Thai VI

ไม่พอแน่นอนครับ

เพราะต้องอยู่เป็นครอบครัว
คนจีนยังไงๆ ก็ต้องเลี้ยงทั้งครอบครัวลูกหลาน

ไหนจะเงินเฟ้ออีก ที่มีแนวโน้มจะรุนแรงมากโดยที่เราไม่รู้ตัว
ย้อนหลังกลับไป 5 ปี ผมไม่เคยคิดว่าจะซื้อกาแฟแก้วละ 100+ ได้เลย
แล้วคงไม่คิดว่ากาแฟสดแก้วละ 35 ถูก ปัจจุบันเป็นไง
ดูค่ารักษาพยาบาลที่เป็นโรงพยาบาลเอกชน ที่พุ่งจนน่ากลัว
ถ้ารอรักษาโดยโรงพยาบาลรัฐ ผ่าตัดบางครั้งต้องรอเป็นปี

ไหนจะผลตอบแทนที่อาจจะแกว่งอีก ถ้าเราหวังผลตอบแทนจากการลงทุน ในหุ้น หรือที่มึความเสี่ยง
ไม่ใช่ fix rate เหมือน bond หรือเงินฝากประจำ

อย่าลืมว่าตอนนั้นเราต้องใช้เงินตรงนี้ จริงๆ

เช่นปีที่แล้วถ้าเราหยุดลงทุน เท่ากับว่าหมดเลยเป็นต้น

ผมว่าถ้าอยู่กรุงเทพ ต้องมีอย่างน้อย 70000 สำหรับสองคน ด้วยมูลค่าของเงินปัจจุบัน

เพราะตอนนั้นเราคงอยากใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ไม่ใช่ต้องกังวลกับรายได้ที่อาจจะไม่พอ

เจอผู้ใหญ่เค้าบอกว่า ถ้าอายุ 60 แล้วมันล้มไม่ได้ ความเสี่ยงต้องน้อยมากๆ
แต่ปัจจับสำคัญผมว่านะ
ทำไงให้ได้มากกว่า  :D

[quote="sunrise"]ไม่พอแน่นอนครับ

เพราะต้องอยู่เป็นครอบครัว
คนจีนยังไงๆ ก็ต้องเลี้ยงทั้งครอบครัวลูกหลาน

ไหนจะเงินเฟ้ออีก ที่มีแนวโน้มจะรุนแรงมากโดยที่เราไม่รู้ตัว
ย้อนหลังกลับไป 5 ปี ผมไม่เคยคิดว่าจะซื้อกาแฟแก้วละ 100+ ได้เลย
แล้วคงไม่คิดว่ากาแฟสดแก้วละ 35 ถูก ปัจจุบันเป็นไง
ดูค่ารักษาพยาบาลที่เป็นโรงพยาบาลเอกชน ที่พุ่งจนน่ากลัว
ถ้ารอรักษาโดยโรงพยาบาลรัฐ ผ่าตัดบางครั้งต้องรอเป็นปี

ไหนจะผลตอบแทนที่อาจจะแกว่งอีก ถ้าเราหวังผลตอบแทนจากการลงทุน ในหุ้น หรือที่มึความเสี่ยง
ไม่ใช่ fix rate เหมือน bond หรือเงินฝากประจำ

อย่าลืมว่าตอนนั้นเราต้องใช้เงินตรงนี้ จริงๆ

เช่นปีที่แล้วถ้าเราหยุดลงทุน เท่ากับว่าหมดเลยเป็นต้น

ผมว่าถ้าอยู่กรุงเทพ ต้องมีอย่างน้อย 70000 สำหรับสองคน ด้วยมูลค่าของเงินปัจจุบัน

เพราะตอนนั้นเราคงอยากใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ไม่ใช่ต้องกังวลกับรายได้ที่อาจจะไม่พอ

เจอผู้ใหญ่เค้าบอกว่า ถ้าอายุ 60 แล้วมันล้มไม่ได้ ความเสี่ยงต้องน้อยมากๆ
แต่ปัจจับสำคัญผมว่านะ
ทำไงให้ได้มากกว่า

[quote="newbie_12"][quote="sunrise"]ไม่พอแน่นอนครับ

เพราะต้องอยู่เป็นครอบครัว
คนจีนยังไงๆ ก็ต้องเลี้ยงทั้งครอบครัวลูกหลาน

ไหนจะเงินเฟ้ออีก ที่มีแนวโน้มจะรุนแรงมากโดยที่เราไม่รู้ตัว
ย้อนหลังกลับไป 5 ปี ผมไม่เคยคิดว่าจะซื้อกาแฟแก้วละ 100+ ได้เลย
แล้วคงไม่คิดว่ากาแฟสดแก้วละ 35 ถูก ปัจจุบันเป็นไง
ดูค่ารักษาพยาบาลที่เป็นโรงพยาบาลเอกชน ที่พุ่งจนน่ากลัว
ถ้ารอรักษาโดยโรงพยาบาลรัฐ ผ่าตัดบางครั้งต้องรอเป็นปี

ไหนจะผลตอบแทนที่อาจจะแกว่งอีก ถ้าเราหวังผลตอบแทนจากการลงทุน ในหุ้น หรือที่มึความเสี่ยง
ไม่ใช่ fix rate เหมือน bond หรือเงินฝากประจำ

อย่าลืมว่าตอนนั้นเราต้องใช้เงินตรงนี้ จริงๆ

เช่นปีที่แล้วถ้าเราหยุดลงทุน เท่ากับว่าหมดเลยเป็นต้น

ผมว่าถ้าอยู่กรุงเทพ ต้องมีอย่างน้อย 70000 สำหรับสองคน ด้วยมูลค่าของเงินปัจจุบัน

เพราะตอนนั้นเราคงอยากใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ไม่ใช่ต้องกังวลกับรายได้ที่อาจจะไม่พอ

เจอผู้ใหญ่เค้าบอกว่า ถ้าอายุ 60 แล้วมันล้มไม่ได้ ความเสี่ยงต้องน้อยมากๆ
แต่ปัจจับสำคัญผมว่านะ
ทำไงให้ได้มากกว่า

9 ล้านบาท (เฉลี่ยเดือนละ 3 หมื่นบาท แบบไม่ต้องทำงาน)

ได้คุณภาพชีวิตแบบไหนครับ

ลองนึกดูก่อน เด๋วมาตอบจ้า  :8)

ผมยังห่างไกลจากคำว่าเกษียณตามเกณฑ์ที่ 60 ปี
(ถ้ายึดตามค่าใช้จ่ายของครอบครัวผมโดยปกติเป็นหลัก)
ผมคิดว่าไม่น่าจะพอนะคับ

ผมคิดว่าถ้าผมเกษียณ ผมจะต้องมีเงินเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่
น้องสาว สุดที่รักและลูก หรือพูดง่ายๆคือผมอยากเลี้ยงดูทั้งครอบครัว
ดังนั้นผมคิดว่าเดือนละ 30,000 บาท ไม่พอแน่นอนครับ

อย่างต่ำๆผมหวังไว้ว่าจะได้เดือนละ 300,000 บาท ( คนละ 6 หมื่น )
ขอคำนวณแบบง่ายๆนะคับ (บนสมมุติฐานที่ผลตอบแทนหักเงินเฟ้อแล้ว)
เดือนละ 3 แสน 1 ปี ก็ 3,600,000 บาท ถ้าผมได้ผลตอบแทนปีละ 10 %
ก็แสดงว่าผมต้องมีเงินต้น 36 ล้านเป็นอย่างน้อยจึงจะพอครับ
(เงิน 36 ล้านไม่นับรวม บ้าน รถยนตร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆนะคับ)

คิดดูแล้วไม่น้อยเลยคับ

ถ้าลองย้ายไปอาศัยอยู่ต่างจังหวัดที่ค่าครองชีพถูกกว่าในกรุงเทพ
ก็พอจะช่วยได้น่ะ  สิ่งแวดล้อมเป็นธรรมาชาติ อากาศดี รถไม่ติด
เงินเดือนเท่ากันแต่อยู่คนล่ะจังหวัดมีความแตกต่างกัน

เรื่องสุขภาพ เราสามารถย้ายความเสี่ยงด้วยการทำประกันชีวิตที่พ่วงประกันสุขภาพแบบดีๆ ไป จะตกปีล่ะ 4-5 หมื่นแต่คุ้มกว่าจะต้องเสียทีเป็นแสน แถมได้ลดหย่อนภาษีน่ะครับ

ส่วนเรื่องการศึกษาของบุตร ก็มีประกันในรูปแบบดูแลค่าเล่าเรียนของบุตรจนจบปริญญาตรีเลยครับ และสามารถลดหย่อนภาษีในกรณีบุตรยังไม่มีรายได้

ความจริงมันมีหลายวิธีที่ลดค่าใช้จ่ายให้พอเพียงกับรายได้