Thai VI

SPACK ปันผลสูงด้วยนะครับ (ตอบแบบไม่ค่อยมีความรู้เชิงลึกนะครับ)
เมื่อก่อนเคยมีไว้แต่ขายออกหมดแล้วเพราะต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่านั้นครับ  

ler109 เขียน:หวัดดีครับพี่ลูกอีสานและพี่ๆ VI ทุกคนครับผมเป็น VI น้องใหม่ครับ อยากขอความเห็นของพี่เกี่ยวกับ CNS ครับเท่าที่ผมลองศึกษาดู คิดว่าบริษัทมีจุดเด่นจริงๆอยู่ด้านเดียวคือเรื่องของราคาหุ้นเมื่อเทียบกับมูลค่าของกิจการ บริษัทมีเงินสดและเทียบเท่าเงินสดอยู่เยอะไม่ทราบว่าพอถึงปี 2555 เมื่อมีการเปิดเสรีบริษัทยังจะพอมีอนาคตมั้ยครับ

เห็นด้วยครับ ตัว cns มีสินทรัพย์เงินสดและที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เต็มมูลค่าจำนวนมาก ประมาณ  4 พันล้าน แต่มีหนี้แค่ 1 พันล้าน ราคาหุ้นเทรดที่มาร์เก็ตแคปประมาณ 1.3-1.4 พันล้าน ถือว่าถูกมาก แต่เงินสดเหล่านี้คงมีโอกาสถึงมือผู้ถือหุ้นน้อย เพราะต้องเก็บเอาไว้ทำมาหากิน โดยการปล่อยกู้มาร์จินให้ลูกค้า cns เป็นโบรคที่ปล่อยกู้มาร์จินซื้อหุ้นค่อนข้างเยอะ เพราะมีเงินสดมากนั่นเอง

cns เป็นโบรคเกอร์ขนาดกลาง ส่วนแบ่งตลาดประมาณ 2.5% ถ้าเปิดเสรีโบรคเกอร์ผมคิดว่าพอจะอยู่รอดได้ แบบต้องกระเสือกกระสนครับ เพราะลำพังหากมีเพียงรายได้ค่าคอมมิสชั่น คงขาดทุน แต่ cns ยังมีรายได้จากการปล่อยมาร์จิน รายได้จากวานิชธนกิจค่อนข้างเยอะ(ฐานลูกค้าญี่ปุ่น)  ก็คงพอถูไถไปได้

และก็คงเหมือนหุ้นโบรคเกอร์ทั่วๆไป คือให้ซื้อหุ้นตอนวอลุ่มการซื้อขายในตลาดตกต่ำสุดๆ ไม่มีหุ้น ipo เข้าตลาดเลย นั่นละครับเวลาที่จะซื้อ และหุ้นโบรคเกอร์ไตรมาสไหนนำหุ้น ipo เข้าตลาดได้ ไตรมาสนั้นกำไรจะดีครับ

สวัสดีครับ พี่ลูกอีสาน

ไม่ทราบว่า หุ้นที่พี่ลูกอีสาน ดูอยู่มีตัว upf ไหมครับ อยากขอคำแนะนำหน่อยครับ

เห็นไตรมาสนี้ กำไรเพิ่มขึ้นมาก (800%  :shock: )

มากกว่ากำไรทั้งปี ย้อนหลังไป 5 ปีอีกครับ

ดูงบก็เห็นยอดขายเพิ่มขึ้นมาก มาจากการขึ้นราคาสินค้าและต้นทุนวัตถุดิบลดลง

ไม่ทราบว่า มุมมองของพี่เป็นยังไงครับ

ลูกอิสาน เขียน:

เห็นด้วยครับ ตัว cns มีสินทรัพย์เงินสดและที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เต็มมูลค่าจำนวนมาก ประมาณ

สวัสดีครับพี่ลูกอิสาน เผอิญเป็นมือใหม่
อยากจะสอบถามความคิดเห็นเกี่ยว UMS แล้วก็ STANLY

สำหรับทั้ง 2 ตัวนี้คิดว่าจะเศรษฐกิจฟื้นกลับมาจะสามารถทำกำไรได้ดีหรือเปล่าครับ

ขอบคุณครับ

Sayan เขียน:สวัสดีครับพี่ลูกอีสาน
คือผมเป็นคนนึงที่ติด SLC อยู่เกินกว่า 50% ของพอร์ต (ปอดเล็ก) มา 4 ปีแล้ว เฝ้าแต่รอว่าเมื่อไร บ. จะทำรายได้เกิน fix cost ซะที แต่แนวโน้มดูแล้วไร้ความหวังสิ้นดี ส่วนตัว i love libraly ก็ผ่านมาเป็นปีแล้วเงียบมากไม่ทราบพี่พอจะแนะนำอะไรได้บ้างครับ..ที่ถามเพราะว่าเคยเห็นพี่สนใจตัวนี้แต่หลายปีแล้วมั้งครับ
ปล. ถ้าพี่แนะนำให้ขายผมก็ไม่รู้จะขายให้ไคร..สภาพคล่องน้อยมากขอบคุณล่วงหน้าครับ

น่าจะหมายถึงกระทู้นี้หรือเปล่าครับ

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... hlight=slc

ถ้าไม่อำกันเล่น ผมแปลกใจที่ยังมีคนถือตัวนี้ครับ
เหตุผลที่ผมสนใจตอนนั้นเพราะกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี งบดี และดูมีอนาคตแต่พื้นฐานหลังจากที่ผมโพสต์ มีแต่แย่ลงและแย่ลง ไม่เคยเป็นไปตามที่คาด เป็นหุ้นที่ผมมองผิดจังเบอร์ แต่ผมยังโชคดีนิดนึง ที่ไม่ได้ถือเยอะ(เพราะไม่ชัวน์) เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาด ผมก็ขาย เท่านั้น

หลังๆผมไม่ได้ติดตามพื้นฐานตัวนี้ เพราะมีแต่ความตกต่ำซ้ำซาก คิดว่าพื้นฐานล่าสุดยังไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะผลประกอบการก็ฟ้อง สำหรับคนที่ติดหุ้นแบบนี้ ผมขอยกคำพูดที่โด่งดังของ Winston Churchill อดีตนายกอังกฤษ ที่ว่า You have to lose many a battle to win the War. ถ้าเป็นภาษาหุ้นคือ หากจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ต้องรู้จัก cut loss ให้เป็น  เราถอยวันนี้ไม่ใช่เราจะแพ้ แต่เก็บถนอมกำลังเพื่อหวังชัยชนะในวันหน้าจะดีกว่า การทนถือหุ้นที่พื้นฐานเปลี่ยนไม่เป็นไปตามคาด นอกจากสูญเสียเงินลงทุน ยังเสียโอกาสลงทุนในหุ้นดีๆตัวอื่นๆ แถมต้องทุกข์ใจ(ถึง4ปี)ที่ต้องทนถือหุ้นแย่ๆอีกด้วย

ผมเคยถือหุ้นไม่มีสภาพคล่องแบบสุดๆ เมื่อผมคิดว่าพื้นฐานเปลี่ยนไป ผมต้องจำใจขายที่ราคาฟลอร์  ซึ่งเป็นราคาเดียวที่มีบิดพอรองรับ ซึ่งผมก็ทำ ทำแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ไม่เสียใจกับผลขาดทุนเลย แล้วเอาเงินก้อนนั้นไปลงทุนหุ้นดีตัวอื่นๆ ได้กำไรเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัวครับ

หวังว่าผมคงตอบคำถามได้บางนะครับ และอย่าลืม

cut loss เป็นเพื่อนที่ดีของเรา หากพื้นฐานหุ้นเปลี่ยนแย่ลงไม่เป็นไปตามคาด แต่อย่าไปทำกับหุ้นที่พื้นฐานดีขึ้น ดีเหมือนเดิมแต่ราคาหุ้นลดลงนะครับ

ถ้าไม่แน่ใจในพื้นฐาน อย่าถือหุ้นตัวใดตัวนึงมากจนเกินไป หลักง่ายๆของผม ถ้าถือหุ้นตัวใดตัวนึงจนรู้สึกเริ่มกังวล ผมจะหยุดซื้อเพิ่มทันที..

ผมติดตามการตอบคำถามของคุณลูกอิสานมาโดยตลอดเลยครับ
ได้เห็นตอนที่มาอัดรายการกับ อ นิเวศน์ และ อ ไพบูลย์ ตอนที่ มี ThaiVI Meeting เขานำมาแจกเป็น DVD ได้ประโยชน์มากครับ หลังจากนั้นผมก็ติดตามการตอบคำถามของคุณลูกอิสานมาโดยตลอด และรู้สึกว่าการตอบคำถามของคุณลูกอิสานช่างมีแง่มุมที่ไม่เคยทำให้ผม ไม่ประหลาดใจเลยที่ใครก็อยากได้รับคำตอบจากหุ้นที่เขาสนใจถามจากคุณลูกอิสาน ทั้งแง่คิด กลไกการ สร้างหนี้ สร้างรายได้ของหุ้นตัวนั้น ๆแม้หุ้นบางตัวคุณลูกอิสานไม่ได้ถือ ก็ยังสามารถให้แนวทางเพื่อไปทำการบ้านต่อ ได้เองพูดง่ายๆว่าคุณลูกอิสานได้ให้แง่คิดและแนะแนวทางสำหรับนักลงทุนที่ผ่านมาทางนี้แบบว่าไม่มีปิดบังเลย ผมไได้หลักการและคอยการตอบคำถามของนักลงทุนอย่างใจจดใจจ่อในกระทู้นี้เกือบทุกเวลาที่มีโอกาศ ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ขอชื่นชมด้วยใจจริงครับ

ถ้าคุณลูกอิสานได้สังเกตดูจะพบว่ามีคนเข้าชมกระทู้นี้มากกว่า แสนครั้งแล้วครับ

อยากเจอคุณลูกอิสานตัวเปฺ็นๆจ้งเลยเพราะผมก็ไปราชการทางหาดใหญ่บ่อยอยู่ครับ

เคยมีคนกล่าวไว้ว่าพี่ลูกอีสานคือปีเตอร์ ลินช์เมืองไทย
เนื่องจากพี่ศึกษาข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดเป็นจำนวนมาก
เหมือนกับ ปีเตอร์ ลินช์ ซึ่งหาข้อมูลของหุ้นนับพันๆตัว เพื่อคัดสรรมาไว้ในกองทุนของเขา
เยี่ยมยอดจริงๆครับ
ในบรรดาหนังสือการลงทุนนั้น ผมชอบ One Up On Wallstreet มากที่สุด
พี่ลูกอีสานลองเขียนหนังสือ One Up On SET มั่งดีมั้ยครับ  :lol:

ถ้าพี่ลูกอีสานเขียนหนังสือจริงผมขอซื้อด้วยครับ  :lol:  :lol:

มารอซื้อหนังสือพี่ด้วยคน รู้จักหุ้นเยอะขึ้น ก็จากกระทู้นี้แหละครับ  :D

จอง 10 เล่มครับ  :D

teelek เขียน:ผมติดตามการตอบคำถามของคุณลูกอิสานมาโดยตลอดเลยครับ
ได้เห็นตอนที่มาอัดรายการกับ อ นิเวศน์ และ อ ไพบูลย์ ตอนที่ มี ThaiVI Meeting เขานำมาแจกเป็น DVD ได้ประโยชน์มากครับ หลังจากนั้นผมก็ติดตามการตอบคำถามของคุณลูกอิสานมาโดยตลอด และรู้สึกว่าการตอบคำถามของคุณลูกอิสานช่างมีแง่มุมที่ไม่เคยทำให้ผม ไม่ประหลาดใจเลยที่ใครก็อยากได้รับคำตอบจากหุ้นที่เขาสนใจถามจากคุณลูกอิสาน ทั้งแง่คิด กลไกการ สร้างหนี้ สร้างรายได้ของหุ้นตัวนั้น ๆแม้หุ้นบางตัวคุณลูกอิสานไม่ได้ถือ ก็ยังสามารถให้แนวทางเพื่อไปทำการบ้านต่อ ได้เองพูดง่ายๆว่าคุณลูกอิสานได้ให้แง่คิดและแนะแนวทางสำหรับนักลงทุนที่ผ่านมาทางนี้แบบว่าไม่มีปิดบังเลย ผมไได้หลักการและคอยการตอบคำถามของนักลงทุนอย่างใจจดใจจ่อในกระทู้นี้เกือบทุกเวลาที่มีโอกาศ ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ขอชื่นชมด้วยใจจริงครับ

ถ้าคุณลูกอิสานได้สังเกตดูจะพบว่ามีคนเข้าชมกระทู้นี้มากกว่า แสนครั้งแล้วครับ

อยากเจอคุณลูกอิสานตัวเปฺ็นๆจ้งเลยเพราะผมก็ไปราชการทางหาดใหญ่บ่อยอยู่ครับ

เห็นด้วยครับ พี่โจเป็นคนที่เยี่ยมที่สุดเลยครับ มีทั้งความรู้และน้ำใจไม่มีการหวงความรู้เลย มือใหม่อย่างผมได้ประโยชน์จากมุมมองของพี่โจมากๆเลยครับ ขอให้พี่โจอยู่คู่กระทู้นี้ตลอดไปครับ  :D

ขอบคุณพี่ลูกอีสานและคุณDiabloที่ตอบคำถามเรื่องSPACKครับ  

ตามอ่านกระทู้นี้เรื่อยๆครับ ผมว่าให้ความรู้ดี เปิดมุมมองใหม่ๆดีครับ  :D

[quote="ลูกอิสาน"][quote="krisy"]พี่โจ สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันน้านนาน หวังว่าพี่คงสบายดีนะคะ วันนี้อยากได้ความรู้มาประดับหัวนิดนึงค่ะ กบไม่รีบนะคะ ยังพอมีเวลา

ถ้ากบอยากดูหุ้นก่อสร้างสักตัว ซึ่งปกติกบไม่ชอบเลย เพราะว่า ส่วนมากเดาผลประกอบการได้ลำบาก เนื่องจาก
- รายได้ไม่แน่นอน รับรู้ตามงาน
- เวลาผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาด ผู้บริหารมักให้เหตุผลข้างๆคูๆที่ฟังขึ้นเสมอ แต่ไม่เคยบอกว่า บริหารยังไงถึงเสร็จไม่ทันตามแผน
- มักพ่วงกำไรขาดทุนจากการเก็งราคา stock พวกเหล็ก ปูน ออกแนว cyclical นิดนิด
- ได้ผลเต็มๆจากนโยบายทางการเงินของรัฐ พวกดอกเบี้ย ค่าลดหย่อน
- มีวิมานในอากาศเยอะ ว่าโครงการที่ไม่รับรู้เท่านั้นเท่านี้ ต้องตามข่าวเยอะๆ
- มีแนวโน้ม insider trading สูง แบบวงในรู้ว่าได้งานแล้ว แอบดอดไปซื้อก่อนประกาศข่าว
- เงินกู้สูง และอาจเพิ่มทุนได้ตลอดเวลา

เล่าที่ไม่ชอบมาเยอะแยะ แต่บางทีเม่ากบก็อยากเล่นกับไฟน่ะพี่โจ

ลูกอิสาน เขียน:

cut loss เป็นเพื่อนที่ดีของเรา หากพื้นฐานหุ้นเปลี่ยนแย่ลงไม่เป็นไปตามคาด แต่อย่าไปทำกับหุ้นที่พื้นฐานดีขึ้น ดีเหมือนเดิมแต่ราคาหุ้นลดลงนะครับ
ถ้าไม่แน่ใจในพื้นฐาน อย่าถือหุ้นตัวใดตัวนึงมากจนเกินไป หลักง่ายๆของผม ถ้าถือหุ้นตัวใดตัวนึงจนรู้สึกเริ่มกังวล ผมจะหยุดซื้อเพิ่มทันที..

เรียนถามพี่ลูกอิสานครับ

ในมุมมองของพี่  พื้นฐานหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไปคืออะไรบ้างครับ  แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร  

การเข้าไปลงทุนในธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมากเกินไป เป็นการเปลี่ยนแปลงพี้นฐานหรือเปล่าครับ  

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

[quote="picatos"]สวัสดีครับ พี่ลูกอีสาน

ผมลงทุนมาสักพักนึงแล้วรู้สึกว่าระบบการจัดเก็บ และติดตามหุ้นแต่ละตัวของผมมันไม่ค่อย work เท่าไหร่ พอเจอข่าว ได้ข้อมูลอะไรเพิ่ม ก็เอามายัดๆ ใส่ใน Folder ของหุ้นแต่ละตัว พองบออกก็มาทำสรุปวิเคราะห์ใส่ file excel เก็บเป็นรายไตรมาส แต่พอทำๆ ไป ชักมึน ข้อมูล ไฟล์มันเยอะไปหมด หาเจอบ้าง หาไม่เจอบ้าง นี่ขนาดตามหุ้นไม่กี่ตัว เทียบไม่ได้กับพี่ลูกอีสานที่ตามหุ้นเป็นร้อยๆ ตัว

ผมเลยอยากขอวิทยายุทธในการจัดระบบ ระเบียบ การเก็บข้อมูลหุ้นแต่ละตัวครับว่า

1) พี่มีวิธีการเก็บอย่างไร เวลาข้อมูลเยอะๆ จะแบ่งประเภท หมวดหมู่อย่างไรให้หาง่าย และใช้ประโยชน์ได้ง่าย
2) พี่สรุปประเด็นหุ้นแต่ละตัวยังไงครับ คือ พี่ทำเป็น template เอาไว้ใช้สำหรับหุ้นแต่ละตัวเลยรึเปล่าครับ?
3) เวลาหุ้นแต่ละตัวมีอะไร update พี่เก็บข้อมูลยังไงครับ เพื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรากลับมาดูแล้วเห็น story ของหุ้นแต่ละตัวได้ง่ายๆ
4) เวลาพี่สรุปประเด็นสำคัญ ข้อดี ข้อเสีย Valuation ของหุ้นแต่ละตัวแล้ว เวลาจะเอามาใช้เปรียบเทียบกันเพื่อตัดสินใจลงทุน พี่เอาข้อมูลอะไรมาเปรียบเทียบกันบ้างครับ
5) ต่อเนื่องจากข้อที่ 4 เวลาพี่เจอหุ้นที่พี่สนใจแล้ว และคิดว่าน่าลงทุนแล้ว พี่มีวิธีการกำหนดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวยังไงครับ?

[quote="kotaro"]สวัสดีครับ พี่ลูกอีสาน
ไม่ทราบว่า หุ้นที่พี่ลูกอีสาน ดูอยู่มีตัว upf ไหมครับ อยากขอคำแนะนำหน่อยครับเห็นไตรมาสนี้ กำไรเพิ่มขึ้นมาก (800%

สวัสดีครับ พี่โจ  Pylon ระยะหลังผลประกอบการดีขึ้น ปี52 ผู้บริหารคาดว่ารายได้น่าจะอยู่ที่ 500 -700 ล้านบาท  

Pylon คาดเดาผลประกอบการได้ยาก รายได้มาไม่แน่นอน สภาพคล่องของหุ้นน้อยมากๆ

พี่โจ มีมุมมองอย่างไร น่าสนใจลงทุนไหมครับ

pepsi เขียน:สวัสดีครับ พี่โจ  Pylon ระยะหลังผลประกอบการดีขึ้น ปี52 ผู้บริหารคาดว่ารายได้น่าจะอยู่ที่ 500 -700 ล้านบาท  

Pylon คาดเดาผลประกอบการได้ยาก รายได้มาไม่แน่นอน สภาพคล่องของหุ้นน้อยมากๆ

พี่โจ มีมุมมองอย่างไร น่าสนใจลงทุนไหมครับ

ถ้าคาดการได้ยากแล้วเราไม่มั่นใจ ถ้าซื้อก็คงเก็งกำไรไม่ซื้อลงทุนครับ
ปล. ความเห็นส่วนตัว

[quote="ccc111


ถ้าคาดการได้ยากแล้วเราไม่มั่นใจ ถ้าซื้อก็คงเก็งกำไรไม่ซื้อลงทุนครับ
ปล. ความเห็นส่วนตัว[/quote]


สภาพคล่องน้อยมากๆ ไม่เหมาะกับการเก็งกำไรครับ

[quote="pepsi"]สวัสดีครับ พี่โจ

sai เขียน:ผมว่าถ้าเป็นช่วงนี้ หุ้นมีหลายตัวที่น่าสนใจกว่า pylon นะครับ เพราะ เคยฟังเค้าว่าปีนี้ถ้ามีรถไฟฟ้าจะช่วยในส่วนของรายได้ได้อย่างมาก แต่ปีนี้เท่าที่ดูก็ยังสรุปค่อนข้างยาก ที่สรุปแล้วก็มีแค่สายสีแดงเท่านั้นเอง(ซึ่งเข้าใจว่าเป็นสายที่เล็กที่สุด) pe 7 เท่า หาหุ้นตัวอื่นที่วิเคราะห์ง่ายง่ายดีกว่าครับ ถ้าชอบรับเหมาก็เอาหุ้นที่มีรายได้แบบเซ็นสัญญาโครงการไว้เรียบร้อยแล้วก็น่าจะดีนะครับ กำไรกำลังโตแบบน่าอิจฉาเชียว สนใจสอบถามพี่หมอสามัญชนได้คร้าบบบบ

ขอบคุณมากครับ พี่sai ตัวที่พี่sai ...... ผมกำลังตามดูอยู่อย่างใกล้ชิดครับ

ช่วงนี้ผมกำลังศึกษาตัวอื่นๆไปด้วยครับ

สวัสดีครับพี่ลูกอิสานและพี่ๆทุกท่าน  ผมเป็นมือใหม่ครับและก็กำลังศึกษาหุ้นตัวนี้อยู่  และก็กำลังศึกษาการลงทุนแนววีไออยู่ด้วย  ยังไม่มีพอร์ทของตัวเองเลยครับ (ไม่มีเงิน  ฮ่าฮ่า)  ขอความกรุณาจากพี่ๆด้วยนะครับ


๑ บริษัท มายเรียด วัสดุ จำกัด  เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ DRT 73.33%  จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าผู้บริหารบางคนของมายเรียดจะเข้ามานั่งเป็นบอร์ดของ DRT ด้วย  ผมอยากทราบความเห็นของพี่ๆเกี่ยวกับธรรมาภิบาลของบริษัทนี้ครับ  เพราะสามารถควบคุมมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ทั้งหมด

๒ เนื่องจากแร่ใยหินเป็นวัตรถุดิบหลัก  และมีข่าวว่าภาครัฐอาจออกฏหมายควบคุมการใช้แร่ใยหิน  ถ้าเกิดภาครัฐห้ามใช้  บริษัทไม่แย่หรอครับถึงแม้ว่าบริษัทจะรับมือโดยการซื้อลิขสิทธิ์ผลิตหลังคาโดยไม่ใช้ใยหินแล้ว  พวกพี่ๆมีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้ครับ

๓ DRT นี่เป็นหุ้นวัฏจักรรึเปล่าครับ  ถ้าไม่ใช่แล้วมันจัดเป็นหุ้นประเภทไหนครับ

๔ ผมเคยเรียนมาว่าบริษัทที่มีสินค้าที่แข่งขันทางด้านราคาอย่างรุนแรงไม่ค่อยน่าสนใจเพราะกระทบอย่างมากต่อผลกำไร  เท่าที่ดู  หลังคาก็เป็นสินค้านึงที่มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรงแถมมีคู่แข่งรายใหญ่ๆด้วย  และตราเพชรก้ไม่ใช่ผู้นำตลาด ไม่ทราบว่าพวกพี่ๆมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ

๕ เวลา profit growth มันไม่ค่อยคงที่อย่างนี้  จะหา profit growth ด้วยวิธีไหนดีครับ

๖ Free Cash Flow หายังไงหรอครับ  เปนอย่างเดียวกับ CFROE(Cash Flow Return on Equity) รึเปล่าครับ

๗ ในมุมมองของพี่ลูกอิสาน  ไม่ทราบว่ามองหุ้นตัวนี้เป็นอย่างไรบ้างครับในระยะยาว

ขอขอบพระคุณพี่ลูกอิสานและพี่ๆทุกๆคนล่วงหน้านะครับ  ขอให้เฮงเฮงเฮง ^^

ขอบคุณนะครับ พี่ลูกอีสาน      

ผมยังมีข้อสงสัยอีกหน่อยเกี่ยวกับเรื่อง concept ในการจัดพอร์ตครับ
1) ปกติพี่มี limit ตัวเองไหมครับว่าจะถือหุ้นแต่ละตัวไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์

กรณีที่มี limit ขอถามต่อข้อที่ 2-3 ครับ ถ้าไม่มี limit ก็ข้ามไปข้อ 4 เลยครับ

2) แล้วกรณีที่พี่เจอหุ้นตีแตก upside สูง ความเสี่ยงต่ำ มีตัวเร่ง และ time-line ค่อนข้างเชื่อถือได้ พี่มีวิธีคิดยังไงในการที่จะถือหุ้นเกินสัดส่วนที่ limit เอาไว้ในข้อที่ 1
3) พี่ห้ามตัวเองยังไงครับ ในกรณีที่เจอหุ้นที่ upside สูงมากๆ แต่ยังมีบางอย่างไม่แน่นอนอยู่ แล้วพยายามที่จะไม่ละเมิดกฎข้อที่ 1

4) ปกติเวลาพี่คำนวณมูลค่าหุ้นออกมาแล้ว พี่ให้ MOS มากเท่าไหร่ถึงคิดว่าน่าลงทุนครับ?
5) เห็นพี่ post การลงทุน arbitrage หุ้นด้วย ปกติเวลาพี่ลงทุนพวกนี้ พี่ให้สัดส่วนยังไงครับ เพราะปกติดีลพวกนี้จะมีผลตอบแทน และ กำหนดเวลาที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเวลาไปเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ แล้วมีความชัดเจนมากกว่าเยอะ พี่ให้สัดส่วนยังไงครับ กรณีที่พี่รู้ผลตอบแทน และระยะเวลาแล้ว
6) พี่ให้น้ำหนักอะไรมากกว่ากันครับ ระหว่างหุ้นที่มี upside 250% แต่อาจจะใช้เวลาสัก 1-2 ปี กับหุ้นที่มี upside 100% แต่ time-line สัก 6 เดือน - 1 ปี

ขอบคุณอีกครั้งครับ

เห็นช่วงนี้คุณโจงานเข้า เพราะมีคำถามเข้ามามาก ผมอ่านดูและได้ประโยชน์มากจริงๆ และชื่นชมคุณโจที่ให้ความรู้อย่างไม่ปิดบัง เคยตั้งใจว่าไม่อยากรบกวน แต่ครั้งนี้อยากถามคำถามใกล้ตัวเกี่ยวกับประสบการณ์ และมุมมองของคุณโจเรื่อง Market Correction เพราะเห็นว่า SET ขึ้นรอบนี้มามาก จากPEต้นปีที่ 6.5 มาตอนนี้ใกล้ 11.5-12 แล้ว  

1.คุณโจดูสัญญาณอะไรในเรื่อง Market Correction
2.คุณโจมีคำแนะนำในการบริหารพอร์ทอย่างไร เมื่อจับสัญญาณนี้ได้
3.การขายลดพอร์ทเพื่อถือเงินสด ควรมีหลักการอย่างไร เพื่อป้องกันความเสี่ยงแต่ในขณะเดียวกันไม่เสียโอกาส

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีครับ พี่ลูกอีสาน

ผมจะรบกวน ขอมุมมองสำหรับหุ้น  UEC หน่อยซิครับ

พี่มองว่า  biz mode จะดีไหมสำหรับอนาคต
แล้วถ้าตอนนี้ biz mode  ของ uec ไม่เปลี่ยน
ยังมีโอกาสโตไหมครับ

 ขอบคุณครับ

คุณลูกอิสานคะ ถ้าพอมีเวลาว่าง ช่วยดู PAF ให้หน่อยได้ไม๊คะ เห็นไตรมาสแรกปีนี้ดูดีขึ้น กำลังรอว่าไตรมาสหน้าจะเป็นอย่างไร ดู p/bv ต่ำมาก เทียบได้กับที่ดินของกิจการเลย

พี่โจครับ

พอดีผมถามพี่ ih ในภาค 18 ไป 22 ข้อ

มีคำถามที่เกี่ยวกับหุ้น thcom ที่พี่โจเคยโพสเอาไว้

ผมเลยนำการถามตอบที่เกี่ยวกับ thcom มาลงเอาไว้นะครับ




ดังนี้ครับ

(ถ้าพี่โจมีประเด็นอะไรเพิ่มเติมก็ยินดีเลยนะครับ)


15.หุ้น thcom เห็นพี่ลูกอีสานแห่ง tvi บอกว่า

"ดาวเทียม iPstar หรือไทยคม 4 หรือดาวเทียมบรอดแบนด์ดวงแรกของโลก เพิ่งเปิดให้บริการไม่นาน ทำให้ใช้กำลังบริการแค่ 10% ทำให้ยังขาดทุน แต่เริ่มจะขาดทุนน้อยลง เพราะมีลูกค้ามากขึ้น คาดกันว่าหากใช้capacity ที่ 15% จะถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งคาดหวังในปีนี้จากการเปิดตลาดใหม่ๆเช่น อินโด ญี่ปุ่น ไต้หวัน และที่สำคัญอินเดีย นอกจากนั้นยังเติบโตจากตลาดหลักอย่าง ออสเตเลีย นิวซีแลนด์ ตลาดหลักของไอพีสตาร์คือการให้บริการอินเตอร์เนตในพื้นที่ห่างไกลที่การวางสายโทรศัพท์ไม่คุ้มทุน ดังนั้นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นเป้าหมายหลักของ ipstar เช่น ออสเตรเลีย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย
ปัญหาของ ipstar ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องกฎเกณฑ์ เรื่องการเมือง โดยเฉพาะตลาดหลักที่เป็นประเทศใหญ่จะอ่อนไหวต่อเรื่องการให้ใบอนุญาติ ทำให้การอนุมัติล่าช้ามาก
"
พี่ ih มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ
เห็นพี่ลูกอีสานบอกว่าพอเปิดบริการ ipstar ทำให้มีค่าเสื่อมเข้ามาเยอะ
ดูๆแล้วถ้า ipstar breakeven ได้หุ้น thcom คงเป็นหุ้น turnaround ได้ตัวนึงทีเดียว เพราะกำไรคงเยอะมากๆ
เพราะค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็น fix cost
ไม่รู้จะเหมือน tnh ไหมที่กำไรโตเอาๆ เพราะมี capacity เหลือ
พี่ ih มองเรื่อง ipstar ว่ามีแนวโน้มอย่างไรบ้างครับ




- ผมต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจดาวเทียมเลยครับ ก็มีข้อสังเกตนิดหน่อยดังนี้ครับ
1 ) เป็นเรื่องน่าแปลกที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ยิงดาวเทียม Ipstar ครับ ที่แน่ๆ เราไม่ใช่เจ้าของเทคโนโลยีแน่ๆ ครับ ที่สงสัยคือ ทำไมประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีเค้าไม่ยิงก่อนเรา และอีกเรื่องที่อยากรู้ก็คือ หลังเรายิง ipstar แล้ว มีประเทศอื่นยิงตามเราด้วยรึเปล่าครับ? คือ ถ้ามีคนอื่นยิงตาม แสดงว่าเทคโนโลยี ipstar นี้ใช้ได้ แต่ถ้าไม่มีคนยิงตาม ก็น่าคิดเหมือนกัน สรุปก็คือ ถ้าวันหนึ่ง ipstar ทำกำไรได้ ก็ถือว่าผู้บริหารของ THCOM ก็มีวิสัยทัศน์ดีมากทีเดียวครับ

2 ) จากที่บอกว่า ตลาดหลักของไอพีสตาร์คือการให้บริการอินเตอร์เนตในพื้นที่ห่างไกลที่การวางสายโทรศัพท์ไม่คุ้มทุน ดังนั้นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นเป้าหมายหลักของ ipstar เช่น ออสเตรเลีย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ทำให้ผมนึกถึงเมืองไทย ว่าพื้นที่ไหนในเมืองไทยที่จะเป็นลูกค้า ipstar ได้บ้าง คำตอบก็คือ ต้องเป็นต่างจังหวัดที่สายโทรศัพท์ไปไม่ถึงจึงทำให้ไม่สามารถใช้บริการ internet แบบ broadband หรือ dial up ได้ ซึ่งอัตราค่าบริการ internet ที่ใช้ ipstar นั้นก็ค่อนข้างแพง ผมเคยโทรถาม CS loxinfo ที่มีบริการ internet ผ่านดาวเทียม ipstar ถ้าจำไม่ผิดค่าบริการอยู่ที่ 2-3 พันบาท ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่สายโทรศัพท์ไปไม่ถึงน่าจะเป็นพื้นที่กันดารพอสมควรซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีเงินจ่ายค่าบริการตรงนี้ได้ ถ้าในเมืองไทยผมนึกออกก็น่าจะเป็นบ้านของคุณวิกรม กรมดิษฐ์ ที่เขาใหญ่ครับที่น่าจะเป็นลูกค้า ipstar ได้

ดังนั้นตลาดในจีน อินเดีย ก็อาจจะมีความคล้ายเมืองไทย คือ พื้นที่ที่สายโทรศัพท์ไปไม่ถึงก็น่าจะเป็นพื้นที่ที่ประชากรมีอาชีพเกษตรกรรมและมีรายได้ค่อนข้างน้อยครับ แต่ถ้าเป็นประเทศอย่างญี่ปุ่น ไต้หวัน ออสเตรเลีย ตรงนี้น่าจะพอมีความเป็นไปได้ครับที่จะมีลูกค้าที่ใช้บริการ ipstar ครับ

อีกคำถามหนึ่งที่ผมอยากทราบเหมือนกัน ก็คือ การที่ระบบมือถือปัจจุบันสามารถใช้บริการ internet ผ่าน GPRS ได้ซึ่งทำให้สามารถ connect internet ได้โดยใช้มือถือที่มี GPRS หรือ air card ดังนั้นพื้นที่ที่ไม่สามารถลากสายโทรศัพท์ แต่ยังมีสัญญาณมือถือ ก็สามารถใช้ internet ได้เช่นกัน เพียงแต่ความเร็วของ internet โดยระบบ GPRS จะไม่เร็วเท่า Ipstar ครับ แต่อนาคตหากระบบมือถือเป็น 3G ความเร็วในการ connect ก็จะเพิ่มขึ้นครับ ดังนั้นการที่พื้นที่ coverage ของมือถือในแต่ละประเทศเพิ่มขึ้นนั้นจะทำให้ความต้องการใช้ internet ผ่านดาวเทียมนั้นลดลงด้วยหรือเปล่าครับ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจุด breakeven ของ ipstar ก็ต่ำคือ 15% เอง ดังนั้นหากสามารถหาลูกค้าเพิ่มได้จากประเทศใดประเทศหนึ่งที่ thcom ได้ใบอนุญาตมา ก็มีความเป็นไปได้ที่จะ operate ถึงจุด breakeven ครับ คุณ hongvalue ทราบไหมครับว่าอายุการใช้งานคงเหลือของ ipstar นั้นเหลือกี่ปี เพื่อที่จะได้ทราบว่าหลังจาก breakeven แล้วจะมีช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์เหลือนานไหม ไหนๆ ผมตอบคำถามมาถึงภาค 18 แล้ว รบกวนคุณ hong หาข้อมูลเพิ่มให้ผมหน่อยนะครับ เพราะผมเองแม้ไม่ได้ลงทุนใน thcom แต่ก็ลงทุนในหุ้น shin ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ thcom อยู่เหมือนกันครับ


 
17.พี่ลูกอีสานบอกว่าไทยคมมีธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ขายให้สิงคโปร์ในปี
2007 ไปเกือบๆ 6900 ล้าน
เหลืออีกครึ่งน่าจะมูลค่าเท่ากัน 6900 ล้านแต่ marketcap thcom
3300 พี่ih คิดว่าประเด็นนี้น่าจะบ่งบอกได้ไหมว่า downside risk ของหุ้น thcom น้อย เพราะมีมูลค่าแฝงที่เยอะ และนี้ก็นับเฉพาะในรูปแบบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่
ยังไม่รวม ipstar ด้วย

- แต่ thcom ก็มีหนี้อยู่ 1 หมื่นล้านด้วยนะครับ ดังนั้นกรณีที่ยกมานี้หาก thcom ไม่มีหนี้ก็ถือว่าเป็นหุ้นที่น่าซื้อมาก ดังนั้นหากดู EV หรือ Enterprise value ( market cap + debt ) ก็จะได้อยู่ 13,000 กว่าล้านครับ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหนี้อยู่ หากมองในแง่สินทรัพย์แล้วก็เห็นว่า thcom ก็เป็นหุ้นที่มีสินทรัพย์มากทีเดียวครับ และมีกระแสเงินสดที่ดีเพราะมีค่าเสื่อมราคามาก ติดแต่เรื่องความสามารถในการทำกำไรทางบัญชีครับ สิ่งหนึ่งที่ต้องดูคือ อายุคงเหลือของดาวเทียมแต่ละดวงครับ และต้องดูว่าการตัดค่าเสื่อมราคานั้นตัดเท่าอายุการใช้งานดาวเทียมเลยรึเปล่า เพราะถ้าใช่ คือ ตัดตามอายุดาวเทียม ค่าเสื่อมราคาก็จะไม่ใช่ free cash flow ครับ ซึ่งต่างจากสินทรัพย์ประเภทอาคาร ที่แม้ตัดค่าเสื่อมราคาหมดแล้วก็ยังใช้งานอาคารต่อได้อีก จึงทำให้ค่าเสื่อมราคาหักด้วยค่าใช้จ่ายในการตกแต่งซ่อมแซมให้ใช้งานได้ตามปกติแล้วถือเป็น free cash flow ครับ รบกวนไปหาข้อมูลมาหน่อยนะครับ

คุณ Hongvalue ครับ ผมสนใจในกะทู้ถาม-ตอบ กับคุณ IH ไม่ทราบว่าผมจะไปอ่านภาคเก่าๆได้ที่ไหนครับ หรือถ้ามีsoftfile ที่สามารถส่งให้ได้ จะขอบคุณมากเลยครับ

IWILLBEVI เขียน:คุณ Hongvalue ครับ ผมสนใจในกะทู้ถาม-ตอบ กับคุณ IH ไม่ทราบว่าผมจะไปอ่านภาคเก่าๆได้ที่ไหนครับ หรือถ้ามีsoftfile ที่สามารถส่งให้ได้ จะขอบคุณมากเลยครับ

ไม่เคยทำเป็น softfile ครับ

เพราะว่าผม print มาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก

ดูทางคอมกลัวจะสายตาเสีย

สามารถไปตามอ่านได้ทั้ง 18 ภาค

ในนี้ครับ

http://bbznet.pukpik.com/scripts3/board ... r=numtopic

ถามไปแล้วเกือบๆ 300 คำถามครับ



ว่าแต่จำได้ว่าเคยถามผมเรื่อง fundflow ศึกษาแล้วได้ผลอย่างไรนำมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ

ป.ล.เรียกผมว่า น้องฮงก็ได้ครับ

ผมชอบเพราะมันดูเด็กน่ะครับ  :lol: