หน้า 4 จากทั้งหมด 10
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 12:19 am
โดย sorawut
ถ้าเป็นหนังสือเกมส์ก็เรียกว่าเป็น walkthrough ได้เลย
ขั้นตอนการคิด+รายละเอียดเพียบแบบ step by step :D
ผมไม่มีประสบการณ์ซื้อหุ้นกับคุณมิเชล(หรือมีเซล) เลยครับ
อ่านหนังสือหลายเล่มจนคิดว่าตนเป็นที่เพิ่งแห่งตน เปิดบัญชี Internet โลด :lol:
แต่หลังๆนี่ สงสัยซื้อเยอะไปหน่อย Internet marketing โทรมาเตือนภาวะตลาดหุ้นเฉย :shock:
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 12:34 pm
โดย areliang
หลังจากวางสาย
ใจผมก็อยากซื้อ หุ้นอยู่แล้ว
คุณมีเซลยัง อุตสาห์ ช่วยโทรมาแจ้ง สภาพตลาดอีก
รีบนั่งดู หน้าหนังสือพิมพ์ เลยครับ ดู จาก PE และ P/BV เหมือนเดิมครับ
ได้แล้ว เอาหุ้นตัวนี้แหละ
ครับ คุณ มีเซล ขอสั่ง ซื้อ หุ้น xxx จำนวน xxx หุ้นครับ
- ค่ะ confirm ค่ะ
เรียบร้อย
ช่วงบ่าย ครับ ช่วงบ่าย
เหตุการณ์ ไม่เหมือนกันซะทีเดียว
ผมดูที่เพจหุ้น ราคาหุ้นที่ผมซื้อ เมื่อช่วงเช้า มันต่ำลงครับ นั่นแปลว่าผมกำลังขาดทุนนี่นา
อ่าว PE ต่ำ P/BV ต๊ำต่ำ ทำไมขาดทุนล่ะเนี่ย
ผมก็ เลือก หุ้น และก็ทำเหมือนเมื่อวานนี่นา
แต่ด้วยแผนที่วางไว้ว่า จะซื้อขายให้น้อยลงจะได้ไม่มีปัญหากับที่บ้าน ก็เลยคิดว่าถือไปก่อน
ไม่นานหลังจากนั้น คุณ มีเซล โทรมา
- คุณค่ะ หุ้น XXX ที่ซื้อไว้ตอนนี้ราคาอยู่ที่ xxx บาท นะค่ะ( ซึ่งราคาตกลงมา)
แล้วควรทำยังไงดีล่ะครับ
- ขายไปก่อนมั้ยค่ะ ตลาดดูไม่ดีเท่าไหร่ (ตลาด ดัชนีเป็น ลบ)
- หรือ สนใจตัวอื่น เปล่าค่ะ สวิตช์ (ขาย แล้วเปลี่ยนไปซื้อตัวอื่น)ไปตัวอื่นก็ได้ค่ะ
ด้วยอารมณ์ ที่เซ็ง อยู่ แล้ว ที่ขาดทุน ดัชนี ตลาดก็เป็นลบ ถือไว้ไม่รู้เมื่อจะกำไร
เซ็ง จริงๆ
ก็เลยบอก ok ครับ งั้นขายไปก่อนก็ได้ครับ ที่ราคา XXX บาท จำนวน XXX หุ้น
เซ็งครับ ตกลง เจ้า PE กับ P/BV ต่ำๆ นี่มันใช้ได้มั้ยเนี่ย
ก็ใช้เมื่อวานมันกำไรก็จริง แต่วันนี้ใช้กลับมาขาดทุน
เครียด เซ็ง
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 12:42 pm
โดย areliang
สวัสดีครับ
คุณ Tamจัง ,คุณ FaNtaSistA ,คุณ sorawut
ที่ คุณ sorawut เขียนว่า
อ่านหนังสือหลายเล่มจนคิดว่าตนเป็นที่เพิ่งแห่งตน เปิดบัญชี Internet โลด
อย่างนี้ ถ้าประสบความสำเร็จ เรียกว่า รู้ ได้ด้วยตัวเอง(ปัจเจก) เชียวนะครับ
เจ๋งจัง
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 12:58 pm
โดย areliang
เครียด เซ็ง จนลง(ขาดทุน) แต่ไม่กินเหล้าครับ 555
พอนิ่ง แล้วตั้งสติ ก็ตั้งสติได้ครับ
เรื่อง ขาดทุน ก็เรื่องนึง
แต่เรื่องคุณมีเซล กลับเข้ามาในหัวครับ
เมื่อวานตอนบ่ายก็โทรมา วันนี้ ตอนเช้าก็โทรมา ตอนบ่ายก็โทรมา
โทรมา ทุกครั้ง ผมซื้อขายทุกครั้งเลย ถึงแม้จะไม่ทันทีทันใด
นี่ขนาดตั้งใจ จะซื้อขายให้น้อยลงจะได้ไม่มีปัญหากับที่บ้าน แล้วนะ
ไม่ได้ล่ะ มันแปลกๆ แล้ว
เมื่อวานผม กำไร วันนี้ ผมขาดทุน โดยรวมเจ๊าๆ
แต่ คุณ มีเซล โทรมา เมื่อวาน บ่าย ผมขาย ,เมื่อเช้า ผม ซื้อ ,ตอนบ่าย ผมขาย
คุณ มีเซล ก็จะได้ ค่า commission จากผม
ผมซื้อ หรือ ขาย คุณ มีเซล ก็ได้ ค่า commission จากผมนี่นา
งั้นแปลว่า สิ่งที่ผมทำ คุณ มีเซล มีแต่ได้นี่น่า
งั้นแปลว่า ถ้าผม ซื้อ หรือ ขาย ไม่ว่าตัวผม จะกำไร หรือขาดทุน ในขณะเดียวกัน คุณ มีเซล จะได้ผลประโยชน์
อย่างนี้ที่เมื่อวานเย็น สรุปไว้ว่า
ทำไมน่ะ หรือว่า ใช่ๆ คุณ มีเซล ดูเป็นคน อัชฌาสัยดี พูดจาดี ไพเราะ
เค้าคงเอาใจใส่เรามั้ง แล้วก็คิดว่า ถ้าถือ ต่อมันอาจจะลงได้
เค้าเลยคิดว่า อยากให้ผมมีกำไร ก็เลยอยากให้ผมขายไปก่อนล่ะมั้ง
เค้าดีขนาดนี้เลย เหรอ หรือว่ายังไง
อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้วสิ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 1:36 pm
โดย areliang
ใช่แล้วครับ
ผมค่อนข้างคิดว่า ตัวเองหาคำตอบได้แล้วครับ
คราวแรก วันที่โทรมาแจ้งว่าเปิดพอร์ตได้
คุณ มีเซล ก็บอกว่า ถ้าอยากถาม หรือสนใจหุ้นตัวไหน ติดต่อมาได้เลยนะคะ
นี่แปลว่า อยากให้ผมซื้อ ผมว่างั้นนะ
คราว สอง ตอนซื้อ RCL ไปแล้ว
- คุณค่ะ RCL ราคาขึ้นมาแล้วนะค่ะ
- ราคา .. บาท ค่ะ ขายดีมั้ยค่ะ เก่งจังซื้อแล้วก็ขึ้นเลย
นี่แปลว่า คุณ มี แล้ว เซล อยากให้ผม ขาย
คราว สาม ตอนที่ผมสั่ง ขาย RCL ไปแล้ว
- ค่ะ confirm ค่ะ แล้วสนใจตัวอื่นอีกเปล่าค่ะ
นี่ แปลว่า คุณ มีเซล อยากให้ ผมซื้อ
คราว สี่ เช้าวันถัดมา
- ค่ะ มีเซล นะค่ะ
- คุณ ค่ะ ตอนนี้ ตลาด บวก xxx จุด ดัชนีอยู่ที่ xxx นะค่ะ มูลค่าซื้อขาย xxx บาทค่ะ
- วันนี้ เค้าเล่นหุ้น กลุ่ม xxx กันค่ะ
นี่แปลว่า แปลว่า คุณ มี (แล้ว) เซล นามสกุล (ถ้า) ไม่มี (ให้) บาย อยากให้ผมซื้อ
คราว ห้า ตอนที่หุ้นที่ผมซื้อ แล้ว ราคาลง
- คุณค่ะ หุ้น XXX ที่ซื้อไว้ตอนนี้ราคาอยู่ที่ xxx บาท นะค่ะ( ซึ่งราคาตกลงมา)
- ขายไปก่อนมั้ยค่ะ ตลาดดูไม่ดีเท่าไหร่ (ตลาด ดัชนีเป็น ลบ)
- หรือ สนใจตัวอื่น เปล่าค่ะ สวิตช์ (ขาย แล้วเปลี่ยนไปซื้อตัวอื่น)ไปตัวอื่นก็ได้ค่ะ
นี่แปลว่า คุณ มีเซล อยากให้ผม ขาย แล้วถ้าไปซื้อตัวใหม่ ต่อเลยยิ่งดี
ดังนั้น ผมเลยให้ ชื่อว่า คุณ มีเซล นามสกุล ไม่มีบาย
ถ้า มีหุ้น คุณ มีเซล จะอยาก ให้ sell
ถ้า ไม่มีหุ้น คุณ มีเซล จะอยากให้ buy
ซึ่ง เหตุการณ์นี้ ผมไม่เคยเจอมาก่อน ตอนที่ผมเล่นหุ้นกับ โบรกเกอร์แรก
พอจะเห็นรึยัง ครับ ว่า โบรกเกอร์ แรก ของผมดียังไง
ดังนั้น ผมเลย อยากจะบอกว่า
การเลือก (ซึ่งบางทีเราก็ไม่ได้เป็นคนเลือก) โบรกเกอร์ นั้น สำคัญ มาก
ตัวเรา ซึ่งอยู่ในฐานะ ลูกค้า มักจะมีผลประโยชน์ ที่โบรกเกอร์ นั้น จำเป็น ต้องหาจากเรา
ใน ฐานะ ของ อาชีพ ของเค้าอยู่ แล้ว เพราะ ถ้าไม่มีการ ซื้อขาย ไม่ได้ค่า commission โบรกเกอร์ ก็จะลำบาก
มันเป็นเรื่อง ของสถานะ ตำแหน่ง อาชีพ คงไม่ใช่เรื่อง ที่ต้อง การโกรธ เกลียดกัน
แต่เป็นเรื่อง ที่ควรทำความเข้าใจ และ เกื้อกูลกันมากกว่า
แล้ว ถ้าเราไม่เข้าใจ เราก็จะง่ายต่อการถูกชักจูงไปในทางที่ เสียประโยชน์ กับตน โดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
และ ตัวโบรกเกอร์ ที่อาจจะมีความรู้ ในด้าน ตลาดหุ้น มากกว่า ก็ควรจะให้คำแนะนำ สิ่งที่จะก่อ ประโยชน์แก่ลูกค้าของตนสูงสุดเท่าที่จะทำได้
( ส่วนตัว ผมยังไม่ได้ลงทุน ผ่านทาง internet ครับ)
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 3:04 pm
โดย areliang
สติ มา ปัญญา เกิด 555
พอผมมีสติ ผมก็หาคำตอบ สิ่งที่คุณ มีเซล เป็นได้แล้วครับ
แต่บทสรุปว่า PE และ P/BV มันใช้ได้รึเปล่ายังไม่แน่ใจ ก็ขาดทุนนี่นา
แล้วเมื่อ รู้แล้ว ว่าคุณ มีเซล เป็นอย่างนี้
ก็เลย คิดถึง โบรกเกอร์แรก ของผม ครับ
การเล่น กับโบรกเกอร์ แรก พอร์ตพ่อ ยังมี ปัญหา เรื่อง การสั่งจ่ายเงิน ต้องจ่ายโดยเช็คอยู่
ก็เลยโทรหา โบรกเกอร์แรก แล้วก็ถามว่า พี่ มีระบบ ATS ป่ะ
เค้าก็บอกว่ามี
แล้วมี ระบบ ATS กับธนาคาร XXX มั้ย
เค้าก็บอกว่าไม่มี
งั้นมี ระบบ ATS กับธนาคาร XXX (ธนาคาร เอกชน อันดับหนึ่ง มั้งครับ) มั้ย
เค้าก็บอกว่ามี
มีแล้วนี่นา
แล้วต้องทำยังไงบ้างครับ ถ้า พอร์ต พ่อ จะทำระบบ ATS
เค้าก็จะส่งเอกสารมา ให้เซ็น พร้อมแนบหลักฐาน แล้วเค้าก็เอาเอกสารกลับไป
แล้วก็รอเวลาในการดำเนินการ
Ok ครับ ก็เดินเรื่อง
ซึ่งในตอนนี้ ผมตั้งใจ จะเล่น พร้อมกัน ทั้งสอง พอร์ต
ผมไม่ทิ้ง คุณมีเซล ง่ายๆหรอกครับ เผื่อผมจะได้รู้อะไรอีก 555
แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่คิด เปิดพอร์ต ชื่อตัวเอง กับโบรกเกอร์แห่งแรก
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 3:28 pm
โดย kongming
ผมเป็นมือใหม่ครับกำลังอยุ่ในช่วงศึกษาอยุ่ ได้อ่านประสบการณ์ของคุณ areliang เนี่ยมีประโยชน์มากๆ เลย ผมมีเรื่องสงสัยหน่อยอ่ะครับ คืออ่านจากหนังสือแล้วก็ยังสับสนไม่รุ้จะถามใคร ไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นหุ้นเลย
ตรงที่คุณ areliang บอกว่า "ถ้าจะดู จำนวนหุ้น ทั้งหมด ให้ไปดูที่ balance sheet( งบดุล ทรัพย์สิน และหนี้สิน) ตรงส่วนด้านหนี้สิน ที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้น ตรง ทุนที่ออก และชำระแล้ว" คือไปดูแล้วมันก็เป็นหน่วยล้านบาทอ่ะครับ มันเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมดเหรอครับ งงๆ นิดหน่อย คือผมหามาหลายวันแล้วไอ้ จำนวนหุ้นทั้งหมดอ่ะครับ
2. คือค่า PE อ่ะครับ ตัว earning per share เนี่ยผมอ่านจากหนังสือเราต้องมาคูณสี่เปล่าครับ เห็นในหนังสือคูณ แล้วปกติค่า PE กับ P/BV เนี่ยเราต้องคำนวณเอ็งตลอดเหรอครับ หรือว่าใน web set.or.th เค้า สรุปให้แล้วเราดูจากนั้นได้เลยเป็นวันต่อวันไป
คือผมไม่รุ้จะถามใครครับเพื่อนๆ ไม่เล่นหุ้นเลย เมื่อก่อนก็ซื้อมั่วๆ ก็แดงขาดทุนอ่ะครับ ตอนนี้มีเวลา เลยจะศึกษาจริงจังดู
ขอบคุณมากนะครับ :)
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 3:29 pm
โดย areliang
ที่ยังไม่เปิด พอร์ต ชื่อตัวเอง กับโบรกเกอร์ แห่งแรก อาจเป็นเพราะ
โบรกเกอร์ แห่งแรก ค่อนข้างมี กฎระเบียบ ที่เข้มงวดกว่าทั้งในเรื่องการเปิดพอร์ต วงเงิน หรืออื่นๆ
เลยคิดว่า ยังไม่จำเป็นต้องเปิด เล่นผ่าน พอร์ต พ่อ ไปก่อนก็ได้
แล้ววันนี้คุณ มีเซล ก็โทรมาหาผมเช่นเคยครับ
แต่ด้วยความที่ผมรู้แล้ว ว่า คุณ มีเซล เป็นอย่างไร
โทรมารายงาน สภาพ ตลาดเหมือนเดิมครับ
แต่เมื่อผมเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ผมก็มั่นคง ครับ แล้วก็ตอบอย่างสุภาพว่า
ครับ ถ้า จะซื้อ ตัวไหน เดี๋ยวผม ติดต่อไปเองครับ
แล้วผมก็ไม่ใส่ใจใดๆกับคุณ มีเซล เลย และบังเอิญ วันนั้น ผมก็ยังไม่อยากซื้อหุ้นอะไรเลย
ช่วงบ่าย ก็โทรมา อีกครับ มา รายงานสภาพ ตลาด และ ก็กลุ่ม ที่เล่นกัน
แต่เมื่อผมเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ผมก็มั่นคง ครับ แล้วก็ตอบอย่างสุภาพว่า
ครับ ถ้า จะซื้อ ตัวไหน เดี๋ยวผม ติดต่อไปเองครับ
ผมคิดว่า เค้าเริ่มรู้สึกแล้วครับ ว่าผม คิดอะไรบางอย่างอยู่
วันต่อมา เค้าก็ไม่โทรมาแล้วครับ
แต่ วันต่อมา ผมต้องการซื้อ หุ้น
ผมก็เลยโทรไปซื้อครับ
ต่อมาหุ้นผมก็คงขึ้นมั้งครับ
คุณ มีเซล ก็โทรมาแจ้ง ว่า หุ้น ที่ซื้อ ราคา อยู่ที่ XXX บาทค่ะ
แต่เมื่อผมเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ผมก็มั่นคง ครับ แล้วก็ตอบอย่างสุภาพว่า
ครับ ถ้า จะขาย ตัวไหน เดี๋ยวผม ติดต่อไปเองครับ
แล้วผมก็ไม่ใส่ใจใดๆกับคุณ มีเซล เลย ผมไม่รู้สึก เหมือนถูกกระตุ้น เหมือน คราวแรก ที่คุณ มีเซล โทรมาบอกหุ้นราคาขึ้น แล้วแนะนำขาย แล้วครับ
แต่คุณ มีเซล อาจจะ รู้สึกไม่ดีกับผมบ้าง ที่ผมไม่ซื้อ หรือ ขายตามใจเค้า แต่จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ
ก็ผมคิดไว้แล้วนี่นาว่า เราก็เล่นแบบเดิม นั่นแหละ แต่ซื้อขายให้ช้าลง และ ความถี่น้อยกว่าเดิม
แล้วผมจะไปตามใจ คุณ มีเซล ได้ยังไง
ผมรู้สึกว่า ผ่านด่าน มาด่านนึง (เพิ่งจะด่านนึงนะครับ) ในด้าน อารมณ์ ตัวเอง ต่อการลงทุน
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 3:46 pm
โดย areliang
สวัสดี ครับ คุณ kongming
ผมยินดี เป็น สมุดโน้ตเล็ก เล่ม นึงให้ครับ
แต่ไม่มีสารบัญ นะครับ 555
ตรงที่คุณ areliang บอกว่า "ถ้าจะดู จำนวนหุ้น ทั้งหมด ให้ไปดูที่ balance sheet( งบดุล ทรัพย์สิน และหนี้สิน) ตรงส่วนด้านหนี้สิน ที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้น ตรง ทุนที่ออก และชำระแล้ว" คือไปดูแล้วมันก็เป็นหน่วยล้านบาทอ่ะครับ มันเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมดเหรอครับ งงๆ นิดหน่อย คือผมหามาหลายวันแล้วไอ้ จำนวนหุ้นทั้งหมดอ่ะครับ
บางที่ เค้าจะมีเขียน เป็นวงเล็บไว้เลยว่า
ออกมาเป็นจำนวนกี่หุ้น หุ้นละราคาเท่าไหร่ 10 บาท ต่อหุ้น
100 บาท ต่อหุ้น หรือ 1 บาทต่อหุ้นก็ได้ครับ
แต่ถ้าไม่มีบอก ต้องไปหาดูว่า เค้าออกหุ้นมา ในราคา par เท่าไหร่
หุ้นละราคาเท่าไหร่ 10 บาท ต่อหุ้น
100 บาท ต่อหุ้น หรือ 1 บาทต่อหุ้นก็ได้ครับ
แล้วถ้ารู้แล้ว
มูลค่าตรงที่คุณเห็นเป็นล้านบาท
ถ้าออกหุ้นมาราคา หุ้นละ 10 บาท ก็นำ 10 ไปหารจากตัวเลขก้อนนั้น
ก็หาตัวเลขจำนวนหุ้นได้ครับ
ถ้าออกหุ้นมาราคา หุ้นละ 100บาท ก็นำ 100 ไปหารจากตัวเลขก้อนนั้น
ก็หาตัวเลขจำนวนหุ้นได้ครับ
ถ้าออกหุ้นมาราคา หุ้นละ 1 บาท ก็นำ 1 ไปหารจากตัวเลขก้อนนั้น
ก็หาตัวเลขจำนวนหุ้นได้ครับ
แต่มันมี ทุนที่ออกทั้งหมด และ ก็ทุนที่ชำระแล้ว ต้องแยกแยะให้ดีนะครับ
2. คือค่า PE อ่ะครับ ตัว earning per share เนี่ยผมอ่านจากหนังสือเราต้องมาคูณสี่เปล่าครับ เห็นในหนังสือคูณ แล้วปกติค่า PE กับ P/BV เนี่ยเราต้องคำนวณเอ็งตลอดเหรอครับ หรือว่าใน web set.or.th เค้า สรุปให้แล้วเราดูจากนั้นได้เลยเป็นวันต่อวันไป
คือ ผลประกอบการ ของบริษัท จดทะเบียน ไทย จะประกาศ รายไตรมาส
นั่น แปลว่า ประกาศ 4 ครั้ง ต่อปีครับ
แปลว่า จะมีค่า EPS ประกาศ ออกมาทุกไตรมาส จากผลประกอบการ
ถ้าคิดทั้งปี ก็ต้องรอ ผลประกอบการ ออกครบ 4 ไตรมาส แล้วค่อยเอามาบวกกัน ครับ
PE และ P/BV ดูจาก set.or.th ได้ ครับ
แต่ตรง company highlight ปี ล่าสุด ค่า อาจจะไม่เที่ยงสักเท่าไหร่
เพราะ ยังไม่มีผลประกอบที่ครบถ้วนของปีนั้น ออกมา
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 3:53 pm
โดย areliang
การ เอา EPS
ไตรมาสเดียว มาคุณ 4
เพื่อออกมา เป็นปี เป็นการ ประมาณ การ แบบคร่าวๆ มากครับ
โอกาส ผิดเพี้ยน สูงมาก
อาจจะยกเว้น บางบริษัท ที่ อัตราผลกำไร ค่อนข้างสม่ำเสมอมาก
แต่โอกาส ผิดเพี้ยน ก็ยังมีอยู่ดีครับ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 3:55 pm
โดย kongming
ขอบคุณมากนะครับ แต่ sale ผมช่วงนี้ไม่ค่อยโทรมาแล้วครับ ส่งสัยเห็นผมไม่ค่อยซื้อ 555
รออ่านต่อนะครับ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 10:13 pm
โดย areliang
หลังจากนั้น
พอร์ต ของพ่อผม ก็ดำเนินการเปิด ระบบ ATS เสร็จเรียบร้อย
ดังนั้น ผมสามารถ เล่นหุ้นได้ทั้ง สองพอร์ตแล้วครับ
ผมก็เล่น หุ้น ในรูปแบบเก็งกำไร
แต่ก็ทำตามที่ตั้งใจไว้ว่า ซื้อขายให้ช้าลง และ ความถี่น้อยกว่าเดิม
ซึ่ง ทำให้ ระยะเวลาการถือ หุ้น แต่ละครั้ง นั้น ยาว นานขึ้น เป็น 3 วัน บ้าง แล้วก็ค่อยๆนานขึ้น เป็น อาทิตย์
ซึ่ง มักจะมี ตัวที่เล่นในแต่ละขณะ ประมาณ 2-3 ตัวหลัก(รวม 2 พอร์ต) โดยดู อ้างอิง หาตัวที่ถูก โดยดู PE และ P/BV แล้วเป็นหุ้นที่เป็นที่นิยมในตลาด
(ทำไมถึง 2-3 ตัว อาจจะเป็นเพราะ การใช้เพจเจอร์หุ้น ในการดูราคาหุ้นซึ่งเพจเจอร์ มีหน้าจอที่เล็ก และดูหุ้นแบบมี bid offer ครบ ได้ทีละตัวเท่านั้นทำให้ผมไม่อยากเลื่อนไปดูมากตัวนัก เลยพยายาม ลงทุนให้น้อยตัวมั้งครับ) (ดูเหตุผลสิครับ ไม่ได้เรื่องเลย)
ซึ่งพอลงทุน น้อยตัว มันจะง่ายเพื่อพัฒนาต่อไปสู่ การ ลงทุน แบบ Focus (ลงทุนน้อยตัว แต่สนใจรายละเอียดเยอะหน่อย ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้จักหรอก อะไรคือการลงทุนแบบ focus)
และตอนที่ผมซื้อขายผ่าน คุณ มีเซล ทุกครั้ง คุณ มีเซล ยังเชื้อเชิญ ผม ซื้อขายหุ้นเสมอ
แต่ก็ไม่เป็นไร ผมไม่ได้ ใส่ใจ หรือ หวั่นไหว ใดๆ
พอร์ต ของพ่อ ที่มีแต่หุ้นอยู่ 6-8 หมื่น บาท ก็ค่อยๆขาย แล้วก็นำเงินสดนั้น มาเล่น
การเล่น แบบนี้ของผม ก็ยังคง มีทั้งกำไร และขาดทุน แต่หักลบ ก็คงจะ ขาดทุน แม้ยังไม่มากนัก
แต่ด้วยการเล่น คราวนี้ ที่มีการถือครองหุ้น ยาวนานขึ้น หลังจากที่แต่ก่อน เวลาขึ้น เพียงไม่กี่ step ก็จะขาย
เพื่อเอา กำไร ราคาลงไม่กี่ step ก็ จะขาย เพื่อเปลี่ยนไปซื้อตัวใหม่ที่หวังจะได้กำไร
แปลว่าผมได้ทำสิ่งที่ต่างจากเดิม ซึ่งทำให้ผมได้เห็นบางอย่างเพิ่มขึ้น
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 11:10 pm
โดย areliang
รอบนี้สิ่งที่ได้เห็น คือ
พอหุ้น ผมขึ้น ถึง step ที่คุ้ม ค่า คอม และกำไร ผมทำใจที่จะไม่ขายเพราะต้องการ ซื้อขายให้ช้าลง และ ความถี่น้อยกว่าเดิม
บางครั้งราคาหุ้น ก็ยังขึ้นไปอีก อุ้ย! อุ้ย! ขึ้นต่อ ซึ่งมันแปลว่ากำไรมากขึ้น แล้วควรจะขาย
แต่ผมก็ยังไม่ขายอีก มันก็น่าแปลก บางทีหุ้นตัวนั้นราคามันก็ยังคงขึ้นไปอีก
ซึ่งมันทำให้ผมได้มี โอกาส เห็นหุ้นตัวเองได้กำไร ที 10 กว่า % แล้วผมก็ขาย
ซึ่งไม่แน่ว่าถ้ายังคงดูต่อไปอาจจะเห็นมากกว่านี้ก็ได้
ซึ่ง แต่ก่อน ขึ้นไม่กี่ step ผมก็ขายแล้ว ก็อาจจะได้ ราวๆ 1-2% ต่อครั้ง
ที่ยาก คงเป็นตรง ที่กำไร แล้ว แต่ทำใจให้ไม่ขาย นี่แหละ
เพราะ ไม่ขาย ก็กลัวราคาลง
จึงเริ่ม เข้าใจ คำว่า let profit run (ปล่อยให้กำไรเพิ่มขึ้นไป)
พอหุ้น ผมลง ผมทำใจที่จะไม่ขายเพราะต้องการ ซื้อขายให้ช้าลง และ ความถี่น้อยกว่าเดิม
บางครั้งราคาหุ้น ก็ยังลงไปอีก ซึ่งมันแปลว่าขาดทุนมากขึ้น
แต่ผมก็ยังไม่ขายอีก มันก็น่าแปลก บางทีหุ้นตัวนั้นราคามันก็ยังลงไปอีก
ซึ่งมันทำให้ผมได้มี โอกาส เห็นหุ้นตัวเองขาดทุน ที 10 กว่า % แล้วผมก็ขาย
ซึ่งไม่แน่ว่าถ้ายังคงดูต่อไปอาจจะเห็นมากกว่านี้ก็ได้
ซึ่ง แต่ก่อนลงไม่กี่ step ผมก็ขายแล้ว ก็อาจจะขาดทุน ราวๆ 1-5% ต่อครั้ง แล้วรวมกับค่าคอมอีก
ที่ยาก ต้องยอมขายแม้ขาดทุน
จึงเริ่มเข้าใจคำว่า cut loss (หยุดการขาดทุนเพิ่มโดยการขาย)
แต่บทเรียนการเก็งกำไรของรอบนี้ของผม ยังไม่หมดเท่านี้
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 11:15 pm
โดย areliang
แล้วมาวันหนึ่ง วันที่สำคัญยิ่ง
ดูโทรทัศน์ ครับ
พิธีกร ถาม อืม ปริมาณ ซื้อขาย เยอะมากเลยนะครับ เกิดจากอะไร
นักวิเคราะห์ ตอบ ก็เกิด จาก การเล่น daytrade
(daytrade แปลว่า ซื้อและขายภายในวันเดียวกัน ถูกป่ะ งั้นก็แปลว่า ถ้ากำไร ก็ได้เงินส่วนต่าง ถ้าขาดทุน ก็จ่ายเฉพาะส่วนที่ขาดทุน ก็ไม่ต้องใช้เงินต้นเลยอ่ะสิ อืม มีของดีงี้ด้วย เหมือนจับเสือมือเปล่าเลย 555)
เมื่อรู้ ว่า มีอะไรดีๆ อย่างนี้ด้วยเหรอ ไม่มีเงิน จริง ก็ซื้อขายได้ ถ้าเล่นวงเงิน 100000 บาท ซื้อเช้าขายเย็น หาให้ได้ 1% แบบลบค่าคอม แล้ว ก็พอ ก็ได้ 1000 บาท ฟรีๆ แล้ว ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย รวยๆๆ 555
วันรุ่งขึ้น ตลาด ต่างประเทศดีมาก (บวกกัน)
นิยมเล่นหุ้น กลุ่ม electronic
ตัวไหนดีน๊า
ตัวนี้ละกัน เด่น สุด หุ้น HXXX ครับ
ผมโทรศัพท์ ไปเพื่อสั่งซื้อ กับโบรกเกอร์ แรก ครับ เพราะ พอร์ตพ่อ มีวงเงินสูง
พี่ ซื้อ หุ้น HXXX ที่XXX บาท จำนวนXXX หุ้น ครับ ผมซื้อไปน่าจะเป็นยอดเงิน 300000 บาท
เรียบร้อย
555 มีเงิน สด เหลือ ประมาณ 200000 บาท(เงินสด ที่ผมเหลืออยู่ทั้งหมด) ซื้อหุ้น 300000 บาทได้ สุดยอด 555
ซื้อ ไป 300000 บาท ไม่ต้องอะไรมาก ได้ 1% หักค่าคอมแล้วก็พอ ก็ได้ 3000 บาทแล้ว ตลาดต่างประเทศก็ดี ชัวร์
นั่งดูๆ ไป
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 11:17 pm
โดย areliang
เฮ้ย มันไหลลงอ่ะ
โทรศัพท์เลยครับ พี่ๆ หุ้นเป็นไรอ่ะ ( มือสั่นครับ)
ผมพูดว่า ดูแล้ววันนี้ตลาดน่าจะดีนี่ครับ
- ใช่ นักวิเคราะห์ เค้าก็ว่าวันนี้ตลาดดูดีกันนะ
Ok ครับ ผมก็วางสายไป พร้อมคิดว่า งั้นดูไปก่อนดีกว่า ช่วงบ่ายอาจจะกลับมาดีก็ได้
ร้อน แล้วครับ คิดค่าคอมก่อนเลยครับ 300000 บาทซื้อ 300000 บาทขาย
รวม 600000 บาท
ค่าคอม ถ้า 0.25% vat7% ก็ 1605 บาท แล้ว
แล้วที่ราคามันไหลลงอีกล่ะ
ลุ้นครับ ลุ้นมาเรื่อย ไม่ได้เรื่องซะที
ใกล้ปิด ตลาดแล้วครับ ทำใจแล้วครับ
พี่ๆ ขายครับ เคาะขายเลย
สรุป ผมขาดทุน วันเดียว ประมาณ 15000 บาทครับ (หมื่น นะครับ)
ผมไม่เคยขาดทุนเยอะเท่านี้มาก่อน
ผมมีเงิน ราว 200000 บาท วันนี้วันเดียวผมขาดทุน 15000 บาท ครับ
เงินที่ผมเคยสะสมมาแทบแย่ เงินออม 15000 บาทภายในวันเดียว
รับไม่ได้ครับ รับไม่ได้จริงๆ
Daytrade มันเลยกลายเป็นสิ่งที่แย่มากๆ อย่างหนึ่งสำหรับผมไปเลย
จาก รวยๆๆ กลายเป็น หายไป 15000 บาท
ได้ 1 % ก็พอ กลายเป็นเสียไป 5% จากวงเงิน 300000 บาท
Daytrade ก็ไม่อยู่ในความคิดผมอีกเลย ยกเว้น ผมพร้อมที่จะขาดทุนเล่นๆ
แต่พอคิด แล้ว เป็นสิ่งที่ดีมาก ที่การเล่น daytrade ครั้งแรกของผม ขาดทุนมากขนาดนี้
ซึ่ง ทำให้คำตอบ ของคำว่าการเก็งกำไร เริ่มชัดเจนขึ้น
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 11:19 pm
โดย areliang
หลังจากสั่งขาย ไปสักพัก
ผมว่าผมมีปัญหาใจแล้วล่ะ
เล่นเก็งกำไร ก็ขาดทุน ลอง daytrade ก็ขาดทุน เยอะมากกก ในวันเดียว
ไม่ได้การแล้ว
ผมโทรหาพี่ ที่ดูแลพอร์ต ของพ่อผม ที่โบรกเกอร์ แห่งแรก
แล้วขอเรียก พี่ว่า คุณ ดูดี นามสกุล สบายใจ
คุณ ดูดี นามสกุล สบายใจ เป็นผู้ชาย วัยประมาณ 30-32 ปี เป็นคนพูดจาไพเราะ ดูใจเย็น และเวลาผมร้องขอ ข้อมูลใดๆ จะช่วยเหลือ ผมเสมอ ทั้งข้อมูล ที่ เขารู้อยู่ แล้ว และ ยังไม่รู้
ผมถามเลยครับ พี่ ดูดีครับ คนเล่นหุ้น ส่วนใหญ่ได้กำไร รึเปล่า?
(ตอบมาด้วย วันนี้ผมเสียเงินไปเยอะ อารมณ์ ไม่ดี ไม่ตอบ ผมไล่ถามจริงๆ) คิดในใจ
พี่ เค้าคิด แป๊ปนึง แล้วตอบด้วยความเต็มใจว่า
คนเล่นหุ้น ตอนแรก มักจะกำไร แต่ตอนหลังส่วนใหญ่จะขาดทุน
อ่าว ทำไมคำตอบถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ
ผมพูด พี่ ตอนแรก มันควรเล่น แล้วขาดทุนสิ เพราะยังไม่มีประสบการณ์ ตอนหลัง น่าจะกำไรสิ เพราะมีประสบการณ์ ในตลาดบ้างแล้ว
พี่เค้า ก็ตอบว่า ก็ไม่รู้เหมือน กัน ก็เห็นเป็นแบบนี้
(ในที่สุด ประโยคนี้ก็เป็น ประโยคที่มีค่าสำหรับผมนะครับ)
งง สิครับ งง อีกแล้ว
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 11:23 pm
โดย areliang
เจออย่างนี้ ผมก็เจอทางตันสิครับ
เก็งกำไร ก็ขาดทุน daytrade ขาดทุนหนักมาก
แต่ผมก็ยังคงเก็งกำไรต่อครับ แต่ไม่ daytrade แล้ว
ซึ่งในขณะนี้ มีบางอย่าง ที่ดึงความสนใจของผมไปชั่วขณะ
การ์ด ครับ การ์ด
เพื่อนๆ ครับ มาเล่น การ์ด ที่เป็นพวก monster ที่ จะมี ความสามารถ ต่างๆ อยู่ในการ์ด ไม่รู้พอจะรู้จักกันรึเปล่า
แล้วเอามาเล่นแข่งกัน เวลา attack วางแนว ตั้ง defend วางแนว นอน อะไรประมาณนี้
ผมก็ซื้อมาเล่นชุดนึง ไม่ถึงพันมั้งครับรวมๆแล้ว
แต่นี่ไม่เท่าไหร่ครับ
ร้านการ์ด เค้าก็ขายการ์ดอย่างอื่นด้วย
มองๆ ไป เจอการ์ด บาสเกตบอล ครับ
โอ้โห๋ โดเรมอน เข้าหัว อัง อัง อัง โด ระ เอ มะ อือ
โนบิตะ เคยสะสม พวกการ์ด นักเบสบอล มั้งครับ
ตอนเด็กๆ ฝันเลย อยากมีการ์ดพวกนี้บ้าง
ไม่รีรอ ด้วยการที่เรามี เงิน อยู่ แสนกว่า บาท รวม ว่าเคยใช้ชีวิต แบบไม่ค่อยออมเงินมาแล้ว
มาเจอกรณี นี้ เริ่มซื้อ แล้วครับ
ตอนเด็ก เคยสะสม สติ๊กเกอร์ ติดสมุด พวก ghost blaster รวม ถึงพวก สติ๊กเกอร์ สะสม dragon ball ที่มากับขนม โดเรมอนก็มีมั้งครับ แต่เด็กๆไม่มีเงิน ซื้อยังไงก็ไม่ครบสักที
ตอนเด็กคิด ว่า ถ้าซื้อแบบยกกล่อง ที่เค้ามี มันต้องได้ครบ เลยแน่เลย เลยฝังใจครับ
ต้องบอกก่อน ว่า การ์ด บาสเกตบอล นี้ นำเข้ามาจาก อเมริกา ครับ เป็นพวกนักบาส nba
แล้วมันไม่ใช่ถูกเลย ซองละ 1-3 ร้อยบาท แล้วแต่รุ่น ซื้อ ยกกล่อง 2 พันกว่า 4พันกว่า บาท
ผมไปซื้อเลย ครับ ตอนนั้นมี ร้านนึง อยู่ที่สยาม เน้น การขาย การ์ดบาสเกตบอลครับ
ตอนแรกๆ ไป ผมก็ ซื้อ เป็น ซอง แหละครับ 2 ซอง บ้าง 3 ซองบ้าง 3ซอง ก็ 600 บาทแล้วนะ
ผ่านไปสักพัก ใจใหญ่ อยากได้ แล้วครับ ซื้อยกกล่องครับ แล้วก็ยังซื้ออีกหลายกล่อง
ผ่านไป ไม่กี่ อาทิตย์ ครับ ไม่ถึงเดือนครับ กลับมาลองคิด
ผมจ่ายเงิน กับการ์ด บาสเกตบอลไป ประมาณ 35000 บาท ครับ
จากเงินที่ผมมีทั้งหมด 200000 บาท ลบ ขาดทุน daytrade ไป 15000 บาท
เยอะมั้ยครับ 35000 บาท
ไม่ใช่แค่นั้น
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 11:24 pm
โดย areliang
ในช่วงนั้นเอง ผมเจอเพื่อนคนนึง ในห้องเรียน พร้อม หนังสือ model รถไฟ
โอ้ โห๋ ใช่เลย ซูเนโอะ บ้านซูเนโอะ มี ชุด model รถไฟ ปู้นๆๆ
อัง อัง อัง โด ระ เอ มะ อือ
ตามเพื่อนไปดู model รถไฟ ที่บ้านเลยครับ โอ้โห๋ ต้องมีให้ได้
เพื่อนพาไปเลยครับ บอกเลยซื้อที่นี่
ราคาครับ 37000 บาทยี่ห้อ marklin ไม่กล้าจริงๆ หรือเงินยังไม่มีในบัญชีไม่รู้
ก็เลยกลับ แล้วมีไปดูที่ร้านอื่นๆบ้าง
แล้วในที่สุด ไม่กี่วันหลังจากนั้น ผมก็ถอนเงินสด แล้วก็กลับมาซื้อ
เป็นเงิน 37000 กว่าบาทครับ
เยอะมั้ยครับ การ์ด 35000 บาท model รถ ไฟ 37000 บาท
ผมกำลังทำอะไรเนี่ย เฉพาะ2 เรื่อง นี้ 72000 บาท
แต่ผมไม่รู้ตัวหรอกครับ
และยังคง มัวเมา กลับ model รถไฟ แสนสวยอยู่
อะไรจะดึงสติผมกลับมา
ด้วยเพราะ บัญชี ตัด ATS พอร์ตพ่อ ถือเป็นเงิน ของผม ดังนั้น พ่อผม จึงทำ ATM แล้วผมเป็นผู้ถือครับ
แล้ววันนึงผมจะไปซื้อ อุปกรณ์ เพิ่ม ที่ร้านรถไฟร้านเดิม
ผมก็ไปกดเงินครับ ด้วยบัตร atm ใบนี้ แต่ กดรหัส ทีแรก ก็ไม่ได้ จนครบ 3 ที
บัตรผมโดนยึดครับ ผมจำรหัสผิด ครับ
แล้วคนที่จะไปเอาบัตรคืนมา ต้องเป็นเจ้าของบัตรเท่านั้นครับ
อ่าว เป็นเรื่องๆแล้ว ผมไปบอกพ่อ
พ่อ ผมบอกว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ผมก็บอก กดรหัสผิดเท่านั้นเองไม่มีอะไร
พ่อผมก็ไปเอาบัตรกลับมา
แล้วผมก็ได้คิด นี่ผมทำอะไรอยู่ ทำไปเพื่ออะไร
ผ่านมาไม่ถึง 2 เดือนเอง นะ มีเงินเหลือประมาณ 180000 บาท ใช้เงินไป 72000 บาท
ผมมานั่งมอง กอง การ์ด นั่งมองอยู่สักพักใหญ่ๆ แล้วก็ไป มอง กล่อง model รถไฟ
ไม่ใช่แล้วล่ะ
เป็นวินาที สำหรับผม ที่รู้จัก คำว่า ผลาญ
(ผมยังขอยืนยันว่าใช้คำว่า ผลาญ ครับ ถึง 72000 อาจไม่ใช่ตัวเลขมากมาย แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมมีตอนนั้น คือ 180000 ดังนั้น 72000 บาทจึงค่อนข้างเยอะ แถมใช้ไปในเวลา ไม่ถึง 2 เดือน แล้วลองคิดสิ ถ้าผมยังคงหลงใหล ต่อไป ผมจะเหลืออะไร มันแค่ เป็นความบังเอิญ ที่มีสิ่ง มาดึงสติผมกลับมาได้)
ดังนั้น การหาเงินก็ยากลำบากแล้ว การเรียนรู้ วิธี การรักษาเงิน ให้คงอยู่ ก็ดูเป็นสิ่งที่คุ้มค่านะครับ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 11:27 pm
โดย areliang
เบื่อ กันรึยังครับ
พอมีประโยชน์บ้างมั้ยครับเนี่ย
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 11:38 pm
โดย กล้วยไม้ขาว
มาคอยติดตามครับ
ขยันโพสท์เหมือนกันนะครับเนี่ย
วันนี้มีม็อบผมเลยว่าง ๆ งาน เข้ามาทีไรก็อัพเดทตลอดวันเลย อิอิ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 26, 2008 11:44 pm
โดย areliang
555
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 27, 2008 12:07 am
โดย areliang
วันนี้ สงสัยตัวเองอยากพิมพ์ เยอะครับ
มาตรึม
555
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 27, 2008 12:08 am
โดย areliang
เมื่อรู้ตัว ว่าผมผลาญ เงินไปอย่าง เปล่าประโยชน์ และรวดเร็ว
ผมก็ต้องหยุดผลาญครับ
เก็งกำไรก็ขาดทุน daytrade ก็ขาดทุน
แถมเจอประโยค นี้อีก
คนเล่นหุ้น ตอนแรก มักจะกำไร แต่ตอนหลังส่วนใหญ่จะขาดทุน
แปลว่าคนเล่นหุ้น ส่วนใหญ่ก็ขาดทุน
ยกที่ 1 เวลา 1 อาทิตย์ ยกที่ 2 เวลา 6-8 เดือน
ยกที่ 3 เวลา สัก 4 เดือนแล้วมั้ง
เอายังไงกับการเล่นหุ้นดีเนี่ย
เนื่องด้วย เวลาเรียนมหาลัย
หลายๆครั้ง จะมีเวลาว่าง ซึ่งต้องรอเรียน วิชา ในคาบ ถัดๆไป
บางวัน ว่างน้อย บางวัน ว่างมาก
แต่หลายครั้ง ผมจะใช้ ห้องสมุด ในเวลาว่างนี้
ใช้พักผ่อน ครับ ขึ้นไปงีบ ครับ ค่อนข้างจะบ่อยมากนะ
ขึ้นไป แล้ว นั่งคุย กับเพื่อนๆ ก็มี แต่ก็คุยเบา หาที่คุย ที่จะไม่รบกวนใคร ก็มี
นั่งดูเพจหุ้น บ้าง
ก็เป็นอย่างนี้ทั้งปีแหละ
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 27, 2008 12:16 am
โดย areliang
จนเหตุ ก็มาเกิด ที่ห้องสมุดแห่งหนึ่ง แถว บางนาตราด กม. 20 กว่าๆ
อืม PE P/BV มันใช้ได้ป่ะเนี่ย
ก็นึกถึงคราวแรก ที่เริ่มหาข้อมูลจากหนังสือ เกี่ยวกับหุ้น
หนังสือ finance ที่บ้าน
เราอยู่ในห้องสมุด แปลว่าหนังสือต้องเยอะ
อืม ห้องสมุดที่เราอยู่นี้จะมีหนังสือ เกี่ยวกับหุ้นเปล่า น๊า
อืมมมมมมมมมมม
แต่ส่วนใหญ่ ที่นี่ จะเป็นหนังสือ ภาษาอังกฤษ นะสิ อ่านก็ยากไม่รู้เรื่องอยู่ดี ต่อให้มีนะ
ลองหาดูก็ได้
เดินไปเดินมา อ่าว มันมีหมวด หนังสือ ภาษาไทยด้วยเหรอ
ก็เลยไปหาพวกการเงิน การลงทุน
หาๆๆๆ
หนังสืออะไร บ้างเนี่ย ต้องอ่านอะไรเนี่ย
หาๆๆๆ ในใจไม่นึกหรอกว่าเราจะได้อะไร จากการหาคราวนี้
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 27, 2008 12:35 am
โดย areliang
โอ้ะ โอ
นี่หนังสืออะไรเนี่ย
ชื่อปก the warren buffett way
ไม่เห็นเคยรู้จักเลย
เลยลองเปิด ดู ตัวเอก คือ คุณ warren buffett
แล้วคุณคนนี้เค้าเป็นใครล่ะเนี่ย
เปิด อ่านไปเรื่อยๆ
อืม เป็นหนังสือ เกี่ยวกับการลงทุน ชัวร์
แต่ตั้งแต่เกิด ผมไม่เคยยืมหนังสือห้องสมุดเลย
แต่วันนี้ ก็ยังจะเป็นอีกวันที่ผมไม่ยืมอยู่ดี ผมยืมหนังสือห้องสมุดไม่เป็น ครับ
แต่พอดี ในห้องสมุดนี้จะมีบริการ ถ่ายเอกสาร
ก็จึงนำหนังสือเล่มนี้ไปให้เค้าถ่ายเอกสารก่อน
แล้วก็กลับมาดู ที่ชั้นหนังสือต่อ
อืม เล่มเดียวก็พอแล้วมั้ง
หาไปหามา เจอ ปีเตอร์ ลินช์ เซียนหุ้นบันลือโลก
ดูๆๆๆ การลงทุนอีกแล้ว
เอาไป ถ่ายเอกสารต่อ
กลับมาหาอีก ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือวิชาการแล้ว
หนังสือ ทั้ง สองเล่ม
เป็นหนังสือภาษาไทยนะครับ
The warren buffett way เป็นของสำนักพิมพ์ ผู้จัดการ พิมพ์ ปี40
ปีเตอร์ ลินช์ เซียนหุ้นบันลือโลก เค้าโครงเรื่องจาก one up on wall street ก็เป็นของเนชั่น
ซึ่ง ดูรายละเอียด น้อยกว่า One up on wall street ฉบับ แปล ในปัจจุบัน แต่เนื้อหาใกล้เคียงกัน
ซึ่งถือว่าเป็นโอกาส ที่ดีมาก ที่หนังสือสองเล่มนี้เป็นภาษาไทย
เพราะ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ ผมต้องไม่อยากอ่านแน่เลย
(ผมเคยนึกว่าจะไปหาซื้อฉบับ จริงตามร้านหนังสือ แต่ไม่สามารถหาซื้อได้ครับ ในเวลานั้น)
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 27, 2008 12:43 am
โดย areliang
พอกลับถึงบ้าน
ผมก็เริ่มเปิดอ่านครับ
อ่าน ปีเตอร์ ลินช์ เซียนหุ้นบันลือโลก ก่อนครับ
ผมไม่รู้จักหรอกครับว่าเค้าเป็นใคร
แต่ด้วยหนังสือ ที่บางกว่า ตัวหนังสือใหญ่กว่า น่าจะอ่านจบเร็วกว่า
อ่านไปได้สักพัก
ผมมานั่งงีบ นั่งคุย นั่งดูหุ้น ในห้องสมุด ที่มีหนังสือ แบบนี้มาเป็นปี
แต่ไม่รู้จักที่จะไปหยิบมาอ่านเลย
สิ่งดีๆ หลายอย่าง อยู่ใกล้ๆตัวเราเองเนอะ
สำคัญที่มองเห็น หรือ มองไม่เห็น
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 27, 2008 1:26 am
โดย areliang
เนื่องด้วย ว่าตัวเอง ทำไมไม่รู้จักหามาอ่านแต่แรก
ขาดทุนไปตั้งหลาย แล้วค่อยมาอ่าน
อืม เริ่ม ช้า ดีกว่าไม่เริ่ม
อ่านแล้วครับ
1. เจอประโยค ที่ ปีเตอร์ ลินช์ บอกว่า นักเล่นหุ้นไม่มีใครเป็นเซียน
อ่าว ได้ยินคำว่าเซียน หุ้นมีอยู่ตรึม
งั้น ถ้ามันจริง ก็จะแปลบอกตัวเองว่า
เราต้องเป็นเซียนหุ้นซะเองสิ เป็นยังไงล่ะ ก็ต้องรู้ให้มากและมากพอ ที่จะเป็นเซียนไง
2. การเล่นหุ้นนั้นเป็น ศิลป์ ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ใครก็ตามที่ถูกจับมา เรียนบวก ลบ คูณ หาร นั้นอาจจะมองหุ้นเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่อาจจะมองเจาะทะลุ ปรุโปร่ง เข้าไปด้านอื่นๆได้ ซึ่งการเล่นหุ้นนั้น ต้องอาศัย หลายๆอย่างมาประกอบ ทั้งจิตวิทยา ปรัชญา และตรรกวิทยา มาประกอบในการตัดสินใจ ตัวเลขเป็นแค่สิ่งประกอบเท่านั้น
อืม คงจะจริง เพราะบวกลบคูณหารเราก็เป็น แต่ก็ขาดทุน เกี่ยวมั้ยเนี่ย
3. คำนิยามที่จะให้แก่ตลาดหุ้น คือ ตลาดหุ้น ที่ไม่มีสิทธิ พยากรณ์ได้
อืม สงสัยจะจริง ถ้าพยากรณ์ถูก ง่ายๆ ก็รวยกันหมดสิ
4. หุ้น แบ่งออก เป็น 6 ประเภท
1. หุ้นโตช้า
2. หุ้นยักษ์ใหญ่
3. หุ้นโตเร็ว
4. หุ้นวงจร
5. หุ้นตีกลับ
6. หุ้นสินทัพย์
5. คุณลักษณะ ทรัพย์สิน หนี้สิน ผลประกอบการ
และก็ยังมีข้อมูล อื่นๆ อีก ซึ่งหาซื้ออ่านได้นะครับ
อ่านมานิดเดียว ได้มา 5 ข้อ
แต่ที่ผ่านมารู้ แค่ PE P/BV
เราไม่รู้อีกเยอะมากเลยนะเนี่ย เพิ่งจะรู้ตัว
แล้วจะเป็นเซียนหุ้นได้ไงในเมื่อมีแต่เรื่องที่ไม่รู้
หนังสือ เล่มนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมต้องหาความรู้ให้มากกว่านี้ ถ้าจะให้เก่งจริง
ได้รู้ว่า การขึ้นลงของราคาขึ้น นั้น จิตวิทยา มีส่วนมาก ในการเคลื่อนไหวของตลาด
การที่เรียนรู้ การแบ่ง ประเภท ของหุ้น ถ้าเข้าใจ เราก็จะบอกได้ หุ้นนั้นๆอยู่ในประเภทไหน
เพราะ การเคลื่อนไหว ของราคา ในแต่ละประเภท ก็จะแตกต่างกันบ้าง
แต่ละหุ้น คือ ธุรกิจ มีองค์ประกอบ ในทรัพย์สิน และหนี้สิน รวมถึงประกอบการณ์ ที่แตกต่างกันในแต่ละหุ้น
หุ้นไม่ใช่ แค่ มี ชื่อ ราคา PE P/BV มันไม่ใช่แค่เพียงตัวเลข
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 27, 2008 2:19 am
โดย areliang
แล้วก็อ่านต่อ the warren buffett way
อ่าน แล้วก็เจอ ว่า คนๆนี้ ซื้อบริษัท นู้น บริษัทนี้ เยอะจัง
1. ประโยค เราจะเลือกลงทุนบน พื้นฐานของมูลค่า ไม่ใช่ ความนิยม และ กิจการการลงทุนนี้จะพยายามลดการขาดทุนถาวร ( ที่ไม่ใช่การขาดทุนในระยะสั้น) ให้เหลือน้อยที่สุด
อืม แล้วมูลค่าหาที่ไหน ที่ไม่ใช่การขาดทุนในระยะสั้น แปลว่า ต้องมองการลงทุนเป็นระยะยาวสิ แล้วต้องยาวเท่าไหร่อ่ะ
2. หน้า ที่ผมสนใจ ก็คือ ผลการดำเนินงานกิจการของ เบิร์กไชร์ เทียบ s&p 500
ซึ่งบางปี เค้าได้ 10 % 20% 30% 40% ก็มีอืมน่าสนใจ ค่าเฉลี่ย 20 กว่า% ต่อปี
ปี 65-93 (ตามหนังสือ ของผม) นี่เค้าลงทุนมา 28 ปีแล้วเหรอเนี่ย มากกว่าอายุเราอีก
3. แล้วก็เรื่อง มิสเตอร์มาร์เก็ต โห๋ ท่านเกรแฮม คิดได้ไง
ท่านเปรียบ มิสเตอร์มาร์เก็ต กับอารมณ์ ของตลาดหุ้น
4. กำไรที่พิจารณา อย่าง ถี่ถ้วน
ซึ่งถ้าเรารู้สึก เป็นเจ้าของบริษัท จริงๆ กำไรทั้งหมด ที่บริษัทนั้นหาได้จะเป็นของเรา ไม่ใช่เฉพาะ ปันผล
มันจะคล้าย ภูเขาน้ำแข็ง ที่เราจะเห็นชัดเจนบางส่วน แต่อีกหลายส่วนก็มองไม่เห็น แต่มันมี
5. วิธีเลือก ธุรกิจ ที่จะลงทุน
1. รูปแบบ ธุรกิจ
2. การบริหาร
3. การเงิน
4. การตลาด
5. ซื้อ ในราคาที่น่าสนใจ
6.การถือครอง หุ้นอย่างถาวร ทำได้ไงซื้อแล้วไม่ต้องขายก็ได้
7. แนวทาง
1. ปิดหูปดตาจากตลาดหุ้น เล่นหุ้นไม่ดูหุ้น ยังไงกันแน่
2.ไม่ต้องกังวล เรื่องเศรษฐกิจมากนัก เศรษฐกิจไม่ดี หุ้นตกนะครับ ไม่กังวลได้ไง
3.ซื้อ ธุรกิจไม่ใช้ซื้อหุ้น อืม น่าสนใจ
4. บริหารพอร์ต ที่รวมธุรกิจต่างๆ ไว้ด้วยกัน
และก็ยังมีข้อมูล อื่นๆ อีก ซึ่งหาซื้ออ่านได้นะครับ
ถ้าหนังสือแปล ของ warren ตอนนี้ในท้องตลาด ใกล้เคียง เล่มนี้ ผู้เขียนเดียวกัน ก็ the essential buffett
ได้ มา 7 ข้อ
เหมือนสอนให้ผมหามูลค่าธุรกิจ ให้เป็น และ มองหุ้นให้เป็นระยะยาว
เหมือนทำให้คิด เรื่องผลตอบแทนแบบทบต้น สะสมไปเรื่อยๆ
รู้เรื่อง นิสัย อารมณ์ของตลาด
แล้วถ้าเราถือหุ้น แบบเป็นเจ้า ของและระยะยาว จริงๆ จริงๆ กำไรทั้งหมด ก็เป็นของเจ้าของหุ้น
ซึ่งอาจจะ ให้เราเห็นชัด ๆในรูปปันผลบ้าง แต่ จริงๆ ส่วนที่เหลือ ก็ยังอยู่ในบริษัท ที่เราเป็นเจ้าของ
เลือก ดู ธุรกิจที่ดีให้เป็น
ถือ หุ้นที่ดี จนเรารู้สึกสบายใจ ไม่ต้องคิดขาย (ในไทย ก็มีบ้างนะครับ แต่อาจจะไม่มาก)
เมื่อเป็นเจ้าของบริษัทที่ดี ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ ภาวะเศรษฐกิจมากนัก
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 27, 2008 2:26 am
โดย areliang
ในความเห็นของผม
วอร์เรน บัฟเฟตต์ รูปแบบ จะเป็นการลงทุน เพื่อเป็น เจ้าของกิจการด้วยตัวเอง
ปีเตอร์ ลินช์ รูปแบบ จะเป็นการลงทุน ในลักษณะกองทุน บริหารกองทุน
ซึ่ง ผมว่า มันอาจจะทำให้ แตกต่างกันบ้างในด้าน สัญชาตญาณ การลงทุน
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 27, 2008 9:19 am
โดย ake3004
very fun kab.waiting for new post.U studied @ Abac.right? I get the sign from ''Yung Khao''