ชอบคำแนะนำอันนี้จริงๆ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 04, 2005 4:06 pm
สรุปประเด็น TPI ที่หลายคนถามถึง
สิ้นปี 2547 บริษัทมีหนี้สินรวม 1.12 แสนล้านบาท ในขณะที่มีสินทรัพย์อยู่ที่ 1.35 แสนล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 2.03 หมื่นล้านบาท หรือ 2.60 บาทต่อหุ้น บริษัทมี EBITDA 2.2 หมื่นล้านบาท และกำไรก่อนรายการพิเศษ 1.18 หมื่นล้านบาท บริษัทได้ทำการลดทุนโดยการลดพาร์จากพาร์ 10 บาท เหลือ 1 บาท ส่งผลกระทบต่อ B/S ทำให้ขาดทุนสะสมลดลงจาก 7.3 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 2.3 พันล้านบาทซึ่งเราคาดว่าเพียงผลประกอบการไตรมาส 1/48 บริษัทก็จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดและสามารถจ่ายปันผลได้ในสิ้นปีนี้
บริษัทตกลงทำการเพิ่มทุน 1.17 หมื่นล้านหุ้นที่พาร์ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 3.30 บาทให้กับ PTT และอีก 3 พันธมิตรรวมถึงให้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วนที่ยังไม่กำหนดอย่างเป็นทางการผลลัพธ์ก็คือบริษัทจะได้รับเงินจากการขายหุ้นครั้งนี้ 3.8 หมื่นล้านบาทและ BV จะเพิ่มขึ้นหลังจากการเพิ่มทุนขั้นมาอยู่ที่ 3.48 บาทต่อหุ้น ดูสวยและสะอาดพร้อมเดินหน้าในการดำเนินธุรกิจในอนาคต
การที่ PTT เข้ามาลงทุน 30% ใน TPI คิดเป็นเงิน 2 หมื่นล้านบาททำให้ 1.)PTT เป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีครองส่วนแบ่งผลิตภัณฑ์ต้นน้ำ 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในประเทศ 2.)ได้กำลังการผลิตการกลั่นเพิ่มขึ้นอีกจากกำลังการผลิตของโรงกลั่น TPI อยู่ที่ 2.15 แสนล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทใช้กำลังการผลิตเพียง 80% หากคำนวณจากการถือหุ้นของ PTT จะพบว่า PTT เป็นเจ้าของการผลิตสูงถึง 7.35 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือ 70.5% ของกำลังการผลิตทั้งหมด แต่หากคิดตามสัดส่วนที่ PTT เข้าไปถือหุ้นรวมส่วนที่ PTT เข้าไปถือใน TPI 30% จะพบว่าเป็นส่วนแบ่งของ PTT จริงๆ 3.87 แสนบาร์เรลหรือ 37%
เราไม่มีคำแนะนำสำหรับ TPI
สิ้นปี 2547 บริษัทมีหนี้สินรวม 1.12 แสนล้านบาท ในขณะที่มีสินทรัพย์อยู่ที่ 1.35 แสนล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 2.03 หมื่นล้านบาท หรือ 2.60 บาทต่อหุ้น บริษัทมี EBITDA 2.2 หมื่นล้านบาท และกำไรก่อนรายการพิเศษ 1.18 หมื่นล้านบาท บริษัทได้ทำการลดทุนโดยการลดพาร์จากพาร์ 10 บาท เหลือ 1 บาท ส่งผลกระทบต่อ B/S ทำให้ขาดทุนสะสมลดลงจาก 7.3 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 2.3 พันล้านบาทซึ่งเราคาดว่าเพียงผลประกอบการไตรมาส 1/48 บริษัทก็จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดและสามารถจ่ายปันผลได้ในสิ้นปีนี้
บริษัทตกลงทำการเพิ่มทุน 1.17 หมื่นล้านหุ้นที่พาร์ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 3.30 บาทให้กับ PTT และอีก 3 พันธมิตรรวมถึงให้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วนที่ยังไม่กำหนดอย่างเป็นทางการผลลัพธ์ก็คือบริษัทจะได้รับเงินจากการขายหุ้นครั้งนี้ 3.8 หมื่นล้านบาทและ BV จะเพิ่มขึ้นหลังจากการเพิ่มทุนขั้นมาอยู่ที่ 3.48 บาทต่อหุ้น ดูสวยและสะอาดพร้อมเดินหน้าในการดำเนินธุรกิจในอนาคต
การที่ PTT เข้ามาลงทุน 30% ใน TPI คิดเป็นเงิน 2 หมื่นล้านบาททำให้ 1.)PTT เป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีครองส่วนแบ่งผลิตภัณฑ์ต้นน้ำ 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในประเทศ 2.)ได้กำลังการผลิตการกลั่นเพิ่มขึ้นอีกจากกำลังการผลิตของโรงกลั่น TPI อยู่ที่ 2.15 แสนล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทใช้กำลังการผลิตเพียง 80% หากคำนวณจากการถือหุ้นของ PTT จะพบว่า PTT เป็นเจ้าของการผลิตสูงถึง 7.35 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือ 70.5% ของกำลังการผลิตทั้งหมด แต่หากคิดตามสัดส่วนที่ PTT เข้าไปถือหุ้นรวมส่วนที่ PTT เข้าไปถือใน TPI 30% จะพบว่าเป็นส่วนแบ่งของ PTT จริงๆ 3.87 แสนบาร์เรลหรือ 37%
เราไม่มีคำแนะนำสำหรับ TPI