สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 781
Update:SET วันนี้ พุ่งทำ New High ของปี
เซียนหุ้น ระบุสัปดาห์หน้าบวกต่อ เหตุปัจจัยตปท.ผ่อนคลาย
วันนี้ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ1,324.04 จุด เพิ่มขึ้น14.47จุด หรือ 1.10% ณ เวลา 16.44 น.
มูลค่าการซื้อขาย77,598.25ล้านบาท
สรุปสถาบันในประเทศขายสุทธิ -1,599.50ล้านบาท
สรุปบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ +2,196.12ล้านบาท
สรุปนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ +3,851.75 ล้านบาท
สรุปนักลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ -4,448.38ล้านบาท
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์หน้าแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้น โดยดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1,330 จุด และอาจทะยานบวกต่อถึง 1,340จุดได้ เนื่องจากแรงซื้อต่างชาติกลับเข้ามาในตลาดฯ และได้รับปัจจัยสนับสนุนจากแรงซื้อหุ้นที่เข้าคำนวณ MSCI อีกทั้งความกังวลต่างๆในเรื่องของปัจจัยต่างประเทศผ่อนคลายลง
ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์นักลงทุน เลือกซื้อหุ้นรายตัว โดยเน้นหุ้นที่ไดรับประโยชน์จากการจับจ่ายใช้สอยปลายปี รวมถึงแนะนหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากงาน Motor Expo2012 แต่ทั้งนี้แนะนำให้ซื้อขายอย่างระมัดระวัง พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,270 จุด และประเมินแนวต้านที่ 1,325-1,328 จุด
ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะมีการเจรจาตกลงกันได้
สำหรับภาพรวมดัชนีฯ วันนี้ พบว่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยทำจุดสูงสุดใหม่ของปี เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากแรงซื้อกลับเข้าตลาด และแรงซื้อหุ้นที่เข้าคำนวณ MSCI ประกอบกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจโลกมีการผ่อนคลายลง
ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลง อาทิ ดัชนี ดาวโจนส์ ล่วงหน้า: ตลาดหุ้นนิวยอร์ค เวลา 12:35 น. อยู่ที่ระดับ 13,000.00 จุด ลดลง 21.00 จุด หรือ -0.16% , ดัชนี FTSE: ตลาดหุ้นลอนดอน เวลา 16:10 น. อยู่ที่ระดับ 5,869.39 จุด ลดลง 0.91 จุด หรือ -0.02 % , ดัชนี DAX: ตลาดหุ้นเยอรมนี เวลา 16:10 น. อยู่ที่ระดับ 7,418.56 จุด เพิ่มขึ้น 17.60 จุด หรือ 0.24% , ดัชนี CAC-40: ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เวลา 16:10 น. อยู่ที่ระดับ 3,572.68 จุด เพิ่มขึ้น 3.80 จุด หรือ 0.11% , ภาวะตลาดหุ้นนิวซีแลนด์ : ดัชนี NZSE ปิดบวก 33.32 จุด หรือ 0.83% , ภาวะตลาดหุ้นโซล : ดัชนี คอมโพสิต ปิดลบ 1.95 จุด หรือ -0.10 % , ภาวะตลาดหุ้นญี่ปุ่น : ดัชนี นิกเกอิ ปิดบวก 45.13 จุด หรือ 0.48 % , ภาวะตลาดหุ้นไต้หวัน : ดัชนี เวทเต็ด ปิดบวก 76.62 จุด หรือ 1.02 % , ดัชนี สเตรทไทม์: ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เวลา 12:52 น. อยู่ที่ระดับ 3,079.90 จุด เพิ่มขึ้น 34.00 จุด หรือ 1.12 % , ดัชนี ฮั่งเส็ง: ตลาดหุ้นฮ่องกง เวลา 12:51 น. อยู่ที่ระดับ 22,046.17 จุด เพิ่มขึ้น 123.28 จุด หรือ 0.56 %
(ปัทมา พงษ์สมบูรณ์ รายงาน : ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์ เรียบเรียง )
ที่มา: หุ้นอินไซต์
วันที่ : 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 782
(1)HotNews:TTA เรือเลือด งบปี 55(สิ้นสุด 30ก.ย.)
ขาดทุน4.6พันลบ. /ผู้บริหาร หวังปีหน้าธุรกิจหลักสดใส
TTA ประกาศผลการดำเนินงานงวด 1 ปี สิ้นสุด 30 ก.ย.55 ขาดทุนปี 55 เท่ากับ 4.62 พันล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 6.52 บาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไร 173.2 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.24 บาท สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการขาดทุนในปีนี้เป็นผลมาจากการบันทึกรายการพิเศษที่เป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี ที่ไม่ใช่เงินสด การตัดจำหน่าย และการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี จำนวนรวมทั้งสิ้น 4,577 ล้านบาท "ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต"มอง แนวโน้มอุตฯ ขนส่งสินค้าแห้งเทกอง โตจากอุปทานที่สูงกว่าอุปสงค์เป็นระยะเวลา 2 ไตรมาส/ คาดค่าระวางเรือน่าจะยังคงอยู่ ในระดับต่ำ โดยมองโอกาสขยายกองเรือในอนาคต มีเป้าหมายอยู่ที่ 24-30 ลำ พร้อมทิ้งท้ายว่า "จะใช้เวลาในปีหน้านี้ไปกับการพัฒนากองเรือให้พร้อมสำหรับสภาวะขาขึ้นของตลาด ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นภายใน 12-18 เดือนข้างหน้านี้ สำหรับ UMS นั้น แน่นอนจะต้องมุ่งเน้นไปที่การเปิดโรงงานในสมุทรสาครอีกครั้ง เพื่อให้บริษัทสามารถกลับมาทำกำไรได้โดยเร็ว"
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “TTA” รายงานผลขาดทุนสุทธิจำนวน 4,619 ล้านบาทและผลขาดทุนต่อหุ้น 6.52 บาท สำหรับผลประกอบการในรอบบัญชีปี 2555 ซึ่งสิ้นสุดลง ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 เมื่อเทียบกับผลประกอบการของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 173 ล้านบาท หรือคิดเป็นผลกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.24 บาท ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการขาดทุนในปีนี้เป็นผลมาจากการบันทึกรายการพิเศษที่เป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี ที่ไม่ใช่เงินสด การตัดจำหน่าย และการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี จำนวนรวมทั้งสิ้น 4,577 ล้านบาท
ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลประกอบการในปีนี้ว่า “เพื่อปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งจำเป็นต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และใช้ความระมัดระวังรอบคอบในการจัดทำรายงานทางบัญชี บริษัทฯ จึงได้บันทึกรายการด้อยค่าที่มีสาระสำคัญหลายรายการ รวมถึงการตัดจำหน่ายค่าใช้จ่ายบางรายการในปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการบันทึกรายการทางบัญชี ที่ไม่ใช่เงินสด ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งยังคงแข็งแกร่งและปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ เรากำลังก้าวเข้าสู่ปี 2556 ด้วยงบดุลที่สะท้อนถึงมุมมองของการดำเนินงานด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ซึ่งเมื่อผนวกเข้ากับผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในกลุ่มธุรกิจหลัก ก็จะทำให้เราอยู่ในสถานะที่พร้อมจะกลับมาทำกำไรได้ดีขึ้นในปีหน้า”
รายได้รวมของปี 2555 อยู่ที่ 16,339 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อยราว 7% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดขนาดกองเรือของ โทรีเซน ชิปปิ้ง ถูกชดเชยด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากบริษัท บาคองโค จำกัด (“บาคองโค”) บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) (“เมอร์เมด”) และบริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) (“UMS”)
ตลอดปีที่ผ่านมานั้น สองธุรกิจหลักของ TTA คือ โทรีเซน ชิปปิ้ง และเมอร์เมด แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการปรับตัวของพื้นฐานการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการเรือและโครงการต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโทรีเซน ชิปปิ้งสามารถมีผลกำไรจากการดำเนินงานเป็นบวกได้ แม้ว่าค่าเฉลี่ย BDI นั้นจะลดลงจากปีที่แล้วถึง 30% ในขณะที่เมอร์เมดก็สามารถมีกำไรจากการดำเนินงานปกติก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ได้สูงถึง 603 ล้านบาท ซึ่งการปรับตัวดีขึ้นของสองธุรกิจหลัก ทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 1,974 ล้านบาท หรือสูงกว่าปีก่อนถึง 1,261%
ส่วน UMS นั้น ก็ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อให้โรงงานในจังหวัดสมุทรสาครสามารถกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง ซึ่งการเร่งขาย สต็อคถ่านหินขนาด 0.5 มิลลิเมตรออกไปนั้น ส่งผลให้กำไรของบริษัทลดลง ซึ่งเมื่อรวมกับผลกระทบของการปฏิบัติงานด้วยโรงงานเพียงแห่งเดียวแล้ว จึงทำให้ UMS มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีในปีนี้ (Normalized EBIT) อยู่ที่ 103 ล้านบาท ในขณะที่บาคองโค มียอดขายสูงขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ก็ต้องรับมือกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราผลกำไร ทำให้บริษัทมีผลกำไรจากการดำเนินงานปกติก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ที่ระดับ 243 ล้านบาท ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อยอยู่ 7%
“ปี 2555 นี้ ถือเป็นปีของการปรับโครงสร้าง การเปลี่ยนแปลง และการตัดสินใจสำคัญๆ สำหรับ TTA ซึ่งในด้านที่ดี เราได้เห็นผลงานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของโทรีเซน ชิปปิ้ง และเมอร์เมด ซึ่งเป็นสองกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของเรา แต่ในขณะเดียวกันนั้น UMS ก็ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการ ซึ่งยังต้องเร่งทำทุกวิถีทางที่จะทำให้โรงงานในจังหวัดสมุทรสาครสามารถกลับมาปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วที่สุดอีกครั้ง” ม.ล. จันทรจุฑา กล่าว “การที่โทรีเซน ชิปปิ้ง มีผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ในไตรมาสที่ 4 สูงขึ้นจากไตรมาสที่แล้วถึง 50% นั้น ถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง ความสำเร็จในครั้งนี้เป็นผลมาจากการรับมอบเรือ Thor Insuvi เข้าสู่กองเรือของเรา และผลจากการเช่าเรือเข้ามาเสริมในอัตราเฉลี่ยที่ 1.3 ลำต่อไตรมาส ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าโทรีเซน ชิปปิ้ง พร้อมที่จะขยับขยายกิจการ แม้ในภาวะค่าระวางเรือตกต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการสร้างกองเรือใหม่ ตามแผนการเพิ่มทุนของบริษัทนั้น
“ในขณะเดียวกัน ส่วนเมอร์เมดนั้น ก็ยังคงเดินหน้าสานสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และภูมิภาคอื่นๆ ธุรกิจการให้บริการนอกชายฝั่งกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และเมอร์เมดกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อาจจะต้องปฏิเสธงานไปเนื่องจากไม่มีเรือไว้คอยให้บริการ ตลาดเรือขุดเจาะแบบท้องแบนยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก และคณะกรรมการของบริษัทเมอร์เมดก็กำลังมองหาทางแก้ปัญหานี้ ซึ่ง TTA ก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนหากเมอร์เมดจะมีแผนการซื้อเรือขุดเจาะแบบท้องแบนมาเพิ่ม”
ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจขนส่ง
กลุ่มธุรกิจขนส่งมีผลขาดทุนรวมอยู่ที่ 775 ล้านบาทในรอบปีบัญชีนี้ โดยเป็นผลมาจากการตัดจำหน่ายเพียงครั้งเดียว และการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์รวมจำนวน 909 ล้านบาท ซึ่งหากตัดรายการพิเศษเหล่านี้ออกไปแล้ว กลุ่มธุรกิจขนส่งสามารถสร้างผลกำไรสุทธิได้ 133 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่น่าพอใจท่ามกลางสภาวะขาลงของตลาดขนส่งสินค้าแห้งเทกอง
โดยรายการพิเศษสองรายการถูกบันทึกไปในไตรมาสที่ 1/2555 ส่วนรายการที่สามซึ่งเป็นการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์ถาวรจำนวน 501 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4/2555 นี้ ซึ่งเกิดจากค่าธรรมเนียมในการโอนสัญญาสั่งต่อเรือใหม่จำนวน 3 ลำจากอู่วินาชินมูลค่า 16 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการทำสัญญาในช่วงสูงสุดของตลาดเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง
ในรอบปีบัญชีนี้ โทรีเซนชิปปิ้ง มีผลกำไรจากดำเนินงานตามปกติก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (normalized EBIT) เป็นบวกที่ระดับ 118 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 886% เมื่อเทียบกับผลขาดทุนจากการดำเนินงานตามปกติก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (normalized EBIT) ที่ติดลบ 15 ล้านบาทในปีก่อน โทรีเซนชิปปิ้งประสบความสำเร็จจากการดำเนินงานตามแผนงานต่างๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกองเรือ การย้ายฐานปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ไปยังประเทศสิงคโปร์ การลดค่าใช้จ่ายต่างๆ และการปรับปรุงระบบบำรุงรักษาเรือ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากอัตราค่าระวางเรือที่ตกต่ำลงเป็นอย่างมากตลอดทั้งปี
สำหรับผลงานของปิโตรลิฟท์นั้น มีการชะลอตัวลงเล็กน้อยในปีที่ผ่านมา หลังจากที่สภาพอากาศอันเลวร้ายในช่วงครึ่งปีหลังได้ทำให้บริษัทต้องเลื่อนการนำเรือสองลำเข้าอู่แห้งเพื่อรับการบำรุงรักษาและซ่อมแซม อย่างไรก็ดี EBITDA ของปิโตรลิฟต์ทั้งในภาพรวมของการดำเนินงาน และการปันส่วนแบ่งผลกำไรให้กับ TTAยังคงแข็งแกร่งในระดับ 12% ตลอดทั้งปี
“ในปี 2555 ธุรกิจขนส่งสินค้าแห้งเทกองต้องเผชิญกับอัตราค่าระวางเรือที่ต่ำที่สุดในรอบ 25 ปี แต่โทรีเซนชิปปิ้งยังสามารถรักษาผลการดำเนินงานให้เป็นบวกได้นั้น ถือว่าน่าประทับใจอย่างมาก” มร. เดวิด เอมส์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนส่ง กล่าว “ตลอดปีที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายของการเป็นเจ้าของกองเรือโดยเฉลี่ยอยู่เพียงแค่ 3,952 เหรียญสหรัฐต่อวันต่อลำ ซึ่งทำให้โทรีเซน ชิปปิ้ง ติดกลุ่มผู้ประกอบการชั้นนำที่เป็นเจ้าของกองเรือจากทั่วโลก ความสำเร็จตรงนี้ เป็นผลมาจากการมุ่งเน้นควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารเรือนั้นลดลงกว่า 32% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เราคาดว่าโทรีเซน ชิปปิ้งจะยังมีการเติบโตไม่มากนักในปีหน้าเนื่องจากค่าระวางเรือยังคงต่ำต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน เราก็มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าบริษัทจะสามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ท่ามกลางสภาวะตลาดขาลงนี้ไปได้ และคว้าโอกาสทางธุรกิจที่จะตามมาเมื่อตลาดเริ่มฟื้นตัวในปี 2557 เป็นต้นไป”
ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจพลังงาน
การพลิกกลับมาทำผลงานได้ดีของเมอร์เมด ได้ช่วยให้กลุ่มธุรกิจพลังงานมีส่วนแบ่งผลกำไรที่ 24 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลขาดทุนจำนวน 110 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2554 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน และการเจาะตลาดใหม่ เพื่อคว้าโอกาสในช่วงที่อุตสาหกรรมของธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
รายได้รวมของเมอร์เมดเพิ่มขึ้น 3% มาอยู่ที่ 5,714 ล้านบาท ในขณะที่ผลกำไรนั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยกำไรขั้นต้นนั้นเพิ่มขึ้น 19% เป็น 1,944 ล้านบาท ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (normalized EBIT) นั้นปรับตัวสูงขึ้น 138% มาอยู่ที่ระดับ 603 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการควบคุมค่าใช้จ่ายของเรือและโครงการต่างๆ อย่างเคร่งครัด และเรือขุดเจาะ MTR-1 กลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากหยุดไปเป็นเวลาเกือบปี และมูลค่าของสัญญาที่สูงขึ้นสำหรับบริการวิศวกรรมใต้น้ำเต็มรูปแบบ
ในระยะหลังนี้ เมอร์เมดได้มุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารกองเรือสำหรับบริการวิศวกรรมใต้น้ำ โดยให้ความสำคัญกับเรือที่สามารถเรียกค่าบริการสูงๆ ได้ และเจาะตลาดเข้าไปยังภูมิภาคที่มีการเติบโตสูง เช่น ตะวันออกกลาง หรือแอฟริกา ซึ่งนโยบายนี้ทำให้บริษัทสามารถคว้าสัญญาสำคัญมาได้หลายฉบับตั้งแต่ช่วงต้นของปีงบประมาณ 2556 จากลูกค้าในพื้นที่บริเวณตะวันออกกลางที่เราสามารถทำงานได้ตลอดทั้งปี
สำหรับแผนการของ TTA ที่จะลงทุนตรงในธุรกิจถ่านหินในประเทศฟิลิปปินส์ โดยการแปลงหนี้ให้เป็นหุ้นสามัญนั้น ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่ดูแลในท้องถิ่น โดยยังต้องรอการตีความทางกฎหมายที่เกี่ยวกับข้อจำกัดของการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในบริษัทฟิลิปปินส์ เนื่องด้วยสาเหตุที่การแปลงหนี้เป็นทุนยังไม่เรียบร้อย สถานะทางการเงินของบริษัท SKI Energy Resources (“SERI”) จึงยังไม่เข้มแข็งเพียงพอ จึงทำให้ SERI ยังผลิตถ่านหินอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าจุดคุ้มทุน TTA จึงได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญจำนวน 908 ล้านบาท ให้สอดคล้องกับนโยบายทางการบัญชีและการจัดทำรายงานอย่างระมัดระวัง ในขณะเดียวกัน บริษัทก็เร่งหาหนทางในการปรับโครงสร้างใน SERI และประเมินหาทางเลือกอื่นๆ ในการแปลงหนี้เป็นทุนรูปแบบอื่นๆ รวมถึงการมองหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ เพื่อที่จะทำให้บริษัทนี้กลับมาดำเนินการผลิตในระดับที่ก่อให้เกิดผลกำไรได้ตามแผนงานที่เคยวางไว้
“เรายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นเมอร์เมดพลิกกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง ซึ่งสามารถคว้าสัญญาสำคัญๆ ได้ตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณ 2556 ซึ่งสัญญาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะทำร่วมกับ ซาอุดิ อรามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยักษ์ใหญ่ของโลก โดยสัญญาล่าสุดที่เพิ่งเซ็นกับบริษัทร่วมทุนของเมอร์เมดนั้นมีมูลค่ากว่า 530 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ซึ่งภายใต้ข้อตกลงนี้ เมอร์เมดจะมีส่วนแบ่งรายได้คิดเป็นราว 60-70% ของมูลค่าสัญญารวม” ม.ล. จันทรจุฑา กล่าวเสริม “ส่วนการลงทุนในธุรกิจถ่านหินในประเทศฟิลิปปินส์นั้น เราก็ยังคงมั่นใจว่าเหมืองที่เราได้รับสัมปทานจะสามารถผลิตถ่านหินได้ปีละ 500,000 ถึง 1,000,000 ตัน หากมีการลงทุนในปริมาณและทิศทางที่เหมาะสม เราตั้งใจที่จะปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อที่จะรับรู้ขีดความสามารถที่แท้จริงของโครงการนี้”
ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน
กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานมีผลขาดทุน 23 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2555 เมื่อเทียบกับผลกำไร 301 ล้านบาทในปีก่อน ซึ่งเป็นการขาดทุนจากการเร่งระบายสต็อคถ่านหินขนาด 0-5 มม. และการตั้งสำรองล่วงหน้าเผื่อมูลค่าที่ลดลงของสต็อคถ่านหินจำนวน 107 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมการตั้งสำรองนี้ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามปีงบประมาณ หรือย้อนกลับรายการตั้งสำรองได้หากราคาถ่านหินปรับตัวดีขึ้น กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานน่าจะทำกำไรได้ เนื่องจากบาคองโคและบาเรียเซเรสยังคงทำผลงานได้ดี
ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมานี้ UMS ได้เผชิญกับอุปสรรคมากมาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว มาจากปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท ซึ่งเหตุการณ์หลักคือการสั่งปิดกิจการของผู้ประกอบการถ่านหินทุกรายในจังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 เนื่องมาจากการประท้วงด้านผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่ง UMS ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี เงื่อนไขหลักของการกลับมาเปิดโรงงานของ UMS คือการเคลียร์สต็อคถ่านหินขนาด 0-5 มม ทั้งหมดออกจากพื้นที่ ซึ่งได้ขายออกไปให้กับโรงงานปูนซีเมนต์ในจังหวัดสระบุรี ส่วนโรงงานในอยุธยาก็ต้องดูแลลูกค้าของ UMS ในสมุทรสาครอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปฏิบัติงานข้ามจังหวัดแบบนี้ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จึงนำไปสู่ผลขาดทุน อย่างไรก็ดี UMS ยังคงหาวิธีระบายสต็อคถ่านหินขนาด 0-5 มิลลิเมตรออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันเส้นตายที่ทางการกำหนดไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2556
สำหรับผลกำไรจากการดำเนินงานปกติก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (normalized EBIT) ของบาคองโคนั้น อยู่ที่ 243 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากยอด 261 ล้านบาทในปีก่อนหน้า เนื่องมาจากราคาวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ บาคองโคยังได้มุ่งเน้นเพิ่มยอดการส่งออกในปี 2555 เพื่อชดเชยอุปสงค์ที่ลดลงในตลาดเวียดนาม ด้วยเหตุนี้เอง ยอดขายในภาคส่งออกของบริษัทจึงเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าเท่าตัว จาก 28,600 ตันในปีที่แล้ว ขึ้นมาเป็น 60,700 ตันในปีนี้
บาคองโคจะทำการขยายธุรกิจโกดังเก็บสินค้าในเดือนมกราคม 2556 ด้วยการเปิดโกดังแห่งใหม่ ซึ่งสามารถจัดเก็บสินค้าทั้งประเภทบรรจุถุงและเทกองได้ถึง 100,000 เมตริกตัน และจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ ท่อ และโลหะอีกกว่า 20,000 ตัน ทั้งนี้ ลูกค้าของบาคองโคได้เริ่มติดต่อขอจองพื้นที่ในโกดังแห่งใหม่นี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่พื้นที่โกดังภายใต้การดูแลของ TTA ในเวียดนามนั้น ก็ใช้งานเต็มถึง 90% ด้วยกัน
“โรงงานสมุทรสาครของ UMS จะยังคงเดินหน้าระบายถ่านหินขนาด 0-5 มิลลิเมตรต่อไป ในขณะเดียวกัน เราก็จะเร่งมือทำงานให้ทันตามกำหนดการที่ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐได้กำหนดไว้ เมื่อโรงงานแห่งนี้กลับมาเปิดทำงาน หรือเมื่อบริษัทนำเอาวิธีการแก้ปัญหาแบบอื่นๆ เข้ามาใช้ UMS ก็จะสามารถกลับมาสร้างกำไรได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการป้อนถ่านหินให้แก่ลูกค้าหลายรายภายในตัวจังหวัด” นายวิชาย ชื่นสุขสวัสดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน กล่าว “ในเวียดนามนั้น งานของเราได้คืบหน้าไปมาก ขณะนี้ โทรีเซน วีนามา โลจิสติกส์ และบาคองโค ต่างก็พร้อมที่จะนำเสนอบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรให้แก่ลูกค้า ซึ่งก็จะส่งผลให้ท่าเรือบาเรีย เซเรส เติบโตตามไปด้วย โดย TTA นั้นถือหุ้นที่อัตรา 20% ในท่าเรือแห่งนี้ การเติบโตของกลุ่มธุรกิจนี้ในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในเวียดนามตอนใต้นั้น มีความต้องการด้านบริการโลจิสติกส์ระดับมืออาชีพเป็นอย่างยิ่ง และเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จที่มาจากแผนงานของบริษัทในการพัฒนาธุรกิจให้สามารถมอบบริการโลจิสติกส์แบบสมบูรณ์เป็นรายแรกในตลาดนี้”
แนวโน้ม
สำหรับอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าแห้งเทกองนั้น น่าจะยังมีอัตราการเติบโตของอุปทานที่สูงกว่าอุปสงค์อยู่อีกอย่างน้อยเป็นระยะเวลา 2 ไตรมาส โดยในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ค่าระวางเรือน่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะทำให้มีการปลดระวางเรือเพิ่มมากขึ้น และซึ่งจะกดดันราคาซื้อขายเรือให้ต่ำลงไปอีกในระยะสั้น โทรีเซน ชิปปิ้ง จะยังคงมุ่งเน้นการปฏิบัติงานและการบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการค้นหาโอกาสที่จะขยายกองเรือต่อไปในอนาคต โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 24-30 ลำ
ส่วนในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินั้น TTA คาดว่าราคาน้ำมันจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะทำให้มีการสำรวจและผลิตน้ำมันกันอย่างตื่นตัวในตลาดเป้าหมายของเมอร์เมดหลายแห่งด้วยกัน รวมไปถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และแอฟริกาตะวันตก ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่าเรือขุดเจาะแบบท้องแบนและแบบสามขาจะยังคงเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่องในอนาคต และเมอร์เมดก็อาจพิจารณาลงทุนในธุรกิจส่วนนี้เพิ่มในปี 2556 นอกจากนี้ การลงทุนของเมอร์เมดในบริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง จำกัด (“AOD”) ก็น่าจะผลิดอกออกผลได้ดีในปีหน้านี้ หลังจากที่อัตราค่าจ้างรายวันที่พุ่งสูงขึ้นท่ามกลางสภาวะที่ตลาดกำลังขาดแคลนอุปทาน ทั้งนี้ AOD ได้ลงนามในสัญญาฉบับแรกของบริษัทกับบริษัทน้ำมันแห่งซาอุดิอาระเบียไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นมูลค่ากว่า 236.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
“เราคาดว่าทุกกลุ่มธุรกิจจะมีโอกาสทำผลประกอบการได้ดีในปี 2556 โดยเฉพาะเมอร์เมด ซึ่งมุ่งเน้นการปฏิบัติงานในตลาดที่มีการเติบโตสูง ท่ามกลางสภาวะขาขึ้นของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ” ม.ล. จันทรจุฑา กล่าวสรุป “สำหรับโทรีเซน ชิปปิ้ง นั้น เราคาดการณ์ว่าจะสามารถทำกำไรได้เล็กน้อยในปีหน้า โดยที่อัตราค่าระวางเรือจะยังอยู่ในระดับที่ไม่ต่างจากในปีนี้เท่าไรนัก เราจะใช้เวลาในปีหน้านี้ไปกับการพัฒนากองเรือของเราให้พร้อมสำหรับสภาวะขาขึ้นของตลาด ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นภายใน 12-18 เดือนข้างหน้านี้ สำหรับ UMS นั้น แน่นอนว่าเราจะต้องมุ่งเน้นไปที่การเปิดโรงงานในสมุทรสาครอีกครั้ง เพื่อให้บริษัทสามารถกลับมาทำกำไรได้โดยเร็ว”
Executive Summary Performance Overview
ปัจจุบัน TTA มี 4 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย บริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง สิงคโปร์ พีทีอี แอลทีดี (หรือ "โทรีเซนชิปปิ้ง" ซึ่งดำเนินธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง) บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) (หรือ "เมอร์เมด" ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง) บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) (หรือ " UMS" ซึ่งดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายถ่านหิน) และบริษัท บาคองโค จำกัด (หรือ "บาคองโค" ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายปุ๋ย และให้บริการโลจิสติกส์) ซื่อเมื่อดูจากมุมมองพื้นฐานของผลการดำเนินงาน จะพบว่ามีการปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในสองสายธุรกิจหลัก
- โทรีเซนชิปปิ้ง มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น แม้ว่าอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยในปี 2555 ปรับตัวลดลงจากปี2554 มากกว่า 20% แตะจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 25 ปี แต่ผลกำไรจากการดำเนินงานปกติ ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และตัดจำหน่าย (Nomalizd EBITDA) สำหรับช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 668 ล้านบาท ในขณะที่ ผลกำไรจากการดำเนินงานปกติ ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษา (Nomalized EBIT) พุ่งขึ้นเป็น 118 ล้านบาท จากเดิมที่เคยขาดทุน 15 ล้านบาทในปี 2554 การปรับปรุงกลยุทธ์การดำเนินงานในช่วง 12-18 เดือนที่ผ่านมาของโทรีเซนชิปปิ้ง (เช่น การปรับปรุงกองเรือ การปรับโครงสร้างองค์กร และการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด) ประสบผลสำเร็จด้วยดี เนื่องจากสามารถที่จะพลิกกลับมามีกำไรในปีนี้ ทำให้ EBIT ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนถึง 904%
- เมอร์เมด พลิกกลับมามีกำไร โดยมี normalized EBITDA อยู่ที่ระดับ 1,358 ล้านบาท และมี normalized EBIT อยู่ที่ 603
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 138% ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ประโยชน์ของสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่าย
ทั้งในส่วนของเรือและโครงการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
UMS ได้ดำเนินการเชิงกลยุทธ์หลายรูปแบบ เพื่อเร่งให้โรงงานสมุทรสาครกลับมาเปิดดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด มีการเร่ง
จำหน่ายสต็อกถ่านหินขนาด 0-5 มม.ที่โรงงานสมุทรสาครให้กับโรงงานปูนซีเมนต์ในจังหวัดสระบุรี สูงถึง 283,000 ตัน จึงทำให้เกิดการขาดทุนจากการดำเนินงาน normalized EBITDA และ EBIT ที่ 36 ล้านบาทและ 103 ล้านบาทตามลำดับ แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบเชิงทางลบต่ออัตรากำไร ด้วยเหตุที่มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ดี UMSสามารถขายสต็อกถ่านหินออกไปแล้ว62% ซึ่งจะทำให้โอกาสในการที่จะได้รับอนุญาตให้โรงงานสมุทรสาครได้ปิดดำเนินงานอีกครั้งในช่วงปี 2556 นั้นสูงขึ้น
บาคองโค มีรายได้จากการจำหน่ายปุ๋ยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14% แต่กำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อย ในปี 2555 กำไรจากการดำเนิน
งานของบาคองโค ลดลงเล็กน้อยแต่ EBITDA และ EBIT ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับ 257 ล้านบาทและ 243 ล้านบาทตามลำดับ
-ส่วนแบ่งผลกำไรจากบริษัทร่วมทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17% โดย ปิโตรลิฟต์และบาเรียเซเรส ยังคงเป็นสองหน่วยธุรกิจที่สร้างผลกำไรตอบแทนจากการลงทุนที่ดีให้กับ TTA
-จากการที่ โทรีเซนชิปปิ้ง และ เมอร์เมด มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น ส่งผลให้ TTA มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในรอบปีบัญชี 2555 อยู่ที่ระดับ 1,974 ล้านบาท สูงขึ้นถึง 1,261% เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดที่ระดับ 145 ล้านบาท ในปี 2554
อย่างไรก็ดี ผลขาดทุนรวมที่ค่อนข้างสูง เกิดจากการบันทึกรายการพิเศษหลายรายการด้วยกัน โดยในปีนี้ คณะกรรมการได้สั่งให้ดำเนินการพิจารณามูลค่าเงินลงทุนและทรัพย์สินต่างๆ โดยสมมุติฐานต่อธุรกิจในอนาคตอย่างระมัดระวังและรอบคอบ จึงทำให้เกิดการตั้งสำรอง และการบันทึกรายการสินทรัพย์ด้อยในปีงบประมาณ 2555 หลายรายการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,577 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยรายการหลักๆ แบ่งตามธุรกิจไดดั้งต่อไปนี้
ส่วนของโทรีเซนชิปปิ้ ง
- การตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมในการจัดหาวงเงินกู้และค่าผูกพันวงเงินกู้รวมจากหลายธนาคารที่ทำขึ้นในปี 2550 และวงเงินกู้ร่วมดังกล่าวได้หมดอายุไปเมื่อไตรมาสที่ 1/2555 จำนวน 209 ล้านบาท
- การบันทึกสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เป็นเครื่องยนต์ที่อยู่ระหว่างกาสร้างและผลิตโดยผู้รับเหมาจำนวน 199 ล้านบาท
- การบันทึกสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เป็นเรือและตัดจำหน่ายในไตรมาส 4/2555 จำนวน 501 ล้านบาท
ส่วนของ UMS
- การตั้งสำรองล่วงหน้าเผื่อมูลค่าที่ลดลงของสต็อกถ่านหินจำนวน 107 ล้านบาท
ส่วนของ กลุ่มธุรกิจการลงทุน
- การบันทึกการด้อยค่าความนิยมของการลงทุนใน UMS ในช่วงไตรมาส 3/2555 จำนวน 2,319 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก
สถานการณ์ที่ UMS ได้เผชิญมาตลอดระยะเวลา 2 ปี ซึ่งกลายเป็นผลกระทบในเชิงลบที่มีสาระสำคัญต่อการดำเนินกิจการ
- การบันทึกสำรองเผื่อหนี้สูญสำหรับโครงการเหมืองถ่านหินในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาปรับ
โครงสร้างการตั้งสำรองและบันทึกรายการพิเศษนี้ เป็นการดำเนินการตามหลัก ธรรมาภิบาล ที่ดี เพื่อการรายงานฐานะทางการเงินอย่างระมัดระวัง รอบคอบ และโปร่งใส เพื่อโอกาสในการทำกำไรในอนาคตที่ดีขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ในขณะที่ธุรกิจหลักๆ มีแนวโน้มของการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด
กลุ่มธุรกิจขนส่ง มีผลขาดทุนสุทธิทั้งสิ้น 775 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการบันทึกรายการพิเศษของการด้อยของสินทรัพย์ที่กล่าวมาแล้วซึ่งถ้าหากไม่นับรายการพิเศษ กลุ่มธุรกิจขนส่งจะพลิกกลับเป็นผลกำไรสุทธิให้กับ TTA 133 ล้านบาท ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ตลาดเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองทั่วโลกที่ตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน มีผลขาดทุนสุทธิทั้งสิ้น 23 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2555 เนื่องจากการเร่งจำหน่ายสต็อกถ่านหินขนาด 0-5มม. และการตั้งสำรองล่วงหน้าเผื่อมูลค่าที่ลดลงของสต็อกถ่านหิน ซึ่งถ้าหากตัดเรื่องการตั้งค่าสำรองล่วงหน้าเผื่อมูลค่าที่ลดลงของสินค้าคงเหลือออก (ซึ่งเป็นการบันทึกประจำปีปกติ และสามารถกลับรายการเข้ามาใหม่ได้หากราคาถ่านหินมีการปรับตัวขึ้น) กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน จะมีผลกำไรเป็นบวก เนื่องจากบาคองโคและบางเรียเซเรสยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
กลุ่มธุรกิจพลังงาน มีผลกำไรสุทธิทั้งสิ้น 24 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนที่ 110 ล้านบาท เมื่อปีก่อน เนื่องจากธุรกิจของเมอร์เมด ฟื้นตัวกลับมาและน่าจะสร้างผลการดำเนินงานที่เป็นบวกได้ต่อไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้าทั้งจากส่วนของธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลและธุรกิจเรือขุดเจาะ
กลุ่มธุรกิจการลงทุน มีผลขาดทุนสุทธิ 3,845 ล้านบาท ซึ่งหลักๆ เป็นผลมาจากการบันทึกการด้อยค่าความนิยมทางบัญชีจำนวน 2,319 ล้านบาท และการบันทึกสำรองหนี้ที่สงสัยว่าจะสูญในโครงการเหมืองถ่านหินที่ประเทศฟิลิปปินส์จำนวน 908 ล้านบาท
--มีต่อ--
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 783
(2)HotNews:TTA เรือเลือด งบปี 55(สิ้นสุด 30ก.ย.)
ขาดทุน4.6พันลบ. /ผู้บริหาร หวังปีหน้าธุรกิจหลักสดใส[/b]
Group Transport Highlights
- การขยายของกองเรือโลก สร้างแรงกดดัน BDI อย่างต่อเนื่อง
- ผลการดำเนินงานของ โทรีเซน ชิปปิ้ง ดีขึ้นต่อเนื่อง
- มุ่งขยายกองเรือ
- วัฏจักรลงจะนำซึ่งโอกาสในการลงทุน
รายได้ปิโตรลฟิตล์ดลงเล็กน้อย แต่ยังคงแข็งแกร่งการขยายตัวของกองเรือโลก สร้างแรงกดดัน BDI อย่างต่อเนื่องค่าเฉลี่ยของดัชนีค่าระวางเรือบอลติค (BDI) ในปี 2555 อยู่ที่ 1,156 จุด ลดลง 30% จากปี 2554 ที่ 1,657 จุด และลดลง 62% จากปี 2553 ที่ 3,011 จุด โดย BDI ลดลงอย่างรุนแรง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และอยู่ในระดับต่ำโดยตลอดหลังจากนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 4/2555 ระหว่างเดือนกรกฎาคม – กันยายน ค่าเฉลี่ย BDI ได้ลดลงเหลือเพียงแค่ 846จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงถึง 45% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 17% จากไตรมาสที่ผ่านมา ตลาดของธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้ง เทกองยังคงได้รับผลกระทบจากปริมาณกองเรือที่ล้นตลาด ซึ่งมีผลทำให้ BDI ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 25 ปีเมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ 2555 เฟิร์นเลย์คาดการณ์ว่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 กองเรือทั่วโลกมีจำนวนเรือทั้งสิ้น 9,520 ลำ มีขนาดระวางบรรทุกรวมกันทั้งสิ้น 674 ล้านเดทเวทตัน (DWT) เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนเรือ 8,949 ลำ ที่ขนาดระวางบรรทุกรวม 614 ล้าน DWT ณ สิ้นปี 2554 เท่ากับว่า มี ขนาดระวางบรรทุกเพิ่มขึ้นถึง 60 ล้าน DWT หรือคิดเป็นการเติบโตต่อปีที่ 13% ซึ่งส่วนใหญ่
เป็นผลมาจากตลาด Capesize ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ที่สุดตัวเลขทางการค้าเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า มีปริมาณของอุปสงค์ในการขนส่งเพิ่มมากขึ้นในปี 2555 โดยมาร์ซอฟต์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการค้า ของเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองทั่วโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 6.1% จากไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 แต่อัตราการเติบโตของอุปสงค์ในการขนส่ง ดังกล่าวนั้น ถือว่าตํ่ามากเมื่อเทียบกับการเติบโตของเรือขนาด Capesize ในช่วงเดือน มกราคม-กันยายนที่สูงถึง 17.8% ซึ่งมีผลทำใหอั้ตราค่าระวางบอลติคโดยเฉลี่ยของเรือ Capesize ตกลงมาอยู่ในระดับกว่า 2,700 เหรียญสหรัฐต่อวันในช่วงเดือนสิงหาคม 2555 (เทียบกับจุดสูงสุดในรอบ 12 เดือนที่ 33,000 เหรียญสหรัฐต่อวัน ในเดือนธันวาคม 2554) ก่อนที่จะค่อยๆฟื้นกลับไปอยู่ที่ 8,000 เหรียญสหรัฐต่อวันในช่วงปลายเดือนกันยายน BDI มีการฟื้นตัวในช่วงปี 2555 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน จากการปรับขึ้นของอัตราค่าระวางตลาดเรือขนาดเล็ก ฤดูกาลค้าขายธัญพืชของอมริกาใต้เริ่มขึ้นในจังหวะที่มีเรือพร้อมให้บริการในมหาสมุทรแอตแลนติกอยู่ไม่มากนักจึงมีผลทำให้ค่าระวางของเรือ Panamax และ Supramax ในเส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมีอัตราสูงขึ้นในช่วงเดือนเมษายน และอัตราค่าระวางขนาด Supramax และ Handysize ยังคงทรงตัวได้ดี ผันผวนน้อยและอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยของค่าระวางของเรือขนาดใหญ่ได้ตลอดทั้งปี ผลการดำเนินงานของ โทรีเซน ชิปปิ้งดีขึ้นต่อเนื่อง
รายได้ของโทรีเซน ชิปปิ้ง เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสองไตรมาสติดต่อกัน โดยในไตรมาสที่ 4/2555 มีรายได้จากค่าระวางจำนวนทั้งสิ้น 1,014 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบปีต่อปี และเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา) ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (Normalized EBIT) ทั้งสิ้น 61 ล้านบาท ในขณะที่รายได้รวมตลอดทั้งปี 2555 อยู่ที่ 3,527 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ระดับ 118 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีรายได ้ 5,430 ล้านบาท แต่มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ 15 ล้านบาท ซึ่งนี่ถือเป็นความสามารถของโทรีเซนชิปปิ้ง ที่สามารถพลิกกลับมาทำผลงานที่ดีขึ้นได ้ ในขณะที่ ตลาดชิปปิ้งโดยรวมยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ตกต่ำของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/2555 เป็นผลมาจากการที่เรามีกองเรือที่ใหญ่ขึ้น โดยโทรี เซน ชิปปิ้งไดรั้บมอบเรือมือสองขนาด Supramax เข้ามาเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมทำให้กองเรือที่เราเป็นเจ้าของเองเพิ่มขึ้นเป็น 16 ลำในไตรมาสนี้ ซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนเรือที่เช่าเข้ามา
เสริมเพื่อให้บริการกับลูกค้าทำให้จำนวนเรือของกองเรือโทรีเซนชิปปิ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 23.5 ลำ ในไตรมาส 4/2555 นี้ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนเรือเฉลี่ย 17.9 ลำ ในไตรมาส 4/2554 และ 21.2 ลำในไตรมาส 3/2555 ถึงแม้ว่าค่าระวางเฉลี่ยของเรือที่เราเป็นเจ้าของจะลดลงตามสถานการณ์ตลาด แต่ค่าระวางเรือที่เราเช่ามาเสริมสามารถทำผลงานได้ดีในไตรมาสนี้ โดยมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 843 เหรียญต่อวัน และตามที่ได้รายงานไปเมื่อไตรมาสที่ผ่านมาว่า การทยอยนำเรือที่เช่าเข้ามาเสริมก่อนหน้าเข้าไปให้บริการในน่านน้ำที่สามารถเรียกค่าระวางได ้ สูงกว่า ซึ่งรายได้จากส่วนนี้ทำให้ค่าระวางเรือของเราโดยรวมสูงขึ้นอีก 4% โทรีเซนชิปปิ้งยังคงจะใช้กลยุทธ์ในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการนำเรือครึ่งหนึ่งของกองเรือออกไปให้บริการในแถบมหาสมุทรแอตแลนติกซึ่งทำให้เราเรียกค่าระวางที่สูงขึ้นได ้ เพราะเป็นกลยุทธ์ที่ได้พิสูจน์แล้วว่าได้ผล
สำหรับด้านต้นทุน โทรีเซนชิปปิ้งก็ยังคงเน้นเรื่องการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยแนวคิดในการควบคุมและบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเรือในปีนี้ได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยลดจากปีที่แล้วถึง 32% ซึ่งเป็นผลมาการปรับปรุงเรื่องระบบการบริหารจัดการอุปกรณ์และชิ้นส่วนสำรอง การรวมศูนย์ในการจัดซื้อ และการลดปริมาณการใช้น้ำมันเครื่อง อย่างไรก็ดีต้นทุนในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว 20% เป็นผลกระทบมาจากการปรับยอดสิ้นปี (เช่น การปรับค่าตอบแทนตามผลงานของลูกเรือ การส่งใบเรียกเก็บเงินช้า) ซึ่งเมื่อดูผลงานตลอดทั้งปี พบว่า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเรือเฉลี่ยปี 2555 อยู่ที่ 3,952 เหรียญต่อวัน โดยโทรีเซนชิปปิ้ง ติดกลุ่ม top ของบริษัทชิปปิ้งที่มีการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพในปี 2555 จากการจัดอันดับโดย Moore Stephens โดยหลักๆ เป็นผลมาจากการมีค่าใช้จ่ายในการเข้าซ่อมอู่แห้งลดลง เนื่องมาจากการเปลี่ยนเป็นกองเรือที่ทันสมัย และแนวคิดในการบำรุงรักษาเรือในขณะใช้งาน
นอกจากนั้น ต้นทุนค่าใช้จ่ายทางด้านธุรการทั่วไป (G&A) ก็ยังลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากการ นำเงินที่เคยตั้งสำรองเผื่อไว้ให้กับพนักงานที่เกษียณอายุที่สูงเกินไป กลับเข้ามาบันทึกใหม่ซึ่งมีผลทำให้ค่าใช้จ่ายในด้านธุรการทั่วไปในปี 2555 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1,460 เหรียญต่อวัน กลยุทธ์ในการเพิ่มรายได้และควบคุมต้นทุนดังกล่าว ทำให้โทรีเซนชิปปิ้งสามารถสร้างเสถียรภาพของกำไรจากการดำเนินงาน โดยเรือแต่ละลำ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และ ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ตลอดทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 8-9 ล้านบาท ต่อลำต่อไตรมาส และทำให้เรามีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก ดังนั้น ด้วยพื้นฐาน การดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นเช่นนี้ หากว่าอัตราค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า ตามที่คาดการณ์ไว ้น่าจะส่งผลให้มีกำไรที่สูงขึ้นตามไปด้วยมุ่งขยายกองเรือ
จากการคาดการณ์ล่วงหน้าว่า ภาวะอุตสาหกรรมจะเข้าสู่ขาลง โทรีเซนชิปปิ้งจึงสามารถวาง กลยุทธ์ในการปรับกองเรือได้อย่างถูกจังหวะ โดยในช่วง 3 ปีระหว่าง 2552-2554 โทรีเซนชิป ปิ้งได้ทยอยขายเรือเก่าขนาดเล็กความสามารถในการทำกำไรต่ำ จำนวน 34 ลำออกไป และซื้อเรือ Supramax ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทันสมัยและประสิทธิภาพสูงจำนวน 5 ลำกลับเข้ามาทดแทน ส่วนหนึ่งเป็นเรือใหม่ที่สั่งต่อไว้ในช่วงก่อนปี 2551 ก่อนที่ธุรกิจจะเริ่มเข้าสู่ขาลงแผนการปรับปรุงกองเรือนี้ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทำให้โทรีเซนชิปปิ้งสามารถประคองตัวได้ดีในวัฏจักรขาลงที่ต่อเนื่องเช่นนี้ภาวะอุตสาหกรรมที่ตกต่ำเป็นเวลานานส่งผลให้ค่าระวางลดต่ำกว่าจุดคุ้มทุนของผู้ประกอบการหลายราย ก่อให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีผลกดดันให้ราคา
ผลประกอบการประจำปี ของรอบปีบัญชี 2555
เรือมือสองลดลงอย่างมาก โทรีเซนชิปปิ้ง ได้แจ้งไว้แล้วตั้งแต่ปลายปี 2554 ว่าจะเฝ้าดูตลาดเพื่อโอกาสและจังหวะในการซื้อเรือมือสองในราคาที่เหมาะสมในขณะที่อุตสาหกรรมเข้าสู่จุดต่ำสุดในเดือนกรกฎาคม 2555 โทรีเซนชิปปิ้งไดซื้อและรับมอบเรือ M.V. Thor Insuvi ในราคา 19.2 ล้านเหรียญ M.V. Thor Insuvi เป็นเรือ Supramax ขนาด 52,489 DWT อายุ 6.5 ปี สั่งต่อตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2548 เป็นเรือที่มีคุณลักษณะเหมือนกับเรืออีกสามลำในกองเรือของโทรีเซนชิปปิ้ง ได้แก่ Thor Integrity, Thor Independence และ Thor Infinity เนื่องจากเป็นเรือที่ถูกสร้างจากอู่เดียวกัน คืออู่ต่อเรือซึเนชิในประเทศฟิลิปปินส์ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2555 โทรีเซนชิปปิ้งมีกองเรืออยู่ทั้งสิ้น 16 ลำ มีระวางบรรทุกรวมเฉลี่ยที่ 44,340 DWT อายุเฉลี่ย 11.5 ปี โดยมี M.V. Thor Insuvi เป็นเรือลำที่ 16 ในเดือนพฤศจิกายน 2555 โทรีเซนชิปปิ้งประกาศรับมอบเรือสั่งต่อใหม่ที่ชื่อว่า M.V. Thor Brave ซึ่งเป็นเรือ Supramax ขนาด 53,506 DWT จากอู่ต่อเรือวินาชิน ในเวียดนาม ทำให้กองเรือโทรีเซนในไตรมาส 1/2556 มีจำนวนเรือเพิ่มเป็น 17 ลำ และคาดว่าจะได้รับมอบเรือลำที่สองในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2556 ทั้งนี้ สัญญาสั่งต่อเรือใหม่กับอู่วินาชินนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน 2550 โดยในตอนนั้น โทรีเซนชิปปิ้งไดซื้อสัญญาสั่งต่อเรือใหม่จำนวนทั้งสิ้น 3 ลำ ซึ่งมีค่าธรรมเนียมในการโอนสัญญาติดมาด้วยประมาณ 16 ล้านเหรียญ ณ จุดที่อุตสาหกรรมอยู่ที่จุดสูงสุด ค่าธรรมเนียมในการโอนสัญญาเสมือนเป็นส่วนต่างระหว่างราคาสั่งต่อกับราคาเรือในตลาด คณะกรรมการได้ตัดสินใจสำรองการด้อยค่าและตัดจำหน่ายทันทีแทนที่จะตัดจำหน่ายในรูปแบบของค่าเสื่อมตลอดอายุการใช้งานของเรือ ซึ่งจะทำให้เรือมีต้นทุนที่สูงขึ้น
ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้มีการตั้งบันทึกสำรองการด้อยค่าของค่าธรรมเนียมดังกล่าวมูลค่า 501 ล้านบาท และตัดจำหน่ายทันทีในไตรมาสที่ 4/2555นอกจากการตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมในการโอนสัญญาดังกล่าวแล้วในช่วงไตรมาสที่ 1/2555 บริษัทฯ ได้บันทึกรายการพิเศษ 2 รายการที่เป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี และการตั้งสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์ โดย ส่วนรายการแรก เป็นการบันทึกค่าใช้จ่ายทางบัญชีจำนวน 209 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมในการจัดหาเงินกู้ร่วมเพื่อมาขยายกองเรือจากหลายธนาคารที่ได้จัดทำขึ้นเมื่อปี 2550 โดยระยะเวลาเบิกถอนได้หมดอายุลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2554 ถึงแม้ว่าในปี 2551 BDI ได้ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว แต่ราคาเรือ Supramax ทั้งแบบสั่งต่อใหม่และเรือมือสอง ไม่พุ่งลงตาม กลับรักษาระดับอยู่ที่ 30-35 ล้านเหรียญ ดังนั้น โทรีเซนจึงค่อนข้างที่จะระมัดระวังในการขยายกองเรือ และเลือกที่จะเบิกเงินกู้มาเพียงแค่ 60 ล้านเหรียญจากวงเงินกู้ทั้งหมด 360 ล้านเหรียญ ซึ่งโดยทั่วไป ค่าธรรมเนียมในการจัดหาเงินกู้และค่าผูกพันเงินกู้จะถูกตัดจำหน่ายในช่วงอายุของเงินกู้ดังนั้น บริษัทฯ จึงบันทึกการตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมวงเงินกู้ในส่วนที่ยังไม่ได้เบิกมาใช้ออกทั้งหมดในช่วงไตรมาส 1/2555 อย่างไรก็ดี เมื่อนำอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ที่เบิกใช้แล้วกับส่วนของค่าธรรมเนียมในส่วนที่ยังไม่เบิกมาใช้มาเฉลี่ยรวมกันแล้วยังคงเป็นอัตราที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในตลาดปัจจุบันส่วนรายการที่สองเป็นการตั้งสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์สำหรับเครื่องยนต์หลักของเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองจำนวน 199 ล้านบาทซึ่งเป็นผลมาจากการยกเลิกคำสั่งซื้อเรือสั่งต่อใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2550 ซึ่งในเวลาที่ยกเลิกนั้น เราได้วางเงินมัดจำประมาณ 15 ล้านเหรียญไว้กับผู้รับเหมาช่วง เพื่อสั่งผลิตเครื่องยนต์หลักจำนวน 4 เครื่องไปแล้วแต่ผู้รับเหมากลับมีปัญหาทางการเงิน และไม่สามารถผลิตและส่งมอบเครื่องยนต์ตามที่ตกลงกันได้ถึงแม้ว่า เรากำลังพยายามต่อรองกับผู้รับเหมาเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับบริษัทแต่เพื่อ ป้องกันความเสียหายและความเสี่ยงอื่นๆ เราจึงเลือกที่จะตั้งสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์ สำหรับเครื่องยนต์ดังกล่าว เพื่อรับรู้มูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ตามราคาตลาด ณ ปัจจุบัน ถ้าแยกรายการพิเศษเหล่านี้ออกจากผลการดำเนินงาน จะพบว่า โทรีเซนชิปปิ้งสามารถทำ ผลงานผ่านจุดคุ้มทุนได้แล้วในปี 2555
วัฏจักรขาลงจะนำซึ่งโอกาสในการลงทุน
กองเรือโลกน่าจะยังคงเติบโตสูงกว่าความต้องการในการขนส่งในตลาดอีกอย่างน้อย 2 ไตรมาส ดังนั้นค่าระวางเรือน่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ต่อไป ซึ่งจะทำให้มีการปลดระวางเรือเพิ่มขึ้น มาร์ซอฟต์ ได้รายงานว่า ในปี 2555 อัตราการปลดระวางเรือ อยู่ที่ประมาณ 6% ของกองเรือทั่วโลกจากรายงานของมาร์ซอฟต์ มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะค่อยๆ ฟื้นตัวกลับขึ้นมาในปีหน้าและอัตราการเติบโตจะทยอยดีขึ้นตั้งแต่ปี 2557-2559 ซึ่งจะมีผลทำให้การเติบโตของอุปสงค์ในการขนส่งสินค้าอยู่ประมาณ 5-6% ต่อปี โดยจะมีประเทศจีนและประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียเป็นผู้นำ สำหรับประเทศจีน คาดว่า อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กจะโตขึ้น 4%ในปีหน้าและจะทำให้มีการนำเข้าสินแร่เหล็กเพิ่มขึ้น 6% เนื่องจากราคาสินแร่เหล็กในตลาด
ระหว่างประเทศอยู่ที่ 120 เหรียญต่อตัน ทำให้เหมืองในประเทศจีนซึ่งมีต้นทุนที่สูงกว่าแข่งขันไม่ได ้ มาร์ซอฟต์ ยังคาดการณ์ต่อไปว่า การนำเข้าถ่านหินที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงเผาหม้อน้ำ (Steam coal) ของประเทศจีนจะเติบโตขึ้นประมาณ 15-16% ในปีหน้าด้วยต้นทุนของการจัดหาในตลาดระหว่างประเทศลดลงกระตุ้นให้เกิดการนำเข้าเพิ่มขึ้น ในขณะที่ ความต้องการใช้เรือที่เพิ่มขึ้นของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย จะเกิดจากการนำเข้าถ่านหินของอินเดีย ขณะเดียวกัน มาร์ซอฟต์ ยังคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้เหล็กในเกาหลีและไต้หวันจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การนำเข้าสินแร่เหล็กในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นในด้านอุปทาน มีการคาดการณ์ว่า จะมีการส่งมอบเรือในช่วงสองไตรมาสข้างหน้านี้ ยังคงสูงอย่างไรก็ดี เมื่อรวมตัวเลขการปลดระวางเรือที่คาดว่า จะเพิ่มขึ้นในปี 2556 แล้ว มาร์ซอฟต์ มองว่า กองเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองจะเติบโตช้าลงเหลือเพียงแค่ปีละ 6-7% ในปี 2556 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าการเติบโตของอุปสงค์เพียงเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน การสั่งต่อเรือใหม่ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2555 ลดลงต่อเนื่อง เหลือเพียง 2.7 ล้าน DWT ซึ่งตลอดทั้งปี 2555 มีการสั่งต่อเรือใหม่เพียง 12.8 ล้าน DWT
ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 และมีผลทำให้ยอดรวมการสั่งต่อเรือใหม่ลดกลับไปเหลือเพียง 22% ของปริมาณกองเรือโลกทั้งหมดที่มีอยู่ ซึ่งเป็นยอดรวมการสั่งต่อที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2549 จากยอดสั่งต่อที่เคยสูงสุดถึง 75% ในปี 2551ผลของการลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องของค่าระวางเรือ ทำให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้มากขึ้น ซึ่งนำมาซึ่งโอกาสในการลงทุน เพราะราคาเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองน่าจะลดลงเข้าใกล้จุดต่ำสุดในอีก 6-12 เดือนข้างหน้านี้ โทรีเซน ชิปปิ้ง จะยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการบริหารจัดการทางการเงินอย่างรอบคอบ ในขณะเดียวกันก็จะมองหา
จังหวะและโอกาสในการขยายกองเรือ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว
รายได้ปิโตรลิฟต์ลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงแข็งแกร่ง
ผลงานของ ปิโตรลิฟต์ ในปี 2555 นี้ลดลงเล็กน้อย โดยในช่วงครึ่งปีหลัง รายได้ลดลงเนื่องมาจากการเข้าซ่อมอู่แห้งของเรือสองลำนานกว่ากำหนด เนื่องมาจากสภาพอากาศทำให้ การซ่อมดำเนินไม่เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ยังมีเรืออีก 1 ลำเข้าซ่อมอู่แห้งในไตรมาสนี้ จึงทำให้รายได้รวมในปี 2555 ลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ดี EBITDA ทั้งในภาพรวมการดำเนินงานและส่วนแบ่งผลกำไรยังคงแข็งแกร่ง และ ปิโตรลิฟต์ ยังคงเป็นหนึ่งในธุรกิจตัวอย่างของกระจายการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ มีส่วนแบ่งกำไรให้กับ TTA ในอัตราส่วนที่สูงที่สุด และมีผลตอบแทนการลงทุนอยู่ที่ 12% ในปี 2555 ในช่วงปี 2555 ปิโตรลิฟต์มีกองเรือที่ทันสมัยอายุเฉลี่ยเพียงแค่ 10 ปี ที่ประกอบไปด้วย เรือบรรจุและขนส่งน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมจำนวน 10 ลำ และเรือบรรทุกก๊าซปิโตรเลียมเหลวอีก 2 ลำ โดยกองเรือนี้มีขีดความสามารถในการบรรจุรวมที่ประมาณ 41 ล้านลิตร ในการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ปิโตรเลียมกลั่น และก๊าซ แอลพีจี ไปยังท่าเรือ และสถานีสำคัญต่างๆ ทั่วหมู่เกาะฟิลิปปินส์
Group Infrastructure Highlights
- UMS บันทึกขาดทุนจากความพยายามในการเปิดโรงงานในสมุทรสาครใหม่อีกครั้ง
- ขาดทุนน้อยลงชั่วคราวเนื่องจากชะลอการขายถ่าน 0-5 มม.
- ยังคงมุ่งมั่นที่จะเปิดโรงงานสมุทรสาครอีกครั้ง
- บาคองโค ผลประกอบการแข็งแกร่ง
- เพิ่มพื้นที่คลังสินค้าในเดือนมกราคม 2556
UMS บันทึกขาดทุนจากความพยายามในการเปิดโรงงานในสมุทรสาครใหม่อีกครั้ง
UMS ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการดำเนินงานหลายเหตุการณ์ด้วยกันในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได ้ เหตุการณ์แรก คือ การที่นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมได้ทำการฟ้องร้องผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร จนส่งผลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศสั่งให้ผู้ประกอบการถ่านหินทุกรายในจังหวัดสมุทรสาคร ไม่ว่าจะปฏิบัติตามมาตรฐานข้อกำหนดทางด้านสิ่งแวดล้อมหรือไม่ หยุดดำเนินงานทันที ตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 ซึ่งในคดีนี้ เป็นเรื่องของผู้ประกอบการบางรายที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม แต่เรื่องราวลุกลามส่งผลกระทบถึงผู้ประกอบการถ่านหินทุกรายในจังหวัดกลายเป็นคนไม่ดีไปด้วย ต่อมาแนวโน้มของราคาถ่านหินที่ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2554 ก็ส่งผลให้การดำเนินงานของ UMS ลดต่ำลง และสุดท้ายเจอกับเหตุมหาอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้โรงงานอยุธยาต้องปิดการดำเนินงานเป็นการชั่วคราวในเดือนธันวาคม 2554 ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครได้ออกคำสั่งตั้งเงื่อนไข 3 ประการ สำหรับ UMS ในการพิจารณาอนุญาตให้กลับมาเปิดโรงงานที่สมุทรสาครอีกครั้ง คือ 1) ให้ขนย้ายสต็อกถ่านหินขนาด 0-5 มม ทั้งหมดออกจากพื้นที่ 2) ปรับปรุงท่าเทียบเรือและพื้นของคลังสินค้าและ 3) ปรับปรุงระบบกำจัดน้ำเสีย ซึ่งต่อมา สืบเนื่องจากเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อUMSจึงได้เร่งขายถ่านหินขนาด 0-5 มม.ไปยังโรงงานปูนในจังหวัดสระบุรีในช่วงเดือนธันวาคม 2554 ถึงเดือนกรกฎาคม 2555 ในขณะที่โรงงานที่อยุธยาก็ดำเนินการผลิตและส่งถ่านหินคัด ขนาดกลับมาให้ลูกค้าในแถบจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งการดำเนินการข้ามพื้นที่ข้ามจังหวัดในลักษณะนี้ได้ก่อให้เกิดต้นทุนค่าขนส่งที่สูงมาก จึงทำให้UMS มีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนติดต่อกันในสามไตรมาสที่ผ่านมา นอกจากนี้ UMS ยังต้องแบกภาระในการดำเนินกิจการผ่านโรงงานที่อยุธยาเพียงโรงงานเดียว แทนที่จะสามารถดำเนินงานไปพร้อมๆ กันทั้งสองโรงงาน ซึ่งจะทำให้ควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
ขาดทุนน้อยลงชั่วคราวเนื่องจากชะลอการขายถ่าน 0-5 มม.
UMS ขายถ่านหินในไตรมาสที่ 4/2555 ไปทั้งสิ้นประมาณ 319,000 ตัน ลดลงประมาณ 26%เทียบกับปริมาณที่ขายได้ในไตรมาสที่ 3/2555 อย่างไรก็ตาม ผลการขาดทุนของ กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ได้ลงลงอย่างมากเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เป็นติดลบที่ 12ล้านบาท เหตุผลหลักที่รายได้ลดลงและมีผลขาดทุนที่น้อยลงของ UMS นั้น เนื่องมาจากมีการขนส่งถ่านหิน ขนาด 0-5 มม. ทางรถบรรทุกไปขายที่จังหวัดสระบุรี แค่ประมาณ 56,000 ตันเท่านั้นในช่วงไตรมาสที่ 4/2555 เทียบกับ 126,000 ตัน ในไตรมาสที่ 3/2555 ดังนั้น จะทำให้ผลขาดทุนจากการขายนั้นลดลง (อาทิ ต้นทุนการขนส่งที่ลดลง) ในช่วงไตรมาสนี้
ผลประกอบการประจำปี ของรอบปีบัญชี 2555
ในไตรมาส 4/2555 บริษัทได้ตัดสินใจที่จะชะลอการขายถ่านหินขนาด 0-5 มม. ของโรงงานสมุทรสาครเป็นการชั่วคราว ในขณะที่คณะทำงานก็ได้มีการเจรจาหาหนทางแก้ไขปัญหาการขนส่งถ่านหินไปยังจังหวัดสระบุรี จึงได้เกิดแนวคิดการขนส่งทางเรือ Barge ซึ่งจะเป็นวิธีที่ทำให้สามารถขนส่งสินค้าได้ในปริมาณที่มากขึ้นต่อเที่ยว ในขณะที่ต้นทุนค่าขนส่งก็จะลดลงอย่างไรก็ตาม จากการที่ได้มีการพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานราชการหลายแห่งมีการตกลงกันว่า UMS ไม่ควรทำการขนส่งถ่านหิน ทางเรือ Barge ในเวลานี้ ดังนั้น เพื่อที่ดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 3 ประการตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ออกคำสั่งมาในตอนแรกนั้น UMS ยังคงต้องขนย้ายสต๊อกถ่านหินขนาด 0-5 มม. ที่ยังเหลืออยู่ ประมาณ 180,000 ตัน ทางรถบรรทุก ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 นี้ จากนั้น จึงจะเริ่ม กระบวนการเปิดโรงงานใหม่อีกครั้ง แม้ว่าผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติจะลดลงในไตรมาสที่ 4/2555 UMS ได้รายงานผลการขาดทุนสุทธิที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ จากการตั้งค่าเผื่อมูลค่าที่จะได้รับคืนของสินค้าคงเหลือ จำนวน 107 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4/2555 เนื่องจากราคาถ่านหินโลกตกต่ำลงในช่วงปี 2555 ซึ่งจะสะท้อนถึงราคาขายของสินค้าคงเหลือที่คาดการณ์ในอนาคต
ยังคงมุ่งมั่นที่จะเปิดโรงงานสมุทรสาครอีกครั้ง
คณะทำงานยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับคณะกรรมการบริษัทฯ ในการเจรจาหาหนทางร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครในการทำให้โรงงานสมุทรสาครกลับมาเปิดอีกครั้งทันทีที่โรงงานสมุทรสาครได้กลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง หรือมีแนวทางการแก้ไขอื่นๆ บริษัทฯ คาดว่า UMS จะกลับมาทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีผู้ต้องการใช้ถ่านหินจำนวนมากในจังหวัดสมุทรสาคร อาทิ โรงงานแปรรูปอาหาร การเร่งขายถ่านหินขนาด 0-5 มม. ช่วยให้การบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนของ UMS ดีขึ้นเนื่องจากการแปลงสินค้าคงเหลือให้กลับมาเป็นเงินสด ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 ในงบดุลของ UMS พบว่า มูลค่าสินค้าคงคลังเหลืออยู่ที่ระดับ 1,087 ล้านบาท ลดลง 42% จากยอดสูงสุดที่ระดับ 1,880 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2554 โดยมีการตั้งยอดรับการค้าอยู่ที่639 ล้านบาท ลดลงจาก 859 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555
บาคองโค ผลประกอบการแข็งแกร่ง
บาคองโคยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4/2555 ด้วยอัตราการเติบโตของกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ที่สูงถึง 53% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ผลการดำเนินงานเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสนั้นลดลง โดยหลักๆ มาจากปริมาณการขายที่สูงผิดปกติในไตรมาสที่ 3/2555 เนื่องจากอุปสงค์ในสินค้าสินค้ากักไว้จากไตรมาสที่ 2/2555เป็นผลมาที่เกษตรกรชาวเวียดนามตอนใต้รอจนนาทีสุดท้ายจึงจะซื้อปุ๋ย
แม้ว่าบาคองโคจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและวันหยุดยาวในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2555 บาคองโคมียอดขายปุ๋ยถึง 189,900 ตัน ลดลงเพียงเล็กน้อยจาก 190,500 ตันในปี 2554 มีการเน้นที่การส่งออกให้มากขึ้นเพื่อชดเชยกับความต้องการปุ๋ย NPK ในท้องถิ่นที่ลดลง ดังนั้น ปริมาณที่ส่งออกจะมากกว่าเป็นเท่าตัว จาก 28,600 ตัน เป็น 60,700 ตัน ในปี 2554 และ ปี 2555 ตามลำดับ
ผลประกอบการประจำปี ของรอบปีบัญชี 2555
บาคองโคได้พยายามที่จะปรับปรุงกำไรขั้นต้นให้ดีขึ้นตลอดมา ราคาของวัตถุดิบยังคง ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง บาคองโคสามารถที่จะปรับราคาขายให้สูงขึ้นตามไปได้บ้างประกอบกับการใช้วัตถุดิบในประเทศ ประมาณ 60% โดยใช้ความได้เปรียบของต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงต่ำอยู่มาเป็นตัวช่วยด้วย เพื่อช่วยพยุงอัตรากำไรขั้นต้น สำหรับปี 2555 บาคองโคสร้างผลกำไรสุทธิให้กับ TTA จำนวน 204 ล้านบาท คิดเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนถึง 55% นับเป็นการลงทุนในการกระจายธุรกิจที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของ TTA
เพิ่มพื้นที่คลังสินค้าในเดือนมกราคม 2556
ในไตรมาสที่ 2/2555 บาคองโคได้ใช้เงินสดจากการดำเนินงานซื้อที่ดินเพิ่มเติมขนาด 50,000 ตารางเมตร และได้รับมอบกรรมสิทธิ์ที่ดินผืนนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยพื้นที่คลังสินค้าประมาณ 27,000 ตารางเมตรมีกำหนดเปิดใช้งานใน เดือนมกราคม 2556 มีความจุถึง 100,000 เมตริคตัน โดยแบ่งเป็นสินค้าบรรจุภัณฑ์ และสินค้าเทกอง 80,000 ตัน และเป็นคอนเทนเนอร์ ท่อ และ เหล็กอีก 20,000 ตัน ทั้งนี้ ลูกค้า ได้เริ่มมีการจองพื้นที่ในคลังสินค้าเป็นการล่วงหน้าแล้วในปัจจุบัน พื้นที่คลังสินค้าทุกแห่งของบริษัทในเครือของ TTA ในเวียดนามมียอดการใช้งานเต็มกว่า 90%ปริมาณอุปสงค์ของการให้บริการ โลจิสติกส์ ในประเทศเวียดนามตอนใต้ยังคงเพิ่มขึ้น ดังนั้นการให้บริการ โลจิสติกส์ แบบครบวงจรจึงถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของ TTA ในประเทศเวียดนามตอนใต้โทรีเซน วินามา โลจิสติกส์, บาคองโค, และบาเรียเซเรส เป็นส่วนผสมที่ลงตัว และทำให้กลุ่มบริษัทนี้ กลายเป็นผู้ให้บริการ โลจิสติกส์ แบบบูรณาการที่สามารถให้บริการขนส่งทางบกและทางทะเล คลังสินค้าพื้นที่บรรจุภัณฑ์ การส่งสินค้าและกระบวนการทางศุลกากรโดยบริการโลจิสติกส์เหล่านี้เป็นตัวสนับสนุนการขยายตัวของท่าเรือน้ำลึกบาเรียเซเรสที่ TTA ถือหุ้นอยู่ทั้งสิ้น 20% โดยในปี 2555 นี้ บาเรีย เซเรส มีส่วนแบ่งกำไรให้TTA ทั้งสิ้น 29 ล้านบาท หรือคิดเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 8%
Group Energy Highlights
- เมอร์เมดพลิกกลับมาโชว์ผลงานที่ดีขึ้น
- เริ่มต้นทำผลงานได้ดีในช่วงที่อุตสาหกรรมกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
- ตลาดเรือขุดเจาะแบบท้องแบนปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ตลาดเรือขุดเจาะแบบสามขายังคงสดใส
- โครงการเหมืองถ่านหินที่ฟิลิปปินส์จะต้องเข้าสู่การปรับโครงสร้าง
เมอร์เมดพลิกกลับมาโชว์ผลงานที่ดีขึ้น
ในช่วงปีงบประมาณ 2555 เมอร์เมดมีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,714 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% รายได้ในส่วนของธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะลเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลจะลดลงเหลือเพียง 68.2% ในไตรมาส 4/2555 ซึ่งใน ความเป็นจริงแล้วรายได้ของธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลในไตรมาสนี้สูงกว่าไตรมาสที่ผ่านมาเล็กน้อยเนื่องจากสามารถนำเรือไปให้บริการในน่านน้ำที่สามารถเรียกอัตราค่าจ้างรายวันได้สูงกว่า ส่วนของธุรกิจขุดเจาะรายได้เพิ่มสูงขึ้น 5% เพราะเรือ MTR-1 ได้สัญญาเป็นเรือสนับสนุนการทำงานนอกชายฝั่งในแถบทะเลอินโดนีเซียตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาหลังจากที่ไม่ได้มีงานมาเป็นเวลาปีเศษ
อย่างไรก็ดี กำไรของเมอร์เมดในปีงบประมาณ 2555 ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก กำไรเบื้องต้นเพิ่มขึ้น 19% เป็น 1,944 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายและโครงการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเมื่อรวมผลของกำไรเบื้องต้นที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เข้ากับการลดลงของค่าเสื่อมราคา ทำให้ EBITDA ของเมอร์เมดพลิกกลับมาเป็นบวกในปีนี้
เริ่มต้นทำผลงานได้ดีในช่วงที่อุตสาหกรรมกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
เมอร์เมดได้ทำงานอย่างหนักในปรับกลยุทธ์ให้กับกองเรือวิศวกรรมใต้ทะเล โดยมุ่งเน้นหาสัญญาให้กับเรือที่มีค่าตอบแทนสูง และยังสามารถเจาะเข้าสู่ตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงได้มากขึ้น เช่นในแถบน่านน้ำตะวันออกกลาง และแอฟริกาโดยในเดือนตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา กิจการร่วมทุนระหว่างเมอร์เมด กับ บริษัท Zamil Offshore Services Company (Zamil) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการงานบริการนอกชายฝั่งและขุดเจาะที่ใหญ่ที่สุดในตะ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 784
(3)HotNews:TTA เรือเลือด งบปี 55(สิ้นสุด 30ก.ย.)
ขาดทุน4.6พันลบ./ผู้บริหาร หวังปีหน้าธุรกิจหลักสดใส
เริ่มต้นทำผลงานได้ดีในช่วงที่อุตสาหกรรมกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
เมอร์เมดได้ทำงานอย่างหนักในปรับกลยุทธ์ให้กับกองเรือวิศวกรรมใต้ทะเล โดยมุ่งเน้นหาสัญญาให้กับเรือที่มีค่าตอบแทนสูง และยังสามารถเจาะเข้าสู่ตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงได้มากขึ้น เช่นในแถบน่านน้ำตะวันออกกลาง และแอฟริกาโดยในเดือนตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา กิจการร่วมทุนระหว่างเมอร์เมด กับ บริษัท Zamil Offshore Services Company (Zamil) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการงานบริการนอกชายฝั่งและขุดเจาะที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง สามารถคว้าสัญญาจ้างงาน สำรวจ ซ่อมแซมและบำรุงรักษาแท่นขุดเจาะ เป็นเวลา 5 ปี มูลค่าขั้นต่ำ 530 ล้านเหรียญจากบริษัทน้ำมันแห่งซาอุดิอาระเบีย (Saudi Aramco) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้โดยขอบเขตของสัญญาครอบคลุม การให้บริการดำน้ำอย่างครบวงจร ตั้งแต่ การดำน้ำแบบ air/mixed gas การดำสำรวจน้ำลึก ยานสำหรับสำรวจและตรวจสอบใต้น้ำและงานซ่อมแซมบำรุงรักษาแท่นขุดเจาะ นอกจากนั้น ซาอุดิอรามโค ยังจะใช้บริการเรือสนับสนุนการทำงานนอกชายฝั่งอีก 4 ลำ และเรือสนับสนุนการทำงานของนักประดาน้ำอีก 1 ลำ โดยเมอร์เมดจะนำเรือ MV Mermaid Asiana ไปให้บริการตามสัญญานี้ นอกจากนั้น เมอร์เมดและซับเทค ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเมอร์เมดในตะวันออกกลาง จะจัดหานักประดาน้ำที่มีความเชี่ยวชาญสูงจำนวนถึง 110 คน พร้อมยานสนับสนุนควบคุมด้วย Remote จำนวน 3 ลำ และชุดแพคเกจดำน้ำลึกไว ้คอยสับเปลี่ยน นอกจากนี้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ บริษัท ซับเทค ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเมอร์เมดในการ์ต้าก็ได้สัญญาระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 25 ล้านเหรียญจากบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติชั้นนำ ซึ่งตามสัญญานี้ เมอร์เมดจะนำเรือ DPB เมอร์เมด สยาม ซึ่งเป็นเรือท้องแบนสำหรับสนับสนุนการทำงานของแท่นขุดเจาะ ไปคอยให้บริการงานซ่อมแซมแก้ไข ตามที่ลูกค้าจะเรียก โดยจะทำงานปีละไม่เกิน 60-100 วัน ซึ่งสัญญาทั้งสองฉบับ เป็นตัวอย่างผลงานในการหาสัญญา ระยะยาวและขยายธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลของเมอร์เมดไปมากกว่าแถบน่านน้ำเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ตลาดตะวันออกกลางเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง และไม่ต้องเผชิญกับฤดูมรสุมเหมือนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำให้สามารถให้บริการได้ตลอดทั้งปี
ตลาดเรือขุดเจาะแบบท้องแบนปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากเรือขุดเจาะแบบท้องแบนเป็นเรือที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัวสูง และสามารถปฏิบัติงานได้เฉพาะในบางน่านน้ำเท่านั้น เช่น ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกาตะวันตก ซึ่งกว่า 75% ของกองเรือขุดเจาะท้องแบนทั่วโลกจะทำงานอยู่ในแถบน่านน้ำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเมื่อดูแนวโน้มในอนาคตของตลาดเรือขุดเจาะท้องแบน พบว่า เรือขุดเจาะที่อายุไม่มากจะมีอัตราการใช้ประโยชน์ที่สูงถึง 95% ในขณะที่อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือขุดเจาะที่อายุมากจะอยู่ที่ 85% เรือขุดเจาะท้องแบน MTR-1 ยังคงทำหน้าที่เป็นเรือสนับสนุนการทำงาน นอกชายฝั่งอยู่ในอินโดนีเซีย จนกว่าจะครบสัญญาในช่วงไตรมาสที่ 2/2556 ในขณะที่เรือ MTR-2 เพิ่งจะครบสัญญาการทำงานในอินโดนีเซียเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และมีกำหนดจะเข้ารับการตรวจสภาพพิเศษตามระยะเวลาเป็นเวลา 3-4 เดือน ซึ่งเมอร์เมดได้เริ่มทำ การตลาดเพื่อหางานให้กับเรือ MTR-2 แล้วหลังจากได้รับการตรวจสภาพเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเมอร์เมดกำลังมองหาโอกาสในตลาดเรือขุดเจาะท้องแบน ซึ่งมีรายงานว่า เรือประเภทนี้กำลังเป็นที่ต้องการในตลาดโลก เนื่องจากจำนวนเรือที่พร้อมให้บริการมีไม่เพียงพอ ซึ่งมีแนวโน้มว่า อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือประเภทนี้น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ต่อไปอีกหลายปี
ตลาดเรือขุดเจาะแบบสามขา ยังคงสดใส
ความต้องการใช้งานโดยรวมของเรือขุดเจาะแบบสามขา (jack-up rig) ที่มีคุณภาพสูง ในทั่วทุกภูมิภาคยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือขุดเจาะแบบสามขารุ่นใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นหลังปี 2553 ที่มีขนาดความลึกของขากว่า 300 ฟุตทั่วโลก ยังคงสูงกว่า 95% บริษัทน้ำมันต่างๆ ยังคงเลือกที่จะใช้บริการเรือรุ่นใหม่ๆ ที่มีขีดความสามารถทางเทคนิค และมีความคล่องตัวในการปฏิบัติงานที่สูงกว่าเรือรุ่นเก่าๆ ซึ่งพัฒนาการของตลาดโดยรวมในภาคธุรกิจนี้ ยังคงมีแนวโน้มเป็นบวก ไม่ว่าจะเป็นในเชิงของความต้องการใช้งาน อัตราการใช้ประโยชน์ ระยะเวลาในการจ้างงานของสัญญา และอัตราค่าจ้างรายวันในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทเอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง (“AOD”) ซึ่งเมอร์เมดถือหุ้นอยู่ 33.75% ก็สามารถหาสัญญาจ้างงานให้กับเรือ AOR-1 ซึ่งเป็นเรือขุดเจาะแบบสามขาที่มี คุณสมบัติเฉพาะตัวสูงลำที่หนึ่งจากจำนวนทั้งหมดสามลำที่ AOD สั่งต่อไว้ได ้ โดยสัญญานี้เป็นสัญญาการจ้างงานจาก Saudi Aramco ที่มีมูลค่าสูงถึง 197 ล้านเหรียญ (หรือคิดเป็นอัตราจ้างงานรายวันที่ 180,000 เหรียญต่อวัน) ซึ่งยังไม่รวมค่าเคลื่อนย้ายดัดแปลงเรืออีก 39.5 ล้านเหรียญด้วย มีระยะเวลาจ้างงานนาน 3 ปีพร้อมเงื่อนไขในการขยายสัญญาต่อไปอีก 1 ปี โดยซีดริลจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ AOD ในการบริหารจัดการเรือลำนี้ ทั้งนี้ AOR-1กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่อู่ Keppel FELS ในสิงคโปร์ และมีกำหนดจะไปเริ่มปฏิบัติการในตะวันออกกลางในเดือนมิถุนายน 2556 ส่วนเรืออีก 2 ลำคือ AOR-2 และ AOR-3 ก็กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และมีกำหนดส่งมอบในปี 2556 เช่นเดียวกันเมอร์เมดเลือกจังหวะการลงทุนใน AOD ได้อย่างดี และกำลังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน เนื่องจากเรือที่สั่งต่อไว ้สามารถส่งมอบได้ทันเวลาในช่วงเวลาที่เรือขุดเจาะแบบสามขาที่มีคุณภาพสูงกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก เนื่องจากจำนวนเรือที่มีให้บริการมีจำนวน จำกัด และซีดริลก็ได้มองเห็นโอกาสที่น่าสนใจในตลาดนี้ จึงได้ทำการซื้อหุ้นของ AOD ไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ซีดริลมีสัดส่วนการถือหุ้นใน AOD เพิ่มเป็น 64.23% ซึ่งเข้าข่ายต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นจำนวนที่เหลือทั้งหมดในราคาหุ้นละ 28.70 นอร์เวย์โครห์น NOK (หรือประมาณ 5 เหรียญต่อหุ้น ) ซึ่ง ณ วันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซีดริลมีหุ้น AOD รวมทั้งสิ้น 65.94%
โครงการเหมืองถ่านหินที่ฟิลิปปินส์จะต้องเข้าสู่การปรับโครงสร้าง
จากการที่ SERI มีสำรองถ่านหินที่มีค่าความร้อนสูง ประกอบกับแนวโน้มในการเติบโตของ ธุรกิจ เมื่อช่วงปลายปี 2554 TTA (ผ่าน Soleado) ไดตั้ดสินใจลงทุนตรงใน SERI เป็นมูลค่า 25.3 ล้านเหรียญโดยใช้เงินสด 5 ล้านเหรียญ และแปลงหนี้จำนวน 20.3 ล้านเหรียญเป็นทุนซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จะทำให้ Soleado ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นต่างชาติ ที่มีสัดส่วนการถือครองหุ้นสามัญทั่วไป 40% มีสัดส่วนการถือครองหุ้นรวมทุกประเภท 45.79% และมีส่วนแบ่ง ผลประโยชน์ในทางธุรกิจ 47% การแปลงหนี้เป็นทุนนี้เป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้ SERI สามารถนำมาซึ่งผลตอบแทนในอนาคต อย่างไรก็ดี แผนการดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ได้วางไว ้ เนื่องจากคณะกรรมการ กำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ของฟิลิปปินส์ ให้ความเห็นว่าต้องปรับโครงสร้างการถือหุ้นจากที่ SERI Soleado และผู้ถือหุ้นอื่นเสนอ เพราะต้องรอการตีความทางกฎหมายเกี่ยวกับข้อจำกัดในการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติที่ถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการเหมืองถ่านหินใน ฟิลิปปินส์ จากการที่พันธมิตรทุกรายไม่สามารถเพิ่มทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและการ ขยายกิจการ จึงทำให้ SERI ยังผลิตถ่านหินอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าจุดคุ้มทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต จึงได้มีการตั้งบันทึกสำรองล่วงหน้าเผื่อหนี้สูญสำหรับวงเงินกู้ที่เคยปล่อยให้ก่อนหน้านี้ ในขณะเดียวกัน บริษัทก็จะเร่งหาพันธมิตรรายอื่นมาลงทุนใน SERI เพื่อทำให้บริษัทกลับมาเติบโตตามแผนงานที่วางไว้
The Corporate
ปัจจุบัน TTA เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุน้ เพื่อการลงทุนในธุรกิจที่สำคัญ 6 ธุรกิจ เรามีนโยบายในการกลับเข้าไปพิจารณามูลค่ายุติธรรมของการลงทุนที่แสดงไว้ในงบการเงินเป็นประจำ ซึ่งคณะกรรมการของบริษัทจะคอยตรวจสอบและพิจารณามูลค่าการลงทุนในแต่ละธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ UMS ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ TTA ได้เข้าไปลงทุน ได้เผชิญกับเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบในทางลบต่อการดำเนินงานหลาย สถานการณ์อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท ซึ่งสาเหตุหลักที่ ทำให้UMS มีผลการดำเนินงานที่แย่ลง ก็คือ การที่สายการผลิตของโรงงานสมุทรสาครต้องหยุดดำเนินการมาเป็นเวลานานกว่า 12 เดือน และอาจจะต้องเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง จึงส่งผลให้ UMS ต้องย้ายฐานการผลิตไปอยู่ที่โรงงานอยุธยาแทนที่จะสามารถดำเนินการได ้ 2 โรงงานตามที่ควรจะเป็นสถานการณ์ดังกล่าว เป็นสิ่งที่ฝ่ายจัดการหรือคณะกรรมการบริษัทไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าเมื่อตอนที่ตัดสินใจเข้าไปซื้อกิจการของ UMS ในปี 2552 ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา UMS เองได้ปฏิบัติตามมาตรฐานเกี่ยวกับการควบคุมสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดหรือดีกว่าที่มาตรฐานที่กำหนดไว้ดังนั้น จึงเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ยุติธรรมสำหรับ UMS ที่ต้องพลอยถูกสั่งให้หยุดกระบวนการผลิตเหมือนผู้ประกอบการรายอื่นๆเมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงในการที่จะทำให้โรงงานที่สมุทรสาครสามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้อย่างถาวรอีกครั้ง คณะกรรมการบริษัทฯ จึงขอให้มีการประเมินมูลค่ายุติธรรมของการลงทุนใน UMS เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งตามมาตรฐานการบัญชีได้ระบุว่ามูลค่าความนิยมจะไม่ควรจะเกินกว่ามูลค่าการของการได้คืนกลับมาของการลงทุน (ซึ่งเป็นการคิดจากมูลค่าการใช้ประโยชน์ หรือมูลค่าของการจำหน่ายออก แล้วแต่ว่ามูลค่าใดจะสูงกว่า) และการที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการกำกับดูแลกิจการที่ดี ความโปร่งใส และการรายงานทางการเงินที่ระมัดระวัง คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีคำสั่งให้ทำการประเมินสมมติฐานในการปฏิบัติงานในอนาคตข้างหน้าในรูปแบบต่างๆ เพื่อคำนวณหามูลค่าการใช้ประโยชน์ที่อาจจะส่งผลกระทบให้ UMS ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย หากมีสถานการณ์ภายนอกใดๆ เข้ามากระทบ
ซึ่งจากการที่คณะกรรมการได้พิจารณาถึงสมมติฐานต่างๆ ที่จะกระทบต่อการดำเนินงานในอนาคต พบว่า มูลค่าการใช้ประโยชน์ของ UMS จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องบันทึกการด้อยค่าความนิยมจำนวน 2.32 พันล้านบาท และรับรู้รายการดังกล่าวในงบกำไรขาดทุนประจำไตรมาสที่ 3 การคำนวณมูลค่าการใช้ประโยชน์ของ UMS มาจากวิธีการคำนวณกระแสเงินสดในอนาคตข้างหน้าอีก 5 ปี โดยใช้อัตราการเติบโตร้อยละ 3.6 และส่วนลดกระแสเงินสดร้อยละ 14 เป็นเกณฑ์ในการคำนวณ อย่างไรก็ดี UMS ได้พยายามอย่างยิ่งยวดในการหาทางเลือกใหม่ในการชดเชยผลกระทบจากการปิดโรงงาน เพื่อพลิกฟื้นให้ UMS กลับมาทำกำไรให้ได้เร็วที่สุด สำหรับโครงการเหมืองถ่านหินในฟิลิปปินส์ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ของฟิลิปปินส์ได้มีคำสั่งชะลอการแปลงหนี้เป็นทุน ดังนั้น เมื่อ SERI ยังคงผลิตถ่านหินได้ไม่เพียงพอที่จะก่อให้เกิดกระแสเงินสดให้ผ่านจุดคุ้มทุน จึงมีการตั้งบันทึกการด้อยค่าของวงเงินกู้จำนวน 908 ล้านบาทและรับรู้ในไตรมาส 4/2555 บริษัทฯ จะพยายามอย่างเต็มที่ในการปรับโครงสร้างการลงทุนในโครงการนี้ เพื่อให้ SERI สามารถกลับมาเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในแง่ของผู้ถือหุ้นเราหวังว่า ผู้ถือหุ้นจะมองการดำเนินการที่เกิดขึ้นในทางบวก ที่แสดงให้เห็นถึงความเปิดเผย โปร่งใส และใช้ความระมัดระวังรอบคอบในการจัดทำรายงานทางการเงิน ซึ่งการรับรู้รายการพิเศษเหล่านี้ จะช่วยทำให้ผลกำไรของเราปรับตัวดีขึ้นอย่างรวดเร็วใน 2-3 ปีข้างหน้าเนื่องจาก TTA ได้ทำการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญไปแล้วดังหลักฐานที่ปรากฏจากการเพิ่มขึ้นของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูงถึง 1,261% เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดธุรกิจการให้บริการนอกชายฝั่งก็มีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีข้างหน้าและค่าระวางเรือเองก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป ดังนั้น บริษัทฯ จึงคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของปี 2556 จะดีขึ้น เนื่องจากเราได้รับรู้รายการพิเศษต่างๆ ที่ส่งผลกระทบในทางลบไปแล้วในงบการเงินประจำรอบปีบัญชีนี้
ราคาปิด ( 30 พ.ย.) ราคาหุ้น TTA อยู่ที่ 15.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.30บาท หรือ1.95 % มูลค่าการซื้อขาย 103.49ล้านบาท
--จบ--
วันที่ : 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 785
สรุปข่าววันที่ 30พ.ย.-1ธ.ค.2555 เวลา 18.00 - 06.30 น.
ผู้บริหารสายการบินคาร์เธ่ย์ฯ รับเรื่องกำลังดำเนินการสอบปัญหาที่
พนักงานต้อนรับฯ รายหนึ่งโฟสเฟซบุ๊กอยากเอากาแฟสาดหน้า
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลูกทักษิณ เผยเหตุครั้งนี้เป็นครั้งแรก
หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะดำเนินการตามระเบียบบริษัทอย่างเข้มงวด...
http://www.thairath.co.th/content/region/310100
โดย ไทยรัฐออนไลน์
1 ธันวาคม 255
ผู้บริหารสายการบินคาร์เธ่ย์ฯ รับเรื่องกำลังดำเนินการสอบปัญหาที่
พนักงานต้อนรับฯ รายหนึ่งโฟสเฟซบุ๊กอยากเอากาแฟสาดหน้า
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลูกทักษิณ เผยเหตุครั้งนี้เป็นครั้งแรก
หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะดำเนินการตามระเบียบบริษัทอย่างเข้มงวด...
http://www.thairath.co.th/content/region/310100
โดย ไทยรัฐออนไลน์
1 ธันวาคม 255
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 786
จำคุกแก๊งค้าอวัยวะจีน คดีฉาวโฉ่เด็กยอมแลกไตซื้อไอโฟน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว
จำคุกผู้ต้องหาจีนรวมทั้งศัลยแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการลอบผ่าตัดขายอวัยวะมนุษย์ผิดกฎหมาย
หลังคดีดังกล่าวทำให้โลกตะลึงมาแล้ว เมื่อวันรุ่นชายรายหนึ่ง ยอมขายไตตัวเองเพื่อเอาเงินไปซื้อไอโฟน....
เมื่อวันพฤหัสบดี 29 พ.ย. ทางการจีนจำคุกผู้ต้องหา 7 คน จากทั้งหมด 9 คน
ที่เกี่ยวข้องขบวนการลักลอบผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะมนุษย์เพื่อขายต่อ
โดยหนึ่งในผู้ถูกตัดสินจำคุกคือศัลยแพทย์ผ่าตัดเปลี่ยนไต
ของเหยื่อนักเรียนวัยรุ่นอายุ 18 ปี ซึ่งได้รับเงินค่าขายไตตัวเอง 1 ข้าง
มูลค่าราว 22,000 หยวน หรือราว 1.1 แสนบาท
โดยเด็กหนุ่มคนดังกล่าว นำเงินไปซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟนและไอแพดอย่างละ 1 เครื่อง
ทั้งๆ ที่ราคาขายไต 1 ข้างให้แก่ผู้ต้องการอวัยวะมีราคาสูงมากกว่านั้นราว 10 เท่า
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ที่มลฑลหูหนาน ภายหลังจากเด็กหนุ่มผู้ขายไตเกิดอาการแทรกซ้อน
จากการขายไต ต้องเข้าโรงพยาบาล ทำให้มีการติดตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องในขบวนการลักลอบค้าไต
จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 9 ราย โดยศาลตัดสินจำคุกนายอี้ เหว่ย หัวหน้าแก๊งค้าไต 5 ปี
ส่วนผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆ รวมถึงนายแพทย์ผู้ผ่าตัด ถูกจำคุก 3 ปี
นายแพทย์ถูกระงับใช้ใบประกอบโรคศิลป์อีก 5 ปี ผู้ต้องโทษต้องจ่ายเงินเยียวยา
ให้เหยื่อผู้ต้องถูกบีบให้ขายไตจำนวน 1.47 ล้านหยวนหรือราว 7.3 ล้านบาท.
โดย ไทยรัฐออนไลน์
1 ธันวาคม 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 787
อิหร่านแอบขายน้ำมันให้ตุรกีแลกทองคำ
รองนายกรัฐมนตรีของตุรกี นายอาลี บาบากัน แถลงต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรว่า เมื่อช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อิหร่านได้ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ ด้วยการนำเข้าทองคำจากตุรกี แลกเปลี่ยนกับพลังงานหลายพันล้านดอลลาร์ที่ขายให้ตุรกี ภายใต้ระบบบาร์เตอร์ ทองคำแลกน้ำมัน
ถ้อยแถลงของนายบาบากันถูกเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของรัฐบาลตุรกี ซึ่งเขาแก้ต่างในเรื่องนี้ว่า เหตุใดจะทำไม่ได้ ในเมื่อตุรกีได้ชื่อว่า เป็นผู้ส่งออกทองคำอยู่แล้ว โดยเฉพาะทองคำแท่ง ซึ่งเมื่อตุรกีซื้อน้ำมันจากอิหร่าน ตุรกีก็ต้องจ่ายด้วยสกุลเงินลีราของตัวเอง เพราะอิหร่านไม่สามารถรับการชำระเงินในรูปของเงินสกุลดอลลาร์ได้ เพราะถูกตัดออกจากสมาคมสื่อสารการเงินระหว่างธนาคารนานาชาติ หรือสวิฟต์ (SWIFT) ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและนานาชาติ อิหร่านจึงต้องถอนเงินสกุลลีรา และเอาไปซื้อทองคำจากตลาดตุรกี
จากสถิติของทางการตุรกี พบว่า อิหร่านนำเข้าทองคำจากตุรกีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่อิหร่านถูกคว่ำบาตรการทำธุรกรรมการเงินในระบบธนาคารสากล เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งถ้อยแถลงของนายบาบากัน ได้ช่วยคลายความสงสัยของเหล่านักเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับการที่ตุรกีส่งออกทองคำให้อิหร่านมากผิดปกติ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์รายหนึ่ง ให้ความเห็นว่า อิหร่านไม่เคยให้ความสนใจทองคำของตุรกี จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว เมื่ออิหร่านมีปัญหาไม่สามารถเข้าระบบการเงินสากลได้ จึงหันมาซื้อทองคำจากตุรกี ซึ่งรายงานระบุว่า อิหร่านกระโดดขึ้นไปเป็นลูกค้าทองคำอันดับ 1 เมื่อเดือนเมษายน และเมื่อเดือนที่แล้ว ตุรกีส่งออกทองคำให้อิหร่านเป็นมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าปีที่แล้ว 438.2% ทำให้ตุรกีเปรียบเสมือนช่องโหว่ขนาดใหญ่ของกำแพงคว่ำบาตรของนานาชาติ
สถานการณ์โลก
วันที่ 1 ธันวาคม 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 788
'สเตราส์-คาห์น'จ่าย600ล้านดอลล์ยอมความคดีฉาว
นายโดมินิค สเตราส์-คาห์น อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) ลงนามในข้อตกลงยอมความเบื้องต้นนอกศาล ในคดีล่วงละเมิดทางเพศ กับแม่บ้านทำความสะอาดห้องพักของโรงแรมหรูในนครนิวยอร์ก ของสหรัฐ
หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า สเตราส์-คาห์น วัย 63 ปี และนางนาฟิสซาตู ดิอัลโล วัย 33 ปี พนักงานทำความสะอาดของโรงแรมระดับ 5 ดาวแห่งหนึ่งในเขตแมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก ร่วมลงนามในข้อตกลงดังกล่าว เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยข่าวระบุว่า นายสเตราส์-คาห์น จ่ายเงินให้กับการยอมความครั้งนี้จำนวน 6 ล้านดอลลาร์
อนาคตของ สเตราส์-คาห์น ผู้เคยได้รับการคาดหมายว่า มีโอกาสก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ดับวูบลงทันที เมื่อเขาถูกจับกุมที่โรงแรมแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์กเมื่อปีที่แล้ว พร้อมกับถูกตั้งข้อหาล่วงละเมิดทางเพศต่อดิอัลโล ซึ่งเป็นพนักงานทำความสะอาดของโรงแรมที่เกิดเหตุ แต่สเตราส์-คาห์น ยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เป็นความสมยอมของทั้งสองฝ่าย
สถานการณ์โลก
วันที่ 1 ธันวาคม 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 789
ออสเตรเลียเริ่มใช้กฏใหม่ซองบุหรี่ไร้ยี่ห้อ
ออสเตรเลีย เริ่มใช้กฎหมายใหม่วันนี้ ให้จำหน่ายบุหรี่ในซองที่ไม่มียี่ห้อ มีแค่ภาพ และคำเตือน เกี่ยวกับอันตรายของการสูบบุหรี่
นางทันยา พลีเบอร์เซ็ก รมว.กระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลีย เผยว่า เนื้อหาภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป ระบุว่า บรรจุภัณฑ์ของบุหรี่ทุกยี่ห้อที่วางจำหน่ายในออสเตรเลีย จะมีเพียงข้อความ และภาพเตือนถึงอันตราย หรืออาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากการสูบบุหรี่ อาทิเช่น ภาพผู้ป่วยป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดหรือมะเร็งในช่องปาก ที่เป็นภาพฟันมีคราบเหลืองเกาะเต็ม โดยพื้นหลังต้องเป็นสีเขียวมะกอกเหมือนกันทุกยี่ห้อ และปราศจากชื่อการค้า รวมถึงเครื่องหมาย และข้อความอื่นๆ เพื่อสื่อให้ผู้บริโภคเห็นว่า การสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่ง ท่ามกลางการคัดค้านของกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานยาสูบหลายแห่งในประเทศ แต่ศาลฎีกาของออสเตรเลีย ปฏิเสธคำร้องของกลุ่มผู้ผลิตบุหรี่เหล่านี้
พลีเบอร์เซ็ก กล่าวว่า ได้รับรายงานด้วยว่า ผู้ผลิตบางราย ยืนกรานไม่ยอมเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของยาสูบ ที่ใช้ในการผลิตบุหรี่ แต่ยืนยัน จะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์บรรจุภัณฑ์ให้มีความดึงดูดสายตาผู้บริโภคน้อยลงตามกฎหมาย
ปัจจุบัน ออสเตรเลียมีประชากรสูบบุหรี่ประมาณ 15 % ถือว่าลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ที่กว่า 50 % แต่รัฐบาล ตั้งเป้าลดอัตราการสูบบุหรี่ของประชากรให้เหลือประมาณ 10 %ภายในปี 2561
สถานการณ์โลก
วันที่ 1 ธันวาคม 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 790
สหรัฐเผยพิมพ์เขียวพัฒนาประชากรโลกปลอดเอชไอวี
นางฮิลลารี คลินตัน รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เผยพิมพ์เขียวพัฒนาประชากรโลก เพื่อนำไปสู่การให้กำเนิดชนรุ่นหลังที่เติบโตโดยปราศจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีแต่กำเนิด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเอดส์ ให้ได้มากที่สุดภายในปี 2558
นางคลินตัน กล่าวในโอกาสวันเอดส์โลก 1 ธ.ค. ว่า รัฐบาลวอชิงตัน ได้จัดทำพิมพ์เขียวฉบับดังกล่าว ความยาว 54 หน้า มีจุดประสงค์หลัก เพื่อกระตุ้นให้ประชาคมโลกเล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยี และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ว่าสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางต่อสู้โรคระบาด ที่จะเป็นการปูแนวทางนำไปสู่การควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อ เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทั่วถึงและถูกวิธี รวมถึงยับยั้งการเพิ่มจำนวนของผู้ติดเชื้อในอนาคตอย่างเป็นระบบ
เนื้อหาโดยสังเขป ในร่างแผนการ ระบุถึง ความพยายามลดจำนวนทารกผู้ได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีให้เหลือน้อยที่สุดภายในปี 2558 พร้อมกับพยายามรักษาชีวิตของมารดา เพิ่มจำนวนการใช้ยาต้านรีโทรไวรัสให้แก่ผู้ป่วยทั่วโลกอย่างน้อย 6 ล้านคน ภายในปี 2556 รวมถึงให้ความรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยุ่ในดินแดนทุรกันดาร ถึงการมีเพศสัมพันธ์และใช้ถึงยางอนามัยอย่างถูกวิธี
รายงานขององค์การอนามัยโลก ( ฮู ) ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ในปัจจุบัน อยู่ที่โดยเฉลี่ยปีละราว 1.7 ล้านคน แต่วงการแพทย์ทั่วโลก ประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการใช้ยาต้านรีโทรไวรัส ยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเอชไอวีในผู้ป่วย ที่ได้รับเชื้อ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นหญิงมีครรภ์ ช่วยลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูก รวมถึงลดการระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ถึง 19 % ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และลดอัตราการเสียชีวิตทั่วโลกได้ถึง 26 % นับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา
สถานการณ์โลก
วันที่ 1 ธันวาคม 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 791
2ขรก.สาวพลาดท่าแก๊งตุ๋นเฟซบุ๊ก-อ้างตัวเป็นหนุ่มผู้ดีทำทีขอแต่งงาน-สุดท้ายหลอกโอนเงิน
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้รับการร้องทุกข์จาก น.ส.เอ นามสมมติ และน.ส.บี นามสมมติ 2 ข้าราชการสาวในจังหวัดตรัง ว่าถูกแก๊งต้มตุ๋นชาวต่างชาติร่วมมือกับคนไทย ต้มตุ๋นผ่านทางสื่อเฟซบุ๊ก โดยเข้ามาทำตีสนิทว่าจะขอแต่งงานด้วย ก่อนจะหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชี แต่แล้วก็เงียบหายไป พร้อมข่มขู่ซ้ำ เจ้าหน้าที่จึงติดตามขยายผลจับกุมคนร้าย
พ.ต.อ.ธรรมนูญ กล่าวถึงพฤติกรรมคนร้าย ว่า คนร้ายจะใช้วิธีหาชายหนุ่มชาวต่างชาติหน้าตาดี ทำทีติดต่อกับเหยื่อผ่านทางสื่อเฟซบุ๊ก ชวนคุยตีสนิท และพูดจาหว่านล้อมขอแต่งงานด้วย โดยจะเน้นสาวที่มีฐานะ แม่ม่ายหรือสาวโสด ก่อนใช้สารพัดวิธีหลอกเหยื่อให้โอนเงินเข้าบัญชี โดยใช้ข้ออ้างสารพัด อาทิ ญาติเสีย หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนกิจการ เลยทำให้ผู้เสียหายใจอ่อน ยอมโอนเงินให้กับคนร้าย ผ่านหมายเลขบัญชีของเครือข่าย ที่เปิดบัญชีไว้ในประเทศไทย
ซึ่งจากการสอบปากคำน.ส.เอให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ติดต่อกับชายหนุ่มชาวอังกฤษผ่านทางเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อ ‘วินนี่ สมิทธ’ เข้ามาตีสนิทจนเหยื่อตกหลุมรัก ก่อนที่นายวินนี่จะใช้อุบายหลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ จำนวน 20,000 บาท ผ่านบัญชีธนาคารแห่งหนึ่งในพัทยา จ.ชลบุรี โดยเจ้าของบัญชีเป็นหญิงสาวรายหนึ่ง อาชีพหมอนวด ซึ่งแก๊งนี้จะไปกดเงินที่ประเทศมาเลเซียพฤติการณ์คนร้ายจะข่มขู่เหยื่อให้โอนเงินหลายครั้ง บางทีก็ขู่จะแบล็กเมล์ปล่อยภาพลับแพร่ทางเฟซบุ๊กด้วย
พ.ต.อ.ธรรมนูญ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีของน.ส.บี ติดต่อกับชายหนุ่มชาวอังกฤษผ่านทางเฟซบุ๊กเช่นกัน ใช้ชื่อ ‘อเล็กซ์ คริส’ ใช้วิธีการเดียวกัน ก่อนหลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ จำนวน 60,000 บาท ผ่านทางบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ที่ด่านไทย-จังโหลน หรือด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา เจ้าของบัญชีเป็นหญิงสาวรายหนึ่งอยู่ในกทม. โดยแก๊งต้มตุ๋นจะไปกดเงินที่มาเลเซียเช่นกัน โดยรายนี้ขู่ให้โอนเงินเพิ่มเป็นแสน แต่เหยื่อไหวตัวทันแจ้งตำรวจเสียก่อน นอกจากนี้ ยังตรวจพบมีเหยื่อสาวทั่วประเทศถูกหลอกให้โอนเงินแล้วนับ 100 ราย มูลค่าความเสียหายนับ 100 ล้านบาท ซึ่งทุกรายล้วนมีความเชื่อมโยงกับแก๊งต้มตุ๋นแก๊งนี้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวอีกหลายรายตกเป็นเหยื่อ แต่อับอายไม่กล้าเข้าแจ้งความ เบื้องต้นได้สั่งการให้อายัดบัญชีธนาคารดังกล่าวไว้แล้ว พร้อมประสานกองปราบปรามและศูนย์ประสานงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ติดตามคนร้ายแก๊งนี้มาดำเนินคดีต่อไป
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 792
^
^
^
อ่านข่าวข้างบนแล้ว คิดถึงได้ว่าครั้งนั้น ปี2553
มีพี่คนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่า
มีเพื่อนคนหนึ่งเป็นหญิงอายุ45ปี ไม่เคยมีแฟน อาชีพรับราชการ....
จู่ๆก็ไปสมัครหาเพื่อน หาคู่ทางเว็บไซด์(อยากลองดูจะเป็นไง)
ถึงได้มีแฟนเป็นชาวต่างชาติที่อเมริกา
รู้จักกันทางอินเตอร์เน็ท ตามเว็บหาเพื่อนคุย (น่าจะเรียกว่าเว็บหาคู่ออนไลท์)
จีบกันอยู่2-3เดือน โทรคุยกันบ้าง คบกันและสนิทสนมกันเป็นแฟน
หญิงไทยโสด เหงา ไม่เคยรักกับใคร
จึงเป็นคนซื่อ ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคน
ฝ่ายหญิงก็ไปเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟัง
บอกกับญาติพี่น้องว่า ได้พบรักกับจอห์น เป็นฝาหรั่งสัญชาติอังกฤษ
มีอาชีพนักธุรกิจ อาชีพนายหน้าค้าที่ดิน หล่อ รวย สปอร์ต
คุยกันจนรู้ใจ ว่าชอบกินอะไร ใส่เสื้อผ้าสไตล์ไหน รสนิยมเป็นยังไง
จนกระทั่งวันหนึ่งฝ่ายชาย บอกว่าอยากจะมาใช้ชีวิตบ้านปลายที่เมืองไทย
ให้ฝ่ายหญิงจัดหาซื้อ บ้านสักหลังในหมู่บ้านจัดสรร ฝ่ายหญิงก็ส่งรูป+ราคา
ไปให้ฝ่ายชายดูทาง Email ฝ่ายชายเลือกและดูจนพอใจ เลือกบ้านรุ่นหนึ่ง
ราคาห้าล้านกว่าบาท บอกให้ฝ่ายสาวไปมัดจำทำสัญญา วันที่สาวไปมัดจำบ้าน
ก็ได้โทรบอกให้สาวเจ้ามัดจำบ้านเลย ค่ามัดจำห้าพันบาท แล้วจะโอนเงินให้วันหลัง
ฝ่ายสาวก็ดีใจมัดจำบ้าน แล้วโทรไปบอก ฝ่ายชายก็โอนเงินค่ามัดจำบ้านมาให้
พร้อมกับบอกฝ่ายหญิงว่า จัดการเรื่องทางนั้นเสร็จอีก1อาทิตย์จะบินมาทำสัญญาซื้อบ้าน
และจะพาญาติพี่น้องนั่งเครื่องมา ทำพิธีสู่ขอแต่งงานกับสาวและใช้ชีวิตบ้านปลายที่เมืองไทย
ทุกอย่างก็ดำเนินการไปด้วยดี
ฝ่ายสาว ด้วยว่ารัก หลง (ความรักทำให้คนหูหนวกตาบอดได้จริงๆ)
ฝากชีวิตความหวังไว้กับชายที่รัก ที่ได้ดูแต่รูปจะได้เจอตัวเป็นก็คราวนี้
กำหนดวันเดินทางมาถึงไทย ฝ่ายสาวก็เตรียมจัดงาน บายศรีสู่ขวัญ
เชิญญาติพี่น้อง บอกเพื่อนบ้าน ให้มาเป็นเกียรติงานหมั้นจัดงานเลี้ยง
ล้มวัวเป็นตัว ฆ่าหมูมาเป็นตัว เป็ดไก่ อื่นๆ แขกรับเชิญร้อยกว่าคน
วันที่มาถึงเมืองไทย จอท์นได้โทรศัพท์มือถือบอกฝ่ายหญิง ว่าถึงแล้ว แต่ติดอยู่ที่ ตม.
รีบร้อนมาซื้อตั๋วแลกเงินมา(คิดเป็นเงินไทยราว 20ล้านบาท) สั่งจ่ายเบิกได้วันพรุ่งนี้
แต่ตอนนี้ไม่มีเงินโชว์ ปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ เข้าประเทศไม่ได้เพราะไม่มีเงินสดให้เจ้าหน้าที่ดู
ไม่มีเงินจ่ายค่าธรรมเนียม อื่นๆ ช่วยโอนเงินเข้าบัญชี แล้วจะได้เบิกที่สนามบิน
ให้ช่วยโอนเงิน120,000บาทให้ด้วย(สาวไทยก็สงสารเห็นใจในความรัก )
เชื่อสนิทใจ
ว่าคงจำเป็นต้องใช้เงิน เลยรีบไปจัดการโอนเงินให้เสร็จเรียบร้อย
หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง จอท์นก็ได้โทรศัพท์มือถือมาบอกว่าได้รับเงินเรียบร้อยและ
ให้เจ้าหน้าประสานงานเรียบร้อย จะเดินทางถึงขอนแก่นด้วยเครื่องGT ไฟล์เย็น
สาวก็รู้สึกดีใจภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหา
หลังจากวางสายได้เพียงไม่ถึงสิบนาที
จอนท์นก็โทรมาบอกว่า.. เผอิญบัตรเครดิต เกิดผิดพลาดซื้อตั๋วเครื่องบิน
ขอนแก่น-กรุงเทพฯไม่ได้ เลยไม่มีเงินชำระค่าตั๋วเครื่องบิน ให้ญาติๆ5คนที่เดินทางมาด้วย
ต้องขอความช่วยเหลือจากสาว ช่วยโอนเงินให้สัก100,000บาท
เพื่อนำมาจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร
เมื่อครบกำหนดตั๋วแลกเงินของจอท์นเบิกเงินได้ จะเบิกมาจ่ายให้ทั้งหมดเลย
ฝ่ายสาวได้ฟัง ก็หลงเชื่อคำหวานๆ คิดว่าจอท์นรักจริงกำลังประสบปัญหา
เลยอยากแสดงความมีน้ำใจ ขอให้โอนเงิน100,000บาท แต่อย่ากระนั้นเลย
ความรักมีค่ามากกว่าเงินเพียงเท่านี้ ฝ่ายสาวตัดสินใจโอนเงินให้ไป200,000บาท
หวังว่าจอท์นจะได้เห็นน้ำใจ ญาติเขาจะได้เห็นความดีที่ทุ่มเท หมดหัวใจทำให้จอท์น แบบสุดๆไปเลย
หลังจากจัดการโอนเงินให้จอท์นประมาณบ่าย3โมงเศษ
ก็ได้โทรกลับไปหาจอท์นบอกว่าจัดการเรื่องเงินเป็นที่เรียบนร้อยโรงเรียนลาวแล้ว
จอท์นตอบกลับมา ว่า ขอบคุณ
แขกเหลือที่บ้านก็กินกันเมาปลิ้น เลี้ยงฉลองเครื่องเสียงหมอลำ
สาวก็ชวนเพื่อนหญิงและคนที่มาเล่าให้ผมฟัง ไปรอรับจอท์นที่สนามบิน
ด้วยรถตู้ที่เช่าเขามาทั้งวันราคา1,500บาท เจ้าภาพเติมน้ำมันรถ ราคานี้1วัน
ที่สนามบินขอนแก่น เครื่องบินลง เที่ยวสุดท้ายช่วงหัวค่ำ
ก็เขียนป้ายชื่อตัวใหญ่ ยินดีต้อนรับคุณจอท์น(เขียนเป็นภาษาปะกิต)
คนที่เล่าถือป้ายชูหน้าทางออกของสนามบิน
(และยังมีพนักงานโรงแรมมายืนชูป้าย รอรับลูกค้ากันเป็นแถว)
จนคนเดินผ่านรับกระเป๋าเดินทางไปกันหมดแล้ว
สามคนที่ไปรับเลยหันหน้ามามองกัน เอ มันชักยังไงอยู่นะ
สาวจึงพยายามโทรศัพท์มือถือไปหาจอท์น แต่ก็ได้เพียงให้ฝากข้อความ
สาวจึงฝากข้อความ ทางโทรศัพท์ไป
คุณจอท์นเดินทางมาถึงไหนแล้วสาวรออยู่ที่สนามบินไม่เห็นเลย
มีปัญหาเรื่องเครื่องบินหรือเปล่า
รักและเป็นห่วงมากโทรกลับมานะ
มากมายเหลือเกินกลับคำที่ส่งถึงจอท์น
นั่งทานกาแฟรอที่สนามบิน จนพนักงานมาบอกปิดร้าน
เลยต้องเดินกลับมาขึ้นรถ ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
สุดท้ายร้องไห้ และกลับบ้านตามคำปลอมใจของเพื่อนที่มาด้วยกัน
ว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
ถึงบ้านก็รีบเข้าห้องปิดประตูนอนร้องไห้
ด้านนอกห้องเขากำลังสนุกสนานเฮฮา ปาร์ตี้เหล้าขาว เหล้าสี ลำเพลิน
ศิลปินพื้นเมืองกำลังร้อง...
เอ๊า สอย สอย สอย
สอย สอย พี่น้องฟังสอย เฒ่าสิตาย ปีนขึ้นต้นหมาก เหลียวเบิ่งดาก ว่าแม้นครกตำหมื่อ อั่นนี้กะว่าสอย........
โอ่ยเนาะ จะแม่นพากันสอยตะอยากหัว ไห้สอยนำแนสั่น
สอยๆๆ เฒ่าสิตาย ไปบายของผัว ว่าแม่นหัวไก่ตี อาทิตย์นี้ เอาดีๆๆนะลูกแม่ พะนะ นี้กะว่าสอย....
เงินเก้บมาตั้งแต่ชีวิตเริ่มทำงานรับราดชะกาน เหมืดกัน บัดนี้แรววววว
^
^
อ่านข่าวข้างบนแล้ว คิดถึงได้ว่าครั้งนั้น ปี2553
มีพี่คนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่า
มีเพื่อนคนหนึ่งเป็นหญิงอายุ45ปี ไม่เคยมีแฟน อาชีพรับราชการ....
จู่ๆก็ไปสมัครหาเพื่อน หาคู่ทางเว็บไซด์(อยากลองดูจะเป็นไง)
ถึงได้มีแฟนเป็นชาวต่างชาติที่อเมริกา
รู้จักกันทางอินเตอร์เน็ท ตามเว็บหาเพื่อนคุย (น่าจะเรียกว่าเว็บหาคู่ออนไลท์)
จีบกันอยู่2-3เดือน โทรคุยกันบ้าง คบกันและสนิทสนมกันเป็นแฟน
หญิงไทยโสด เหงา ไม่เคยรักกับใคร
จึงเป็นคนซื่อ ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคน
ฝ่ายหญิงก็ไปเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟัง
บอกกับญาติพี่น้องว่า ได้พบรักกับจอห์น เป็นฝาหรั่งสัญชาติอังกฤษ
มีอาชีพนักธุรกิจ อาชีพนายหน้าค้าที่ดิน หล่อ รวย สปอร์ต
คุยกันจนรู้ใจ ว่าชอบกินอะไร ใส่เสื้อผ้าสไตล์ไหน รสนิยมเป็นยังไง
จนกระทั่งวันหนึ่งฝ่ายชาย บอกว่าอยากจะมาใช้ชีวิตบ้านปลายที่เมืองไทย
ให้ฝ่ายหญิงจัดหาซื้อ บ้านสักหลังในหมู่บ้านจัดสรร ฝ่ายหญิงก็ส่งรูป+ราคา
ไปให้ฝ่ายชายดูทาง Email ฝ่ายชายเลือกและดูจนพอใจ เลือกบ้านรุ่นหนึ่ง
ราคาห้าล้านกว่าบาท บอกให้ฝ่ายสาวไปมัดจำทำสัญญา วันที่สาวไปมัดจำบ้าน
ก็ได้โทรบอกให้สาวเจ้ามัดจำบ้านเลย ค่ามัดจำห้าพันบาท แล้วจะโอนเงินให้วันหลัง
ฝ่ายสาวก็ดีใจมัดจำบ้าน แล้วโทรไปบอก ฝ่ายชายก็โอนเงินค่ามัดจำบ้านมาให้
พร้อมกับบอกฝ่ายหญิงว่า จัดการเรื่องทางนั้นเสร็จอีก1อาทิตย์จะบินมาทำสัญญาซื้อบ้าน
และจะพาญาติพี่น้องนั่งเครื่องมา ทำพิธีสู่ขอแต่งงานกับสาวและใช้ชีวิตบ้านปลายที่เมืองไทย
ทุกอย่างก็ดำเนินการไปด้วยดี
ฝ่ายสาว ด้วยว่ารัก หลง (ความรักทำให้คนหูหนวกตาบอดได้จริงๆ)
ฝากชีวิตความหวังไว้กับชายที่รัก ที่ได้ดูแต่รูปจะได้เจอตัวเป็นก็คราวนี้
กำหนดวันเดินทางมาถึงไทย ฝ่ายสาวก็เตรียมจัดงาน บายศรีสู่ขวัญ
เชิญญาติพี่น้อง บอกเพื่อนบ้าน ให้มาเป็นเกียรติงานหมั้นจัดงานเลี้ยง
ล้มวัวเป็นตัว ฆ่าหมูมาเป็นตัว เป็ดไก่ อื่นๆ แขกรับเชิญร้อยกว่าคน
วันที่มาถึงเมืองไทย จอท์นได้โทรศัพท์มือถือบอกฝ่ายหญิง ว่าถึงแล้ว แต่ติดอยู่ที่ ตม.
รีบร้อนมาซื้อตั๋วแลกเงินมา(คิดเป็นเงินไทยราว 20ล้านบาท) สั่งจ่ายเบิกได้วันพรุ่งนี้
แต่ตอนนี้ไม่มีเงินโชว์ ปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ เข้าประเทศไม่ได้เพราะไม่มีเงินสดให้เจ้าหน้าที่ดู
ไม่มีเงินจ่ายค่าธรรมเนียม อื่นๆ ช่วยโอนเงินเข้าบัญชี แล้วจะได้เบิกที่สนามบิน
ให้ช่วยโอนเงิน120,000บาทให้ด้วย(สาวไทยก็สงสารเห็นใจในความรัก )
เชื่อสนิทใจ
ว่าคงจำเป็นต้องใช้เงิน เลยรีบไปจัดการโอนเงินให้เสร็จเรียบร้อย
หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง จอท์นก็ได้โทรศัพท์มือถือมาบอกว่าได้รับเงินเรียบร้อยและ
ให้เจ้าหน้าประสานงานเรียบร้อย จะเดินทางถึงขอนแก่นด้วยเครื่องGT ไฟล์เย็น
สาวก็รู้สึกดีใจภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหา
หลังจากวางสายได้เพียงไม่ถึงสิบนาที
จอนท์นก็โทรมาบอกว่า.. เผอิญบัตรเครดิต เกิดผิดพลาดซื้อตั๋วเครื่องบิน
ขอนแก่น-กรุงเทพฯไม่ได้ เลยไม่มีเงินชำระค่าตั๋วเครื่องบิน ให้ญาติๆ5คนที่เดินทางมาด้วย
ต้องขอความช่วยเหลือจากสาว ช่วยโอนเงินให้สัก100,000บาท
เพื่อนำมาจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร
เมื่อครบกำหนดตั๋วแลกเงินของจอท์นเบิกเงินได้ จะเบิกมาจ่ายให้ทั้งหมดเลย
ฝ่ายสาวได้ฟัง ก็หลงเชื่อคำหวานๆ คิดว่าจอท์นรักจริงกำลังประสบปัญหา
เลยอยากแสดงความมีน้ำใจ ขอให้โอนเงิน100,000บาท แต่อย่ากระนั้นเลย
ความรักมีค่ามากกว่าเงินเพียงเท่านี้ ฝ่ายสาวตัดสินใจโอนเงินให้ไป200,000บาท
หวังว่าจอท์นจะได้เห็นน้ำใจ ญาติเขาจะได้เห็นความดีที่ทุ่มเท หมดหัวใจทำให้จอท์น แบบสุดๆไปเลย
หลังจากจัดการโอนเงินให้จอท์นประมาณบ่าย3โมงเศษ
ก็ได้โทรกลับไปหาจอท์นบอกว่าจัดการเรื่องเงินเป็นที่เรียบนร้อยโรงเรียนลาวแล้ว
จอท์นตอบกลับมา ว่า ขอบคุณ
แขกเหลือที่บ้านก็กินกันเมาปลิ้น เลี้ยงฉลองเครื่องเสียงหมอลำ
สาวก็ชวนเพื่อนหญิงและคนที่มาเล่าให้ผมฟัง ไปรอรับจอท์นที่สนามบิน
ด้วยรถตู้ที่เช่าเขามาทั้งวันราคา1,500บาท เจ้าภาพเติมน้ำมันรถ ราคานี้1วัน
ที่สนามบินขอนแก่น เครื่องบินลง เที่ยวสุดท้ายช่วงหัวค่ำ
ก็เขียนป้ายชื่อตัวใหญ่ ยินดีต้อนรับคุณจอท์น(เขียนเป็นภาษาปะกิต)
คนที่เล่าถือป้ายชูหน้าทางออกของสนามบิน
(และยังมีพนักงานโรงแรมมายืนชูป้าย รอรับลูกค้ากันเป็นแถว)
จนคนเดินผ่านรับกระเป๋าเดินทางไปกันหมดแล้ว
สามคนที่ไปรับเลยหันหน้ามามองกัน เอ มันชักยังไงอยู่นะ
สาวจึงพยายามโทรศัพท์มือถือไปหาจอท์น แต่ก็ได้เพียงให้ฝากข้อความ
สาวจึงฝากข้อความ ทางโทรศัพท์ไป
คุณจอท์นเดินทางมาถึงไหนแล้วสาวรออยู่ที่สนามบินไม่เห็นเลย
มีปัญหาเรื่องเครื่องบินหรือเปล่า
รักและเป็นห่วงมากโทรกลับมานะ
มากมายเหลือเกินกลับคำที่ส่งถึงจอท์น
นั่งทานกาแฟรอที่สนามบิน จนพนักงานมาบอกปิดร้าน
เลยต้องเดินกลับมาขึ้นรถ ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
สุดท้ายร้องไห้ และกลับบ้านตามคำปลอมใจของเพื่อนที่มาด้วยกัน
ว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
ถึงบ้านก็รีบเข้าห้องปิดประตูนอนร้องไห้
ด้านนอกห้องเขากำลังสนุกสนานเฮฮา ปาร์ตี้เหล้าขาว เหล้าสี ลำเพลิน
ศิลปินพื้นเมืองกำลังร้อง...
เอ๊า สอย สอย สอย
สอย สอย พี่น้องฟังสอย เฒ่าสิตาย ปีนขึ้นต้นหมาก เหลียวเบิ่งดาก ว่าแม้นครกตำหมื่อ อั่นนี้กะว่าสอย........
โอ่ยเนาะ จะแม่นพากันสอยตะอยากหัว ไห้สอยนำแนสั่น
สอยๆๆ เฒ่าสิตาย ไปบายของผัว ว่าแม่นหัวไก่ตี อาทิตย์นี้ เอาดีๆๆนะลูกแม่ พะนะ นี้กะว่าสอย....
เงินเก้บมาตั้งแต่ชีวิตเริ่มทำงานรับราดชะกาน เหมืดกัน บัดนี้แรววววว
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 793
ธนาคารไทยพาณิชย์ชี้ศก.โลกยังเสี่ยง3ด้าน
ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การดำเนินนโยบายการเงินการคลังในประเทศที่เจริญแล้ว จะทำให้เกิดสภาพคล่องหลั่งไหลเข้ามาถือเป็นจังหวะที่ดีในการระดมเงินในรูปของดอลลาร์สหรัฐ แต่การเข้ามาเก็งกำไรในประเทศไทยยังเป็นไปได้ยาก
ความเสี่ยงเศรษฐกิจในปีหน้า ยังต้องติดตามความเปราะบางของภาคธนาคารในยุโรป ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีโอกาสที่จะหดตัวอย่างรุนแรง (hard landing) โดยในขณะนี้ยังไม่เห็นการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน แม้จะเปลี่ยนผู้นำคนใหม่แล้วก็ตาม รวมถึงปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐคาดว่าจะเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นเท่านั้นและสามารถแก้ปัญหาได้ในที่สุด
ไทยกำลังเป็นที่สนใจของประเทศมหาอำนาจสำคัญ จากการอยู่ในจุดศูนย์กลางของภูมิภาค ดังนั้นควรจับโอกาสเหล่านี้ด้วยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและลดต้นทุนทางด้านกฎระเบียบต่างๆ ลงให้ต่ำที่สุด
ปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่นทำให้เม็ดเงินลงทุนจากญี่ปุ่นจะย้ายการลงทุนออกมามากขึ้น โดยเฉพาะภาคเอเอสเอ็มอีที่อยากเข้ามาลงทุน ดังนั้นเพื่อรักษาโอกาสของประเทศ ควรมองประเทศเพื่อนบ้านเป็นเครือข่ายการผลิตด้วย
“แม้เศรษฐกิจปีหน้าจะดีกว่าปีนี้แต่อย่าไว้ใจเพราะความผันผวนมีมาก หากเข้าถึงการป้องกันความเสี่ยงได้ก็อย่าลังเล ระยะยาวเอสเอ็มอีควรทำความเข้าใจโลกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการเข้าสู่สังคมสูงอายุการเพิ่มจีดีพี จากประชากรจะยาก จึงต้องลงทุน ดังนั้นควรปรับตัวตั้งแต่วันนี้ด้วยการลงทุนเพื่อลดต้นทุนการผลิต”
ดร.สุทธาภา แม้จะเชื่อว่า ปัญหา Fiscal Cliff หรือหน้าผาทางการคลัง ของสหรัฐ จะไม่รุนแรง และน่าจะจบลงได้ ด้วยการเจรจาทางการเมืองระหว่างปธน.บารัค โอบามา และฝ่ายพรรครีพับลิกัน แต่เศรษฐกิจสหรัฐยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ด้วยเหตุผลที่ผ่านมา การใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง ได้ถูกผูกไว้เป็น Loop ส่งผลทำให้เกิดวังวนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาพของสถาบันการเงินในสหรัฐและยุโรปที่มีความเปราะบางมากขึ้น
รวมทั้งมูลค่าราคาสินทรัพย์ (Aset Price Value) ต่างๆ ที่ยังขาดสมดุล เนื่องจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณ หรือ QE (Quantitative Easing) ที่เป็นการปั๊มเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศ ที่มีออกมาจำนวนมหาศาล เพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา
ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การดำเนินนโยบายการเงินการคลังในประเทศที่เจริญแล้ว จะทำให้เกิดสภาพคล่องหลั่งไหลเข้ามาถือเป็นจังหวะที่ดีในการระดมเงินในรูปของดอลลาร์สหรัฐ แต่การเข้ามาเก็งกำไรในประเทศไทยยังเป็นไปได้ยาก
ความเสี่ยงเศรษฐกิจในปีหน้า ยังต้องติดตามความเปราะบางของภาคธนาคารในยุโรป ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีโอกาสที่จะหดตัวอย่างรุนแรง (hard landing) โดยในขณะนี้ยังไม่เห็นการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน แม้จะเปลี่ยนผู้นำคนใหม่แล้วก็ตาม รวมถึงปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐคาดว่าจะเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นเท่านั้นและสามารถแก้ปัญหาได้ในที่สุด
ไทยกำลังเป็นที่สนใจของประเทศมหาอำนาจสำคัญ จากการอยู่ในจุดศูนย์กลางของภูมิภาค ดังนั้นควรจับโอกาสเหล่านี้ด้วยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและลดต้นทุนทางด้านกฎระเบียบต่างๆ ลงให้ต่ำที่สุด
ปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่นทำให้เม็ดเงินลงทุนจากญี่ปุ่นจะย้ายการลงทุนออกมามากขึ้น โดยเฉพาะภาคเอเอสเอ็มอีที่อยากเข้ามาลงทุน ดังนั้นเพื่อรักษาโอกาสของประเทศ ควรมองประเทศเพื่อนบ้านเป็นเครือข่ายการผลิตด้วย
“แม้เศรษฐกิจปีหน้าจะดีกว่าปีนี้แต่อย่าไว้ใจเพราะความผันผวนมีมาก หากเข้าถึงการป้องกันความเสี่ยงได้ก็อย่าลังเล ระยะยาวเอสเอ็มอีควรทำความเข้าใจโลกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการเข้าสู่สังคมสูงอายุการเพิ่มจีดีพี จากประชากรจะยาก จึงต้องลงทุน ดังนั้นควรปรับตัวตั้งแต่วันนี้ด้วยการลงทุนเพื่อลดต้นทุนการผลิต”
ดร.สุทธาภา แม้จะเชื่อว่า ปัญหา Fiscal Cliff หรือหน้าผาทางการคลัง ของสหรัฐ จะไม่รุนแรง และน่าจะจบลงได้ ด้วยการเจรจาทางการเมืองระหว่างปธน.บารัค โอบามา และฝ่ายพรรครีพับลิกัน แต่เศรษฐกิจสหรัฐยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ด้วยเหตุผลที่ผ่านมา การใช้มาตรการทางการเงินและการคลัง ได้ถูกผูกไว้เป็น Loop ส่งผลทำให้เกิดวังวนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาพของสถาบันการเงินในสหรัฐและยุโรปที่มีความเปราะบางมากขึ้น
รวมทั้งมูลค่าราคาสินทรัพย์ (Aset Price Value) ต่างๆ ที่ยังขาดสมดุล เนื่องจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณ หรือ QE (Quantitative Easing) ที่เป็นการปั๊มเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศ ที่มีออกมาจำนวนมหาศาล เพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 795
สรุปข่าวประจำวันที่ 1 ธ.ค. 2555 เวลา 06.00-18.00 น.
แพทย์เผยอาการอาพาธ "หลวงพ่อคูณ" ยังทรงตัว มีไข้ เผยยังอยู่ในเกณฑ์อันตราย ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิดอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ พร้อมสั่งงดเยี่ยมเด็ดขาด ด้าน รพ.มหาราชนครราชสีมา ออกแถลงการณ์อาการอาพาธไปยังญาติโยมศิษยานุศิษย์...
http://www.thairath.co.th/content/region/310264
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
1 ธันวาคม 2555
แพทย์เผยอาการอาพาธ "หลวงพ่อคูณ" ยังทรงตัว มีไข้ เผยยังอยู่ในเกณฑ์อันตราย ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิดอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ พร้อมสั่งงดเยี่ยมเด็ดขาด ด้าน รพ.มหาราชนครราชสีมา ออกแถลงการณ์อาการอาพาธไปยังญาติโยมศิษยานุศิษย์...
http://www.thairath.co.th/content/region/310264
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
1 ธันวาคม 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 796
สื่อสาร-พลังงานดันหุ้นไทยสูงสุดรอบ 16ปี จับตาสัปดาห์หน้าวิ่งต่อ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด สัปดาห์หน้าหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อได้ แนะติดตามการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศแกนหลัก โดยให้แนวรับที่ 1,310 จุด และแนวต้านที่ 1,340 จุด
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ดัชนี SET แตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 16 ปี จากแรงซื้อหุ้นสื่อสารและพลังงาน ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,324.04 จุด เพิ่มขึ้น 3.30% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 91.20% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 41,594.00 ล้านบาท โดยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 393.46 จุด เพิ่มขึ้น 4.27% จากสัปดาห์ก่อน
ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี นำโดยหุ้นกลุ่มสื่อสารและพลังงาน โดยได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลต่อปัจจัยการเมืองในประเทศ การที่รัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) บรรลุข้อตกลงในการปรับลดหนี้และอนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซ แรงซื้อจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) รวมทั้งมุมมองเชิงบวกต่อการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (Fiscal Cliff) ของสหรัฐฯ
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ระหว่างวันที่ 3-7 ธ.ค. 2555 บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีอาจปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยต้องติดตามพัฒนาการเศรษฐกิจของประเทศแกนหลัก สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM ภาคการผลิตและภาคการบริการ การจ้างงานนอกภาคการเกษตร และความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ช่วงต้นเดือน ธ.ค.) ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,310 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,340 จุด ตามลำดับ
โดย ไทยรัฐออนไลน์
1 ธันวาคม 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 797
มอเตอร์โชว์ 2 วัน ยอดจองทะลุ 5,700 คัน
สูงสุดเป็นประวัติการณ์ "โตโยต้า" ยังครองแชมป์
วันที่ 1 ธ.ค. นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 หรือ Motor Expo 2012 เปิดเผยว่า การจัดงานในช่วง 2 วันที่ผ่านมา หรือระหว่างวันที่ 29 - 30 พ.ย. มียอดจองซื้อรถภายในงานแล้วจำนวน 5,700 คัน ถือว่าสูงสุดจากที่เคยจัดงานมา ทั้งนี้ น่าจะเป็นผลมาจากกำลังซื้อของประชาชน ที่ต้องการซื้อรถตั้งแต่ช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา อีกทั้ง นโยบายรถคันแรกของรัฐบาล โดยคาดว่ายอดจองดังกล่าวเป็นรถคันแรกประมาณร้อยละ 30-40 ส่วนยอดจองซื้อรถในงานอันดับ 1 ยังคงเป็น ยี่ห้อโตโยต้าจำนวน 1,554 คัน รองลงมาคือยี่ห้อฮอนด้า 1,152 คัน ยี่ห้ออีซูซุ 691 คัน ยี่ห้อนิสสัน 388 คัน และยี่ห้อมิตซูบิชิ 245 คัน นอกจากนี้ ยอมรับว่าหลังจากสิ้นสุดนโยบายรถคันแรกแล้ว จะทำให้ยอดซื้อรถในปีหน้าช่วงต้นปีลดลง แต่ความต้องการซื้อรถกระบะยังเป็นความต้องการที่แท้จริงอยู่
วันที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2555
สูงสุดเป็นประวัติการณ์ "โตโยต้า" ยังครองแชมป์
วันที่ 1 ธ.ค. นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 หรือ Motor Expo 2012 เปิดเผยว่า การจัดงานในช่วง 2 วันที่ผ่านมา หรือระหว่างวันที่ 29 - 30 พ.ย. มียอดจองซื้อรถภายในงานแล้วจำนวน 5,700 คัน ถือว่าสูงสุดจากที่เคยจัดงานมา ทั้งนี้ น่าจะเป็นผลมาจากกำลังซื้อของประชาชน ที่ต้องการซื้อรถตั้งแต่ช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา อีกทั้ง นโยบายรถคันแรกของรัฐบาล โดยคาดว่ายอดจองดังกล่าวเป็นรถคันแรกประมาณร้อยละ 30-40 ส่วนยอดจองซื้อรถในงานอันดับ 1 ยังคงเป็น ยี่ห้อโตโยต้าจำนวน 1,554 คัน รองลงมาคือยี่ห้อฮอนด้า 1,152 คัน ยี่ห้ออีซูซุ 691 คัน ยี่ห้อนิสสัน 388 คัน และยี่ห้อมิตซูบิชิ 245 คัน นอกจากนี้ ยอมรับว่าหลังจากสิ้นสุดนโยบายรถคันแรกแล้ว จะทำให้ยอดซื้อรถในปีหน้าช่วงต้นปีลดลง แต่ความต้องการซื้อรถกระบะยังเป็นความต้องการที่แท้จริงอยู่
วันที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 798
“โกร่ง” ลั่น รบ.ก่อหนี้ได้ 60% ของจีดีพี ยันมีวิธีไม่ทำ ปท. ล่มสลาย
ประธานบอร์ด ธปท. ชี้ รบ.ก่อหนี้สาธารณะได้สูงถึงร้อยละ 60 ของจีดีพี แย้มแผน 2-5 ปีข้างหน้ารัฐลงทุน 3 แสนล้าน ใช้จัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน และโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้าน ย้ำไม่ต้องกู้นอก เล็งใช้เงินออม-ตราสารหนี้ระดมทุน มั่นใจไม่ทำ ศก.ล่มสสลาย
นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวในงานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2013 เรื่อง ถอดรหัสเศรษฐกิจ ใต้เงาวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองโลก โดยยืนยันว่า รัฐบาลในขณะนี้ยังคงสามารถก่อหนี้สาธารณะได้สูงถึงร้อยละ 60 ต่อจีดีพี ในการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ด้วยการระดมพันธบัตรผ่านระบบตราสารหนี้ในประเทศ ซึ่งถือเป็นการระดมทุนที่มาจากเงินออมในประเทศ
โดยในช่วง 2-5 ปีข้างหน้า รัฐบาลมีแผนลงทุนตามแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (เมกะโปรเจกต์) มูลค่ากว่า 2.2 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ หากการระดมทุนจากต่างประเทศ แม้จะมีหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นเพียงร้อยละ 40 อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยล่มสลาย เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ได้ เพราะฟิลิปปินส์มีการกู้เงินจากต่างประเทศที่สูงเกินไป แม้หนี้สาธารณะจะอยู่ในระดับร้อยละ 38 ต่อจีดีพีเท่านั้น
นายวีรพงษ์ ยังเชื่อว่า จีดีพีไทยในปีนี้ยังคงขยายตัวได้ที่ร้อยละ 5.7 ซึ่งถือว่าดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะช่วงครึ่งหลังของปีเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนในปี 2556 มองว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 4.6 เนื่องจากการส่งออกการท่องเที่ยว และการลงทุนจะกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักอีกครั้งในปีหน้า
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 799
อิ่มอร่อยย้อนเวลาหาวิถีไทยริมฝั่งบางปะกง
กับกระทงทอง 5 รส..บะหมี่หมูแดงโบราณ
พบกันอีกเช่นเคยกับคอลัมน์พาชิมปีที่ 12 ในหนังสือพิมพ์ “บ้านเมือง” รายวัน โดยมี “แม่ลิ้นจี่” เจ้าเก่าคนเดิมคอยเป็นผู้สรรหาเมนูอร่อยจากทั่วทุกสารทิศมาแนะนำให้ทุกท่านได้พากันแวะไปลิ้มลอง…!
เมนูอร่อยน่าชิม…ประจำสัปดาห์นี้ “แม่ลิ้นจี่” จะไม่ขอแนะนำร้านอาหารที่ไหนเป็นพิเศษ แต่จะนำพาท่านผู้อ่านไปสัมผัสกับบรรยากาศของวันลอยกระทงที่เพิ่งผ่านมา ซึ่งงานนี้เขามีชื่อว่างาน “ลอยกระทง ย้อนเวลา หาวิถีไทย” ครั้งที่ 12 ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นงานลอยกระทงที่เขาจัดได้ยิ่งใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ตลอดแนวถนนริมแม่น้ำยาวถึง 2 กม. เรียกได้ว่าไม่แพ้งานลอยกระทงที่เชียงใหม่ หรือที่สุโขทัยเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้เขายังจัดกันเป็นประจำทุกปีในบรรยากาศแบบย้อนยุค รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย ด้วยการอนุรักษ์การแต่งกายแบบไทย และร้านค้าทุกร้านจะใช้แต่วัสดุธรรมชาติ ไม่มีการละเล่นที่เป็นอบายมุข และไม่มีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จำหน่ายในงานอย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นต้นแบบที่น่ายกย่องและน่าสนับสนุน
และเหตุที่ “แม่ลิ้นจี่” ต้องเขียนบอกเล่าถึงงานนี้ก็เพราะได้มีโอกาสนำทีมงานไปโชว์ความอร่อยด้วยอาหารไทยสูตรโบราณเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเป็น “ซุ้มเสน่ห์ปลายจวัก” ที่ได้รับเชิญจากเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา โดยท่านนายกเทศมนตรี “กลยุทธ ฉายแสง” ได้ให้คอลัมน์ “แม่ลิ้นจี่พาชิม” จากหนังสือพิมพ์ “บ้านเมือง” นำอาหารจานเด็ดมาให้ชาวแปดริ้วได้ลิ้มลอง ซึ่งก็มีผู้คนให้ความสนใจมารับประทานกันล้นหลามดังเช่นทุกปี ซึ่งบางคนได้ทานกันในงานยังไม่พอ ยังนำปิ่นโตมาใส่อาหารกลับบ้าน เพราะถูกกำชับมาว่าต้องซื้อมาฝาก…เพราะ “แม่ลิ้นจี่” เขาจะมางานนี้เพียงปีละครั้งเท่านั้น
ส่วนอาหารที่นำไปโรดโชว์ให้ชาวแปดริ้วได้ลิ้มลองในวันนั้น เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ “วันลอยกระทง” จึงได้นำอาหารไทยโบราณสูตรชาววังที่มีกลิ่นอายของความเป็นสมัยใหม่เข้ามาผสมผสานเล็กน้อย นั่นก็คือ “กระทงทอง 5 รส” และที่ทุกคนรอชิมทุกปี ซึ่งขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ “บะหมี่หยกหมูแดงโบราณ” ส่วนภาชนะที่ใส่นั้นก็ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งแม่ลิ้นจี่จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์บ้านเมืองเก่า นำมาพับเป็นกระทง บุด้านในด้วยกระดาษสีน้ำตาลอย่างหนาเพื่อเพิ่มความแข็งแรง และรองด้านในอีกชั้นหนึ่งด้วยใบตองสด พร้อมด้วยตะเกียบไม้ไผ่ที่อบแห้งกันเชื้อราห่ออยู่ในซองกระดาษกันฝุ่น ซึ่งอาหารทั้ง 2 เมนูนั้น “แม่ลิ้นจี่” และทีมงานลงมือปรุงกันเอง เพื่อให้ได้รสชาติ คุณภาพ และมาตรฐานตามที่เราต้องการ ซึ่งอาหารทั้ง 2 ชนิดจะมีรสชาติและหน้าตาชวนลิ้มลองอย่างไรนั้น แม่ลิ้นจี่จะสาธยายให้ฟังกัน
กระทงทอง 5 รส…เป็นอาหารชาววังตำรับโบราณ ที่แม่ลิ้นจี่นำมาปรับปรุงไส้ให้เข้ากับยุคสมัย ส่วนกระทงทองนั้นจะใช้แป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า ไข่แดง น้ำกะทิ เกลือป่น เติมด้วยน้ำสุกผสมจนเข้ากัน ใช้แม่พิมพ์กระทงทอง 4 แบบจุ่มในน้ำแป้ง ก่อนนำพิมพ์ลงไปจุ่มในน้ำมันร้อนๆ จนแป้งสุกเหลืองหลุดล่อนออกจากแม่พิมพ์เป็นกระทงทองกรอบกรุบ
ไส้คั่วกลิ้งหมู…ใช้เนื้อหมูสับลงไปผัดกับน้ำมันและน้ำพริกแกงคั่วกลิ้ง ผัดคั่วไปคั่วมาจนหมูสุกแห้งร่วน หอมฉุน เติมใบมะกรูดฝอย พริกไทยอ่อน ปรุงรสชาติออกเผ็ดนำ เค็ม และหวานเล็กน้อย
ไส้ลาบหมู…ใช้เนื้อหมูสับ ข้าวคั่ว พริกป่น หอมแดง คลุกเคล้าในกระทะจนแห้งร่วน ปรุงรสออกกลางๆ เปรี้ยว เค็ม เผ็ดเล็กน้อย
ไส้ไก่ผัดซอสขาว…เป็นไส้สไตล์แบบฝรั่ง ใช้เนื้อไก่สับผัดกับหอมใหญ่ ใส่ 3 เกลอ มีแครอท ถั่วลันเตา ข้าวโพด เติมด้วยนมสดและแป้งสาลี ผัดคลุกเคล้าจนเข้ากัน ปรุงรสออกเค็มๆ มันๆ
ไส้หมูสับ…เป็นไส้แบบดั้งเดิม ใช้เนื้อหมูไร้มันสับผัดกับแครอท ถั่วลันเตา ข้าวโพด ใส่กระเทียม พริกไทย รากผักชี ผัดแห้งๆ ปรุงรสชาติออกเค็มๆ หวานๆ
ไส้ไก่ผัดผงกะหรี่…ใช้เนื้อไก่สับ มันฝรั่งต้มหั่นลูกเต๋า หอมหัวใหญ่หั่น ใส่ผงกะหรี่ ผัดในกระทะจนแห้งร่วน ปรุงรสชาติออกเค็มๆ หวานๆ ตักไส้ต่างๆ ตามชอบใส่กระทงทอง เคี้ยวกินได้กรอบกรุบสนุกปากหลากหลายรสชาติแบบไทยๆ
บะหมี่หยกหมูแดงโบราณ…จะใช้เส้นบะหมี่หยกสีเขียวอ่อนสั่งทำพิเศษ ที่มีส่วนผสมของใบเตย ไข่ไก่ เส้นเล็กเหนียวนุ่ม นำไปลวกน้ำร้อนจนเส้นสุกกำลังดี คลุกเคล้าด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว ใส่ไว้ในกระทงพร้อมด้วยผักกวางตุ้งลวกสุก
หมูแดง…ที่ปรุงมาจากเนื้อหมูส่วนสะโพก หมักกับเครื่องเทศ กระเทียม ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา น้ำตาลทรายแดง เหล้าจีน สีผสมอาหาร หมักทิ้งไว้นานกว่า 1 ชั่วโมงจนซึมซาบเข้าเนื้อใน ก่อนนำหมูไปย่างบนไฟอ่อนๆ ให้ค่อยๆ สุกไปทีละน้อยเนื้อในยังชุ่มฉ่ำ หั่นสไลซ์เป็นชิ้นหนาวางไว้บนเส้นบะหมี่
ราดด้วย “น้ำหมูแดงรสเข้มข้น” ที่ปรุงมาจากน้ำต้มกระดูกหมู น้ำหมักหมู ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายแดง และงาคั่ว เคี่ยวจนได้ที่เติมแป้งเล็กน้อยพอเหนียวข้น ปรุงรสชาติออกหวานเค็มนำ หอมกลิ่นเครื่องเทศ ราดลงบนเส้นบะหมี่และหมูแดง ใช้ตะเกียบคีบบะหมี่กับหมูแดงเข้าปากเคี้ยวกินได้อร่อยล้ำเกินคำบรรยาย
และนี่ก็คือเมนูจานเด็ดที่ “แม่ลิ้นจี่” จากหนังสือพิมพ์ “บ้านเมือง” ได้นำไปเผยแพร่ความอร่อยสู่พี่น้องชาวเมืองแปดริ้ว เมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา…ถ้าปีนี้ไม่ทันได้ลิ้มลองก็คงต้องรอให้ถึงวันลอยกระทงปีหน้ากันอีกครั้งนะเจ้าคะ..!
วันที่ 1/12/2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 800
สุพรรณฯเปิดงานทุ่งทานตะวัน
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จ.สุพรรณบุรี
นางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร
เป็นประธานเปิดงานทุ่งทานตะวันสุพรรณบุรี ซึ่งงานจัดระหว่างวันที่ 1–15 ธ.ค.
โดยมีนายสมชาย เล่ห์เหลี่ยม ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร และคณะให้การต้อนรับ
นายสมชาย กล่าวว่า ทางศูนย์ฯ ทำหน้าที่ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรของจ.สุพรรณบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในเขตภาคตะวันตก บนพื้นที่กว่า 165 ไร่ ที่มีการปลูกทานตะวันเป็นพืชน้ำมัน พร้อมกับส่งเสริมการท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กัน เชื่อว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่าแสนรายในช่วงสิ้นปีถึงต้นปี ทั้งนี้ ในพื้นที่ได้เริ่มปลูกทานตะวันตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา เป็นทานตะวันลูกผสมอควอร่า 6 นับเป็นพันธุ์ที่ตอบสนองได้ดีในพื้นที่อ.อู่ทอง ให้จานดอกใหญ่ มีน้ำมันสูง อีกทั้งยังใช้น้ำในการดูแลน้อย ทั้งยังเหมาะแก่การเรียนรู้และท่องเที่ยวอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายว่า นอกจากงานทุ่งทานตะวัน ยังมีเทศกาลไม้เมืองหนาวสุพรรณบุรี
ระหว่างวันที่ 16 ธ.ค.ถึง 6 ม.ค.56 และยังมีงานมหัศจรรย์ทิวลิปบานสุพรรณบุรี
ในวันที่ 24 ธ.ค.ถึง 6 ม.ค.56
รวมทั้งงานกุมภาสัญญารัก จัดวันที่ 1-15 ก.พ. 56 ซึ่งจัดอย่างต่อเนื่อง
1 ธันวาคม 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 801
สรุปข่าววันที่ 1-2 ธ.ค.2555 เวลา 18.00 - 06.30 น.
สมเด็จพระสังฆราชฯ ถวายพระพรในหลวง ''ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน'' เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พร้อมชวนพสกนิกรชาวไทยร่วมกันอธิษฐานจิตถวายพระพรชัยมงคล , ส่วนการเมือง เสียงยังแตก กรณี "ก่อแก้ว" สิ้นสภาพ ส.ส.หรือไม่ หลังศาลอาญาเพิกถอนประกัน ขณะที่พรรคเพื่อไทย เตรียมแถลงผลงานครบ 1 ปี (เสียที) ผ่านวิทยุ-โทรทัศน์ เวลา 17.00 น. วันที่ 15 ธ.ค.นี้ …
http://www.thairath.co.th/content/region/310328
โดย ไทยรัฐออนไลน์
2 ธันวาคม 2555
สมเด็จพระสังฆราชฯ ถวายพระพรในหลวง ''ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน'' เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พร้อมชวนพสกนิกรชาวไทยร่วมกันอธิษฐานจิตถวายพระพรชัยมงคล , ส่วนการเมือง เสียงยังแตก กรณี "ก่อแก้ว" สิ้นสภาพ ส.ส.หรือไม่ หลังศาลอาญาเพิกถอนประกัน ขณะที่พรรคเพื่อไทย เตรียมแถลงผลงานครบ 1 ปี (เสียที) ผ่านวิทยุ-โทรทัศน์ เวลา 17.00 น. วันที่ 15 ธ.ค.นี้ …
http://www.thairath.co.th/content/region/310328
โดย ไทยรัฐออนไลน์
2 ธันวาคม 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 802
ฉีกหน้ากาก 28 ผู้บริหารเงาหนามยอกใจรัฐบาลทั่วโลก
"นอมินี" หรือแปลงแบบไทยๆ ว่า ตัวแทนเงา เป็นคำที่แสลงใจรัฐบาลหลายๆ ประเทศ (แต่ขอย้ำว่า ต้องเป็นรัฐบาล หรือมีผู้นำรัฐบาล ที่ไม่ใช่พวกโกงภาษีชาติ) เพราะจากผลสำรวจทั่วโลก พบว่า ปัจจุบันมีแนวโน้มการไปจัดตั้งบริษัทการค้านอกประเทศ โดยเฉพาะแหล่งยอดนิยมอย่าง หมู่เกาะแถบทะเลแคริบเบียน เพื่อเจตนาหลบเลี่ยงภาษีในประเทศที่มีการเข้าไดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจจริง และที่น่าตกใจ ก็คือ ในบรรดาบริษัทที่โดดเด่นกลุ่มนี้จำนวนกว่า 21,500 บริษัท มีผู้รายชื่อเจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารข้ามกันไปมา จำนวนเพียง 28 คนเท่านั้น
ผลสำรวจสะเทือนโลกเศรษฐกิจนี้ เป็นผลจากการทำงานร่วมกันระหว่าง บีบีซี พาโนรามา, การ์เดียน และสหภาพนักข่าวสืบสวนสอบสวนระหว่างประเทศ (ICIJ) ด้วยการเริ่มต้นแกะรอยชื่อของ "Sarah Petre-Mears" ไปถึง เนวิส เกาะเล็กๆ ในทะเลแคริบเบียน ด้วยความสนใจว่า ชื่อผู้หญิงคนนี้ปรากฎในเอกสารแสดงความเป็นผู้มีอำนาจในบริษัทมากกว่า 1,200 บริษัท ที่กระจัดกระจายอยู่ตั้งแต่แถบฝั่งทะเลแคริบเบียน, ไอร์แลนด์, นิวซีแลนด์ รวมถึงอังกฤษ
Sarah และ Edward Petre-Mears เป็นคู่สามีภรรยาชาวอังกฤษ ที่อพยพมาจากเกาะเล็กๆ ชื่อ ซาร์ค ของหมู่เกาะแชนเนล ในช่องแคบอังกฤษ มายังเกาะเนวิส บนทะเลแคริบเบียน เพื่อขยาย "บริการชื่อ" ให้กับบริษัทมากกว่า 2,000 แห่ง มีชื่อปรากฎในการทำธุรกิจตั้งแต่การซื้ออสังหาริมทรัพย์สุดหรูของรัสเซีย ไปจนถึงกิจการเว็บโป๊ และเว็บไซต์คาสิโน
วิธีการใช้งานผู้บริหารเงา หรือนอมินี ไดเร็กเตอร์ ก็คือ คนเหล่านี้เต็มใจ "ขายชื่อ" ของตัวเองให้ผู้บริษัท หรือเจ้าของบริษัทตัวจริง เพื่อให้นำไปใช้ในเอกสารทางการของบริษัท ให้ใช้ข้อมูลที่อยู่ในสถานที่ตั้งอำพรางซึ่งกระจายอยู่ทั่วโลก พร้อมกันนั้นยังรับหน้าที่ช่วยเก็บความลับเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเป็นแสนๆ ครั้ง
ส่วนหนึ่งในกลุ่มเจ้าของกิจการตัวจริงของบริษัทอำพรางเหล่านี้ ได้แก่ วลาดิมีร์ อันโทนอฟ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ที่เข้ามาซื้อสโมสรฟุตบอล พอร์ทมัส เอฟซี ของอังกฤษ, Yair Spitzer วิศวกรซอฟต์แวร์ชาวอังกฤษ ซึ่งทำธุรกิจซื้อมาขายไปแฟลตในลอนดอน, ตระกูล Hackmeys ผู้ร่ำรวยจากอิสราเอล ซึ่งใช้บริษัทที่จดทะเบียนในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน เข้ามาซื้ออาคารสำนักงานในลอนดอน มูลค่า 26 ล้านปอนด์ (ราว 1,300 ล้านบาท)
นอกจากนี้ ยังมีบริษัท เอสพี เทรดดิ้ง ที่เมื่อย้อนหลังไปถึงข่าวลือในปี 2552 จะพบความเชื่อมโยงกับนักธุรกิจชาวคาซัค รวมถึงกลุ่มติดอาวุธในอิหร่าน
ที่ผ่านมา บริษัทอำพรางเหล่านี้ นิยมจดทะเบียนจัดตั้งในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน (บีวีไอ) แต่ปัจจุบันแผ่ขยายพื้นที่มาถึง ประเทศไอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, เบลีซ รวมถึงอังกฤษ นอกจากนี้ ข้อมูลเชิงลึกยังระบุว่า บริษัทส่วนใหญ่ที่ใช้วิธีการแบบนี้ทำธุรกิจ ก็คือ บริษัทอังกฤษนั่นเอง จนถึงขั้นกับมีนายหน้าชาวอังกฤษ รับจัดหาผู้บริหารเงามาให้บริการกันเลยทีเดียว
ช่องทางนี้ เป็นประโยชน์ทั้งในแง่การเลี่ยงภาษี และปกปิดทรัพย์สิน เป็นเครือข่ายแห่งความน่าละอายที่แผ่ขยายครอบคลุมทั่วโลก กลายเป็น เวิลด์ไวด์ เว็บ (Worldwild Web) แห่งการทุจริต ฉ้อฉลในโลกธุรกิจ
วันที่ 2 ธันวาคม 2555
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 805
ลุ้น!ศาลปค.นัดชี้ขาดปมประมูลคลื่น3Gพรุ่งนี้
ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งคดีผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นฟ้องกสทช. จัดประมูลคลื่นความถี่ 3 จีมิชอบด้วยกฎหมายพรุ่งนี้
วันนี้ (2ธ.ค.55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ 3ธ.ค. เวลา 13.30 น. ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 6 ชั้น 3 อาคารศาลปกครององค์คณะตุลาการ จะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งคดีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นฟ้องสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน ระงับการออกใบอนุญาต ให้บริการโทรศัพท์มือถือระบบ 3 จีในย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ที่ประมูลแล้วเสร็จไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากรับไว้พิจารณาในคดีหมายเลขดำ 2865 / 2555 เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นได้เชิญตัวแทนผู้ตรวจการแผ่นดิน กสทช.และ 3 บริษัทที่ชนะการประมูล ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด บริษัท ดีแทค เน็ทเวอร์ค จำกัด บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการเสนอราคา รวมถึงการเคาะราคา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าว ศาลปกครองกลางจะมีคำสั่งผลการตัดสินคดีดังกล่าวในวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายกลับไม่มี เนื่องจากก่อนหน้านั้น 1 วัน ศาลมีคำสั่งให้ผู้ชนะการประมูลทั้ง 3 รายส่งเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีประมูล นอกจากนี้ ศาลปกครองกลางได้ตั้งองค์คณะพิจารณาคดีขึ้นมา 2 คณะ รวมเป็น 6 คนเพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการรับฟ้องและมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ชะลอออกใบอนุญาต รวมทั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและประเทศชาติ หากมีคำสั่งไม่รับฟ้อง โดยการพิจารณาคดีดังกล่าว ได้สร้างความหนักใจให้กับคณะกรรมการอย่างมาก เพราะเมื่อ 2 ปีก่อนเคยพิพากษาให้ล้มประมูลไป
ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช.กล่าวว่า คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้พิจารณาแนวทางรองรับคำตัดสินของศาลปกครองกลางไว้ 3 กรณี คือ หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ทางกทค.จะหยุดกระบวนการทุกอย่าง และพิจารณายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไปและระหว่างนั้นจะเริ่มกระบวนการร่างหลักเกณฑ์การประมูลใบอนุญาต 3 จีใหม่ แต่หากศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้อง และไม่คุ้มครอง จะพิจารณาออกใบอนุญาตให้แก่เอกชนทั้ง 3 รายทันที คาดว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุมเพื่อขอมติรับรองและออกใบอนุญาตให้ไม่เกินวันที่ 20 ธ.ค.นี้ และหากศาลมีคำสั่งรับฟ้อง แต่ไม่คุ้มครองชั่วคราว ทางกสทช.จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมทันที เพื่อวางแผนดำเนินการไปในทิศทางที่ถูกต้องที่สุด โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตให้แก่เอกชนต้องแล้วเสร็จภายใน 90 วันนับแต่วันที่มีการรับรองมติ คือ ภายในวันที่ 18 ม.ค.2556 เพราะการพิจารณาคดียังไม่สิ้นสุดกระบวนการ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 806
ไทยเบฟ คว้ารางวัลรองชนะเลิศ “Most Transparent Company Award” การันตีความโปร่งใสจากตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์เป็นปีที่ 4
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแบบครบวงจร อันดับ 1 ของประเทศ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ Most Transparent Company Award ประเภทบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์จากงาน Securities Investors Association (Singapore) Investors’
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยเบฟเป็นบริษัทคนไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เราเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแบบครบวงจรอันดับ 1 ของประเทศ มีความมุ่งมั่นในการรักษามาตรฐานสูงสุดตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดีและยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสในทุกๆ ด้านมาโดยตลอด โดยในปีนี้ไทยเบฟได้รับรางวัลอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทเป็นปีที่ 4 ทำให้รู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลนี้”
โดยปีนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ที่ไทยเบฟได้รับรางวัล Most Transparent Company Award นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์ในปี 2549 โดยที่ผ่านมาได้รับรางวัลรองชนะเลิศ Most Transparent Company Award ประเภทบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่ในปี 2549 รางวัลชนะเลิศ Most Transparent Company Award ประเภทบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในปี 2552 และรางวัลรองชนะเลิศ Most Transparent Company Award ประเภทบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในปี 2553 และล่าสุดในปี 2555
สำหรับเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัล Most Transparent Company Award ในปีนี้ คณะกรรมการตัดสินโดยพิจารณาระดับการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสของบริษัทจากข้อมูลต่างๆ ที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ บริษัทที่มีสิทธิได้รับการพิจารณาจะต้องผ่านเกณฑ์การชี้วัด คือ ดัชนี Singapore Management University Sim Kee Boon Institute for Financial Economics’ Singapore Corporate Governance Index ซึ่งเป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักหลักห้าประการขององค์กร Organisation for Economic Co-operation and Development จากนั้นบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการพิจารณาจากบริษัทในอุตสาหกรรมและสื่อมวลชน ในขั้นตอนสุดท้ายคณะกรรมการจะทำการตัดสินบริษัทที่ได้รับรางวัลโดยพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ ทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ
นับได้ว่ารางวัล Most Transparent Company Award ถือเป็นเครื่องการันตีว่า ไทยเบฟเป็นบริษัทของคนไทยที่ได้รับการยกย่องด้านความเป็นบรรษัทภิบาลที่มุ่งดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะในระดับมาตรฐานสากล
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 807
ชาวมะกันแห่กินแมลงทอด
2012-12-01
บ้านเราการกินหนอน หรือแมลงทอด อาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่สหรัฐอเมริกา ถือเป็นเรื่องแปลก แต่เดี๋ยวนี้คนอเมริกันหันมานิยมกินหนอนกันมากขึ้นแล้ว
สหรัฐในเวลานี้ อาหารที่ทำจากหนอนและแมลง กำลังเป็นที่นิยม พ่อครัวในแคลิฟอร์เนียรายนี้ กำลังเอาหนอนมาทอด เป็นเมนูใหม่ของร้าน ซึ่งขณะนี้มีร้านอาหารไม่กี่แห่งในสหรัฐ ที่เอาหนอนและแมลงมาทำเป็นอาหารบริการลูกค้า จิ้งหรีดทอดกับพริก แม้กระทั่งแมงป่องก็เอามาโปะทับขนมปังหน้ากุ้งแล้วทอด เชฟประจำร้านไต้ฝุ่น ในแซนต้าโมนิก้า ที่แคลิฟอร์เนีย บอกว่า แมงป่องจะมีเหล็กใน แต่เมื่อนำมาทอดจนกรอบแล้ว พิษจากเหล็กในก็หายไปหมด จึงบริโภคได้อย่างปลอดภัย
แม้อาหารทำจากแมลงจะเป็นเรื่องแปลกในสหรัฐ แต่หลายพื้นที่ในโลกกลับเอาแมลงมากินกันนานแล้ว องค์การสหประชาชาติยังแนะนำให้หันมากินแมลง โดยบอกว่า ในบางพื้นที่ที่อดอยากคนในพื้นที่ น่าจะหันมากินแมลงดูบ้างก็ได้ เนื่องจากแมลงเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน มีไขมันและคลอเลสเตอรอลน้อยมาก แถมยังมีปริมาณไขมันน้อยกว่าเนื้อวัวถึง 60% ดังนั้นในช่วงที่อาหารทั่วโลกมีราคาแพงขึ้น และประชากรโลกก็เพิ่มจำนวนขึ้น การหันมากินแมลงจึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี
ภาพจาก www.isabye.com
ข่าวจริง สปริงนิวส์ ทันเหตุการณ์ เห็นอนาคต
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 456
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 809
ดูรูปงานมอเตอร์โชว์ของน้าปรัชทุกวันจนตาลาย
แทบไม่เห็นตัวรถเลย เห็นแต่พริตตี้เต็มไปหมด
ขาวสวยหมวยและอึ๋มเหมือนกันหมดจนจำหน้าไม่ได้
ผมสงสัยอย่างเดียว
งานจัดตั้งหลายๆวัน
สาวๆพริตตี้เค้าเปลี่ยนชุดกันบ้างรึเปล่า
หรือว่าใส่ซ้ำกันทุกวัน
ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย
แทบไม่เห็นตัวรถเลย เห็นแต่พริตตี้เต็มไปหมด
ขาวสวยหมวยและอึ๋มเหมือนกันหมดจนจำหน้าไม่ได้
ผมสงสัยอย่างเดียว
งานจัดตั้งหลายๆวัน
สาวๆพริตตี้เค้าเปลี่ยนชุดกันบ้างรึเปล่า
หรือว่าใส่ซ้ำกันทุกวัน
ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้
โพสต์ที่ 810
ครับพี่prajuvb ผมก็เห็นเหมือนพี่ งานมอเตอร์โชว์ไหงไม่ถ่ายรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อมาให้ชมกันprajuvb เขียน:ดูรูปงานมอเตอร์โชว์ของน้าปรัชทุกวันจนตาลาย
แทบไม่เห็นตัวรถเลย เห็นแต่พริตตี้เต็มไปหมด
ขาวสวยหมวยและอึ๋มเหมือนกันหมดจนจำหน้าไม่ได้
ผมสงสัยอย่างเดียว
งานจัดตั้งหลายๆวัน
สาวๆพริตตี้เค้าเปลี่ยนชุดกันบ้างรึเปล่า
หรือว่าใส่ซ้ำกันทุกวัน
ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย
มีแต่พริตตี้สาวๆ ต้้งแต่ยืนคู่รถ บางครั้งไม่ทราบเลยเป็นพริตตี้รถยี่ห้ออะไร
ตกลง คนที่ไปงานรถนี่เขาไม่ได้ไปดูรถนา คนไปชมดูพริ๊ตตี้
ชุด ที่ใส่น่าจะออกแบบมาแต่ละยี่ห้อรถมังครับ
________________________________________________________________________________
MOTOR EXPO 2012 ค่ายรถดุ ระเบิดโปรโมชั่น
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29” เริ่มแล้ว รถใหม่เปิดตัวเพียบ!ส่ง ท้ายนโยบายคืนภาษีรถคันแรก มั่นใจยอดจองทะลุ 50,000 คัน ชม 4 รถต้นแบบ 30 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม ชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี...
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29” หรือ “The 29th Thailand International Motor Expo 2012” ภาย ใต้แนวคิดยานยนต์วันหน้า ที่มาวันนี้ หรือ “Meet Tomorrow’s Cars Today” เปิดเผยว่าปีนี้ถือเป็นปีทองของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยในวันที่ 30 พฤศจิกายน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานฉลองผลิตรถครบ 2 ล้านคัน มี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน ซึ่งเป็นการประกาศความสำเร็จของวงการยานยนต์ไทย “งานปีนี้คึกคักกว่าทุกปีแน่นอน เพราะบริษัทรถยนต์ต่างแข่งขันนำเสนอโปรโมชั่นดึงดูดใจลูกค้า เพื่อทำยอดส่งท้ายปี โดยคาดการณ์ยอดจองรถในงานไว้ 50,000 คัน (ปี 2554 ยอดจองประมาณ 30,000 คัน) ผู้ชมงานราว 1.6 ล้านคน (ปี 2554 ผู้ชมงานกว่า 1.3 ล้านคน) สร้างเม็ดเงินสะพัดในงานมูลค่าประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท” ขวัญชัย กล่าวส่วนทิศทางตลาดรถยนต์ในปี 2556 เชื่อว่ายอดผลิตจะยังคงเพิ่มต่อเนื่องจากโครงการคืนภาษีรถคันแรก โดยเฉพาะอีโคคาร์ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคจนมั่นใจว่าจะทำยอดจองถล่มทลาย
ภายในงาน Motor Expo ผู้ชมงานจะได้พบกับไฮไลต์มากมายมี รถต้นแบบ 4 คัน เริ่มจาก HYUNDAI HED-8 เปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน MAZDA SHINARI สปอร์ตซีดานสะท้อนจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว NISSAN ESFLOW รถต้นแบบไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้ผสานความหรูกับคลาสสิกไว้ลงตัว และ TATA MEGAPIXEL รถพลังงานไฟฟ้า ขนาดเล็กที่มีชุดเพิ่มกำลังไฟฟ้าให้สามารถใช้งานในระยะทางไกลด้านโซนรถจักรยานยนต์ปีนี้เป็นเวที เปิดตัวบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ ที่น่าสนใจคือ HONDA นำ BIGWING เปิดตัวเป็นแห่งแรกในเอเชีย และ KAWASAKI ที่นำโมเดล 2013 NINJA 250R มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ส่วนอีกหลายแบรนด์ดังก็นำรถมาร่วมแสดงอย่างคึกคัก
สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารงาน Motor Expo ผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน (iPhone และ Andriod) แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ก เพียงพิมพ์คำว่า Motor Expoในช่อง Search ก็จะได้พบกับรายละเอียดของงาน ครบทั้งภาพและเสียง รวมถึงราคารถทุกรุ่นยิ่งกว่านั้นยังเป็นปีแรกที่ผู้จัดร่วมกับ T-Square Real-Time Traffic พัฒนาแอพพลิเคชั่นดูสภาพการจราจรและสถานะที่จอดรถภายในบริเวณงานผ่านสมาร์ทโฟน (iPhoneและ Andriod) เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบเส้นทางมาชม งาน Motor Expo แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถเลือกเส้นทางเข้าชมงานได้อย่างเหมาะสม ด้านการเดินทางไปชมงานมีรถ EXPRESS SHUTTLE BUS บริการรถรับ-ส่งฟรี ใน 4 เส้นทางหลัก ประกอบด้วย
1)หมอชิต-อิมแพค จุดจอดรถบริการ บริเวณด้านหน้าทางเข้า-ออก 4 ของรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีจตุจักร
2)อ่อนนุช-อิมแพค จุดจอดรถบริการ เดินเข้าจากปากซอยสุขุมวิท 50 ประมาณ 40 เมตร
3)สีลม-อิมแพค จุดจอดรถบริการ บริเวณหน้าพระบรมรูป ร.6 ตรงข้ามโรงแรมดุสิตธานี
4)ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต-อิมแพค จุดจอดรถบริการ บริเวณลานจอดรถหน้า Big C (โซนจอดรถตู้)
งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29” มีบริษัทรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมแสดง ดังต่อไปนี้ รถยนต์ AUDI, BENTLEY, BMW, BRABUS, CHEVROLET, CITROEN, DEVA, DFSK, FORD, GRAND CARRYBOY, HONDA, HYUNDAI, ISUZU, JAGUAR, KELLENERS SPORT, KIA, LAND ROVER, LEXUS, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MINI, MITSUBISHI, MITSUOKA, MTM, NISSAN, PEUGEOT, PROTON, PORSCHE, RUF, SAMMITRGREENPOWER, SKODA, SSANGYONG, STARTECH, SUBARU, SUZUKI, TATA, TOYOTA, VATH, VOLKSWAGEN, VOLVO, WIESMANN
รถจักรยานยนต์ BENELLI, DUCATI, GPX, HONDA, KAWASAKI, KEEWAY, SUZUKI, TRIUMPH, UDA
VOLVO
บริษัท รถหรูจากสวีเดน ผู้ผลิตยนตรกรรมที่เน้นวิศวกรรมโครงสร้างบนความปลอดภัย เทคโนโลยีของการขับเคลื่อน และรูปทรงที่สวยงาม ตั้งแสดงรถยนต์รุ่นล่าสุดที่จำหน่ายในประเทศ เช่น S60 DRIVe / V60 DRIVe / S80 1.6 DRIVe / S60 Sport / V50 พร้อมนวัตกรรมการขับขี่ที่เน้นความสะดวกสบาย หรูหราและปลอดภัยด้วยระบบรองรับและระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ โปรโมชั่นพิเศษภายในงานสำหรับลูกค้า รวมถึงการบริการหลังการขายในรูปแบบใหม่ของ Volvo
MAZDA
ค่าย Zoom Zoom นำรถต้นแบบแนวคิดจากดีไซน์ที่ล้ำไปในอนาคตด้วยรถ Shinari Concept สปอร์ตซาลูนทรงเพรียวลมที่ออกแบบโดยทีมงานของ Mazda ซึ่งเป็นชาวอาทิตย์อุทัยล้วนๆ โดยไม่พึ่งพาดีไซเนอร์จากยุโรปอีกต่อไป รับรองว่าเมื่อเห็นพื้นผิวเส้นสายของตัวรถ Shinari Concept จะทำให้คุณต้องอึ้งอย่างแน่นอน ตามด้วยรถยนต์ที่นำเสนอไปพร้อมๆ กับการขับขี่แบบสปอร์ต เช่น Mazda 2 / Mazda 3 1.6-2.0 / Mazda BT-50 PRO / Mazda CX-9 / Mazda MX-5 NC Sport Roadster
TSL
ไฮไลต์พิเศษของ TSL ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 นี้คือ การเปิดตัวยนตรกรรมที่ผสมผสานระหว่างนวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำกับศิลปกรรมจากงานฝีมือชั้นเยี่ยม เป็นศิลปะชิ้นเอกจากประเทศอังกฤษอย่าง BENTLEY NEW CONTINENTAL GT V8 Convertible ยนตรกรรมที่รวบรวมเอาเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ และความพิถีพิถันของรถซุปเปอร์คาร์เข้าไว้ด้วยกัน เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซินอันทรงพลัง twin turbocharged V8 ขนาด 4,000 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุดถึง 500 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 660 นิวตัน-เมตรที่ 1,700 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 301 กม./ชม. ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 5 วินาที และส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะที่เปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วขึ้น โดยทำงานควบคู่กับระบบการจัดการเครื่องยนต์อัจฉริยะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง (Direct injection) แบบ High Pressure แบริ่งแรงเสียดทานต่ำ ระบบจัดการอุณหภูมิ ระบบนำพลังงานมาใช้ใหม่ และระบบจัดการลูกสูบแบบแปรผัน Variable Displacement ที่จะเปลี่ยนการทำงานจากเครื่องยนต์ 8 สูบไปเป็นการทำงานแบบเครื่องยนต์ 4 สูบระหว่างที่การขับขี่ใช้กำลังของเครื่องยนต์น้อย เพื่อการประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยไอเสีย ทั้งนี้ เพื่อควบคุมฝูงม้ากว่า 500 ตัว จึงได้มีการติดตั้งระบบเบรกและระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP) ซึ่งถือเป็นระบบความปลอดภัยมาตรฐานจากโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกของ BENTLEY
YUMA MOTOR
บริษัทผู้นำเข้ารถยนต์สมรรถนะสูงจากต่างประเทศ Yuma Motor นำรถสปอร์ตและรถยนต์แบบ Crossover มาตั้งแสดงภายในงาน Motor Expo ประกอบไปด้วย Mercedes Benz SL600 BRABUS / Mercedes Benz C-Coupe BRABUS / Land Rover Evoque Startech Edition / Wiesmann GT MF5 / Mercedes Benz CLS BRABUS / Mercedes Benz ML Class BRABUS / และเครื่องยนต์ V12 Twin Turbo 800 แรงม้า ราคา 3.5 ล้านบาท (เฉพาะเครื่องยนต์) ของ BRABUS
MITSUBISHI
บริษัท Mitsubishi Motor ขนทัพรถตลาดอย่าง New Pajero Sport / Lancer EX / Mirage / Triton โดยเฉพาะ Mirage มีโปรโมชั่นเสริมการขายภายในงานเช่น ประกันภัยชั้น 1 ระยะเวลา 1 ปี ช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงระยะเวลา 1 ปี
RUF
RUF สำนักแต่งคู่บารมีของ Porsche ที่มักผลิตแต่อุปกรณ์เพิ่มแรงม้าและชุดแต่งพวกแอร์โรพาร์ต ขนทัพรถสปอร์ตมาโชว์ในงาน Motor Expo 2012 กันแบบครบๆ เช่น RUF 987 2.9 / RUF RT 12S / RUF Diesel Panamera / RUF 987 3.8
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom