Thai VI

อ่านยุทธการห่านบินของพี่แม็ทแล้วผมนึกไปถึงวิทยายุทธ์ที่ขึ้นชื่อของญี่ปุ่นนะครับ  นั่นคือ "ยูโด"

ยูโดเป็นศิลปะการต่อสู้ซึ่งคนตัวเล็กกว่าสามารถล้มคนตัวใหญ่กว่าได้  และเมื่อเข้าถึงแก่นของวิชา  ก็สามารถพลิกแพลงไปใช้กับการต่อสู้ในรูปแบบอื่นๆได้หมด  ญี่ปุ่นสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างงดงาม

เมืองไทยเราก็มี "มวยไทย" นะครับ โด่งดังไปทั่วโลกไม่ได้เป็นสองรองใคร  เพราะมีอาวุธหนักและแรงทั้ง ลูกตีเข่า  ลูกตีศอก และอีกสารพัดซึ่งล้วนแต่หนักๆสามารถล้มคู่ต่อสู้ได้ในชั่วพริบตา

แต่ถ้าเข้าไม่ถึงแก่น  อาวุธหนักๆเหล่านี้แทนที่จะใช้ล้มคู่ต่อสู้  ก็ฟาดงวงฟาดงามาโดนผู้ชมจนสลบเหมือดไปตามๆกันเหมือนเหตุการณ์ที่เพื่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆนั่นเอง.......

ถ้าคนที่เคยเรียนเมืองนอกจะรู้ว่า โดยเฉลี่ยใน class นักเรียนไทยห่างชั้นกับพวกนักเรียนตะวันตกจริงๆครับ (ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะ)

ห่างด้านไหนครับ

ไม่ได้อยากแตกประเด็นครับ
จากประสบการณ์ผม ไม่ห่างเลยครับที่ "ต่าง" คือบริบทของสังคมครับ

คนเรือ VI เขียน: ห่างด้านไหนครับ

ไม่ได้อยากแตกประเด็นครับ
จากประสบการณ์ผม ไม่ห่างเลยครับที่ "ต่าง" คือบริบทของสังคมครับ

ผมว่าก็ไม่น่าห่างน่ะครับ หรือว่าสมัยผมมันโบราณแล้ว ตอนนี้ตลาดการเรียนต่อต่างประเทศเริ่มมีการเปิดให้กับกลุ่มสังคมที่เปิดกว้างขึ้นครับ เมื่อก่อนจะเป็นพวกนักเรียนทุนและกลุ่มที่มีการศึกษาดี ตอนนี้ใคร ๆ ก็ไปได้
เปรียบเทียบกับปัจจุบันผมสัมผัสนักศึกษาที่มาจากประเทศจีนเยอะมากที่มาศึกษาต่อปริญญาตรีในเมืองไทยที่เปิดหลักสูตรนานาชาติกันเยอะแยะ ผมมองว่านักศึกษาจีนที่ว่าเก่งและขยันมากๆตอนที่เจอที่อเมริกาทำไมมันต่างจากที่เจอพวกนักศึกษาจีนที่เมืองไทยจัง
บทสรุปคือมันคนละยุคกันครับ เมื่อก่อนพวกนักศึกษาที่ไปเรียนต่างประเทศได้มีน้อยไม่เปิดมากเหมือนปัจจุบัน
ถ้ามหาลัยเอกชนเข้าตลาดหุ้นมั่งคงดีน่ะครับ

เพิ่งฟังวิทยุมา นักข่าวบอกว่าวันนี้ค่าเงินดอลล์อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 14ปี

เมื่อปี 2531 จำได้เลยว่า เงินเยนต่อเงินดอลล่า คือ 120 เยนต่อ 1 ดอลล่า


ปัจจุบัน 2550 ประมาณ 19 ปีผ่านมา ก็ 120 เยน ต่อ 1 ดอลล่า

ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

14 ปีที่แล้วปี 2536 คับพี่เจ๋ง

Us / Jy  มีการเคลื่อนไหวมาหลายรอบแล้วครับ    ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา
การเคลื่อนไหวระดับ 50-60% เป็นเรื่องปกติเหมือนหุ้นวัฏจักรนั่นแหละ    พอเงินอ่อนมากขายของได้เยอะ    เงินตราต่างประเทศไหลเข้ามากเงินก็ต้องกลับไปแข็ง   อีกฝ่ายนึงเงินแข็งมากขายของได้น้อยเงินไหลออกเยอะกว่าไหลเข้าก็ต้องกลับไปอ่อน    ก็กลับกันเป็นวัฏจักร    

การพยายามฝืนค่าเงินไม่ว่าจะเพื่อใครก็ตามจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแม้แต่อังกฤษก็เจ๊งมาแล้ว    เพราะการฝืนค่าเงินมันไม่ได้สู้กับพวก Hedge fund เท่านั้น    แต่เป็นการสู้กับเงินทั้งโลก   พวก Hedge fund แค่เป็นผู้มองเห็นก่อนและเริ่มจุดกระแส

แต่ถ้าพูดถึงแต่ดัชนี ตอนนี้เราก็กลับมาประมาณปี 1998ครับ back to the future

จากมาตรการ 30%  ส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงตั้ง 2% แนะ  คุ้มไหมเนี่ย

แต่ที่แน่ๆ  ผู้ส่งออกก็เงียบเสียงลงได้มาก  ทั้งๆที่ค่าเงินบาทก็ยังอยู่แถวๆ 35 - 36 บาท

พรุ่งนี้หรือต้นอาทิตย์หน้า  ธปท.ก็จะผ่อนผันเรื่องการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ  ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีและควรทำ  แต่ก็บ่งบอกได้ถึงความไม่รอบคอบของ ธปท.อีกครั้ง  หวังว่ามาตรการครั้งหน้าคงไม่เหมือนครั้งนี้อีกนะ