พอดีเข้ามาดูทีหัวข้อ"เรื่องด่วน"
ปรากฎว่า หากระทู้นี้ไม่เจอ
พอคุ้ยๆดูลงไป
ไปเจอที่ด้านล่างของเวปบอร์ด
ก็งงๆเหมือนกัน
ตกลงจะเอาไว้ไหนดีเนี่ย
เดี๋ยวจะเสนอเจ้าของเวปให้ไว้ที่เรื่องด่วนเหมือนเดิมแล้วกัน
ถ้าไม่ถือว่าเป็นการโฆษณาชื่อตัวเองนะครับ
ใครไปใครมาจะได้ดูได้โพสเข้ามาได้ง่ายๆ
บางทีผมไม่ได้เข้ามาตอบหลายวัน
กลัวกระทู้หลุดไป หากันไม่เจอ
อันนี้ก็แล้วแต่เวปมาสเตอร์จะกรุณาแล้วกันครับ
ayethebing เขียน:ผมเองไม่เคยได้ตอบกระทู้นี้มากนัก แต่ก้อติดตามอ่านมาโดยตลอด เป็นกระทู้ยอดฮิต และมีคุณค่ามากสำหรับ web นี้เลยครับ (มีคนอ่านตั้งเป็นหมื่น และคงถึง 2 หมื่นเร็วๆ นี้ แหมถ้าทำหนังสือขายแล้วขายได้สัก 2 หมื่นเล่ม ว้าว)
นิยมในหลักการของคุณวิบูลย์ครับ อ่านแล้วก้อมีกำลังใจยึดมั่นในหลักการเดิมที่ลงทุนตามพื้นฐานต่อไป ทั้งๆ ที่ตอนนี้แหม มันยั่วยวนให้มาเล่นเกร็งกำไรมากเลยทีเดียว แหะ แหะ
ผมยังมือใหม่ แต่ก้อติดตามตลอด อิ อิ ลอกคุณ harry มาครับ
กระทู้นี้ผ่านสองหมื่นครั้งไปแล้วครับ
ผมลองติดตามเล่นๆพบว่า
กระทู้นี้เริ่มเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2546 โดยคุณธันวา
ผ่านการอ่าน 10,000 ครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2546
ใช้เวลาทั้งสิ้น 48 วัน
เฉลี่ยอ่านวันละ 209 ครั้ง
หลังจากนั้นอีก 63 วัน
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2546
กระทู้นี้มีการอ่าน 20,000 ครั้ง
รอบนี้มีการอ่านเฉลี่ย 159 ครั้งต่อวัน
ช่วงแรกมีการอ่านต่อวันมากกว่าช่วงสองถึง 31%
อาจเป็นไปได้ว่า มีการถามตอบกันมากกว่า
หลังๆผมก็เข้ามากระทู้นี้น้อยกว่าเดิม
เพราะเวลาน้อยลง
แต่ก็ขอบคุณแฟนๆทุกท่านที่ยังให้การสนับสนุนครับ
การอ่านเป็นหมื่นๆครั้งในกระทู้เดียว
ผมไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียวได้
ทุกอย่างมาจากการที่หลายๆท่านในที่นี้
ช่วยกันทำให้เกิดขึ้นมาได้ครับ
ผมขอยกเครดิตทั้งหมดกับทุกท่านที่โพสเข้ามา
รวมทั้งทุกท่านที่ตอบคำถามของสมาชิกอย่างไม่เหน็ดเนื่อย
ส่วนที่คุณayethebing อยากจะไปเก็งกำไร
ผมขอบอกก่อนแล้วกันนะครับ
ว่ามุมมองของผมนั้น
ผมมองว่า"การเก็งกำไร" ไม่ใช่ความผิดอะไรนะครับ
เพียงแต่ถ้าอยากจะเป็นนักเก็งกำไรก็ต้องมีหลักการเก็งกำไรครับ
ผมอยากจะบอกนักลงทุนมือใหม่ทั้งหลายว่า
อย่าเข้าตลาดหุ้นเพีียงแค่เพราะีมีเงินและอยากได้กำไรมากๆ
คุณต้องมีอีกสามสี่อย่างครับ
นั่นคือต้องมี หลักการ ความรู้ ข้อมูล และประสบการณ์
ไม่งั้นผมว่าโอกาสรอดจากกับดักของแมงมุมยาก
ส่วนผมยังคงตั้งหน้าตั้งตาลงทุนตามพื้นฐานต่อไป
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ฝนจะตก แดดจะออก โลกจะแตก
เพราะผมคิดว่าวิธีการนี้เหมาะกับผมที่สุด (อาจจะไม่เหมาะกับบางคนนะ)
และเป็นวิธีที่ทำให้เราอยู่ในตลาดได้นานที่สุด
ถ้าหุ้นพื้นฐานไม่ดี ราคาขึ้นสูงๆ สุดท้ายใครๆเขาก็รู้หละครับว่าหุ้นตัวนั้นของจริงหรือของปลอม
ถ้าซื้อหุ้นพื้นฐานดี ราคาวันนี้ไม่ขึ้น สักวันใครๆเขาก็รู้เองหละครับว่าหุ้นตัวนี้"เจ๋ง"แค่ไหน
อย่าลืมว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับในตลาดหุ้น
พรุ่งนี้หุ้นอาจจะตกร้อยจุดก็ได้ไม่มีใครรู้
ดังนั้น เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับทุกสถานการณ์ครับ
อย่างที่ Warren Buffet บอกไว้หลังจากเหตุการณ์ 9-11 หละครับที่ว่า
"ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดหรือไม่เกิดขึ้น
ก็ไม่มีผลอะไรกับหลักการหรือวิธีการที่ผมใช้ในการลงทุน
มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงหลักการที่ผมใช้ในการซื้อกิจการอะไรเลย"
Thanwa เขียน:พูดถึงเรื่องการลงทุน
อยากจะขอนำเรื่องที่เพื่อนลงทุนด้วยกันเล่าให้ฟัง
เขาบอกว่า...
เขานั่งขับรถไปตามท้องถนน รถรามากมาย
บางคนก็ขับอยู่เลนเดียวไปเรื่อย ๆ ตามถนน
ส่วนบางคัน ก็ขับเร็วกว่า บ้างก็เบียดซ้าย แซงขวา
หลายๆ ครั้งเขาเห็นว่า
รถคันกล่าว ก็ไม่ได้ไปเร็วกว่า เขาเท่าไหร่นัก
หรืออย่างเก่งก็ 4-5 นาที ถ้าเราไม่ขับช้ามากนัก
ใครจะไปรู้ บางครั้งขับเร็วมาก อาจประสบอุบัติเหตุ
ถึงช้าเข้าไปอีก...
การลงทุนอาจจะมีส่วนคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง
ยอมขับที่ความเร็วพอดี ไม่เบียดซ้าย แซงขวา
ขับไป ชมวิวข้างไป สบายใจ (นอนหลับฝันดี)
ในที่สุด ก็ถึงจุดหมายเหมือนกัน
บางครั้ง รวยเร็วเกินไปก็ลำบากเหมือนกัน
เพราะเงินส่วนเกินที่รวยเร็วขึ้นมา ก็ไม่รู้จะไปใช้อะไร
เพื่อนๆ อ่านดูอาจจะไม่เห็นด้วยก็ไม่ว่าอะไรครับ
ไหนๆคุณธันวาก็เล่าเรื่องการลงทุนกับการเดินทางแล้ว
ผมก็อยากจะเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเรื่องเหมือนกัน
เรื่องมีอยู่ว่า
มีผู้รู้ท่านนึงบอกไว้ว่า
การลงทุนก็เหมือนกับการเดินทาง
เราต้องมีการวางแผน
เราต้องรู้ว่าเราจะไปที่ไหน
และเราจะต้องรู้ว่าเราจะไปถึงที่นั่นได้อย่างไร
และสิ่งสำคัญคือเราต้องเดินไปตามทางที่เราวางแผนไว้
ไม่ออกนอกลู่นอกทาง
แต่การทำตามแผนการที่เราวางไว้
บางครั้งมันจะน่าเบื่อ ไม่น่าตื่นเต้น
ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ระหว่างการดำเนินตามแผน
คนส่วนใหญ่เลยลืมแผนของตัวเองไป
แล้วหลงไปกับสิ่งที่เข้ามากระตุ้นที่น่าตื่นเต้นให้เราหลุดออกจากแผนที่เราวางไว้
สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกแผนการนั้นไป
แล้วกับไปเริ่มต้นใหม่
เขาเปรียบการวางแผนการลงทุนเหมือนขับรถทางไกล
เช่น เราวางแผนว่าเราจะขับรถไปเชียงใหม่
เราต้องมีแผนที่และรู้เส้นทางที่เราจะไป
แล้วเราก็ออกเดินทาง
แต่ระหว่างทางบางครั้งการขับรถไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่กำหนด
มันอาจจะน่าเบื่อ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
ดังนั้น ระหว่างทางอาจเกิดมีอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น
เช่น อยู่ๆมีกวางฝูงนึงออกมาวิ่งเล่นอยู่ข้างถนน
คนส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า
"โน่นดูโน่นซิ กวางอยู่ข้างทาง เราลงไปดูมันสักหน่อย.
ว่าแล้วเขาก็ขับรถลงไปไล่ตามกวางตัวนั้น
หลุดออกจากเส้นทางที่วางไว้
แล้วเขาก็หาทางกลับไม่เจอ
หรือกว่าจะเจอ เขาต้องเสียเวลาไปหลายเหมือนกัน
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี่ก็เพื่อแสดงไห้เห็นว่า
การที่เรามีแผนแต่ไม่ทำตามแผนที่วางไว้
เพราะบางครั้งการทำตามแผนมันน่าเบื่อ
เลยหาอะไรน่าตื่นเต้นทำแทน
เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถมีอิสรภาพทางการเงินได้เสียที
ผมรู้สึกว่า คนที่พูดเรื่องนี้คือ โรเบิร์ต คิโยซากิ นะครับ ถ้าจำไม่ผิด
ผมคิดว่าเป็นเรื่องจริงทีเดียว
เพราะบางครั้ง ผมก็ยังรู้สึกว่า การทำตามแผนการลงทุนที่เราวางไว้
มันช่างน่าเบื่อเสียนี่กระไร
อยากจะหาอะไรที่มันตื่นเต้นทำดูบ้าง เช่น เก็งกำไร
แต่มาคิดดูอีกที ก็นึกถึงคำพูดของคิโยซากิและท่านอาจารย์ทั้งสามได้
ก็เลยมีสติ กลับเข้ามาตั้งหน้าตั้งตาลงทุนตามพื้นฐานเหมือนเดิม
เงินลงทุนผมก็งอกเงยขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่หวือหวา
ผลตอบแทนอาจจะไม่มากเท่านักเก็งกำไร
แต่ผมก็คิดว่า นี่คือแผนการลงทุนที่ผมวางไว้
เราต้องไปให้ถึงจุดหมายระยะยาวที่ตั้งไว้
มากกว่าที่จะหลุดออกจากเส้นทางเพื่อผลตอบแทนระยะสั้นที่ยั่วยวน
ไม่ได้บ่นนะครับ เพียงแต่อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ
อ้อ คุณธันวาไม่ต้องห่วง
ผมถือหุ้นบริษัทที่ว่าเป็นเพื่อนแน่นอนอยู่แล้วครับ
แล้วก็ดีใจมากครับที่เขียนใช้โค้วต้ากันเยอะๆ ผมจะได้ไม่ได้พล่ามอยู่คนเดียว อิ อิ
Harry เขียน:
เนื่องจากกระทู้นี้มีคนเข้ามาอ่านกันมาก จึงจะขอถามหน่อยว่าหนังสือภาษาอังกฤษที่ซื้อจาก amazon.com นั้นจะให้ช่วยสั่งซื้อเนี่ยได้มั้ยครับ เอ่อ แบบจ่ายเงินก่อนก็ได้ครับ แบบมาเจอกันก่อน ผมจ่ายเงินให้ครึ่งหนึ่งโดยประมาณ พอของมาก็เอามารับเงินส่นที่เหลือ
แล้วพอดีผมเห็นที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯมีบริการสั่งซื้อให้ ก็เลยมาถามว่าจะได้ราคาถูกบ้างมั้ยครับ เพราะลองดูหนังสือบางเล่มราคาเป็นดอลล่าร์ที่คำนวนเป็นเงินบาทแล้วกับราคาที่ติดไว้เป็นเงินบาท มันห่างกันมากเลย
ผมอยู่กทม.ครับ อยุ่ใจกลางเมืองเลย ถ้าใครที่จะให้ผมรบกวนได้ ก็ขออยู่ใกล้ๆแล้วกันครับ อ้อ! ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกครับ ที่อยากได้เพราะว่าเป็นหนังสือเล่มๆ จะได้เก็บไว้อ่านดีๆครับ เอ่อ แล้วที่ asia book ล่ะครับ มีบริการสั่งหรือว่ามีหนังสือพวกนี้ในร้านที่ราคาถูกกว่าหรือเปล่าครับ
คุณHarry ครับ
สั่งที่ Amazon.com นั้นง่ายมากเลยครับ
ผมแนะนำให้สั่งเอง
เพียงแค่มีเครดิตการ์ดใบเดียวก็ใช้ได้แล้วครับ
เลือกๆหนังสือที่เราอยากได้
แล้วก็คลิก Proceed to Checkout ไอคอน
จากนั้นก็ใส่เบอร์เครดิตการ์ด และที่อยู่
จากนั้นเเครื่องจะคำนวณค่าส่งให้
ถ้าโอเคก็ตอบตกลง
หลังจากนั้น สองอาทิตย์ก็ได้ของครับ
แต่ถ้าสั่งที่เอเซียบุ๊คต้องใช้เวลาถึงสองเดือน
ไม่ทันกินแน่นอน
ส่วนราคาของอเมซอน ผมว่าใกล้เคียงกับซื้อเมืองไทนยะครับ
อาจจะแพงกว่านิดหน่อย ก็ไม่เป็นไร สะดวกดี
ผมใช้บริการอเมซอนแล้วชอบมาก
ถ้าหาหนังสือเล่มไหนไม่ได้ในเมืองไทย ผมก็สั่งทางเนตทุกที
เรื่องโกงเครดิตการ์ด ยังไม่เคยเกิดขึ้นครับ ค่อนข้างไว้ใจได้
CEO เขียน:
ขอเรียนถามคุณ Mon ครับ
ว่าสำหรับหุ้นห่านทองคำนั้นพอจะบอกได้ไหมครับว่าคุณ Mon ให้ความสำคัญกับอะไรมากและรองลงมา
ผมขอมั่วตอบแทนคุณMonแล้วกันครับ
ถ้าจะซื้อห่านทองคำ ผมมีบทความของคุณเทพใน SETTRADE มาฝากครับ
ผมว่าตอบปัญหาของคุณ CEO ได้ค่อนข้างชัดแจ้งแดงแจ๋ ลองอ่านดูข้างล่างครับ
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... thep2.html
ถ้าเป็นผม ผมก็จะดูว่า
เจ้าห่านที่ผมจะเลือกนั้น มันออกใข่ใบใหญ่หรือเปล่า (Dividend Yield)
แล้วใข่ที่ออก มันจะออกมั่งไม่ออกมั่งหรือไม่
ถ้าให้ดีต้องออกไข่มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาีนี้
ถ้าเลือกได้ก็ต้องเลือกที่ออกไข่ใบใหญ่เรื่อยๆ (แต่หายาก)
ที่สำคัญ ต้องมั่นใจว่า เจ้าของห่านมีใข่ให้ออกได้ตลอด (มีเงินสดมากพอจ่ายปันผล)
ถ้ากะถือยาว ก็ต้องดูผู้บริหารว่าไว้ใจได้หรือเปล่า หรือชอบเอาเงินบริษัทไปทำอะไรอย่างอื่นเล่นหรือไม่
สินค้าถ้าเป็นเจ้าตลาดก็เยี่ยม เพราะมั่นใจว่าของขายได้ตลอดแน่
ส่วนที่เหลือก็ให้คุณMonตัวจริงมาตอบแล้วกันครับ
Moo เขียน:
อ่านกระทู้นี้แล้ว มีความสุขมากครับ ทุกครั้งต้องเข้ามาอ่าน นับไปนับมาก็ร่วมกว่า 3 เดือนแล้ว ได้รับความรู้ทางหลักวิชาการ ความรู้รอบตัวและมุมมองที่ดีๆ ตามเก็บเกี่ยวประสพการณ์ทางกระทู้นี้มาตลอด แต่ยังไม่เคยรบกวนสอบถามอะไรเลย วันนี้ขอเรียนถามพี่วิบูลย์และท่านอื่นๆด้วยนะครับ คำถามเกี่ยวกับค่า PE และค่าP/BV ครับ
คือว่า โดยปกติแล้วหุ้นที่น่าสนใจควรมีค่าทั้ง 2 ตัวนี้ต่ำ และหลายๆตัวที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนั้น แต่ผมยังไม่เข้าใจว่ามีหุ้นอีกหลายๆตัวที่มีค่า PE ค่อนข้างต่ำมากๆ แต่กลับมีค่า P/BV สูง เช่น PTT ณ วันที่ 18/12/2546 ที่ผ่านมา ค่า PE 9.99 (พอลงทุนได้) แต่มาดูค่า P/BV กลับมาค่าที่ 3.49 ซึ่งน่าจะถือว่าสูง(หรือไม่) ทำให้ที่ผ่านมาไม่กล้าซื้อลงทุน เพราะว่ารู้สึกว่าราคาค่อนข้างสูง ( ส่วนปันผลพอรับได้)
อยากทราบว่าเราควรอ่านค่าลักษณะนี้อย่างไรครับ ค่าเหล่านี้เป็นองค์ประกอบแรกๆที่ต้องพิจารณาหรือให้ดูค่าอื่น แนวโน้มอื่นก่อนครับ
ตอบคุณ Moo
ปัญหานี้เป็นปัญหาโลกแตกครับ
คือไม่มีใครตอบได้ถูกต้อง 100%
การหามูลค่าหุ้นนี่ขึ้นกับมุมมองของเราต่อบริษัทอย่างแท้จริงครับ
ให้คนสิบคนมาดูบริษัทเดียวกัน
มุมมองก็ไม่เหมือนกัน
การดูแค่ค่า PE PB แล้วลงทุนโดยไม่เข้าใจพื้นฐานธุรกิจนั้น
ผมไม่รับประกันความปลอดภัยครับ
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเราเข้าใจธุรกิจนั้นมากแค่ไหน
ถ้าเอาสั้นๆง่ายๆ
มีผู้รู้บอกว่า P/E ต่ำกว่า 10 ก็น่าลงทุนได้
เรื่อง P/B นั้นถ้าเป็นธุรกิจ Commodity ก็ไม่ควรเกิน 1
ถ้า P/B มากกว่าหนึ่ง แสดงว่า เราจ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับค่าความนิยมและการเติบโตครับ
ไว้มีเวลาผมจะมาอธิบายให้ละเอียดนะครับ
ตอนนี้เจ้านายเรียก
สวัสดีครับ