มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 991
[quote="croyoty"]
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 992
อ้อ ลืมไป ดูแลสุขภาพกันให้ดี ทุกคนนะครับ รายจ่ายใหญ่ ถ้ามันจะเกิดขึ้น
จากหนักมาก จะได้เบาลงบ้าง..
จากหนักมาก จะได้เบาลงบ้าง..
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 994
หมากรุกจีนเมื่อก่อนก็เล่นครับ ตอนนี้ชักจะลืมๆ แล้ว :oops: พอมาเล่นโกะ ฝีมือหมากรุกไทย-จีน-ฝรั่ง ห่วยลงหมดครับ :lol:พี่หมอ Paul ภัทรพล เขียน:เดี๋ยวผมจะลองศึกษามั่ง ตอนเด็กๆ ผมชอบเล่นหมากรุกจีนมาก คล้ายๆกันเปล่า คุณ ริวกะ :?:
สนุกกว่าเล่น twitter อีกนะครับ :8)อาจารย์mp เขียน:เล่นไม่เปนเหมือนกัน
บรึ๋ย... ต่อ 9 เม็ดนี่ให้พี่ปุ๊ (กันดั้ม) ไปเลยครับ :oops:พี่บิ๊ก เขียน: ยังไง เล่นครั้งแรกๆ สำหรับกระดาน 19x19 เล่นกันแบบหมากชี้แนะดีไหมครับ อาจต้องให้พี่ริวกะต่อให้ผม 9 เม็ด ถ้าผมรับพี่ได้ ทีนี้เกมต่อไปก็ค่อยๆลดทีละ 2-3 เม็ด
ปล. ดูบันทึกหมาก 9x9 ย้อนหลังของพี่กับคุณชายมากรักแล้ว ค่อนข้างแน่ใจว่าผมยังตามหลังพี่อยู่หลาย shot นักครับ ไว้มีโอกาสเจอกัน ผมจะแบกกระดานมา :o
พี่บิ๊กถล่มตัวแบบนี้ เอาสักสี่ซ้าห้าเม็ดก่อนละกัน
กว่าจะเข้าใจก็ใช้เวลาเหมือนกันครับ เราจะเอาชนะแบบไม่หักหาญด้วยกำลัง แต่ใช้กำลังให้เป็นประโยชน์ ไม่เน้นจะฆ่าให้ตาย (เพราะเราซาดิสต์กว่านั้น :twisted: ) แต่ปล่อยให้คู่กระเสือกกระสนแค่พอรอดก็พอ (แต่ถ้าเขาบังเอิญตายขึ้นมาก็ถือเป็นผลพลอยได้ครับ :twisted: )พี่หมอ kotaro เขียน:สนใจโกะ เพราะอ่าน ฮิคารุ และ หนังสือของคุณ ก่อศักดิ์
ที่ว่า "ชนะได้โดยไม่หวังเอาชนะ"
ดีใจจัง พี่ Renne ก็จะมาเล่นด้วย :8)พี่ Renne เขียน:ไว้ว่างๆ สงสัยต้องรบกวนพี่ๆหรือเพื่อนๆหลายๆคนในนี้ช่วยชี้แนะให้บ้างแล้ว สองสามปีก่อนเคยนั่งเล่นอยู่ เพื่อนลากเข้าไปในKGSหรืออะไรนี่แหละ ปัจจุบันโปรแกรมหายจึงไม่เคยเข้าไปอีกเลย
แหม ดูเว็บ___ ดูคลิป___ นี่ดูได้ แต่เล่นโกะแล้วปวดตาเชียวนะครับ :twisted:พี่หมออุ้ย(ศิษย์อา) เขียน:ผมขอข้อแม้ว่า เล่นกระดานจริงได้ไหมครับ เล่นทางอิเลกทรอนิกส์แล้วปวดตา 55
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 997
จำได้ว่า เคยเห็นบทความหนึ่งของหมอแป๊ะ เกี่ยวกับ การลงทุนในสไตล์ จอห์น เนฟ อ่านแล้วได้ความรู้ดีมากเลย แต่ไม่ได้เซฟเก็บไว้
จะเป็นการรบกวนไปหรือเปล่า ที่จะรบกวน หมอแป๊ะ ช่วยโพสต์ บทความนั้นอีกครั้ง
เพื่อความรู้ของ ชมรม หมอที่ไม่อยากเป็น หมู เช่นชมรม หมอเจ็บของเรา และเพื่อนๆ ในเวปท่านอื่น
ขอบคุณล่วงหน้า
จะเป็นการรบกวนไปหรือเปล่า ที่จะรบกวน หมอแป๊ะ ช่วยโพสต์ บทความนั้นอีกครั้ง
เพื่อความรู้ของ ชมรม หมอที่ไม่อยากเป็น หมู เช่นชมรม หมอเจ็บของเรา และเพื่อนๆ ในเวปท่านอื่น
ขอบคุณล่วงหน้า
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 998
พี่มุขหมายถึงอันนี้ป่ะ
ลงทุนอย่างจอห์น เนฟฟ์
โดยปกติเวลามี เพื่อนนลท. หน้าใหม่ มาขอคำปรึกษาเรื่องหลักการลงทุน ผมก็มักจะแนะนำให้ศึกษาจากตำราของทั้งฟากเทคนิค และฟากแวลู จากนั้นให้ลองเทรดดูว่าระบบการเทรดแบบไหนที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด
แต่ ปัญหาที่ผมได้พบเสมอๆ ก็คือ เพื่อนนลท.หน้าใหม่เหล่านั้น มักจะกลับมาบ่นอยู่เสมอๆ ว่า การลงทุนแบบแวลูนั้นยาก และต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในหลายๆ เรื่อง ทั้งการมองธุรกิจ บัญชี เศรษฐกิจมหภาค ทำให้เพื่อนนลท.หน้าใหม่เหล่านั้น มักจะหมดความพยายามในการที่จะศึกษา และทำความเข้าใจ เกี่ยวกับการลงทุนในแนวนี้
ที่จริงหลักการของการลงทุนแบบแวลูนั้น ง่าย เพียงแค่ท่านซื้อกิจการของบริษัทในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าของมัน เท่านี้ก็นับเป็นการลงทุนแบบแวลูแล้ว
แต่จากหลักการข้างต้น ก็ได้มีการพัฒนาแนวทางในการประยุกต์หลักการข้างต้นมาอีกมากมาย
แนว ทางหนึ่ง ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นกระแสหลักของการลงทุนแบบแวลูในปัจจุบัน คือแนวทางของ วอร์เรน บัฟเฟต์ ที่เน้น ในเรื่องของคุณภาพของกิจการ... เพราะบัฟเฟต์เชื่อว่า กิจการที่มียอดเยี่ยม มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยืน และมีผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถร่วมกับมีธรรมาภิบาลที่ดี ย่อมต่อยอดสะสมมูลค่าของกิจการให้เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างไม่มีขีดกำจัด
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าแนวทางของบัฟเฟต์นั้น ยอดเยี่ยมเพียงใด แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาของแนวทางการลงทุนอย่างบัฟเฟต์ จำเป็นต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจในหลายเรื่องๆ รวมทั้งการมองธุรกิจในระยะยาวอย่างแม่นยำ ซึ่งก็มักจะเป็นปัญหากับนลท.หน้าใหม่ ดังที่ผมเรียนไว้ข้างต้น
ผมเลย มาลองคิดดูว่า มีแนวทางการลงทุนแบบแวลู ที่ลดความซับซ้อน และไม่ต้องอาศัยความเข้าใจในศาสตร์ทางธุรกิจมากมายอะไรขนาดนั้นไหม เพื่อที่จะเป็นก้าวแรกของนลท. ที่สนใจการลงทุนแบบแวลู
เมื่อนึกถึง แนวทางการลงทุนแบบแวลู ที่ไม่ต้องสนใจความเป็นไปทางธุรกิจ หรือต้องมาสนใจงบการเงินมากมายนัก ผมนึกถึงการลงทุนแบบเบน เกรแฮม ( ซึ่งเป็นอาจารย์ของบัฟเฟต์อีกที ) และ จอห์น เนฟฟ์
แต่อย่างไรก็ดีการ ลงทุนแบบเกรแฮม ออกจะสุดโต่งไปสักหน่อย ( ในทัศนะของผมเอง ) เนื่องจากเกรแฮม แทบจะไม่ให้ ความสำคัญกับตัวธุรกิจเลย ซึ่งเกรแฮมเองก็ยอมรับจุดบอดจุดนี้ในกลยุทธ์ของตัวเอง เกรแฮมจึงพยายามกระจายการถือครองหุ้นในหลายๆ ตัวในพอร์ตโฟลิโอ รวมทั้งกำจัดหุ้นถูกเรื้อรัง ด้วยการขายหุ้นที่ถือครองแล้วราคาไม่ไปไหนเกินสองปี
ผมจึงสนใจการลง ทุนในแบบของเนฟฟ์มากกว่า เพราะแม้เนฟฟ์จะเน้นที่ราคาของหุ้นที่ถูกมากๆ เช่นเดียวกับเกรแฮม แต่เนฟฟ์ก็ยังให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจ ( ดังที่ผมจะได้กล่าวต่อไป )
จอห์น เนฟฟ์เป็นผู้จัดการกองทุน Windsor ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในอเมริกา ซึ่งตลอดเวลา 32 ปีที่เค้าบริหารกองทุนนี้ สินทรัพย์ของกองทุนเพิ่มขึ้นถึง 57 เท่า หรือเปรียบเทียบเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 13.7% ( เทียบกับผลตอบแทนเพียง 22 เท่าของดัชนี S&P 500 )
วิธีการลงทุนของเนฟฟ์ ค่อนข้างจะเข้าใจง่ายกว่า แนวทางแบบบัฟเฟต์ เนื่องจากเนฟฟ์ใช้อัตราส่วนทางการเงินเพียงไม่กี่ตัวในการประเมินหุ้นแต่ละ ตัว และการลงทุนแบบเนฟฟ์ ไม่ได้อาศัยความเข้าใจทางธุรกิจมากมายนัก
หลัก การง่ายๆของเนฟฟ์คือ ให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มี PE ต่ำๆ มีการเติบโตพอประมาณ และมี Total return ratio ที่สูงกว่าตลาด สองเท่าขึ้นไป
เหตุผลที่เนฟฟ์เลือกลงทุนในหุ้นที่มี PE ต่ำๆ เนื่องจาก PE ที่ต่ำแสดงถึงการคาดหวังของตลาดต่อการเติบโตของกำไรของบริษัทที่ค่อนข้าง น้อย ดังนั้นหากกำไรในอนาคตของบริษัทเติบโตขึ้นได้มากกว่าที่ตลาดคาดหวัง ก็มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะดีดตัวขึ้นมา 50 - 100% ( จากการที่ตลาดปรับ PE ให้ ) เช่น หุ้นของบ. A เคยทำ EPS ได้ 2 บาท และเทรดกันที่ PE 5 ( = 10 บาท ) ต่อมาบริษัทสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง สามารถเพิ่มกำไรได้จนมาอยู่ที่ 2.2 บาทต่อหุ้น วันดีคืนดีตลาดอาจจะเห็นคุณค่าของหุ้นตัวนี้และปรับ PE ให้เป็น 8 ละหุ้นตัวนั้นขึ้นไปเทรดกันที่ 17.6 บาท เป็นต้น
ในทำนอง ตรงข้าม หากบริษัทเติบโตได้น้อยกว่าที่เราคาดการณ์ โอกาสขาดทุนหนักๆ ของเราก็แทบจะไม่มี เนื่องจากตลาดไม่ได้คาดหวังจากหุ้นตัวนี้ และเทรดใน PE ที่ต่ำอยู่แล้ว ( นอกจากนี้ PE ที่ต่ำยังจะส่งผลให้ dividend yield สูงโดยอัตโนมัติ ซึงจะเป็นเครื่องป้องกันการลงของราคาแรงๆ อีกทางหนึ่ง )
PE เท่าไร ที่เนฟฟ์จะเรียกว่าต่ำ ? โดยทั่วไปเนฟฟ์ให้หลักว่า หุ้นที่จะซื้อควรมี PE ต่ำกว่า PE ของตลาดประมาณ 40 60%
หลักข้อต่อมาของเนฟฟ์คือ หุ้นที่ซื้อควรจะเป็นกิจการที่เติบโตพอประมาณ โดยที่เนฟฟ์ให้ตัวเลขไว้ว่าควรจะมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในช่วง 6 20% ติดต่อกันหลายๆ ปี และควรจะเป็นอุตสาหกรรมที่ดูน่าเบื่อ ( ตัวอย่างของเนฟฟ์คือ ทองแดง และปูนซีเมนต์ )
ถ้าจะพิจารณาหลักการข้อ นี้ของเนฟฟ์ จะพบว่าที่จริงก็เป็นการวิเคราะห์อนาคตของธุรกิจ และกำไรที่ยั่งยืนแบบที่บัฟเฟต์ชอบทำ แต่เนฟฟ์ทำให้เป็นเรื่องง่าย ด้วยการใช้ข้อมูลในอดีตมาเป็นตัวสกรีนธุรกิจอย่างคร่าวๆ ด้วยการใช้ตัวเลขการเติบโตของกำไรสุทธิในหลายๆปีที่ผ่านมา ( หากกำไรเติบโตได้ติดต่อกันหลายๆ ปีได้ ก็น่าเชื่อได้ว่าบริษัทน่าจะมีความได้เปรียบบริษัทคู่แข่งอะไรสักอย่าง และก็เชื่อได้เช่นกันว่า E ในปีต่อๆไป ก็น่าจะรักษาการเติบโตในระดับนี้ไว้ได้ )
นอกจากนี้หากหุ้นที่เรา เลือกอยู่ในอุตสาหกรรมที่ดูน่าเบื่ออย่างเช่นที่เนฟฟ์ชอบ ก็จะยิ่งให้ความมั่นใจได้อีกว่าบริษัทน่าจะรักษาการเติบโตในระดับเดียวกับ อดีตได้ต่อไปอีกในอนาคต เพราะตลาดของสินค้าเหล่านี้มักไม่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง แบบเดียวกับสินค้าเทคโนโลยีที่ร้อนแรง และตัวอุตสาหกรรมเองก็มักจะเข้าใจง่าย พอที่จะทำให้เราคาดเดาถึงผลประกอบการในอนาคต เนฟฟ์เคยยกตัวอย่างว่าระหว่างให้คาดเดายอดขายของบริษัทผลิตชิพรุ่นใหม่ กับยอดขายของบริษัทผลิตทองแดง เนฟฟ์ขอเลือกอย่างหลัง )
สาเหตุที่ เนฟฟ์ไม่ลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% ต่อปี เนื่องจากเนฟฟ์มองว่าอุตสาหกรรมที่เติบโตมากกว่า 20% ต่อปีมักจะเป็นอุตสาหกรรมร้อนแรง ซึ่งส่วนใหญ่ตลาดก็มักจะเทรดกันบนความคาดหวังสูงๆ ( นั่นก็คือ PE สูงๆ ) และอุตสาหกรรมที่เติบโตในระดับนั้นได้ก็มักจะเป็นอุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่ตลาด ยังไม่อิ่ม ทำให้ทำนายถึงผลประกอบการในอนาคตได้ลำบาก ( ซึ่งตรงข้ามกับอุตสาหกรรมที่ดูน่าเบื่อ )
หลักข้อสุดท้ายของ เนฟฟ์คือการประเมิน Total return ratio
Total return คือ ผลตอบแทนทั้งหมด ที่นลท จะได้จากการลงทุนในหุ้นตัวหนึ่ง = การเติบโตของกำไร + dividend yield
เช่นกำไรของบ. A โตขึ้น 10% และปีนี้บ. จ่ายปันผลออกมา 3% ดังนั้น total return = 13%
หากเราเอา Total return มาหารด้วยความถูกความแพงของหุ้น ( ซึ่งก็คือ PE ) เราจะได้เป็น Total return ratio ออกมา
เช่นหุ้นของ บ. A เทรดกันที่ PE 5 เราก็จะได้ Total return ratio ของหุ้น บ. A = 13 / 5 = 2.6
Total return ratio บอกอะไรกับเรา ? ค่า TRR เป็นตัวบอกถึงผลตอบแทนที่เราคาดว่าจะได้จากการลงทุนในหุ้นตัวนี้ โดยเทียบกับต้นทุนของความถูกความแพงของหุ้นที่เราซื้อ ( จะเห็นได้ว่าถ้าเราซื้อหุ้นที่ PE แพงๆ แม้ผลการดำเนินงานและปันผลจะออกมาดี แต่ return rate ก็จะออกมาต่ำเนื่องจากต้นทุนที่เราจ่ายค่อนข้างแพง ตรงกันข้ามกับหุ้น PE ต่ำ ที่มักจะให้ return rate ที่สูงกว่า ขอเพียงแค่ผลการดำเนินงานและปันผลออกมาในระดับที่ใช้ได้ )
ปกติเนฟฟ์ จะเลือกลงทุนในหุ้นที่ให้ TRR มากกว่า TRR ของตลาด 2 เท่าขึ้นไป
สรุปหลักการของเนฟฟ์
- เลือกลงทุนในหุ้นที่ PE ต่ำๆ ( ต่ำกว่า PE ตลาด 40 60% )
- มีกำไรเติบโตพอประมาณ ( โต 6 20% ต่อเนื่องกันหลายๆ ปี และควรจะเป็นอุตสาหกรรมที่คาดเดาผลประกอบการได้ง่าย )
- TRR มากกว่า 2 เท่าของตลาด
ลองเอาหลักการของเนฟฟ์มาประยุกต์กับตลาดไทยนะครับ
- PE ตลาดตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 24 ดังนั้นหุ้นที่เราเลือกไม่ควรมี PE เกิน 10 13
- ตลาดบ้านเราไม่ค่อยมีธุรกิจที่ร้อนแรงพวกเทคโนโลยี หรือหุ้นดอตคอม อย่างในอเมริกาอยู่แล้ว คิดว่าหุ้นบ้านเราน่าจะเข้าข่ายหุ้นน่าเบื่อได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นหุ้นวัฏจักร และ commodity
- TRR : ข้อมูลล่าสุด yield = 3.8%, Growth ( ไม่รวมกลุ่มทรัพยากร ) = 5.2% ( เทียบกับไตรมาสสอง ) ดังนั้น TRR ของตลาด ณ ขณะนี้คือ 5.2 + 3.8 / 24 = 0.38 ดังนั้น หุ้นที่เราเลือกควรมี TRR > 0.76
หมายเหตุประกอบบทความ
1 ที่จริงสไตล์การลงทุนของเนฟฟ์ยังมีอีกหลายรูปแบบนะครับ เช่น ลงทุนในบริษัทยอดเยี่ยม แต่มีเหตุการณ์ไม่ปกติทำให้ราคาหุ้นถูก discount ลงมามาก หุ้นวัฎจักร หุ้นที่มีกระแสเงินสดเยอะๆ แต่แนวทาง PE ต่ำเป็นแนวทางที่เนฟฟ์ใช้บ่อยที่สุด และมีคนอ้างถึงบ่อยที่สุดเช่นกัน ( สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม อ่านได้ใน "ลงทุนแบบจอห์น เนฟฟ์" ครับ )
2 หุ้นทุกตัวของเนฟฟ์มีไว้เพื่อขาย จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์การเน้นราคามากกว่าคุณภาพของเนฟฟ์ ทำให้เมื่อวันนึงตลาดปรับราคาของหุ้นให้มาอยู่ในจุดที่เหมาะสม คุณก็จำเป็นต้องขายหุ้นตัวนั้น ( เพราะคุณซื้อมันด้วยเหตุผลว่ามันถูก พอมันไม่ถูกก็ไม่มีเหตุผลที่จะถือต่อ )
3 โดยส่วนตัว ผมก็ยังเชื่อในแนวทางของบัฟเฟต์มากกว่า ( บริษัทที่ได้เปรียบอย่างยั่งยืนในราคายุติธรรม ) บทความนี้ผมเพียงจะเรียนให้เพื่อนนลท ทราบถึงแนวทางการลงทุนของ VI ระดับตำนานท่านอื่นๆ และผมเล็งเห็นว่าแนวทางของเนฟฟ์ค่อนข้างง่าย และอาจจะเหมาะสมกับเพื่อนนลท. ที่เพิ่งเริ่มศึกษาการลงทุนแนวนี้
4 อันนี้เป็นทัศนะของผมเอง ผมมองว่าหากเพื่อนนลท จะนำหลักการลงทุนแบบเนฟฟ์ไปใช้ ควรจะมีการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอพอสมควร ( ด้วยการถือครองหุ้นหลายตัวในหลายอุตสาหกรรม ) เนื่องจากการลงทุนในแนวของเนฟฟ์ ค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับข้อมูลในเชิงคุณภาพน้อย ซึ่งบางครั้งปัญหาทางธุรกิจหลายๆอย่างก็อาจจะไม่ได้สะท้อนออกมาในอัตราส่วน ทางการเงิน
ลงทุนอย่างจอห์น เนฟฟ์
โดยปกติเวลามี เพื่อนนลท. หน้าใหม่ มาขอคำปรึกษาเรื่องหลักการลงทุน ผมก็มักจะแนะนำให้ศึกษาจากตำราของทั้งฟากเทคนิค และฟากแวลู จากนั้นให้ลองเทรดดูว่าระบบการเทรดแบบไหนที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด
แต่ ปัญหาที่ผมได้พบเสมอๆ ก็คือ เพื่อนนลท.หน้าใหม่เหล่านั้น มักจะกลับมาบ่นอยู่เสมอๆ ว่า การลงทุนแบบแวลูนั้นยาก และต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในหลายๆ เรื่อง ทั้งการมองธุรกิจ บัญชี เศรษฐกิจมหภาค ทำให้เพื่อนนลท.หน้าใหม่เหล่านั้น มักจะหมดความพยายามในการที่จะศึกษา และทำความเข้าใจ เกี่ยวกับการลงทุนในแนวนี้
ที่จริงหลักการของการลงทุนแบบแวลูนั้น ง่าย เพียงแค่ท่านซื้อกิจการของบริษัทในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าของมัน เท่านี้ก็นับเป็นการลงทุนแบบแวลูแล้ว
แต่จากหลักการข้างต้น ก็ได้มีการพัฒนาแนวทางในการประยุกต์หลักการข้างต้นมาอีกมากมาย
แนว ทางหนึ่ง ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นกระแสหลักของการลงทุนแบบแวลูในปัจจุบัน คือแนวทางของ วอร์เรน บัฟเฟต์ ที่เน้น ในเรื่องของคุณภาพของกิจการ... เพราะบัฟเฟต์เชื่อว่า กิจการที่มียอดเยี่ยม มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยืน และมีผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถร่วมกับมีธรรมาภิบาลที่ดี ย่อมต่อยอดสะสมมูลค่าของกิจการให้เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างไม่มีขีดกำจัด
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าแนวทางของบัฟเฟต์นั้น ยอดเยี่ยมเพียงใด แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาของแนวทางการลงทุนอย่างบัฟเฟต์ จำเป็นต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจในหลายเรื่องๆ รวมทั้งการมองธุรกิจในระยะยาวอย่างแม่นยำ ซึ่งก็มักจะเป็นปัญหากับนลท.หน้าใหม่ ดังที่ผมเรียนไว้ข้างต้น
ผมเลย มาลองคิดดูว่า มีแนวทางการลงทุนแบบแวลู ที่ลดความซับซ้อน และไม่ต้องอาศัยความเข้าใจในศาสตร์ทางธุรกิจมากมายอะไรขนาดนั้นไหม เพื่อที่จะเป็นก้าวแรกของนลท. ที่สนใจการลงทุนแบบแวลู
เมื่อนึกถึง แนวทางการลงทุนแบบแวลู ที่ไม่ต้องสนใจความเป็นไปทางธุรกิจ หรือต้องมาสนใจงบการเงินมากมายนัก ผมนึกถึงการลงทุนแบบเบน เกรแฮม ( ซึ่งเป็นอาจารย์ของบัฟเฟต์อีกที ) และ จอห์น เนฟฟ์
แต่อย่างไรก็ดีการ ลงทุนแบบเกรแฮม ออกจะสุดโต่งไปสักหน่อย ( ในทัศนะของผมเอง ) เนื่องจากเกรแฮม แทบจะไม่ให้ ความสำคัญกับตัวธุรกิจเลย ซึ่งเกรแฮมเองก็ยอมรับจุดบอดจุดนี้ในกลยุทธ์ของตัวเอง เกรแฮมจึงพยายามกระจายการถือครองหุ้นในหลายๆ ตัวในพอร์ตโฟลิโอ รวมทั้งกำจัดหุ้นถูกเรื้อรัง ด้วยการขายหุ้นที่ถือครองแล้วราคาไม่ไปไหนเกินสองปี
ผมจึงสนใจการลง ทุนในแบบของเนฟฟ์มากกว่า เพราะแม้เนฟฟ์จะเน้นที่ราคาของหุ้นที่ถูกมากๆ เช่นเดียวกับเกรแฮม แต่เนฟฟ์ก็ยังให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจ ( ดังที่ผมจะได้กล่าวต่อไป )
จอห์น เนฟฟ์เป็นผู้จัดการกองทุน Windsor ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในอเมริกา ซึ่งตลอดเวลา 32 ปีที่เค้าบริหารกองทุนนี้ สินทรัพย์ของกองทุนเพิ่มขึ้นถึง 57 เท่า หรือเปรียบเทียบเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 13.7% ( เทียบกับผลตอบแทนเพียง 22 เท่าของดัชนี S&P 500 )
วิธีการลงทุนของเนฟฟ์ ค่อนข้างจะเข้าใจง่ายกว่า แนวทางแบบบัฟเฟต์ เนื่องจากเนฟฟ์ใช้อัตราส่วนทางการเงินเพียงไม่กี่ตัวในการประเมินหุ้นแต่ละ ตัว และการลงทุนแบบเนฟฟ์ ไม่ได้อาศัยความเข้าใจทางธุรกิจมากมายนัก
หลัก การง่ายๆของเนฟฟ์คือ ให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มี PE ต่ำๆ มีการเติบโตพอประมาณ และมี Total return ratio ที่สูงกว่าตลาด สองเท่าขึ้นไป
เหตุผลที่เนฟฟ์เลือกลงทุนในหุ้นที่มี PE ต่ำๆ เนื่องจาก PE ที่ต่ำแสดงถึงการคาดหวังของตลาดต่อการเติบโตของกำไรของบริษัทที่ค่อนข้าง น้อย ดังนั้นหากกำไรในอนาคตของบริษัทเติบโตขึ้นได้มากกว่าที่ตลาดคาดหวัง ก็มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะดีดตัวขึ้นมา 50 - 100% ( จากการที่ตลาดปรับ PE ให้ ) เช่น หุ้นของบ. A เคยทำ EPS ได้ 2 บาท และเทรดกันที่ PE 5 ( = 10 บาท ) ต่อมาบริษัทสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง สามารถเพิ่มกำไรได้จนมาอยู่ที่ 2.2 บาทต่อหุ้น วันดีคืนดีตลาดอาจจะเห็นคุณค่าของหุ้นตัวนี้และปรับ PE ให้เป็น 8 ละหุ้นตัวนั้นขึ้นไปเทรดกันที่ 17.6 บาท เป็นต้น
ในทำนอง ตรงข้าม หากบริษัทเติบโตได้น้อยกว่าที่เราคาดการณ์ โอกาสขาดทุนหนักๆ ของเราก็แทบจะไม่มี เนื่องจากตลาดไม่ได้คาดหวังจากหุ้นตัวนี้ และเทรดใน PE ที่ต่ำอยู่แล้ว ( นอกจากนี้ PE ที่ต่ำยังจะส่งผลให้ dividend yield สูงโดยอัตโนมัติ ซึงจะเป็นเครื่องป้องกันการลงของราคาแรงๆ อีกทางหนึ่ง )
PE เท่าไร ที่เนฟฟ์จะเรียกว่าต่ำ ? โดยทั่วไปเนฟฟ์ให้หลักว่า หุ้นที่จะซื้อควรมี PE ต่ำกว่า PE ของตลาดประมาณ 40 60%
หลักข้อต่อมาของเนฟฟ์คือ หุ้นที่ซื้อควรจะเป็นกิจการที่เติบโตพอประมาณ โดยที่เนฟฟ์ให้ตัวเลขไว้ว่าควรจะมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในช่วง 6 20% ติดต่อกันหลายๆ ปี และควรจะเป็นอุตสาหกรรมที่ดูน่าเบื่อ ( ตัวอย่างของเนฟฟ์คือ ทองแดง และปูนซีเมนต์ )
ถ้าจะพิจารณาหลักการข้อ นี้ของเนฟฟ์ จะพบว่าที่จริงก็เป็นการวิเคราะห์อนาคตของธุรกิจ และกำไรที่ยั่งยืนแบบที่บัฟเฟต์ชอบทำ แต่เนฟฟ์ทำให้เป็นเรื่องง่าย ด้วยการใช้ข้อมูลในอดีตมาเป็นตัวสกรีนธุรกิจอย่างคร่าวๆ ด้วยการใช้ตัวเลขการเติบโตของกำไรสุทธิในหลายๆปีที่ผ่านมา ( หากกำไรเติบโตได้ติดต่อกันหลายๆ ปีได้ ก็น่าเชื่อได้ว่าบริษัทน่าจะมีความได้เปรียบบริษัทคู่แข่งอะไรสักอย่าง และก็เชื่อได้เช่นกันว่า E ในปีต่อๆไป ก็น่าจะรักษาการเติบโตในระดับนี้ไว้ได้ )
นอกจากนี้หากหุ้นที่เรา เลือกอยู่ในอุตสาหกรรมที่ดูน่าเบื่ออย่างเช่นที่เนฟฟ์ชอบ ก็จะยิ่งให้ความมั่นใจได้อีกว่าบริษัทน่าจะรักษาการเติบโตในระดับเดียวกับ อดีตได้ต่อไปอีกในอนาคต เพราะตลาดของสินค้าเหล่านี้มักไม่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง แบบเดียวกับสินค้าเทคโนโลยีที่ร้อนแรง และตัวอุตสาหกรรมเองก็มักจะเข้าใจง่าย พอที่จะทำให้เราคาดเดาถึงผลประกอบการในอนาคต เนฟฟ์เคยยกตัวอย่างว่าระหว่างให้คาดเดายอดขายของบริษัทผลิตชิพรุ่นใหม่ กับยอดขายของบริษัทผลิตทองแดง เนฟฟ์ขอเลือกอย่างหลัง )
สาเหตุที่ เนฟฟ์ไม่ลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% ต่อปี เนื่องจากเนฟฟ์มองว่าอุตสาหกรรมที่เติบโตมากกว่า 20% ต่อปีมักจะเป็นอุตสาหกรรมร้อนแรง ซึ่งส่วนใหญ่ตลาดก็มักจะเทรดกันบนความคาดหวังสูงๆ ( นั่นก็คือ PE สูงๆ ) และอุตสาหกรรมที่เติบโตในระดับนั้นได้ก็มักจะเป็นอุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่ตลาด ยังไม่อิ่ม ทำให้ทำนายถึงผลประกอบการในอนาคตได้ลำบาก ( ซึ่งตรงข้ามกับอุตสาหกรรมที่ดูน่าเบื่อ )
หลักข้อสุดท้ายของ เนฟฟ์คือการประเมิน Total return ratio
Total return คือ ผลตอบแทนทั้งหมด ที่นลท จะได้จากการลงทุนในหุ้นตัวหนึ่ง = การเติบโตของกำไร + dividend yield
เช่นกำไรของบ. A โตขึ้น 10% และปีนี้บ. จ่ายปันผลออกมา 3% ดังนั้น total return = 13%
หากเราเอา Total return มาหารด้วยความถูกความแพงของหุ้น ( ซึ่งก็คือ PE ) เราจะได้เป็น Total return ratio ออกมา
เช่นหุ้นของ บ. A เทรดกันที่ PE 5 เราก็จะได้ Total return ratio ของหุ้น บ. A = 13 / 5 = 2.6
Total return ratio บอกอะไรกับเรา ? ค่า TRR เป็นตัวบอกถึงผลตอบแทนที่เราคาดว่าจะได้จากการลงทุนในหุ้นตัวนี้ โดยเทียบกับต้นทุนของความถูกความแพงของหุ้นที่เราซื้อ ( จะเห็นได้ว่าถ้าเราซื้อหุ้นที่ PE แพงๆ แม้ผลการดำเนินงานและปันผลจะออกมาดี แต่ return rate ก็จะออกมาต่ำเนื่องจากต้นทุนที่เราจ่ายค่อนข้างแพง ตรงกันข้ามกับหุ้น PE ต่ำ ที่มักจะให้ return rate ที่สูงกว่า ขอเพียงแค่ผลการดำเนินงานและปันผลออกมาในระดับที่ใช้ได้ )
ปกติเนฟฟ์ จะเลือกลงทุนในหุ้นที่ให้ TRR มากกว่า TRR ของตลาด 2 เท่าขึ้นไป
สรุปหลักการของเนฟฟ์
- เลือกลงทุนในหุ้นที่ PE ต่ำๆ ( ต่ำกว่า PE ตลาด 40 60% )
- มีกำไรเติบโตพอประมาณ ( โต 6 20% ต่อเนื่องกันหลายๆ ปี และควรจะเป็นอุตสาหกรรมที่คาดเดาผลประกอบการได้ง่าย )
- TRR มากกว่า 2 เท่าของตลาด
ลองเอาหลักการของเนฟฟ์มาประยุกต์กับตลาดไทยนะครับ
- PE ตลาดตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 24 ดังนั้นหุ้นที่เราเลือกไม่ควรมี PE เกิน 10 13
- ตลาดบ้านเราไม่ค่อยมีธุรกิจที่ร้อนแรงพวกเทคโนโลยี หรือหุ้นดอตคอม อย่างในอเมริกาอยู่แล้ว คิดว่าหุ้นบ้านเราน่าจะเข้าข่ายหุ้นน่าเบื่อได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นหุ้นวัฏจักร และ commodity
- TRR : ข้อมูลล่าสุด yield = 3.8%, Growth ( ไม่รวมกลุ่มทรัพยากร ) = 5.2% ( เทียบกับไตรมาสสอง ) ดังนั้น TRR ของตลาด ณ ขณะนี้คือ 5.2 + 3.8 / 24 = 0.38 ดังนั้น หุ้นที่เราเลือกควรมี TRR > 0.76
หมายเหตุประกอบบทความ
1 ที่จริงสไตล์การลงทุนของเนฟฟ์ยังมีอีกหลายรูปแบบนะครับ เช่น ลงทุนในบริษัทยอดเยี่ยม แต่มีเหตุการณ์ไม่ปกติทำให้ราคาหุ้นถูก discount ลงมามาก หุ้นวัฎจักร หุ้นที่มีกระแสเงินสดเยอะๆ แต่แนวทาง PE ต่ำเป็นแนวทางที่เนฟฟ์ใช้บ่อยที่สุด และมีคนอ้างถึงบ่อยที่สุดเช่นกัน ( สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม อ่านได้ใน "ลงทุนแบบจอห์น เนฟฟ์" ครับ )
2 หุ้นทุกตัวของเนฟฟ์มีไว้เพื่อขาย จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์การเน้นราคามากกว่าคุณภาพของเนฟฟ์ ทำให้เมื่อวันนึงตลาดปรับราคาของหุ้นให้มาอยู่ในจุดที่เหมาะสม คุณก็จำเป็นต้องขายหุ้นตัวนั้น ( เพราะคุณซื้อมันด้วยเหตุผลว่ามันถูก พอมันไม่ถูกก็ไม่มีเหตุผลที่จะถือต่อ )
3 โดยส่วนตัว ผมก็ยังเชื่อในแนวทางของบัฟเฟต์มากกว่า ( บริษัทที่ได้เปรียบอย่างยั่งยืนในราคายุติธรรม ) บทความนี้ผมเพียงจะเรียนให้เพื่อนนลท ทราบถึงแนวทางการลงทุนของ VI ระดับตำนานท่านอื่นๆ และผมเล็งเห็นว่าแนวทางของเนฟฟ์ค่อนข้างง่าย และอาจจะเหมาะสมกับเพื่อนนลท. ที่เพิ่งเริ่มศึกษาการลงทุนแนวนี้
4 อันนี้เป็นทัศนะของผมเอง ผมมองว่าหากเพื่อนนลท จะนำหลักการลงทุนแบบเนฟฟ์ไปใช้ ควรจะมีการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอพอสมควร ( ด้วยการถือครองหุ้นหลายตัวในหลายอุตสาหกรรม ) เนื่องจากการลงทุนในแนวของเนฟฟ์ ค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับข้อมูลในเชิงคุณภาพน้อย ซึ่งบางครั้งปัญหาทางธุรกิจหลายๆอย่างก็อาจจะไม่ได้สะท้อนออกมาในอัตราส่วน ทางการเงิน
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1000
ถามได้ครับ แต่อาจจะตอบไม่ได้ :lol: :lol:Paul VI เขียน:โอว รวดเร็ว ทันใจ ขอบคุณมากๆครับ
ผมว่า ถ้ามีใครมาถามอะไรๆ กับ หมอแป๊ะ ในกระทู้นี้ จะรบกวนหมอแป๊ะได้มั้ย
จะได้ความรู้ ถ้วนทั่วกัน
ขอบคุณล่วงหน้าอีกครั้ง
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1002
[quote="Paul VI"]เออ ลืมเล้่าไป เมือช่วงค่ำๆ มีเพื่อนที่ไม่ได้เคยคุยกันเรื่องหุ้น อยู่ๆ มันก็ชวนคุยเรื่องหุ้น เราก็ แนะนำเวปเราซะเลย
แต่ว่า ชักคิด อะไร เหมือนกันแฮะ ร้อยวัน 1000 ปี ไม่ค่อยเคยคุย
แต่ว่า ชักคิด อะไร เหมือนกันแฮะ ร้อยวัน 1000 ปี ไม่ค่อยเคยคุย
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1003
[quote="reiter"][quote="Paul VI"]เออ ลืมเล้่าไป เมือช่วงค่ำๆ มีเพื่อนที่ไม่ได้เคยคุยกันเรื่องหุ้น อยู่ๆ มันก็ชวนคุยเรื่องหุ้น เราก็ แนะนำเวปเราซะเลย
แต่ว่า ชักคิด อะไร เหมือนกันแฮะ ร้อยวัน 1000 ปี ไม่ค่อยเคยคุย
แต่ว่า ชักคิด อะไร เหมือนกันแฮะ ร้อยวัน 1000 ปี ไม่ค่อยเคยคุย
- Renne
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1004
ดีใจจัง พี่ Renne ก็จะมาเล่นด้วยRyuga เขียน:พี่ Renne เขียน:ไว้ว่างๆ สงสัยต้องรบกวนพี่ๆหรือเพื่อนๆหลายๆคนในนี้ช่วยชี้แนะให้บ้างแล้ว สองสามปีก่อนเคยนั่งเล่นอยู่ เพื่อนลากเข้าไปในKGSหรืออะไรนี่แหละ ปัจจุบันโปรแกรมหายจึงไม่เคยเข้าไปอีกเลย
"มีสติ คิดก่อนทำ และอย่าดูถูกตลาดมากเกินไป"
"เป็นเรื่องง่ายที่จะถือหุ้นเอาไว้ให้นานและี่ยากที่จะรอซื้อในราคาที่เหมาะสม"
"เป็นเรื่องง่ายที่จะถือหุ้นเอาไว้ให้นานและี่ยากที่จะรอซื้อในราคาที่เหมาะสม"
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1008
น้องไบเบิ้ล ลูกกตัญญู ช่วยพ่อร้องเพลงหาเงินรักษาแม่ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
และซื้อนมให้น้องชายวัย 3 เดือน
http://www.youtube.com/watch?v=dSDeTkhidEM
เพลง รักเดียวใจเดียว
ดูแล้ว บอกได้คำเดียว แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
http://www.youtube.com/watch?v=_OZlS24T_5c
และซื้อนมให้น้องชายวัย 3 เดือน
http://www.youtube.com/watch?v=dSDeTkhidEM
เพลง รักเดียวใจเดียว
ดูแล้ว บอกได้คำเดียว แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
http://www.youtube.com/watch?v=_OZlS24T_5c
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1009
สรุปหลักการของเนฟฟ์
- เลือกลงทุนในหุ้นที่ PE ต่ำๆ ( ต่ำกว่า PE ตลาด 40 60% )
- มีกำไรเติบโตพอประมาณ ( โต 6 20% ต่อเนื่องกันหลายๆ ปี และควรจะเป็นอุตสาหกรรมที่คาดเดาผลประกอบการได้ง่าย )
- TRR มากกว่า 2 เท่าของตลาด
- พ่อน้องเพชร
- Verified User
- โพสต์: 294
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1010
ขอแนะนำwebนี้ครับ http://www.wimutti.net/ เป็นwebสอนเกี่ยวกับการเจริญสติในชีวิตประจำวัน ผมปฏิบัติมา5-6ปีแล้วครับ สมัยก่อนผมจิตตกบ่อยมาก เดี๋ยวนี้น้อยมาก จิตรู้ตื่น เบิกบานมากขึ้น ศีลบริสุทธิ์ขึ้นครับ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1012
ยินดีต้อนรับ เข้าชมรมหมอเจ็บครับjek ae เขียน:สวัสดีครับ สมัครเข้าชมรมหมอเจ็บด้วยคนครับ
มีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆจาก มอ.บ้างหรือเปล่าครับ ผมรุ่น 15 รหัส30 ครับ
พวกเราพยายามจะเป็น หมอที่ไม่ใช่ หมูครับ
ผมไม่ได้จบ มอ. นะครับ แต่ รุ่นเดียวกับผม เป๊ะเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1013
หลังจาก discuss กันระหว่างสมาชิกในครอบครัวแล้ว ลงท้ายไปภูเก็ต 3 วัน 2 คืนครับ
จะไปไหน เมื่อไหร่ คนโน้นก็ติดไอ้นี่ ไอ้นั่น ... หลาย ๆ คนรวมกัน แทบหาช่วงหยุดแบบปลอดภาระหน้าที่ยาว ๆ แทบไม่ได้เลย
พี่ ๆ น้อง ๆ มีข้อแนะนำอะไรบ้างไหมครับในการเที่ยวภูเก็ต โดยเฉพาะเมื่อมีผู้สูงอายุไปด้วย ควรไปทำหรือดู หรือกินอะไรบ้าง (นอกจาก ภูเก็ตแฟนตาซี)
จะไปไหน เมื่อไหร่ คนโน้นก็ติดไอ้นี่ ไอ้นั่น ... หลาย ๆ คนรวมกัน แทบหาช่วงหยุดแบบปลอดภาระหน้าที่ยาว ๆ แทบไม่ได้เลย
พี่ ๆ น้อง ๆ มีข้อแนะนำอะไรบ้างไหมครับในการเที่ยวภูเก็ต โดยเฉพาะเมื่อมีผู้สูงอายุไปด้วย ควรไปทำหรือดู หรือกินอะไรบ้าง (นอกจาก ภูเก็ตแฟนตาซี)
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
- jek ae
- Verified User
- โพสต์: 899
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1014
ยินดีต้อนรับ เข้าชมรมหมอเจ็บครับPaul VI เขียน:jek ae เขียน:สวัสดีครับ สมัครเข้าชมรมหมอเจ็บด้วยคนครับ
มีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆจาก มอ.บ้างหรือเปล่าครับ ผมรุ่น 15 รหัส30 ครับ
พวกเราพยายามจะเป็น หมอที่ไม่ใช่ หมูครับ
ผมไม่ได้จบ มอ. นะครับ แต่ รุ่นเดียวกับผม เป๊ะเลยครับ
- jek ae
- Verified User
- โพสต์: 899
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1015
ผมอยู่สมุยครับ แต่ไปเที่ยวภูเก็ตบ่อย ขอแนะนำที่กินครับmprandy เขียน:หลังจาก discuss กันระหว่างสมาชิกในครอบครัวแล้ว ลงท้ายไปภูเก็ต 3 วัน 2 คืนครับ
จะไปไหน เมื่อไหร่ คนโน้นก็ติดไอ้นี่ ไอ้นั่น ... หลาย ๆ คนรวมกัน แทบหาช่วงหยุดแบบปลอดภาระหน้าที่ยาว ๆ แทบไม่ได้เลย
พี่ ๆ น้อง ๆ มีข้อแนะนำอะไรบ้างไหมครับในการเที่ยวภูเก็ต โดยเฉพาะเมื่อมีผู้สูงอายุไปด้วย ควรไปทำหรือดู หรือกินอะไรบ้าง (นอกจาก ภูเก็ตแฟนตาซี)
อาหารเช้า
-ติ่มซำสไตล์ภูเก็ต มีหลายร้านครับ ร้านประจำผมอยู่ที่สามกองแถวรพ.กรุงเทพภูเก็ต
-โรตีแกงมัสมั่น ที่สี่แยกแถวน้ำ
อาหารเที่ยง แนะนำ ก๋วยเตี๋ยวปลา ที่ร้านอันดามัน หรือ กต. (อยู่ข้างๆกัน อร่อยทั้ง 2ร้าน) ร้านอยู่ข้างธ.กรุงไทยสาขาภูเก็ต หรือลองอาหารพื้นเมืองพวก หมี่สะปำ โลบะ โอต้าวก็อร่อยครับ
อาหารเย็น แนวซีฟู้ด แนะนำร้าน ปากน้ำซีฟู้ดครับ อยู่แถว กู้กู อาหารสด อร่อยคุณภาพเยี่ยมครับ
- VI Wannabe
- Verified User
- โพสต์: 1013
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1016
เรื่องเที่ยวผมชอบ trip เกาะไข่มากเลยนะ เป็น trip ประมาณครึ่งวันไม่เหนื่อยมาก เค้าให้พักเป็นจุดๆตามเกาะต่างๆ น้ำใสปิ๊ง ฝูงปลาแหวกว่าย อย่าลืมพกขนมปัง ไปให้ปลากินด้วยนะครับสนุกดีmprandy เขียน:
พี่ ๆ น้อง ๆ มีข้อแนะนำอะไรบ้างไหมครับในการเที่ยวภูเก็ต โดยเฉพาะเมื่อมีผู้สูงอายุไปด้วย ควรไปทำหรือดู หรือกินอะไรบ้าง (นอกจาก ภูเก็ตแฟนตาซี)
ส่วนเรื่องกินที่ประทับใจก็คือ ที่แพปลาครับ ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันชื่ออะไรฮาๆ แต่ concept ก็คือ เรานั่งเรือไป กินอาหารทะเลบนแพปลา อาหารอาจจะธรรมดา (มันมีหลายแพอยู่ใกล้ๆกัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าร้านไหนเด็ด) แต่บรรยากาศนี่ดีมากๆเลยครับ ชอบมากๆ
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1017
แนะนำเกาะไข่ด้วยครับ นั่งเรือไปไม่ไกลบรรยากาศดีmprandy เขียน:หลังจาก discuss กันระหว่างสมาชิกในครอบครัวแล้ว ลงท้ายไปภูเก็ต 3 วัน 2 คืนครับ
จะไปไหน เมื่อไหร่ คนโน้นก็ติดไอ้นี่ ไอ้นั่น ... หลาย ๆ คนรวมกัน แทบหาช่วงหยุดแบบปลอดภาระหน้าที่ยาว ๆ แทบไม่ได้เลย
พี่ ๆ น้อง ๆ มีข้อแนะนำอะไรบ้างไหมครับในการเที่ยวภูเก็ต โดยเฉพาะเมื่อมีผู้สูงอายุไปด้วย ควรไปทำหรือดู หรือกินอะไรบ้าง (นอกจาก ภูเก็ตแฟนตาซี)
ถ้าอยากเที่ยวทะเลต้องไปเกาะครับ หาดรอบๆภูเก็ตไม่ค่อยน่าเที่ยวเท่าไหร่ออกแนวขายฝรั่งมากกว่า
แต่โรงแรมในภูเก็ตสวยๆมากมายครับใหม่ๆ ทั้งนั้นหลังซึนามิ
ร้านอาหาร
-หมี่ตินโพธิ ในเมืองครับ แต่มาทานตอนเที่ยงต้องทำใจเพราะรอเป็นชาติ
-ร้านกันเอง แถวๆฉลองครับ อาหารทะเล อาหารท้องถิ่น
-ทุ่งคากาแฟ แถวเขารังครับ บรรยากาศดีมาก แต่อาหารไม่เท่าไหร่
ที่เที่ยวอื่นๆ ก็มี แหลมพรมเทพ วัดฉลอง ย่านเมืองเก่า พิพิธพันธ์ ครับ
ขอให้มีความสุขกับวันหยุดครับ
อ่อช่วงนี้ภูเก็ตฝนตกทุกวันเลยครับ อย่าลืมเตรียมแผนสำรองเผื่อด้วยนะครับ ^^ (จาก trip เที่ยวเปลี่ยนเป็น Trip กินแทนครับพี่หมอ หุ หุ)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1018
โอเอ๋วอร่อยมากT.T
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
โพสต์ที่ 1020
ผมไปพัก ภูเก็ต ที่รร. ดุสิต ลากูน่า รีสอร์ท ตรงอ่างบางเทา (ใช่ชื่อนี้เปล่าไม่รู้ จำไม่ค่อยได้แล้ว) บรรยากาศดีมาก รร. มีแต่ฝรั่ง (แก่ๆ) แต่ หรูเลิศใช้ได้
ที่รร. มีบริการ เรือนำเที่ียวรอบ ลากูน่า ฟรีด้วย ก็คงไว้เป็นเรือสัญจร ภานในรร. ของ ลากูน่าด้วย
และก็เช่ารถขับ เที่ยวกันเอง มันส์ไปอีกแบบ
หมอด้า ต้องไปดู พระอาทิตย์ ตกดินที่แหลมพรมเทพนะ แล้วจะรู้ว่า ชีวิตคู่ โรแมนติก ขนาดไหน
ที่รร. มีบริการ เรือนำเที่ียวรอบ ลากูน่า ฟรีด้วย ก็คงไว้เป็นเรือสัญจร ภานในรร. ของ ลากูน่าด้วย
และก็เช่ารถขับ เที่ยวกันเอง มันส์ไปอีกแบบ
หมอด้า ต้องไปดู พระอาทิตย์ ตกดินที่แหลมพรมเทพนะ แล้วจะรู้ว่า ชีวิตคู่ โรแมนติก ขนาดไหน