และROEที่เห็นก็น่าเชื่อถือกว่าเพราะ
ไม่ได้สูงเพราะหนี้มาก
ผิดพลาดขออภัย ชี้แนะด้วยครับพี่ :lol:
- stp
- Verified User
- โพสต์: 252
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 29
เผอิญพยายามหาข้อมูลใน net เกี่ยวกับหนี้ SITHAI แต่ได้นี่มาแทนเห็นน่าสนใจ
เลย POST ให้อ่านครับ
แถมบทวิแคะตอนท้ายให้นิดหน่อย
-----------------------
SITHAปรับลุคส์ เน้นชิ้นส่วนรถยนต์
ศรีไทยฯปรับภาพลักษ์ เปลี่ยนไลน์ผลิตเข้าไปสู่การเป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ ลบภาพโรงงานผลิตแต่เครื่องครัว "สนั่น" เผยมีจุดแข็งบริษัทครอบคลุมตั้งแต่วัตถุดิบไปถึงการการสร้างโปรดักส์สำเร็จรูป
ออกสู่ตลาด มั่นใจปี 49 รายได้เติบโตก้าวกระโดดจากการหันมารุกธุรกิจพลาสติกอย่างจริงจัง ตั้งเป้าปี 48 รายได้โต 18 เปอร์เซ็นต์ ฟุ้งไตรมาสแรกยอดขายพุ่งตามภาวะการเติบโตอุตสาหกรรมรถยนต์ ด้านโบรกฯแนะเทคนิเคิลสวย ยืนเหนือเส้น SMA 10 วัน แนะรับให้รับช่วง 9.20 บาท "เอเพกซ์" ระบุเป้า 11.73 บาท
นายสนั่น อังอุบลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI เปิดเผยกับ"คอหุ้น" ถึงทิศทางในการเจริญเติบโตของธุรกิจในด้านนี้ว่า ในอดีตรายได้ของศรีไทยฯ จะอยู่ที่ผลิตภัณฑ์เมลามีนมาโดยตลอด แต่นับจากปี 2547 เป็นต้นมาบริษัทมีการปรับสัดส่วนของผลิตภัณฑ์จากเมลามีน ให้ลดลงเหลือแค่ 38 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มในส่วนของพลาสติกเป็น 62 เปอร์เซ็นต์ และแม้คนทั่วไปจะรู้จักศรีไทยฯ ในเรื่องของเมลามีน เครื่องครัว แต่ปัจจุบันบริษัทไม่ได้หยุดนิ่งและปิดโอกาสในทางธุรกิจ ณ วันนี้บริษัทขยายธุรกิจเข้าไปสู่การเป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ และวันนี้ไม่ได้เน้นเรื่องเครื่องครัวอีกต่อไป
"โปรดักส์ต่างๆ ที่เราเริ่มที่จะเข้าไปผลิตได้แก่ ชิ้นส่วนต่างๆ ในรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ เปลือกแบตเตอรี่ รวมไปถึงอุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ ถังบรรจุสีทาบ้าน ลังบรรจุเครื่องดื่มน้ำอัดลม เบียร์ หลายยี่ห้อ ตรงนี้กลายเป็นจุดเด่นของเราแทนที่เครื่องครัวซึ่งจะมีสัดส่วนที่น้อยลงมาก "
ผู้บริหารศรีไทยฯ กล่าวว่า สำหรับวิชั่นในขณะนี้ของบรษัท อยู่ที่การเป็นที่หนึ่งของโลกด้านเมลามีน และความต้องการเป็นหนึ่งในประเทศไทยด้านพลาสติก ทั้งนี้มาจากจุดเด่นของบรษัทที่มีระบบการจัดการแบบครบวงจร โดยเฉพาะเรื่องของเมลามีน ที่ครอบคลุมนับตั้งแต่วัตถุดิบ ไปถึงการการสร้างโปรดักส์สำเร็จรูปออกสู่ตลาด ตรงนี้ทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง และถือเป็นจุดแข็งของบริษัท
" เรามีจุดได้เปรียบทั้งในเรื่องของต้นทุน การจัดจำหน่าย ตลาดเราแตกต่างจากที่อื่นๆ เรามีช่องทางเรื่องของ Direct Sales เหล่านี้เป็นจุดแข็ง" "ผู้บริหารศรีไทยฯ กล่าว
นายสนั่นกล่าวถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์ของบริษัทว่า ปัจจุบันส่งออกไปกว่า 50 ประเทศ โดยมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 35 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นการขายในประเทศ สำหรับในปีนี้จะเน้นขายในประเทศ เนื่องจากการส่งออกมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบไม่รุนแรงมากนัก เพราะช่วงก่อนหน้านี้เงินดอลลาร์ที่เป็นรายได้หลักขอบริษัทแข็งค่าขึ้นมาขณะที่การจัดการเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงดัง
เลย POST ให้อ่านครับ
แถมบทวิแคะตอนท้ายให้นิดหน่อย
-----------------------
SITHAปรับลุคส์ เน้นชิ้นส่วนรถยนต์
ศรีไทยฯปรับภาพลักษ์ เปลี่ยนไลน์ผลิตเข้าไปสู่การเป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ ลบภาพโรงงานผลิตแต่เครื่องครัว "สนั่น" เผยมีจุดแข็งบริษัทครอบคลุมตั้งแต่วัตถุดิบไปถึงการการสร้างโปรดักส์สำเร็จรูป
ออกสู่ตลาด มั่นใจปี 49 รายได้เติบโตก้าวกระโดดจากการหันมารุกธุรกิจพลาสติกอย่างจริงจัง ตั้งเป้าปี 48 รายได้โต 18 เปอร์เซ็นต์ ฟุ้งไตรมาสแรกยอดขายพุ่งตามภาวะการเติบโตอุตสาหกรรมรถยนต์ ด้านโบรกฯแนะเทคนิเคิลสวย ยืนเหนือเส้น SMA 10 วัน แนะรับให้รับช่วง 9.20 บาท "เอเพกซ์" ระบุเป้า 11.73 บาท
นายสนั่น อังอุบลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI เปิดเผยกับ"คอหุ้น" ถึงทิศทางในการเจริญเติบโตของธุรกิจในด้านนี้ว่า ในอดีตรายได้ของศรีไทยฯ จะอยู่ที่ผลิตภัณฑ์เมลามีนมาโดยตลอด แต่นับจากปี 2547 เป็นต้นมาบริษัทมีการปรับสัดส่วนของผลิตภัณฑ์จากเมลามีน ให้ลดลงเหลือแค่ 38 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มในส่วนของพลาสติกเป็น 62 เปอร์เซ็นต์ และแม้คนทั่วไปจะรู้จักศรีไทยฯ ในเรื่องของเมลามีน เครื่องครัว แต่ปัจจุบันบริษัทไม่ได้หยุดนิ่งและปิดโอกาสในทางธุรกิจ ณ วันนี้บริษัทขยายธุรกิจเข้าไปสู่การเป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ และวันนี้ไม่ได้เน้นเรื่องเครื่องครัวอีกต่อไป
"โปรดักส์ต่างๆ ที่เราเริ่มที่จะเข้าไปผลิตได้แก่ ชิ้นส่วนต่างๆ ในรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ เปลือกแบตเตอรี่ รวมไปถึงอุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ ถังบรรจุสีทาบ้าน ลังบรรจุเครื่องดื่มน้ำอัดลม เบียร์ หลายยี่ห้อ ตรงนี้กลายเป็นจุดเด่นของเราแทนที่เครื่องครัวซึ่งจะมีสัดส่วนที่น้อยลงมาก "
ผู้บริหารศรีไทยฯ กล่าวว่า สำหรับวิชั่นในขณะนี้ของบรษัท อยู่ที่การเป็นที่หนึ่งของโลกด้านเมลามีน และความต้องการเป็นหนึ่งในประเทศไทยด้านพลาสติก ทั้งนี้มาจากจุดเด่นของบรษัทที่มีระบบการจัดการแบบครบวงจร โดยเฉพาะเรื่องของเมลามีน ที่ครอบคลุมนับตั้งแต่วัตถุดิบ ไปถึงการการสร้างโปรดักส์สำเร็จรูปออกสู่ตลาด ตรงนี้ทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง และถือเป็นจุดแข็งของบริษัท
" เรามีจุดได้เปรียบทั้งในเรื่องของต้นทุน การจัดจำหน่าย ตลาดเราแตกต่างจากที่อื่นๆ เรามีช่องทางเรื่องของ Direct Sales เหล่านี้เป็นจุดแข็ง" "ผู้บริหารศรีไทยฯ กล่าว
นายสนั่นกล่าวถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์ของบริษัทว่า ปัจจุบันส่งออกไปกว่า 50 ประเทศ โดยมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 35 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นการขายในประเทศ สำหรับในปีนี้จะเน้นขายในประเทศ เนื่องจากการส่งออกมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบไม่รุนแรงมากนัก เพราะช่วงก่อนหน้านี้เงินดอลลาร์ที่เป็นรายได้หลักขอบริษัทแข็งค่าขึ้นมาขณะที่การจัดการเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงดัง
- stp
- Verified User
- โพสต์: 252
- ผู้ติดตาม: 0
เกี่ยวกับหนี้ของ SITHAI
โพสต์ที่ 30
กล่าว บริษัทมีวิธีจัดการความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน โดยการฟิกซ์เรื่องอัตรากับทางธนาคารไว้ ฉะนั้นบริษัท ก็จะทราบว่า ต้นทุนของเราอยู่ที่ไหน ราคาสินค้าของควรจะเป็นลักษณะอย่างไร
นายสนั่นกล่าวด้วยว่า สำหรับการขยายการลงทุนในต่างประเทศนั้น ปัจจุบันมีโรงงานในต่างประเทศปัจจุบันอยู่ 3 แห่ง คือ โรงงานในประเทศจีน ที่ปักกิ่ง โรงงานในอินโดนีเซีย และโรงงานในเวียดนาม ซึ่ศักยภาพในการผลิตของแต่ละโรงงานมีค่อนข้างสูง โดยโรงงานในประเทศจีนรับหน้าที่ในการผลิตในตามสัดส่วนตลาดที่ 70 เปอร์เซ็นต์ โรงงานในอินโดนีเซียก็ผลิตตามดีมานด์ของชาวอินโดฯที่ชอบในเรื่องของเมลามีน ขณะที่โรงงานในเวียดนาม ผลิตเกี่ยวกับพลาสติก ซึ่งโรงงานที่เวียดนามนี้ในอนาคตเราจะใช้เป็นฐานการผลิตในการส่งเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ส่วนโรงงานในประเทศไทย คงชะลอการขยายตัวไว้ก่อน เนื่องจากค่าแรงสูง และแรงงานหายาก
นอกจากนี้บริษัทยังมีการร่วมทุนกับทางบริษัท เครือซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) โดยร่วมทุนในโรงงาน 2 แห่ง แห่งแรกทำวัตถุดิบเมลามีน และแห่งที่ 2 คือโรงงานทำถังแทงค์น้ำ ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์"
นายสนั่นยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทด้วยว่า ในปี 2547 กำไรของบรษัทโตแบบก้าวกระโดด เพราะการดำเนินงานที่เน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิพภาพ เพิ่มผลผลิตพร้อมๆ ไปกับการลดต้นทุน และลดความเสียหาย ด้วยปรับการจัดการภายในส่วนของการผลิตพลาสติก และเมลามีน ทำให้มีกำไรข้างต้นอยู่ในระดับที่ดี และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 16 เปอร์เซ็นต์ในปี 2548 นี้ ขณะที่ผลประกอบการบางส่วนมาจากส่วนต่างจากตลาดเม็ดพลาสติก ที่เรามองไปถึงอนาคตได้ค่อนข้างแม่นยำ และมีกำไรบ้างจากการปรับราคาเม็ดพลาสติก
สำหรับในเรื่องของมูลค่าดัชนีที่ยังคงต่ำกว่าบุ๊คแวลู ผู้บริหารศรีไทยฯ กล่าวว่า จริงๆ ถ้ามองในแง่ของการจัดการเราไม่ผิดหวัง คิดว่าปีนี้โตประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์ ยอดขาย กำไรสุทธิในไตรมาส 1 ดีกว่าไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว
" ในฐานะที่เป็นฝ่ายจัดการเราพอใจ ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า เราก็ต้องไปดูว่าผู้ลงทุน แชร์โฮลเดอร์อยู่ที่ไหน ถ้าเป็นประโยชน์เราจะต้องเน้นการประชาสัมพันธ์ว่า ณ ปัจจุบัน ศรีไทยฯ ไม่ใช่เมลามีน เราโตเรื่องของพลาสติก ไม่อย่างงั้นเขาจะเข้าใจว่าเรามีหนี้มาก ในอนาคตอันใกล้เราจะไม่มีหนี้ ซึ่งผลประ
กอบการของเราออกมาค่อนข้างดี อนาคตธุรกิจโตยั่งยืน ตรงนี้มันก็จะส่งผลไปถึงเรื่องของ yield ด้วย "
ก่อนหน้านี้นายสนั่น ได้อกมาระบุว่า บริษัทได้ร่วมทุนกับพันธมิตรจากสิงคโปร์ ตั้งบริษัทนำเข้าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเข้ามาจำหน่าย โดยจะเปิดตัวครั้งแรกในเดือน มิ.ย. นี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ผ้ารองนอนเพื่อสุขภาพ เน้นจับกลุ่มคนสูงอายุ และนักกีฬา ซึ่งผู้ที่นอนบนผ้าดังกล่าว จะได้รับความสดชื่นจากสารที่ออกมาจากเนื้อผ้า นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอีกหลายชนิดด้วย โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท และศรีไทยถือหุ้นอยู่ 47% ทั้งนี้สินค้าเพื่อสุขภาพกำลังได้รับความนิยมเพิ่ม
ขึ้นเรื่อย ๆ จึงหันมาจับธุรกิจนี้ โดยการจำหน่ายจะขายผ่านทีมขายตรง
ขณะเดียวกันจากการที่ราคาหุ้นในกระดานมีราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี บอร์ดศรีไทยฯ
อนุมัติให้สามารถซื้อหุ้นคืนได้ 10% ของทุนจดทะเบียนเนื่องจากเห็นว่าราคาหุ้นของบริษัทปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่อยู่ที่ 14.75 บาท/หุ้น ทั้งนี้อยู่ระหว่างให้สถาบันการเงินประเมินมูลค่าที่เหมาะสมและคาดว่าจะได้มูลค่าที่เหมาะสมประมาณเดือนเมษายนปีนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเข้าไปซื้อหุ้นในกระดานหรือไม่ขึ้นอยู่กับราคาหุ้น ณ ขณะนั้น หากราคาสูงกว่าราคาที่เหมาะสมก็คงไม่เข้าไปซื้อ และหากมีการเข้าไปซื้อก็จะทยอยซื้อ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะใช้เงินในการซื้อหุ้นประมาณ 200 กว่าล้านบาท
ด้านความเห็นของโบรกเกอร์ เกี่ยวกับหุ้น SRITHAI นั้น นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า หากพิจารณาเทคนิคเคิลระยะสั้นๆ SRITHAI มายืนเหนือระดับเส้น SMA 10 วัน แต่วอลุ่มลดลง ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนไปลงทุนในหุ้นตัวใหญ่และตัวอื่นๆ
" SRITHAI เองยืนเหนือเส้นที่ว่าแล้ว ตรงนี้ทางเทคนิเคิลมองให้เป็นสัญญาณบวก มองว่าเขายังมีโอกาสขึ้น ราคาที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงก็จะเป็นช่วง 9.80 บาท คือเขาจะไปทดสอบไฮเดิมที่ 10.20 บาท ถ้าเป็นตามแพตเทิร์นนี้ ถ้ามันขยับมันน่าจะเป็นการขึ้นมาพักฐาน ณ ปัจจุบันมีแนวโน้มที่ไปต่อได้ ถ้าเป้นไปดังนี้ก็ให้ทะยอยขาย ในกรณีที่มีของ ราคาปรับตัวแล้วไซด์เวย์ แนะนำให้รับช่วง 9.20 บาท
อย่างไรก็ตาม การจะขายทำกำไรก็ต้องรอดู เรื่องของวอลุ่ม อันนี้ถ้าวอลุ่มหนุนก็โอเค แต่ช่วงนี้มองว่าต้องระมัดระวังในการทำกำไร เพราะสภาวะตลาดฯ รวมๆ ยังไม่เวิร์ค" นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ของบล.เอเพกซ์ให้ความเห็นว่า คาดว่าปีนี้จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 16% เป็น 4.7 พันล้านบาท อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจาก 766 เป็น 920 ล้านบาท สวนใหญ่จะมาจากธุรกิจพลาสติก 63% ตามกการเติบโตของธุรกิจยานยนต์ ส่วนไตรมาส 1/48 ยอดขายเติบโต 10% จากเดิม 800 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 19% เป็น 20-21% ทั้งนี้ บอร์ดมีมติให้ซื้อหุ้นคืน 10% ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี โดยจะเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาเมษายนนี้ และขออนุมัติจ่ายปันผล 0.50 บาท/หุ้น คาดว่า แนวโน้มกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการซื้อหุ้นคืน 10% ในตลาด จะส่งผลให้ราคาหุ้นมี Downside Risk ต่ำ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร (11.73 บาท)
นายสนั่นกล่าวด้วยว่า สำหรับการขยายการลงทุนในต่างประเทศนั้น ปัจจุบันมีโรงงานในต่างประเทศปัจจุบันอยู่ 3 แห่ง คือ โรงงานในประเทศจีน ที่ปักกิ่ง โรงงานในอินโดนีเซีย และโรงงานในเวียดนาม ซึ่ศักยภาพในการผลิตของแต่ละโรงงานมีค่อนข้างสูง โดยโรงงานในประเทศจีนรับหน้าที่ในการผลิตในตามสัดส่วนตลาดที่ 70 เปอร์เซ็นต์ โรงงานในอินโดนีเซียก็ผลิตตามดีมานด์ของชาวอินโดฯที่ชอบในเรื่องของเมลามีน ขณะที่โรงงานในเวียดนาม ผลิตเกี่ยวกับพลาสติก ซึ่งโรงงานที่เวียดนามนี้ในอนาคตเราจะใช้เป็นฐานการผลิตในการส่งเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ส่วนโรงงานในประเทศไทย คงชะลอการขยายตัวไว้ก่อน เนื่องจากค่าแรงสูง และแรงงานหายาก
นอกจากนี้บริษัทยังมีการร่วมทุนกับทางบริษัท เครือซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) โดยร่วมทุนในโรงงาน 2 แห่ง แห่งแรกทำวัตถุดิบเมลามีน และแห่งที่ 2 คือโรงงานทำถังแทงค์น้ำ ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์"
นายสนั่นยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทด้วยว่า ในปี 2547 กำไรของบรษัทโตแบบก้าวกระโดด เพราะการดำเนินงานที่เน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิพภาพ เพิ่มผลผลิตพร้อมๆ ไปกับการลดต้นทุน และลดความเสียหาย ด้วยปรับการจัดการภายในส่วนของการผลิตพลาสติก และเมลามีน ทำให้มีกำไรข้างต้นอยู่ในระดับที่ดี และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 16 เปอร์เซ็นต์ในปี 2548 นี้ ขณะที่ผลประกอบการบางส่วนมาจากส่วนต่างจากตลาดเม็ดพลาสติก ที่เรามองไปถึงอนาคตได้ค่อนข้างแม่นยำ และมีกำไรบ้างจากการปรับราคาเม็ดพลาสติก
สำหรับในเรื่องของมูลค่าดัชนีที่ยังคงต่ำกว่าบุ๊คแวลู ผู้บริหารศรีไทยฯ กล่าวว่า จริงๆ ถ้ามองในแง่ของการจัดการเราไม่ผิดหวัง คิดว่าปีนี้โตประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์ ยอดขาย กำไรสุทธิในไตรมาส 1 ดีกว่าไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว
" ในฐานะที่เป็นฝ่ายจัดการเราพอใจ ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า เราก็ต้องไปดูว่าผู้ลงทุน แชร์โฮลเดอร์อยู่ที่ไหน ถ้าเป็นประโยชน์เราจะต้องเน้นการประชาสัมพันธ์ว่า ณ ปัจจุบัน ศรีไทยฯ ไม่ใช่เมลามีน เราโตเรื่องของพลาสติก ไม่อย่างงั้นเขาจะเข้าใจว่าเรามีหนี้มาก ในอนาคตอันใกล้เราจะไม่มีหนี้ ซึ่งผลประ
กอบการของเราออกมาค่อนข้างดี อนาคตธุรกิจโตยั่งยืน ตรงนี้มันก็จะส่งผลไปถึงเรื่องของ yield ด้วย "
ก่อนหน้านี้นายสนั่น ได้อกมาระบุว่า บริษัทได้ร่วมทุนกับพันธมิตรจากสิงคโปร์ ตั้งบริษัทนำเข้าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเข้ามาจำหน่าย โดยจะเปิดตัวครั้งแรกในเดือน มิ.ย. นี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ผ้ารองนอนเพื่อสุขภาพ เน้นจับกลุ่มคนสูงอายุ และนักกีฬา ซึ่งผู้ที่นอนบนผ้าดังกล่าว จะได้รับความสดชื่นจากสารที่ออกมาจากเนื้อผ้า นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอีกหลายชนิดด้วย โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท และศรีไทยถือหุ้นอยู่ 47% ทั้งนี้สินค้าเพื่อสุขภาพกำลังได้รับความนิยมเพิ่ม
ขึ้นเรื่อย ๆ จึงหันมาจับธุรกิจนี้ โดยการจำหน่ายจะขายผ่านทีมขายตรง
ขณะเดียวกันจากการที่ราคาหุ้นในกระดานมีราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี บอร์ดศรีไทยฯ
อนุมัติให้สามารถซื้อหุ้นคืนได้ 10% ของทุนจดทะเบียนเนื่องจากเห็นว่าราคาหุ้นของบริษัทปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่อยู่ที่ 14.75 บาท/หุ้น ทั้งนี้อยู่ระหว่างให้สถาบันการเงินประเมินมูลค่าที่เหมาะสมและคาดว่าจะได้มูลค่าที่เหมาะสมประมาณเดือนเมษายนปีนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเข้าไปซื้อหุ้นในกระดานหรือไม่ขึ้นอยู่กับราคาหุ้น ณ ขณะนั้น หากราคาสูงกว่าราคาที่เหมาะสมก็คงไม่เข้าไปซื้อ และหากมีการเข้าไปซื้อก็จะทยอยซื้อ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะใช้เงินในการซื้อหุ้นประมาณ 200 กว่าล้านบาท
ด้านความเห็นของโบรกเกอร์ เกี่ยวกับหุ้น SRITHAI นั้น นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า หากพิจารณาเทคนิคเคิลระยะสั้นๆ SRITHAI มายืนเหนือระดับเส้น SMA 10 วัน แต่วอลุ่มลดลง ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนไปลงทุนในหุ้นตัวใหญ่และตัวอื่นๆ
" SRITHAI เองยืนเหนือเส้นที่ว่าแล้ว ตรงนี้ทางเทคนิเคิลมองให้เป็นสัญญาณบวก มองว่าเขายังมีโอกาสขึ้น ราคาที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงก็จะเป็นช่วง 9.80 บาท คือเขาจะไปทดสอบไฮเดิมที่ 10.20 บาท ถ้าเป็นตามแพตเทิร์นนี้ ถ้ามันขยับมันน่าจะเป็นการขึ้นมาพักฐาน ณ ปัจจุบันมีแนวโน้มที่ไปต่อได้ ถ้าเป้นไปดังนี้ก็ให้ทะยอยขาย ในกรณีที่มีของ ราคาปรับตัวแล้วไซด์เวย์ แนะนำให้รับช่วง 9.20 บาท
อย่างไรก็ตาม การจะขายทำกำไรก็ต้องรอดู เรื่องของวอลุ่ม อันนี้ถ้าวอลุ่มหนุนก็โอเค แต่ช่วงนี้มองว่าต้องระมัดระวังในการทำกำไร เพราะสภาวะตลาดฯ รวมๆ ยังไม่เวิร์ค" นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ของบล.เอเพกซ์ให้ความเห็นว่า คาดว่าปีนี้จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 16% เป็น 4.7 พันล้านบาท อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจาก 766 เป็น 920 ล้านบาท สวนใหญ่จะมาจากธุรกิจพลาสติก 63% ตามกการเติบโตของธุรกิจยานยนต์ ส่วนไตรมาส 1/48 ยอดขายเติบโต 10% จากเดิม 800 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 19% เป็น 20-21% ทั้งนี้ บอร์ดมีมติให้ซื้อหุ้นคืน 10% ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี โดยจะเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาเมษายนนี้ และขออนุมัติจ่ายปันผล 0.50 บาท/หุ้น คาดว่า แนวโน้มกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการซื้อหุ้นคืน 10% ในตลาด จะส่งผลให้ราคาหุ้นมี Downside Risk ต่ำ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร (11.73 บาท)