หน้า 4 จากทั้งหมด 12

news05/09/07

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 05, 2007 6:55 pm
โดย chartchai madman
จีเอ็ม ทำยอดขายเพิ่มครั้งแรก-รอบ 3 เดือนโตโยต้าแซงฟอร์ด
ด้านตลาดรถยนต์ในสหรัฐ เดือน สิงหาคมที่ผ่านมาเกิดการพลิกผัน หลังผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ในสหรัฐ เจนเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 6.1% หรือขายได้ถึง 3.85 แสนคัน นับเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 เดือนที่ผ่านมาของจีเอ็ม สาเหตุจากยอดขายรถกระบะที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ยอดขายรถยนต์จากผู้ผลิตจากเอเชีย ได้แก่ โตโยต้า สามารถแซงหน้าฟอร์ด มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่อันดับ 2 ในสหรัฐ ซึ่งมียอดขายตกต่ำมากถึง 14%

แมทเมล เรียกคืนของเด็กเล่นครั้งที่ 3 ในรอบกว่า 1 เดือน
ผู้ผลิตของเด็กเล่นรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ และของโลกที่มีชื่อว่า แมทเทล ประกาศเรียกคืนของเด็กเล่นที่ผลิตจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นครั้งที่ 3 ทั้งนี้ การเรียกคืนครั้งที่ 3 จะเป็นของเด็กเล่นประเภทฟิชเชอร์ไพร์ส ของตกแต่งตุ๊กตาบาร์บี้ รวมกัน 8.44 แสนชิ้น สาเหตุ พบว่ามีปริมาณสารตะกั่วผสมวนสัดส่วนเกินกว่ามาตรฐานความปลอดภัย บริษัท แมทเทล เคยประกาศเรียกคืนถึง 2 ครั้งในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมเรียกคืน 1.5 ล้านชิ้น ต่อมาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม มีการเรียกคืนมากถึง 19 ล้านชิ้นจากตลาดทั่วโลก

รัฐมนตรีคลังอังกฤษ หนุนอดีต ขุนคลังฝรั่งเศส นั่งไอเอ็มเอฟ
นายอลิสแตร์ ดาร์ลิ่ง รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ประกาศสนับสนุนนาย โดมินิค สเตร๊าท์ คาห์น อดีตรัฐมนตรีคลังฝรั่งเศส ขึ้นเป็นคู่ชิงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ คนใหม่ ด้วยเหตุผลว่า อดีตรัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสคนนี้ มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดกับกฎเกณฑ์ของไอเอ็มเอฟ ก่อนที่นายโรดริโก้ ราโต้ จะก้าวลงจากตำแหน่งดังกล่าวในเดือนตุลาคมปีนี้ ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟ ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1944 หรือเมื่อ 63 ปีที่ผ่านมา ซึ่งโดยตามธรรมเนียมแล้ว ตำแหน่งดังกล่าวจะเป็นของทางฝั่งยุโรป

อลัน กรีนสแปน เปิดตัวหนังสือ The Age of Turbulence
อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด วัย 81 ปีในปัจจุบัน เตรียมเปิดตัวหนังสือที่เขียนขึ้นด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก มีชื่อว่า The Age of Turbulence ในเดือนนี้ หลังก้าวลงจากตำแหน่งประธานเฟด ที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเฟด ด้วยการนั่งบริหารงานที่ยาวนานมากถึง 18 ปีครึ่ง ซึ่งนับเป็นคนที่ 2 นอกจากนี้ ยังผ่านการบริหารร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐมากถึง 4 คน ทั้งนี้ อลัน กรีนสแปน เริ่มเขียนหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา โดยจะเป็นการสะท้อนประสบการณ์ทั้งหมด
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news05/09/07

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 05, 2007 6:57 pm
โดย chartchai madman
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่องานนี้ (4 ก.ย. 50)
ข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง (ก.ค.) ลดลง 0.4 %
ดัชนีภาคการผลิต (ส.ค.) โดย ISM ชะลอตัวอยู่ที่ 52.9 จุด
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดย ABC News อยู่ที่ 17 ( จาก 19 ในสัปดาห์ก่อนหน้า เพิ่มขึ้นเพราะตัวเลขการเงินส่วนบุคคลดีขึ้น แต่ยังถือว่าแย่อยู่เพราะมุมมองที่ไม่ดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ)

จีนส่อเค้าเลื่อนเปิดทางให้คนจีนลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นตปท.
หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานในวันนี้ว่า แผนการที่รัฐบาลจีนจะอนุญาตให้นักลงทุนชาวจีนเข้าไปลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นฮ่องกงนั้น อาจต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนแสดงท่าทีวิตกกังวลว่าแผนการดังกล่าวอาจทำให้ตลาดหุ้นจีนชะลอตัวลง เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนเปิดเผยว่า รัฐบาลจะอนุญาตให้นักลงทุนชาวจีนเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศได้ แต่รัฐบาลไม่ได้ระบุวันที่แน่นอนว่าจะอนุมัติเมื่อใด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตลาดหุ้นฮ่องกงจะได้รับประโยชน์จากแผนการดังกล่าวมากที่สุด

8 เดือนแรกเวียดนามตั้งนิคมอุตสาหกรรมไปแล้ว 6 แห่ง
เวียดนามได้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมไปแล้ว 6 แห่งในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ส่งผลให้จำนวนนิคมอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 148 แห่ง นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศของเวียดนามมีอัตราจ้างงานสูงขึ้น 53.5% สามารถดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้ 2.42 หมื่นล้านดอลลาร์ และยังสามารถดึงดูดเงินลงทุนภายในประเทศได้อีกเป็นจำนวนมาก นอกเหนือจากนิคมอุตสาหกรรมแล้ว ปัจจุบันเวียดนามยังมีเขตเศรษฐกิจ 8 แห่งที่มีมูลค่าเงินลงทุนจากต่างประเทศและภายในประเทศประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์ และเมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ตัดสินใจตั้งเขตเศรษฐกิจแห่งที่ 9 ขึ้นมา
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news05/09/07

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 05, 2007 7:01 pm
โดย chartchai madman
HSBC ทุ่ม 6.3 พันล้านดอลล์ ซื้อหุ้น 51.02% ในโคเรียเอ็กซ์เชนจ์แบงก์
สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้รายงานว่า เอชเอสบีซี เอเชีย แปซิฟิก โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด บริษัทในเครือของเอชเอสบีซี โฮลดิ้งจะทุ่มเงิน 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเข้าซื้อหุ้น 51.02% ในธนาคารโคเรีย เอ็กซ์เชนจ์ แบงก์ ซึ่งธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 5 ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการซื้อจากแอลเอสเอฟ-เคอีบี โฮลดิ้ง เอสซีเอ ซึ่งเป็นทุนเรือนหุ้นในครอบครองของโลนสตาร์ ทั้งนี้ หากการดำเนินการซื้อกิจการเสร็จสิ้นหลังวันที่ 31 ธ.ค.2551 ราคาซื้อขายหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 133 ล้านดอลลาร์

จีนเตรียมปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไตรมาส 4 ปีนี้
นิตยสารไช่จิง รายงานว่า คณะกรรมการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจจีน วางแผนปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในช่วงไตรมาส 4 ปี 2550 และจะแล้วเสร็จเดือนมีนาคมปีหน้า รายงานดังกล่าวระบุว่า คณะกรรมการบริหารและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (SASAC) ได้เสนอแผนการปฏิรูป แต่ยังไม่มีการสรุปในขั้นตอนสุดท้าย และต้องรอการอนุมัติจากฝ่ายบริหารระดับสูงกว่า ขณะนี้ จีนมีบริษัทผู้ให้บริการภาคโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ด้วยกัน 4 ราย ได้แก่ ไชน่า โมบายล์ ไชน่า ยูนิคอม ไชน่า คอมมูนิเคชั่น และ ไชน่า เน็ทคอม ซึ่งความแตกต่างในด้านผลการดำเนินงานเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การตัดสินใจใช้แผนปฏิรูปของ SASAC
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news06/09/07

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 06, 2007 2:24 pm
โดย chartchai madman
"มูดีส์" ชี้ "สิงคโปร์-มาเลเซีย" ขึ้นชั้นผู้นำตลาดการเงินในอาเซียน

โดย ผู้จัดการออนไลน์
6 กันยายน 2550 11:52 น.

 มูดีส์ชี้ สิงคโปร์-มาเลเซีย ถือเป็นผู้นำตลาดการเงินที่สำคัญในย่านอาเซียน หลังข้อมูลย้อนหลัง 6 เดือนแรกปีนี้ ขยายตัวอย่าคึกคัก
     
      วันนี้(06 ก.ย.) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส กล่าวว่า กิจกรรมในตลาดการเงินของประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียในช่วง 6 เดือนแรกปี 2550 ขยายตัวคึกคัก
     
      สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า สิงคโปร์ทำธุรกรรมการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 2 เท่าในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งนับเป็นตลาด REIT ที่ได้รับการพัฒนามากที่สุดของเอเชีย นอกเหนือจากญี่ปุ่นและออสเตรเลีย โดยมูดีส์ได้จัดอันดับเครดิตให้ทั้งหมดเกือบ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 2 เท่าของที่มีการจัดอันดับในช่วงเดียวกันของปีก่อน
     
      ขณะที่ในมาเลเซียนั้น การจัดอันดับเครดิตในประเทศช่วง 6 เดือนแรกเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคากามัสกลับเข้าสู่ตลาดพร้อมกับการออกตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับที่ปฏิบัติตามกฎของศาสนาอิสลาม หรือ RMBS ล็อตที่ 2 และมีการคาดการณ์ที่ดีว่าคากามัสจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรม RMBS ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม
http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000105140

news08/09/07

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 08, 2007 12:36 pm
โดย chartchai madman
เอเปกพุ่งเป้าเรียกร้องสมาชิก WTO เร่งเจรจาการค้าการเกษตรและภาษีการผลิต

ที่ประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ตั้งเป้าเรียกร้องให้มีการผลักดันให้การเจรจาการค้าเสรีรอบโดฮาภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) คืบหน้าและสรุปผลได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยที่ประชุมเอเปกจะขอให้องค์การการค้าโลก เร่งการเจรจาต่อรองบนพื้นฐานของร่างการเจรจาต่อรองในประเด็นการลดภาษีการผลิตและการซื้อขายสินค้าการเกษตร ซึ่งถือเป็นอุปสรรสำคัญของการเจรจาเสรีการค้ารอบโดฮา ทางด้านนายปาสคาล ลามี ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก ซึ่งเข้าร่วมประชุมด้วยกล่าวว่า หากสมาชิก WTO ไม่สามารถประชุมกันได้ตามขีดเส้นตายสิ้นปีนี้ เราก็จะประกาศให้การเจรจาที่ผ่านมาเป็นการเจรจาที่ประสบความล้มเหลว และระงับการเจรจาไว้จนกว่าจะมีการเลือกตั้งในสหรัฐเสร็จสิ้นลงในปีหน้า
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news08/09/07

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 08, 2007 12:39 pm
โดย chartchai madman
ธนาคารกลางอินโดนีเซียตรึงดอกเบี้ยเท่าเดิม 8.25% หลัง CPI พุ่งเกินคาด

ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 8.25% วันนี้ ซึ่งเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 2 เดือน เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวสูงขึ้น รองผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียกล่าวกับสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลว่า "แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ เรายังพิจารณาในประเด็นที่ว่าผลกระทบของวิกฤตการณ์ในตลาดซับไพรม์ของสหรัฐที่มีต่อตลาดการเงินนั้น ยังไม่หมดไป" อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางอินโดนีเซียยังคงเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อตลอดทั้งปีไว้ที่ 5-7%

ฟิทช์คาดเอเชียรับมือการเปลี่ยนแปลงในตลาดสินเชื่อได้เพราะมีทุนสำรองสูง

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า กลุ่มประเทศในเอเชีย อยู่ในสถานะที่พร้อมจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงใดๆที่เกิดขึ้นในตลาดสินเชื่อ เนื่องจากประเทศในเอเชียมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เตือนว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเอเชียยังคงมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง และเงินทุนหมุนเวียนมูลค่ามหาศาลเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้นั้น จะเป็นบททดสอบกับคณะกรรมการกำหนดนโยบายในประเทศเอเชียถ้าบรรยากาศการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผลสำรวจบ่งชี้ว่าธนาคารพาณิชย์ในเอเชียหลายแห่งเข้าไปลงทุนในตลาดซับไพรม์สหรัฐ แต่ได้รับผลกระทบโดยตรงไม่มากนัก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news08/09/07

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 08, 2007 12:44 pm
โดย chartchai madman
มาเลเซียลดภาษีนิติบุคคลกระตุ้นการลงทุน ข่าว 22.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Friday, September 07, 2007
นายอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย บอกว่า นโยบายเศรษฐกิจในปีงบประมาณหน้ามีเป้าหมายใน 3 ส่วนหลักได้แก่ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน โดยมาเลเซียประกาศลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงจาก 27% เป็น 26% ในปีงบประมาณ 2551 ก่อนลดลงเหลือ 25% ในปีงบประมาณ 2552 หวังกระตุ้นการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ทั้งนี้ นายอับดุลเลาะห์เชื่อว่า การลดภาษีดังกล่าวจะเป็นการขยายโอกาสด้านการจ้างงาน และเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ มาเลเซียยังอนุญาตให้บริษัทต่างชาติจัดตั้งบริษัทจัดการกองทุนอิสลาม โดยจะยกเว้นภาษีจนถึงปี 2559
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

news10/09/07

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 3:00 pm
โดย chartchai madman
จีนตอบโต้นานาประเทศเริ่ม1ต.ค. เพิ่มมาตรการคุมเข้มนำเข้าสินค้า  
 
โดย มติชน
วัน จันทร์ ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2550 08:18 น.

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า สำนักงานควบคุมและตรวจสอบคุณภาพสินค้าของจีน (เอคิวเอสไอคิว) ได้ประกาศจะเข้มงวดต่อการตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศรวมถึงไทยด้วย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 ทั้งนี้ ในปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ออกประกาศควบคุมคุณภาพสินค้าของจีนให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น เพื่อความปลอดภัยทั้งของผู้บริโภคภายในและต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการควบคุมมาตรฐานอย่างเข้มงวดมาก เพราะเป็นมาตรการบังคับให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตจนถึงการออกสู่ตลาดต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศเชื่อมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์จีน
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับมาตรการดังกล่าวใช้ควบคุมสินค้าในธุรกิจทุกประเภทให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยตลาดค้าปลีก ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าจำหน่ายอาหาร ภัตตาคารและร้านอาหาร ต้องมีใบรับรองและใบเสร็จกำกับแสดงแหล่งที่มาของสินค้า ส่วนสินค้านำเข้าประเภทเนื้อสัตว์ ผลไม้ และของที่ใช้แล้วที่จะนำมาแปรรูป หรือผลิตต่อ ถ้าไม่ได้มาตรฐานที่กำหนดจะส่งคืนหรือทำลายทิ้ง สินค้าอาหารที่จะส่งออกทั้งหมดต้องได้รับการตรวจสอบมาตรฐาน และมีเครื่องหมายรับรองการตรวจสอบคุณภาพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบนบรรจุภัณฑ์

อาจเป็นการตอบโต้ประเทศต่างๆ ที่เข้มงวดตรวจสอบคุณภาพสินค้าจากจีนในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีประเทศต่างๆ กล่าวอ้างว่าสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิดจากจีนไม่ได้มาตรฐาน มีการปฏิเสธการนำเข้า และให้นำออกจากชั้นวางสินค้าด้วย
http://news.sanook.com/economic/economic_180373.php

news10/09/07

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 7:17 pm
โดย chartchai madman
ค้านตั้งกลุ่มผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติเหมือนโอเปก

8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 08:49:00

แอลจีเรียย้ำว่าแนวคิดตั้งกลุ่มประเทศส่งออกก๊าซธรรมชาติเหมือนโอเปกเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายชาคิบ เคลิล รัฐมนตรีพลังงานของแอลจีเรีย ออกมาย้ำเมื่อวันพุธคัดค้านแนวคิดการจัดตั้งองค์กรกลุ่มประเทศผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติเหมือนกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปก  โดยบอกว่าแนวคิดนี้เป็นไปไม่ได้เนื่องจากการซื้อขายก๊าซธรรมชาติทั้งหมดล้วนเป็นการขายด้วยสัญญาระยะยาว และหากไม่มีสภาพคล่องในตลาด ก็ไม่สามารถจัดตั้งกลุ่มดังกล่าวได้ ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดเมื่อปลายเดือนมกราคมว่า การจัดตั้งกลุ่มผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติเป็นเรื่องยากเนื่องจากตลาดก๊าซธรรมชาติและน้ำมันมีความแตกต่างกัน

ในกรณีโอเปก ชาติสมาชิกจะมีการประชุมร่วมกันเป็นประจำเพื่อกำหนดโควต้าการผลิตซึ่งจะเป็นการควบคุมราคาน้ำมันในตลาด และการซื้อขายน้ำมันส่วนใหญ่เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าระยะสั้น

ด้านนายวิคเตอร์ คริสเตนโก้ รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย กล่าวเมื่อวันอังคารว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการตั้งกลุ่มผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติเช่นกัน ซึ่งสวนทางกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ที่บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เรื่องนี้น่าสนใจ

รัสเซียมีแหล่งก๊าซธรรมชาติสำรองมากที่สุดในโลกถึงเกือบ 30% ของทั้งหมดในโลก และผลิตก๊าซได้มากที่สุดถึง 20% ของการผลิตทั้งหมดในโลก ทำให้ชาติตะวันตก กังวลว่ารัสเซียจะยิ่งมีอำนาจต่อรองเหนือชาตินำเข้าพลังงาน หากหันไปจับมือกับชาติที่มีก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับรองลงมา อย่าง อิหร่านและแอลจีเรีย เพื่อควบคุมปริมาณการผลิตและราคา
http://www.bangkokbiznews.com/2007/02/0 ... ewsid=3488

news10/09/07

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 8:38 pm
โดย chartchai madman
โรงเรียนสาธิตของ บิล เกตส์

10 กันยายน พ.ศ. 2550 05:00:00

Biz Intelligence : มูลนิธิ The Bill & Melinda Gates Foundation เป็นองค์กรการกุศลที่ Bill Gate ลงทุนลงแรงสร้างขึ้น และขณะนี้ยังถือว่าเป็นองค์กรการกุศลที่มีเงินกองทุนจำนวนมากที่สุดในโลกอีกด้วย


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ในบรรดากิจกรรมการกุศลทั้งหลายของมูลนิธิ บิล เกตส์ และภรรยา ใส่ใจให้กับกิจกรรมเกี่ยวกับการศึกษามากที่สุด โดยเฉพาะการศึกษาในระดับมัธยม ซึ่ง บิล เกตส์ เห็นว่ากำลังอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง โดยดูจากอัตราการไม่เรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาของเด็กนักเรียนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนี้สูงถึง 20%-30% และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นต่อไปอีก...ประเด็นนี้ บิล เกตส์ เห็นว่าจะทำลายรากฐานอันแข็งแกร่งของสหรัฐอเมริกาในระยะยาว และจะส่งผลถึงพัฒนาการการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย

ในเบื้องต้น บิล เกตส์ เสนอความช่วยเหลือให้กับโรงเรียน 22 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา แต่ละแห่งจะได้รับเงินสนับสนุนแห่งละประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยที่บิล เกตส์ และภรรยา จะเดินทางไปร่วมคิดหาวิธีในการปรับปรุงการเรียนการสอน โดยมีการระดมผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาสมัยใหม่ร่วมคณะไปด้วย...อย่างไรก็ตาม บิล เกตส์ มีนโยบายในการระมัดระวังไม่ให้เกิดการแทรกแซงการบริหารงานของโรงเรียนมากเกินไป เพียงแต่จะสนับสนุนการทดลองการเปลี่ยนแปลงระบบการเรียนการสอนแบบใหม่ เพื่อศึกษาว่ารูปแบบการบริหารการเรียนการสอนอย่างใดที่ได้ผลที่สุด

ปฏิบัติการของ อาจารย์ บิล ทำให้ทั้ง บิล เกตส์ และภรรยา พบว่านักเรียนอเมริกัน ยังมีการ ลับสมอง หรือ ท้าทายสมอง ไม่มากเท่าที่ควร จำนวนนักเรียนในโรงเรียน และในแต่ละชั้นเรียนมีมากเกินไป ทำให้การดูแลไม่ทั่วถึง บรรยากาศในการเรียนไม่สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ และความกล้าที่จะฝันในสิ่งที่ยิ่งใหญ่...ทำให้ บิล เกตส์ ทดลองนโยบายการตั้งโรงเรียนขนาดเล็ก และลดจำนวนนักเรียนในชั้นเรียน โดยใช้เงินอีกกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างโรงเรียนขนาดเล็ก 150 แห่ง

แม้การลงแรงไปในการพัฒนาการศึกษาในรูปแบบของบิล เกตส์ จะไม่ได้ผลในทุกแห่ง แต่เมื่อคนใหญ่โตระดับโลกคนนี้ ลงไปเอาจริงเอาจัง และทุ่มเทเวลากับการปฏิรูปการศึกษา ทำให้คนทั้งประเทศในทุกระดับ ต่างต้องหันมาช่วยกันดู ทบทวนสิ่งที่ผ่านมา และสิ่งที่กำลังจะเป็นไป ของการศึกษาของเยาวชนอเมริกัน

ความตั้งใจจริงของบิล เกตส์ ในเรื่องนี้ ทำให้เกิดแรงศรัทธาในอุดมการณ์ และทำให้มีผู้ร่วมอุดมการณ์เป็นเศรษฐีชาวอเมริกันตามมาอีกมากมาย นอกจาก นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลกรองจากบิล เกตส์ ที่บริจาคเงิน 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ให้กับมูลนิธิการกุศลต่างๆ 5 แห่ง โดย 5 ใน 6 ของเงินจำนวนนี้ จะบริจาคให้กับ The Bill & Melinda Gates Foundation จนเป็นข่าวครึกโครมไปเมื่อปีที่แล้ว ยังมีบรรดาซีอีโอบริษัทชั้นนำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น General Electrics, IBM หรือ SunAmerica Inc. ต่างให้การสนับสนุนด้านการศึกษา และประกาศแน่ชัดว่า ต่อไปนี้จะไม่สักแต่เขียนเช็คให้ แต่จะขอติดตามใกล้ชิด และจะต้องทำให้เกิดผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment) ในรูปแบบของผลสัมฤทธิ์ด้านการศึกษาของเยาวชน....

ฟังอย่างนี้แล้ว ก็อิจฉาเยาวชนอเมริกัน ที่คนร่ำรวยเขารวยทั้งเงิน ทั้งความคิด และความจริงใจ

จะว่านักธุรกิจไทยที่ประสบความสำเร็จแล้วไม่มีจิตสำนึกดีๆ ต่อการศึกษา ซึ่งเป็นกลไกพื้นฐานที่สำคัญที่สุดต่อการพัฒนาคนและพัฒนาประเทศ ก็คงจะไม่ใช่ เพราะที่เห็นก็มีอยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็น ดร.ชุมพล พรประภา ซึ่งเคยประกาศชัดเจนว่า ไม่ได้ให้แต่เงิน แต่จะให้เวลาด้วย หรือคุณอมเรศ ศิลาอ่อน...

แต่ก็หวังว่าสังคมเราจะมีผู้ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจแล้วหันมาใส่ใจกับการวางรากฐานระยะยาวของสังคมไทยกันมากขึ้น นอกจากนี้จะยังทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างภาคอุตสาหกรรม กับภาคการศึกษา อย่างเป็นรูปธรรม ภาคการศึกษาจะได้ผลิตลูกศิษย์แบบ นักวิชาการเป็นศูนย์กลาง ให้น้อยลง และสามารถตอบสนองความต้องการ และการเปลี่ยนแปลงในภาคอุตสาหกรรมได้มากยิ่งขึ้น

ไม่รู้ว่าเป็นยังไง...คนไทยพอรวยขึ้นมา หรือมีหน้ามีตาขึ้นมา ก็รังแต่จะพากันไปสมัครกันเป็นนักการเมืองเสียหมด...ในแง่หนึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นที่ที่จะสามารถ ช่วยพี่น้องประชาชน ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นที่ที่กำหนดนโยบายในระดับประเทศ...แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไปเป็นแค่ถุงเงินพรรคบ้าง...นานเข้าก็มีข่าวพัวพันกับผลประโยชน์ไม่ชอบมาพากลบ้าง...ที่หน้าตาดีหน่อย ก็เอามาช่วยหาเสียงตอนเลือกตั้ง...

ไม่อยากให้บทบาทของคนที่มีความพร้อมมากกว่าคนอื่นๆ ในสังคมไทย มีบทบาทที่ฉาบฉวยอยู่แค่นั้น..เห็นแล้วก็เสียดาย
http://www.bangkokbiznews.com/2007/09/1 ... wsid=93558

news10/09/07

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:01 pm
โดย chartchai madman
จีนเบียดแซงญี่ปุ่นขึ้นแท่นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอิหร่าน

จีนก้าวขึ้นแซงหน้าญี่ปุ่นในการเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอิหร่านในปี 2549 เนื่องจากจีนมีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจนทำให้มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นกับประเทศร่ำรวยน้ำมันอย่างอิหร่าน ในขณะที่ญี่ปุ่นได้ระงับการลงทุนในประเทศตะวันออกกลางภายใต้มาตรการคว่ำบาตรทางการค้าของสหประชาชาติที่มีต่อโครงการพัฒนานิวเคลียร์ โดยยอดนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างอิหร่านและจีนในปีที่ผ่านมาขยายตัวเพิ่มขึ้น 43% จากปีก่อนหน้านี้ แตะที่ 1.445 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าญี่ปุ่นที่มียอดนำเข้า-ส่งออกกับอิหร่านที่ระดับ 1.230 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

อินเทลเริ่มการก่อสร้างโรงงานผลิตชิปมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ในจีน

อินเทล คอร์ป ยักษ์ใหญ่ด้านชิปคอมพิวเตอร์ของสหรัฐ เริ่มต้นการก่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งแรกในเอเชียแล้วเมื่อวานนี้ โดยโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีต้าเหลียน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และมีมูลค่าการก่อสร้างระยะแรกอยู่ที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เครก บาร์เรตต์ ประธานบริษัทอินเทล กล่าวถึงเหตุผลที่อินเทลเลือกสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ต้าเหลียนว่าเป็นเพราะต้าเหลียนเป็นทำเลที่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยอินเทลจะใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ก้าวหน้าในการสร้างโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และจะส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศจีน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news11/09/07

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 11, 2007 3:11 pm
โดย chartchai madman
เงินเฟ้อในจีนพุ่งสูงสุดรอบ 10 ปี กดดัน ธ.กลางปรับขึ้น ดบ.

โดย ผู้จัดการออนไลน์
11 กันยายน 2550 12:46 น.
 
 อัตราเงินเฟ้อในจีนทะยานขึ้นไปถึงระดับ 6.5% เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา สูงสุดนับแต่เมื่อเดือน ธ.ค.39 ขณะที่การขาดแคลนเนื้อหมู ส่งผลให้ราคาอาหารในจีนพุ่งสูงขึ้น
     
      วันนี้(11 ก.ย.) รายงานอัตราการเงินเฟ้อในจีนล่าสุด ประจำเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา สูงกว่าที่บรรดาเศรษฐศาสตร์คาดหมายไว้ที่ร้อยละ 5.9 และสูงกว่าอัตราเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ร้อยละะ 5.6 นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแห่งธนาคารในนครเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า ธนาคารกลางจีนอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปลายเดือน ก.ย. หรือต้นเดือน ต.ค.นี้ เป็นไปตามการคาดหมายที่ว่า ธนาคารกลางจีนจะยังคงคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป
     
      สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า ราคาเนื้อสัตว์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาขยับขึ้นถึงร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน การขาดแคลนเนื้อหมู อาหารหลัก นับเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น รายงานระบุว่า จำนวนหมูลดลงร้อยละ 10 จากปัญหาโรคระบาด ค่าอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และราคาตกต่ำเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้เกษตรกรเลี้ยงหมูน้อยลง
http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000107131

news14/09/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 14, 2007 6:32 pm
โดย chartchai madman
"กสิกรฯ" แนะจับตา "เฟด" หั่นดบ. 0.25% ลดผลกระทบซับไพรม์

โดย ผู้จัดการออนไลน์
14 กันยายน 2550 17:51 น.

 ศูนย์วิจัยกสิกรฯ แนะจับตาผลประชุม เฟด สัปดาห์หน้า อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 เพื่อประคับประคองฐานะทางการเงินของผู้บริโภค และลดผลกระทบจากปัญหาสินเชื่อ "ซับไพรม์" ต่อเศรษฐกิจสหรัฐในภาพรวม
     
      วันนี้(14 ก.ย.) บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ออกรายงานวิเคราะห์ผลกระทบภาวะเศรษฐกิจ โดยประเมินว่า จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่ความเสี่ยงด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจเริ่มมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น สวนทางกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ทยอยมีน้ำหนักลดน้อยลง คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ลงร้อยละ 0.25 เป็นอย่างน้อยในการประชุมรอบที่ 6 ของปีในวันที่ 18 กันยายนนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ย Fed Funds ขยับลดลงจากร้อยละ 5.25 ในปัจจุบัน มาที่ร้อยละ 5.00 เพื่อประคับประคองฐานะทางการเงินของผู้บริโภค และจำกัดผลกระทบจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐในภาพรวม แม้ว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐส่วนใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา จะยังไม่ได้สะท้อนถึงผลกระทบจากปัญหาสินเชื่อซับไพร์มที่เด่นชัดมากนัก ขณะเดียวกันแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐที่คาดว่าจะช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า ก็น่าที่จะช่วยเอื้อให้เฟดสามารถดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายลงได้ โดยไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมากเท่าในอดีต
     
      อย่างไรก็ตาม หากเฟดประเมินว่าความเสี่ยงด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะมีมากขึ้นในระยะถัด ๆ ไป จากผลกระทบของปัญหาสินเชื่อซับไพร์มต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงที่จะทยอยปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้นในอนาคต และเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าร้อยละ 0.25 ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.นี้ แต่ทางเลือกนี้อาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่า เพราะเฟดอาจจะไม่ต้องการให้เกิดภาวะฟองสบู่รอบใหม่ขึ้นมาอีกกับเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่งจะขยับลดลงมาเพียงเล็กน้อย จากที่ปรับขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะถ้าเฟดมีความเชื่อมั่นว่าปัญหาสินเชื่อซับไพร์มที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบจำกัดแค่ภาคธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งหากเฟดไม่ต้องการเข้าไปช่วยเหลือนักลงทุนเฉพาะกลุ่มที่ชอบความเสี่ยง ซึ่งจะกลายเป็นการสนับสนุนพฤติกรรม moral hazard
     
      ทั้งนี้ นอกเหนือจากการตัดสินใจนโยบายอัตราดอกเบี้ย Fed Funds แล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เฟดอาจยังมีแนวโน้มจะดำเนินการผ่านช่องทางอื่นควบคู่กันไปเพื่อแก้ปัญหาสินเชื่อซับไพร์ม ไม่ว่าจะเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องในระบบการเงิน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (Discount rate) และการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะ ซึ่งคงจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป นอกจากนั้น แถลงการณ์หลังการประชุมของเฟด และการปรับตัวของเครื่องชี้เศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐในระยะถัดไป เป็นปัจจัยที่ยังต้องจับตา เพราะจะมีอิทธิพลต่อการคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ตลอดจนความเคลื่อนไหวของตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกด้วย
     
      สำหรับผลกระทบต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) น่าจะเทน้ำหนักไปที่ปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศเป็นหลักมากกว่า เพราะผลกระทบจากปัญหาสินเชื่อซับไพร์มที่คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง อาจจะไปปรากฏชัดเจนในปี 2551 มากกว่าในปีนี้ ดังนั้น หากการใช้จ่ายในประเทศสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงที่เหลือของปีตามที่คาดหวังไว้ ทดแทนกับแนวโน้มการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.ก็อาจมีแนวโน้มทรงตัวถึงปรับตัวลดลงได้อีกเล็กน้อยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 นี้
http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000108914

news15/09/07

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 15, 2007 12:11 pm
โดย chartchai madman
ธนาคารกลางจีน เตรียมขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก+เงินกู้ อีก 0.27% ลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจพรุ่งนี้

Posted on Friday, September 14, 2007

ธนาคารกลางจีนประกาศจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ในรอบปีนี้ เพื่อช่วยควบคุมเงินเฟ้อ และป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจอยู่ในภาวะร้อนแรงจนเกินไป

ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีน ระบุในเว็บไซต์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะเวลา 1 ปี อีก 0.27% สู่ระดับ 3.87% ขณะเดียวกัน จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลา 1 ปี อีก 0.27% เช่นกัน สู่ระดับ 7.29% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พรุ่งนี้

การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนสิงหาคม พุ่งขึ้นสูงถึง 6.5 % ซึ่งถือเป็นสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2539 เป็นต้นมา

มันนี่ ชาเนล - วรนนท์ อัศวพิริยานนท์
โทรศัพท์ - 02- 229 - 2000 ต่อ 2616
อีเมล - [email protected]
http://www.moneychannel.co.th/BreakingN ... fault.aspx

news15/09/07

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 15, 2007 12:23 pm
โดย chartchai madman
จีนเลื่อนการอนุญาตให้นักลงทุนจีนลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงไปเป็นเดือนต.ค.
หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตี้ส์ นิวส์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า จีนยังไม่มีแนวโน้มที่จะอนุมัติเปิดตัวโครงการอนุญาตนักลงทุนในจีนให้สามารถลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นฮ่องกงในเดือนนี้ แต่มีความเป็นไปได้ว่าจีนจะอนุมัติแผนดังกล่าวหลังวันหยุดยาวในประเทศ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เลื่อนการอนุมัติโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีความวิตกกังวลว่าเม็ดเงินจำนวนมากอาจไหลออกจากตลาดหุ้นในจีน นอกจากนั้น ธนาคารกลางของจีนยังอยู่ในระหว่างการศึกษาปัญหาการฟอกเงิน เพื่อป้องกันมิให้โครงการดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินด้วย

จีนตั้งเป้าเพิ่มคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ให้ได้ 12 ล้านตันในปี 2553
จีนตั้งเป้าเพิ่มคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ให้อยู่ที่ระดับ 12 ล้านตัน ภายในปี 2553 จากเดิมที่ระดับ 2-3 ล้านตันในปัจจุบัน เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ทำให้เป็นเรื่องยากในขณะนี้ที่จะสั่งซื้อน้ำมันดิบเพื่อเติมในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ นอกจากนี้ รายงานยังอ้างคำกล่าวของนายหู เวียปิง ผู้อำนวยการกรมน้ำมันและก๊าซ ในสังกัดกรมพลังงานของ NDRC ว่า จีนจะใช้คลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ในยามฉุกเฉินเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาปั่นราคาน้ำมันในตลาดให้เพิ่มสูงขึ้น
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news15/09/07

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 15, 2007 12:26 pm
โดย chartchai madman
ก.พาณิชย์เกาหลีใต้เรียกประชุมผู้เชี่ยวชาญรับมือผลกระทบราคาน้ำมันพุ่ง
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงานของเกาหลีใต้ ได้เรียกประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมน้ำมัน เพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงนอกจากนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้กล่าวว่า การปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานจะช่วยลดผลกระทบของราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นได้ และกล่าวว่า รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเช่นกัน สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า เกาหลีใต้เป็นประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก โดยในปี 2549 เกาหลีใต้นำเข้าน้ำมันถึง 880 ล้านบาร์เรล
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news15/09/07

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 15, 2007 1:57 pm
โดย chartchai madman
โซนี่เล็งขายโรงงานผลิตชิพให้โตชิบา

โตเกียว-หนังสือพิมพ์ นิคเคอิ รายงานว่า โซนี่ ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของญี่ปุ่น จะขายโรงงานผลิตชิพรุ่นใหม่บนเกาะเกียวชูให้แก่โตชิบา คู่แข่ง ในราคาเกือบ 100 ล้านเยน โดยโซนี่ จะเลิกผลิตชิพรุ่นใหม่และหันไปเน้นผลิตอุปกรณ์เกี่ยวกับภาพและเสียงประเภทอื่นแทน ซึ่งคาดว่า ทั้งคู่จะบรรลุข้อตกลงได้ภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า
http://www.bangkokbiznews.com/nws/scrip ... &type=ktbu

news18/09/07

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 18, 2007 5:27 pm
โดย chartchai madman
"กรีนสแปน" ชี้เศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงต่อภาวะถดถอย

โดย ผู้จัดการออนไลน์
18 กันยายน 2550 10:50 น.
 
      "กรีนสแปน" เดินสายเปิดตัวหนังสือใหม่ "The Age of Turbulence: Adventures in a New World" ชี้ภาวะปัจจุบัน เศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงถดถอยมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องราคาที่อยู่อาศัยที่หดตัวลง ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีความเสี่ยงมากที่สุด
     
      วันนี้(18 ก.ย.) นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ออกมาระบุว่า มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
     
      "เมื่อช่วงต้นปี ผมพูดว่ามีความเป็นไปได้ 1 ใน 3 ที่เศรษฐกิจจะถดถอย แต่ตอนนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงต่ำกว่า 50%" กรีนสแปน กล่าว
     
      นอกจากนี้ เขาให้สัมภาษณ์รายการ "Today" ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีว่า "หลักฐานที่มีอยู่จนถึงขณะนี้ยังไม่ชัดเจน เศรษฐกิจในขณะนี้ แม้ว่าจะมีปัญหาด้านงบประมาณและการเงิน แต่ยังคงเดินหน้าไปได้"
     
      เขากล่าวเสริมว่า เราต้องผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยการปรับตัว เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆที่จะต้องเดินหน้าผ่านไป จะต้องมีคนจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับเรื่องเศร้าเป็นอย่างยิ่ง
     
      กรีนสแปน ซึ่งให้สัมภาษณ์หลายครั้งช่วงนี้เพื่อประชาสัมพันธ์หนังสือเรื่องใหม่ของเขา "The Age of Turbulence: Adventures in a New World," กล่าวด้วยว่า ราคาที่อยู่อาศัยที่หดตัวลงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีความเสี่ยงมากที่สุด
     
      "ปัจจัยเสี่ยงมากที่สุดคือประเด็นราคาที่อยู่อาศัย เพราะเรามีบ้านใหม่ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และยังตกค้างขายไม่ออกเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งสถานการณ์กำลังแย่ลง และผู้ก่อสร้างจะพยายามกดดันตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งมีแนวโน้มที่จะกดดันราคาอย่างชัดเจน" ถ้อยความส่วนหนึ่งของการสัมภาษณ์ระบุ
http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000110130

news19/09/07

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 19, 2007 3:30 pm
โดย chartchai madman
ผิดคาด !!! FED ลดดอกเบี้ย 2 ประเภท อย่างละ 0.5%
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Wednesday, September 19, 2007
FED ลดดอกเบี้ยระยะสั้น และดอกเบี้ยกู้ยืมกับแบงก์พาณิชย์อย่างละ 0.5%
นายเบน เบอร์นันเก้ และคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สร้างความประหลาดใจ และเหนือความคาดหมาย ด้วยการประกาศปรับลดดอกเบี้ยทั้ง 2 ประเภทลงอย่างละ 0.5% ในคราวเดียวกัน ได้แก่ ดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed Fund Rate) จากระดับ 5.25% ลงมาเหลือเพียง 4.75% และดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง FED และธนาคารพาณิชย์ (Discount Rate) จากระดับ 5.75% เหลือเพียง 5.25% เมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียงจากคระกรรมการทั้งหมดอย่างเอกฉันท์ ส่งผลแบงก์พาณิชย์ชั้นนำหลายแห่ง ลดดอกเบี้ยมากขึ้นทันที

FED ชี้สินเชื่อตึงตัวกระทบเศรษฐกิจทั่วไป และเป็นการป้องกันภาวะตกต่ำ
คณะกรรมการนโยบายการเงินของ FED ให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจสหรัฐขายตัวปานกลางในครึ่งแรกของปีนี้ แต่สภาพสินเชื่อที่ตึงตัว ส่งผลให้เกิดการปรับตัวในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างรุนแรง และจำกัดการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยทั่วไป การตัดสินในลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ เพื่อต้องการป้องกันภาวะที่ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากความปั่นป่วนในตลาดเงิน ในขณะเดียวกัน เป็นผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลางในระยะต่อไป ด้านเงินเฟ้อขั้นพื้นฐาน ปรับขึ้นปานกลางปีนี้ แต่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง

FED ชี้ วิกฤติตลาดทุน สร้างความไม่แน่นอนมากขึ้นต่อเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ความคืบหน้าของภาวะตลาดเงิน และตลาดทุนในช่วงที่ผ่านมา ได้เพิ่มความไม่แน่นอนต่อมุมมองเศรษฐกิจ ดังนั้น คณะกรรมการยังคงเฝ้าประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น และเฝ้าจับตาดูพัฒนาการด้านอื่นๆของเศรษฐกิจสหรัฐอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะเดียวกัน จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งทันที หากมีความจำเป็นเกิดขึ้น เพื่อรักษาภาวะเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ และภาวะเศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ปรับลดดอกเบี้ยดิสเค้าท์เรต ตามคำขอจาก FED 7 สาขา จากทั้งหมด 12 สาขา

ดอกเบี้ย FED ลดครั้งสุดท้ายเมื่อ 4 ปีผ่านมา เหลือเพียง 1%
ทั้งนี้ การปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของ FED ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ปี 2003 หรือปี 2546 หรือในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ในยุคอดีตประธาน FED อลัน กรีนสแปน ซึ่งผู้ครองตำแหน่งยาวนานที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของ FED โดยในครั้งนั้นเป็นการปรับลดลงเพียง 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยระยะสั้นในครั้งนั้นลงมาอยู่ในระดับ 1% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 46 ปีที่ผ่านมา หลังจากในครั้งนั้น ดอกเบี้ยดังกล่าวไม่ได้รับการปรับขึ้นแต่อย่างใดจนกระทั่งถึงวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2004 หรือในปี 2547

ดอกเบี้ยกู้ยืมให้กับแบงก์พาณิชย์ ปรับขึ้น 2 ครั้งในรอบ 1 เดือนเศษ
หลังจากวันดังกล่าว ดอกเบี้ยระยะสั้นปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปถึง 17 ครั้งติดต่อกัน ในอัตราครั้งละ 0.25% จากระดับ 1% ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5.25% ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงของประธาน FEDคนปัจจุบัน เบน เบอร์นันเก้ นอกจากนี้ นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนในปี 2549 ดอกเบี้ยระยะสั้นดังกล่าว ทรงตัวมาตลอดในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินทั้งหมด 9 ครั้งติดต่อกันจนถึงก่อนการประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมา ด้านดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง FED และแบงก์พาณิชย์ ปรับลดครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมปีนี้ และครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา

ดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกิน 300 จุดและพุ่งขึ้นมากที่สุดภายใน 1 วัน
ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สหรัฐ ตอบรับการตัดสินใจที่เหนือความคาดหมายจาก FEDทันที และตลอดทั้งวันของการซื้อขาย โดยดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งขึ้น 335 จุด ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้น 10% จากต้นปีถึงปัจจุบัน และเพิ่มขึ้น 19% ในรอบ 1ปีที่ผ่านมา และปรับเพิ่มขึ้นถึง 83% นับตั้งแต่เดือนมีนาคมในปี 2003 หรือในรอบกว่า 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นดังกล่าวเพิ่มมากกว่า 300 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 15 ตุลาคม ปี 2002 หรือในปี 2545 ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดใน 1 วัน นับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ปี 2002 หรือปี 2545 อีกด้วย

เงินเหรียญสหรัฐ อ่อนค่าเป็นประวัติการณ์ เชื่อ อาจลดดอกเบี้ยอีกในปลายปี
ค่าเงินเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญเช่น เหรียญยูโร ปรับอ่อนค่าลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ตลอดทั้งวันของการซื้อขาย ลงมาอยู่ที่ 1.3980 เหรียญ ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นจาก 4.74% มาอยู่ที่ 4.76% เนื่องจาก ตลาดเงินตื่นตระหนกกับการตัดสินใจของ FED ที่เหนือความคาดหมาย นอกจากนี้ ยังมีการประเมินแนวโน้มการตัดสินใจของ FEDว่า มีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงอีก ในการประชุมที่เหลือของปีนี้อีก 2 ครั้ง ครั้งต่อไป วันที่ 31 ตุลาคม และครั้งสุดท้ายในวันที่ 11 ธันวาคม

ทองคำพุ่งสูงสุดในรอบ 27 ปี
ผลการตัดสินในปรับลดดอกเบี้ยทั้ง 2 ประเภทของ FED ส่งผลกระทบราคาทองคำตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 27 ปี โดยมีราคาซื้อขายในระบบอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดเอเชียล่าสุดที่ออนซ์ละ 735.50 เหรียญ นับเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ปี 1980 หรือเมื่อปี 2523 ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดนิวอยร์ก พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 24 ปี ใน 5 วันทำการติดต่อกัน ปิดที่บาร์เรละ 81.51 เหรียญสหรัฐ ล่าสุด ราคาซื้อขายในเอเชียพุ่งขึ้นต่อเนื่องอีก 1.81 เหรียญสหรัฐ อยู่ที่บาร์เรลละ 82.38 เหรียญสหรัฐ

ธุรกิจรับสร้างบ้านในสหรัฐเลวร้ายที่สุดในรอบ 16 ปี และ 6 เดือนข้างหน้าแย่สุดใน 23 ปี
กลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านในสหรัฐ เปิดเผยว่า ผลสำรวจของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านแห่งชาติ สหรัฐ ล่าสุด ชี้ชัดเจนว่า ภาวะธุรกิจรับสร้างบ้านในสหรัฐ ไม่เพียงย่ำแย่มากที่สุดในรอบ 16 ปีที่ผ่านมา หนือนับตั้งแต่สงครามอ่าวในเดือนมกราคม ปี 1991 หรือเมื่อปี 2534 โดยมีค่าดัชนีดังกล่าวทรุดตัวลงจากระดับ 22 จุดในเดือนสิงหาคม ลงมาอยู่ที่ระดับ 20 จุดในเดือนกันยายนเท่านั้น แต่ค่าดัชนีดังกล่าวยังทรุดตัวลงต่อเนื่องถึง 7 เดือนติดต่อกันในปีนี้ และมุมมองต่อธุรกิจดังกล่าวในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ยังคงเลวร้ายอย่างต่อเนื่อง โดยมีค่าดัชนีเหลือเพียง 26 จุดซึ่งต่ำสุดในรอบ 23 ปี

ผิดนัดชำระหนี้ และหนี้สูญ บ้านในสหรัฐ พุ่งอีก 36% เดือนสิงหาคม
การผิดนัดชำระหนี้ และหนี้สูญของสินเชื่อบ้านเพื่อที่อยู่อาศัยในสหรัฐประจำเดือนสิงหาคม พุ่งขึ้นถึง 36% และยังเพิ่มสูงมากกว่า 2 เท่า ในช่วงเดี่ยวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนมากถึง 243,947 หน่วย ซึ่งเปิดเผยโดยสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญด้านตลาดบ้านในสหรัฐมีชื่อว่า เรียลตี้ แทร็ค นอกจากนี้ เรีลยตี้ แทร็ค ยังประมินว่า อัตราหนี้สูญจะพุ่งขึ้นถึง 2 ล้านหน่วยภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจาก เดือนหน้าจะเป็นเดือนเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยกู้ยืมของสินเชื่อบ้านที่เรียกว่า Adjustable Mortgage Rate

อลัน กรีนสแปน ชี้ ลดดอกเบี้ยทั้ง 2 ประเภท อาจช่วยกองทุน Hedge Fund ทางอ้อม
อดีตประธาน FED อลัน กรีนสแปน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตัดสินใจปรับลดอกเบี้ยทั้ง 2 ประเภทของ FED ว่า หากมองว่าการปรับลดดังกล่าว เป็นมาตรการทางอ้อม ที่ต้องการจะเข้าไปช่วยเหลือนักลงทุนในตลาดทุนของสหรัฐ โดยเฉพาะบรรดากองทุนประกันความเสี่ยง หรือ เฮ็จฟันด์นั้น ก็นับว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเป้าหมายอยู่ที่ต้องการสร้างความมีเสถียรภาพต่อระบบเศรษฐกิจ หรือไม่ต้องการให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย อดีตประธาน FED ย้ำว่า สาเหตุแห่งวิกฤติสภาพคล่องมาจากการขาดข้อมูล และความตื่นตกใจกลัว ที่เปิดปัญหาการเงินของนักลงทุน

นักวิชาการไทยมอง FED ตัดสินใจตามสภาพคล่องมากกว่าดูจากสภาพเศรษฐกิจ

นายตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ นักเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวผ่านรายการ Morning Brief ว่า การตัดสินใจที่เหนือความคาดหมายของ FED เป็นไปตามข้อมูลที่ได้รับมาใหม่ โดยเฉพาะการที่ธนาคารของอังกฤษและยุโรปมีปัญหาและอาจส่งผลต่อเนื่องไปยังธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก เพราะไม่แน่ใจว่าสถาบันการเงินต่าง ๆ เข้าไปลงทุนในตราสารที่มีสินทรัพย์อ้างอิง (Collateralized Debt Obligation: CDO) แล้วขาดทุนหรือไม่  โดยปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ตรงที่การไม่สามารถชำระหนี้สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์สำหรับลูกค้าที่มีเครดิตต่ำกว่ามาตรฐาน (Subprime Mortgage Loan) แต่อยู่ที่การเข้าไปลงทุนในอนุพันธ์ที่ถือกำเนิดมาจากหนี้เสียที่ผ่านการตกแต่งแล้ว อย่างไรก็ตามแม้ FED จะมีความพยายามแก้ปัญหาด้วยการออกนโยบายมาเมื่อได้รับข้อมูลเพิ่มเติม แต่ก็ยังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่รากฐานที่แท้จริง ทั้งจากการไม่สามารถชำระหนี้ของผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่จะนำไปสู่การล้มละลาย และการขาดทุนของสถาบันการเงิน

สำหรับประเทศไทยหากต้องการรักษาค่าเงินบาทให้ใกล้เคียงกับดอลลาร์สหรัฐฯ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ต้องลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร 1 วันตามมาจากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 3.25% อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะต้องติดตามก็คือ ความผันผวนในตลาดทุนโลกเพราะยังไม่ชัดเจนว่า มีผู้ที่ลงทุนใน CDO มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ สภาพคล่องในระบบของไทยในขณะนี้ยังเรียกว่าล้นเกินอยู่ และค่าเงินบาทก็ไม่ผันผวนหรือแข็งค่ามากเหมือนกับช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้านี้

ผู้เชี่ยวชาญของไทยเชื่อตลาดคลายกังวลหลัง FED ปรับลดดอกเบี้ย

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ Pre Opening เชื่อว่า จะมีผลตอบรับในทางที่ดีจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย FED โดยอาจสร้างเสถียรภาพต่อระบบการเงิน และส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในสหรัฐฯได้ ที่ผ่านมาปัญหาแม้ว่าปัญหา Subprime จะยังไม่ได้คลี่คลายลงไปมาก แต่ก็เชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในครั้งนี้ จะทำให้ตลาดลดความกังวลลงได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็ยังควรติดตามผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯที่จะทยอยประกาศออกมาว่าจะได้รับผลกระทบจากตราสาร CDO หรือไม่

สำหรับตลาดเงิน โดยเฉพาะส่วนของการซื้อขายตราสารพาณิชย์ (Commercial Paper) ในช่วงที่ผ่านมานั้น ได้ซบเซาลงค่อนข้างมาก ซึ่งทำให้ธุรกิจสามารถหาเงินทุนในการดำเนินงานได้ยากขึ้น จึงกดดันให้การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลง ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานนอกภาคเกษตร และมีผลต่อเนื่องไปยังรายได้และการบริโภคของสหรัฐฯได้อีก จึงยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไปว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะมีผลดีต่อ Commercial Paper หรือไม่ เพราะจะมีผลเกี่ยวเนื่องต่อสภาพคล่องภายในประเทศด้วย

นายกอบสิทธิ์กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ได้รับความเห็นชอบโดยเอกฉันท์ของคณะกรรมการนโยบายการเงินของ FED ซึ่งในระยะนี้ก็เป็นช่วงการติดตามผล โดยหากทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ มีทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว การประชุม FED ครั้งหน้า ก็อาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ได้ แต่หลังจากนั้น FED ก็อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ปัจจุบันเงินเยนเริ่มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องแล้ว ซึ่งอาจเกิดจากการคลายกังวลในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดทุนทั่วโลก จึงส่งผลให้มีการกู้เงินเยนไปลงทุน (Yen Carry Trade) เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นนั้น นายกอบสิทธิ์มองว่า การที่นายชินโซ อาเบะ ได้ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไม่นานมานี้ ก็จะมีผลให้การกำหนดนโยบายเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจนมากนัก โดยเฉพาะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ยิ่งเป็นไปได้ยาก เนื่องจากจะเป็นแรงกดดันต่อผลกระโยชน์ที่ได้รับจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงในขณะนี้ได้ และอาจกระทบต่อภาคการส่งออกของประเทศญี่ปุ่นได้อีกด้วย นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นยังเป็นสิ่งที่ไม่น่ากังวล จึงเชื่อว่าเป็นไปได้ยากที่ญี่ปุ่นจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก

ลดดอกเบี้ยสะท้อน FED กังวลกับระบบเศรษฐกิจ ส่อแววลดดอกเบี้ยได้อีก

นส. เกวลิน หวังพิชญสุข  นักวิจัยอาวุโส ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวในรายการ Trading Hour ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับ 0.5% เป็นการป้องกันล่วงหน้าเพื่อลดโอกาสที่เศรษฐกิจจะอ่อนตัวลง เพราะขณะนี้ก็มีความเสี่ยงว่าเศรษฐกิจของอังกฤษและยุโรปอาจประสบกับภาวะถดถอย และ FED ก็กังวลว่าอาจลุกลามมาสู่เศรษฐกิจโดยรวม แต่การลดอัตราดอกเบี้ยก็เป็นเพียงการบรรเทาผลกระทบจาก Subprime ลง ช่วยให้การบริโภคและเศรษฐกิจโดยรวมมีตัวช่วยมากขึ้น แต่คงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ทั้งนี้ FED ให้ความสำคัญกับปัญหา Subprime มาโดยตลอด สังเกตได้จากการปรับลด Discount Rate เมื่อกลางเดือนที่แล้วลง 0.5% จาก 6.25% เหลือ 5.75%

นส. เกวลินยังเชื่อว่า การเคลื่อนไหวของเงินทุน (Fund Flow) น่าจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า แม้ว่ายอดเงินสุทธิที่ลงทุนในสินทรัพย์ของสหรัฐฯในเดือนที่ผ่านมาจะลดลง แต่ถ้าทุกคนกระหน่ำขายสินทรัพย์ที่ลงทุนในสหรัฐฯออกมาพร้อมกันน่าจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม

ขณะนี้เงินดอลลาร์สหรัฐฯตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่จะอ่อนค่าลง ขณะที่เงินเยนก็อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯเช่นกัน หรืออาจกล่าวได้ว่าแข็งค่าในอัตราที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับเงินยูโร สำหรับเงินบาทของไทยก็มีแนวโน้มที่จะแข็งค่า เพราะผลจากความผันผวนของตลาดเงินโลก

สำหรับราคาน้ำมันที่ทำสถิติสูงสุดอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อในระยะถัดไปได้ แต่ก็จะต้องจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เช่น ตัวเลขการจ้างงาน ประกอบกันด้วย รวมไปถึงความผันผวนของตลาดเงินจากปัญหา Subprime ว่าจะปรากฏผลรุนแรงมากหรือน้อยในอนาคต และมีความเป็นไปได้ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก แต่อาจจะไม่มากเท่ากับครั้งนี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Tra ... fault.aspx

news19/09/07

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 19, 2007 3:37 pm
โดย chartchai madman
สถาบันการเงินสหรัฐยังเจอข่าวร้ายไม่หยุด ล่าสุด หุ้นส่วนธุรกิจชาวจีนประกาศแยกตัวจาก โกลด์แมน แซคส์
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Wednesday, September 19, 2007

สำนักข่าวเอเจนซี รายง่านอ้างแหล่งข่าววงในของบริษัทร่วมทุน โกลด์แมน แซคส์ เกาหัว ซีเคียวริตี้ส์ ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนระหว่าง นายฟาง เฟิง เหล่ย และกลุ่มโกลด์แมน แซคส์ ของสหรัฐ ซึ่งเปิดดำเนินการมานานกว่า 3 ปี ระบุว่า ทางกลุ่มฟางเฟิงเหล่ยได้แจ้งให้บุคคลทั้งภายใน และภายนอกทราบแล้วว่า มีแผนจะแยกตัวออกไปดำเนินธุรกิจกองทุนเอกชน ( Private-Equity Fund ) ด้วยตัวเอง โดยประเดิมเงินลงทุนก้อนแรก ประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยรายงานข่าวคาดการณ์ว่า นายฟาง จะแสวงหาคู่หุ้นส่วน อย่าง กลุ่มเทมาเส็ก โฮลดิ้ง บริษัทลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ เพื่อลงทุนในกองทุนเอกชน

นอกจากนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่า นายฟาง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานของ โกลด์แมน แซคส์ เกาหัวนั้น จะยังคงรักษาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับยักษ์ใหญ่วงการวานิชธนกิจสหรัฐรายนี้ต่อไปหรือไม่ แต่มีการคาดหมายกันว่า อย่างน้อยฟาง จะคงยังรั้งตำแหน่งที่ปรึกษาของบริษัทอยู่

ข่าวการแยกตัวของฟางนั้น นับเป็นสัญญาณถึงจุดเปลี่ยนสำคัญต่อธุรกิจในจีนของโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งกอบโกยผลประโยชน์ก้อนโตจากตลาดหลักทรัพย์จีนมานานเกือบ 3 ปี จากการให้เงินฟาง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จัดตั้งบริษัทนายหน้าค้าหุ้นที่มีกลุ่มโกลด์แมน แซคส์ เป็นพันธมิตร

ข่าวดังกล่าว ทำให้เกิดการคาดการณ์กันว่า ธุรกิจของโกลด์แมน แซคส์ ในจีน อาจไม่ประสบความสำเร็จอีกต่อไป หากนายฟางมีการถอนตัวออกมาจริง เพราะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างแน่ชัดว่า จริง ๆ แล้ว นายฟางมีบทบาทมากน้อยเพียงไร จะมีแค่เพียงการให้สัมภาษณ์ของพนักงานบางคนเท่านั้น ว่า มีคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอีกหลายคน เช่น นายเฟรด หู กรรมการผู้จัดการ

ทั้งนี้ ข้อตกลงในจีนที่ประสบความสำเร็จที่สุดของโกลด์แมน แซคส์ คือการเข้าซื้อหุ้น 5.75% มูลค่า 2,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน ธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน (ไอซีบีซี) ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของประเทศในด้านสินทรัพย์ โดยรายงานข่าวระบุ มูลค่าหุ้นตอนนี้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งทั้งเฟรด หูและฟาง เฟิง เหล่ย ต่างก็กล่าวอ้างว่า คนมีส่วนร่วมในความสำเร็จดังกล่าว

นอกจากนี้ หากย้อนกลับไปดูประวัติการทำงานของนายฟาง เฟิง เหล่ย จะพบด้วยว่า ฟางเคยมีผลงานในการผลักดันให้ กลุ่มมอร์แกน สแตนเล่ย์ ก่อตั้งบริษัท ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล นับเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนร่วมทุนแห่งแรกในจีนที่ก่อตั้งจากทุนสหรัฐ ในทศวรรษที่ 1990 หลังจากที่เขาผันตัวเองจากอาชีพเจ้าหน้าที่การค้ามณฑลกว่างตง มาทำงานในสถาบันการเงินจีนได้ไม่นานนัก

มันนี่ ชาเนล - วรนนท์ อัศวพิริยานนท์
โทรศัพท์ - 02- 229 - 2000 ต่อ 2616
อีเมล - [email protected]

http://www.moneychannel.co.th/BreakingN ... fault.aspx

news19/09/07

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 19, 2007 3:42 pm
โดย chartchai madman
ธ.กลางฟิลิปปินส์เตรียมลดอัตราดอกเบี้ยตามเฟด ข่าว 13.30 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Wednesday, September 19, 2007
ธนาคารกลางฟิลิปปินส์กล่าวในวันนี้ว่า การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ธนาคารกลางฟิลิปปินส์อาจจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศ

ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ 0.50% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาปัญหาตลาดสินเชื่อของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ และกลายเป็นสกัดกั้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

"การตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลให้ธนาคารกลางฟิลิปปินส์พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศ เนื่องจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในประเทศยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง" นายเอมันโด เททังโก จูเนียร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์กล่าวให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์

"นอกจากนี้ การพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเราแสดงให้เห็นว่า แนวโน้มความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อ และสภาพคล่องของประเทศนั้นอยู่ในภาวะที่สามารถจัดการได้"

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นของฟิลิปปินส์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินประเภทข้ามคืนอยู่ที่ระดับ 6.00% จากเดิมที่ 7.50% และอัตราการจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 8.00% จากเดิมที่ 9.75%

อย่างไรก็ตาม นายเททังโกกล่าวว่า ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยที่อาจสูงขึ้นก็ยังคงมีอยู่

"เราจะต้องจับตาดูความเสี่ยงเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความผันผวนของราคาน้ำมันที่อาจยืดเยื้อต่อไปอีก และผลกระทบจากการคาดการณ์เรื่องอัตราเงินเฟ้อ" นายเททังโกกล่าว

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวพุ่งขึ้นแตะระดับใหม่เหนือระดับ 82 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในช่วงการซื้อขายในตลาดเอเชียเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจขยายตัวขึ้น และส่งผลให้ความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น ธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

news20/09/07

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 20, 2007 9:41 pm
โดย chartchai madman
จีนคาดยอดค้าปลีกปี50 โต 15% แตะ 8.8 ล้านหยวน หลังรายได้-ยอดใช้จ่ายพุ่ง
กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของจีนในปีนี้อาจขยายตัวขึ้น 15% แตะที่ 8.8 ล้านล้านหยวน รายงานการวิจัยที่เผยแพร่เว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การขยายตัวของยอดค้าปลีกจีนนั้นได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้และอัตราการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ตัวเลขค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นยังได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้นจีนที่ร้อนแรงด้วยเช่นกัน โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ยอดค้าปลีกของจีนปรับตัวสูงขึ้น 15.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 5.616 ล้านล้านหยวน นอกจากนี้ ยังเป็นที่คาดว่าปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการใช้ส่วนใหญ่จะมีจำนวนเพียงพอที่จะรองรับอุปสงค์ของประชาชนในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ราคาสินค้าในตลาดยังคงทรงตัว แต่มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวสูงขึ้น

BOJ อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5%
ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมที่ 0.5% โดยได้รับเสียงสนับสนุนให้คงอัตราดอกเบี้ย 8 ต่อ 1 เสียง ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ กลุ่มผู้สังเกตการณ์ในตลาดส่วนใหญ่คาดว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ เนื่องจากสถานการณ์ตลาดเงินทั่วโลกอันเนื่องมาจากปัญหา subprimeในสหรัฐยังไม่สิ้นสุดลง การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เน้นการส่งออก โดยญี่ปุ่นยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากภาวะสูญญากาศทางการเมืองหลังจากการประกาศลาออกของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ อย่างกระทันหันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news20/09/07

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 20, 2007 9:47 pm
โดย chartchai madman
บริษัทผลิตถ่านหินจีนเตรียมซื้อกิจการเพิ่ม - ข่าว 18.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Thursday, September 20, 2007
นายเฉิน ไป่ ติ้ง ประธานบริษัทเสิ่นหัวบอกว่า บริษัทซึ่งเป็นผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของจีน เตรียมจะเข้าซื้อกิจการเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองถ่านหิน รองรับความต้องในพื้นที่ทางตอนใต้ของจีน เพราะการมีเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียและออสเตรเลีย จะช่วยประหยัดต้นทุนการขนส่งถ่านหินในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันการขนส่งถ่านหินจากแหล่งผลิตทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไปยังพื้นที่ตอนใต้ ดำเนินไปอย่างยากลำบาก และมีต้นทุนสูง

ทั้งนี้ ปัจจุบันเสิ่นหัวมีเหมืองถ่านหินจำนวน 54 แห่ง และมีกำลังการผลิต 200 ล้านตันต่อปี
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

news21/09/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 21, 2007 8:25 pm
โดย chartchai madman
ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งแตะ 84 ดอลล์ กดดันภาวะเงินเฟ้อ

โดย ผู้จัดการออนไลน์
21 กันยายน 2550 10:51 น.

 ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กของสหรัฐพุ่งแตะระดับ 84.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล เมื่อคืนนี้ จากแรงกดดันด้านอุปทานที่ตึงตัว และผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น ส่งผลหุ้นดาวโจนส์ร่วงกว่า 48 จุด เพราะผลกระทบราคาน้ำมันกดดันภาวะเงินเฟ้อ และการกำหนดทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในครั้งหน้า
     
      วันนี้(21 ก.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ต.ค.ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 83.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งได้ครบกำหนดส่งมอบไปเมื่อวานนี้ แต่ปรับตัวลดลงจากที่พุ่งขึ้นสูงสุดที่ระดับ 84.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังจากมีการซื้อขายไปหลายชั่วโมง
     
      นักวิเคราะห์จากธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ของออสเตรเลียกล่าวว่า "ตลาดน้ำมันยังคงมีกระแสความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว"
     
      นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัจจัยด้านสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายในอ่าวเม็กซิโกที่อาจก่อตัวขึ้นเป็นพายุโซนร้อนส่งผลให้ต้องมีการปิดฐานการผลิตน้ำมันบางแห่งในพื้นที่ดังกล่าว
     
      ขณะเดียวกัน ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ของสหรัฐปิดตลาดปรับตัวลดลง 48.86 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 13,766.70 จุด โดยเป็นเพียงการปรับฐานทางเทคนิคเท่านั้น หลังดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นกว่า 400 จุดในช่วง 2 วันก่อน หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ ไม่ได้มีการส่งสัญญาณว่าเฟดจะดำเนินการใดๆ ต่อไปในเรื่องอัตราดอกเบี้ย โดยกล่าวเพียงว่า
     
      "ปัญหาด้านเครดิตที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมีนัยยะสำคัญ และขอให้ตลาดมั่นใจว่าทางการจะเข้ามาแก้ไขกรณีที่ตลาดตกต่ำ ขณะที่การขยับขึ้นของราคาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญต่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟด สำหรับผลการดำเนินงานของ Bear Stearns ใน Q3/50 ลดลงถึง 62% yoy จากประเด็นการลงทุนในซับไพร์ม"
     
      ล่าสุด ราคาน้ำมันดิบตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลงท่ามกลางการเคลื่อนไหวที่ผันผวนในวันนี้ หลังราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งทะลุ 84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อคืนที่ผ่านมาจากกระแสความหวั่นวิตกว่า พายุเฮอริเคนอาจเข้าพัดกระหน่ำโรงกลั่นน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก
     
      สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า ณ เวลา 09.15 น.ตามเวลาในประเทศไทย สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ย. และได้มีการซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลง 10 เซนต์ สู่ระดับ 81.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากระดับการซื้อขายที่สหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาที่ 81.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000111705

news21/09/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 21, 2007 9:02 pm
โดย chartchai madman
ทองคำตลาดโลก พุ่งทะลุ 738 เหรียญ สูงสุดในรอบ 28 ปีครั้งใหม่
ผลการตัดสินในปรับลดดอกเบี้ยทั้ง 2 ประเภทของเฟด ส่งผลกระทบราคาทองคำตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นทำลายสถิติสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 28 ปี โดยมีราคาปิดในตลาดยุโรปที่ออนซ์ละ 738 เหรียญ 30 เซ็นต์ นับเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 1980 หรือเมื่อปี 2523 ซึ่งมีราคาทองคำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีดังกล่าวที่ออนซ์ละ 850 เหรียญสหรัฐ สาเหตุที่ทำให้ทองคำพุ่งขึ้นต่อเนื่อง เกิดจาก ความวิตกในเงินเฟ้ออาจพุ่งสูงในอนาคต เงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงเป็นประวัติการณ์ ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และราคาน้ำมันดิบพุ่ง

ประธานแบงก์ชาติกลุ่มอียู โต้ต้องเป็นอิสระในนโยบายการเงิน
นายฌอง คล๊อด ทริเช่ต์ ประธานผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่มสหภาพยุโรป หรืออีซีบี แสดงจุดยืนของความเป็นธนาคารกลางของกลุ่มอียูว่า ความเป็นอิสระ ในการปริหารงานจัดการของผู้บริหารระดับสูงจากธนาคารกลาง ถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างการทำงานคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งสามารถบริหารงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ แบงก์ชาติกลุ่มอียู ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของคณะกรรมการทั้งหมด ทั้งนี้ ประธานอีซีบี ได้กล่าวในงานครบรอบ 50 ปีธนาคารกลางเยอรมนี หลังได้รับปรงกดดันจากทางการเมือง ให้ปรับลดดอกเบี้ยลง

เกาหลีใต้ผิดหวังตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนไม่เลื่อนสถานะให้เป็นตลาดพัฒนาแล้ว
คณะกรรมการกำกับและดูแลตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนเปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนยังไม่รับรองการยกระดับสถานภาพของเกาหลีใต้จากตลาดเกิดใหม่ไปเป็นตลาดที่พัฒนาแล้ว หลังจากที่เกาหลีใต้ได้พยายามยื่นเรื่องขอยกระดับสถานภาพของตลาดในประเทศมาแล้วถึง 3 ครั้ง เนื่องจากยังติดขัดในข้อบังคับของตลาดแลกเปลี่ยนต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. ลอนดอนได้เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในการกำหนดข้อบังคับและขั้นตอนการลงทุนเพื่อช่วยเหลือนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงการผ่อนคลายกฏระเบียบการลงทุนเพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างเสรี

http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news21/09/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 21, 2007 9:08 pm
โดย chartchai madman
S&P เตือนให้ระวังการขยายสินเชื่อของจีน ข่าว 18.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Friday, September 21, 2007
นายซู บิน นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) บอกว่า การขยายตัวของสินเชื่ออย่างแข็งแกร่งของธนาคารพาณิชย์จีน อาจทำให้เกิดความเสี่ยงด้านสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งตลาดก็ควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องความเสี่ยงที่เกิดขึ้นมากกว่าความสามารถในการทำกำไรด้วย

นายซูบอกอีกว่า การที่สินเชื่อเติบโตอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารท้องถิ่นจำนวนมากให้ความสำคัญกับการขยายสินทรัพย์และส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าการยกระดับคุณภาพสินทรัพย์ ธนาคารจึงควรสร้างสมดุลระหว่างการทำกำไรระยะสั้นและเป้าหมายการพัฒนาในระยะยาว

ด้านนายเจง ยี่จิง นักวิเคราะห์ของ S&P บอกว่า การตั้งสำรองสภาพคล่องของธนาคารอาจจะช่วยชดเชยต้นทุนด้านสินเชื่อได้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

news24/09/07

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 24, 2007 9:38 pm
โดย chartchai madman
ผู้ใช้มือถือในอินเดียทะลุ 200 ล้านราย ข่าว 22.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Monday, September 24, 2007
สำนักงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมอินเดีย ระบุว่า ตลาดอุปกรณ์ไร้สายอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่ขยายตัวเร็วที่สุดในโลก มียอดผู้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 8.31 ล้านราย ส่งผลให้ยอดรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 201.29 ล้านราย

ส่วนยอดผู้ใช้บริการโทรศัพท์พื้นฐานอยู่ที่ 39.73 ล้านราย ขณะที่ยอดผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มขึ้น 90,000 ราย มาอยู่ที่ 2.56 ล้านราย

ทั้งนี้ ยอดรวมของยอดผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรศัพท์พื้นฐานสิ้นเดือนสิงหาคม มีทั้งสิ้น 241.02 ล้านราย เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม ซึ่งมีจำนวน 232.87 ล้านราย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

news26/09/07

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 26, 2007 8:49 pm
โดย chartchai madman
สหรัฐฯ จับมือ EU คว่ำบาตรเศรษฐกิจพม่า

Posted on Wednesday, September 26, 2007
รัฐบาลทหารพม่า ประกาศเคอร์ฟิวย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ เริ่มวันนี้

รัฐบาลทหารพม่า ประกาศมาตรการเคอร์ฟิวในเมืองย่างกุ้ง มีผลทันทีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสั่งห้ามชาวพม่าในเมืองย่างกุ้ง ออกนอกเคหะสถานในช่วงเวลา 21.00 น. 05.00 น. และยังประกาศให้เมืองย่างกุ้ง เป็นเขตหวงห้ามทางทหาร โดยมีการจัดวางกองกำลังทหารเคลื่อนที่ในจุดที่กำหนด สำหรับมาตรการเคอร์ฟิวดังกล่าว มีผลบังคับถึง 60 วัน ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลทหารพม่า ได้ออกมาตรการที่คล้ายคลึงกัน บังคับใช้ที่เมืองมันดะเลย์ ทั้งนี้ มีการประท้วงโดยพระสงฆ์ 2 หมื่นรูป ร่วมกับประชาชนชาวพม่า นับเป็นครั้งใหญ่ใน 20 ปี

ผู้นำสูงสุดสหรัฐ ประกาศเพิ่มความเข้มคว่ำบาตรเศรษฐกิจพม่าทันที

ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสูงสุดสหรัฐ ประกาศเพิ่มความเข้มข้นกับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อพม่าเป็นชาติแรก โดยประกาศอย่างเป็นทางการกลางเวทีองค์การสหประชาชาติเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากนั้นไม่นาน 27 ประเทศสมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป หรือกลุ่มอียู ประกาศกำลังพิจารณามาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อพม่าเช่นเดียวกัน หากรัฐบาลพม่าตัดสินใจใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนชาวพม่า ด้านจีนแผ่นดินใหญ่ เตือนพม่า หากเกิดความรุนแรงขึ้น จะส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของพม่า
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news26/09/07

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 26, 2007 8:57 pm
โดย chartchai madman
จีนเรียกร้องสหรัฐออกใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารให้แบงค์พาณิชย์จีน

จีนเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาออกใบอนุญาตให้กับธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์จีน (ไอซีบีซี) และธนาคารพาณิชย์สัญชาติจีนแผ่นดินใหญ่รายอื่นๆ เพื่อดำเนินธุรกิจในสหรัฐ ในทางกลับกันจีนพร้อมที่จะอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นในธนาคารจีนได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ แบงค์ ออฟ ไชน่า และ ธนาคารเพื่อการสื่อสารจีน (โบคอม) เป็นเพียง 2 ธนาคารจีนที่ได้รับใบอนุญาตให้เปิดสาขาในสหรัฐ ขณะที่ธนาคารอื่นๆมีเพียงสำนักงานตัวแทนแต่ไม่สามารถเปิดสาขาของธนาคารได้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news26/09/07

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 26, 2007 9:00 pm
โดย chartchai madman
คาเธย์แปซิฟิกยกเลิกแผนจับมือไชน่าแอร์เพื่อซื้อหุ้นไชน่าอีสเทิร์น

สายการบินคาเธย์ แปซิฟิกของฮ่องกงเปิดเผยว่า บริษัทได้ยกเลิกแผนที่จะร่วมมือกับสายการบินแอร์ ไชน่า เพื่อเข้าซื้อหุ้นในสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ คาเธย์ แปซิฟิกกล่าวว่า แผนการเข้าซื้อหุ้นของสายการบินในครั้งนี้จะยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า บริษัทจะร่วมมือกับแอร์ ไชน่า เพื่อสกัดกั้นแผนการซื้อหุ้นของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ด้านสิงคโปร์ แอร์ไลน์ และเทมาเส็กของสิงคโปร์เปิดเผยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า พวกเขาเตรียมแผนเข้าซื้อหุ้น 24% ในสายการบินไชน่า อีสเทิร์น มูลค่า 923 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการซื้อดังกล่าวจะทำให้เข้ารุกตลาดการบินของจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

จีนเตรียมเสนอแผนเทคโนโลยี 4G ต่อ ITU ภายในปี 2551-2552

จีนเตรียมเสนอแผนทดสอบมาตรฐานเทคโนโลยี 4G ที่พัฒนาขึ้นเองในประเทศ ต่อสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ภายในปี 2551-2552 เทคโนโลยี 4G จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเช็คอีเมล์ รวมถึงโหลดหนังและเพลงผ่านโทรศัพท์มือถือและพีดีเอได้อย่างรวดเร็วกว่าการใช้เทคโนโลยี 3G มาก ก่อนหน้านี้ ITU ประกาศว่าจะเรียกร้องให้ทั่วโลกใช้เทคโนโลยี 4G เริ่มต้นตั้งแต่ปีหน้า โดยเทคโนโลยีซึ่งเสร็จสมบูรณ์ในขั้นสุดท้ายจะออกวางตลาดราวปี 2553
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx