จ๊อกกิ้ง
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 754
[quote="..."]
ดูจากหน้าและมือที่พันแล้ว พี่พอใจเตรียมจะต่อยคนข้างหน้ารึเปล่าครับ
ดูจากหน้าและมือที่พันแล้ว พี่พอใจเตรียมจะต่อยคนข้างหน้ารึเปล่าครับ
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 757
ชอบคนนี้ครับ
ไม่ใช่วิ่งเก่งอย่างเดียว ยังเต้นเก่งด้วย
ไม่ใช่วิ่งเก่งอย่างเดียว ยังเต้นเก่งด้วย
"Winners never quit, and quitters never win."
- ก้อนหิน
- Verified User
- โพสต์: 2344
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 759
เอามาเผื่อคนไม่ได้เข้าไปดูครับHVI เขียน:ชอบคนนี้ครับ
ไม่ใช่วิ่งเก่งอย่างเดียว ยังเต้นเก่งด้วย :lol:
http://www.elfyourself.com/?id=1745162253

- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 761
8) วันนี้ใครสนใจมาวิ่งด้วยกันได้ที่สวนลุม 6โมงเย็นนะครับ
น้องหวีหมู่นี้ที่เห็น...วิ่งดีวันดีคืน
ไม่รู้กินยาอะไรมา
ลงฮาล์ฟก่อนผมแน่ รอบนี้
ผมจะได้แรงบันดาลใจมาวิ่งฮาล์ฟ ก็ได้จากน้องหวีนี่แหละ
จากไม่กี่เดือนที่แล้วที่น้องหวีวิ่งได้รอบเดียวสวนลุมแทบแย่แล้ว
เผลอแว่บเดียว จะลงฮาล์ฟขอนแก่นแล้ว
ยอดครับ นับถือนับถือ
น้องหวีตัวไม่หนักนัก หนุ่มแน่นเพิ่งแบ่งเซลครั้งที่สอง
แถมนักกีฬาเก่า ใจสู้
รอบนี้ 10กม.ผมวิ่งได้สบายๆ
แต่มีเจ็บประจำ ทั้งเข่าทั้งข้อเท้า
สงสัยต้องลดน้ำหนัก ซัก5กก.
แล้วที่สำคัญต้องดามหัวใจให้แน่นหนากว่านี้หน่อย...
น้องหวีหมู่นี้ที่เห็น...วิ่งดีวันดีคืน
ไม่รู้กินยาอะไรมา
ลงฮาล์ฟก่อนผมแน่ รอบนี้
ผมจะได้แรงบันดาลใจมาวิ่งฮาล์ฟ ก็ได้จากน้องหวีนี่แหละ
จากไม่กี่เดือนที่แล้วที่น้องหวีวิ่งได้รอบเดียวสวนลุมแทบแย่แล้ว
เผลอแว่บเดียว จะลงฮาล์ฟขอนแก่นแล้ว
ยอดครับ นับถือนับถือ
น้องหวีตัวไม่หนักนัก หนุ่มแน่นเพิ่งแบ่งเซลครั้งที่สอง
แถมนักกีฬาเก่า ใจสู้
รอบนี้ 10กม.ผมวิ่งได้สบายๆ
แต่มีเจ็บประจำ ทั้งเข่าทั้งข้อเท้า
สงสัยต้องลดน้ำหนัก ซัก5กก.
แล้วที่สำคัญต้องดามหัวใจให้แน่นหนากว่านี้หน่อย...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 762
por_jai เขียน:8) .
แล้วที่สำคัญต้องดามหัวใจให้แน่นหนากว่านี้หน่อย...
ถ้ามีหลายดวง มันก็ดามยากหน่อยคับ 8)
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 764
[quote="por_jai"]
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 767
8) ถ้าน้องปีใหม่ที่ถ่ายแบบตู้มๆpor_jai เขียน:
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 768
[quote="por_jai"]
"Winners never quit, and quitters never win."
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 769
ขอบคุณคับ พี่หวี
แต่น้องปีใหม่ เนี่ยสารภาพตรงๆว่า น้องเขาเคยโดนใจผมตอนก่อนเข้าวงการแบบจริงๆจังๆครับ
เมื่อก่อนแกถ่ายแบบอะไรไม่รู้น่ารักดี
และก็มาดังตอนมาลง memo เนี่ยแหละครับ
แต่หลังๆ แกคงทำอะไรมาเยอะไปหน่อย
บางส่วนที่เยอะไปก็เลยดูน่าเกลียด
ผมสารภาพตรงๆนะครับ
เวลาเห็นแบบ ล้นๆ แล้วดูมัน ไม่สมจริง
รู้สึกว่า น่ากลัว มากกว่าน่าลุ้น
ส่วนหน้า นี่ไม่รู้ ยังไง
ดูแล้วน่าเหมือน เพื่อนผู้ชายแถวบ้าน...
เห็นแล้วเลยปลงดีกว่า...
ถ้าพี่หวี ให้ผม ขอยืมมาจาก พี่ เพื่อนดีกว่าครับ...
ผมรออยู่...
แต่น้องปีใหม่ เนี่ยสารภาพตรงๆว่า น้องเขาเคยโดนใจผมตอนก่อนเข้าวงการแบบจริงๆจังๆครับ
เมื่อก่อนแกถ่ายแบบอะไรไม่รู้น่ารักดี
และก็มาดังตอนมาลง memo เนี่ยแหละครับ
แต่หลังๆ แกคงทำอะไรมาเยอะไปหน่อย
บางส่วนที่เยอะไปก็เลยดูน่าเกลียด
ผมสารภาพตรงๆนะครับ
เวลาเห็นแบบ ล้นๆ แล้วดูมัน ไม่สมจริง
รู้สึกว่า น่ากลัว มากกว่าน่าลุ้น
ส่วนหน้า นี่ไม่รู้ ยังไง
ดูแล้วน่าเหมือน เพื่อนผู้ชายแถวบ้าน...
เห็นแล้วเลยปลงดีกว่า...
ถ้าพี่หวี ให้ผม ขอยืมมาจาก พี่ เพื่อนดีกว่าครับ...
ผมรออยู่...

"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- Basketman
- Verified User
- โพสต์: 1208
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 771
พี่พอใจ พี่ไตรฯ ครับ
วันนี้มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาบอกผมว่า
ถ้าอายุ 50 ปีขึ้นไปแล้วไม่ควรออกกำลังกายโดยการวิ่งทุกวัน
เพราะจะทำให้หัวเข่าเสื่อมเสียเร็ว มากกว่าจะได้ประโยชน์
ให้หันมาปั่นจักรยานแทน...จริงหรือป่าวครับ?
อีกทั้งเค้ายังบอกผมว่าอายุและน้ำหนักขนาดผมนี่ก็ไม่ควรวิ่งแล้ว
จะทำให้หัวเข่าเสื่อม ระยะยาวจะไม่คุ้ม ให้ปั่นจักรยานแทน!!
จริงอย่างเค้าว่ารึป่าวครับ?แล้วผมจะทำไงดี?
ที่วิ่งก็เพราะอยากลดน้ำหนักนี่แหละครับ
จักรยานผมก็ปั่นแต่มันก็ไม่มันส์ไม่ได้เหงือเท่าวิ่งนะครับ.
วันนี้มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาบอกผมว่า
ถ้าอายุ 50 ปีขึ้นไปแล้วไม่ควรออกกำลังกายโดยการวิ่งทุกวัน
เพราะจะทำให้หัวเข่าเสื่อมเสียเร็ว มากกว่าจะได้ประโยชน์
ให้หันมาปั่นจักรยานแทน...จริงหรือป่าวครับ?
อีกทั้งเค้ายังบอกผมว่าอายุและน้ำหนักขนาดผมนี่ก็ไม่ควรวิ่งแล้ว
จะทำให้หัวเข่าเสื่อม ระยะยาวจะไม่คุ้ม ให้ปั่นจักรยานแทน!!
จริงอย่างเค้าว่ารึป่าวครับ?แล้วผมจะทำไงดี?
ที่วิ่งก็เพราะอยากลดน้ำหนักนี่แหละครับ
จักรยานผมก็ปั่นแต่มันก็ไม่มันส์ไม่ได้เหงือเท่าวิ่งนะครับ.
"สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องไปปั่นเอาเอง"
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 772
คำถามนี้ผมเคยถามหมอเคBasketman เขียน:พี่พอใจ พี่ไตรฯ ครับ
ที่เป็นหมอทางด้านorthopedix มา
แกว่าวิ่งทำให้ข้อเข่า ข้อเท้าได้เคลื่อนไหว
ทำให้มีน้ำมันมาหล่อเลี้ยงข้อต่างๆ
ให้ดีและแข็งแรงกว่าซะอีก ด้วยซ้ำไป
แฮ่...แต่ต้องวิ่งให้เหมาะสมนะครับ พอดีๆ ไม่มากเกินไป
ซึ่งผมเชื่อหมอเค
เพราะจากประสบการณ์ผมที่วิ่งแข่งมา
ส่วนใหญ่อายุรุ่น40อัพนี่ เป็นเปอร์เซนต์สูง
ผมว่าต้องเกินครึ่ง อาจค่อนด้วยซ้ำไป
เห็นพวกพี่ๆเขาก็วิ่งกันฉลุย ไม่เห็นมีอาการข้อเข่าเสื่อม
ที่เจ็บใจคือเร็วๆกว่าผมทั้งนั้นเลย
ส่วนผมนั้นนอกจากวิ่งอาทิตย์ละ4วัน
ยังตีแบดอีก3วัน
ทำอย่างนี้มาสิบกว่าปีแล้วนะพี่บาส
อย่าว่าแต่ข้อเข่าเลย อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรเสื่อม แน่นอนครับ
มีแต่ต้องกินยาลด...อันหลังสุดนี่โม้ครับ.....
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 773
เคยอ่านหนังสือของหมอเฉกครับ
ขอเกริ่นประวัติหมอเฉกเพื่อความน่าเชื่อถือนิดนึง
ท่านจบแพทย์จาก John Hopkins
หมอเฉกเป็นผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพมาตั้งแต่วัยหนุ่ม
ซึ่งดูแลโดยเป็นระบบ มองเป็นองค์รวม
ทั้งอาหารการกิน (ท่านเป็นมังสวิรัติแบบเน้นทานผลไม้)
การนั่งสมาธิ และฝึกจิตตามหลักศาสนาพุทธ
และการออกกำลังกาย
เชื่อมั้ยครับว่าปัจจุบันท่านอายุ 80 กว่า
ท่านสามารถว่ายน้ำได้เป็นกิโล
เล่นโยคะท่าหัวตั้งพื้นได้สบาย สุขภาพจิตดีมาก
ความหนุ่มแน่นก็ดูแก่กว่าพี่พอใจหน่อยเดียว
(ขนาดพี่พอใจดูอ่อนกว่าอายุซัก 10 ปี ได้)
ถือเป็นต้นแบบที่ผมอยากทำตามบ้าง เป็นคนแก่ที่ดูสง่ามาก
ท่านบอกว่าร่างกายคนเรามันต้องได้ขยับ ได้ออกแรง ถึงจะแข็งแรง
ส่วนข้อต่างๆนั้นก็เหมือนกัน
การวิ่งกลับช่วยทำให้เข่าเสื่อมช้าลงเมื่อเทียบกับพวกที่ไม่ออกกำลังกาย
เป็นปริมาณที่เทียบกันไม่ได้เลย
(แน่นอนว่าต้องอยู่ในเกณฑ์ที่พอดี)
อ่านในหนังสือเล่มเล็กๆ ของท่านครับ
ชื่อหนังสือ "เล่นกับตัวเองอย่างไร ให้สุขกาย สุขใจ ปลอดโรคภัยเกิน 100 ปี"
เป็นหนังสือที่ลบล้างความเชื่อเก่าๆ ที่ผิดๆ ของผมได้หลายประเด็น
ผมเชื่อท่านครับ เพราะท่านใช้ร่างกายท่านพิสูจน์ให้ดูเป็นตัวอย่าง
ขอเกริ่นประวัติหมอเฉกเพื่อความน่าเชื่อถือนิดนึง
ท่านจบแพทย์จาก John Hopkins
หมอเฉกเป็นผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพมาตั้งแต่วัยหนุ่ม
ซึ่งดูแลโดยเป็นระบบ มองเป็นองค์รวม
ทั้งอาหารการกิน (ท่านเป็นมังสวิรัติแบบเน้นทานผลไม้)
การนั่งสมาธิ และฝึกจิตตามหลักศาสนาพุทธ
และการออกกำลังกาย
เชื่อมั้ยครับว่าปัจจุบันท่านอายุ 80 กว่า
ท่านสามารถว่ายน้ำได้เป็นกิโล
เล่นโยคะท่าหัวตั้งพื้นได้สบาย สุขภาพจิตดีมาก
ความหนุ่มแน่นก็ดูแก่กว่าพี่พอใจหน่อยเดียว
(ขนาดพี่พอใจดูอ่อนกว่าอายุซัก 10 ปี ได้)
ถือเป็นต้นแบบที่ผมอยากทำตามบ้าง เป็นคนแก่ที่ดูสง่ามาก
ท่านบอกว่าร่างกายคนเรามันต้องได้ขยับ ได้ออกแรง ถึงจะแข็งแรง
ส่วนข้อต่างๆนั้นก็เหมือนกัน
การวิ่งกลับช่วยทำให้เข่าเสื่อมช้าลงเมื่อเทียบกับพวกที่ไม่ออกกำลังกาย
เป็นปริมาณที่เทียบกันไม่ได้เลย
(แน่นอนว่าต้องอยู่ในเกณฑ์ที่พอดี)
อ่านในหนังสือเล่มเล็กๆ ของท่านครับ
ชื่อหนังสือ "เล่นกับตัวเองอย่างไร ให้สุขกาย สุขใจ ปลอดโรคภัยเกิน 100 ปี"
เป็นหนังสือที่ลบล้างความเชื่อเก่าๆ ที่ผิดๆ ของผมได้หลายประเด็น
ผมเชื่อท่านครับ เพราะท่านใช้ร่างกายท่านพิสูจน์ให้ดูเป็นตัวอย่าง
"Winners never quit, and quitters never win."
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 774
อืม ยืนยันครับ แต่ต้องถูกวิธี ครับ
ถูกยังไงก็ถามพี่พอใจดู ผนวก อุปกรณ์ป้องกันทั้งหลาย สบายแน่นอน ระยะยาว ผลดีมากกว่าผลเสีย
มีคนเคยทำวิจัยนะครับ
คนวิ่ง เข่ากลับเสื่อมช้ากว่าคนไม่วิ่ง (แปลก) แต่ต้องวิ่งอย่างถูกวิธี
แถมวิ่งเร็ว กลับเสื่อมช้ากว่า คนวิ่งช้า แปลกมั้ยครับ
เชื่อว่า ทำให้กล้ามเนื้อรอบเข่าแข็งแรง บวกกับ น้ำในข้อเข่าได้มีการใช้งาน (มันก็เหมือน น้ำมันหล่อลื่น ทิ้งไว้เฉยๆ มันก็เก่า แห้ง เสียหมด)
ส่วนวิ่งเร็ว เชื่อว่า ทำให้ น้ำหนัก ที่เข่าต้องแบกรับนั้นน้อยลงกว่า วิ่งช้า เพราะวิ่งช้าๆ ทำให้ เข่าต้องรับภาระ เป็นช่วงเวลา นานขึ้น และ ในแนวตั้งฉากกับพื้นมากกว่าวิ่งเร็ว ครับ
ส่วนเรื่องน้ำหนัก แนะนำให้ลดด้วยวิธีอื่นก่อน (ก็ดี) ครับ
ควบคู่ไปกับ การควบคุมอาหารนะครับ
ถ้าสนใจ จะค่อยๆ สาธยายให้ฟังอีกที
เพิ่งได้ดูงาน หน่วนโภชนาการ มา ร้อนวิชาอยู่เหมือนกัน :D
ถูกยังไงก็ถามพี่พอใจดู ผนวก อุปกรณ์ป้องกันทั้งหลาย สบายแน่นอน ระยะยาว ผลดีมากกว่าผลเสีย
มีคนเคยทำวิจัยนะครับ
คนวิ่ง เข่ากลับเสื่อมช้ากว่าคนไม่วิ่ง (แปลก) แต่ต้องวิ่งอย่างถูกวิธี
แถมวิ่งเร็ว กลับเสื่อมช้ากว่า คนวิ่งช้า แปลกมั้ยครับ
เชื่อว่า ทำให้กล้ามเนื้อรอบเข่าแข็งแรง บวกกับ น้ำในข้อเข่าได้มีการใช้งาน (มันก็เหมือน น้ำมันหล่อลื่น ทิ้งไว้เฉยๆ มันก็เก่า แห้ง เสียหมด)
ส่วนวิ่งเร็ว เชื่อว่า ทำให้ น้ำหนัก ที่เข่าต้องแบกรับนั้นน้อยลงกว่า วิ่งช้า เพราะวิ่งช้าๆ ทำให้ เข่าต้องรับภาระ เป็นช่วงเวลา นานขึ้น และ ในแนวตั้งฉากกับพื้นมากกว่าวิ่งเร็ว ครับ
ส่วนเรื่องน้ำหนัก แนะนำให้ลดด้วยวิธีอื่นก่อน (ก็ดี) ครับ
ควบคู่ไปกับ การควบคุมอาหารนะครับ
ถ้าสนใจ จะค่อยๆ สาธยายให้ฟังอีกที
เพิ่งได้ดูงาน หน่วนโภชนาการ มา ร้อนวิชาอยู่เหมือนกัน :D
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 775
วันนี้เพิ่งได้ลองวิ่งเช้า ตั้งแต่แข่งคราวกระนู้น
สวนลุมยามเช้ากับยามเย็น บรรยากาศต่างกันลิบ
ตอนเช้าๆ 70 - 80% ขึ้นไปจะเป็นอาม่า อากง อาแปะ อาอึ้ม อาอี๊ เต็มไปหมด
การจราจร (ผู้คนในสวน) เผลอๆจะหนาแน่นกว่าตอนเย็นซะอีก
ก๊วน แก๊งค์ ชมรมก็มีตั้งแต่
รำดาบ รำพัด รำไท้เก็ก รำกระบอง กังฟู โยคะ มวยวัดเส้าหลินก็มี
สวนลุมยามเช้ากับยามเย็น บรรยากาศต่างกันลิบ
ตอนเช้าๆ 70 - 80% ขึ้นไปจะเป็นอาม่า อากง อาแปะ อาอึ้ม อาอี๊ เต็มไปหมด
การจราจร (ผู้คนในสวน) เผลอๆจะหนาแน่นกว่าตอนเย็นซะอีก
ก๊วน แก๊งค์ ชมรมก็มีตั้งแต่
รำดาบ รำพัด รำไท้เก็ก รำกระบอง กังฟู โยคะ มวยวัดเส้าหลินก็มี
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 776
อ่านที่พี่พอใจ พูดถึงพัฒนาการน้องหวี แล้วขอคารวะเลย
ช่วงที่ผ่านมา ยุ่งกับเรื่องลูกคนเล็ก ไม่ได้วิ่ง มา 3-4 เดือนแล้ว
แต่ตอนนี้กลับมาอยู่คนเดียวแล้ว(อีกพักนึง)
สุดสัปดาห์นี้ คงได้เริ่มกลับไปวิ่งซะที
แล้วที่น้องหวี พูดถึง หมอเฉก ก็น่าสนใจ เลยไปค้น Google
(เจอ link กลับมาที่ thaivi ด้วยแฮะ)

ส่วนอันนี้ ตัดมาจาก thairunning
ช่วงที่ผ่านมา ยุ่งกับเรื่องลูกคนเล็ก ไม่ได้วิ่ง มา 3-4 เดือนแล้ว
แต่ตอนนี้กลับมาอยู่คนเดียวแล้ว(อีกพักนึง)
สุดสัปดาห์นี้ คงได้เริ่มกลับไปวิ่งซะที
แล้วที่น้องหวี พูดถึง หมอเฉก ก็น่าสนใจ เลยไปค้น Google
(เจอ link กลับมาที่ thaivi ด้วยแฮะ)

ส่วนอันนี้ ตัดมาจาก thairunning
จากการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง นพ.เฉกระบุว่า สำหรับคนที่ต้องการมีอายุยืนยาวอย่างมีพฤฒิพลังถึง 120 ปี นั้นจะต้องปฏิบัติให้ได้ 5 ข้อ ต่อไปนี้
1.ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ หนักเบาตามอายุ แต่การออกกำลังต้องให้ได้ออกซิเจนสม่ำเสมอ คือเพื่อให้เกิด พลังชีวิต หรือพลังแอโรบิคไปจนตายนั้น คือ ใช้หลักที่ว่า อยากมีแรงต้องออกแรง หรือต้องทำงานกลางแจ้งจนตลอดชีวิต
2.ต้องกินอาหารธรรมชาติ คือพืชพรรณธัญญาหาร เช่น แป้งเชิงซ้อนได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ข้าวโพด เผือก มัน และผลไม้ และผักหลากสี หลากรส ลดเนื้อสัตว์ 4 เท้า และ 2 เท้า วันหนึ่งกิน 2 มื้อ ก็พอแล้ว งดหรือลดมื้อเย็นใช้หลักที่ว่า กินน้อย-ตายยาก กินมาก-ตายเร็ว อาหารอายุสั้น เช่น ผักสด ผลไม้สด ทำให้อายุยืน อาหารอายุยืน เช่น กระป๋อง ซอง แฮม ไส้กรอก กุนเชียง ทำให้อายุสั้น
3.ต้องดื่มน้ำสะอาด น้ำเปล่าๆ วันละ 10-12 แก้ว
4.ต้องพักผ่อนนอนให้หลับสนิท ภูมิต้านทานในตัวจะสูงมาก เชื้อโรคแพ้ราบคาบและทำจิตใจให้สงบเป็นสมาธิ ไม่สร้างปัญหาชีวิตให้แก่ตน ครอบครัวและสังคม หากเป็นไปได้ให้ฝึกเจริญสมาธิ วิปัสสนากรรมฐาน เป็นนิจศีล ดำเนินชีวิตทุกๆ อย่างด้วย ไตรสิกขา คือศีล-สมาธิ-ปัญญา จงมั่นใจว่า การฝึกจิตให้นิ่งเป็นจิตที่มีพลังสูง
5.หมั่นสร้างแต่กรรมดี สร้างบุญสร้างกุศล ละเว้นความชั่วทุกชนิด และตั้งโปรแกรมจิตของตนทุกวันเวลาที่จะมีชีวิตยืนยาว 120 ปี อย่างมีคุณภาพ โดยพิจารณาให้เห็นชัดว่าร่างกาย คือฮาร์ดแวร์ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะต้องดูแลระมัดระวังให้ทำหน้าที่อย่างดีอยู่เสมอ ส่วนโปรแกรมที่จะป้อนเข้าไป เพื่อให้ได้ข้อมูลนั้นก็คือ "จิต" ของเรานั้นเอง การจะตั้งใจให้ผลออกมาดีนั้น คำสอนของพระพุทธเจ้าให้ใช้หลัก อิทธิบาท 4 หมายถึง สิ่งที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จ 4 อย่าง คือฉันทะ วิริยะ จิตตะ และ วิมังสา
- ก้อนหิน
- Verified User
- โพสต์: 2344
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 777
พี่เจนครับ ไม่ทันไร พี่คิดไปถึงอายุ 50 แล้วเหรอครับ เหอเหอเหอ กลัวอายุไม่ยืนไม่ได้ใช้เงินแน่เลยอะ อิอิอิBasketman เขียน:พี่พอใจ พี่ไตรฯ ครับ
วันนี้มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาบอกผมว่า
ถ้าอายุ 50 ปีขึ้นไปแล้วไม่ควรออกกำลังกายโดยการวิ่งทุกวัน
เพราะจะทำให้หัวเข่าเสื่อมเสียเร็ว มากกว่าจะได้ประโยชน์
ให้หันมาปั่นจักรยานแทน...จริงหรือป่าวครับ?
อีกทั้งเค้ายังบอกผมว่าอายุและน้ำหนักขนาดผมนี่ก็ไม่ควรวิ่งแล้ว
จะทำให้หัวเข่าเสื่อม ระยะยาวจะไม่คุ้ม ให้ปั่นจักรยานแทน!!
จริงอย่างเค้าว่ารึป่าวครับ?แล้วผมจะทำไงดี?
ที่วิ่งก็เพราะอยากลดน้ำหนักนี่แหละครับ
จักรยานผมก็ปั่นแต่มันก็ไม่มันส์ไม่ได้เหงือเท่าวิ่งนะครับ.
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 778
8) เป็นเรื่องปกติของคนมีกะตังนะก้อนหิน เขียน: พี่เจนครับ ไม่ทันไร พี่คิดไปถึงอายุ 50 แล้วเหรอครับ เหอเหอเหอ กลัวอายุไม่ยืนไม่ได้ใช้เงินแน่เลยอะ อิอิอิ
ไว้อู๋เองมีเท่าพี่เจนเมื่อไหร่ อาจกลัวมากกว่าพี่เจนอีก
พี่เจนครับ ไปเชียงรายเลี้ยงด้วยนะครับ
ผมออกมาจัดการเจ้าอู๋ตัวดี ให้แล้ว
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
จ๊อกกิ้ง
โพสต์ที่ 779
8) หมอเฉกนี่ไอด้อลของผมเหมือนกัน
บ้านท่านไม่ใช่ท่านคนเดียวที่อายุยืน แข็งแรง
เป็นกันทั้งตระกูล
ผมมีคติประจำตัวสั้นๆง่ายๆว่า
"อะไรใช้เยอะพระเจ้าให้เยอะ อะไรไม่ใช้พระเจ้าเอาคืน"
เรื่องหลักๆในชีวิตผมนำคตินี้มาประยุกต์ใช้ได้เกือบทั้งหมด
คิดเยอะ ก็ฉลาด
ออกกำลังกายเยอะ ก็แข็งแรง
กินอาหารถูกต้องเยอะ ก็อายุยืน
ห่วงใยปรารถนาดีกับเพื่อนเยอะ ก็มีเพื่อนฝูงดีๆเยอะ
แม้กระทั้งเรื่องที่ตุ๊ชอบ เที่ยวคาเฟ่เยอะ ก็มีเด็กๆเยอะ
เกี่ยวไหมเนี่ย
มาถึงตอนที่น้องหวีบอกว่า เช้าวิ่งดีกว่าเย็นเพราะสมาธิต่างกัน
อันนี้ผมเชื่อว่าจริงไม่100%ก็ใกล้เคียง
ทฤษฎีมั่วๆของผมๆว่าวิ่งประกอบด้วย3ส่วน
1.ขา
ขานี่อยู่ที่ฝึกฝนวิ่งบ่อยๆ
เข้าสูตรอีกแล้ว
วิ่งเยอะ พระเจ้าก็จะให้กล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงกับเราคู่นึง
แต่ที่สำคัญกว่าขาคือ
2.ระบบหายใจ
ดูเหมือนง่ายเพราะใครๆก็ต้องหายใจ
จะมีปัญหาอะไรกันนักหนาเรื่องหายใจ
คนที่มีปอดใหญ่ ก็ต้องหายใจดีกว่าคนปอดเล็กสิครับ
ตามหลักวิทยาศาสตร์
แต่ผมเชื่ออยู่อย่างว่าระบบหายใจนี่สำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์มาก
เราอดข้าว อดน้ำได้นาน แต่ถ้าลองไม่หายใจดูสิ อย่างเราๆ
นาทีกว่าๆ2นาทีก็สลบไปแล้ว
จีนเองมีตำราและวิธีการเกี่ยวกับการหายใจเยอะมาก
มีผู้รู้หลายๆท่านในจีนที่ผมตามอ่านหนังสือแปลมาบอกว่า
"ท่านนั่นแหละ คือลมหายใจ"
ผมก็ไม่รู้ว่ากลไกในร่างกายผมมันสันดาปอ๊อกซิเจนอย่างไร
แป้งน้ำตาล ที่ผมทานเข้าไป มันกลายเป็นอะไรที่ให้กำลังและไม่ให้กำลังกับร่างกายบ้าง
อ่านแล้วก็เวียนหัว ครับ แล็กตก แล็กติค
ผมรู้จักแต่แล็กโตบาซิลลัส ที่มาทำยาคูลท์อย่างเดียว
แต่ที่ผมรู้ก็คือ
ตอนที่ผมเริ่มวิ่งใหม่ๆ ผมคิดว่าดีแฮะ
วิ่งไปก็คิดเรื่องงานที่คิดไม่ออกไปด้วย ไม่ให้เสียเวลา
บางทีก็คิดเรื่อยเปื่อยเรื่องเที่ยวคาเฟ่มั่งอะไรมั่ง
ความรักมั่ง โจทย์ในที่ทำงานมั่ง เจ้านายมั่ง ลูกน้องมั่ง ลูกค้ามั่ง
บางทีก็วิ่งไปคุยไปกับเพื่อนมั่ง
ก็สนุกดีไม่ได้คิดไรมาก
ตอนที่เริ่มมาวิ่งที่สวนลุม กับสวนจตุจักร
เริ่มเห็นคนที่มาวิ่งเป็นนักวิ่งชั้นดี ระดับลงแข่งได้เหรียญได้ถ้วย
(ผมเรียกให้ไม่เพราะว่าถ้วยน้ำพริก เพราะผมไม่เคยได้)
ก็ไปคุยกับเขา ว่าทำไงพี่ถึงวิ่งได้ยังกะแพะภูเขาอย่างนี้ละครับ
หลายคนที่ไปถาม ให้คำตอบคล้ายๆหรือเหมือนกันว่า
ขาฝึกง่าย ก่อนและหลังวิ่งต้องวอร์มนานๆ
ขยันฝึกก็ได้เอง
แต่อีกอย่างที่สำคัญกว่าคือต้องมีสมาธิเวลาวิ่งครับ
อันนี้เขาว่าฝึกยาก จิตมันคอยจะว่อกแว่กไปเรื่อย
แล้วมันจะเหนื่อยกว่าปกติ
ตอนนั้นผมก็ถามๆไปงั้นแหละ ในใจก็คิดว่ามันทำอย่างไรหว่าสมาธิ พูดง่ายทำยากแฮะ
ไปหาหนังสืออ่านสมาธิคืออะไร ในชีวิตได้ยินบ่อยแต่จริงๆแล้วมันคืออะไรหว่า
อ้อการตั้งใจตั้งจิตให้จดจ่ออยู่ที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่อกแว่ก
ทำได้หลายอย่าง
ตอนแรกผมก็นึกภาพขึ้นในใจ เป็นคำพุทโธ
ลมหายใจเข้า ก็พุท
ลมหายใจออก ก็โท
ก็กลุ้มใจนะครับ จิตมันวิ่งเป็นลิงถือลูกท้อ มีสมาธิได้ก็ไม่นาน
ก็พุทโธเวลาวิ่งมาหลายปีทีเดียว
ก็ดีกว่าตอนที่คิดฟุ้งซ่านเรื่องโน่นเรื่องนี่ นิดหน่อย
จริงๆผมจับหลักไม่ได้เองครับ
ต่อมาได้มีโอกาสไปฝึกวิปัสสนาที่วัดผาณิตาราม แปดริ้ว
ได้เรียนรู้เทคนิคง่ายๆเรื่องสมาธิจากที่นี่เอง
เมื่อก่อนตอนเราตั้งสมาธิเราจะเอาเป็นเอาตายว่า
เราจะกำหนดลมหายใจเข้าออกนี้ด้วยคำว่าพุทโธตลอดเวลาที่เราวิ่ง
อย่างนี้สำเร็จยากครับ
หลักจริงๆเราแค่ตามจิตไปก็พอ มันหลุดเราก็ตามไป อ้อหลุดนะ
ก็กลับมาพุทโธใหม่ ไม่ต้องซีเรียสอะไรเลย
จิตมนุษย์คงเป็นสิ่งเดียวในโลกที่เดินทางได้เร็วเหนือแสงอย่างสบายๆ
เอาชนะเขาไม่ได้หรอกครับ ได้แต่ตามเขาไป ง่ายๆ
ทีนี้แค่พุทโธ ไม่ค่อยดีครับ เพราะเวลาหลุดเราไม่ค่อยรู้
ผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว ทุกวันนี้ใช้คาถา5คำ
เกศา โลมา นัขขา ทันตา ตะโจ
บนลงล่าง
เข้าเก ออกศา
เข้าโล ออกมา
เข้านัข ออกขา
เข้าทัน ออกตา
เข้าตะ ออกโจ
แล้ววนกลับจากล่างขึ้นบนมั่ง กำหนดไปมาอยู่อย่างนี้
ตอนฝึกใหม่ๆยากกว่า พุทโธเยอะเลย
ทำอยู่หลายปีจึงค่อยมีความคืบหน้าขึ้นมาบ้าง
เวลาหลุดจะรู้เร็วกว่าเพราะมันมี5คำไม่ซ้ำกันนี่แหละ
ทุกวันนี้ก็ยังหลุดแต่ตามจิตไป...ค่อยได้บ้างแล้ว
วันไหนสมาธิแน่นๆ วิ่งดี๊ดี
แม้กระทั่งตอนแข่ง อัดมามากๆเจอขึ้นเขาลงเขา ก็เอาสมาธินี้แหละช่วยได้
ปวดขาอะไร เหนื่อยก็ทนได้ ถ้าอยู่ในสมาธิดีดี
ผมว่าสมาธินี่ต้องเกี่ยวข้องกับระบบหายใจอย่างใดอย่างนึง
ซึ่งจริงๆผมก็ไม่ทราบว่าเกี่ยวกันอย่างไร
คงอาศัยว่ารู้จากตัวเองว่า ทำอย่างนี้แล้ววิ่งดีขึ้นนานขึ้นทนขึ้น
3.ข้อนี้ไม่รู้ฝึกได้หรือเปล่า
หัวใจครับ คนเป็นแชมป์กับคนไม่เป็นแชมป์ ขนาดหัวใจต้องไม่เท่ากันแน่ๆ
พอดีผมไม่ได้วิ่งเอาแชมป์อะไร ข้อนี้ผมก็ผ่านไปได้
ผมเห็นแชมป์ส่วนใหญ่
สุดท้ายก็ต้องกลับมาวิ่งเหมือนผม
เพราะขอบเขตจำกัดทางร่างกาย
ต่อให้วิ่งมาราธอนมาหลายๆรายการ
สุดท้ายร่างกายก็พังหมดครับ
ต้องกลับมาวิ่งออกกำลังธรรมดาอย่างผมนี่แหละ
ก็วิ่งไปเรื่อยๆจนกว่าจะวิ่งไม่ไหว
ฮาล์ฟนี่คงไม่ยาก ปีหน้านี้คงเป็นเวลาเก็บเกี่ยวฮาล์ฟได้
ส่วนมาราธอน ถ้ารู้ว่าไหวก็วิ่งไม่ไหวก็ไม่วิ่ง
ไม่ไหวจะไปวิ่งให้เจ็บทำไมครับ
เก็บร่างกายดีๆไว้วิ่งเข้าสมาธิ ดูสาวๆหุ่นสวยๆที่สวนลุม นานๆชั่วนาตาปีดีกว่าเยอะ.......
บ้านท่านไม่ใช่ท่านคนเดียวที่อายุยืน แข็งแรง
เป็นกันทั้งตระกูล
ผมมีคติประจำตัวสั้นๆง่ายๆว่า
"อะไรใช้เยอะพระเจ้าให้เยอะ อะไรไม่ใช้พระเจ้าเอาคืน"
เรื่องหลักๆในชีวิตผมนำคตินี้มาประยุกต์ใช้ได้เกือบทั้งหมด
คิดเยอะ ก็ฉลาด
ออกกำลังกายเยอะ ก็แข็งแรง
กินอาหารถูกต้องเยอะ ก็อายุยืน
ห่วงใยปรารถนาดีกับเพื่อนเยอะ ก็มีเพื่อนฝูงดีๆเยอะ
แม้กระทั้งเรื่องที่ตุ๊ชอบ เที่ยวคาเฟ่เยอะ ก็มีเด็กๆเยอะ
เกี่ยวไหมเนี่ย
มาถึงตอนที่น้องหวีบอกว่า เช้าวิ่งดีกว่าเย็นเพราะสมาธิต่างกัน
อันนี้ผมเชื่อว่าจริงไม่100%ก็ใกล้เคียง
ทฤษฎีมั่วๆของผมๆว่าวิ่งประกอบด้วย3ส่วน
1.ขา
ขานี่อยู่ที่ฝึกฝนวิ่งบ่อยๆ
เข้าสูตรอีกแล้ว
วิ่งเยอะ พระเจ้าก็จะให้กล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงกับเราคู่นึง
แต่ที่สำคัญกว่าขาคือ
2.ระบบหายใจ
ดูเหมือนง่ายเพราะใครๆก็ต้องหายใจ
จะมีปัญหาอะไรกันนักหนาเรื่องหายใจ
คนที่มีปอดใหญ่ ก็ต้องหายใจดีกว่าคนปอดเล็กสิครับ
ตามหลักวิทยาศาสตร์
แต่ผมเชื่ออยู่อย่างว่าระบบหายใจนี่สำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์มาก
เราอดข้าว อดน้ำได้นาน แต่ถ้าลองไม่หายใจดูสิ อย่างเราๆ
นาทีกว่าๆ2นาทีก็สลบไปแล้ว
จีนเองมีตำราและวิธีการเกี่ยวกับการหายใจเยอะมาก
มีผู้รู้หลายๆท่านในจีนที่ผมตามอ่านหนังสือแปลมาบอกว่า
"ท่านนั่นแหละ คือลมหายใจ"
ผมก็ไม่รู้ว่ากลไกในร่างกายผมมันสันดาปอ๊อกซิเจนอย่างไร
แป้งน้ำตาล ที่ผมทานเข้าไป มันกลายเป็นอะไรที่ให้กำลังและไม่ให้กำลังกับร่างกายบ้าง
อ่านแล้วก็เวียนหัว ครับ แล็กตก แล็กติค
ผมรู้จักแต่แล็กโตบาซิลลัส ที่มาทำยาคูลท์อย่างเดียว
แต่ที่ผมรู้ก็คือ
ตอนที่ผมเริ่มวิ่งใหม่ๆ ผมคิดว่าดีแฮะ
วิ่งไปก็คิดเรื่องงานที่คิดไม่ออกไปด้วย ไม่ให้เสียเวลา
บางทีก็คิดเรื่อยเปื่อยเรื่องเที่ยวคาเฟ่มั่งอะไรมั่ง
ความรักมั่ง โจทย์ในที่ทำงานมั่ง เจ้านายมั่ง ลูกน้องมั่ง ลูกค้ามั่ง
บางทีก็วิ่งไปคุยไปกับเพื่อนมั่ง
ก็สนุกดีไม่ได้คิดไรมาก
ตอนที่เริ่มมาวิ่งที่สวนลุม กับสวนจตุจักร
เริ่มเห็นคนที่มาวิ่งเป็นนักวิ่งชั้นดี ระดับลงแข่งได้เหรียญได้ถ้วย
(ผมเรียกให้ไม่เพราะว่าถ้วยน้ำพริก เพราะผมไม่เคยได้)
ก็ไปคุยกับเขา ว่าทำไงพี่ถึงวิ่งได้ยังกะแพะภูเขาอย่างนี้ละครับ
หลายคนที่ไปถาม ให้คำตอบคล้ายๆหรือเหมือนกันว่า
ขาฝึกง่าย ก่อนและหลังวิ่งต้องวอร์มนานๆ
ขยันฝึกก็ได้เอง
แต่อีกอย่างที่สำคัญกว่าคือต้องมีสมาธิเวลาวิ่งครับ
อันนี้เขาว่าฝึกยาก จิตมันคอยจะว่อกแว่กไปเรื่อย
แล้วมันจะเหนื่อยกว่าปกติ
ตอนนั้นผมก็ถามๆไปงั้นแหละ ในใจก็คิดว่ามันทำอย่างไรหว่าสมาธิ พูดง่ายทำยากแฮะ
ไปหาหนังสืออ่านสมาธิคืออะไร ในชีวิตได้ยินบ่อยแต่จริงๆแล้วมันคืออะไรหว่า
อ้อการตั้งใจตั้งจิตให้จดจ่ออยู่ที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่อกแว่ก
ทำได้หลายอย่าง
ตอนแรกผมก็นึกภาพขึ้นในใจ เป็นคำพุทโธ
ลมหายใจเข้า ก็พุท
ลมหายใจออก ก็โท
ก็กลุ้มใจนะครับ จิตมันวิ่งเป็นลิงถือลูกท้อ มีสมาธิได้ก็ไม่นาน
ก็พุทโธเวลาวิ่งมาหลายปีทีเดียว
ก็ดีกว่าตอนที่คิดฟุ้งซ่านเรื่องโน่นเรื่องนี่ นิดหน่อย
จริงๆผมจับหลักไม่ได้เองครับ
ต่อมาได้มีโอกาสไปฝึกวิปัสสนาที่วัดผาณิตาราม แปดริ้ว
ได้เรียนรู้เทคนิคง่ายๆเรื่องสมาธิจากที่นี่เอง
เมื่อก่อนตอนเราตั้งสมาธิเราจะเอาเป็นเอาตายว่า
เราจะกำหนดลมหายใจเข้าออกนี้ด้วยคำว่าพุทโธตลอดเวลาที่เราวิ่ง
อย่างนี้สำเร็จยากครับ
หลักจริงๆเราแค่ตามจิตไปก็พอ มันหลุดเราก็ตามไป อ้อหลุดนะ
ก็กลับมาพุทโธใหม่ ไม่ต้องซีเรียสอะไรเลย
จิตมนุษย์คงเป็นสิ่งเดียวในโลกที่เดินทางได้เร็วเหนือแสงอย่างสบายๆ
เอาชนะเขาไม่ได้หรอกครับ ได้แต่ตามเขาไป ง่ายๆ
ทีนี้แค่พุทโธ ไม่ค่อยดีครับ เพราะเวลาหลุดเราไม่ค่อยรู้
ผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว ทุกวันนี้ใช้คาถา5คำ
เกศา โลมา นัขขา ทันตา ตะโจ
บนลงล่าง
เข้าเก ออกศา
เข้าโล ออกมา
เข้านัข ออกขา
เข้าทัน ออกตา
เข้าตะ ออกโจ
แล้ววนกลับจากล่างขึ้นบนมั่ง กำหนดไปมาอยู่อย่างนี้
ตอนฝึกใหม่ๆยากกว่า พุทโธเยอะเลย
ทำอยู่หลายปีจึงค่อยมีความคืบหน้าขึ้นมาบ้าง
เวลาหลุดจะรู้เร็วกว่าเพราะมันมี5คำไม่ซ้ำกันนี่แหละ
ทุกวันนี้ก็ยังหลุดแต่ตามจิตไป...ค่อยได้บ้างแล้ว
วันไหนสมาธิแน่นๆ วิ่งดี๊ดี
แม้กระทั่งตอนแข่ง อัดมามากๆเจอขึ้นเขาลงเขา ก็เอาสมาธินี้แหละช่วยได้
ปวดขาอะไร เหนื่อยก็ทนได้ ถ้าอยู่ในสมาธิดีดี
ผมว่าสมาธินี่ต้องเกี่ยวข้องกับระบบหายใจอย่างใดอย่างนึง
ซึ่งจริงๆผมก็ไม่ทราบว่าเกี่ยวกันอย่างไร
คงอาศัยว่ารู้จากตัวเองว่า ทำอย่างนี้แล้ววิ่งดีขึ้นนานขึ้นทนขึ้น
3.ข้อนี้ไม่รู้ฝึกได้หรือเปล่า
หัวใจครับ คนเป็นแชมป์กับคนไม่เป็นแชมป์ ขนาดหัวใจต้องไม่เท่ากันแน่ๆ
พอดีผมไม่ได้วิ่งเอาแชมป์อะไร ข้อนี้ผมก็ผ่านไปได้
ผมเห็นแชมป์ส่วนใหญ่
สุดท้ายก็ต้องกลับมาวิ่งเหมือนผม
เพราะขอบเขตจำกัดทางร่างกาย
ต่อให้วิ่งมาราธอนมาหลายๆรายการ
สุดท้ายร่างกายก็พังหมดครับ
ต้องกลับมาวิ่งออกกำลังธรรมดาอย่างผมนี่แหละ
ก็วิ่งไปเรื่อยๆจนกว่าจะวิ่งไม่ไหว
ฮาล์ฟนี่คงไม่ยาก ปีหน้านี้คงเป็นเวลาเก็บเกี่ยวฮาล์ฟได้
ส่วนมาราธอน ถ้ารู้ว่าไหวก็วิ่งไม่ไหวก็ไม่วิ่ง
ไม่ไหวจะไปวิ่งให้เจ็บทำไมครับ
เก็บร่างกายดีๆไว้วิ่งเข้าสมาธิ ดูสาวๆหุ่นสวยๆที่สวนลุม นานๆชั่วนาตาปีดีกว่าเยอะ.......
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า