หน้า 4 จากทั้งหมด 13

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 12:40 pm
โดย Pari
choosak เขียน:คลิปสัมมนารวยด้วยหุ้นอย่างพอเพียงที่คุณ sai พูดถึงครับ :D
http://edu.tsi-thailand.org/index.php?o ... Itemid=356
ขอบคุณมากครับ  

ปล. Vdo มีคุณค่ามากครับ

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 1:37 pm
โดย yoyo
พี่มี่นี่เป็นทั้งนักลงทุนนักธุรกิจแบบตัวจริงเสียงจริงเลย
ขยันทำงาน ขยันอ่าน ขยันทำการบ้านเล่นหุ้น
ผมอยากฟังพี่เล่าประวัติก่อนมาเล่นหุ้นนะครับ ว่าทำอะไรมาบ้าง
ผมนั่งฟังพี่พูดเมื่อนานมาแล้วเรื่องที่ปล่อยเงินกู้โดยให้พวกสินค้า elec วางประกัน แต่มารู้ทีหลังว่านั้นแค่หยิบมือเดียว ทำมาแล้วสารพัดอย่าง
ผมไม่มีโอกาสได้ผ่านประสบการณ์แบบนั้นมา อยากฟังจากคนทำงานตัวจริงครับ  :lol:  :bow:

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 2:02 pm
โดย Paul VI
เข้ามา ยืนยัน ความเก่ง + รอบรู้ ด้วยคนครับ  :bow:  :bow:  :bow:

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 2:11 pm
โดย DevilCupid
ผมนี่เป็นแฟนคลับพี่มี่คนนึงเลยครับ
เจอพี่มี่ทีไรก็ได้ความรู้ใหม่ๆทุกที
แต่เจอทีไรก็ละอายแก่ใจทุกทีเหมือนกัน
ถ้าเทียบความขยันกับพี่มีแล้ว ผมไม่ได้เศษเสี้ยวเลยครับ
ยอมรับนับถือในความขยันของพี่จริงๆครับ

:bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 2:20 pm
โดย BeSmile
picklife เขียน:
เรื่องลังเลนี่เป็นบ่อยมากเลยครับ ช่วงแรกแรกยิ่งเป็นหนัก เนื่องจากน้องสาวและน้องเขยเค้าเป็นนักลงทุนอย่างเดียวเหมือนกัน แต่เป็นแนวเทคนิคอลเต็มตัว ปีแรกตอนเราขาดทุนหนักหนัก ผลตอบแทนของน้องกลับดีกว่ามากมาก แต่พอมาดูรายละเอียดการลงทุนของเค้าแล้ว ก็เข้าใจว่าไม่เหมาะกับการลงทุนของเรา ของแบบนี้คงอยู่ที่นิสัยส่วนตัวด้วยว่าเราเหมาะกับการลงทุนแบบไหนครับส่วนวิธีการที่แก้ไขเวลาลังเลสับสนผมเคยโพลต์วิธีทำไว้ที่กระทู้หนึ่งครับ

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 3:39 pm
โดย sai
[quote="nun08"]

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 3:43 pm
โดย sai
pwz เขียน:ขอถามบ้างครับ พี่saiเน้นการลงทุนที่หุ้นโตเร็วหรือหุ้นวัฏจักรครับ แล้วหุ้นที่พี่saiได้ผลตอบแทนมากที่สุดตอนค้นพบมีจุดไหนที่คิดว่าเป็นจุดเด่นที่สะดุดตาจนต้องลงทุนครับ ไม่ต้องบอกชื่อหุ้นก็ได้ครับ ผมอยากรู้แค่วิธีมอง :D
ส่วนมากจะเป็นโตเร็วนะครับ มีวัฎจักรบ้าง แต่ที่เล่นน้อยหน่อยคือพวก commo ครับ ส่วนใหญ่หุ้นที่ได้ผลตอบแทนเยอะอาจจะเป็นเพราะปีที่แล้วเป็นปีที่มีหุ้นดีดี  ราคาถูกถูกให้เลือกเยอะนะครับ หลักหลักก็เลือก pe ต่ำ growth สูงเป็นหลักครับ แล้วค่อยพิจารณาปัจจัยเชิงคุณภาพอีกครั้งครับผม

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 4:50 pm
โดย AleAle
ก่อนปี 08ผมไม่เคยรู้จักเรื่องราวที่เกี่ยวกับหุ้นเลยแม้แต่นิดเดียวครับ ก่อนหน้านั้นทำงานอย่างเดียวเลยครับ ลึกลึกก็รู้สึกเหมือนคนทั่วไปครับว่าหุ้นคือการเสี่ยงโชค กึ่งการพนัน  เพราะเคยมีญาติขาดทุนจนหมดตัวกับหุ้นหนึ่งคน เลยมีทัศนคติที่ไม่ดีนักครับ  แต่โชคดีที่ได้ฟังดร. อธิบายด้วยภาษาง่ายง่าย ( ดร.นิเวศน์ของพวกเรานี่เป็นดร. คนแรกที่ผมฟังแล้วเข้าใจหมดครบถ้วน เพราะท่านใช้ภาษาธรรมดามากครับ ไม่ค่อยพูดภาษายากยากและภาษาอังกฤษ มากนัก ผมว่าถ้าอธิบายจนผมเข้าใจได้นี่  ใครใครก็เข้าใจได้ครับ ) เลยกลายเป็นสัมมาฑิฐิ คือเห็นชอบเป็นชอบได้ ครับ
-ส่วนเงินลงทุนเริ่มต้นเริ่มที่ 5 ล้านบาทถ้วนครับ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านก็มีงานประจำรองรับอยู่ครับ ซึ่งส่วนมากจะเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องลูกส่วนใหญ่ครับ ครอบครัวผมใช้เงินน้อยมากครับ
อยากทราบว่าอะไรทำให้พี่กล้าลงทุนถึง 5 ล้านบาท  ในตอนเริ่มแรก  ทั้งที่ความรู้  และประสบการณ์ในการลงทุนในตลาดหุ้นยังน้อยครับ  พี่ไม่กลัวบ้างเหรอครับ  
ขอบคุณครับ

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 5:37 pm
โดย picatos
[quote="AleAle"][quote]ก่อนปี 08ผมไม่เคยรู้จักเรื่องราวที่เกี่ยวกับหุ้นเลยแม้แต่นิดเดียวครับ ก่อนหน้านั้นทำงานอย่างเดียวเลยครับ ลึกลึกก็รู้สึกเหมือนคนทั่วไปครับว่าหุ้นคือการเสี่ยงโชค กึ่งการพนัน

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 6:08 pm
โดย leksmile
2 วันกับ 4 หน้า Hot!!!! จริงๆ สมแล้วที่เป็น 1 ใน 4 ขุนพล สัมนาไทย VI รอบใหม่ใกล้จะมาถึงนี้.....!!!!

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 6:37 pm
โดย sai
[quote="picatos"][quote="AleAle"][quote]ก่อนปี 08ผมไม่เคยรู้จักเรื่องราวที่เกี่ยวกับหุ้นเลยแม้แต่นิดเดียวครับ ก่อนหน้านั้นทำงานอย่างเดียวเลยครับ ลึกลึกก็รู้สึกเหมือนคนทั่วไปครับว่าหุ้นคือการเสี่ยงโชค กึ่งการพนัน

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 6:42 pm
โดย Lu Xun
คืนนี้ผมนอนนี่ล่ะ ฮ่าๆ  :drink:

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 6:44 pm
โดย investment biker
leksmile เขียน:2 วันกับ 4 หน้า Hot!!!! จริงๆ สมแล้วที่เป็น 1 ใน 4 ขุนพล สัมนาไทย VI รอบใหม่ใกล้จะมาถึงนี้.....!!!!
พี่เล็กพอทราบไหมว่าจะจัดช่วงไหนครับ จะได้ lock วันให้ดี ยิ่งนาน ๆ จะจัดที ต้องไม่พลาด  

คุณ Sai เป็นคนที่ขยันมาก ๆ เลยครับ ผมว่ามีลักษณะคล้าย ๆ พี่นริศคือมีประสบการณ์ทำธุรกิจส่วนตัวทำให้เรียนรู้และเข้าใจการลงทุนในหุ้นแบบพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ออกนอกลู่นอกทางซะก่อน อนาคต port เป็นพันล้านไม่น่ายาก  :lol:

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 7:14 pm
โดย sai
[quote="Phoenix25"]ขอบคุณครับสำหรับความรู้ที่ทรงคุณค่า

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 7:18 pm
โดย sai
[quote="แสนยานุภาพ"][quote="sai"]
-หลักเกณฑ์ในการคัดกรองหุ้น ช่วงเริ่มต้นผมอาศัยฟังจากรุ่นพี่พี่ ว่าเค้าเลือกหุ้นตัวใดในการลงทุนบ้าง เพราะสาเหตุใด แล้วนำมาศึกษาต่อครับ

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 7:30 pm
โดย Phoenix25
[quote="sai"][quote="Phoenix25"]ขอบคุณครับสำหรับความรู้ที่ทรงคุณค่า

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 7:43 pm
โดย nasesus
ผมเข้าใจว่า โมโตคงไม่ทำตลาดในไทยต่อแล้วน่ะครับพี่มี่ ผมยังไปซื้อ zn5 ลดราคาที่ jmart มาใช้เลยครับ กล้อง 5ล้านถ่ายชัดมาก

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 7:45 pm
โดย sai
nasesus เขียน:ผมเข้าใจว่า โมโตคงไม่ทำตลาดในไทยต่อแล้วน่ะครับพี่มี่ ผมยังไปซื้อ zn5 ลดราคาที่ jmart มาใช้เลยครับ กล้อง 5ล้านถ่ายชัดมาก
ใช่ครับ เค้าให้ jmart เป็นตัวแทนจำหน่าย 1 ในสองรายในไทย(แต่เรามียอดขายสูงกว่าอีกเจ้าหนึ่งมากครับ ) และเป็นผู้ทำตลาดเองเลยครับ
ปล. zn5 ตัวนี้ถูกจริงจริงครับ ออกมาครั้งแรก ราคาเกือบหมื่นแนะ ผมยังอยากได้เลย

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 8:22 pm
โดย leksmile
investment biker เขียน:
พี่เล็กพอทราบไหมว่าจะจัดช่วงไหนครับ จะได้ lock วันให้ดี ยิ่งนาน ๆ จะจัดที ต้องไม่พลาด

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 8:43 pm
โดย Jimmy
ตามเซียน พี่  sai ด้วยคนครับ

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 8:59 pm
โดย pongo
วันๆ พี่มี่ไม่ต้องไปไหนล่ะ แฟนๆ กระทู้ล้นหลาม
ระวัง ผบทบ เหล่ๆ ข้อหาไม่ช่วยงานนะครับ  :lol:  :lol:

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 9:50 pm
โดย sai
yoyo เขียน:พี่มี่นี่เป็นทั้งนักลงทุนนักธุรกิจแบบตัวจริงเสียงจริงเลย
ขยันทำงาน ขยันอ่าน ขยันทำการบ้านเล่นหุ้น
ผมอยากฟังพี่เล่าประวัติก่อนมาเล่นหุ้นนะครับ ว่าทำอะไรมาบ้าง
ผมนั่งฟังพี่พูดเมื่อนานมาแล้วเรื่องที่ปล่อยเงินกู้โดยให้พวกสินค้า elec วางประกัน แต่มารู้ทีหลังว่านั้นแค่หยิบมือเดียว ทำมาแล้วสารพัดอย่าง
ผมไม่มีโอกาสได้ผ่านประสบการณ์แบบนั้นมา อยากฟังจากคนทำงานตัวจริงครับ  :lol:  :bow:
ออกตัวก่อนนะครับ น้องโย ผมเอง ไม่เคยคิดเลยครับว่าเป็นนักธรุกิจ เพราะทำงานมาไม่เคยผูกไทด์เลย  คิดว่าเป็นพ่อค้ามาตลอดครับ อิอิ  เอาเป็นว่าขอเล่าแบบเป็นเรื่องราวแล้วกันนะครับจะได้นึกภาพตามได้ง่ายหน่อย ผมเริ่มทำงานตั้งแต่อายุค่อนข้างน้อยครับ เริ่มจากงานที่แรกที่หาเงินได้เลยเกิดจากตอนจบ ม. 3 ครับ ผมได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนจบมาพร้อมกันได้ความว่าเพื่อนไปทำงานเกี่ยวกับโลจิสติก ได้เงินค่อนข้างมากคือเดือนละ ประมาณ 2-3 หมื่นบาทต่อเดือน (สมัยนั้นถ้าผมจำไม่ผิดจบ ป.ตรี เงินเดือนประมาณ 5000 บาทเท่านั้นเอง ) จึงไปขออนุญาติคุณแม่ว่าไม่อยากเรียนแล้วอยากทำงานถ้าทำหนึ่งปีถึงสองปี แล้วค่อยขยับขยายอีกครั้งหนึ่ง แม่ก็กลุ้มใจมากเพราะแม่อยากให้เรียนมากกว่า แต่ก็ขัดไม่ได้ เลยให้ไปทำงานด้านโลจิสติก (จริงจริงคือขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างนั่นเอง ) ผมก็ทำได้อยู่ราวราว หกเดือนครับ มีรายได้ค่อนข้างดีเหมือนที่คิดไว้ ครับ แต่คุณแม่ก็มาขอร้องให้ไปเรียนต่อที่ประเทศจีนเพราะท่านมองว่างานที่มีอยู่เป็นงานที่ไม่มีอนาคต ตอนนั้นตามประสาเด็กก็อยากไปเที่ยวต่างประเทศเลยรับปากไปเรียนครับ ไปเรียนได้สองปี เต็ม ระหว่างเรียนก็ไปแอบรู้มาว่า นักศึกษาที่มาเรียน สามารถหิ้วของสี่ชิ้นจากฮ่องกงเข้ามาใช้ในแผ่นดินใหญ่ได้โดยไม่เสียภาษี และมีร้านค้าหัวเสต้องการนำสินค้ามาขายในราคาส่วนลดโดยที่ร้านค้าเป็นตัวกลางให้เราเป็นเพียงตัวกลางถือเอกสารผ่านแดนโดยไม่ต้องลงทุนใดใด ผมก็ลองไปขนมาก่อนหนึ่งรอบปรากฎว่าได้เงินมาสามหมื่นบาท พอกลับมาที่หอพักก็พบว่าเพื่อนนักศึกษาส่วนมากไม่รู้ข้อมูลตรงนี้ เราเลยอาสาพาไปหิ้วของเข้ามาขายรอบละราว 10 คน กินหัวคิวหัวละ 10000 บาท ช่วงนั้นรายได้ค่อนข้างดีมาก แต่ก็ใช้จนหมดตามประสาเด็กครับ (ช่วงนั้นผมได้เงินไปเรียนส่วนที่นอกเหนือจากค่าเทอม ค่าอาหารค่อนข้างน้อยครับ พ่อให้เงินส่วนพิเศษ แค่ 7000 บาทต่อปี ) หลังจากนั้นก่อนกลับเมืองไทยผมก็ยังอยุ่ที่ฮ่องกงทำงานที่ร้านอาหารสีฟ้า ที่ตรงถนน จอร์แดน อีก หกเดือน เพราะไม่มีเงินค่าตั๋วกลับบ้านและยังไม่อยากกลับครับ (ตอนนั้นเงินหมดและไม่กล้าขอทางบ้านครับ ) ก็กินเที่ยวอยู่พักหนึ่งจึงเดินทางกลับมาประเทศไทย เริ่มต้นทำงานเป็นล่ามให้กับบริษัทไต้หวันแห่งหนึ่ง หนึ่งปี เป็นไกด์ หกเดือน หลังจากนั้น ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้มาเป็นเจ้าของธรุกิจอย่างจริงจังครั้งแรกในชีวิตครับ คือมีพี่แถวบ้านคนหนึ่งชักชวนให้ไปเป็นลูกจ้างเค้าเกี่ยวกับร้านขายคอมพิวเตอร์ที่ห้างแห่งหนึ่ง ผมเป็นคนหลงไหลในเทคโนโลยี่มากจึงไปฝึกงานด้วย และ ทำงานอยู่กับพี่ท่านนี้อยู่พักใหญ่ จนกระทั่งคืนหนึ่งผมจำได้ว่าพี่ท่านนี้หลังปิดร้านได้คุยกับผมว่า ต้องการเซ้งร้านเพราะมีปัญหาส่วนตัว (เสียพนันบอล)โดยจะให้ราคาพิเศษมากมาก แบบแค่ราคาสินค้าและราคามัดจำร้านเท่านั้น ผมเองไม่มีเงินครับ พี่เค้าก็รบเร้าให้พาไปคุยกับคุณแม่  โดยคุณแม่ก็ขอแบ่งจ่ายเป็นเงินสดและเป็นเช็คจ่ายต่างหากอีกสาม สี่งวดได้ หลังจากนั้นผมก็ได้เป็นเจ้าของร้านคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้ตั้งใจครับ ช่วงนั้นจำได้เหมือนว่าอยู่ช่วงปี 2537-2538 ช่วงนั้นคอมพิวเตอร์กำลังอยู่ในช่วงแรกของการเติบโตครับ ราคาค่อนข้างสูง แต่กำไรต่อเครื่องค่อนข้างสูง (ผมจำไม่ผิด 486 dx2-66 เครื่องละ 28900 กำไรต่อเครื่องเกือบ 8000 บาท ) ผมก็มีรายได้แบบก้าวกระโดดขึ้นมาเลยในวัยเด็ก ตอนนั้นประมาณ 18-19  ได้ครับ  และที่ร้านแห่งนี้เองผมก็ได้พบกับภรรยาครับเนื่องจากพี่ชายเค้ามาซื้อคอมพิวเตอร์ แล้ว เกิดมีการสานสัมพันธ์กันจนแต่งงานกันตอนช่วงตอนผมอายุ 19 ปีนิดนิดครับ ช่วงนั้นผมและภรรยาใช้จ่ายเงินกันสุรุยสุร่ายมากครับ เนื่องจากรายได้มาค่อนข้างดี ซื้อคอนโด ซื้อรถ อาบน้ำให้หมาตัวที่เลี้ยงครั้งละ 1700 บาทก็เคย พอมาถึงปี 2540 นี่เอง ที่บรรดาไฟแนนซ์ล้มแรงแรง ที่ร้านผมช่วงหลังผมขายสินค้าเงินผ่อนผ่านลิซซิ่งหลายแห่งครับ มี อิออน  สยามเอแอนด์ซี (easy buy ปัจจุบัน ) และ อีกแห่งเป็นบริษัทลูกของไฟแนนซ์แห่งนึ่งที่ล้ม  ตัวที่ล้มนี้เองระยะหลังผมส่งลูกค้าให้เค้าค่อนข้างมากเนื่องจากการอนุมัติของเค้าค่อนข้างง่าย และ ไว (สมัยก่อนอิออน  และ อีซี่บาย ไม่รับลูกค้าที่ทำกิจการส่วนตัวเลยครับรับเฉพาะคนกินเงินเดือน และมีขั้นตอนการตรวจสอบค่อนข้างนานประมาณ 2 อาทิตย์แนะ ) โดยขั้นตอนของบริษัทเหล่านี้เมื่อเราขายสินค้าแล้ว จะมีรอบในการวางบิล เมื่อวางบิลแล้วจะมีกำหนดให้รับเช็คค่าสินค้าคืน เมื่อเค้าล้มลง ผมเลยล้มด้วยเลย ประกอบกับช่วงหลังร้านค้าในห้างดังกล่าวมีการตัดราคาสินค้าลงรุนแรงมาก เรียกว่าต่ำประมาณที่ผมซื้อก็มี (ตอนนั้นผมรู้จักความได้เปรียบเชิงการแข่งขันและ ความประหยัดจากขนาดแล้ว แต่ไม่รู้จักชื่อมันเท่านั้นเอง ) ก็เลยเลิกกิจการไป โดยความฟุ่มเฟื่อยครั้งนั้นทำให้ผมมีเงินสดเหลือเพียง 146 บาทในบัญชีธนาคารกรุงเทพเท่านั้น ตอนนั้นกลุ้มใจมากครับ รู้สึกสิ้นหวังห่อเหี่ยว   ช่วงนั้นไม่รู้จะทำไรต่อดี มองซ้ายมองขวาสิ่งที่เหลืออยู่มีคอมพิวเตอร์ประมาณ 8 เครื่อง เลยเกิดไอเดียว่าน่าจะไปเปิดร้านเกมส์และร้านเน็ตดูเนื่องจากเคยเห็นร้านประเภทอย่างน้อยยังน่าจะได้เงินสดมาใช้ประทังชีวิตครับ  เปิดวันแรกมีลูกค้าหนึ่งคน ได้เงิน 60 บาท หลังจากนั้นกิจการเริ่มดีขึ้นต่อเนื่องตอนมีเกมส์ half life และมาบูมตอน เคาร์เตอร์ สไตค์ครับ ผมอาศัยที่รู้จักกับเจ้าของร้านแห่งหนึ่งที่ขายคอมจึงไปขอเครดิตและค่อยค่อยขยายเครื่องไปเรื่อยเรื่อย จนตอนเยอะสุดผมมีเครื่องประมาณ 400 เครื่อง รายได้สูงสุดที่เคยได้จากธรุกิจนี้ประมาณ 300000 บาทต่อเดือนครับ(แต่ตอนนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าต้องมีการคิดเรื่องค่าเสื่อมราคาหรืออะไร แต่ก็รู้แค่ว่าธรุกิจนี้เวลารายได้เข้ามาไม่ได้เป็นรายได้ของเราทั้งหมดเราต้องกันส่วนหนึ่งไว้อัปเกรดเครื่อง เสมอ เวลาลงทุนหุ้นหากธรุกิจใดมีแนวโน้มต้องลงทุนเพิ่มตลอดเวลา ซึ่งการลงทุนนั้นไม่ได้เป็นการลงทุนที่ก่อให้เกิดรายได้ใหม่ เป็นแค่การลงทุนเพื่อให้เราคงสภาพธรุกิจให้แค่รักษาฐานรายได้ระดับเดิม ไว้เท่านั้น ผมจะนึกถึงตอนทำร้านเกมส์เสมอ พอเทียบกับตอนปัจจุบันที่ทำหมูยอ ซึ่งไม่ต้องมีการลงทุนใดใดเพิ่มเลยหรือหากมีก็น้อยมาก รายได้ที่ได้ใกล้เคียงกันแต่กระแสเงินสดของสองธรุกิจแตกต่างกันอย่างมาก คือตอนทำร้านเกมส์นั้นผมเหมือนจะได้เงินสดมาก แต่ตอนสิ้นปีกลับมีเงินเก็บสุทธิไม่มากเท่าไรต่างจากตอนนี้  ) ภายหลัง ก็ต้องเลิกกิจการเนื่องจากกิจการร้านเกมส์นั้นไม่มี ความได้เปรียบเชิงการแข่งขันอย่างยั่งยืนเลย คู่แข่งใหม่ใหม่ที่มาทำที่หลัง ลงทุนน้อยกว่าเราเนื่องจากราคาเครื่องถูกลง แต่กลับได้เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า และเมื่อคู่แข่งใช้สงครามราคา ในที่สุดก็จะ สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ครับ  จากเหตุการณ์นี้ผมเรียนรู้ว่าธรุกิจอะไรก็แล้วแต่ที่มีการลงทุนใหญใหญ่ครั้งเดียว และ มีต้นทุนผันแปรไม่สูง จะมีแนวโน้มสงครามราคาได้ง่าย เนื่องจากทุกคนก็คิดแต่ว่าลงทุนไปแล้ว ถึงจะได้น้อยกว่าที่คิด เท่าไรก็สู้เพื่อให้ไม่ต้องขาดทุนหรือขาดทุนน้อยน้อยก็ยังดี  ผมทำร้านเกมส์เป็นเวลา 9 ปีนะครับ ระหว่างทางที่ทำนั้นภรรยาก็ทำร้านอาหารควบคู่ไปด้วยตลอด โดยส่วนมากขาดทุนมาตลอดเช่นกัน ช้าบ้าง เร็วบ้าง แล้วแต่ทำเล ก่อนจะเปิดผมคิดอย่างดีถี่ถ้วนทุกครั้ง แต่สุดท้ายก็ขาดทุนไป 6 ครั้ง ครั้งหลังสุดคือทำหมูกะทะตรงแถวลาดปลาเค้า อันนี้ลงทุนค่อนข้างมาก เนื่องจากเห็นคนอื่นทำแล้วดี เราทำบ้างก็ไม่เจ๊งทันทีแต่ค่อยค่อยซึม กินเวลาขาดทุน 2 ปี ผมจึงต้องยอม cut loss หลังจากเลิกร้านอาหาร ภรรยาผมยังไม่ยอมแพ้ไปทำ เห็ดโคน โดยไปศึกษาทั้งตลาดและวิธีการปลูกอย่างดี แต่สุดท้ายของเห็ดของเราก็ขึ้นมาได้ไม่สวยและสุดท้ายขาดทุนกับอุปกรณ์และค่าเช่าไปอีก หลายแสนบาท  หลังจากเลิกกิจการร้านเกมส์ผมก็ไปทำธรุกิจรับซื้อขายแลกเปลี่ยนจำนำ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ตัวธรุกิจไปได้ด้วยดี เป็นช่วงที่ทำเงินได้มากหน่อย เพราะเงินลงทุนเป็นลักษณะหมุนเวียนไปมา อาศัยต้องบริหารสินค้าคงคลังดีดี ต้องขายให้ไว เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าค่อนข้างไว ช่วงนั้นภรรยาเริ่มทำหมูยอส่งตามร้านอาหารไปด้วยครับ แต่ไม่ค่อยดีเท่าไร ช่วงแรกทำส่งตามร้านอาหารต้องงอนง้อ ขอฝากขายบ้าง โดนเบี้ยวบ้าง โดนปฎิเสธบ้าง ช่วงหลังจึงลองเปลียนแผนไปบุกขายด้วยตนเองตามตลาดนัด เพราะคิดว่าไม่ต้องพึ่งพาคนนอก หลังจากนั้นก็ดีขึ้นตามลำดับครับ หลังจากนั้นไม่นาน คอมพิวเตอร์มือสอง และ โทรศัพท์มือถือ มีราคาเปลี่ยนแปลงคือลดลงรุนแรงมากมาก ทำให้ความนิยมในสินค้ามือสองมีน้อยลงมากมาก ประกอบกับงานของภรรยาเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ค่อยค่อยเอาญาติพี่น้อง และค่อยค่อยมีคนนอกมาช่วยกันขายอย่างต่อเนื่อง ครับ  
         จริงจริงถ้าคิดว่าการทำธรุกิจนั้นผมมองว่าคล้ายคล้ายกับการเล่นหุ้นเลยนะครับ เนื่องจากต้องเจอความเสี่ยงตลอดเวลา  ถ้าลองนับดูคร่าวคร่าว จะเห็นว่าผมมีการตัดสินใจผิดพลาดในการทำธรุกิจเป็นจำนวนมากกว่าธรุกิจที่ทำแล้วสำเร็จเสียอีก แต่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะทุกครั้งก่อนที่ผมตัดสินใจทำ ผมว่าผมคิดถี่ถ้วนแล้วทุกครั้งด้วยความระมัดระวัง แต่ก็ไม่แคล้วจะผิดพลาดจนได้  เหมือนกันกับการลงทุนในหุ้น  บางครั้งก่อนจะลงทุนเราคิดดีแสนดียังไง ก็ยังมีโอกาสที่จะขาดทุน  ตัดสินใจผิดพลาด หรือ ขายหมู ซื้อควาย ต่างต่าง  ส่วนตัวผมคิดว่าเราไม่ควรคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือความผิดพลาด หรือเสียใจกับมันมากนักครับ คิดรวมไปเลยว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จก็ต้องผ่านเส้นทางแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้นโดยไม่มีข้อยกเว้น  ไม่ใช่เรื่องของความล้มเหลว แต่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่ความสำเร็จต่างหากครับ ไปนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าครับ  :lol:

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 10:07 pm
โดย YONGYEE

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 10:10 pm
โดย เด็กเลี้ยงไม้
ส่วนตัวผมคิดว่าเราไม่ควรคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือความผิดพลาด หรือเสียใจกับมันมากนักครับ คิดรวมไปเลยว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จก็ต้องผ่านเส้นทางแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้นโดยไม่มีข้อยกเว้น  ไม่ใช่เรื่องของความล้มเหลว แต่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่ความสำเร็จต่างหากครับ
:bow:  :bow:  :bow:  สุดยอดครับ
ขอบคุณมากๆครับที่มาแบ่งประสบการณ์ให้ฟัง
ฟังแล้วขนลุกเลย     :cool:

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 10:18 pm
โดย newbie_12
เด็ดไหมหล่ะ พี่ชายผม

นี่ถ้าไปฟังตัวจริงนะ เดี๋ยวไมค์โครโฟนของโน้ตอุดมนี่ ฮาไม่เท่าซาอิโชว์เลยหล่ะ ขอบอก

:bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 10:25 pm
โดย หมักเตา
มาคารวะให้คุณ sai หมดหัวใจเลยครับ

:bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 10:27 pm
โดย picatos
:bow:  :bow:  :bow:

สุดยอดจริงๆ ครับ... ผมว่า TVI Meeting นี่จัดเพิ่มอีกวัน ให้พี่ sai เค้าเดี่ยวไมโครโฟนนี่ท่าทางจะทั้งสนุกทั้งได้สาระมากๆ เลยนะครับ...

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 10:30 pm
โดย picatos
[quote="เด็กเลี้ยงไม้"][quote]ส่วนตัวผมคิดว่าเราไม่ควรคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือความผิดพลาด หรือเสียใจกับมันมากนักครับ คิดรวมไปเลยว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จก็ต้องผ่านเส้นทางแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้นโดยไม่มีข้อยกเว้น

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 10:36 pm
โดย Suysak
ประสบการณ์ทางธุรกิจโชคโชนจิงๆครับ นับถือๆ

สงสัยผมต้องเคยไปอุดหนุนร้านหมูกะทะคุณ sai แน่ๆเลยครับเพราะเมื่อก่อนแฟนอยู่แถวนั้น

เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเคยเพาะเห็ดด้วย ผมก็เพาะเหมือนกันครับ จำพวกนางฟ้า นางรม ขอนขาว เห็กบด ไรเงี้ย คนอีสานชอบกินเห็ดเลยไปได้ดี  :8)

มุมมองลงทุนสไตล์ Sai

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 10:40 pm
โดย meawkub
:bow:  :bow:  :bow:  :bow:
ชื่นชมคนหัวใจนักสู้ครับ

เหลือเงินสด 146บาท....คงเป็นช่วงเวลาที่ยากมากที่ลืม

นับถือหัวใจสิงห์ครับ