รบกวนคุณโยช่วยอธิบายแบบคร่าวๆให้ฟังหน่อยได้มั้ยครับ ว่าคำนวณยังไง (ผมงง เพราะ NAV ดูได้จากงบดุล แต่กำไรนี่ดูจากงบกำไรขาดทุน เลยไม่รู้ว่าจะจับมันมาเชื่อมกันยังไงนกน้อย เขียน:จากห้อง CPNRF ครับ
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 61
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 62
หลังๆมานี้ตารางที่ผมใช้จัด port ผมตัดคะแนนความมั่นใจออกไปแล้วครับ เพราะหลังจากลองใช้มาพักนึงแล้วรู้สึกว่ายังไงตัวเองก็มมี Bias อยู่ดี นอกจากนี้ตัวแปรที่ควรจะมีผลต่อการจัด port มันมีมากกว่าเพียงแค่ความมั่นใจและ Upside จะตีออกมาเป็นคะแนนทุกๆปัจจัยมันก็ดูจะลำบากเกินไปหน่อย เลยอาศัยใช้เพียงแต่ Upside มาจัดแทน แล้วก็อาศัยวิจารณญาณขณะนั้นกำหนดในใจไปเลยว่าจะถือกี่ % ของ portMcDull เขียน:ขอรบกวนถามอีกนิดนะครับ ถ้ามีหุ้นตัวนึงที่คุณ yoyo วิเคราะห์ข้อมูลจนครบทุกด้านเห็นทะลุปรุโปร่งแล้ว จากคะแนน 0-100 คุณ yoyo จะให้คะแนนความมั่นใจ"สูงที่สุด"ไม่เกินเท่าไหร่ครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับผม
ซึ่งวิจารณญาณนี้ผมรวมหลายปัจจัยเข้าไป เช่น
- ความมั่นใจในข้อมูล
- ความผันผวนของผลประกอบการ
- สภาพคล่องของหุ้น ถ้าสภาพคล่องน้อยๆ แล้วถือเยอะๆ เวลาจะขายเดี๋ยวจะซวยเอาได้
- โอกาสในการถือหุ้นระยะยาว เช่น ถ้าหุ้นตัวไหนปีนี้ดี ปีหน้าดี ยิ่งถือนานก็ยิ่งดี แบบนี้ผมกล้าที่จะถือเป็นสัดส่วนที่เยอะขึ้น หุ้นบางตัวอาจจะดีปีนี้ปีหน้า แต่ปีถัดไปเห็นไม่ชัด แบบนี้สัดส่วนก็อาจจะน้อยลงมาหน่อย
- โอกาสที่ตลาดจะปรับ p/e เพิ่มขึ้นจากที่ผมประเมินให้ เช่นหุ้นบางตัวมี p/e อยู่ต่ำเตี้ยมานาน เวลาประเมินผมก็ให้ p/e ที่ต่ำเตี้ยเป็นเป้าหมาย แต่ถ้ามีโอกาสหรือเหตุผลที่พอสมควรทำให้ผมเชื่อว่าบริษัทนั้นจะเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น ได้รับการยอมรับมากขึ้นจากนักลงทุนส่วนใหญ่ เช่นพวกกองทุนหรือต่างชาติ จากที่ไม่เคยสนใจ โอกาสที่ p/e จะปรับเพิ่มก็มี แบบนี้สัดส่วนที่ถือมันก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้เหมือนกัน
ฯลฯ
สรุปแล้วก็เลยใช้เพียง Upside กับวิจารณญาณล้วนๆครับ :lol:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- นกน้อย
- Verified User
- โพสต์: 576
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 63
รบกวนคุณโยช่วยอธิบายแบบคร่าวๆให้ฟังหน่อยได้มั้ยครับ ว่าคำนวณยังไง (ผมงง เพราะ NAV ดูได้จากงบดุล แต่กำไรนี่ดูจากงบกำไรขาดทุน เลยไม่รู้ว่าจะจับมันมาเชื่อมกันยังไงyoyo เขียน:
แสวงหาเสรีอิสระ
ก็ใช่จะมีใครไปหวงห้าม
แต่อย่าเพิ่งล้าละพยายาม
ก่อนจะข้ามสู่เสรีที่จินตนา
ก็ใช่จะมีใครไปหวงห้าม
แต่อย่าเพิ่งล้าละพยายาม
ก่อนจะข้ามสู่เสรีที่จินตนา
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 65
[quote="kun0621"]พี่yoyo คับ พี่ถือหุ้นเพียงไม่กี่ตัว ช่วงขาลงขอคำแนะนำการปรับพอร์ตด้วยคับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 69
พิมพ์ผิดจิงๆด้วย...
ที่ถูกต้อง
"เป็นขายตัวที่ลงน้อยๆมาซื้อตัวที่ลงเยอะๆ"
ขอบคุณครับที่ช่วยเตือน ผมมั่วๆผิดๆประจำ
ที่ถูกต้อง
"เป็นขายตัวที่ลงน้อยๆมาซื้อตัวที่ลงเยอะๆ"
ขอบคุณครับที่ช่วยเตือน ผมมั่วๆผิดๆประจำ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 71
ผม ไพศาล ครับ ออกตัวก่อนนะครับ เพิ่งเปิดพอร์ตมา 5 เดือน เริ่มต้นด้วยทุนอ้นน้อยนิดไม่กี่หมื่นบาท พยายามศึกษา และเรียนรู้ครับ จนเลือกหุ้นและลงทุน แล้วยังไงต่อครับ เราทิ้งไว้เฉย ๆ หรือครับ เมื่อเวลาผ่านไป หุ้นขึ้นก็ดีใจ หุ้นไม่ไปไหน ถ้าเรามั่นใจว่าเลือกมาดี ถือต่อ อดทนไว้ หุ้นตก... ทำไงดี คำถามที่ตามมา คือ เราจะปรับพอร์ตอย่างไรดี แว๊บแรก ... ที่ผมอ่านคำตอบที่พี่ yoyo ตอบ ผมคิดว่าพี่พิมพ์ไม่ผิดครับ สำหรับหุ้นที่พี่คัดสรรมาเป็นอย่างดีเพียงไม่กี่ตัว แนวที่ผมใช้ คือ หุ้นลง ผมจะขาย ... ขาย ลงมาเรื่อย ๆ ไปซื้อตัวที่ถูกกว่า --ได้หุ้นเพิ่ม +ส่วนต่าง ตัวที่ลงเมื่อไหร่ที่กลับใจขึ้นมาคืน ค่อยกลับมารับ หุ้นที่ขึ้นผมไม่ทำอะไร ปล่อยให้ขึนไปเรื่อย ๆ ผมรู้สึกว่าแนวทางนี้ได้ผลดี ...............พี่yoyo และพี่ท่านอื่น อย่าถือสาผมเลยนะครับ แต่มีปัญหา คือ ถ้าหุ้นไม่ลงจริง เราจะเสียหุ้นง่ายไป พี่ yoyo และพี่ท่านอื่น ๆ มีวิธีการปรับพอร์ตอย่างไร ทำไงเราจะไม่เสียหุ้นเร็วเกินไป เราดูได้อย่างไรว่าหุ้นจะลงจริง ๆ ดูกราฟ ข่าว วอลุ่ม อื่น ๆ ขอคำแนะนำด้วยครับ ..................ขอบคุณครับ /ไพศาล
- phoncu
- Verified User
- โพสต์: 338
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 72
ผมว่าเราต้องอย่าไปคิดว่าเราขาดทุนหรือกำไรน๊ะ ต้องพยายามวัด performance ของเรากับของตลาดจะดีกว่าAni เขียน:แบบนี้สรุป ขาลงยังไงก็ขาดทุนสิครับ
เช่น ตลาด -70% เรา -40% อย่างนี้ก็ถือว่าเรา performance ดีกว่าตลาด
หรือช่วงขาลง ตลาด + 50% เรา +70% ก็ยังถือว่าเราเก่งกว่าตลาด
แต่ bottom line ก็ต้องระลึกไว้ว่า "จงอย่าขาดทุน"
เหมือนที่ buffet บอกว่ามี กฎ 2 ข้อ
1. don't lose money
2. look back to rule no.1
-
- Verified User
- โพสต์: 476
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 73
ไม่ทราบว่าการประมาณกำไรของพี่ YoYo เพื่อหามูลค่าหุ้นจาก PE ที่เหมาะสมนั้น ใช้กำไรตัวไหนครับ (กำไรสุทธิ ,กำไรจากการดำเนินงาน ,กำไรขั้นต้น)
ในส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นกำไรจากการดำเนินงานรึเปล่าครับ :oops:
ในส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นกำไรจากการดำเนินงานรึเปล่าครับ :oops:
-
- Verified User
- โพสต์: 476
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 74
ผมได้ลองเข้าไปอ่าน การวัดมูลค่าหุ้นด้วย PE ใน Blog ของพี่โยอีกรอบ(จิงๆหลายรอบแล้ว อิอิ) ผมขอให้พี่โยช่วยชี้แนะการวัดมูลค่าของผมซักหน่อยครับ
ยกตัวอย่าง KH
กำไรสุทธิปี 51 = 604.96 ลบ.
คาดการณ์ กำไรปี 52 โต 20% = 725.95 ลบ.
กำไรต่อหุ้น = 725.95/950 = 0.764
ประเมินคุณภาพของหุ้น ให้ PEเหมาะสมที่ 12 เท่า
มูลค่าหุ้นที่เหมาะสม = 0.764 x 12 = 9.17 บาท/หุ้น
คำนวณแบบนี้ถูกรึเปล่าครับ ?
-----------------------------------------
แล้วผมต้องนำ %DV มาบวกเพิ่มรึเปล่าครับ เช่น..
ปี 51 ปันผล 4.55%
ดังนั้นมูลค่าหุ้นที่เหมาะสม = 9.17 + 4.55% =9.59 บาท/หุ้น
คำนวณแบบนี้ถูกรึเปล่าครับ ?
----------------------------------------
ผมไม่แน่ใจว่าถามถูก และคำนวณถูกหลักรึเปล่านะครับ รบกวนพี่โยชี้แนะด้วยครับ
[/img]
ยกตัวอย่าง KH
กำไรสุทธิปี 51 = 604.96 ลบ.
คาดการณ์ กำไรปี 52 โต 20% = 725.95 ลบ.
กำไรต่อหุ้น = 725.95/950 = 0.764
ประเมินคุณภาพของหุ้น ให้ PEเหมาะสมที่ 12 เท่า
มูลค่าหุ้นที่เหมาะสม = 0.764 x 12 = 9.17 บาท/หุ้น
คำนวณแบบนี้ถูกรึเปล่าครับ ?
-----------------------------------------
แล้วผมต้องนำ %DV มาบวกเพิ่มรึเปล่าครับ เช่น..
ปี 51 ปันผล 4.55%
ดังนั้นมูลค่าหุ้นที่เหมาะสม = 9.17 + 4.55% =9.59 บาท/หุ้น
คำนวณแบบนี้ถูกรึเปล่าครับ ?
----------------------------------------
ผมไม่แน่ใจว่าถามถูก และคำนวณถูกหลักรึเปล่านะครับ รบกวนพี่โยชี้แนะด้วยครับ
[/img]
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 75
ผมคิดว่าขาดทุนเพื่อรับ Capital gain ที่มากขึ้นหลายเท่าตัว เนื่องจากว่าถ้าหุ้นตัวนั้น ๆ ถ้าเราคิดอย่างรอบคอบแล้ว สิ่งที่นายตลาดกลัว เป็นการกลัวเกินเหตุ และทำให้เราใช้ประโยชน์จากนายตลาดได้อย่างเต็มที่ ครับ ...ไม่รู้ว่าถูกรึเปล่าพี่โย...Ani เขียน:แบบนี้สรุป ขาลงยังไงก็ขาดทุนสิครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 76
ถามว่าถูกรึเปล่า คงตอบไม่ได้นะครับ เพราะมันไม่มีถูกไม่มีผิดอยู่แล้ว..กำไรสุทธิปี 51 = 604.96 ลบ.
คาดการณ์ กำไรปี 52 โต 20% = 725.95 ลบ.
กำไรต่อหุ้น = 725.95/950 = 0.764
ประเมินคุณภาพของหุ้น ให้ PEเหมาะสมที่ 12 เท่า
มูลค่าหุ้นที่เหมาะสม = 0.764 x 12 = 9.17 บาท/หุ้น
คำนวณแบบนี้ถูกรึเปล่าครับ ?
-----------------------------------------
แล้วผมต้องนำ %DV มาบวกเพิ่มรึเปล่าครับ เช่น..
ปี 51 ปันผล 4.55%
ดังนั้นมูลค่าหุ้นที่เหมาะสม = 9.17 + 4.55% =9.59 บาท/หุ้น
คำนวณแบบนี้ถูกรึเปล่าครับ ?
เพียงแต่ผมก็คำนวณประมาณนี้แหละครับ หากำไร หา p/e ที่เหมาะสมแล้วก็คูณเอา
ปล. เรื่องปันผลจะรวมด้วยหรือไม่รวมผมก็ผลก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่ถ้าจะรวมจริงๆให้เอาปันผลที่คาดว่าจะรับในอนาคตมารวมดีกว่าใช้ปันผลย้อนหลังนะครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 77
ขาลงขาทุน.. ก็ถูกครับ ปีที่แล้วผมขาดทุนเละเลย :lol:o-bo-ja-ma เขียน: ผมคิดว่าขาดทุนเพื่อรับ Capital gain ที่มากขึ้นหลายเท่าตัว เนื่องจากว่าถ้าหุ้นตัวนั้น ๆ ถ้าเราคิดอย่างรอบคอบแล้ว สิ่งที่นายตลาดกลัว เป็นการกลัวเกินเหตุ และทำให้เราใช้ประโยชน์จากนายตลาดได้อย่างเต็มที่ ครับ ...ไม่รู้ว่าถูกรึเปล่าพี่โย...
แต่หนังมันยังไม่จบอย่างเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจครับ มันอาจจะมีหักมุมตอนท้ายแบบที่คุณ obojama บอกก็ได้
ปีที่แล้วหุ้นลงมาเยอะๆ ผมก็โดนไปไม่น้อย แต่ผมก็ปรับ port เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และหวัง Capital Gain ที่มาขึ้นในปีนี้ ผลลัพธ์เรียกว่าเกินคาดแบบถล่มทลายเหมือนกัน... ปีที่แล้วผมขาดทุนไปประมาณ 55% แพ้ตลาดที่ลบไปประมาณ 40กว่า% .. ปีนี้ยังไม่อยากเชื่อเลย ตลาดบวกมาประมาณ 66% ในขณะที่ port ผมบวกไป 300 กว่า% แล้ว แต่ก็ยังไม่อยากดีใจอยู่ดีแหละครับ หนังเรื่องการลงทุนมันต้องดูยาวๆ ผมว่าดูที่ผลตอบแทนทบต้นในระยะยาวน่าจะดีที่สุด ผลตอบแทนปี 2 ปีน่าจะยังวัดฝีมืออะไรกันไม่ได้
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 69
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 81
Mcs ไม่เคยขาดทุนเลยไม่หมือนบริษัทเหล็กอื่นๆเพราะเป็นงานฝีมือดังนั้นจึงไม่ใช่หุ้น SSI TSTH ใช่ไหม
2.สมมุติว่าปีหน้ามางานส่งมอบ 45000 ตัน คิด NPM 11% จะมีกำไรสุทธิเท่าไหร่เหรอครับ เนื่องจากผมไม่ทราบว่า 1 ตันเป็นรายได้เท่าไหร่
3.มีคนบอกว่าหุ้นตัวนี้เข้าตลาดเพราะทำให้ลูกค้าเชื่อถือไม่ทราบว่ามีความเห็นอย่างไรครับ
2.สมมุติว่าปีหน้ามางานส่งมอบ 45000 ตัน คิด NPM 11% จะมีกำไรสุทธิเท่าไหร่เหรอครับ เนื่องจากผมไม่ทราบว่า 1 ตันเป็นรายได้เท่าไหร่
3.มีคนบอกว่าหุ้นตัวนี้เข้าตลาดเพราะทำให้ลูกค้าเชื่อถือไม่ทราบว่ามีความเห็นอย่างไรครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 82
ตลาดมองถูกหรือไม่มีประสิทธิภาพนี่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ปกติแล้วตลาดจะมีประสิทธิภาพบ้างไม่มีประสิทธิภาพบ้างผสมกันไปkewin เขียน:คุณ yoyo คิดว่าทำไม mcs กำไรดีต่อเนื่องแต่ราคาไม่ค่อยขึ้นครับ
คิดว่าตลาดไม่มีประสิทธิภาพหรือตลาดมองถูกแล้วครับ
จริงๆ mcs นี่ผมว่าธุรกิจเค้าก็มั่นคงดีนะครับ แต่อาจจะด้วยขนาดที่เล็กไปหน่อย เลยไม่ค่อยมีพวกกองทุนมาสนใจ เหลือเล่นกันแต่รายย่อยซะส่วนใหญ่ ทำให้ Trade ไม่ได้แพงซะที ทั้งๆที่บริษัทก็จัดว่ามีคุณภาพพอสมควร
mcs นี่สำหรับผมถือว่าเด่นในเรื่องปันผล แต่อ่อนในเรื่อง Growth ที่มีน้อยไปหน่อย ถ้าใครพอใจกับปันผลระดับนี้ก็ไม่ต้องไปสนใจเรื่อง Cap gain เท่าไหร่
เรื่องส่งมอบ 45000 ตัน นั้นคิด NPM 11% ตรงๆคงไม่ได้หรอกครับ เพราะราคาขายมันก็คงผันผวนไปตามราคาเหล็ก ณ เวลาที่ทำสัญญา จริงๆย้อนหลังไปดูว่าในปีที่ผ่านๆมาส่งมอบประมาณกี่ตัน แล้วคิดออกมาเป็นกำไรต่อตันเลยอาจจะง่ายกว่า เพราะผมว่าตัวเลขกำไรต่อตันมันไม่น่าจะผันผวนมากนัก
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 1109
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 83
ถามพี่ YOYO ครับ พอดีผมซื้อ SVI กับ SMT ผมพึ่งจะเริ่มเล่น ผมกลัวคิดผิดครับ ผมได้ดูงบดุลกับกำไร ขาดทุน ก็ ok ดีครับ และมีเหตุผลที่ไม่ซื้อ delta กับ hana ดังนี้ และผมมีคำถามครับ
1. ในส่วน SVI(pe=4.8) มี PE กับ pbv ต่ำ กว่า delta (pe=9.6) ,hana (pe=9.8)
2. ส่วน ROE SIVก็มากกว่า delta ในปีล่าสุด แต่ เฉลี่ย แทบจะเท่ากัน(roe=17) แต่ SVI มีแนวโน้มพิ่มมากกว่า(roe svi เพิ่มจาก 16-->23 แต่ delta ลดจาก 20 ลงเป็น 16 ) แต่น้อยกว่า HANA (roe มากกว่า 24%) แต่ว่าอัตราการเติบโตของ DELTA เพิ่ม q0q 140 % ส่วน svi เพิม่แค่ 14%
3. เหตุผล ที่ผมไม่วื้อ hana กับ delta อีกหนึ่งเหตุผล มันเป็นบริษัทที่ ใหญ่แล้ว upside การโตน่าจะน้อยกว่า บริษัท เล็ก ผมคิดถูกรึป่าวครับผมเคยเห็น SVI เคยขึ้นไปถึง 2.8 แต่ตอนนี้แค่ 2.08 เอง
3. ส่วน CCET ผมตัด ไปเลยเพราะ D/E มากกว่า 2 ส่วน ส่วน SVI 0.19 เอง
4. ส่วน SMT ผมเห็นว่ามีประสบการมานาน และได้ลดภาษีเป็นบริษัทแรกจากการส่งเสริมของ boi ไม่จำกัดวงเงิน และเป็นลูกค่าบริษัทระดับโลกที่ผลิตของแบรนแนมเช่น แบลคเบอรี่เป็นต้น พROE เกือบ 20 แต่หนี้สูง 2.84 แต่ก็ลดลงมาเรื่อยๆ จาก 4 เท่ากว่า ซึ่งผมว่าน่าจะดีครับ แต่ PE 9.8 และดอกเยจ่ายค่อนข้างสูง 29% ของกำไรจากการดำเนินงาน ซึ่ง ปกติผมจะซื้อที่ดอกเบี้ยจ่ายตำน้อยกว่า 5 ด้วยซ้ำ
ไม่รู้ผมคิดจุดไหนผิดไหมครับ เพราะพอผมมาดู upside ที่โบรกให้มาน้อยกว่า DELTA HANA CCET ครับ
คาดการณ์ผลการดำเนินงาน 3Q52 ของกลุ่มชิ้นส่วนฯ
กำไรสุทธิ
(ล้านบาท) 3Q52F 2Q52 %qoq 3Q51 %yoy
CCET 6 95 4 60 51.1% 642 8.2%
DELTA 725 3 01 140.9% 883 -17.9%
HANA 6 56 5 04 30.0% 580 13.0%
KCE 79 5 1506.0% 10 661.9%
SPPT 4 3 1 9 127.0% 28 53.8%
SVI 158 1 39 14.1% 205 -22.7%
SMT 9 9 94 4.6% 62 58.5%
Recommendation BUY HOLD BUY BUY BUY HOLD BUY
Price (B) 19.00 2.80 4.14 3.64 17.60 2.12 6.30
Fair Value (B) 30.97 2.77 4.45 5.11 20.10 1.90 7.01
Upside 63.0% -1.2% 7.6% 40.3% 14.2% -10.3% 11.2%
# of shares (M) 825 250 500 3,919 1,247 1,461 368
Market cap 15,679 700 2,070 14,266 21,954 3,097 2,318
Net profit 2551 1,910 62 -399 2,128 2,898 647 201
2552F 1,887 77 49 2,148 2,377 425 302
2553F 2,465 102 216 2,478 2,465 483 389
EPS 2551 2.30 0.22 -0.86 0.52 2.32 0.43 0.73
2552F 2.27 0.24 0.11 0.53 1.91 0.28 0.82
2553F 2.97 0.32 0.47 0.61 1.98 0.32 1.06
EPS growth 2551 -18.3% -36.9% n.m. -29.5% -8.2% 69.5% 1.7%
2552F -1.2% 9.8% n.m. 1.0% -18.0% -33.7% 12.7%
2553F 30.6% 33.2% n.m. 15.3% 3.7% 13.6% 28.8%
BVS (B) 2551 14.93 2.10 5.00 3.79 13.51 2.05 3.78
2552F 15.66 2.05 5.14 4.13 14.31 2.27 4.76
2553F 17.44 2.27 5.64 4.60 15.43 2.53 5.55
DPS (B) 2551 0.69 0.09 0.00 0.20 1.10 0.13 0.00
2552F 1.19 0.10 0.00 0.16 0.86 0.09 0.41
2553F 1.55 0.13 0.07 0.18 0.89 0.10 0.63
PER (x) 2551 8.3 12.9 -4.8 7.0 7.6 5.0 8.7
2552F 8.4 11.7 39.4 6.9 9.2 7.5 7.7
2553F 6.4 8.8 8.8 6.0 8.9 6.6 6.0
PBV (x) 2551 1.3 1.3 0.8 1.0 1.3 1.0 1.7
2552F 1.2 1.4 0.8 0.9 1.2 0.9 1.3
2553F 1.1 1.2 0.7 0.8 1.1 0.8 1.1
Dividend yields 2551 3.6% 3.1% 0.0% 5.5% 6.3% 6.0% 0.0%
2552F 6.2% 3.4% 0.0% 4.3% 4.9% 4.0% 6.5%
2553F 8.2% 4.6% 1.7% 5.0% 5.1% 4.6% 10.1%
ROE 2551 14.8% 10.7% -15.2% 13.7% 22.1% 24.2% 24.4%
2552F 14.5% 12.2% n.m. 12.9% 12.6% 13.2% 19.5%
2553F 17.9% 14.8% n.m. 13.4% 12.9% 12.1% 20.5%
ROA 2551 12.8% 7.2% -4.0% 4.2% 16.7% 16.5% 6.2%
2552F 12.6% 8.4% n.m. 4.2% 8.5% 9.0% 6.6%
2553F 15.8% 10.6% n.m. 4.6% 8.7% 8.8% 9.3%
1. ในส่วน SVI(pe=4.8) มี PE กับ pbv ต่ำ กว่า delta (pe=9.6) ,hana (pe=9.8)
2. ส่วน ROE SIVก็มากกว่า delta ในปีล่าสุด แต่ เฉลี่ย แทบจะเท่ากัน(roe=17) แต่ SVI มีแนวโน้มพิ่มมากกว่า(roe svi เพิ่มจาก 16-->23 แต่ delta ลดจาก 20 ลงเป็น 16 ) แต่น้อยกว่า HANA (roe มากกว่า 24%) แต่ว่าอัตราการเติบโตของ DELTA เพิ่ม q0q 140 % ส่วน svi เพิม่แค่ 14%
3. เหตุผล ที่ผมไม่วื้อ hana กับ delta อีกหนึ่งเหตุผล มันเป็นบริษัทที่ ใหญ่แล้ว upside การโตน่าจะน้อยกว่า บริษัท เล็ก ผมคิดถูกรึป่าวครับผมเคยเห็น SVI เคยขึ้นไปถึง 2.8 แต่ตอนนี้แค่ 2.08 เอง
3. ส่วน CCET ผมตัด ไปเลยเพราะ D/E มากกว่า 2 ส่วน ส่วน SVI 0.19 เอง
4. ส่วน SMT ผมเห็นว่ามีประสบการมานาน และได้ลดภาษีเป็นบริษัทแรกจากการส่งเสริมของ boi ไม่จำกัดวงเงิน และเป็นลูกค่าบริษัทระดับโลกที่ผลิตของแบรนแนมเช่น แบลคเบอรี่เป็นต้น พROE เกือบ 20 แต่หนี้สูง 2.84 แต่ก็ลดลงมาเรื่อยๆ จาก 4 เท่ากว่า ซึ่งผมว่าน่าจะดีครับ แต่ PE 9.8 และดอกเยจ่ายค่อนข้างสูง 29% ของกำไรจากการดำเนินงาน ซึ่ง ปกติผมจะซื้อที่ดอกเบี้ยจ่ายตำน้อยกว่า 5 ด้วยซ้ำ
ไม่รู้ผมคิดจุดไหนผิดไหมครับ เพราะพอผมมาดู upside ที่โบรกให้มาน้อยกว่า DELTA HANA CCET ครับ
คาดการณ์ผลการดำเนินงาน 3Q52 ของกลุ่มชิ้นส่วนฯ
กำไรสุทธิ
(ล้านบาท) 3Q52F 2Q52 %qoq 3Q51 %yoy
CCET 6 95 4 60 51.1% 642 8.2%
DELTA 725 3 01 140.9% 883 -17.9%
HANA 6 56 5 04 30.0% 580 13.0%
KCE 79 5 1506.0% 10 661.9%
SPPT 4 3 1 9 127.0% 28 53.8%
SVI 158 1 39 14.1% 205 -22.7%
SMT 9 9 94 4.6% 62 58.5%
Recommendation BUY HOLD BUY BUY BUY HOLD BUY
Price (B) 19.00 2.80 4.14 3.64 17.60 2.12 6.30
Fair Value (B) 30.97 2.77 4.45 5.11 20.10 1.90 7.01
Upside 63.0% -1.2% 7.6% 40.3% 14.2% -10.3% 11.2%
# of shares (M) 825 250 500 3,919 1,247 1,461 368
Market cap 15,679 700 2,070 14,266 21,954 3,097 2,318
Net profit 2551 1,910 62 -399 2,128 2,898 647 201
2552F 1,887 77 49 2,148 2,377 425 302
2553F 2,465 102 216 2,478 2,465 483 389
EPS 2551 2.30 0.22 -0.86 0.52 2.32 0.43 0.73
2552F 2.27 0.24 0.11 0.53 1.91 0.28 0.82
2553F 2.97 0.32 0.47 0.61 1.98 0.32 1.06
EPS growth 2551 -18.3% -36.9% n.m. -29.5% -8.2% 69.5% 1.7%
2552F -1.2% 9.8% n.m. 1.0% -18.0% -33.7% 12.7%
2553F 30.6% 33.2% n.m. 15.3% 3.7% 13.6% 28.8%
BVS (B) 2551 14.93 2.10 5.00 3.79 13.51 2.05 3.78
2552F 15.66 2.05 5.14 4.13 14.31 2.27 4.76
2553F 17.44 2.27 5.64 4.60 15.43 2.53 5.55
DPS (B) 2551 0.69 0.09 0.00 0.20 1.10 0.13 0.00
2552F 1.19 0.10 0.00 0.16 0.86 0.09 0.41
2553F 1.55 0.13 0.07 0.18 0.89 0.10 0.63
PER (x) 2551 8.3 12.9 -4.8 7.0 7.6 5.0 8.7
2552F 8.4 11.7 39.4 6.9 9.2 7.5 7.7
2553F 6.4 8.8 8.8 6.0 8.9 6.6 6.0
PBV (x) 2551 1.3 1.3 0.8 1.0 1.3 1.0 1.7
2552F 1.2 1.4 0.8 0.9 1.2 0.9 1.3
2553F 1.1 1.2 0.7 0.8 1.1 0.8 1.1
Dividend yields 2551 3.6% 3.1% 0.0% 5.5% 6.3% 6.0% 0.0%
2552F 6.2% 3.4% 0.0% 4.3% 4.9% 4.0% 6.5%
2553F 8.2% 4.6% 1.7% 5.0% 5.1% 4.6% 10.1%
ROE 2551 14.8% 10.7% -15.2% 13.7% 22.1% 24.2% 24.4%
2552F 14.5% 12.2% n.m. 12.9% 12.6% 13.2% 19.5%
2553F 17.9% 14.8% n.m. 13.4% 12.9% 12.1% 20.5%
ROA 2551 12.8% 7.2% -4.0% 4.2% 16.7% 16.5% 6.2%
2552F 12.6% 8.4% n.m. 4.2% 8.5% 9.0% 6.6%
2553F 15.8% 10.6% n.m. 4.6% 8.7% 8.8% 9.3%
มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้น จะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล :Philip A. Fisher
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 84
[quote="yoyo ปีที่แล้วหุ้นลงมาเยอะๆ ผมก็โดนไปไม่น้อย แต่ผมก็ปรับ port เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และหวัง Capital Gain ที่มาขึ้นในปีนี้ ผลลัพธ์เรียกว่าเกินคาดแบบถล่มทลายเหมือนกัน... ปีที่แล้วผมขาดทุนไปประมาณ 55% แพ้ตลาดที่ลบไปประมาณ 40กว่า% .. ปีนี้ยังไม่อยากเชื่อเลย ตลาดบวกมาประมาณ 66% ในขณะที่ port ผมบวกไป 300 กว่า% แล้ว แต่ก็ยังไม่อยากดีใจอยู่ดีแหละครับ หนังเรื่องการลงทุนมันต้องดูยาวๆ ผมว่าดูที่ผลตอบแทนทบต้นในระยะยาวน่าจะดีที่สุด ผลตอบแทนปี 2 ปีน่าจะยังวัดฝีมืออะไรกันไม่ได้[/quote]
ยังไงเสือก็เป็นเสือนะโย. มองยังไงพี่ก็มองไม่เป็นแมวสักที ไม่ว่าจะเป็นปีที่ลบ55%หรือปีนี้ ไม่เหมือนพี่ๆมองยังไงพี่ก็ยังเป็นเต่าอยู่ เพราะปีนี้พี่ยังไม่ถึง100เลย 555 บางคนเรียกพี่ว่าหอยทากแล้ว
ยังไงเสือก็เป็นเสือนะโย. มองยังไงพี่ก็มองไม่เป็นแมวสักที ไม่ว่าจะเป็นปีที่ลบ55%หรือปีนี้ ไม่เหมือนพี่ๆมองยังไงพี่ก็ยังเป็นเต่าอยู่ เพราะปีนี้พี่ยังไม่ถึง100เลย 555 บางคนเรียกพี่ว่าหอยทากแล้ว
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 772
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 86
หวัดดีครับ คุณโย
อยากถามมุมมองของคุณโย ว่าปีหน้าถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัว อุตสาหกรรมไหนจะได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มส่งออกที่พึ่งตลาดอเมริกาเป็นหลัก หรือพัฒนาอสังหา ครับ
ขอบคุณครับ
อยากถามมุมมองของคุณโย ว่าปีหน้าถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัว อุตสาหกรรมไหนจะได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มส่งออกที่พึ่งตลาดอเมริกาเป็นหลัก หรือพัฒนาอสังหา ครับ
ขอบคุณครับ
ร็อคกี้ บัลโบว : ชีวิตไม่สำคัญว่าจะต่อยได้หนักแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าเรารับการโดนต่อยได้แค่ไหน (ชีวิตจุดสำคัญอยู่ที่การทนทุกข์ มากกว่าการประสบสุข)
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 87
ขอถามเกี่ยวกับ Portfolio Management ครับ
ปกติพี่ yoyo ใช้ระยะเวลาประมาณเท่าไหร่ถึงจะอัพเดต Portfolio ครับ ว่าตัวนี้ลงเท่านี้ upside เป็นเท่านี้แล้ว ควรจะปรับ Port ได้แล้ว
รายวัน หรือ รายสัปดาห์ หรือ รายเดือน ครับ
ปกติพี่ yoyo ใช้ระยะเวลาประมาณเท่าไหร่ถึงจะอัพเดต Portfolio ครับ ว่าตัวนี้ลงเท่านี้ upside เป็นเท่านี้แล้ว ควรจะปรับ Port ได้แล้ว
รายวัน หรือ รายสัปดาห์ หรือ รายเดือน ครับ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 1109
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 88
เวลาลงบางตัวมันลงเยอะ บางตัวมันลงน้อย เราก็คำนวณ upside ใหม่ซะแล้วก็ปรับสัดส่วนใหม่ให้มันเหมาะสม ซึ่งผลคร่าวๆมันก็จะเป็นขายตัวที่ลงเยอะมาซื้อตัวที่ลงน้อยๆ หรือบางทีอาจจะมีหุ้นน่าสนใจตัวอื่นโผล่เข้ามาในเรดาร์เราก็เพิ่มหุ้นใหม่เข้าไปในตาราง แล้วก็ปรับไปตาม upside เหมือนเดิมครับ
ไม่ใช่วะลงเยอะ upside จะยิ่งห่างมาก นั่นก็คือ ubside มากขึ้น เราควรซื้อเพิ่ม และขายตัวที่ยังลงน้อยกว่าไม่ใช่หรอครับ เช่น ถ้า ubside 10 บาท เราควรขายตัวที่ลงจาก 5-->3 แทนที่จะขายตัวที่ลงจาก 5-->1
ไม่ใช่วะลงเยอะ upside จะยิ่งห่างมาก นั่นก็คือ ubside มากขึ้น เราควรซื้อเพิ่ม และขายตัวที่ยังลงน้อยกว่าไม่ใช่หรอครับ เช่น ถ้า ubside 10 บาท เราควรขายตัวที่ลงจาก 5-->3 แทนที่จะขายตัวที่ลงจาก 5-->1
มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้น จะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล :Philip A. Fisher
-
- Verified User
- โพสต์: 1109
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 89
ถามพี่ yoyo ว่า หุ้น TRC PDI UEC TTA RCL PSL จัดเป็นหุ้น turn arround หรือหุ้นวัฏจักร 2 คำนี้ต่างกันยังไงครับ และถ้ายึดตามหลัก อาจารย์ ฟิชเซอร์ หุ้นวัฏจักร ควรจะซื้อช่วง PE สูง ๆ แต่ผมดูแต่ละตัว PE ก็ไม่สูงนะครับ แต่ปีหน้าหลายๆ ตัวจะกลับมาดีแล้ว เช่น TRC หรือว่าจะเป็นหุ้น trun arround แต่หลายคนก็บอกว่า TTA RCK PSL เป็นหุ้นวัฐจักร แต่ตอนนี้ PE ก็ต่ำ และดูท่า ค่าระวางเรื่อก็น่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว และกำลังจะกลับหัวขึ้น ตกลง PE ไม่สูงเสมอไป ช่วง ตกต่ำหรอครับ
มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้น จะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล :Philip A. Fisher
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 90
ตอบคุณ young_5432 เรื่องหุ้น elec นะครับ
จะให้ comment กลุ่มนี้นี่ยากเกินความสามารถผมจริงๆครับ เพราะเคยพยายามศึกษาหลายรอบแล้วก็ไม่เข้าใจธุรกิจมันได้ สรุปว่าตอบง่ายๆว่าขอข้ามครับ
เอาว่าขอ comment วิธีการวิเคราะห์แทนละกัน
1. ผมไม่ได้ใช้ p/bv ในการประเมินความถูกความแพงของหุ้นครับ ผมว่ามันมีจุดอ่อนอยู่พอสมควร เพราะอะไรครับ ลองมาดูกัน
- ผมชอบใช้ p/e กับ roe ในการประเมินราคาหุ้น
- แล้ว p/bv มันไม่ดียังไง ... ต้องมาดูที่ความสัมพันธ์ของอัตราส่วนทั้ง 3 ตัว ว่ามันเชื่อมโยงกันยังไง
roe = กำไร / ส่วนผู้ถือหุ้น = (กำไร/จำนวนหุ้น) / (ส่วนผู้ถือหุ้น/จำนวนหุ้น) = eps / bv
p/e * eps/bv = p/bv
p/e * roe = p/bv
- p/e น้อยๆก็คือถูก เพราะฉะนั้นเราชอบให้ p/e ต่ำๆ
- roe เยอะๆเค้าว่าดี เพราะเป็น ratio ที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการสร้างกำไรให้กับผู้ถือหุ้น
- p/bv เค้าบอกว่าน้อยๆดีเพราะ ถูกเมื่อเทียบกับ มูลค่าสินทรัพย์หลังคืนหนี้ให้หมด
p/e กับ p/bv นั้นอยู่คนละฝั่งของสมการ ยิ่งน้อยยิ่งดีทั้งคู่ เพราะฉะนั้น 2 ratio นี้ไม่มีปัญหาอะไร
แต่ roe กับ p/bv นี่สิ ถ้าเราอยากได้ roe สูง p/bv ก็ต้องสูงด้วย แต่ถ้าเราอยากซื้อหุ้นที่ p/bv ต่ำๆ เราก็จะได้ roe ต่ำๆมาด้วย จะเห็นว่า 2 ratio นี้มันขัดแย้งกันเสมอ เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกเพียง 1 ratio เท่านั้น คือ จะเอา roe สูงๆ หรือจะเอา p/bv ต่ำ จะเลือกให้ 2 ค่ามันดีทั้งคู่ไม่ได้ สุดท้ายผมเลือกเอา roe สูงไว้ก่อนครับ p/bv จะเป็นยังไงผมเฉยๆ
ตรงนี้ต้องท้าวความไปที่ท่านเทพทาง VI ก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ลุงบัฟเฟตของเรานี่เอง .. ในช่วงแรกๆของการลงทุน บัฟเฟตนั้น เป็นลูกศิษย์ที่ดีของ อ.เกรแฮมครับ คือ อ.สอนว่าให้เลือกหุ้นที่ราคาถูกเมื่อเทียบกับสินทรัพย์สุทธิของบริษัท ซึ่ง ratio ตัวหนึ่งที่ช่วยบอกได้คร่าวๆคือ p/bv
บัฟเฟตใช้แนวทางนี้อยู่พักนึงก็พอจะสามารถทำกำไรได้ แต่หลังจากเวลาผ่านไป บัฟเฟตก็เกิดการพัฒนาทางความคิด บวกกับการได้มาพบกับ คู่หู ชาลี มังเกอร์ ที่สอนให้ลุงบัฟรู้จักและเข้าใจการซื้อที่มองถึงคุณภาพของธุรกิจที่จะสามารถสร้างกระแสเงินสดในอนาคต มากกว่าการมองที่มูลค่าสินทรัพย์ที่เห็นในบัญชี ... ซึ่ง ratio ที่แสดงถึงคุณภาพของธุรกิจได้ดีก็คือ roe นั้นเอง... หลังจากนั้นมาแนวทางการซื้อหุ้น ซื้อธุรกิจของบัฟเฟตก็ค่อนๆเปลี่ยนไป see's candy เองก็เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการ Shift จาการใช้ p/bv มาเป็น roe ของบัฟเฟตได้ดีตัวหนึ่ง
2. roe ถ้าจะเอามาใช้ก็ต้องใช้ให้ถูกด้วยครับ อย่าดูเพิ่งแค่ค่า roe เพียงปี 2 ปี เราควรจะใช้ roe หลายๆปีมาประเมิน และให้ตัดปีที่ abnormal ออกด้วย ถ้าบริษัทมี roe สม่ำเสมออยู่ที่ค่าหนึ่งๆเป็นเวลานานๆ และณ ปัจจุบันบริษัทนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ เราก็พอจะประเมินได้ว่า roe เฉลี่ยของบริษัทนั้นๆอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ แต่ถ้าบริษัทนั้นมี roe ไม่สม่ำเสมอ การประเมินด้วย roe ก็อาจจะดูยากสักหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราตัดปีที่ abnormal ออกแล้ว แต่ roe ของบริษัทนั้นๆยังผันผวนอยู่มาก ผมว่าธุรกิจนั้นอาจจะยากเกินความสามารถที่เราจะคาดเดาอนาคตได้แล้วล่ะครับ
3. บริษัทใหญ่มีโอกาสโตน้อยกว่าบริษัทเล็ก... ก็ถูกส่วนหนึ่งครับ แต่หลายส่วนก็อาจจะไม่ใช่ เพราะฉะนั้นการตัดสินใจซื้อหุ้นโดยมองที่ขนาดนั้นผมว่าไม่ควรครับ และการที่ svi เคยขึ้นไปถึง 2.8 แล้วลงมา 2.08 ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทมี upside เยอะ การจะดู upside มันต้องดูที่ผลกำไรที่จะเกิดขึ้นเทียบกับราคาที่ซื้อวันนี้ ราคาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร
3. อันนี้ผมเห็นด้วยครับ p/e เป็นตัวบอกความถูกความแพง roe บอกประสิทธิภาพในการสร้างกำไร ส่วน d/e เป็นตัวบอกความเสี่ยงทางด้านการเงิน ที่ผมชอบดูตัวหนึ่ง แต่บางโอกาสผมก็ซื้อหุ้นที่ d/e สูงๆเหมือนกันคับ .. 3 เท่ายังซื้อเลย ถ้าผมเชื่ออย่างมั่นใจได้ว่าค่า d/e นั้นกำลังจะลดลงในอนาคตอันใกล้
4. ดูหนี้ก็เยอะจริงๆครับ ถ้าผลงานสะดุดเมื่อไหร่ ดอกเบี้ยกินจะกำไรหด หรืออาจจะถึงขาดทุนได้ง่ายๆเหมือนกัน ก็ดูเสี่ยงๆนิดหน่อย ผมดู p/e ก็ดูไม่ได้ถูก หนี้ก็เยอะ ทำไมถึงซื้อตัวนี้ละครับ
สุดท้าย comment เรื่องการอ่านบทวิเคราะห์...
เวลาใช้บทวิเคราะห์ให้ใช้ข้อมูลที่เป็น Fact เสมอครับ พวกราคาเป้าหมาย กับ upside นั้นเป็นข้อมูลเชิงความคิดเห็น ควรหลักเลี่ยงอย่างยิ่ง อย่าให้ร่ายเลยนะครับว่าทำไมถึงไม่ควรใช้ความคิดเห็นเรื่องราคาจากนักวิเคราะห์.. เดี๋ยวจะยาวเกินไป... สรุปสั้นๆว่าบทวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นนั้นประกอบไปด้วย Bias ค่อนข้างสูง มันจะผันผวนไปตามราคาตลาดของหุ้นนั้นๆ รวมถึงสภาวะของตลาดช่วงนั้นๆด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าคิดมาแล้วว่าดี ถึงดู upside จากบทวิเคราะห์จะไม่เยอะก็ไม่ควรไปสนใจครับ เชื่อตัวเองดีที่สุด
จะให้ comment กลุ่มนี้นี่ยากเกินความสามารถผมจริงๆครับ เพราะเคยพยายามศึกษาหลายรอบแล้วก็ไม่เข้าใจธุรกิจมันได้ สรุปว่าตอบง่ายๆว่าขอข้ามครับ
เอาว่าขอ comment วิธีการวิเคราะห์แทนละกัน
1. ผมไม่ได้ใช้ p/bv ในการประเมินความถูกความแพงของหุ้นครับ ผมว่ามันมีจุดอ่อนอยู่พอสมควร เพราะอะไรครับ ลองมาดูกัน
- ผมชอบใช้ p/e กับ roe ในการประเมินราคาหุ้น
- แล้ว p/bv มันไม่ดียังไง ... ต้องมาดูที่ความสัมพันธ์ของอัตราส่วนทั้ง 3 ตัว ว่ามันเชื่อมโยงกันยังไง
roe = กำไร / ส่วนผู้ถือหุ้น = (กำไร/จำนวนหุ้น) / (ส่วนผู้ถือหุ้น/จำนวนหุ้น) = eps / bv
p/e * eps/bv = p/bv
p/e * roe = p/bv
- p/e น้อยๆก็คือถูก เพราะฉะนั้นเราชอบให้ p/e ต่ำๆ
- roe เยอะๆเค้าว่าดี เพราะเป็น ratio ที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการสร้างกำไรให้กับผู้ถือหุ้น
- p/bv เค้าบอกว่าน้อยๆดีเพราะ ถูกเมื่อเทียบกับ มูลค่าสินทรัพย์หลังคืนหนี้ให้หมด
p/e กับ p/bv นั้นอยู่คนละฝั่งของสมการ ยิ่งน้อยยิ่งดีทั้งคู่ เพราะฉะนั้น 2 ratio นี้ไม่มีปัญหาอะไร
แต่ roe กับ p/bv นี่สิ ถ้าเราอยากได้ roe สูง p/bv ก็ต้องสูงด้วย แต่ถ้าเราอยากซื้อหุ้นที่ p/bv ต่ำๆ เราก็จะได้ roe ต่ำๆมาด้วย จะเห็นว่า 2 ratio นี้มันขัดแย้งกันเสมอ เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกเพียง 1 ratio เท่านั้น คือ จะเอา roe สูงๆ หรือจะเอา p/bv ต่ำ จะเลือกให้ 2 ค่ามันดีทั้งคู่ไม่ได้ สุดท้ายผมเลือกเอา roe สูงไว้ก่อนครับ p/bv จะเป็นยังไงผมเฉยๆ
ตรงนี้ต้องท้าวความไปที่ท่านเทพทาง VI ก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ลุงบัฟเฟตของเรานี่เอง .. ในช่วงแรกๆของการลงทุน บัฟเฟตนั้น เป็นลูกศิษย์ที่ดีของ อ.เกรแฮมครับ คือ อ.สอนว่าให้เลือกหุ้นที่ราคาถูกเมื่อเทียบกับสินทรัพย์สุทธิของบริษัท ซึ่ง ratio ตัวหนึ่งที่ช่วยบอกได้คร่าวๆคือ p/bv
บัฟเฟตใช้แนวทางนี้อยู่พักนึงก็พอจะสามารถทำกำไรได้ แต่หลังจากเวลาผ่านไป บัฟเฟตก็เกิดการพัฒนาทางความคิด บวกกับการได้มาพบกับ คู่หู ชาลี มังเกอร์ ที่สอนให้ลุงบัฟรู้จักและเข้าใจการซื้อที่มองถึงคุณภาพของธุรกิจที่จะสามารถสร้างกระแสเงินสดในอนาคต มากกว่าการมองที่มูลค่าสินทรัพย์ที่เห็นในบัญชี ... ซึ่ง ratio ที่แสดงถึงคุณภาพของธุรกิจได้ดีก็คือ roe นั้นเอง... หลังจากนั้นมาแนวทางการซื้อหุ้น ซื้อธุรกิจของบัฟเฟตก็ค่อนๆเปลี่ยนไป see's candy เองก็เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการ Shift จาการใช้ p/bv มาเป็น roe ของบัฟเฟตได้ดีตัวหนึ่ง
2. roe ถ้าจะเอามาใช้ก็ต้องใช้ให้ถูกด้วยครับ อย่าดูเพิ่งแค่ค่า roe เพียงปี 2 ปี เราควรจะใช้ roe หลายๆปีมาประเมิน และให้ตัดปีที่ abnormal ออกด้วย ถ้าบริษัทมี roe สม่ำเสมออยู่ที่ค่าหนึ่งๆเป็นเวลานานๆ และณ ปัจจุบันบริษัทนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ เราก็พอจะประเมินได้ว่า roe เฉลี่ยของบริษัทนั้นๆอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ แต่ถ้าบริษัทนั้นมี roe ไม่สม่ำเสมอ การประเมินด้วย roe ก็อาจจะดูยากสักหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราตัดปีที่ abnormal ออกแล้ว แต่ roe ของบริษัทนั้นๆยังผันผวนอยู่มาก ผมว่าธุรกิจนั้นอาจจะยากเกินความสามารถที่เราจะคาดเดาอนาคตได้แล้วล่ะครับ
3. บริษัทใหญ่มีโอกาสโตน้อยกว่าบริษัทเล็ก... ก็ถูกส่วนหนึ่งครับ แต่หลายส่วนก็อาจจะไม่ใช่ เพราะฉะนั้นการตัดสินใจซื้อหุ้นโดยมองที่ขนาดนั้นผมว่าไม่ควรครับ และการที่ svi เคยขึ้นไปถึง 2.8 แล้วลงมา 2.08 ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทมี upside เยอะ การจะดู upside มันต้องดูที่ผลกำไรที่จะเกิดขึ้นเทียบกับราคาที่ซื้อวันนี้ ราคาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร
3. อันนี้ผมเห็นด้วยครับ p/e เป็นตัวบอกความถูกความแพง roe บอกประสิทธิภาพในการสร้างกำไร ส่วน d/e เป็นตัวบอกความเสี่ยงทางด้านการเงิน ที่ผมชอบดูตัวหนึ่ง แต่บางโอกาสผมก็ซื้อหุ้นที่ d/e สูงๆเหมือนกันคับ .. 3 เท่ายังซื้อเลย ถ้าผมเชื่ออย่างมั่นใจได้ว่าค่า d/e นั้นกำลังจะลดลงในอนาคตอันใกล้
4. ดูหนี้ก็เยอะจริงๆครับ ถ้าผลงานสะดุดเมื่อไหร่ ดอกเบี้ยกินจะกำไรหด หรืออาจจะถึงขาดทุนได้ง่ายๆเหมือนกัน ก็ดูเสี่ยงๆนิดหน่อย ผมดู p/e ก็ดูไม่ได้ถูก หนี้ก็เยอะ ทำไมถึงซื้อตัวนี้ละครับ
สุดท้าย comment เรื่องการอ่านบทวิเคราะห์...
เวลาใช้บทวิเคราะห์ให้ใช้ข้อมูลที่เป็น Fact เสมอครับ พวกราคาเป้าหมาย กับ upside นั้นเป็นข้อมูลเชิงความคิดเห็น ควรหลักเลี่ยงอย่างยิ่ง อย่าให้ร่ายเลยนะครับว่าทำไมถึงไม่ควรใช้ความคิดเห็นเรื่องราคาจากนักวิเคราะห์.. เดี๋ยวจะยาวเกินไป... สรุปสั้นๆว่าบทวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นนั้นประกอบไปด้วย Bias ค่อนข้างสูง มันจะผันผวนไปตามราคาตลาดของหุ้นนั้นๆ รวมถึงสภาวะของตลาดช่วงนั้นๆด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าคิดมาแล้วว่าดี ถึงดู upside จากบทวิเคราะห์จะไม่เยอะก็ไม่ควรไปสนใจครับ เชื่อตัวเองดีที่สุด
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com