ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 691
ปรับสภาพอคูสติกด้วย
JPS เนี่ยไม่ No name นะครับ
ในทางตรงกันข้ามเป็นที่นิยมในพวกนักเล่นหูทองเลย
แต่ส่วนใหญ่ผมเห็นเค้านิยมเอาไปเสียบกับต้นทาง (CD P)
อันนี้ web ของเค้า
http://www.jpslabs.com/powercord.shtml
ผมยังไม่มีโอกาสได้เล่น
แต่ In-Akustik AC2502 ที่เล่นอยู่เนี่ยก็พอใจมากแล้วครับ
เรื่องสายไฟเนี่ย อยากให้พี่บาสลองเส้นนี้ Kimber PK10 เสียบเข้า PB6
พรุ่งนี้อาจจะสอย PB Duo ในงานครับ :lol:
JPS เนี่ยไม่ No name นะครับ
ในทางตรงกันข้ามเป็นที่นิยมในพวกนักเล่นหูทองเลย
แต่ส่วนใหญ่ผมเห็นเค้านิยมเอาไปเสียบกับต้นทาง (CD P)
อันนี้ web ของเค้า
http://www.jpslabs.com/powercord.shtml
ผมยังไม่มีโอกาสได้เล่น
แต่ In-Akustik AC2502 ที่เล่นอยู่เนี่ยก็พอใจมากแล้วครับ
เรื่องสายไฟเนี่ย อยากให้พี่บาสลองเส้นนี้ Kimber PK10 เสียบเข้า PB6
พรุ่งนี้อาจจะสอย PB Duo ในงานครับ :lol:
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 693
[quote="Basketman"][quote="HVI"]พรุ่งนี้อาจจะสอย PB Duo ในงานครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 694
มาฝอยหน่อยนึง :lol:
พอได้เจ้า Wattgate 350i 330i มาแล้ว
ก็เกิดอาการอยู่ไม่สุข สวมวิญญาณนัก DIY
จัดการเอาหัวท้ายรุ่น Eco ออกจาก PK10
แล้วเข้าหัวท้ายเอง (ใช้เวลาร่วมๆ ชม. 555)
เสร็จแล้วเสียบกับแอมป์ รอฟังผลด้วยใจจดจ่อ
หยิบ Olivia, Depapepe (แผ่นบรรเลงกีตาร์) ที่มีเพลงแม่ต้อยไทยประกันชีวิต
Best Audiophile Voice1 แล้วก็ Eagles มาเปิด
ผลปรากฎว่า ผมนั่งฟังด้วยความทึ่ง
แค่เปลี่ยนเจ้าหัวท้ายที่เสียบกับ Int. Amp. คู่นี้ (จากรุ่น Eco เป็น Audio grade)
มันทำให้เราฟังเพลงโดยเข้าถึงจิตวิญญาณของการฟังเลยจริงๆ
โดยเฉพาะแผ่น Eagles ที่ผมไม่ได้เปิดนานมากๆแล้ว
มันเหมือนกับยกวงมาเล่นตรงหน้าเลยทีเดียว
อิมแพ็คของกลอง สุดยอดมาก ความลื่นไหล
รายละเอียดในระดับไมโครไดนามิค เก็บทุกเม็ด เยี่ยมครับ
เอาพอหอมปากหมอคอแค่นี้ก่อนนะครับ
ไว้ว่างๆจะมาทยอยฝอยชิ้นอื่นๆ :lol:
พอได้เจ้า Wattgate 350i 330i มาแล้ว
ก็เกิดอาการอยู่ไม่สุข สวมวิญญาณนัก DIY
จัดการเอาหัวท้ายรุ่น Eco ออกจาก PK10
แล้วเข้าหัวท้ายเอง (ใช้เวลาร่วมๆ ชม. 555)
เสร็จแล้วเสียบกับแอมป์ รอฟังผลด้วยใจจดจ่อ
หยิบ Olivia, Depapepe (แผ่นบรรเลงกีตาร์) ที่มีเพลงแม่ต้อยไทยประกันชีวิต
Best Audiophile Voice1 แล้วก็ Eagles มาเปิด
ผลปรากฎว่า ผมนั่งฟังด้วยความทึ่ง
แค่เปลี่ยนเจ้าหัวท้ายที่เสียบกับ Int. Amp. คู่นี้ (จากรุ่น Eco เป็น Audio grade)
มันทำให้เราฟังเพลงโดยเข้าถึงจิตวิญญาณของการฟังเลยจริงๆ
โดยเฉพาะแผ่น Eagles ที่ผมไม่ได้เปิดนานมากๆแล้ว
มันเหมือนกับยกวงมาเล่นตรงหน้าเลยทีเดียว
อิมแพ็คของกลอง สุดยอดมาก ความลื่นไหล
รายละเอียดในระดับไมโครไดนามิค เก็บทุกเม็ด เยี่ยมครับ
เอาพอหอมปากหมอคอแค่นี้ก่อนนะครับ
ไว้ว่างๆจะมาทยอยฝอยชิ้นอื่นๆ :lol:
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 695
ชิ้นต่อไป Kimber PK14 :lol:
จัดการถอด AC2502 แล้วเสียบเส้นนี้เข้าไปแทน
ปรากฎว่าสู้เส้นที่ใช้อยู่ไม่ได้
เวทีเสียงดูแคบลง รายละเอียด ความก้องกังวานของเสียงกีตาร์ ลดลง
ฟังได้แป๊บเดียวก็เอาเส้นเดิมเสียบกลับ
PK14 ที่ได้มาใหม่เลยใช้ต่อกับ Duo เข้า DVD P ครับ
จัดการถอด AC2502 แล้วเสียบเส้นนี้เข้าไปแทน
ปรากฎว่าสู้เส้นที่ใช้อยู่ไม่ได้
เวทีเสียงดูแคบลง รายละเอียด ความก้องกังวานของเสียงกีตาร์ ลดลง
ฟังได้แป๊บเดียวก็เอาเส้นเดิมเสียบกลับ
PK14 ที่ได้มาใหม่เลยใช้ต่อกับ Duo เข้า DVD P ครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 697
ขอบคุณครับพี่ Path
-------
พี่บาสเลี้ยงลูกเอ๊ย เบิร์น JPS แดง แรงฤทธิ์ ไปถึงไหนแล้ว
แล้วเป็นไงมั่ง เอามารีวิวหน่อยเร้ววววว... :lol:
-------
พี่บาสเลี้ยงลูกเอ๊ย เบิร์น JPS แดง แรงฤทธิ์ ไปถึงไหนแล้ว
แล้วเป็นไงมั่ง เอามารีวิวหน่อยเร้ววววว... :lol:
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 161
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 700
สวัสดีครับพี่มนุษย์ตะกร้า ของคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นครับ :D
โดยส่วนตัวผมฟังแต่สองแชลแนลครับ แนวเพลงที่ฟังก็ทุกแนวครับแต่จะเน้นคลาสลิคกับแจ๊ซครับ :8)
ช่วงที่ผ่านมาก็ว่างเว้นการฟังเพลงแบบเป็นจริงเป็นจังมาประมาณสี่ห้าปีแล้วครับ ก็เหมือนพี่ตะกร้าแหล่ะครับต้องให้เวลาท่านนายหญิงแล้วก็นายน้อยกับนายน้อยกว่า ตอนนี้ก็ยุ่งๆกำลังจะย้ายบ้านครับ หวังว่าย้ายบ้านไปแล้วจะพอมีเวลาได้ฟังเพลงบ้าง คิดถึงมากครับ
ตัวผมเองก็ไม่มีอะไรจะมาโม้เอ้ยมาเล่าซักเท่าไหร่หรอกครับ ผมเองอาจจะอยู่ครึ่งๆระหว่าง audiophile กับ musiclover ครับ แต่จะเน้นไปทางอารมณ์เพลง performance and style ของ ศิลปินมากกว่าคุณภาพในการอัดเสียงซักนิดนึง และชอบแนวเสียง analog มากกว่า digital ครับ (แต่ก็ยังไม่มีปัญญาใช้ LP ครับ รู้สึกว่าแพงไปไม่หน่อย :evil: )
ปล. รู้สึกว่าคนในห้องนี้จะเป็นประเภทภรรยาโฟเบียกันซะส่วนมากนะครับ
โดยส่วนตัวผมฟังแต่สองแชลแนลครับ แนวเพลงที่ฟังก็ทุกแนวครับแต่จะเน้นคลาสลิคกับแจ๊ซครับ :8)
ช่วงที่ผ่านมาก็ว่างเว้นการฟังเพลงแบบเป็นจริงเป็นจังมาประมาณสี่ห้าปีแล้วครับ ก็เหมือนพี่ตะกร้าแหล่ะครับต้องให้เวลาท่านนายหญิงแล้วก็นายน้อยกับนายน้อยกว่า ตอนนี้ก็ยุ่งๆกำลังจะย้ายบ้านครับ หวังว่าย้ายบ้านไปแล้วจะพอมีเวลาได้ฟังเพลงบ้าง คิดถึงมากครับ
ตัวผมเองก็ไม่มีอะไรจะมาโม้เอ้ยมาเล่าซักเท่าไหร่หรอกครับ ผมเองอาจจะอยู่ครึ่งๆระหว่าง audiophile กับ musiclover ครับ แต่จะเน้นไปทางอารมณ์เพลง performance and style ของ ศิลปินมากกว่าคุณภาพในการอัดเสียงซักนิดนึง และชอบแนวเสียง analog มากกว่า digital ครับ (แต่ก็ยังไม่มีปัญญาใช้ LP ครับ รู้สึกว่าแพงไปไม่หน่อย :evil: )
ปล. รู้สึกว่าคนในห้องนี้จะเป็นประเภทภรรยาโฟเบียกันซะส่วนมากนะครับ
Always stay humble or be swallowed by the market.
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 702
เคยลองฟังเล่นๆ พอดีมีร้านนึงเอามาขายในตึกที่ทำงานอยู่woody เขียน:ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้ BOSE wave music system ราคาในท้องตลาดตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่หรือครับ
พอถามราคาแล้วอึ้งเลยครับ คุ้นๆว่าอยู่ที่สองปลายๆ
ราคาระดับนี้เล่นแยกชิ้นคุ้มกว่าเยอะเลย IMO
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 703
ขอบคุณมากครับพี่ HVI เผอิญ พอจะมีเครื่องแบบแยกชิ้นอยู่แล้วชุดนึงครับ ที่อยากได้เครื่องนี้เพราะว่าตอนนี้มีโอกาสซื้อในราคาที่ถูกกว่า ซักหมื่นกลางๆ ก็เลยคิดอยู่ว่าน่าสนใจ เพราะอยากได้เครื่อง portable ไว้ซักเครื่องหน่ะครับ ขอบคุณมากนะครับHVI เขียน: เคยลองฟังเล่นๆ พอดีมีร้านนึงเอามาขายในตึกที่ทำงานอยู่
พอถามราคาแล้วอึ้งเลยครับ คุ้นๆว่าอยู่ที่สองปลายๆ
ราคาระดับนี้เล่นแยกชิ้นคุ้มกว่าเยอะเลย IMO
Impossible is Nothing
- Basketman
- Verified User
- โพสต์: 1208
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 704
555 :lovl: ชอบชื่อนี้จริงๆ ฟังแล้วจั๊กกะจี้ดีครับอินทรีทอง เขียน:สวัสดีครับพี่มนุษย์ตะกร้า
จำได้ว่าคนที่เรียกผมมนุษย์ตะกร้าคนแรกก็มีพี่WEB
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ปล. รู้สึกว่าคนในห้องนี้จะเป็นประเภทภรรยาโฟเบียกันซะส่วนมากนะครับ
"สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องไปปั่นเอาเอง"
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 705
มา update ซะหน่อย ตามคำเรียกร้องของพี่บาส :lol:
ชุด 2 CH ตอนนี้ครับ:
Speaker: Totem Arro
Int. Amp: Marantz PM-17 MKII
CD Player: Marantz CD-6002, DAC: Super Pro 707 USB (Upgrade)
Speaker Cable: Purist Musaeus (Bi-wired)
Interconnects: Digital AudioQuest VDM 3
Analog: Kimber Silver Streak, Monster m850i
Line Conditioner: Power Bridge 6
AC Cords and Outlet: Hovland Mainline + Wattgate Audio grade 330i + 350i (Int.Amp)
JPS + Oyaide-046 (CD P)
InAcustik AC 2502 + Wattgate Eco + Furutech FI11(M)G (PB6)
Kimber PK10 + Wattgate 330i + 350i (บล็อคไม้ Wattgate 381 + IEC ACME + Cardas wiring)
OMZ DAC V.4.2, Oritek X-1/D (Digital), X-2 (Analog)
จะได้มาเล่นเร็วๆนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จาก ผบ. หิ้วมาให้ :lol:
ชุด 2 CH ตอนนี้ครับ:
Speaker: Totem Arro
Int. Amp: Marantz PM-17 MKII
CD Player: Marantz CD-6002, DAC: Super Pro 707 USB (Upgrade)
Speaker Cable: Purist Musaeus (Bi-wired)
Interconnects: Digital AudioQuest VDM 3
Analog: Kimber Silver Streak, Monster m850i
Line Conditioner: Power Bridge 6
AC Cords and Outlet: Hovland Mainline + Wattgate Audio grade 330i + 350i (Int.Amp)
JPS + Oyaide-046 (CD P)
InAcustik AC 2502 + Wattgate Eco + Furutech FI11(M)G (PB6)
Kimber PK10 + Wattgate 330i + 350i (บล็อคไม้ Wattgate 381 + IEC ACME + Cardas wiring)
OMZ DAC V.4.2, Oritek X-1/D (Digital), X-2 (Analog)
จะได้มาเล่นเร็วๆนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จาก ผบ. หิ้วมาให้ :lol:
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 706
เอามาฝากชมรมรักเครื่องเสียงและเสียงเพลง
มาดูคุณป้า Susan Boyle วัย 47 ปี ร้องเพลง "I dreamed to dream"
ในเกมโชว์ Britains got talent 2009 แล้วโด่งดังข้ามคืน
มีคนเข้าไปดูกว่า 16 ล้านครั้งใน youtube
Susan Bole - I dreamed to dream
"อย่าตัดสินหนังสือด้วยหน้าปก และอย่าตัดสินคนที่เปลือกนอก"
มาดูคุณป้า Susan Boyle วัย 47 ปี ร้องเพลง "I dreamed to dream"
ในเกมโชว์ Britains got talent 2009 แล้วโด่งดังข้ามคืน
มีคนเข้าไปดูกว่า 16 ล้านครั้งใน youtube
Susan Bole - I dreamed to dream
"อย่าตัดสินหนังสือด้วยหน้าปก และอย่าตัดสินคนที่เปลือกนอก"
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 161
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 707
รบกวนถามความเห็นพี่หวีหรือพี่ๆท่านอื่นๆด้วยครับว่าถ้าเทียบระหว่างการใช้สายไฟที่แถมมากับเครื่อง+เครื่องกรองไฟเครื่องคุมไฟดีๆ กับการใช้สายไฟดีๆต่อตรงเข้ากับเต้าเสียบของบ้าน อันไหนจะให้ผลที่ดีกว่ากันครับ :?:
Always stay humble or be swallowed by the market.
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 708
มีใครได้ลองเล่นพวก blue ray disc ทีวีใหม่ๆ เจ๋งๆ บ้างหรือยังครับ
ผมไปได้ดูในห้างรู้สึกว่ามันเหมาะมากที่จะ เข้ากับชุดเครื่องเสียงจริงๆ :D
ผมไปได้ดูในห้างรู้สึกว่ามันเหมาะมากที่จะ เข้ากับชุดเครื่องเสียงจริงๆ :D
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 709
[quote="อินทรีทอง"]รบกวนถามความเห็นพี่หวีหรือพี่ๆท่านอื่นๆด้วยครับว่าถ้าเทียบระหว่างการใช้สายไฟที่แถมมากับเครื่อง+เครื่องกรองไฟเครื่องคุมไฟดีๆ กับการใช้สายไฟดีๆต่อตรงเข้ากับเต้าเสียบของบ้าน อันไหนจะให้ผลที่ดีกว่ากันครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 161
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 710
สวัสดีครับพี่หวี มารายงานว่าที่ Audio Gear ของผมครับ (ที่เป็นว่าที่เพราะว่าบางชิ้นเป็นของซื้อใหม่แล้วยังไม่ได้ให้ส่งเลย ว่าจะรอย้ายเข้าบ้านใหม่แล้วให้ส่งทีเดียว ขี้เกียจขนของหลายเที่ยวครับ)
Pre-Amp: audio research LS17
Power-Amp: bryston 4bsst2 (อ่าน sst square)
CD Player: C.E.C. TL51-XR
Speaker: Hales Revelation three (ตัวนี้เก่าแล้วครับ ประมาณ 10 ปีนิดๆได้ ปัจจุบันบริษัทเลิกกิจการไปแล้วครับ )
interconnect: CD-->Pre Amp : Cardas golden reference
Pre Amp --> Power Amp : Cardas Cross
Speaker Cables: Audioquest Gibraltar with DBS (2.5M)
Line Conditioner-stabilizer: Magnet IRG600
เดิมใช้ Integrated Amp ของ Musical Fidelity A220 (ซื้อเมื่อประมาณปี 98) ตัวนี้ชอบมากๆครับ แต่ที่เปลี่ยนเพราะว่ากำลังขับน้อยไปนิดนึงสำหรับลำโพงตัวนี้ครับ ทำให้รายละเอียดหายไปบ้างนิดๆหน่อยๆ รวมไปถึงความกระชับของดนตรีในช่วงที่โหมด้วย แต่ถ้าลำโพงเล็กหน่อยก็แจ๋วเลยครับ เพราะแอมป์ตัวนี้กำลังสำรองสูงมาก คือ 50W ที่ 8 Ohm 100W ที่ 4 Ohm
ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของSystemของผมที่บ้านใหม่ก็คือขนาดของห้องที่เล็กมาก คือ 3.6X4.2 M ซึ่งทำให้การsetup ลำโพงยากมากสำหรับลำโพงตัวนี้ ซึ่งเป็นลำโพงที่ค่อนข้างใหญ่ (สูงประมาณ 1 M) นน.ต่อข้างประมาณ 100 lbs แต่ก็จะลองพยายามดู ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยไปหาลำโพงใหม่ (สงสัยอย่างน้อยต้องรอปีหน้า ให้ท่านผบ. ดูperformanceของport ก่อนแล้วหวังว่าท่านจะอนุมัติงบให้ :roll: )
ไว้ถึงเวลาใช้งานแล้ว Burn เสร็จแล้ว ได้ผลเป็นยังไงจะมา update ให้ฟังครับ
ยินดีมากครับที่มีคอเครื่องเสียงในเวปนี้ครับ :8)
Pre-Amp: audio research LS17
Power-Amp: bryston 4bsst2 (อ่าน sst square)
CD Player: C.E.C. TL51-XR
Speaker: Hales Revelation three (ตัวนี้เก่าแล้วครับ ประมาณ 10 ปีนิดๆได้ ปัจจุบันบริษัทเลิกกิจการไปแล้วครับ )
interconnect: CD-->Pre Amp : Cardas golden reference
Pre Amp --> Power Amp : Cardas Cross
Speaker Cables: Audioquest Gibraltar with DBS (2.5M)
Line Conditioner-stabilizer: Magnet IRG600
เดิมใช้ Integrated Amp ของ Musical Fidelity A220 (ซื้อเมื่อประมาณปี 98) ตัวนี้ชอบมากๆครับ แต่ที่เปลี่ยนเพราะว่ากำลังขับน้อยไปนิดนึงสำหรับลำโพงตัวนี้ครับ ทำให้รายละเอียดหายไปบ้างนิดๆหน่อยๆ รวมไปถึงความกระชับของดนตรีในช่วงที่โหมด้วย แต่ถ้าลำโพงเล็กหน่อยก็แจ๋วเลยครับ เพราะแอมป์ตัวนี้กำลังสำรองสูงมาก คือ 50W ที่ 8 Ohm 100W ที่ 4 Ohm
ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของSystemของผมที่บ้านใหม่ก็คือขนาดของห้องที่เล็กมาก คือ 3.6X4.2 M ซึ่งทำให้การsetup ลำโพงยากมากสำหรับลำโพงตัวนี้ ซึ่งเป็นลำโพงที่ค่อนข้างใหญ่ (สูงประมาณ 1 M) นน.ต่อข้างประมาณ 100 lbs แต่ก็จะลองพยายามดู ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยไปหาลำโพงใหม่ (สงสัยอย่างน้อยต้องรอปีหน้า ให้ท่านผบ. ดูperformanceของport ก่อนแล้วหวังว่าท่านจะอนุมัติงบให้ :roll: )
ไว้ถึงเวลาใช้งานแล้ว Burn เสร็จแล้ว ได้ผลเป็นยังไงจะมา update ให้ฟังครับ
ยินดีมากครับที่มีคอเครื่องเสียงในเวปนี้ครับ :8)
Always stay humble or be swallowed by the market.
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 711
[quote="อินทรีทอง"]
Pre-Amp: audio research LS17
Power-Amp: bryston 4bsst2 (อ่าน sst square)
CD Player: C.E.C. TL51-XR
Speaker: Hales Revelation three (ตัวนี้เก่าแล้วครับ ประมาณ 10 ปีนิดๆได้ ปัจจุบันบริษัทเลิกกิจการไปแล้วครับ )
interconnect: CD-->Pre Amp : Cardas golden reference
Pre-Amp: audio research LS17
Power-Amp: bryston 4bsst2 (อ่าน sst square)
CD Player: C.E.C. TL51-XR
Speaker: Hales Revelation three (ตัวนี้เก่าแล้วครับ ประมาณ 10 ปีนิดๆได้ ปัจจุบันบริษัทเลิกกิจการไปแล้วครับ )
interconnect: CD-->Pre Amp : Cardas golden reference
"Winners never quit, and quitters never win."
- Basketman
- Verified User
- โพสต์: 1208
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 712
[quote="อินทรีทอง"]รบกวนถามความเห็นพี่หวีหรือพี่ๆท่านอื่นๆด้วยครับว่าถ้าเทียบระหว่างการใช้สายไฟที่แถมมากับเครื่อง+เครื่องกรองไฟเครื่องคุมไฟดีๆ กับการใช้สายไฟดีๆต่อตรงเข้ากับเต้าเสียบของบ้าน อันไหนจะให้ผลที่ดีกว่ากันครับ
"สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องไปปั่นเอาเอง"
- Basketman
- Verified User
- โพสต์: 1208
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 713
[quote="HVI"][quote="อินทรีทอง"]
Pre-Amp: audio research LS17
Power-Amp: bryston 4bsst2 (อ่าน sst square)
CD Player: C.E.C. TL51-XR
Speaker: Hales Revelation three (ตัวนี้เก่าแล้วครับ ประมาณ 10 ปีนิดๆได้ ปัจจุบันบริษัทเลิกกิจการไปแล้วครับ )
interconnect: CD-->Pre Amp : Cardas golden reference
Pre-Amp: audio research LS17
Power-Amp: bryston 4bsst2 (อ่าน sst square)
CD Player: C.E.C. TL51-XR
Speaker: Hales Revelation three (ตัวนี้เก่าแล้วครับ ประมาณ 10 ปีนิดๆได้ ปัจจุบันบริษัทเลิกกิจการไปแล้วครับ )
interconnect: CD-->Pre Amp : Cardas golden reference
"สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องไปปั่นเอาเอง"
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 715
[quote="Basketman"][quote="อินทรีทอง"]รบกวนถามความเห็นพี่หวีหรือพี่ๆท่านอื่นๆด้วยครับว่าถ้าเทียบระหว่างการใช้สายไฟที่แถมมากับเครื่อง+เครื่องกรองไฟเครื่องคุมไฟดีๆ กับการใช้สายไฟดีๆต่อตรงเข้ากับเต้าเสียบของบ้าน อันไหนจะให้ผลที่ดีกว่ากันครับ
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 161
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 716
คงจะต้องรบกวนพี่หวีช่วยไปเชียร์เลขาของผม(เลขาธิการ)แล้วหล่ะครับ แค่นี้ก็เจอท่าเท้าสะเอวจ้องตาพิฆาตแล้วครับHVI เขียน: ชุดเทพ
เครื่องกรองไฟก็มีแล้ว แบบนี้เชียร์เล่นสายไฟครับ
ส่วนตัวผมว่าชุดนี้ยังไม่ถึงขั้นชุดเทพหรอกครับ (แฟนผมชอบว่าๆเป็นชุดมารมากกว่า :lol: ) ถ้ามองในแง่รายละเอียดดนตรี, Image and Soundstage, Transparency. ยังไม่ถือว่าดีมากเท่าไรนัก แต่ผมว่าส่วนตัวผมค่อนไปทาง musiclover มากกว่า audiophile ชอบแนวเสียงที่ไปทาง Analog มากกว่า Digital แต่ไม่มีปัญญาเล่น LPs ครับทั้งๆที่ชอบมาก เนื่องจากราคาแพงมาก หาแผ่นยาก แล้วก็ยังมีเรื่องการดูแลรักษาอีก
ซิสเต็มชุดนี้จะให้เสียงที่มีความเป็นดนตรีค่อนข้างมาก ผมชอบฟังเพลงประเภท Classical กับ Jazz แถมส่วนมากมักจะเป็น Record เก่าๆ (อัดเสียงเป็นโมโนก็มีอยู่หลายแผ่น) บางเพลงเผลอๆไม่รู้ว่าในคอนเสิร์ตจะมีฮิตเลอร์นั่งฟังอยู่หรือเปล่า:roll: ก็จะมี record ใหม่ๆบ้างแต่รู้สึกว่าแผ่นที่อัดใหม่ (โดยเฉพาะเพลงคลาสลิคนะครับ) ความเป็นดนตรีจะน้อยลงไปมาก มักจะเน้น sound engineering ประเภทว่าทำให้ฟังดูแล้วรู้สึกว่าเสียงใส วงกว้างอิมเมจดีโฟกัสของเสียงชัด เบสมันสสสส ฟังแล้วเหมือนจะได้อารมณ์ แต่จังหวะการสอดรับของเครื่องดนตรีในวงรวมไปถึงอารมณ์เพลงมันหายไปหมดเลยครับ ฟังแล้วก็เลยค่อนข้างจะเซ็งๆกับแผ่นเพลงคลาสลิคใหม่ๆครับ ไม่รู้ว่ามีใครที่ฟังเพลงคลาสลิคใหม่ๆแล้วรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่าครับ
Always stay humble or be swallowed by the market.
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 717
โอ๊ย... ขำจริงๆครับ "ชุดมาร"
ของผมก็พยายามจะเป็น "music lover"
ที่ต้องใช้คำว่าพยายามเพราะ
ดูท่าทางแล้วตัวตนจริงๆคงเป็น "audiophile" มากกว่าครับ :lol:
ไม่ค่อยกระตือรือร้นสรรหา software ใหม่ๆมาเล่นเท่าไหร่
แต่กระตือรือร้นมากๆ ที่จะหา hardware เข้ามาเสริมเข้ามาเปลี่ยน
เพื่อที่จะให้เพลงที่ชอบฟัง ฟังแล้วยิ่งเพราะขึ้นไปอีก ยิ่งขึ้นๆ
ชุดมันก็เลยเป็นอย่างที่เห็นๆเนี่ยแหละ :lol:
ยิ่งถ้าไม่ compromise เรื่อง budget เนี่ยคงไปไกลสุดกู่
แต่เรานักลงทุนแบบ value ก็เอาแต่พอเพียงครับ
เล่นเครื่องเสียงก็เล่นแบบ value
หูผมไม่ถึงขนาดฟังเพลง classic ครับ
รู้สึกว่าต้องปีนบันไดฟัง
ล่าสุดได้แผ่นแท้ "Classical Collection"
ได้มาหลายเดือนแล้วก็ยังฟังไม่เคยจบแผ่นซักที
ไม่ค่อยจะเข้าถึงอารมณ์เพลง
"Jazz at the pawnshop" ที่คอ Jazz ต้องมีเก็บไว้
ก็เคยเอามาลองดูแล้ว ฟังไปฟังมา รำคาญซะงั้น :twisted:
แต่ถ้าจิบเบียร์ไปด้วยเนี่ย เพราะมั่กๆ 555
ที่ชอบหยิบมาฟังบ่อยๆก็จะเป็นแนวเพลงฟังง่ายๆ
เครื่องสาย (โดยเฉพาะ Acoustic กีตาร์) ใสๆ เพราะๆ
เสียงร้องหวานๆ อย่าง "Alison Krauss"
"Olivia"
"Susan Wong"
"Depapepe"
อย่างเพลงประกอบโฆษณาของแม่ต้อยไทยประกันชีวิต
ผมชอบเสียงที่ สด สมจริง ชิ้นดนตรี (image) นิ่งๆ เวทีเสียง (sound stage) กว้างๆ
แบบหลับตาฟังแล้วลำโพงล่องหน
มองเห็น(ด้วยหู) ว่าตำแหน่งนี้เป็นที่มาของเสียงดนตรีชนิดใด
ยิ่งชิ้นดนตรีถอยหลังไปลึกๆ เสียงร้องเด่นๆ นิ่งๆ อยู่ตรงกลาง ใช่เลยครับ
ปิดท้ายการฝอยด้วยของเล่นใหม่ ผบ.หิ้วมาให้ (อันนี้ต้องใช้เทคนิคเฉพาะตัวนะครับ 555)
OMZ DAC เอามาประจำการแทน Super Pro
สาย Analog Oritek X-2
สาย Coax Oritek X-1/D
ผบ.เดินทางกลับมาวันเสาร์ วันอาทิตย์คงได้เล่น
คงเข้าถึงคำว่า "Transparency" ซะที :lol:
ของผมก็พยายามจะเป็น "music lover"
ที่ต้องใช้คำว่าพยายามเพราะ
ดูท่าทางแล้วตัวตนจริงๆคงเป็น "audiophile" มากกว่าครับ :lol:
ไม่ค่อยกระตือรือร้นสรรหา software ใหม่ๆมาเล่นเท่าไหร่
แต่กระตือรือร้นมากๆ ที่จะหา hardware เข้ามาเสริมเข้ามาเปลี่ยน
เพื่อที่จะให้เพลงที่ชอบฟัง ฟังแล้วยิ่งเพราะขึ้นไปอีก ยิ่งขึ้นๆ
ชุดมันก็เลยเป็นอย่างที่เห็นๆเนี่ยแหละ :lol:
ยิ่งถ้าไม่ compromise เรื่อง budget เนี่ยคงไปไกลสุดกู่
แต่เรานักลงทุนแบบ value ก็เอาแต่พอเพียงครับ
เล่นเครื่องเสียงก็เล่นแบบ value
หูผมไม่ถึงขนาดฟังเพลง classic ครับ
รู้สึกว่าต้องปีนบันไดฟัง
ล่าสุดได้แผ่นแท้ "Classical Collection"
ได้มาหลายเดือนแล้วก็ยังฟังไม่เคยจบแผ่นซักที
ไม่ค่อยจะเข้าถึงอารมณ์เพลง
"Jazz at the pawnshop" ที่คอ Jazz ต้องมีเก็บไว้
ก็เคยเอามาลองดูแล้ว ฟังไปฟังมา รำคาญซะงั้น :twisted:
แต่ถ้าจิบเบียร์ไปด้วยเนี่ย เพราะมั่กๆ 555
ที่ชอบหยิบมาฟังบ่อยๆก็จะเป็นแนวเพลงฟังง่ายๆ
เครื่องสาย (โดยเฉพาะ Acoustic กีตาร์) ใสๆ เพราะๆ
เสียงร้องหวานๆ อย่าง "Alison Krauss"
"Olivia"
"Susan Wong"
"Depapepe"
อย่างเพลงประกอบโฆษณาของแม่ต้อยไทยประกันชีวิต
ผมชอบเสียงที่ สด สมจริง ชิ้นดนตรี (image) นิ่งๆ เวทีเสียง (sound stage) กว้างๆ
แบบหลับตาฟังแล้วลำโพงล่องหน
มองเห็น(ด้วยหู) ว่าตำแหน่งนี้เป็นที่มาของเสียงดนตรีชนิดใด
ยิ่งชิ้นดนตรีถอยหลังไปลึกๆ เสียงร้องเด่นๆ นิ่งๆ อยู่ตรงกลาง ใช่เลยครับ
ปิดท้ายการฝอยด้วยของเล่นใหม่ ผบ.หิ้วมาให้ (อันนี้ต้องใช้เทคนิคเฉพาะตัวนะครับ 555)
OMZ DAC เอามาประจำการแทน Super Pro
สาย Analog Oritek X-2
สาย Coax Oritek X-1/D
ผบ.เดินทางกลับมาวันเสาร์ วันอาทิตย์คงได้เล่น
คงเข้าถึงคำว่า "Transparency" ซะที :lol:
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 161
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 718
ขอบคุณพี่หวีที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ครับ
ผมคิดว่าการที่ผมชอบฟังดนตรีคลาสลิคอาจจะมาจากการที่ตอนเด็กๆผมนอนห้องนอนเดียวกับคุณอา คุณอาจะชอบเปิดเพลงจากแผ่นเสียงรวมไปถึงเทป8แทรคด้วย เกือบทุกคืนซึ่งส่วนมากก็มักจะเป็นเพลงสากลเก่าๆรวมไปถึงเพลงคลาสลิคด้วย โดยเฉพาะเวลาที่ฟังเพลงคลาสลิค คุณอาจะชอบถามผมในระหว่างการฟัง เช่นรู้มั๊ยว่านี่เป็นเสียงดนตรีอะไร เพลงกำลังจะดังขึ้นหรือเบาลง ต่อไปเครื่องดนตรีไหนจะนำ และอื่นๆ ทำให้ผมได้เรียนรู้การสอดรับของเครื่องดนตรีในวง, อารมณ์เพลงในแต่ละช่วงของเพลง ทำให้ผมกลายเป็น musiclover และชอบเสียงในแบบ analog ไปโดยที่ผมไม่รู้ตัว ตอนช่วงก่อนที่ผมจะแต่งงาน ผมจะมีเวลาฟังเพลงประมาณไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมงทุกวัน งานอดิเรกก็จะเป็นการซื้อ CD สมัยก่อนจะมีร้าน Music City ที่ชั้นสาม worldtrade ผมจะต้องซีดีเกือบจะทุกอาทิตย์เลยครับ ยิ่งถ้าเป็นช่วงจัดรายการผมจะซื้อใส่ตะกร้าเหมือนซื้อของในsupermarketเลย พอแต่งงานแล้วเวลาฟังเพลงก็หายไปเยอะเลยครับ
ผมคิดว่าฟังเพลงไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงในแบบไหนสไตล์ไหน จะเป็น audiophile หรือ musiclover การฟังเพลงก็น่าจะเปรียบเหมือนกับการเสพศิลปะประเภทหนึ่ง ความสุนทรีย์ในการฟังไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ปัจจัยข้างต้น แต่อยู่ที่ความพึงพอใจของแต่ละบุคคลมากกว่า ถ้าการฟังเพลงทำให้เราไม่มีความสุขไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายก็ไม่มีประโยชน์ที่จะฟังครับ แค่เรื่องอื่นๆก็เหนื่อยพอแล้วครับ
ตอนผมเรียนต่อผมมีโอกาสได้ลองฟังซิสเต็มราคารวมเกินแสนเหรียญ ลำโพงสูงท่วมหัวพร้อมห้องฟังที่ออกแบบอคูสติคอย่างดีขนาดประมาณ 5X9 M ตอนนั้นกระแสดิจิตอลกำลังมาแรง แอมป์ ปรีแอมป์ เป็นระบบดิจิตอลหมด ปรากฏว่าเรื่อง image soundstage dynamic transparency และอื่นๆทุกอย่างดีมากๆ แต่โดยส่วนตัวผมกับเพือนอีกคนที่ไปด้วยกันรู้สึกไม่ชอบมากๆก็คือความไม่เป็นธรรมชาติของดนตรี ตรงนั้นเองที่ทำให้ผมรู้ตัวว่าผมเป็นmusiclover มากกว่า audiophile แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อลำโพงบ้านหม้อมาฟังนะครับ มันก็ต้องบาลานซ์ทั้ง Audiophile กับ Musiclover เข้าด้วยกันครับ
ในคอลัมภ์ As We see it ซึ่ง Steve Guttenberg ลงไว้ใน Stereophile หน้าแรกฉบับ April 09 ชื่อ How high do you want your fi? ผมจะคัดมาเฉพาะบางส่วนนะครับ
Would you really want a perfect hi-fi? When output precisely matches input, have we attained nirvana?
Maybe not. Most CDs and LPs aren't all that transparent, so I'm wondering if our obsession with transparency is misplaced. Soundstage? Not if you listen to rock or jazz-the music's spatial depth low-level ambience, dimensionality, and reverberation are all fabricated in the mix. Dynamics? Sorry, pal-compression, and lots of it, is an integral part of the recording, mixing, and mastering of most of the music you buy.
The music is what we're here for. If it were perfectly reproduced, would we be enjoy it any more? Mark Levinson observed years ago that one of the worst symptoms of the audiophile"disease" is playing only music that sounds good through your system, to the exclusion of the music you love because the latter sounds less good through your system. I've been there; I know firsthand how absurd that is. Listen to music, not your hi-fi.
มีความสุขกับการฟังเพลงทุกท่านครับ :8)
ปล. ไว้ว่างๆต้องไปขอศึกษากระบวนท่าโน้มใจแฟนจากท่านจอมยุทธหวีแล้วหล่ะครับ :lol:
ผมคิดว่าการที่ผมชอบฟังดนตรีคลาสลิคอาจจะมาจากการที่ตอนเด็กๆผมนอนห้องนอนเดียวกับคุณอา คุณอาจะชอบเปิดเพลงจากแผ่นเสียงรวมไปถึงเทป8แทรคด้วย เกือบทุกคืนซึ่งส่วนมากก็มักจะเป็นเพลงสากลเก่าๆรวมไปถึงเพลงคลาสลิคด้วย โดยเฉพาะเวลาที่ฟังเพลงคลาสลิค คุณอาจะชอบถามผมในระหว่างการฟัง เช่นรู้มั๊ยว่านี่เป็นเสียงดนตรีอะไร เพลงกำลังจะดังขึ้นหรือเบาลง ต่อไปเครื่องดนตรีไหนจะนำ และอื่นๆ ทำให้ผมได้เรียนรู้การสอดรับของเครื่องดนตรีในวง, อารมณ์เพลงในแต่ละช่วงของเพลง ทำให้ผมกลายเป็น musiclover และชอบเสียงในแบบ analog ไปโดยที่ผมไม่รู้ตัว ตอนช่วงก่อนที่ผมจะแต่งงาน ผมจะมีเวลาฟังเพลงประมาณไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมงทุกวัน งานอดิเรกก็จะเป็นการซื้อ CD สมัยก่อนจะมีร้าน Music City ที่ชั้นสาม worldtrade ผมจะต้องซีดีเกือบจะทุกอาทิตย์เลยครับ ยิ่งถ้าเป็นช่วงจัดรายการผมจะซื้อใส่ตะกร้าเหมือนซื้อของในsupermarketเลย พอแต่งงานแล้วเวลาฟังเพลงก็หายไปเยอะเลยครับ
ผมคิดว่าฟังเพลงไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงในแบบไหนสไตล์ไหน จะเป็น audiophile หรือ musiclover การฟังเพลงก็น่าจะเปรียบเหมือนกับการเสพศิลปะประเภทหนึ่ง ความสุนทรีย์ในการฟังไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ปัจจัยข้างต้น แต่อยู่ที่ความพึงพอใจของแต่ละบุคคลมากกว่า ถ้าการฟังเพลงทำให้เราไม่มีความสุขไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายก็ไม่มีประโยชน์ที่จะฟังครับ แค่เรื่องอื่นๆก็เหนื่อยพอแล้วครับ
ตอนผมเรียนต่อผมมีโอกาสได้ลองฟังซิสเต็มราคารวมเกินแสนเหรียญ ลำโพงสูงท่วมหัวพร้อมห้องฟังที่ออกแบบอคูสติคอย่างดีขนาดประมาณ 5X9 M ตอนนั้นกระแสดิจิตอลกำลังมาแรง แอมป์ ปรีแอมป์ เป็นระบบดิจิตอลหมด ปรากฏว่าเรื่อง image soundstage dynamic transparency และอื่นๆทุกอย่างดีมากๆ แต่โดยส่วนตัวผมกับเพือนอีกคนที่ไปด้วยกันรู้สึกไม่ชอบมากๆก็คือความไม่เป็นธรรมชาติของดนตรี ตรงนั้นเองที่ทำให้ผมรู้ตัวว่าผมเป็นmusiclover มากกว่า audiophile แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อลำโพงบ้านหม้อมาฟังนะครับ มันก็ต้องบาลานซ์ทั้ง Audiophile กับ Musiclover เข้าด้วยกันครับ
ในคอลัมภ์ As We see it ซึ่ง Steve Guttenberg ลงไว้ใน Stereophile หน้าแรกฉบับ April 09 ชื่อ How high do you want your fi? ผมจะคัดมาเฉพาะบางส่วนนะครับ
Would you really want a perfect hi-fi? When output precisely matches input, have we attained nirvana?
Maybe not. Most CDs and LPs aren't all that transparent, so I'm wondering if our obsession with transparency is misplaced. Soundstage? Not if you listen to rock or jazz-the music's spatial depth low-level ambience, dimensionality, and reverberation are all fabricated in the mix. Dynamics? Sorry, pal-compression, and lots of it, is an integral part of the recording, mixing, and mastering of most of the music you buy.
The music is what we're here for. If it were perfectly reproduced, would we be enjoy it any more? Mark Levinson observed years ago that one of the worst symptoms of the audiophile"disease" is playing only music that sounds good through your system, to the exclusion of the music you love because the latter sounds less good through your system. I've been there; I know firsthand how absurd that is. Listen to music, not your hi-fi.
มีความสุขกับการฟังเพลงทุกท่านครับ :8)
ปล. ไว้ว่างๆต้องไปขอศึกษากระบวนท่าโน้มใจแฟนจากท่านจอมยุทธหวีแล้วหล่ะครับ :lol:
Always stay humble or be swallowed by the market.
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง
โพสต์ที่ 719
ยินดีมากๆที่ได้เสวนากับจอมยุทธอินทรีทอง :lol:
พอเล่นมาถึงจุดนึงผมก็รู้สึกเช่นกันครับ
การฟังเพลงเหมือนการเสพศิลปะอย่างหนึ่ง
ภาพศิลปะเดียวกัน แต่ถ้าถูกถ่ายทอดมาจากศิลปินคนละคน
อารมณ์ของงานศิลปะที่ถ่ายทอดออกมาก็จะแตกต่างกันไป
ผู้เสพก็มีความพึงพอใจต่องานศิลป์นั้นๆ แตกต่างกันไปตามจริตของตนเอง
เหมือนกับเพลงเดียวกันแต่เล่นผ่าน system ที่ต่างกัน
ผลลัพธ์และความพึงพอใจต่อการเสพดนตรี ก็จะแตกต่างกันไป
ประเด็น audiophile vs music lover ผมว่ามันแยกจากกันไม่ขาด
แต่มันจะส่งผลเกื้อกูลกันมากกว่า
อย่างผมเริ่มหัดเล่นกีตาร์โปร่งตอนประมาณ ม.ต้น
ผมเลยชื่นชอบเสียงกีตาร์โปร่งเป็นพิเศษ
และผมรู้ว่าเสียงกีตาร์มันต้องเป็นแบบนี้
มีความใส กังวาล สัมผัสได้ถึงการสั่นค้างของสาย
ก่อนที่เสียงจะจางหาย
ถ้าจะบิวท์ system ขึ้นมาซักชุด
ผมคงเลือกที่จะบิวท์ชุด ที่สามารถถ่ายทอด
เสียงเหล่านี้ได้สมจริงที่สุด (audiohphile)
มีความสุข ผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้ฟัง เพราะว่าเข้าถึงอารมณ์เพลง (music lover)
ผมเลยรู้สึกว่าสองอย่างนี้มันเสริมกัน
ชุดที่มีความเป็น Hi-Fidelity มากๆ
ควรที่จะถ่ายทอดความเป็นดนตรีออกมาได้ดีมากๆ
ฟัง Classic ก็ควรถ่ายทอดบรรยากาศในฮอลล์
หรือมองเห็น(ด้วยหู) กลุ่มชิ้นดนตรี เป็นชั้นๆ ลดหลั่น ไปตามตำแหน่งการเล่น
ส่วนกระบวนการให้ได้มาของสิ่งเหล่านั้นที่คุณ Steve หรือคุณ Mark ว่าไว้
ที่ต้องผ่านการ mix หรือ sound engineering ผมไม่ค่อยสนใจ
เพราะถ้าพูดถึงธรรมชาติ ไม่ว่าจะสื่อชนิดไหนมันก็ไม่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
ยกเว้นเราจะนั่งฟังดนตรีสดๆด้วยตัวเอง
ผมสนใจแต่ผลลัพธ์ว่าเมื่อเรานำมันกลับมา playback ว่ามันให้ผลลัพธ์ที่สมจริงขนาดไหน
และเนื่องด้วยเวลาฟังเพลงที่จำกัด ผมก็ขอเลือกฟังเพลงที่ผมชอบ
เพื่อตักตวงความสุขด้วยเวลาอันจำกัดนี้ให้มากที่สุด
ส่วนแนวเพลงอื่นๆที่เราฟังแล้วไม่เข้าถึงอารมณ์เพลงก็ขอผ่านไปก่อนดีกว่า
ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเล่นแล้วเสียงเพราะน้อยกว่า
แต่เป็นเพราะแนวเพลงมันไม่ถูกจริตเรามากกว่า
ผมเลยเห็นด้วยกับบทความที่ quote มาส่วนหนึ่งแต่ไม่ทั้งหมดครับ
ผมว่าพี่อินทรีทองเนี่ย มีประสบการณ์ฟังเพลงหลากหลาย
เดี๋ยวเวลาจะหาแผ่นใหม่ๆ มาเล่นต้องมาขอความเห็นและมาขอความรู้ซะแล้ว :D
พอเล่นมาถึงจุดนึงผมก็รู้สึกเช่นกันครับ
การฟังเพลงเหมือนการเสพศิลปะอย่างหนึ่ง
ภาพศิลปะเดียวกัน แต่ถ้าถูกถ่ายทอดมาจากศิลปินคนละคน
อารมณ์ของงานศิลปะที่ถ่ายทอดออกมาก็จะแตกต่างกันไป
ผู้เสพก็มีความพึงพอใจต่องานศิลป์นั้นๆ แตกต่างกันไปตามจริตของตนเอง
เหมือนกับเพลงเดียวกันแต่เล่นผ่าน system ที่ต่างกัน
ผลลัพธ์และความพึงพอใจต่อการเสพดนตรี ก็จะแตกต่างกันไป
ประเด็น audiophile vs music lover ผมว่ามันแยกจากกันไม่ขาด
แต่มันจะส่งผลเกื้อกูลกันมากกว่า
อย่างผมเริ่มหัดเล่นกีตาร์โปร่งตอนประมาณ ม.ต้น
ผมเลยชื่นชอบเสียงกีตาร์โปร่งเป็นพิเศษ
และผมรู้ว่าเสียงกีตาร์มันต้องเป็นแบบนี้
มีความใส กังวาล สัมผัสได้ถึงการสั่นค้างของสาย
ก่อนที่เสียงจะจางหาย
ถ้าจะบิวท์ system ขึ้นมาซักชุด
ผมคงเลือกที่จะบิวท์ชุด ที่สามารถถ่ายทอด
เสียงเหล่านี้ได้สมจริงที่สุด (audiohphile)
มีความสุข ผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้ฟัง เพราะว่าเข้าถึงอารมณ์เพลง (music lover)
ผมเลยรู้สึกว่าสองอย่างนี้มันเสริมกัน
ชุดที่มีความเป็น Hi-Fidelity มากๆ
ควรที่จะถ่ายทอดความเป็นดนตรีออกมาได้ดีมากๆ
ฟัง Classic ก็ควรถ่ายทอดบรรยากาศในฮอลล์
หรือมองเห็น(ด้วยหู) กลุ่มชิ้นดนตรี เป็นชั้นๆ ลดหลั่น ไปตามตำแหน่งการเล่น
ส่วนกระบวนการให้ได้มาของสิ่งเหล่านั้นที่คุณ Steve หรือคุณ Mark ว่าไว้
ที่ต้องผ่านการ mix หรือ sound engineering ผมไม่ค่อยสนใจ
เพราะถ้าพูดถึงธรรมชาติ ไม่ว่าจะสื่อชนิดไหนมันก็ไม่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
ยกเว้นเราจะนั่งฟังดนตรีสดๆด้วยตัวเอง
ผมสนใจแต่ผลลัพธ์ว่าเมื่อเรานำมันกลับมา playback ว่ามันให้ผลลัพธ์ที่สมจริงขนาดไหน
และเนื่องด้วยเวลาฟังเพลงที่จำกัด ผมก็ขอเลือกฟังเพลงที่ผมชอบ
เพื่อตักตวงความสุขด้วยเวลาอันจำกัดนี้ให้มากที่สุด
ส่วนแนวเพลงอื่นๆที่เราฟังแล้วไม่เข้าถึงอารมณ์เพลงก็ขอผ่านไปก่อนดีกว่า
ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเล่นแล้วเสียงเพราะน้อยกว่า
แต่เป็นเพราะแนวเพลงมันไม่ถูกจริตเรามากกว่า
ผมเลยเห็นด้วยกับบทความที่ quote มาส่วนหนึ่งแต่ไม่ทั้งหมดครับ
ผมว่าพี่อินทรีทองเนี่ย มีประสบการณ์ฟังเพลงหลากหลาย
เดี๋ยวเวลาจะหาแผ่นใหม่ๆ มาเล่นต้องมาขอความเห็นและมาขอความรู้ซะแล้ว :D
"Winners never quit, and quitters never win."