สวัสดีครับ มิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน
กลับมาแล้วครับ
พอดีหายไปลายวัน เพราะไปต่างจังหวัดมา
ไม่ได้เอาคอมไป
เลยไม่ได้เข้ามาในโลกไซเบอร์ซะหลายวัน
รู้สึกเหมือนชีวิตมันขาดๆอะไรไปบางอย่าง.....เว่อจริงๆ
เอาล่ะครับ กลับมาเรื่องหุ้น
เมื่อวานนี้นายตลาด ท่านลากดัชนีหลุด 650 ไปแล้วครับท่าน
หลุดจากต้นปีมากว่า 120 จุด แล้วยังหาจุดต่ำสุดไม่เจอ
ผมว่า เวลานี้ละครับ
เป็นเวลาของ"การทดสอบจิตใจ VI" ของจริง
ใครจะทนความผันผวนของตลาดได้มากกว่ากัน
สำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดเมื่อครึ่งหลังของปีที่แล้ว
คงยังไม่เคยเจอตลาดที่หักหัวลงแบบหาจุดจบไม่เจอเช่นนี้
เพราะหุ้นขึ้นเอาๆ ไม่เคยลง จนหลายคนคิดว่าตัวเองเป็น"เซียน"
แต่ตอนนี้
ใครเข้ามาในตลาดใหม่ๆแล้ว
"ไม่รู้สึกกลัว"
ผมต้องยอมรับในความเข้มแข็งของจิตใจของท่านเลยละครับ
เพราะถ้าคน
"ไม่เคย"จะรู้สึกว่า
"น่ากลัว"มากในสถานการณ์อย่างนี้
แต่ถ้าเป็นผู้มีประสบการณ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ผ่าน9-11 หรือ ผ่านสงครามอิรักมาแล้ว
จะพบว่า สถานการณ์ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าใดเลย
หุ้นตกเพราะผู้คนตกใจขายหุ้นออกมา
เพราะข่าวร้ายต่างๆ .... ก่อการร้าย ความไม่สงบภาคใต้ ม๊อบกฟผ ฯลฯ
ขณะที่พื้นฐานบริษัทต่างไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
ของก็ยังขายได้ กำไรก็ยังเพิ่มขึ้น
ตอนนี้เป็นการทดสอบจิตใจของ Value Investor ได้ดีที่สุด
ว่าจะใช้
"อารมณ์"หรือจะใช้
"เหตุผล"ในการลงทุน
ถ้าเราถือหุ้นไว้ในธุรกิจที่ดี
แล้วเรามี"อารมณ์"ร่วมกับ"นายตลาด"ตอนนี้
คงเทขายหุ้นทิ้งบ้าระห่ำตามไปด้วย
สุดท้ายหุ้นที่ขายไปแล้วคง
"ขาดทุน"ย่อยยับ
ในสถานการณ์อย่างนี้ เราจะ
"ทำ"อย่างไร
คงมีนักลงทุนมือใหม่หลายๆคนอยากถามคำถามนี้
ถ้า"ติดหุ้น"ในภาวะอย่างนี้จะทำอย่างไร
ผมอยากจะให้คำแนะนำเล็กๆน้อยๆไว้เพื่อเป็นประโยชน์ในการลงทุนบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
เท่าที่ผมเห็นจะพบว่า
นักลงทุนส่วนใหญ่จะมีแต่"กลยุทธเดินหน้า"อย่างเดียว
หมายความว่า มีแต่กลยุทธบุกเข้าตี ตามตำราพิชัยสงคราม
นึกแต่ว่า ถ้าหุ้นขึ้นๆจะทำอย่างไร
ขณะที่ไม่มี"กลยุทธถอยทัพ" ถ้าเกิดตลาดตกต่ำขึ้นมา
ถ้าในสงครามจริง เราคงแพ้แต่ในมุ้งแล้วละครับ
เพราะเราเดินเข้าสงครามโดยไม่มีทางถอย
ถ้าสู้ไม่ได้ก็"ตาย"ลูกเดียว
ท่านซุนวู เคยกล่าวเอาไว้ว่า
"เราจะเข้าสงครามก็ต่อเมื่อเรารู้ว่าเราชนะแน่นอน"
ถ้าไม่คิดว่าจะชนะได้ ก็ไม่ควรเข้าสู้รบ
นั่นหมายความว่า เราไม่ควรลงทุน ถ้าเราคิดว่าจะ"ขาดทุน"
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ท่านซุนวูจะไม่คิดทางหนีทีไล่ ถ้าเกิดเหตุการณ์พลิกผัน
มีหลายครั้งที่ เราจำเป็นต้องถอยออกจากสนามรบ
แต่การถอยควรจะถอยอย่างมีขั้นเชิง
ไม่ใช่แตกพ่ายกระเซ็นกระสาย เหมือนแพแตก
ถ้าข้าศึกเห็นเช่นนั้น ก็คงส่งกองทัพมาขยี้เราจนแหลกราน
เอาล่ะ ไหนๆก็"ติดหุ้น"กันแล้ว จะทำอย่างไรในขณะที่ตลาดกำลังตกต่ำอย่างหาจุดจบไม่เจอ
อันดับแรก- เลิกให้ความสนใจกับ"ราคา"หุ้นระยะสั้น
เพราะบางครั้งมูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้น แต่ราคาก็ลดลงได้
ถ้านายตลาดอารมณ์ไม่ดี
น่าจะคงเคยเห็นกันนะครับ เวลานี้ก็ใช่เลย
สอง- มองให้ไกล
อย่าไปสนใจกับราคาหุ้นระยะสั้น
ให้มองไปที่"ธุรกิจ"ที่เราถือหุ้นอยู่
มองไปข้างหน้า สักสองสามปี เรามองเห็นธุรกิจของเราเป็นอย่างไร
ถ้าธุรกิจยังดี ก็ไม่ต้องกลัวอะไร
สาม- กำจัดวัชพืช
ถ้ามองดูแล้ว อนาคตบริษัทไม่มี
ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะถืออยู่
ถ้าถือหุ้นไม่ดีไว้ในมือ ยามตลาดตกต่ำ ถือเงินสดไว้ดีกว่า
กำจัดวัชพืชแล้วเอาเงินสดไปซื้อดอกไม้ดีๆในราคาถูกดีกว่า
สี่-จำไว้เป็นบทเรียน
ถือว่า เงินที่เราเสียไป คือ
"ค่าวิชา" ที่จ่ายให้กับ"นายตลาด"
แล้วบันทึกไว้ว่าเรา"พลาด"ตรงไหน
ทีหลังจะได้ไม่ทำพลาดอีก
มีสุภาษิตโบราณอันหนึ่งนะครับที่ว่า
"คนที่ไม่เคยทำผิดพลาดเลยก็คือคนที่ไม่ทำอะไรเลย"
ดังนั้น ทุกคนก็ผิดพลาดได้ครับ
แต่อย่าท้อ ต้องยืนหยัดสู้ต่อไป
คนที่จะประสบความสำเร็จ คือคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจใดๆทั้งสิ้น
คนที่ล้มเหลว คือคนที่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจแม้เพียงสักเล้กน้อย
อันนี้ลอกมาจากท่าน นโปเลียน ฮิลล์ครับ
ถ้าลงทุนครั้งแรก แล้ว"ขาดทุน" แล้วหมดกำลังใจเลิกเล่นหุ้น
แล้วจะเป็น"นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ"ได้อย่างไร
คำขวัญสุดท้ายครับ จากอาจารย์บัฟเฟต
"ถ้าทนเห็นหุ้นที่ถืออยู่ ราคาลดลงไปครึ่งหนึ่งไม่ได้ ก็ไม่ควรอยู่ในตลาดหุ้น"
ผมว่าใครทนได้ คนนั้น"ชนะ"ครับ ในสถานการณ์อย่างตอนนี้
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ
MedIEviL เขียน:เห็นนักลงทุนบางท่านจะขายหุ้นพื้นฐานดีจำนวนหนึ่งตอนที่ราคาหุ้นตัวนั้นเพิ่มสูงขึ้นมาก ๆ เป็นการลดต้นทุนให้ต่ำลง แล้วพี่ ๆ ทำอย่างนี้กันมั้ยคะ แล้วถ้าขายไป กลัวมั้ยว่าจะซื้อกลับคืนไม่ได้กรณีที่หุ้นมันขึ้นติดลมไปแล้วไม่ยอมลง
ผมเคยขายหุ้นไปแล้วซื้อคืนไม่ได้ก็มีครับ
ถ้าผมขายหุ้นตัวไหน ผมจะไม่คิดซื้อมันกลับมาเลยครับ
เพราะผมดูธุรกิจ ไม่ได้ดูราคา
ถ้าธุรกิจยังดี และราคาไม่เกินมูลค่ามาก ผมก็ถือต่อ
แต่ถ้าพื้นฐานเปลี่ยน ผมก็"ขายหมด" ยกเล้าเลยครับ
ไม่ถนัดซื้อๆขายๆ หรือเล่นรอบครับ
พอดีบ้านอยู่ไกลตลาดนะครับ
เดินทางไปกลับลำบาก
Mon Money เขียน:คุณวิบูลย์จะมัวเศร้าทำไมกับเจ้าก้นบุหรี่เหล่านั้น ง่ายๆเลยก็ดับบุหรี่เก็บเอาไว้สูบทีหลังก็ได้ ตอนนี้ก็อดบุหรี่ไปพลางๆก่อน
ไม่รู้ผมซาดิสหรือเปล่านะ ผมอยากให้มันลงไปถึง400จุดให้รู้แล้วรู้รอดไป ผมว่าผมคงได้ของดีราคาถูกอยู่ได้นานๆมานอนดูเล่นแน่ๆเลย
คุณมน ผมดับไปมวนนึงแล้วครับ ขาดทุนไป10%
แต่ไม่เสียดาย จะเอาไปช้อนหุ้นสวยๆราคาถูกๆเข้าปอดดีกว่า
ตอนนี้หุ้นดีๆน่ารักๆถูกๆเต็มตลาดไปหมดเลย
เลือกไม่ถูกจริงๆ
ถ้าลงไปเหลือ 400 จุดจริง ผมคงอกแตกตาย
เพราะเงินมีไม่พอจะกว้านหมดตลาด
จะว่าไปตอนนี้ก็ยัง"ติด"อยู่อีกสองสามตัว
ต้องค่อยๆทยอยปล่อยของ กำจัดวัชพืช ไปซื้อดอกไม้ถูกๆแทนครับ
สงสัยผมคงต้องไปหัดเรียนวิชา"เก็บบุหรี่"อีกพอสมควร
ถึงจะไม่ถูกควันบุหรี่เข้าตา ฮ่า ฮ่า
นักดูดาว เขียน:ไปซื้อกาแฟมาแล้วคับ ท่าทางจะมันส์ดีคับ อ่านไปนิดเดียว
ท่านนักดูดาวครับ
ผมมารายงานว่า ผมอ่านกาแฟจบแล้วครับ
อ่านจบ ตาสว่างเลยครับ
เพราะกินกาแฟมากไปหน่อย เลยนอนไม่หลับ
ถ้า VI อ่านคงได้ประโยชน์ไม่มาก
แต่ถ้า"นักเกร็งกำไร"อ่านละก็ สุดยอดครับ
ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนี้กับทุกท่านที่อยากเป็น "นักเกร็ง" ครับ
ต้องหามาอ่านครับ เพราะมีหลักการของ "นักเกร็ง"ไว้ครบถ้วนกระบวนความ
ว่าแต่ว่า ตอนนี้ ท่านนักดูดาวเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า
แต่เอ....ถ้าอาจารย์ Invisible Hand (สมาชิกใหม่ซิงๆ)อ่านกระทู้นี้อยู่
รบกวนช่วยแจมความรู้ด้วยนะครับ
เอาเรื่อง กลยุทธการลงทุนในตอนตลาดถดถอยนี่หละครับ จะทำอย่างไรถ้าติดหุ้น
ขอบคุณครับ