รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 91
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: แรงขายทำกำไรถ่วงนิกเกอิลบ 33.88 จุดเช้านี้
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2554 08:17:10 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวลง 33.88 จุด หรือ 0.40% แตะที่ 8,426.10 จุดหลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาทีในวันนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากนิกเกอิพุ่งขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกันเมื่อ 2 วันทำการที่ผ่านมา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆช่วงเช้านี้ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำภายในประเทศ และจากการที่นักลงทุนจำนวนมากได้ชะลอการลงทุนก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดยาวติดต่อกัน 3 วันของญี่ปุ่น
ตลาดหุ้นโตเกียวจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 23 ธ.ค. เนื่องในวันพระราชสมภพของสมเด็จพระจักรพรรดิ์แห่งญี่ปุ่น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2554 08:17:10 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวลง 33.88 จุด หรือ 0.40% แตะที่ 8,426.10 จุดหลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาทีในวันนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากนิกเกอิพุ่งขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกันเมื่อ 2 วันทำการที่ผ่านมา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆช่วงเช้านี้ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำภายในประเทศ และจากการที่นักลงทุนจำนวนมากได้ชะลอการลงทุนก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดยาวติดต่อกัน 3 วันของญี่ปุ่น
ตลาดหุ้นโตเกียวจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 23 ธ.ค. เนื่องในวันพระราชสมภพของสมเด็จพระจักรพรรดิ์แห่งญี่ปุ่น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 92
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 61.91 จุดรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554 06:39:43 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบครึ่งปี นอกจากนี้ แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับลดการประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 3 แต่ทางกระทรวงยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 61.91 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 12,169.65 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 10.28 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 1,254.00 จุด ดัชนี Nasdaq บวก 21.48 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 2,599.45 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.5 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมาที่ 4.6 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 3 ต่อ 1
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงเล็กน้อย เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐปรับลดการประเมินจีดีพีไตรมาส 3 ลงมาอยู่ที่ 1.8% จากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2% แต่ตลาดก็สามารถพลิกกลับมายืนในแดนบวกได้อีกครั้ง เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า แม้เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆทั่วโลกกำลังชะลอตัวลง แต่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวได้ดี และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวอย่างน้อย 3% ในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 18 เดือน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. ลดลง 4,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 364,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551 และธอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น
เอียน เชพเพิร์ดสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทไฮ ฟรีเควนซี อิโคโนมิกกล่าวว่า "ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งอย่างเหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะจำนวนคนว่างงานที่ลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาด และยังสะท้อนให้เห็นว่าทั้งตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้น"
หุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด นำโดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 6.5% ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้น Akamai พุ่งขึ้น 18.6% หุ้นทิบโค ซอฟท์แวร์ พุ่งขึ้น 8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการพุ่งขึ้น 20%
อย่างไรก็ตาม หุ้นมี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน ร่วงลง 10% หลังจากมีรางานว่า วอล-มาร์ท สโตเรส ตัดสินใจระงับการวางจำหน่ายนมผงสำหรับเด็กทารกซึ่งผลิตโดยมี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน ในห้างวอล-มาร์ทกว่า 3,000 แห่งทั่วสหรัฐ
ขณะที่หุ้นเบด,บาธ แอนด์ บิยอนด์ ร่วงลง 6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 ภายหลังจากที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554 06:39:43 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบครึ่งปี นอกจากนี้ แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับลดการประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 3 แต่ทางกระทรวงยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 61.91 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 12,169.65 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 10.28 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 1,254.00 จุด ดัชนี Nasdaq บวก 21.48 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 2,599.45 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.5 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมาที่ 4.6 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 3 ต่อ 1
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงเล็กน้อย เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐปรับลดการประเมินจีดีพีไตรมาส 3 ลงมาอยู่ที่ 1.8% จากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2% แต่ตลาดก็สามารถพลิกกลับมายืนในแดนบวกได้อีกครั้ง เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า แม้เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆทั่วโลกกำลังชะลอตัวลง แต่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวได้ดี และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวอย่างน้อย 3% ในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 18 เดือน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. ลดลง 4,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 364,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551 และธอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น
เอียน เชพเพิร์ดสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทไฮ ฟรีเควนซี อิโคโนมิกกล่าวว่า "ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งอย่างเหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะจำนวนคนว่างงานที่ลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาด และยังสะท้อนให้เห็นว่าทั้งตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้น"
หุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด นำโดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 6.5% ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้น Akamai พุ่งขึ้น 18.6% หุ้นทิบโค ซอฟท์แวร์ พุ่งขึ้น 8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการพุ่งขึ้น 20%
อย่างไรก็ตาม หุ้นมี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน ร่วงลง 10% หลังจากมีรางานว่า วอล-มาร์ท สโตเรส ตัดสินใจระงับการวางจำหน่ายนมผงสำหรับเด็กทารกซึ่งผลิตโดยมี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน ในห้างวอล-มาร์ทกว่า 3,000 แห่งทั่วสหรัฐ
ขณะที่หุ้นเบด,บาธ แอนด์ บิยอนด์ ร่วงลง 6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 ภายหลังจากที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 93
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่บวก 67.23 จุดรับข้อมูลศก.อังกฤษ-สหรัฐ
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554 07:33:16 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษปรับเพิ่มการประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 และสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด
ดัชนี FTSE 100 บวก 67.23 จุด หรือ 1.3% ปิดที่ 5,456.97 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 1 เดือน เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและอังกฤษ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษปรับทบทวนการขยายตัวของจีดีพีไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.6% จากตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 0.5%
ขณะที่สหรัฐเปิดเผยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 4,000 ราย แตะระดับต่ำสุดในรอบปีครึ่งที่ 364,000 ราย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวได้ดี
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ทะยานขึ้น 4% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สพุ่งขึ้น 2.4% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 1.8%
หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลนส์ กรุ๊ป (IAG) พุ่งขึ้น 3.3% หลังจากมีรายงานว่า IAG ตกลงซื้อกิจการบริษัท BMI ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือลุฟฮันซาในประเทศอังกฤษ มูลค่า 172.5 ล้านปอนด์ หรือราว 270.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง IAG เชื่อว่าการซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทในปี 2558 ให้เพิ่มขึ้น 100 ล้านปอนด์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554 07:33:16 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษปรับเพิ่มการประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 และสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด
ดัชนี FTSE 100 บวก 67.23 จุด หรือ 1.3% ปิดที่ 5,456.97 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 1 เดือน เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและอังกฤษ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษปรับทบทวนการขยายตัวของจีดีพีไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.6% จากตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 0.5%
ขณะที่สหรัฐเปิดเผยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 4,000 ราย แตะระดับต่ำสุดในรอบปีครึ่งที่ 364,000 ราย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวได้ดี
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ทะยานขึ้น 4% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สพุ่งขึ้น 2.4% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 1.8%
หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลนส์ กรุ๊ป (IAG) พุ่งขึ้น 3.3% หลังจากมีรายงานว่า IAG ตกลงซื้อกิจการบริษัท BMI ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือลุฟฮันซาในประเทศอังกฤษ มูลค่า 172.5 ล้านปอนด์ หรือราว 270.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง IAG เชื่อว่าการซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทในปี 2558 ให้เพิ่มขึ้น 100 ล้านปอนด์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 94
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ข้อมูลศก.สหรัฐสดใส หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554 07:46:51 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวได้ดีขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ดีดขึ้น 1.1% ปิดที่ 239.78 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดฝรั่งเศสปิดที่ 3071.80 จุด บวก 41.33 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5852.18 จุด บวก 60.65 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5456.97 จุด บวก 67.23 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. ลดลง 4,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 364,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจภายในประเทศขยายตัวต่อไปได้
หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปดีดตัวขึ้น โดยหุ้นดอยช์ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 3.2% และหุ้นธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 3.4%
ส่วนหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของโลก พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากราคาโลหะในตลาดลอนดอนปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 2.5% หุ้นทีจีเอส โนเปค จีโอฟิสิคอล พุ่งขึ้น 4.6%
สำหรับความเคลื่อนไหวของอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรปนั้น มีรายงานว่าวุฒิสภาของอิตาลีได้อนุมัติรับรองแผนการรัดเข็มขัดของรัฐบาลในการลงมติไว้วางใจเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่นายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ได้เรียกร้องให้จัดการลงมติดังกล่าวขึ้น เพื่อเร่งรัดการอนุมัติแผนรัดเข็มขัดมูลค่า 3.3 หมื่นล้านยูโร ซึ่งครอบคลุมทั้งการขึ้นภาษี การลดรายจ่าย และการปฏิรูประบบบำนาญ ด้วยเป้าหมายที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาด
การลงมติในวันนี้มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เจ้าหน้าที่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่งเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนกรุงโรมเป็นเวลาสั้นๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการติดตามผลการดำเนินงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554 07:46:51 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวได้ดีขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ดีดขึ้น 1.1% ปิดที่ 239.78 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดฝรั่งเศสปิดที่ 3071.80 จุด บวก 41.33 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5852.18 จุด บวก 60.65 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5456.97 จุด บวก 67.23 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. ลดลง 4,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 364,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจภายในประเทศขยายตัวต่อไปได้
หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปดีดตัวขึ้น โดยหุ้นดอยช์ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 3.2% และหุ้นธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 3.4%
ส่วนหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของโลก พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากราคาโลหะในตลาดลอนดอนปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 2.5% หุ้นทีจีเอส โนเปค จีโอฟิสิคอล พุ่งขึ้น 4.6%
สำหรับความเคลื่อนไหวของอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรปนั้น มีรายงานว่าวุฒิสภาของอิตาลีได้อนุมัติรับรองแผนการรัดเข็มขัดของรัฐบาลในการลงมติไว้วางใจเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่นายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ได้เรียกร้องให้จัดการลงมติดังกล่าวขึ้น เพื่อเร่งรัดการอนุมัติแผนรัดเข็มขัดมูลค่า 3.3 หมื่นล้านยูโร ซึ่งครอบคลุมทั้งการขึ้นภาษี การลดรายจ่าย และการปฏิรูประบบบำนาญ ด้วยเป้าหมายที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาด
การลงมติในวันนี้มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เจ้าหน้าที่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่งเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนกรุงโรมเป็นเวลาสั้นๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการติดตามผลการดำเนินงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 95
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งเปิดตลาดพุ่ง 211.45 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554 08:38:20 น.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดพุ่งขึ้น 211.45 จุด หรือ 1.15% แตะที่ 18,589.68 จุดในวันนี้ (23 ธ.ค.) ซึ่งเป็นปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. ลดลง 4,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 364,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551
ขณะที่ธอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554 08:38:20 น.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดพุ่งขึ้น 211.45 จุด หรือ 1.15% แตะที่ 18,589.68 จุดในวันนี้ (23 ธ.ค.) ซึ่งเป็นปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. ลดลง 4,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 364,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551
ขณะที่ธอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 96
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2554 06:37:55 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.9% แตะที่ 241.83 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสที่ 3,102.09 จุด เพิ่มขึ้น 30.29 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 5,878.93 จุด เพิ่มขึ้น 26.75 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษปิดที่ 5,512.70 จุด เพิ่มขึ้น 55.73 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนภายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนพฤศจิกายน 2554 และเป็นสถิติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นเกินคาดถึง 1.6%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น โดยหุ้นโททาล ดีดตัวขึ้น 2.1% และหุ้นบีพีปรับตัวขึ้น 2% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวันศุกร์อันเนื่องมาจากสถานการณ์ที่ไม่สงบในอิรักและอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม หุ้นอีดีพี เอนเนอร์เจียส เด โปรตุเกส ร่วงลง 0.3% แม้ฟิทช์ เรทติ้ง ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของบริษัทไว้ที่ BBB+ ก็ตาม
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2554 06:37:55 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.9% แตะที่ 241.83 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสที่ 3,102.09 จุด เพิ่มขึ้น 30.29 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 5,878.93 จุด เพิ่มขึ้น 26.75 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษปิดที่ 5,512.70 จุด เพิ่มขึ้น 55.73 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนภายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนพฤศจิกายน 2554 และเป็นสถิติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นเกินคาดถึง 1.6%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น โดยหุ้นโททาล ดีดตัวขึ้น 2.1% และหุ้นบีพีปรับตัวขึ้น 2% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวันศุกร์อันเนื่องมาจากสถานการณ์ที่ไม่สงบในอิรักและอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม หุ้นอีดีพี เอนเนอร์เจียส เด โปรตุเกส ร่วงลง 0.3% แม้ฟิทช์ เรทติ้ง ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของบริษัทไว้ที่ BBB+ ก็ตาม
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 97
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดพุ่ง 109.30 จุด ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐ
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2554 07:39:51 น.
ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดพุ่งขึ้น 109.30 จุด แตะที่ 8,504.46 จุดในวันนี้ (26 ธ.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกของเศรษฐกิจของสหรัฐ
โบรกเกอร์กล่าวว่า สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ ซึ่งช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียวให้คึกคักขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรับเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น 1.6% และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ทะยาน 3.8% ในเดือนพฤศจิกายน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2554 07:39:51 น.
ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดพุ่งขึ้น 109.30 จุด แตะที่ 8,504.46 จุดในวันนี้ (26 ธ.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกของเศรษฐกิจของสหรัฐ
โบรกเกอร์กล่าวว่า สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ ซึ่งช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียวให้คึกคักขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรับเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น 1.6% และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ทะยาน 3.8% ในเดือนพฤศจิกายน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 98
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดลบ 36.34 จุด ขณะการซื้อขายซบเซา
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 27 ธันวาคม 2554 07:45:22 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดลบ 36.34 จุด แตะที่ 8,443.00 จุดในวันนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำ อันเป็นผลมาจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดทำการในวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค.เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
โบรกเกอร์คาดว่า ตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และวอลุ่มการซื้อขายจะบางเบาตลอดทั้งวันนี้ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำจากต่างประเทศ และจากการที่นักลงทุนจำนวนมากปลีกตัวออกไปอยู่นอกตลาด ก่อนถึงวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 27 ธันวาคม 2554 07:45:22 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดลบ 36.34 จุด แตะที่ 8,443.00 จุดในวันนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำ อันเป็นผลมาจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดทำการในวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค.เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
โบรกเกอร์คาดว่า ตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และวอลุ่มการซื้อขายจะบางเบาตลอดทั้งวันนี้ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำจากต่างประเทศ และจากการที่นักลงทุนจำนวนมากปลีกตัวออกไปอยู่นอกตลาด ก่อนถึงวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 99
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 2.65 จุด หลังบอนด์ยีลด์อิตาลีพุ่ง
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 28 ธันวาคม 2554 06:25:12 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซาและวอลุ่มการที่มีอยู่เพียงบางเบา โดยในช่วงแรก ตลาดขานรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ริโภคสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน แต่จากนั้นดัชนีดาวโจนส์ก็ถอยลงมาอยู่ในแดนลบ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% และราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 2.65 จุด หรือ 0.02% แตะที่ 12,291.35 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.10 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 1,265.43 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 6.56 จุด หรือ 0.25% แตะที่ 2,625.20 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาและวอลุ่มมีอยู่เพียงบางเบา โดยในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 64.5 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 55.2 จุดของเดือนพ.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.เคลื่อนไหวที่ระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 58.3 จุด
นักวิเคราะห์จากบริษัทแวดเดลล์ แอนด์ รี้ด กล่าวว่า การพุ่งขึ้นอย่างเหนือการคาดการณ์ของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสะท้อนให้เห็นว่าชาวสหรัฐมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นทั้งต่อการจ้างงาน จึงทำให้นักลงทุนจับตาดูจำนวนคนว่างงานประจำสัปดาห์ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้อย่างใกล้ชิด หากตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ ก็จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นอีก และจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงกดดันหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ร่วงลง 1.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.5% และหากเทียบเป็นรายปีพบว่าราคาบ้านร่วงลง 3.4% ส่งสัญญาณว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐกำลังเผชิญกับภาวะซบเซาอย่างมาก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้น 0.09% แตะที่ 7.07% เมื่อวานนี้ ก่อนที่รัฐบาลอิตาลีจะประมูลขายตั๋วเงินคลังมูลค่า 9 พันล้านยูโร, ตราสารหนี้ที่ไม่ระบุดอกเบี้ย (zero-coupon notes) ที่มีวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 และ 2565 ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้
หุ้นเซียร์ส โฮลดิงส์ คอร์ป ดิ่งลง 27% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะปิดห้างเซียร์สและเคมาร์ท จำนวน 100-120 แห่ง อันเนื่องมาจากยอดขายที่ถดถอยลงในช่วงเทศกาลวันหยุด นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังได้ฉุดหุ้นเวิล์ดพูลร่วงลง 9% เนื่องจากความกังวลที่ว่า การปิดห้างเซียร์สและเคมาร์ทจะส่งผลกระทบต่อยอดขายเครื่องซักผ้าเวิล์ดพูล
อย่างไรก็ตาม หุ้นเอนเดเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซของสหรัฐ พุ่งขึ้น 24% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะซื้อสินทรัพย์ของโคโนโคฟิลิปส์ในเขตทะเลเหนือ มูลค่า 330 ล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. ส่วนวันศุกร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนธ.ค. และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 28 ธันวาคม 2554 06:25:12 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซาและวอลุ่มการที่มีอยู่เพียงบางเบา โดยในช่วงแรก ตลาดขานรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ริโภคสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน แต่จากนั้นดัชนีดาวโจนส์ก็ถอยลงมาอยู่ในแดนลบ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% และราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 2.65 จุด หรือ 0.02% แตะที่ 12,291.35 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.10 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 1,265.43 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 6.56 จุด หรือ 0.25% แตะที่ 2,625.20 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาและวอลุ่มมีอยู่เพียงบางเบา โดยในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 64.5 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 55.2 จุดของเดือนพ.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.เคลื่อนไหวที่ระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 58.3 จุด
นักวิเคราะห์จากบริษัทแวดเดลล์ แอนด์ รี้ด กล่าวว่า การพุ่งขึ้นอย่างเหนือการคาดการณ์ของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสะท้อนให้เห็นว่าชาวสหรัฐมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นทั้งต่อการจ้างงาน จึงทำให้นักลงทุนจับตาดูจำนวนคนว่างงานประจำสัปดาห์ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้อย่างใกล้ชิด หากตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ ก็จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นอีก และจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงกดดันหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ร่วงลง 1.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.5% และหากเทียบเป็นรายปีพบว่าราคาบ้านร่วงลง 3.4% ส่งสัญญาณว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐกำลังเผชิญกับภาวะซบเซาอย่างมาก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้น 0.09% แตะที่ 7.07% เมื่อวานนี้ ก่อนที่รัฐบาลอิตาลีจะประมูลขายตั๋วเงินคลังมูลค่า 9 พันล้านยูโร, ตราสารหนี้ที่ไม่ระบุดอกเบี้ย (zero-coupon notes) ที่มีวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 และ 2565 ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้
หุ้นเซียร์ส โฮลดิงส์ คอร์ป ดิ่งลง 27% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะปิดห้างเซียร์สและเคมาร์ท จำนวน 100-120 แห่ง อันเนื่องมาจากยอดขายที่ถดถอยลงในช่วงเทศกาลวันหยุด นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังได้ฉุดหุ้นเวิล์ดพูลร่วงลง 9% เนื่องจากความกังวลที่ว่า การปิดห้างเซียร์สและเคมาร์ทจะส่งผลกระทบต่อยอดขายเครื่องซักผ้าเวิล์ดพูล
อย่างไรก็ตาม หุ้นเอนเดเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซของสหรัฐ พุ่งขึ้น 24% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะซื้อสินทรัพย์ของโคโนโคฟิลิปส์ในเขตทะเลเหนือ มูลค่า 330 ล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. ส่วนวันศุกร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนธ.ค. และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 100
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปบวกเล็กน้อย ตลาดวิตกบอนด์ยีลด์อิตาลีพุ่ง
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 28 ธันวาคม 2554 07:35:31 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซาและปริมาณการซื้อขายที่บางเบา เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้นเกือบ 0.1% ปิดที่ 241.91 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวก 10.83 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 5,889.76 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,877.98-5,924.38 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดขยับขึ้น 1.02 จุด หรือ 0.03 % สู่ 3,103.11 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,098.14-3,131.50 จุด
ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการในวันอังคารที่ 27 ธ.ค.เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 64.5 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และยังได้แรงหนุนจากการที่นายฟิลิปป์ โรส์เลอร์ รมว.คลังเยอรมนีได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจเยอรมนียังแข็งแกร่งแม้ต้องเผชิญกับวิกฤตหนี้ยูโรโซนก็ตาม
แต่ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนตัวลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้น 0.09% แตะที่ 7.07% เมื่อวานนี้ ก่อนที่อิตาลีจะเปิดประมูลขายพันธบัตรในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าอิตาลีอาจจะไม่สามารถระดมทุนได้ 8.5 พันล้านยูโรในการประมูลขายพันธบัตรครั้งนี้
ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้หุ้นธนาคารยูนิเครดิตของอิตาลีร่วงลง 4.8% และหุ้นธนาคารอินเตซา ซานเปาโล ของอิตาลีดิ่งลง 2.4%
นักลงทุนจับตาดูการประมูลพันธบัตรของประเทศยูโรโซนในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี รัฐบาลอิตาลีจะประมูลขายตั๋วเงินคลังมูลค่า 9 พันล้านยูโร, ตราสารหนี้ที่ไม่ระบุดอกเบี้ย (zero-coupon notes) ที่มีวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 และ 2565 นอกจากนี้ รัฐบาลสเปนจะเปิดประมูลตราสารหนี้ระยะสั้นในวันพุธ และจะเปิดประมูลขายพันธบัตรอายุ 3 ปี และ 10 ปีในวันพฤหัสบดีนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 28 ธันวาคม 2554 07:35:31 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซาและปริมาณการซื้อขายที่บางเบา เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้นเกือบ 0.1% ปิดที่ 241.91 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวก 10.83 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 5,889.76 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,877.98-5,924.38 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดขยับขึ้น 1.02 จุด หรือ 0.03 % สู่ 3,103.11 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,098.14-3,131.50 จุด
ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการในวันอังคารที่ 27 ธ.ค.เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 64.5 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และยังได้แรงหนุนจากการที่นายฟิลิปป์ โรส์เลอร์ รมว.คลังเยอรมนีได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจเยอรมนียังแข็งแกร่งแม้ต้องเผชิญกับวิกฤตหนี้ยูโรโซนก็ตาม
แต่ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนตัวลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้น 0.09% แตะที่ 7.07% เมื่อวานนี้ ก่อนที่อิตาลีจะเปิดประมูลขายพันธบัตรในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าอิตาลีอาจจะไม่สามารถระดมทุนได้ 8.5 พันล้านยูโรในการประมูลขายพันธบัตรครั้งนี้
ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้หุ้นธนาคารยูนิเครดิตของอิตาลีร่วงลง 4.8% และหุ้นธนาคารอินเตซา ซานเปาโล ของอิตาลีดิ่งลง 2.4%
นักลงทุนจับตาดูการประมูลพันธบัตรของประเทศยูโรโซนในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี รัฐบาลอิตาลีจะประมูลขายตั๋วเงินคลังมูลค่า 9 พันล้านยูโร, ตราสารหนี้ที่ไม่ระบุดอกเบี้ย (zero-coupon notes) ที่มีวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 และ 2565 นอกจากนี้ รัฐบาลสเปนจะเปิดประมูลตราสารหนี้ระยะสั้นในวันพุธ และจะเปิดประมูลขายพันธบัตรอายุ 3 ปี และ 10 ปีในวันพฤหัสบดีนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 101
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดลบ 14.47 จุดหลังตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซา
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 28 ธันวาคม 2554 07:46:07 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดลบ 14.47 จุด แตะที่ 8,426.09 จุดในวันนนี้ (28 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากภาวะการซื้อขายที่ซบเซาในตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากสหรัฐเปิดเผยราคาบ้านที่ร่วงลงเกินคาด
โบรกเกอร์กล่าวว่า ตลาดหุ้นโตเกียวอ่อนตัวลงตามภาวะการซื้อขายที่ซบเซาในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ร่วงลง 1.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.5% บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงซบเซา
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 64.5 จุดในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 58.3 จุด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 28 ธันวาคม 2554 07:46:07 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดลบ 14.47 จุด แตะที่ 8,426.09 จุดในวันนนี้ (28 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากภาวะการซื้อขายที่ซบเซาในตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากสหรัฐเปิดเผยราคาบ้านที่ร่วงลงเกินคาด
โบรกเกอร์กล่าวว่า ตลาดหุ้นโตเกียวอ่อนตัวลงตามภาวะการซื้อขายที่ซบเซาในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ร่วงลง 1.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.5% บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงซบเซา
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 64.5 จุดในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 58.3 จุด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 102
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: วิตกหนี้ยุโรปฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 139.94 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2554 06:26:02 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าธนาคารพาณิชย์ในยุโรปได้ฝากเงินไว้ที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ด้วยมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารพาณิชย์ไม่มีความเชื่อมั่นที่จะเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะลุกลามเป็นวงกว้าง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 139.94 จุด หรือ 1.14% ปิดที่ 12,151.41 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 15.79 จุด หรือ 1.25% ปิดที่ 1,249.64 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 35.22 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 2,589.98 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นขานรับข่าวอิตาลีสามารถระดมทุนได้ 9 พันล้านยูโร (1.18 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนเมื่อวานนี้ โดยให้อัตราดอกเบี้ยที่ 3.251% ต่ำกว่าระดับ 6.504% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ในการประมูลเมื่อวันที่ 25 พ.ย.
แต่ตลาดเริ่มถอยลงมาอยู่เคลื่อนไหวในแดนลบเมื่อมีรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปได้นำเงินมาฝากไว้กับอีซีบีเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.52 แสนล้านยูโร (5.91 แสนล้านดอลลาร์) เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 4.12 แสนล้านยูโรในวันก่อนหน้านั้น ซึ่งยอดเงินฝากที่พุ่งสูงขึ้นเป็นผลมาจากการที่อีซีบีตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปี มูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ 523 แห่งในยูโรโซนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
จำนวนเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับอีซีบีนั้น สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารพาณิชย์ลังเลที่จะเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหาในยุโรโซน ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของอีซีบี และยังสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารในยุโรปขาดความเชื่อมั่นที่จะปล่อยกู้ระหว่างธนาคาร
นอกจากนี้ สถานการณ์ดังกล่าวยังทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารพาณิชย์อาจลังเลที่จะเข้าซื้อตราสารหนี้ที่ไม่ระบุดอกเบี้ย (zero-coupon notes) ที่มีวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 และ 2565 ซึ่งรัฐบาลอิตาลีจะเปิดประมูลขายในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.6% หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 2.9%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และพลังงานดิ่งลงเช่นกัน โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมินัมรายใหญ่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 3.1% หุ้นเชฟรอน คอร์ป ดิ่งลงกว่า 1.9% ส่วนหุ้นแคทเตอร์ พิลลาร์ ร่วงลง 2.3% และหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ร่วงลง 4.1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย.
ส่วนวันศุกร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนธ.ค. และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2554 06:26:02 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าธนาคารพาณิชย์ในยุโรปได้ฝากเงินไว้ที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ด้วยมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารพาณิชย์ไม่มีความเชื่อมั่นที่จะเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะลุกลามเป็นวงกว้าง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 139.94 จุด หรือ 1.14% ปิดที่ 12,151.41 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 15.79 จุด หรือ 1.25% ปิดที่ 1,249.64 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 35.22 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 2,589.98 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นขานรับข่าวอิตาลีสามารถระดมทุนได้ 9 พันล้านยูโร (1.18 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนเมื่อวานนี้ โดยให้อัตราดอกเบี้ยที่ 3.251% ต่ำกว่าระดับ 6.504% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ในการประมูลเมื่อวันที่ 25 พ.ย.
แต่ตลาดเริ่มถอยลงมาอยู่เคลื่อนไหวในแดนลบเมื่อมีรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปได้นำเงินมาฝากไว้กับอีซีบีเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.52 แสนล้านยูโร (5.91 แสนล้านดอลลาร์) เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 4.12 แสนล้านยูโรในวันก่อนหน้านั้น ซึ่งยอดเงินฝากที่พุ่งสูงขึ้นเป็นผลมาจากการที่อีซีบีตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปี มูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ 523 แห่งในยูโรโซนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
จำนวนเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับอีซีบีนั้น สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารพาณิชย์ลังเลที่จะเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหาในยุโรโซน ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของอีซีบี และยังสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารในยุโรปขาดความเชื่อมั่นที่จะปล่อยกู้ระหว่างธนาคาร
นอกจากนี้ สถานการณ์ดังกล่าวยังทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารพาณิชย์อาจลังเลที่จะเข้าซื้อตราสารหนี้ที่ไม่ระบุดอกเบี้ย (zero-coupon notes) ที่มีวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 และ 2565 ซึ่งรัฐบาลอิตาลีจะเปิดประมูลขายในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.6% หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 2.9%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และพลังงานดิ่งลงเช่นกัน โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมินัมรายใหญ่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 3.1% หุ้นเชฟรอน คอร์ป ดิ่งลงกว่า 1.9% ส่วนหุ้นแคทเตอร์ พิลลาร์ ร่วงลง 2.3% และหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ร่วงลง 4.1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย.
ส่วนวันศุกร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนธ.ค. และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 103
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: วิตกหนี้ยุโรปถ่วงฟุตซี่ปิดลบ 5.30 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2554 07:30:03 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังรายงานยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงวันหยุดเทศกาลบ็อกซิ่งเดย์ของอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5,507.40 จุด ลดลง 5.30 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบจากข่าวที่ว่า ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปได้นำเงินฝากไว้กับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เป็นวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าระบบการเงินของยุโรปอาจตกอยู่ในภาวะสภาพคล่องตึงตัว ก่อนที่รัฐบาลอิตาลีจะเปิดประมูลขายพันธบัตรในคืนนี้ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดขานรับรายงานของบริษัท Experian FootFall ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดของอังกฤษที่ว่า ยอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดเทศกาลบ็อกซิ่งเดย์ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 22% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีกอย่างคึกคัก โดยหุ้นเทสโก้ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นเดเบนแฮมส์ ดีดขึ้น 1.5%
ส่วนหุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 2% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,057.5 เพนซ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2554 07:30:03 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังรายงานยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงวันหยุดเทศกาลบ็อกซิ่งเดย์ของอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5,507.40 จุด ลดลง 5.30 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบจากข่าวที่ว่า ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปได้นำเงินฝากไว้กับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เป็นวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าระบบการเงินของยุโรปอาจตกอยู่ในภาวะสภาพคล่องตึงตัว ก่อนที่รัฐบาลอิตาลีจะเปิดประมูลขายพันธบัตรในคืนนี้ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดขานรับรายงานของบริษัท Experian FootFall ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดของอังกฤษที่ว่า ยอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดเทศกาลบ็อกซิ่งเดย์ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 22% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีกอย่างคึกคัก โดยหุ้นเทสโก้ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นเดเบนแฮมส์ ดีดขึ้น 1.5%
ส่วนหุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 2% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,057.5 เพนซ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 104
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: แรงขายหุ้นเหมือง,รถยนต์ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2554 07:58:46 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และกลุ่มเหมืองแร่ ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลอิตาลีปรับตัวลดลง ในการประมูลขายตั๋วเงินคลังเมื่อวานนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.7% ปิดที่ 240.20 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 118.49 จุด หรือ 2.01% ปิดที่ 5,771.27 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,771.27 - 5,901.35 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสลดลง 32.03 จุด หรือ 1.03% ปิดที่ 3,071.08 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,071.08 - 3,130.82 จุด
ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับลง 5.30 จุด หรือ 0.1% แตะที่ 5,507.40 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,490.96 - 5,567.86 จุด
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับรายงานที่ว่า อิตาลีสามารถระดมทุนได้ 9 พันล้านยูโร (1.18 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนเมื่อวานนี้ โดยให้อัตราดอกเบี้ยที่ 3.251% ต่ำกว่าระดับ 6.504% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ในการประมูลเมื่อวันที่ 25 พ.ย.
แต่การร่วงลงของกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และกลุ่มเหมืองแร่ได้ฉุดตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงด้วย โดยหุ้น Bayerische Motoren Werke AG (BMW) ร่วงลงหนักสุดถึง 3.3% ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่นั้น หุ้นเอ็กสตราต้าดิ่งลง 2.1% หลังจากราคาโลหะทองแดงในตลาดลอนดอนร่วงลงอย่างหนัก
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปได้นำเงินฝากไว้กับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เป็นวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังลว่าระบบการเงินของยุโรปอาจตกอยู่ในภาวะสภาพคล่องตึงตัว ก่อนที่รัฐบาลอิตาลีจะเปิดประมูลขายพันธบัตรครั้งใหญ่ในคืนนี้ตามเวลาไทย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2554 07:58:46 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และกลุ่มเหมืองแร่ ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลอิตาลีปรับตัวลดลง ในการประมูลขายตั๋วเงินคลังเมื่อวานนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.7% ปิดที่ 240.20 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 118.49 จุด หรือ 2.01% ปิดที่ 5,771.27 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,771.27 - 5,901.35 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสลดลง 32.03 จุด หรือ 1.03% ปิดที่ 3,071.08 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,071.08 - 3,130.82 จุด
ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับลง 5.30 จุด หรือ 0.1% แตะที่ 5,507.40 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,490.96 - 5,567.86 จุด
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับรายงานที่ว่า อิตาลีสามารถระดมทุนได้ 9 พันล้านยูโร (1.18 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนเมื่อวานนี้ โดยให้อัตราดอกเบี้ยที่ 3.251% ต่ำกว่าระดับ 6.504% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ในการประมูลเมื่อวันที่ 25 พ.ย.
แต่การร่วงลงของกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และกลุ่มเหมืองแร่ได้ฉุดตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงด้วย โดยหุ้น Bayerische Motoren Werke AG (BMW) ร่วงลงหนักสุดถึง 3.3% ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่นั้น หุ้นเอ็กสตราต้าดิ่งลง 2.1% หลังจากราคาโลหะทองแดงในตลาดลอนดอนร่วงลงอย่างหนัก
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปได้นำเงินฝากไว้กับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เป็นวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังลว่าระบบการเงินของยุโรปอาจตกอยู่ในภาวะสภาพคล่องตึงตัว ก่อนที่รัฐบาลอิตาลีจะเปิดประมูลขายพันธบัตรครั้งใหญ่ในคืนนี้ตามเวลาไทย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 105
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: เยน/ยูโรแข็ง ฉุดนิกเกอิลบ 74.66 จุดเช้านี้
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2554 08:03:41 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวลง 74.66 จุด หรือ 0.89% แตะที่ 8,348.96 จุดหลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาทีในวันนี้ (29 ธ.ค.) หลังจากเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมส่งออกร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้านี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สกุลเงินยูโรร่วงลงในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียวช่วงเช้านี้ มาอยู่ที่ระดับ 100.73 เยน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2544 อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2554 08:03:41 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวลง 74.66 จุด หรือ 0.89% แตะที่ 8,348.96 จุดหลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาทีในวันนี้ (29 ธ.ค.) หลังจากเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมส่งออกร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้านี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สกุลเงินยูโรร่วงลงในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียวช่วงเช้านี้ มาอยู่ที่ระดับ 100.73 เยน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2544 อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 106
สวัสดีปีใหม่ครับ.....
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 179.82 จุดขานรับข้อมูลศก.สหรัฐ,จีนข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2555 06:35:48 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.47% เมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีน รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นในปี 2555 และ 2556
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 179.82 จุด หรือ 1.47% ปิดที่ 12,397.38 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 19.46 จุด หรือ 1.55% แตะที่ 1,277.06 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 43.57 จุด หรือ 1.67% แตะที่ 2,648.72 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการวันแรกของปีพ.ศ.2555 ด้วยการทะยานขึ้นเกือบ 180 จุด เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้ามาซื้อขายกันอย่างคึกคัก หลังจากที่ตลาดปิดทำการในช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั้งในสหรัฐและประเทศทั่วโลก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.2% และแตะที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ขณะที่สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวสู่รุดับ 53.9 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 52.7 จุดของเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53.2 จุด
ความแข็งแกรงของภาคการผลิตสหรัฐช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในวันข้างหน้า นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังออกมาสอดคล้องกับรายงานการประชุมของเฟดที่ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะเริ่มกระเตื้องขึ้นในปี 2555 และ 2556
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) ที่ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของจีน ดีดตัวขึ้น 1.3 จุด มาอยู่ที่ระดับ 50.3 จากระดับ 49 ในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
นักวิเคราะห์จากแคปิตอล ไอคิว ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ในเครือของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) แสดงความเห็นว่า นักลงทุนได้เทขายหุ้นออกมาอย่างหนักในช่วงปลายปี 2554 โดยมีเป้าหมายที่ตัดขาดทุนในเรื่องภาษี หลังจากนั้นก็กลับเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรอีกครั้งในเดือนม.ค.ของปี 2555 ซึ่งในวอลล์สตรีทเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า "January effect"
หุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มวัสดุ และกลุ่มอุตสาหกรรม ทะยาขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.7% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 5.2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 4.3%
ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานและทรัพยากรพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นพีบอดี้ เอนเนอร์จี คอร์ป ดีดตัวขึ้น 9% หุ้นเจมส์ ริเวอร์ โคล ทะยานขึ้น 11% และหุ้นอัลฟา เนเชอรัล รีซอสเซส พุ่งขึ้น 8%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนพ.ย. วันพฤหัสบดี ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบัน ISM เปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 179.82 จุดขานรับข้อมูลศก.สหรัฐ,จีนข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2555 06:35:48 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.47% เมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีน รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นในปี 2555 และ 2556
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 179.82 จุด หรือ 1.47% ปิดที่ 12,397.38 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 19.46 จุด หรือ 1.55% แตะที่ 1,277.06 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 43.57 จุด หรือ 1.67% แตะที่ 2,648.72 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการวันแรกของปีพ.ศ.2555 ด้วยการทะยานขึ้นเกือบ 180 จุด เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้ามาซื้อขายกันอย่างคึกคัก หลังจากที่ตลาดปิดทำการในช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั้งในสหรัฐและประเทศทั่วโลก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.2% และแตะที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ขณะที่สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวสู่รุดับ 53.9 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 52.7 จุดของเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53.2 จุด
ความแข็งแกรงของภาคการผลิตสหรัฐช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในวันข้างหน้า นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังออกมาสอดคล้องกับรายงานการประชุมของเฟดที่ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะเริ่มกระเตื้องขึ้นในปี 2555 และ 2556
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) ที่ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของจีน ดีดตัวขึ้น 1.3 จุด มาอยู่ที่ระดับ 50.3 จากระดับ 49 ในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
นักวิเคราะห์จากแคปิตอล ไอคิว ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ในเครือของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) แสดงความเห็นว่า นักลงทุนได้เทขายหุ้นออกมาอย่างหนักในช่วงปลายปี 2554 โดยมีเป้าหมายที่ตัดขาดทุนในเรื่องภาษี หลังจากนั้นก็กลับเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรอีกครั้งในเดือนม.ค.ของปี 2555 ซึ่งในวอลล์สตรีทเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า "January effect"
หุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มวัสดุ และกลุ่มอุตสาหกรรม ทะยาขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.7% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 5.2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 4.3%
ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานและทรัพยากรพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นพีบอดี้ เอนเนอร์จี คอร์ป ดีดตัวขึ้น 9% หุ้นเจมส์ ริเวอร์ โคล ทะยานขึ้น 11% และหุ้นอัลฟา เนเชอรัล รีซอสเซส พุ่งขึ้น 8%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนพ.ย. วันพฤหัสบดี ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบัน ISM เปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 107
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดพุ่ง 127.63 จุด รับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2555 07:42:45 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเริ่มมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อสถานการณ์หนี้สาธารณะของยุโรป
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 127.63 จุด หรือ 2.29% ปิดที่ 5,699.91 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,572.28 - 5,699.91 จุด
ข้อมูลที่แข็งแกร่งในภาคการผลิตของสหรัฐช่วยหนุนตลาดหุ้นลอนดอนทะยานขึ้น โดยสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 53.9 จุด จากระดับ 52.7 จุดของเดือนพ.ย. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปีครึ่งในเดือนพ.ย. โดยทะยานขึ้น 1.2 % สู่ระดับ 8.071 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2554
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นขานรับข้อมูลการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยหุ้นคาซัคมิส ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่ทองแดงรายใหญ่สุดของคาซัคสถาน พุ่งขึ้น 9.5% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดขึ้น 6.2% และหุ้นเอ็กสตราต้าพุ่งขึ้น 5.6%
ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นธนาคาร HSBC พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สทะยานขึ้น 5.8% และหุ้นลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.4%
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ “neutral" จากระดับ “underperform"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2555 07:42:45 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเริ่มมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อสถานการณ์หนี้สาธารณะของยุโรป
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 127.63 จุด หรือ 2.29% ปิดที่ 5,699.91 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,572.28 - 5,699.91 จุด
ข้อมูลที่แข็งแกร่งในภาคการผลิตของสหรัฐช่วยหนุนตลาดหุ้นลอนดอนทะยานขึ้น โดยสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 53.9 จุด จากระดับ 52.7 จุดของเดือนพ.ย. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปีครึ่งในเดือนพ.ย. โดยทะยานขึ้น 1.2 % สู่ระดับ 8.071 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2554
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นขานรับข้อมูลการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยหุ้นคาซัคมิส ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่ทองแดงรายใหญ่สุดของคาซัคสถาน พุ่งขึ้น 9.5% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดขึ้น 6.2% และหุ้นเอ็กสตราต้าพุ่งขึ้น 5.6%
ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นธนาคาร HSBC พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สทะยานขึ้น 5.8% และหุ้นลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.4%
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ “neutral" จากระดับ “underperform"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 108
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ข้อมูลการผลิตสหรัฐแข็งแกร่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2555 08:00:51 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เนื่องจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยหนุนดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.6% ปิดที่ 251.06 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 91.05 จุด หรือ 1.5% ปิดที่ 6,166.57 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,108.62 - 6,179.03 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวขึ้น 23.10 จุด หรือ 0.72 % สู่ 3,245.40 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,193.63-3,246.74
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 127.63 จุด หรือ 2.29% ปิดที่ 5,699.91 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,572.28 - 5,699.91 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นถ้วนหน้า หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 53.9 จุด จากระดับ 52.7 จุดของเดือนพ.ย. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปีครึ่งในเดือนพ.ย. โดยทะยานขึ้น 1.2 % สู่ระดับ 8.071 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2554
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า จำนวนคนว่างงานในเยอรมนีลดลง 22,000 คนในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 10,000 คน และอัตราการว่างงานเดือนธ.ค.ของเยอรมนีลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.8% จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 6.9%
ดัชนีหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ของยุโรปพุ่งขึ้น 3% ขณะที่หุ้น Bayerische Motoren Werke AG (BMW) พุ่งขึ้น 4% เพราะได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่ายอดการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 6.1% ในเดือนธ.ค. ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มยอดขายรถที่ลดลงในยุโรปตะวันตก
นักลงทุนจับตาดูการประชุมระหว่างประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซีของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคลของเยอรมนี ที่กรุงเบอร์ลินในวันที่ 9 ม.ค. โดยผู้นำทั้งสองจะเจรจาเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ใหม่ในการคุมเข้มวินัยด้านงบประมาณในกลุ่มอียู จากนั้นในวันที่ 23 ม.ค.จะเป็นการประชุมของ 27 ชาติสมาชิกอียู และในวันที่ 30 ม.ค.จะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอียู โดยวาระการประชุมจะมุ่งเน้นไปที่การจ้างงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2555 08:00:51 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เนื่องจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยหนุนดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.6% ปิดที่ 251.06 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 91.05 จุด หรือ 1.5% ปิดที่ 6,166.57 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,108.62 - 6,179.03 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวขึ้น 23.10 จุด หรือ 0.72 % สู่ 3,245.40 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,193.63-3,246.74
ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 127.63 จุด หรือ 2.29% ปิดที่ 5,699.91 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,572.28 - 5,699.91 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นถ้วนหน้า หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 53.9 จุด จากระดับ 52.7 จุดของเดือนพ.ย. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปีครึ่งในเดือนพ.ย. โดยทะยานขึ้น 1.2 % สู่ระดับ 8.071 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2554
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า จำนวนคนว่างงานในเยอรมนีลดลง 22,000 คนในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 10,000 คน และอัตราการว่างงานเดือนธ.ค.ของเยอรมนีลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.8% จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 6.9%
ดัชนีหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ของยุโรปพุ่งขึ้น 3% ขณะที่หุ้น Bayerische Motoren Werke AG (BMW) พุ่งขึ้น 4% เพราะได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่ายอดการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 6.1% ในเดือนธ.ค. ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มยอดขายรถที่ลดลงในยุโรปตะวันตก
นักลงทุนจับตาดูการประชุมระหว่างประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซีของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคลของเยอรมนี ที่กรุงเบอร์ลินในวันที่ 9 ม.ค. โดยผู้นำทั้งสองจะเจรจาเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ใหม่ในการคุมเข้มวินัยด้านงบประมาณในกลุ่มอียู จากนั้นในวันที่ 23 ม.ค.จะเป็นการประชุมของ 27 ชาติสมาชิกอียู และในวันที่ 30 ม.ค.จะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอียู โดยวาระการประชุมจะมุ่งเน้นไปที่การจ้างงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 109
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดบวก 94.19 จุด รับข้อมูลเศรษฐกิจโลกสดใส
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2555 08:09:34 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดบวก 94.19 จุด แตะที่ 8,549.54 จุด ในการซื้อขายวันแรกของปีพ.ศ. 2555 ในวันนี้ (4 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศณษบกิจที่แข็งแกร่งของเยอรมนี สหรัฐ และจีน
สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวสู่รุดับ 53.9 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 52.7 จุดของเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53.2 จุด
สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) ที่ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของจีน ดีดตัวขึ้น 1.3 จุด มาอยู่ที่ระดับ 50.3 จากระดับ 49 ในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานในเยอรมนีลดลง 22,000 คนในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 10,000 คน และอัตราการว่างงานเดือนธ.ค.ของเยอรมนีลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.8% จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 6.9%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2555 08:09:34 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดบวก 94.19 จุด แตะที่ 8,549.54 จุด ในการซื้อขายวันแรกของปีพ.ศ. 2555 ในวันนี้ (4 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศณษบกิจที่แข็งแกร่งของเยอรมนี สหรัฐ และจีน
สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวสู่รุดับ 53.9 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 52.7 จุดของเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53.2 จุด
สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) ที่ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของจีน ดีดตัวขึ้น 1.3 จุด มาอยู่ที่ระดับ 50.3 จากระดับ 49 ในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานในเยอรมนีลดลง 22,000 คนในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 10,000 คน และอัตราการว่างงานเดือนธ.ค.ของเยอรมนีลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.8% จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 6.9%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 110
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ลบ 2.72 จุด ขณะตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2555 06:27:49 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากต้นทุนการกู้ยืมของฝรั่งเศสปรับตัวสูงขึ้นในการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากข้อมูลด้านแรงงานและภาคบริการที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ในวันศุกร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 2.72 จุด หรือ 0.02% แตะที่ 12,415.70 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 3.76 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 1,281.06 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 21.50 จุด หรือ 0.81% แตะที่ 2,669.86 จุด
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่า 130 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อภาคธนาคารของยุโรป และผิดหวังต่อผลการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลฝรั่งเศส โดยเมื่อวานนี้ ฝรั่งเศสระดมทุนจากการขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้เพียง 4.02 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 3.29% เพิ่มขึ้นจากการประมูลครั้งก่อนที่ 3.18% ขณะที่อัตราส่วนความต้องการซื้อต่อปริมาณที่นำออกจำหน่าย (bid-to-cover ratio) ลดลงแตะ 1.64 เท่า จากระดับ 3.05 เท่า
อย่างไรก็ตาม แรงลบในตลาดถูกสกัดลงด้วยข้อมูลเศรษฐกิจในด้านบวกของสหรัฐ รวมถึงการจ้างงานของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น 325,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. ลดลง 15,000 ราย มาอยู่ที่ 372,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.ของสหรัฐขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 จุด จากระดับ 52.0 จุดในเดือนพ.ย.
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเหล่านี้สามารถชดเชยปัจจัยลบที่เกิดจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป และรายงานยอดขายที่อ่อนแอของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงเจซี เพนนี และทาร์เก็ต คอร์ป ซึ่งรายงานดังกล่าวได้ฉุดราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นเจซี เพนนี ร่วงลง 2.7% หุ้นทาร์เก็ต คอร์ป ดิ่งลง 3% หุ้นแก๊ปร่วงลง 3.2% หุ้นโคห์ลปรับตัวลง 1.8% และหุ้นเมซี ดิ่งลง 3.9%
หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกที่พยุงภาวะการซื้อขายให้กลับมาคึกคักในช่วงท้าย โดยหุ้นเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 2.1% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 1.2% หุ้นซัน ทรัสต์ แบงก์ อิงค์ พุ่งขึ้น 5.4% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 8.6%
นักลงทุนจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ในสหรัฐในสัปดาห์หน้า รวมถึงบริษัทอัลโค อิงค์ ซึ่งจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ในวันที่ 9 ม.ค.นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกการภาคเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสรหัฐจะเพิ่มขึ้น 148,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนธ.ค.จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 8.7% จากระดับ 8.6% ของเดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2555 06:27:49 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากต้นทุนการกู้ยืมของฝรั่งเศสปรับตัวสูงขึ้นในการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากข้อมูลด้านแรงงานและภาคบริการที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ในวันศุกร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 2.72 จุด หรือ 0.02% แตะที่ 12,415.70 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 3.76 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 1,281.06 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 21.50 จุด หรือ 0.81% แตะที่ 2,669.86 จุด
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่า 130 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อภาคธนาคารของยุโรป และผิดหวังต่อผลการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลฝรั่งเศส โดยเมื่อวานนี้ ฝรั่งเศสระดมทุนจากการขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้เพียง 4.02 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 3.29% เพิ่มขึ้นจากการประมูลครั้งก่อนที่ 3.18% ขณะที่อัตราส่วนความต้องการซื้อต่อปริมาณที่นำออกจำหน่าย (bid-to-cover ratio) ลดลงแตะ 1.64 เท่า จากระดับ 3.05 เท่า
อย่างไรก็ตาม แรงลบในตลาดถูกสกัดลงด้วยข้อมูลเศรษฐกิจในด้านบวกของสหรัฐ รวมถึงการจ้างงานของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น 325,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. ลดลง 15,000 ราย มาอยู่ที่ 372,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.ของสหรัฐขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 จุด จากระดับ 52.0 จุดในเดือนพ.ย.
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเหล่านี้สามารถชดเชยปัจจัยลบที่เกิดจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป และรายงานยอดขายที่อ่อนแอของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงเจซี เพนนี และทาร์เก็ต คอร์ป ซึ่งรายงานดังกล่าวได้ฉุดราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นเจซี เพนนี ร่วงลง 2.7% หุ้นทาร์เก็ต คอร์ป ดิ่งลง 3% หุ้นแก๊ปร่วงลง 3.2% หุ้นโคห์ลปรับตัวลง 1.8% และหุ้นเมซี ดิ่งลง 3.9%
หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกที่พยุงภาวะการซื้อขายให้กลับมาคึกคักในช่วงท้าย โดยหุ้นเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 2.1% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 1.2% หุ้นซัน ทรัสต์ แบงก์ อิงค์ พุ่งขึ้น 5.4% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 8.6%
นักลงทุนจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ในสหรัฐในสัปดาห์หน้า รวมถึงบริษัทอัลโค อิงค์ ซึ่งจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ในวันที่ 9 ม.ค.นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกการภาคเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสรหัฐจะเพิ่มขึ้น 148,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนธ.ค.จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 8.7% จากระดับ 8.6% ของเดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 111
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นแบงก์,ประกันดิ่ง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 44.19 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2555 07:30:03 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกันร่วงลงอย่างหนัก หลังจากต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้ของสถาบันการเงินในยุโรปปรับตัวสูงขึ้น และต้นทุนการกู้ยืมของฝรั่งเศสพุ่งขึ้นในการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่ารัฐบาลของประเทศยุโรปอาจประสบกับความยากลำบากในการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 44.19 จุด หรือ 0.8% แตะที่ 5,624.26 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากข้อมูลของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ระบุว่า ต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้ของสถาบันการเงินในยุโรปปรับตัวสูงขึ้น โดยมาร์กิตเปิดเผยว่า ตราสาร CDS (credit default swap) ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ที่ใช้รับประกันการผิดนัดชำระหนี้ ของธนาคารและบริษัทประกัน 25 แห่งในยุโรป พุ่งขึ้น 0.17% แตะที่ 2.90%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า รัฐบาลฝรั่งเศสระดมทุนจากการขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้เพียง 4.02 พันล้านยูโรในการประมูลเมื่อวานนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 3.29% เพิ่มขึ้นจากการประมูลครั้งก่อนที่ 3.18%
การพ่งขึ้นของต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้ของธนาคารยุโรปได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มร่วงลง โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สดิ่งลง 2.5% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ร่วงลง 2.4% หุ้นเลกัล แอนด์ เจนเนอรัล ร่วงลง 2.2% และหุ้นเอวิวา ดิ่งลง 1.8%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเออาร์เอ็ม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับใช้ในสมาร์ทโฟนของแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากนักวิเคราะหของยูบีเอสปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเออาร์เอ็ม และคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ของเออาร์เอ็มจะออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2555 07:30:03 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกันร่วงลงอย่างหนัก หลังจากต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้ของสถาบันการเงินในยุโรปปรับตัวสูงขึ้น และต้นทุนการกู้ยืมของฝรั่งเศสพุ่งขึ้นในการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่ารัฐบาลของประเทศยุโรปอาจประสบกับความยากลำบากในการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 44.19 จุด หรือ 0.8% แตะที่ 5,624.26 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากข้อมูลของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ระบุว่า ต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้ของสถาบันการเงินในยุโรปปรับตัวสูงขึ้น โดยมาร์กิตเปิดเผยว่า ตราสาร CDS (credit default swap) ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ที่ใช้รับประกันการผิดนัดชำระหนี้ ของธนาคารและบริษัทประกัน 25 แห่งในยุโรป พุ่งขึ้น 0.17% แตะที่ 2.90%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า รัฐบาลฝรั่งเศสระดมทุนจากการขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้เพียง 4.02 พันล้านยูโรในการประมูลเมื่อวานนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 3.29% เพิ่มขึ้นจากการประมูลครั้งก่อนที่ 3.18%
การพ่งขึ้นของต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้ของธนาคารยุโรปได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มร่วงลง โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สดิ่งลง 2.5% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ร่วงลง 2.4% หุ้นเลกัล แอนด์ เจนเนอรัล ร่วงลง 2.2% และหุ้นเอวิวา ดิ่งลง 1.8%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเออาร์เอ็ม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับใช้ในสมาร์ทโฟนของแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากนักวิเคราะหของยูบีเอสปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเออาร์เอ็ม และคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ของเออาร์เอ็มจะออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 112
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: วิตกแบงก์ยุโรประดมทุนเพิ่ม ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2555 07:48:04 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลกับข่าวที่ว่าธนาคารหลายแห่งในยุโรปจะต้องระดมทุนเพิ่มขึ้น และต้นทุนการกู้ยืมของฝรั่งเศสปรับตัวสูงขึ้นในการประมูลพันธบัตรเมื่อวานนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้บดบังข้อมูลด้านแรงงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.9% ปิดที่ 247.39 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีลดลง 15.56 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 6,095.99 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,040.94 - 6,130.10 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวลง 48.74 จุด หรือ 1.53% ปิดที่ 3,144.91 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,136.75 - 3,200.15 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษร่วงลง 44.19 จุด หรือ 0.78% ปิดที่ 5,624.26 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,614.38 - 5,689.33 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่าธนาคารในยุโรปจะต้องระดมทุนเพิ่ม รวมถึงธนาคารยูนิเครดิตของอิตาลี และล่าสุดรัฐบาลสเปนคาดการณ์ว่า ธนาคารในประเทศจำเป็นต้องตั้งสำรองสูงถึง 5 หมื่นล้านยูโร (6.5 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อรองรับงบดุลที่อ่อนแอลง อันเนื่องมาจากการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบกับภาวะฟองสบู่แตก ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าการประเมินก่อนหน้านี้
ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นยูนิเครดิตร่วงลง 17% ปิดที่ 4.48 ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2535 หุ้นธนาคารโซซิเอเต เจนเนอราล (ซอคเจน) ร่วงลง 5.4% หุ้นธนาคารบังโค ซานตานเดร์ และหุ้นบังโค บิลบาว วิซคายา อาร์เจนตาเรีย ซึ่งเป็น 2 ธนาคารรายใหญ่ของสเปน ร่วงลง 4.5% และ 5% ตามลำดับ ส่วนหุ้นดอยช์ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของเยอรมนี ร่วงลง 5.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลการประมูลพันธบัตรที่อ่อนแอของรัฐบาลฝรั่งเศส โดยรัฐบาลฝรั่งเศสระดมทุนจากการขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้เพียง 4.02 พันล้านยูโรในการประมูลเมื่อวานนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 3.29% เพิ่มขึ้นจากการประมูลครั้งก่อนที่ 3.18% ขณะที่อัตราส่วนความต้องการซื้อต่อปริมาณที่นำออกจำหน่าย (bid-to-cover ratio) ลดลงแตะ 1.64 เท่า จากระดับ 3.05 เท่า
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2555 07:48:04 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลกับข่าวที่ว่าธนาคารหลายแห่งในยุโรปจะต้องระดมทุนเพิ่มขึ้น และต้นทุนการกู้ยืมของฝรั่งเศสปรับตัวสูงขึ้นในการประมูลพันธบัตรเมื่อวานนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้บดบังข้อมูลด้านแรงงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.9% ปิดที่ 247.39 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีลดลง 15.56 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 6,095.99 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,040.94 - 6,130.10 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวลง 48.74 จุด หรือ 1.53% ปิดที่ 3,144.91 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,136.75 - 3,200.15 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษร่วงลง 44.19 จุด หรือ 0.78% ปิดที่ 5,624.26 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,614.38 - 5,689.33 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่าธนาคารในยุโรปจะต้องระดมทุนเพิ่ม รวมถึงธนาคารยูนิเครดิตของอิตาลี และล่าสุดรัฐบาลสเปนคาดการณ์ว่า ธนาคารในประเทศจำเป็นต้องตั้งสำรองสูงถึง 5 หมื่นล้านยูโร (6.5 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อรองรับงบดุลที่อ่อนแอลง อันเนื่องมาจากการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบกับภาวะฟองสบู่แตก ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าการประเมินก่อนหน้านี้
ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นยูนิเครดิตร่วงลง 17% ปิดที่ 4.48 ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2535 หุ้นธนาคารโซซิเอเต เจนเนอราล (ซอคเจน) ร่วงลง 5.4% หุ้นธนาคารบังโค ซานตานเดร์ และหุ้นบังโค บิลบาว วิซคายา อาร์เจนตาเรีย ซึ่งเป็น 2 ธนาคารรายใหญ่ของสเปน ร่วงลง 4.5% และ 5% ตามลำดับ ส่วนหุ้นดอยช์ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของเยอรมนี ร่วงลง 5.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลการประมูลพันธบัตรที่อ่อนแอของรัฐบาลฝรั่งเศส โดยรัฐบาลฝรั่งเศสระดมทุนจากการขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้เพียง 4.02 พันล้านยูโรในการประมูลเมื่อวานนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 3.29% เพิ่มขึ้นจากการประมูลครั้งก่อนที่ 3.18% ขณะที่อัตราส่วนความต้องการซื้อต่อปริมาณที่นำออกจำหน่าย (bid-to-cover ratio) ลดลงแตะ 1.64 เท่า จากระดับ 3.05 เท่า
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 113
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิลบ 22.91 จุดเช้านี้ หลังยูโร/เยนร่วงหนัก
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2555 07:54:54 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวลง 22.91 จุด หรือ 0.27% แตะที่ 8,465.80 จุด หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาทีในวันนี้ (6 ม.ค.) เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินยูโรที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยนและดอลลาร์เมื่อคืนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สกุลเงินยูโรดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 98.46 เยนที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ และยังดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ 1.2770 ดอลลาร์ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า ฝรั่งเศสอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของฝรั่งเศสปรับตัวสูงขึ้นในการประมูลเมื่อวานนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2555 07:54:54 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวลง 22.91 จุด หรือ 0.27% แตะที่ 8,465.80 จุด หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาทีในวันนี้ (6 ม.ค.) เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินยูโรที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยนและดอลลาร์เมื่อคืนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สกุลเงินยูโรดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 98.46 เยนที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ และยังดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ 1.2770 ดอลลาร์ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า ฝรั่งเศสอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของฝรั่งเศสปรับตัวสูงขึ้นในการประมูลเมื่อวานนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 114
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 55.78 จุดหลังฟิทช์หั่นเครดิตฮังการี
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 7 มกราคม 2555 07:46:32 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการีลงสู่ "ระดับขยะ" และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปและยังได้บดบังตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 55.78 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 12,359.92 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 3.25 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 1,277.81 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 4.36 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 2,674.22 จุด
ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.2% ดัชนี S&P ปรับตัวขึ้น 1.6% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.7%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2552 และยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
แต่หลังจากนั้น ดัชนีดาวโจนส์ก็อ่อนแรงลงเนื่องจากตลาดเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการีลง 1 ขั้น สู่ระดับ BB+ ซึ่งเป็น "ระดับขยะ" จากเดิมที่ระดับ BBB- เนื่องจากสถานะการคลังที่ย่ำแย่ของรัฐบาลฮังการี รวมทั้งแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
แมทเทโอ นาโปลิตาโน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฟิทช์กล่าวว่า "การลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงสถานะการคลังที่ย่ำแย่และนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน และจะยังทำให้การทำข้อตกลงครั้งใหม่ระหว่างกรีซกับ IMF/EU มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น"
ทั้งนี้ ฟิทช์ได้คงแนวโน้มความน่าเชื่อถือของฮังการีไว้ที่ "เชิงลบ" ซึ่งหมายความว่า มีโอกาสมากกว่า 50% ที่ฟิทช์จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการีลงอีก ภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่มีเสถียรภาพและสะท้อนถึงภาระหนี้สินที่รัฐบาลจะต้องแบกรับในวันข้างหน้า
หุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 2.1% หลังจากบริษัทวางแผนลดกำลังการผลิตที่โรงงานถลุงแร่อลูมินัมทั่วโลก อันเป็นผลมาจากราคาปรับตัวลดลง
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณผลประกอบการของภาคธนาคาร โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 2.3% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.1%
หุ้นอีสต์แมน โกดัก ร่วงลง 11% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัท หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า อีสต์แมน โกดัก กำลังเตรียมยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายตามกฎหมายมาตรา 11 แห่งราชอาณาจักรสหรัฐ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 7 มกราคม 2555 07:46:32 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการีลงสู่ "ระดับขยะ" และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปและยังได้บดบังตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 55.78 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 12,359.92 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 3.25 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 1,277.81 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 4.36 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 2,674.22 จุด
ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.2% ดัชนี S&P ปรับตัวขึ้น 1.6% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.7%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2552 และยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
แต่หลังจากนั้น ดัชนีดาวโจนส์ก็อ่อนแรงลงเนื่องจากตลาดเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการีลง 1 ขั้น สู่ระดับ BB+ ซึ่งเป็น "ระดับขยะ" จากเดิมที่ระดับ BBB- เนื่องจากสถานะการคลังที่ย่ำแย่ของรัฐบาลฮังการี รวมทั้งแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
แมทเทโอ นาโปลิตาโน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฟิทช์กล่าวว่า "การลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงสถานะการคลังที่ย่ำแย่และนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน และจะยังทำให้การทำข้อตกลงครั้งใหม่ระหว่างกรีซกับ IMF/EU มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น"
ทั้งนี้ ฟิทช์ได้คงแนวโน้มความน่าเชื่อถือของฮังการีไว้ที่ "เชิงลบ" ซึ่งหมายความว่า มีโอกาสมากกว่า 50% ที่ฟิทช์จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการีลงอีก ภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่มีเสถียรภาพและสะท้อนถึงภาระหนี้สินที่รัฐบาลจะต้องแบกรับในวันข้างหน้า
หุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 2.1% หลังจากบริษัทวางแผนลดกำลังการผลิตที่โรงงานถลุงแร่อลูมินัมทั่วโลก อันเป็นผลมาจากราคาปรับตัวลดลง
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณผลประกอบการของภาคธนาคาร โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 2.3% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.1%
หุ้นอีสต์แมน โกดัก ร่วงลง 11% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัท หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า อีสต์แมน โกดัก กำลังเตรียมยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายตามกฎหมายมาตรา 11 แห่งราชอาณาจักรสหรัฐ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 115
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 25.42 จุดหลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐพุ่ง
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 7 มกราคม 2555 10:09:44 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนธ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 25.42 จุด หรือ 0.5% แตะที่ 5,649.68 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2552 และยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 8.7%
หุ้นโวดาโฟนดีดขึ้น 1.2% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโวดาโฟน เนื่องจากผลประกอบการและกระแสเงินสดหมุนเวียนของโวดาโฟนมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
หุ้นเบอร์เบอรี ทะยานขึ้น 3.9% ขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยนายเฉิน เต๋อหมิง รมว.พาณิชย์ของจีนกล่าวว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาเรื่องการส่งเสริมธุรกิจช็อปปิ้งออนไลน์และการท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการอุปโภคบริโภค
ส่วนหุ้นคาร์นิวัล ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเรือสำราญรายใหญ่ของอังกฤษ ปรับตัวขึ้น 1% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นคาร์นิวัลขึ้นสู่ระดับ “overweight"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 7 มกราคม 2555 10:09:44 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนธ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 25.42 จุด หรือ 0.5% แตะที่ 5,649.68 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2552 และยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 8.7%
หุ้นโวดาโฟนดีดขึ้น 1.2% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโวดาโฟน เนื่องจากผลประกอบการและกระแสเงินสดหมุนเวียนของโวดาโฟนมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
หุ้นเบอร์เบอรี ทะยานขึ้น 3.9% ขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยนายเฉิน เต๋อหมิง รมว.พาณิชย์ของจีนกล่าวว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาเรื่องการส่งเสริมธุรกิจช็อปปิ้งออนไลน์และการท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการอุปโภคบริโภค
ส่วนหุ้นคาร์นิวัล ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเรือสำราญรายใหญ่ของอังกฤษ ปรับตัวขึ้น 1% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นคาร์นิวัลขึ้นสู่ระดับ “overweight"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 116
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดทรงตัว ขณะตลาดวิตกปัญหาหนี้ยุโรปลุกลาม
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 9 มกราคม 2555 06:39:26 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปได้ส่งผลบดบังตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนธ.ค.
ดัชนี Stoxx 600 ขยับขึ้นน้อยกว่า 0.1% ปิดที่ 247.53 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3137.36 จุด ลบ 7.55 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6057.92 จุด ลบ 38.07 จุด ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5649.68 จุด บวก 25.42 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่มีเสถียรภาพและสะท้อนถึงภาระหนี้สินที่รัฐบาลจะต้องแบกรับในวันข้างหน้า
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปได้บดบังปัจจัยบวกที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2552
หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู และหุ้นเดมเลอร์ ในกลุ่มบริษัทรถยนต์ ร่วงลง 1.1%
หุ้นธนาคารยูนิเครดิตร่วงลง 11% หลังจากธนาคารเสนอขายหุ้นรวมมูลค่า 7.5 พันล้านยูโร ในราคาที่ต่ำกว่าระดับปิดของวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลตลาดหุ้นของอิตาลี หรือ Consob เริ่มดำเนินการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นยูนิเครดิตในช่วงที่ผ่านมา เพื่อดูว่ามีการละเมิดคำสั่งห้ามทำชอร์ตเซลที่ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ในขณะนี้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม หุ้นโวดาโฟนดีดขึ้น 1.2% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโวดาโฟน เนื่องจากผลประกอบการและกระแสเงินสดหมุนเวียนของโวดาโฟนมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 9 มกราคม 2555 06:39:26 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปได้ส่งผลบดบังตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนธ.ค.
ดัชนี Stoxx 600 ขยับขึ้นน้อยกว่า 0.1% ปิดที่ 247.53 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3137.36 จุด ลบ 7.55 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6057.92 จุด ลบ 38.07 จุด ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5649.68 จุด บวก 25.42 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่มีเสถียรภาพและสะท้อนถึงภาระหนี้สินที่รัฐบาลจะต้องแบกรับในวันข้างหน้า
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปได้บดบังปัจจัยบวกที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2552
หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู และหุ้นเดมเลอร์ ในกลุ่มบริษัทรถยนต์ ร่วงลง 1.1%
หุ้นธนาคารยูนิเครดิตร่วงลง 11% หลังจากธนาคารเสนอขายหุ้นรวมมูลค่า 7.5 พันล้านยูโร ในราคาที่ต่ำกว่าระดับปิดของวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลตลาดหุ้นของอิตาลี หรือ Consob เริ่มดำเนินการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นยูนิเครดิตในช่วงที่ผ่านมา เพื่อดูว่ามีการละเมิดคำสั่งห้ามทำชอร์ตเซลที่ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ในขณะนี้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม หุ้นโวดาโฟนดีดขึ้น 1.2% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโวดาโฟน เนื่องจากผลประกอบการและกระแสเงินสดหมุนเวียนของโวดาโฟนมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 117
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 32.77 จุดหลังเยอรมนี-ฝรั่งเศสร่วมกู้วิกฤตยุโรป
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 10 มกราคม 2555 06:28:56 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) หลังจากนายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคล ของเยอรมนี และประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โกซีส์ ของฝรั่งเศส ได้ตกลงกันในที่ประชุมเมื่อวานนี้ว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังดีดตัวขึ้นหลังจากสหรัฐเผยยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายค่อนข้างบางเบา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะบริษัทหลายแห่งของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 32.77 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 12,392.69 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 2.89 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 1,280.70 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 2.34 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 2,676.56 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีแมร์เคลและประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า ผู้นำทั้งสองสนับสนุนการใช้มาตรการจัดเก็บภาษีการทำธุรกรรมการเงินในยุโรป และให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก เพื่อเป้าหมายที่จะต่อสู้กับวิกฤตหนี้ที่ยังคงยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้
ขณะเดียวกัน ผู้นำทั้งสองกำลังเร่งดำเนินการเรื่องการสมทบเงินเข้าสู่กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (ESM) เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกยูโรโซนลงนามในบทบัญญัติทางการคลังภายในวันที่ 1 มี.ค.นี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 2.04 หมื่นล้านดอลลาร์ แตะระดับ 2.48 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นรแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคครัวเรือนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการยื่นของกู้ยืมเงิน ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ก็พร้อมที่จะปล่อยเงินกู้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างซบเซาและวอลุ่มการซื้อขายอยู่ในระดับบางเบา เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่บริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ปิดบวก 2.9% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ผลประกอบการของอัลโคจะปรับตัวลดลงในไตรมาส 4 ปี 2554 เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้อุปสงค์ซบเซาลงด้วย
หุ้นเนทฟลิกซ์ อิงค์ พุ่งขึ้น 13.8% หลัจากบริษัทนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นอังกฤษและไอร์แลนด์ ขณะที่หุ้นแคทเตอร์ พิลลาร์ ปิดบวก 1.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.5%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ย. วันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book)
วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนม.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงขายหุ้นแบงก์ ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 37.42 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 10 มกราคม 2555 07:23:05 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสเตือนว่ากรีซอาจจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลง 37.42 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ 5,612.26 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ร่วงลง 4.5% และหุ้นลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ดิ่งลง 3.4% หลังจากผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสเตือนว่า กรีซอาจจะไม่ได้รับเงินกู้เบิกจ่ายงวดต่อไปสำหรับกรีซ หากยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องแผนการให้ความช่วยเหลือกรีซครั้งที่สอง ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนให้กลุ่มเจ้าหนี้เอกชนปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซด้วยความสมัครใจ
หุ้นอันโตฟากัสต้าในกลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลง 2.8% หลังจากซิตี้กรุ๊ปปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงมาอยู่ที่ระดับ “hold" จากระดับ “buy"
หุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ส ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่สุดของอังกฤษ ร่วงลง 4.1% เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับการอนุมัติทางกฎระเบียบสำหรับยา Relovair หลังจากแกลกโซสมิธไคลน์เปิดเผยผลการทดสอบยาตัวนี้
อย่างไรก็ตาม หุ้นอินเตอร์เนชันแนล โฮเทล กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากดอยช์แบงก์ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ “buy" จากระดับ “hold"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง หลังตลาดเมินผลประชุมเยอรมนี-ฝรั่งเศส
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 10 มกราคม 2555 07:44:08 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) เนื่องจากผลการประชุมระหว่างนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 0.5% ปิดที่ 246.42 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีลดลง 40.69 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 6,017.23 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,987.75 - 6,076.59 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสขยับลง 9.67 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 3,127.69 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,114.45 - 3,157.31 จุด
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 37.42 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 5,612.26 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,604.62 - 5,673.82 จุด
นักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีแมร์แคลและประธานาธิบดีซาร์โกซีส์ แม้ผู้นำทั้งสองยืนยันว่า ยุโรปมีความคืบหน้ามากขึ้นในการคุมเข้มนโยบายการคลัง และการบรรลุเป้าหมายการผลักดันเศรษฐกิจและการจ้างงานให้ขยายตัว พร้อมกับกล่าวว่า ผู้นำยุโรปจะใช้กฎระเบียด้านการคลังที่เข้มงวดมากขึ้นภายในเดือนนี้หรืออาจจะต้นเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ตาม นางแมร์เคลเตือนว่า เป็นไปไม่ได้ที่กรีซจะได้รับเงินกู้เบิกจ่ายงวดต่อไป หากยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องแผนการให้ความช่วยเหลือกรีซครั้งที่สอง ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนให้กลุ่มเจ้าหนี้เอกชนปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซด้วยความสมัครใจ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆในยุโรป หลังจากทางการเยอรมนีเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 0.6% ในเดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 0.5%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นยูนิเครดิตดิ่งลง 12.8% เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าทางธนาคารได้กำหนดราคาหุ้นเพิ่มทุนในระดับที่ต่ำมาก ขณะที่หุ้นบังคา มอนเต เด ปาชี ดี เซียนา เอสพีเอ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของอิตาลี ร่วงลง 14%
หุ้นโนเกีย ดิ่งลง 2.8% หลังจากบริษัทอาร์เอฟ ไมโคร ดิไวส์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของโนเกียเปิดเผยว่า ยอดขายในไตรมาส 4 ร่วงลง 19%
อย่างไรก็ตาม หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากบีเอ็มดับเบิลยูเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ของบริษัท ซึ่งรวมถึงรถ Mini ปรับตัวขึ้น 14% แตะที่ 1.67 ล้านคันในปี 2554
นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่นายคริสเตียน นอยเออร์ สมาชิกสภาบริหารของอีซีบีกล่าวว่า อีซีบีวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะเวลา 3 ปีให้กับธนาคารพาณิชย์เป็นรอบที่ 2 มูลค่าสูงถึง 6 แสนล้านยูโร (ประมาณ 7.6676 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: แรงซื้อเก็งกำไรหนุนนิกเกอิเปิดบวก 32.64 จุดข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 10 มกราคม 2555 07:49:28 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดบวก 32.64 จุด แตะที่ 8,422.99 จุดในวันนี้ (10 ม.ค.) เนื่องจานักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหุ้นบางกลุ่มที่ถูกเทขายอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นจีนที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวานนี้ด้วย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีคอมโพสิตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ของจีน พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ได้ออกมาสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการปฏิรูปเพื่อกระตุ้นภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นจีน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 10 มกราคม 2555 06:28:56 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) หลังจากนายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคล ของเยอรมนี และประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โกซีส์ ของฝรั่งเศส ได้ตกลงกันในที่ประชุมเมื่อวานนี้ว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังดีดตัวขึ้นหลังจากสหรัฐเผยยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายค่อนข้างบางเบา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะบริษัทหลายแห่งของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 32.77 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 12,392.69 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 2.89 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 1,280.70 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 2.34 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 2,676.56 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีแมร์เคลและประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า ผู้นำทั้งสองสนับสนุนการใช้มาตรการจัดเก็บภาษีการทำธุรกรรมการเงินในยุโรป และให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก เพื่อเป้าหมายที่จะต่อสู้กับวิกฤตหนี้ที่ยังคงยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้
ขณะเดียวกัน ผู้นำทั้งสองกำลังเร่งดำเนินการเรื่องการสมทบเงินเข้าสู่กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (ESM) เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกยูโรโซนลงนามในบทบัญญัติทางการคลังภายในวันที่ 1 มี.ค.นี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 2.04 หมื่นล้านดอลลาร์ แตะระดับ 2.48 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นรแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคครัวเรือนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการยื่นของกู้ยืมเงิน ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ก็พร้อมที่จะปล่อยเงินกู้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างซบเซาและวอลุ่มการซื้อขายอยู่ในระดับบางเบา เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่บริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ปิดบวก 2.9% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ผลประกอบการของอัลโคจะปรับตัวลดลงในไตรมาส 4 ปี 2554 เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้อุปสงค์ซบเซาลงด้วย
หุ้นเนทฟลิกซ์ อิงค์ พุ่งขึ้น 13.8% หลัจากบริษัทนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นอังกฤษและไอร์แลนด์ ขณะที่หุ้นแคทเตอร์ พิลลาร์ ปิดบวก 1.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.5%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ย. วันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book)
วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนม.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงขายหุ้นแบงก์ ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 37.42 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 10 มกราคม 2555 07:23:05 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสเตือนว่ากรีซอาจจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลง 37.42 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ 5,612.26 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ร่วงลง 4.5% และหุ้นลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ดิ่งลง 3.4% หลังจากผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสเตือนว่า กรีซอาจจะไม่ได้รับเงินกู้เบิกจ่ายงวดต่อไปสำหรับกรีซ หากยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องแผนการให้ความช่วยเหลือกรีซครั้งที่สอง ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนให้กลุ่มเจ้าหนี้เอกชนปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซด้วยความสมัครใจ
หุ้นอันโตฟากัสต้าในกลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลง 2.8% หลังจากซิตี้กรุ๊ปปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงมาอยู่ที่ระดับ “hold" จากระดับ “buy"
หุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ส ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่สุดของอังกฤษ ร่วงลง 4.1% เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับการอนุมัติทางกฎระเบียบสำหรับยา Relovair หลังจากแกลกโซสมิธไคลน์เปิดเผยผลการทดสอบยาตัวนี้
อย่างไรก็ตาม หุ้นอินเตอร์เนชันแนล โฮเทล กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากดอยช์แบงก์ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ “buy" จากระดับ “hold"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง หลังตลาดเมินผลประชุมเยอรมนี-ฝรั่งเศส
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 10 มกราคม 2555 07:44:08 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) เนื่องจากผลการประชุมระหว่างนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 0.5% ปิดที่ 246.42 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีลดลง 40.69 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 6,017.23 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,987.75 - 6,076.59 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสขยับลง 9.67 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 3,127.69 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,114.45 - 3,157.31 จุด
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 37.42 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 5,612.26 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,604.62 - 5,673.82 จุด
นักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีแมร์แคลและประธานาธิบดีซาร์โกซีส์ แม้ผู้นำทั้งสองยืนยันว่า ยุโรปมีความคืบหน้ามากขึ้นในการคุมเข้มนโยบายการคลัง และการบรรลุเป้าหมายการผลักดันเศรษฐกิจและการจ้างงานให้ขยายตัว พร้อมกับกล่าวว่า ผู้นำยุโรปจะใช้กฎระเบียด้านการคลังที่เข้มงวดมากขึ้นภายในเดือนนี้หรืออาจจะต้นเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ตาม นางแมร์เคลเตือนว่า เป็นไปไม่ได้ที่กรีซจะได้รับเงินกู้เบิกจ่ายงวดต่อไป หากยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องแผนการให้ความช่วยเหลือกรีซครั้งที่สอง ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนให้กลุ่มเจ้าหนี้เอกชนปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซด้วยความสมัครใจ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆในยุโรป หลังจากทางการเยอรมนีเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 0.6% ในเดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 0.5%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นยูนิเครดิตดิ่งลง 12.8% เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าทางธนาคารได้กำหนดราคาหุ้นเพิ่มทุนในระดับที่ต่ำมาก ขณะที่หุ้นบังคา มอนเต เด ปาชี ดี เซียนา เอสพีเอ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของอิตาลี ร่วงลง 14%
หุ้นโนเกีย ดิ่งลง 2.8% หลังจากบริษัทอาร์เอฟ ไมโคร ดิไวส์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของโนเกียเปิดเผยว่า ยอดขายในไตรมาส 4 ร่วงลง 19%
อย่างไรก็ตาม หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากบีเอ็มดับเบิลยูเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ของบริษัท ซึ่งรวมถึงรถ Mini ปรับตัวขึ้น 14% แตะที่ 1.67 ล้านคันในปี 2554
นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่นายคริสเตียน นอยเออร์ สมาชิกสภาบริหารของอีซีบีกล่าวว่า อีซีบีวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะเวลา 3 ปีให้กับธนาคารพาณิชย์เป็นรอบที่ 2 มูลค่าสูงถึง 6 แสนล้านยูโร (ประมาณ 7.6676 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: แรงซื้อเก็งกำไรหนุนนิกเกอิเปิดบวก 32.64 จุดข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 10 มกราคม 2555 07:49:28 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดบวก 32.64 จุด แตะที่ 8,422.99 จุดในวันนี้ (10 ม.ค.) เนื่องจานักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหุ้นบางกลุ่มที่ถูกเทขายอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นจีนที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวานนี้ด้วย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีคอมโพสิตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ของจีน พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ได้ออกมาสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการปฏิรูปเพื่อกระตุ้นภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นจีน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 118
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 69.78 จุดรับผลประกอบการ อัลโค
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 มกราคม 2555 06:31:15 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท อัลโค อิงค์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทอื่นๆที่เริ่มทยอยกันรายงานในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นยุโรป หลังจากมีรายงานว่าฟิทช์จะยังไม่ปรับลดอันดับเครดิต AAA ของฝรั่งเศสในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 69.78 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 12,462.47 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 11.38 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 1,292.08 จุด ดัชนี Nasdaq บวก 25.94 จุด หรือ 0.97% ปิดที่ 2,702.50 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า แม้ว่าบริษัทมีตัวเลขขาดทุน 191 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 แต่รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% สู่ระดับ 5.99 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นายเคลาส์ ไคลน์เฟลด์ ซีอีโอของอัลโค คาดว่าความต้องการแร่อลูมินัมในตลาดโลกจะขยายตัว 7% ในปี 2555 ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในวงกว้าง เนื่องจากมีอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่ใช้แร่อลูมินัมเป็นวัตถุดิบในการผลิต
นอกจากนี้ การแสดงความคิดเห็นของซีอีโออัลโคยังทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทอื่นๆที่เริ่มทยอยกันรายงานในสัปดาห์นี้และอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า โดยนักลงทุนมองว่าหากผลประกอบการของภาคเอกชนแข็งแกร่งขึ้น ก็จะช่วยกระตุ้นการจ้างงานและการใช้จ่ายให้เพิ่มขึ้นตามมาด้วย
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อฟิทช์ เรทติ้งส์ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของฝรั่งเศสในปีนี้ แม้ได้ออกรายงานเตือนว่าหลายประเทศในยูโรมีความเสี่ยงที่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในช่วงปลายเดือนนี้ รวมถึงอิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ และไซปรัส
การที่ฟิทช์ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสในปีนี้ได้หนุนตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นถ้วนหน้า และยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ปริมาณสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย.ขยายตัวเพียง 0.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% และสะท้อนให้เห็นว่า ภาคค้าส่งซึ่งเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ยังไม่ค่อยมั่นใจในแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากเท่าใดนัก
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 5.7% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารหรือ KBW Bank Index ปรับตัวขึ้น 1.9%
หุ้นแคทเตอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างและเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 3% ขณะที่หุ้นอัลโค อิงค์ ปรับตัวขึ้น 0.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
อย่างไรก็ตาม หุ้นกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ดิ่งลง 8.3% หลังจากบริษัทได้แสดงความกังวลว่ายอดจำหน่ายยางรถยนต์อาจลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่หุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกอัญมณีรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 10% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการปีนี้ เนื่องจากยอดขายในตลาดสหรัฐและยุโรปชะลอตัวลง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนม.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ผลประกอบการเอกชนหนุนฟุตซี่ปิดบวก 84.44 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 มกราคม 2555 07:33:16 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทอัลโค อิงค์ ของสหรัฐที่เปิดเผยผลประกอบการที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่บริษัท มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ของอังกฤษ ได้คงคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 84.44 จุด หรือ 1.5% ปิดที่ 5,696.7 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า แม้ว่าบริษัทมีตัวเลขขาดทุน 191 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 แต่รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% สู่ระดับ 5.99 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นหลังจากราคาโลหะทองแดงในตลาดลอนดอนทะยานขึ้น ขานรับรายงานที่วา จีนนำเข้าทองแดงเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นริโอทินโต ดีดตัวขึ้น 3.6% หุ้นเอ็กสตราต้าพุ่งขึ้น 3.1% และหุ้นคาซัคมิสพุ่งขึ้น 5.9% นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ของรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ยังจัดอันดับให้หุ้นหลายตัวในอุตสาหกรรมเหมืองแร่อยู่ในกลุ่ม "top picks"
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ดีดตัวขึ้น 3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีนี้ อันเนื่องมาจากยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงเทศกาลวันหยุด รวมทั้งการที่บริษัทใช้นโยบายปรับลดต้นทุน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปพุ่งรับผลประกอบการอัลโค,แรงซื้อหุ้นเมือง
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 มกราคม 2555 07:58:57 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) ขานรับผลประกอบการของบริษัท อัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่อย่างคักคึก หลังจากจีนนำเข้าทองแดงเพิ่มขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.8% ปิดที่ 250.82 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 145.75 จุด หรือ 2.42% ปิดที่ 6,162.98 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,069.36 - 6,191.29 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 83.10 จุด หรือ 2.66% ปิดที่ 3,210.79 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,154.25 - 3,219.43 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนพุ่งขึ้น 84.44 จุด หรือ 1.5% ปิดที่ 5,696.70 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,612.26-5,711.89 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนหลังจากนายเคลาส์ ไคลน์เฟลด์ ซีอีโอของอัลโค อิงค์คาดว่า ความต้องการแร่อลูมินัมในตลาดโลกจะขยายตัว 7% ในปี 2555 ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในวงกว้าง เนื่องจากมีอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่ใช้แร่อลูมินัมเป็นวัตถุดิบในการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์
นอจากนี้ อัลโค อิง์เปิดเผยว่า แม้ว่าบริษัทมีตัวเลขขาดทุน 191 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 แต่รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% สู่ระดับ 5.99 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นหลังจากราคาโลหะทองแดงในตลาดลอนดอนทะยานขึ้น ขานรับรายงานที่ว่า จีนนำเข้าทองแดงเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นริโอทินโต ดีดตัวขึ้น 3.6% หุ้นเอ็กสตราต้าพุ่งขึ้น 3.1% และหุ้นคาซัคมิสพุ่งขึ้น 5.9%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ทะยานขึ้น โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นโฟล์คสวาเก้น ดีดขึ้น 3.2% และหุ้นเดมเลอร์พุ่งขึ้น 4.2% หลังจากบีเอ็มดับเบิลยู, เดมเลอร์ และออดี้ เอจี วางแผนที่จะขยายการเติบโตทางธุรกิจในปี 2555 ภายหลังจากที่ทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว
หุ้นยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของอิตาลี พุ่งขึ้น 6% ขณะที่หุ้นสวอช กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตนาฬิการายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ ปรับตัวขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 22%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิบวก 25.83 จุดเช้านี้ หลังดาวโจนส์พุ่ง
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 มกราคม 2555 08:02:51 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้น 25.83 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 8,448.09 จุดหลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาทีในวันนี้ (11 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ภายหลังจากบริษัท อัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐ ได้แสดงมุมมองที่เป็นบวก
นายเคลาส์ ไคลน์เฟลด์ ซีอีโอของอัลโค อิงค์คาดว่า ความต้องการแร่อลูมินัมในตลาดโลกจะขยายตัว 7% ในปี 2555 ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในวงกว้าง เนื่องจากมีอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่ใช้แร่อลูมินัมเป็นวัตถุดิบในการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์
นอกจากนี้ อัลโค อิง์เปิดเผยว่า แม้ว่าบริษัทมีตัวเลขขาดทุน 191 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 แต่รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% สู่ระดับ 5.99 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 มกราคม 2555 06:31:15 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท อัลโค อิงค์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทอื่นๆที่เริ่มทยอยกันรายงานในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นยุโรป หลังจากมีรายงานว่าฟิทช์จะยังไม่ปรับลดอันดับเครดิต AAA ของฝรั่งเศสในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 69.78 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 12,462.47 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 11.38 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 1,292.08 จุด ดัชนี Nasdaq บวก 25.94 จุด หรือ 0.97% ปิดที่ 2,702.50 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า แม้ว่าบริษัทมีตัวเลขขาดทุน 191 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 แต่รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% สู่ระดับ 5.99 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นายเคลาส์ ไคลน์เฟลด์ ซีอีโอของอัลโค คาดว่าความต้องการแร่อลูมินัมในตลาดโลกจะขยายตัว 7% ในปี 2555 ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในวงกว้าง เนื่องจากมีอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่ใช้แร่อลูมินัมเป็นวัตถุดิบในการผลิต
นอกจากนี้ การแสดงความคิดเห็นของซีอีโออัลโคยังทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทอื่นๆที่เริ่มทยอยกันรายงานในสัปดาห์นี้และอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า โดยนักลงทุนมองว่าหากผลประกอบการของภาคเอกชนแข็งแกร่งขึ้น ก็จะช่วยกระตุ้นการจ้างงานและการใช้จ่ายให้เพิ่มขึ้นตามมาด้วย
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อฟิทช์ เรทติ้งส์ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของฝรั่งเศสในปีนี้ แม้ได้ออกรายงานเตือนว่าหลายประเทศในยูโรมีความเสี่ยงที่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในช่วงปลายเดือนนี้ รวมถึงอิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ และไซปรัส
การที่ฟิทช์ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสในปีนี้ได้หนุนตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นถ้วนหน้า และยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ปริมาณสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย.ขยายตัวเพียง 0.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% และสะท้อนให้เห็นว่า ภาคค้าส่งซึ่งเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ยังไม่ค่อยมั่นใจในแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากเท่าใดนัก
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 5.7% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารหรือ KBW Bank Index ปรับตัวขึ้น 1.9%
หุ้นแคทเตอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างและเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 3% ขณะที่หุ้นอัลโค อิงค์ ปรับตัวขึ้น 0.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
อย่างไรก็ตาม หุ้นกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ดิ่งลง 8.3% หลังจากบริษัทได้แสดงความกังวลว่ายอดจำหน่ายยางรถยนต์อาจลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่หุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกอัญมณีรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 10% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการปีนี้ เนื่องจากยอดขายในตลาดสหรัฐและยุโรปชะลอตัวลง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนม.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ผลประกอบการเอกชนหนุนฟุตซี่ปิดบวก 84.44 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 มกราคม 2555 07:33:16 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทอัลโค อิงค์ ของสหรัฐที่เปิดเผยผลประกอบการที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่บริษัท มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ของอังกฤษ ได้คงคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 84.44 จุด หรือ 1.5% ปิดที่ 5,696.7 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า แม้ว่าบริษัทมีตัวเลขขาดทุน 191 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 แต่รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% สู่ระดับ 5.99 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นหลังจากราคาโลหะทองแดงในตลาดลอนดอนทะยานขึ้น ขานรับรายงานที่วา จีนนำเข้าทองแดงเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นริโอทินโต ดีดตัวขึ้น 3.6% หุ้นเอ็กสตราต้าพุ่งขึ้น 3.1% และหุ้นคาซัคมิสพุ่งขึ้น 5.9% นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ของรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ยังจัดอันดับให้หุ้นหลายตัวในอุตสาหกรรมเหมืองแร่อยู่ในกลุ่ม "top picks"
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ดีดตัวขึ้น 3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีนี้ อันเนื่องมาจากยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงเทศกาลวันหยุด รวมทั้งการที่บริษัทใช้นโยบายปรับลดต้นทุน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปพุ่งรับผลประกอบการอัลโค,แรงซื้อหุ้นเมือง
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 มกราคม 2555 07:58:57 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) ขานรับผลประกอบการของบริษัท อัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่อย่างคักคึก หลังจากจีนนำเข้าทองแดงเพิ่มขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.8% ปิดที่ 250.82 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 145.75 จุด หรือ 2.42% ปิดที่ 6,162.98 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,069.36 - 6,191.29 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 83.10 จุด หรือ 2.66% ปิดที่ 3,210.79 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,154.25 - 3,219.43 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนพุ่งขึ้น 84.44 จุด หรือ 1.5% ปิดที่ 5,696.70 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,612.26-5,711.89 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนหลังจากนายเคลาส์ ไคลน์เฟลด์ ซีอีโอของอัลโค อิงค์คาดว่า ความต้องการแร่อลูมินัมในตลาดโลกจะขยายตัว 7% ในปี 2555 ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในวงกว้าง เนื่องจากมีอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่ใช้แร่อลูมินัมเป็นวัตถุดิบในการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์
นอจากนี้ อัลโค อิง์เปิดเผยว่า แม้ว่าบริษัทมีตัวเลขขาดทุน 191 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 แต่รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% สู่ระดับ 5.99 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นหลังจากราคาโลหะทองแดงในตลาดลอนดอนทะยานขึ้น ขานรับรายงานที่ว่า จีนนำเข้าทองแดงเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นริโอทินโต ดีดตัวขึ้น 3.6% หุ้นเอ็กสตราต้าพุ่งขึ้น 3.1% และหุ้นคาซัคมิสพุ่งขึ้น 5.9%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ทะยานขึ้น โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นโฟล์คสวาเก้น ดีดขึ้น 3.2% และหุ้นเดมเลอร์พุ่งขึ้น 4.2% หลังจากบีเอ็มดับเบิลยู, เดมเลอร์ และออดี้ เอจี วางแผนที่จะขยายการเติบโตทางธุรกิจในปี 2555 ภายหลังจากที่ทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว
หุ้นยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของอิตาลี พุ่งขึ้น 6% ขณะที่หุ้นสวอช กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตนาฬิการายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ ปรับตัวขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 22%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิบวก 25.83 จุดเช้านี้ หลังดาวโจนส์พุ่ง
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 มกราคม 2555 08:02:51 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้น 25.83 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 8,448.09 จุดหลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาทีในวันนี้ (11 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ภายหลังจากบริษัท อัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐ ได้แสดงมุมมองที่เป็นบวก
นายเคลาส์ ไคลน์เฟลด์ ซีอีโอของอัลโค อิงค์คาดว่า ความต้องการแร่อลูมินัมในตลาดโลกจะขยายตัว 7% ในปี 2555 ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในวงกว้าง เนื่องจากมีอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่ใช้แร่อลูมินัมเป็นวัตถุดิบในการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์
นอกจากนี้ อัลโค อิง์เปิดเผยว่า แม้ว่าบริษัทมีตัวเลขขาดทุน 191 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 แต่รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% สู่ระดับ 5.99 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 119
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:วิตกเศรษฐกิจยุโรปถดถอย ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 13.02 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2555 06:32:08 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปในระดับที่รุนแรง หลังจากเยอรมนีเปิดเผยว่าเศรษฐกิจหดตัวลงในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูการประมูลพันธบัตรของสเปนและอิตาลีซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 13.02 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 12,449.45 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.40 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 1,292.48 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 8.26 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 2,710.76 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะที่กำลังส่งผลคุกคามเศรษฐกิจในยูโรโซน โดยล่าสุดมีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรป หดตัวลงราว 0.25% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจเยอรมนีอาจจะเผชิญกับภาวะถดถอย แม้สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีระบุว่า จีดีพีตลอดปี 2554 ขยายตัว 3% ก็ตาม
ภาวะการซื้อขายในตลาดซบเซามาขึ้นเมื่อสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ได้ปรับลดการประเมินเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ในไตรมาส 3 ลงมาอยู่ที่ 0.1% ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี และคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เตือนว่า ฮังการียังไม่ได้ดำเนินมาตรการที่แข็งแกร่งพอในการควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณ
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการถดถอยของเศรษฐกิจยุโรปทำให้นักวิเคราะห์ของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทสหรัฐ เนื่องจากสหรัฐจำเป็นต้องพึ่งพายุโรปในการซื้อสินค้าส่งออกถึง 20% ของปริมาณการส่งออกโดยรวม โดยเอสแอนด์พีคาดว่าผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 จะเพิ่มขึ้นเพียง 7.2% ในไตรมาส 4 ปี 2554 ลดลงจากไตรมาส 3 ที่ขยายตัวได้ถึง 17.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ฟิทช์ เรทติงส์ เตือนว่า กลุ่มประเทศยูโรโซนอาจจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการร่วงลงของสกุลเงินยูโร หากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ไม่ดำเนินการซื้อพันธบัตรของประเทศยูโรโซน และเตือนว่าหากกรีซไม่สามารถทำข้อตกลงลดหนี้กับเจ้าหนี้ได้ วิกฤตยูโรโซนก็จะย่ำแย่ลงอีก
กรีซกำลังเจรจากับเอกชนเพื่อขอให้ปรับลดมูลค่าการถือครองพันธบัตรกรีซลง 50% หรือเป็นการขอลดหนี้ลง 50% ก่อนที่พันธบัตรกรีซมูลค่า 1.4 หมื่นล้านยูโรจะครบกำหนดชำระในเดือนมีนาคมนี้ อย่างไรก็ดี อีซีบีปฏิเสธที่จะปรับลดมูลค่าพันธบัตรกรีซที่ถือครองอยู่ราว 4.5 หมื่นล้านยูโร ซึ่งหมายความว่าภาคเอกชนต้องแบกรับภาระมากขึ้นเพื่อให้กรีซบรรลุเป้าหมายการลดหนี้
นักลงทุนจับตาดูการประมูลพันธบัตรของสเปนและอิตาลีซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของวิกฤตหนี้ยูโรโซน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กจะซบเซาลงอีก หากนักลงทุนตอบรับการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีและสเปนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
หุ้นโคคา-โคลา ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำส้มแบรนด์ "Minute Maid" ร่วงลง 1.85 ขณะที่หุ้นเป๊ปซีโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำส้ม "Tropicana" ปรับตัวลง 1% หลังจากมีรายงานว่าราคาน้ำส้มในตลาดสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากรายงานของรัฐบาลสหรัฐที่ระบุว่า ผลส้มที่นำเข้าจากบราซิลอาจจะมีการปนเปื้อน
หุ้นเชฟรอน คอร์ป ร่วงลง 1.2% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ขณะที่หุ้น 3M ร่วงลง 0.6%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนม.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงขายหุ้นพลังงานฉุดฟุตซี่ปิดลบ 25.88 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2555 07:34:16 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่สเปนและอิตาลีจะประมูลขายพันธบัตรในสัปดาห์นี้
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 25.88 จุด หรือ 0.5% แตะที่ 5,670.82 จุด
นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเกินคาดของสหรัฐ โดยหุ้น SSE ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษ ร่วงลงกว่า 3% หลังจากบริษัท อิเล็กตริกไลท์ เดอ ฟรองซ์ ของฝรั่งเศส ประกาศลดราคาก๊าซที่โรงงานในเครือซึ่งตั้งอยู่ในอังกฤษ หุ้นเซนทริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซรายใหญ่ของอังกฤษ ดิ่งลง 1.3%
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 3.1% หุ้นบีพี ร่วงลง 0.9% และหุ้นบีจี กรุ๊ป ดิ่งลง 2% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
หุ้นยูนิลีเวอร์ ดิ่งลง 3.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2555 และยังได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของยูนิลีเวอร์ลงด้วย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2555 06:32:08 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปในระดับที่รุนแรง หลังจากเยอรมนีเปิดเผยว่าเศรษฐกิจหดตัวลงในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูการประมูลพันธบัตรของสเปนและอิตาลีซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 13.02 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 12,449.45 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.40 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 1,292.48 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 8.26 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 2,710.76 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะที่กำลังส่งผลคุกคามเศรษฐกิจในยูโรโซน โดยล่าสุดมีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรป หดตัวลงราว 0.25% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจเยอรมนีอาจจะเผชิญกับภาวะถดถอย แม้สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีระบุว่า จีดีพีตลอดปี 2554 ขยายตัว 3% ก็ตาม
ภาวะการซื้อขายในตลาดซบเซามาขึ้นเมื่อสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ได้ปรับลดการประเมินเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ในไตรมาส 3 ลงมาอยู่ที่ 0.1% ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี และคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เตือนว่า ฮังการียังไม่ได้ดำเนินมาตรการที่แข็งแกร่งพอในการควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณ
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการถดถอยของเศรษฐกิจยุโรปทำให้นักวิเคราะห์ของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทสหรัฐ เนื่องจากสหรัฐจำเป็นต้องพึ่งพายุโรปในการซื้อสินค้าส่งออกถึง 20% ของปริมาณการส่งออกโดยรวม โดยเอสแอนด์พีคาดว่าผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 จะเพิ่มขึ้นเพียง 7.2% ในไตรมาส 4 ปี 2554 ลดลงจากไตรมาส 3 ที่ขยายตัวได้ถึง 17.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ฟิทช์ เรทติงส์ เตือนว่า กลุ่มประเทศยูโรโซนอาจจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการร่วงลงของสกุลเงินยูโร หากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ไม่ดำเนินการซื้อพันธบัตรของประเทศยูโรโซน และเตือนว่าหากกรีซไม่สามารถทำข้อตกลงลดหนี้กับเจ้าหนี้ได้ วิกฤตยูโรโซนก็จะย่ำแย่ลงอีก
กรีซกำลังเจรจากับเอกชนเพื่อขอให้ปรับลดมูลค่าการถือครองพันธบัตรกรีซลง 50% หรือเป็นการขอลดหนี้ลง 50% ก่อนที่พันธบัตรกรีซมูลค่า 1.4 หมื่นล้านยูโรจะครบกำหนดชำระในเดือนมีนาคมนี้ อย่างไรก็ดี อีซีบีปฏิเสธที่จะปรับลดมูลค่าพันธบัตรกรีซที่ถือครองอยู่ราว 4.5 หมื่นล้านยูโร ซึ่งหมายความว่าภาคเอกชนต้องแบกรับภาระมากขึ้นเพื่อให้กรีซบรรลุเป้าหมายการลดหนี้
นักลงทุนจับตาดูการประมูลพันธบัตรของสเปนและอิตาลีซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของวิกฤตหนี้ยูโรโซน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กจะซบเซาลงอีก หากนักลงทุนตอบรับการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีและสเปนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
หุ้นโคคา-โคลา ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำส้มแบรนด์ "Minute Maid" ร่วงลง 1.85 ขณะที่หุ้นเป๊ปซีโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำส้ม "Tropicana" ปรับตัวลง 1% หลังจากมีรายงานว่าราคาน้ำส้มในตลาดสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากรายงานของรัฐบาลสหรัฐที่ระบุว่า ผลส้มที่นำเข้าจากบราซิลอาจจะมีการปนเปื้อน
หุ้นเชฟรอน คอร์ป ร่วงลง 1.2% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ขณะที่หุ้น 3M ร่วงลง 0.6%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนม.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงขายหุ้นพลังงานฉุดฟุตซี่ปิดลบ 25.88 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2555 07:34:16 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่สเปนและอิตาลีจะประมูลขายพันธบัตรในสัปดาห์นี้
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 25.88 จุด หรือ 0.5% แตะที่ 5,670.82 จุด
นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเกินคาดของสหรัฐ โดยหุ้น SSE ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษ ร่วงลงกว่า 3% หลังจากบริษัท อิเล็กตริกไลท์ เดอ ฟรองซ์ ของฝรั่งเศส ประกาศลดราคาก๊าซที่โรงงานในเครือซึ่งตั้งอยู่ในอังกฤษ หุ้นเซนทริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซรายใหญ่ของอังกฤษ ดิ่งลง 1.3%
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 3.1% หุ้นบีพี ร่วงลง 0.9% และหุ้นบีจี กรุ๊ป ดิ่งลง 2% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
หุ้นยูนิลีเวอร์ ดิ่งลง 3.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2555 และยังได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของยูนิลีเวอร์ลงด้วย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 120
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ หลังฟิทช์เตือนอีซีบีใช้แผนสกัดวิกฤตหนี้
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2555 08:07:36 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ควรจะดำเนินการมากขึ้นในด้านการป้องกันวิกฤตหนี้ไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง และจากรายงานที่ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีหดตัวลงในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 249.93 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวลง 10.64 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 6,152.34 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,106.03 - 6,181.61 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิลดลง 5.96 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 3,204.83 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,181.17 - 3,236.34 จุด
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 25.88 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 5,670.82 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,644.75 - 5,700.75 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากนายเดวิด ไรลีย์ หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ เรทติงส์ กล่าวว่า อีซีบีควรจะเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลยูโรโซนมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้สกุลเงินยูโรต้องล่มสลาย ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางของยูโรโซน
นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจจะส่งฉุดรั้งเศรษฐกิจยุโรปให้ถดถอยลง หลังจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีหดตัวลงราว 0.25% ในไตรมาส 4
หุ้น Pirelli & C ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป ร่วงลง 4.5% หลังจากบริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ คาดการณ์ว่าความต้องการยางรถยนต์ทั่วโลกจะชะลอตัวลง
หุ้นเนสเล่ย์ ร่วงลง 1.2% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงมาอยู่ที่ระดับ “neutral" จากระดับ “buy"
นักลงทุนจับตาดูการประมูลพันธบัตรของสเปนและอิตาลีซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของวิกฤตหนี้ยูโรโซน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กจะซบเซาลงอีก หากนักลงทุนตอบรับการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีและสเปนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของอีซีบีจะจัดประชุมในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า อีซีบีอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดลบ 24.78 จุด วิตกศก.ยุโรปหดตัว
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2555 08:11:45 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดปรับตัวลง 24.78 จุด แตะที่ 8,423.10 จุดในวันนี้ (12 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน หลังจากเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรปเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หดตัวลงราว 0.25% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว
ข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจเยอรมนีอาจจะเผชิญกับภาวะถดถอย แม้สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีระบุว่า จีดีพีตลอดปี 2554 ขยายตัว 3% ก็ตาม
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2555 08:07:36 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ควรจะดำเนินการมากขึ้นในด้านการป้องกันวิกฤตหนี้ไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง และจากรายงานที่ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีหดตัวลงในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 249.93 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวลง 10.64 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 6,152.34 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,106.03 - 6,181.61 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิลดลง 5.96 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 3,204.83 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,181.17 - 3,236.34 จุด
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 25.88 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 5,670.82 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,644.75 - 5,700.75 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากนายเดวิด ไรลีย์ หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ เรทติงส์ กล่าวว่า อีซีบีควรจะเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลยูโรโซนมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้สกุลเงินยูโรต้องล่มสลาย ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางของยูโรโซน
นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจจะส่งฉุดรั้งเศรษฐกิจยุโรปให้ถดถอยลง หลังจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีหดตัวลงราว 0.25% ในไตรมาส 4
หุ้น Pirelli & C ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป ร่วงลง 4.5% หลังจากบริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ คาดการณ์ว่าความต้องการยางรถยนต์ทั่วโลกจะชะลอตัวลง
หุ้นเนสเล่ย์ ร่วงลง 1.2% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงมาอยู่ที่ระดับ “neutral" จากระดับ “buy"
นักลงทุนจับตาดูการประมูลพันธบัตรของสเปนและอิตาลีซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของวิกฤตหนี้ยูโรโซน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กจะซบเซาลงอีก หากนักลงทุนตอบรับการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีและสเปนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของอีซีบีจะจัดประชุมในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า อีซีบีอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดลบ 24.78 จุด วิตกศก.ยุโรปหดตัว
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2555 08:11:45 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดปรับตัวลง 24.78 จุด แตะที่ 8,423.10 จุดในวันนี้ (12 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน หลังจากเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรปเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หดตัวลงราว 0.25% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว
ข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจเยอรมนีอาจจะเผชิญกับภาวะถดถอย แม้สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีระบุว่า จีดีพีตลอดปี 2554 ขยายตัว 3% ก็ตาม
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--