อ่านแล้วเข้าใจกันจริงหรือครับ?
ผมว่ายัง
ถ้าได้อย่างที่โพสว่าเข้าใจนะครับ ลองเอาความคิดเกี่ยวกับเรื่องการอินเวิดมาวางให้ดูหน่อยก็ได้นะครับ
ถ้าเข้าใจจริงๆ มันเอาไปใช้ได้ทุกอย่างละครับ อย่างท่าน pak เขียนมาอย่างนี้
pak : หลังจากอ่านข้อความเหล่านี้จบ ผมก็พยายามมองอะไรให้มันกลับทางดูบ้างอ่ะนะขอรับ 555+
เช่น...
เวลาส่องกระจก...เมื่อก่อนจะพยายามมองให้ตัวเองดูหล่อ - -"แต่วันนี้...พอมองกระจก พยายามจะดูให้เห็นถึงความขี้เหร่ ความเสื่อม และความเหี่ยวแก่ร่วงโรยไปตามกาลเวลาที่ผ่านไป
^O-O^ ผมว่าความคิดใช่เลย คือมองทุกอย่างให้มัน balance ได้อย่างนี้ ไม่ใช่ไปมองด้านเดียว เหตุผลที่ต้องมองสองด้าน เวลามันไม่เป็นอย่างที่คิด มันจะได้ไม่หลุดตกใจ หรือว่าเสียใจขนาดว่าทำอะไรไม่ถูกเลย ผมจะบอกให้ครับ เวลาทุกอย่างมันพลิกกลับ มันจะมีสิ่งหนึ่งเข้ามาควบคลุมการตัดสินใจของเราทุกอย่างเลย สิ่งนี้มีในตัวพวกเราทุกคน มีมากมีน้อยต่างกันไป อะไรทราบไหมครับ ความเครียดไงครับ
มีใครอยากเครียดไหมละครับ หายากนะครับ ผมได้แนะนำให้ทุกท่านเครียด แต่ผมให้ยอมรับกับมัน และทำความเข้าใจมันให้มากอย่างถึงพริกถึงขิงเลย ผมยกตัวอย่าง เอ้าอะไรที่ทำให้เราขนาดหลุดหนัก ๆ เลย โอเค อันนี่โดน
เมียมีชู้ ผูํชายไทยรับกันได้ไหมครับ
ที่ผมบอกว่า ผมมองแต่ความทุกข์ มองอย่างเดียวก็ไม่พอ กำหนดให้เป็นภาพเลย จดไว้เลยนะครับ มองให้เป้นภาพที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งกำหนดมันชัดออกมาเท่าใด ยิ่งรับมื่อกับความทุกข์ได้มากเท่านั้น ผมกำหนดภาพวันหนึ่งกลับบ้าน เจอเมียตัวเองกับคนอื่น พอเห้นภาพในหัว สังเกตลมหายใจตัวเองเลยครับ เข้ายาว ออกสั้น แสดงว่าตัวเองกำลังโมโห ลมหายใจนี่มันบอกได้หมดเลย ผมวิเคราะห์ลมหายใจตัวเอง แล้วบอกได้หมดเลยว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์แบบใด แล้วต้องจัดการกับมันแบบไหน ถ้าปกติ ผมหายใจ 1 นาที เข้า/ออก เป็นหนึ่งชุด เวลา 1 นาที ก็ห้าครั้งเอง อย่างนี้อยู่ใน comfort zone ของผม นิ่งมากเลย มองทุกอย่างออกมาเป็นภาพหมด นั่นแรก ๆ มองเป็นภาพ ใช้ประสาทสัมผัสทางตาอย่างเดียว พอเก่งขึ้นหน่อย มีเสียง มีกลิ่น มีรส มีสัมผัส
อย่างง่ายๆ ผมจะไปโรงพยาบาล ก็กำหนดเส้นทางก่อนไป อย่างนั้นคือ ตา กลื่นโรงพยาบาลละเป้นไง หูละ ได้ยินเสียงอะไรที่นั่น ปากละ รสของโรงพยาบาลเป้นอย่างไร
ไม่ว่าความทุกข์ หรือว่า ความเครียดต่างๆ มันจะไปหายไปถ้าเรากำหนดภาพของมันออกมาอย่างชัดเจน อย่างเรื่องเมียมีชู้ ผมจะนั่งหลับตาจินตนาการเขาอยู๋กับผู็ชายคนอื่น หรือวาอยู๋กับผู้หญิงแฟนใหม่เป็นเลสเบี่ยน จะกำหนดภาพว่าตัวเองจะทำอย่างไร จนกว่าลมหายใจของผมจะเหลือเพียวแค่ประมาณ 5-6 ครั้งต่อนาที อย่างนี้ถือว่าพอเจอเหตุการณ์อย่างนั้นจริงๆ ผมรับมื่อกับสถานการณ์อย่างได้ 100 เปอร์เซ็นต์ มั่นใจมาก เพราะเราได้ล๊อคสเป๊กอารมณ์ตัวเองไว้ล่วงหน้าแล้ว เคยมีเพื่อนเทรดเดอร์ฝรั่ง พอฟังผมพูดเรื่องนี้จบ บอกว่า ผมซื้อประกันล่วงหน้าอารมณ์ตัวเองไว้แล้วนะนี่
ใช่ครับ เขาพูดถูกเพ็งเลย ทุกข์แค่ไหน มันไม่เคยใหญ่ไปกว่าหัวของเราหลอก มันอยู๋ในหัวทั้งนั้น มันปั่นพวกเราซะอยู่หมัดเลย ไอ้สมองของเราที่ว่ามันทำงานแบบมีเหตุผล ก็เข้าใจไม่ถูกหมด แสดงว่ายังเข้าใจมันเพียงด้านเดียว dark side มันก็มี เหตุผลมันก็ทำงานเพื่อตอบสนองตามใจกิเลส ego ของเจ้าของที่มันรับใช้ ยอมรับได้หรือปล่าวละครับ นั่นละครับ I am always wrong and I try to correct my mistakes
pak : เวลาคิดถึงหุ้นในพอร์ตของตัวเอง จะพยายามคิดว่า...ฉันต้องทำใจให้ได้ว่า "มีก็เหมือนไม่มี!!!"
^O-O^ : ส่วนประโยคนี้ ผมไม่เข้าใจดีครับ
Invert Daily
อ่านดีๆ ละครับ ท่านเอาไปใช้ได้จริงในการลงทุนครับ
วันนี้ได้ใช้เส้นทางถนนจรัลจากสะพานพระรามเจ็ดตรงไปทางเส้นปิ่นเกล้า ติดหนักน่าดูครับ ผมเคยไปครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้ลองอินเวิดใช้มุมมองด้านอื่นๆ ดูครับ ผมหมายถึงบนถนนนั่น นอกจากมุมมองจากรถยนต์แล้ว ยังมีมุมมองจากมอไซค์ รถเมล์ รถกะบะ และรถอื่นๆ ที่วิ่งอยู๋บนถนนที่ผมกำลังใช้อยู่ด้วย ผมได้อินเวิดเป็นมอไซค์ดูครับ ขับเองละครับ วิ่งยากกว่ารถยนต์ซะอีกครับ ทางแคบเพราะก่อสร้าง ต้องระวังกระจกมอไซค์ของเราไปเชี่ยวชนกระจกรถท่านอื่นแตกเสียหาย ไอ้แบบมีคุณธรรม ชนแล้วจอดมาเคลียประกัน อย่าไปฝันให้มากดีกว่า มีแต่กรูแล่นต่อเลยเฟ้ย อยู๋ให้โง่ทำไม
ถ้าท่านไปติดตรงนั้นแล้ว ท่านไม่อารมณ์เสียเลยนะ ท่านไม่ต้องมาอ่านตรงนี้เลย ท่านเก่งโคตรในการจัดการกับตัวเองอย่างดีแล้ว ถ่าท่านขับไปแ บ่นไป แสดงว่าท่านไมได้คาดหวังว่าจะติด หรือ ว่า คาดหวังแล้ว แต่ว่าไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ นี่ละครับ ที่ผมบอกว่า วันนี้เป้นวันดีที่ขาดทุน
วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะไปติดบนถนน ผมพูดอย่างนั้นเพราะผมได้กำหนดภาพตัวเองติดแง็กอย่างชัดเจนแล้ว พร้อมทั้งหาวิธีที่จัรับมื่อกับอารมณ์ตัวเองที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนออกมาเป้นภาพอีกด้วย
ท่านรับได้ไหมครับ มีมอเตอไซค์ เอ้าผมนี่ละ ชนกระจกท่านแตกตรงถนนจรัลแล้วขับหนีไปเลย ถ้าทำใจไม่ได้ ปิดกระจกพับมันเข้าครับ ไม่ต้องให้มันกลางออก
ท่านไม่จำเป็นต้องใช้กระจกมองข้างหรอกขับ เวลารถมันติดอย่างนั้น ถ้าเถียงว่าไม่จริง ก็เอาไว้ดูมอไซค์ไงละ ดูอะไรครับ ดูแล้วมันช่วยอะไรได้ กระจกข้างตรงนั้น น้ำหนักมันลบมากกว่าบวก ทางลบมีไว้ให้พวกผมรอชนต่างหาก
ละครับ ขับตรงนั้นให้เป้น คิดถึงมุมมองอื่นๆ บ้่าง ไอ้ที่ว่าอินเวิด ผมอินเวิดทางความคิดมานาน บางอย่างมันคิดไม่พอ ต้องลองไปทำดูจริงๆ ถึงมองกันออก
หุ้นก็เหมือนกัน ในตลาดมีทั้งคนขาย/ คนซื้อ เวลาอยากซื้อ ก็มองหน่อยว่า ไอ้คนขายทำไมมันถึงขาย ทำไมเราถึงมองออกว่าหุ้นตัวนี้มันดี ทำไมคนอื่นถึงมองว่าไม่ดี เวลาขายก็มองกลับกัน นั่นละครับ หลักการของอินเวิด
เอาใจคนอื่นมาใส่ใจเรา ประโยคนี้จบเลย
ใช้ได้ครอบจักรวาลจริงไหมครับ
สุดยอดของเซียนแล้ว ไม่ว่าเซียนวงการไหน
ใจของคู่ต่อสู้ก็คือใจของเรา ตัวเราเป็นเพียงกระจกสะท้อนทุกสิ่งเท่านั้น
แล้วกระจกมันไม่มีเอาอะไรเป็นของตัวเองด้วยนะครับ
มันแค่สะท้อนสิ่งต่างๆ เท่านั้น ไม่เคยมีอะไรติดในกระจกถาวรเลย
เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ
เวลาลงทุน ก็แยกอารมณ์ต่างๆ ให้ออกจากตัวของท่าน
มันไม่เคยเป้นของท่านหรอกครับ ท่านคิดไปเองทั้งนั้นครับ