วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 61
[quote="naris"]
มาถึงปี 2551 ผมก็ขาดทุนมากและพบปัญหาสำคัญๆคือ
1. สภาพคล่อง สำคัญมากจริงๆ ผมจะเจ็บตัวน้อยกว่านี้อีกมากถ้าออกได้เมื่ออยากออก
พี่ว่าแก้ปัญหาได้โดยการกระจายความเสี่ยงหลายตัว และถือตัวที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องไม่น่าจะใช่ปัญหา เหมือนกับท่านปีเตอร์ ลินซ์ ได้กล่าวไว้ว่า "อย่าใช้เหตุผลในการแต่งงาน เพราะคิดว่าหย่าได้ง่าย แต่เรารู้นิสัยใจคอ คนที่เราจะแต่งงานดีพอแล้วหรือยัง"
2. มาร์จิ้น อันนี้ไม่ต้องพูดถึง เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันในทางลบอันนี้ทำให้เจ๊งได้จริงๆ
พี่ว่า มีไว้บ้าง แต่อย่าโลภเกินไป เพราะขาขึ้นจะมีโอกาสมากกว่าคนที่ไม่มี แต่ต้องเผื่อว่าถ้าเราหุ้นที่เราถือเราลงไปสักครึ่ง เราจะทำอย่างไร ทำให้การกระจายพอร์ต คือทางแก้ปัญหาอีกทางหนึ่ง
3. คุณภาพของบริษัทที่เลือก เมื่อก่อนผมลงทุนหุ้นเกรดประมาณ B-C โดยเน้นความคุ้มค่าด้านราคาเหนือคุณภาพ ทำให้เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายๆ บริษัทเกรดรองๆอาจจะต้านทานได้น้อย ไม่เหมือนบริษัทใหญ่ๆ
พี่ว่าถ้าเลือกหุ้น A ความคาดหวังนักลงทุนมีมากแล้ว มีโอกาสลงเป็นBหรือเสมอตัว เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้ผลตอบแทนสูงๆในระยะยาวพยายามหาหุ้น B C ที่จะกลายเป็นA จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่า แต่เรารู้จริงหรือยัง นี่คือปัญหา
4. การทุ่มซื้อตัวเดียว เมื่อรวมกับข้อ 1และ2 ด้วย หายนะที่ผมมองข้ามไปตลอด ด้วยคิดว่าตัวเองเก่งและควบคุมความเสี่ยงได้ก็บังเกิด
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
จากปัญหาในปีที่ผ่านมาทำให้ผมคิดว่าผมควรจะต้องปรับปรุงวิธีการบริหารความเสี่ยงของตัวเองอย่างเร่งด่วน เพื่อให้พอร์ตผมทนทานต่อเหตุการณ์พิเศษได้มากกว่านี้
แนวทางที่ผมอยากเดินไปต่อจากนี้ซึ่งคงจะเรียกว่าเป็นช่วงที่สามของชีวิตการลงทุนของผมคือ
1. เลือกหุ้นโดยเน้นคุณภาพมากกว่าการคาดการณ์กำไรแค่ช่วงสั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทนั้นจะอยู่ไปอีกนานที่สุดหรือแพ้เป็นบริษัทท้ายๆในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เห็นด้วยครับ
มาถึงปี 2551 ผมก็ขาดทุนมากและพบปัญหาสำคัญๆคือ
1. สภาพคล่อง สำคัญมากจริงๆ ผมจะเจ็บตัวน้อยกว่านี้อีกมากถ้าออกได้เมื่ออยากออก
พี่ว่าแก้ปัญหาได้โดยการกระจายความเสี่ยงหลายตัว และถือตัวที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องไม่น่าจะใช่ปัญหา เหมือนกับท่านปีเตอร์ ลินซ์ ได้กล่าวไว้ว่า "อย่าใช้เหตุผลในการแต่งงาน เพราะคิดว่าหย่าได้ง่าย แต่เรารู้นิสัยใจคอ คนที่เราจะแต่งงานดีพอแล้วหรือยัง"
2. มาร์จิ้น อันนี้ไม่ต้องพูดถึง เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันในทางลบอันนี้ทำให้เจ๊งได้จริงๆ
พี่ว่า มีไว้บ้าง แต่อย่าโลภเกินไป เพราะขาขึ้นจะมีโอกาสมากกว่าคนที่ไม่มี แต่ต้องเผื่อว่าถ้าเราหุ้นที่เราถือเราลงไปสักครึ่ง เราจะทำอย่างไร ทำให้การกระจายพอร์ต คือทางแก้ปัญหาอีกทางหนึ่ง
3. คุณภาพของบริษัทที่เลือก เมื่อก่อนผมลงทุนหุ้นเกรดประมาณ B-C โดยเน้นความคุ้มค่าด้านราคาเหนือคุณภาพ ทำให้เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายๆ บริษัทเกรดรองๆอาจจะต้านทานได้น้อย ไม่เหมือนบริษัทใหญ่ๆ
พี่ว่าถ้าเลือกหุ้น A ความคาดหวังนักลงทุนมีมากแล้ว มีโอกาสลงเป็นBหรือเสมอตัว เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้ผลตอบแทนสูงๆในระยะยาวพยายามหาหุ้น B C ที่จะกลายเป็นA จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่า แต่เรารู้จริงหรือยัง นี่คือปัญหา
4. การทุ่มซื้อตัวเดียว เมื่อรวมกับข้อ 1และ2 ด้วย หายนะที่ผมมองข้ามไปตลอด ด้วยคิดว่าตัวเองเก่งและควบคุมความเสี่ยงได้ก็บังเกิด
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
จากปัญหาในปีที่ผ่านมาทำให้ผมคิดว่าผมควรจะต้องปรับปรุงวิธีการบริหารความเสี่ยงของตัวเองอย่างเร่งด่วน เพื่อให้พอร์ตผมทนทานต่อเหตุการณ์พิเศษได้มากกว่านี้
แนวทางที่ผมอยากเดินไปต่อจากนี้ซึ่งคงจะเรียกว่าเป็นช่วงที่สามของชีวิตการลงทุนของผมคือ
1. เลือกหุ้นโดยเน้นคุณภาพมากกว่าการคาดการณ์กำไรแค่ช่วงสั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทนั้นจะอยู่ไปอีกนานที่สุดหรือแพ้เป็นบริษัทท้ายๆในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เห็นด้วยครับ
It's earnings that count
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 62
[quote="007-s"]เอามั่งแล้วกันค่ะ ถือเป็นการปรึกษาหารือจะดีกว่า ใช้ว่าคำแนะนำไม่น่าจะเหมาะสม
สำหรับพี่บลูแล้ว ในสายตาดิฉัน จัดให้อยู่ในกลุ่มหนูหนึ่งเลยล่ะ
การพลาดครั้งใหญ่ซักครั้งสองครั้ง ไม่ได้หมายถึงต้องถูกออกจากกลุ่มหนูหนึ่งที่ไหนกันเล่า....
1. เลือกหุ้นโดยเน้นคุณภาพมากกว่าการคาดการณ์กำไรแค่ช่วงสั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทนั้นจะอยู่ไปอีกนานที่สุดหรือแพ้เป็นบริษัทท้ายๆในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
....อันนี้ดิฉันก็ว่าน่าจะเป็นงั้นค่ะ
2. สภาพคล่องในการซื้อขายต้องมากพอให้เข้าออกได้อย่างรวดเร็ว
....คิดว่า อันนี้ก็คงต้องดูระยะด้วย บางช่วงเวลา หุ้นที่ดีในอนาคตบางตัว ตอนที่เริ่มซื้อ สภาพคล่องมันก็น้อยได้ พอตลาดกลับมาคึกคัก หรือหุ้นตัวเก่งกลับมาคืนฟอร์มแชมป์ สภาพคล่องก็กลับมาได้เช่นกัน(แน่นอน ในบางตัว มันก็ไม่คล่องอยู่อย่างนั้นล่ะ ไม่ว่าจะสภาพตลาดไหน ซึ่งเข้าใจว่าต้องพิจารณาจากประวัติความที่เคยเป็นแชมป์ หรือมีแววว่าจะได้เป็นถึงแชมป์ได้ในวันหน้า)
3. มีจุด cut loss ที่ชัดเจน ไม่ต้องกลัวเรื่องมูลค่า ถ้าลงจนเปลี่ยนเทรนก็ต้อง cut ไปก่อน แล้วถ้า cut แล้วผิดทางไม่ว่าโดนหลอกหรือตลาดเปลี่ยนค่อยซื้อคืนใหม่ โดยใช้ technical เข้าช่วย
....ถ้าจะให้ดี การพิจารณาผสมผสานข้อมูลเรื่องมูลค่าด้วย จะดียิ่งขึ้นมั้งคะ แต่ทั้งนี้ การหลุดเทรนด์สำคัญ มักจะมาจากเหตุอันคาดได้ในอนาคตมาเกี่ยวข้อง เทคนิคมักจะไม่มีเหตุผลกำกับแปะบอกไว้ว่าทำไมจึงหลุดเทรนด์สำคัญได้ แต่แทบทุกครั้ง มันมีความคิดของผู้คนแฝงฝังอยู่ในจุดหักเหนั้นเสมอ โดยเฉพาะเมื่อมันหลุดเทรนด์ใหญ่สุดลงมาได้ ต้องมีอะไรแฝงอยู่แน่นอน คนที่ติดอยู่ด้านบน มักเป้นคนที่มาพบทีหลังว่าคาดได้ช้ากว่าคนที่หนีออกไปแล้ว
เด็กเทคนิครู้ตัวดีว่า ไม่เก่งเรื่องมูลค่า ไม่แน่ใจเรื่องข้อมูลอนาคตอันสำคัญจะมีผลกระทบต่อมูลค่าในอนาคต เขาจะคิดเสมอว่า การหลุดเทรนด์ใหญ่สุดลงมาได้ ต้องมีคนที่รู้อนาคตมากกว่า และอีกพวกคือฟลุ๊คหนีทันพอดี
ดังนั้นจึงมีคำกล่าวว่าไว้ว่า "ยิงก่อน ถามทีหลัง" ไฟไหม้ ต้องหาทางหนีก่อน เห็นชัดๆว่าไฟไหม้ อย่ามัวถามว่าทำไมจึงไหม้ ค่อยออกมาถามกันด้านนอกตัวอาคาร แล้วค่อยว่ากันอีกที
คำว่าไฟไหม้ คือมันหลุดเทรนด์ใหญ่ เทรนด์สำคัญ โดยเฉพาะจุดที่ถ้าหลุดแล้วมันคว่ำแน่ๆ อันนี้เห็นเลยว่าไฟแน่ๆ ไม่ใช่แค่แสงแว๊บๆ ต้องหนีทันที
แต่ถ้ามันยังไม่ใช่จุดสำคัญ จะรอก่อนก็ได้ ค่อยๆคิดหาเหตุผลก็ได้แล้วแต่ถนัด
4. ปัจจัยเรื่องการกระจายความเสี่ยงจำนวนหุ้นไม่สำคัญเท่าไหร่ ถ้าผมมีข้อ 2-3 แล้วผมจึงคิดว่าการกระจายตัวหุ้นยังไม่สำคัญมากสำหรับผมจึงยังคงลงทุนแบบ 1-2 ตัวไปก่อน ถ้าพอร์ตใหญ่กว่านี้ค่อยว่ากัน
สำหรับพี่บลูแล้ว ในสายตาดิฉัน จัดให้อยู่ในกลุ่มหนูหนึ่งเลยล่ะ
การพลาดครั้งใหญ่ซักครั้งสองครั้ง ไม่ได้หมายถึงต้องถูกออกจากกลุ่มหนูหนึ่งที่ไหนกันเล่า....
1. เลือกหุ้นโดยเน้นคุณภาพมากกว่าการคาดการณ์กำไรแค่ช่วงสั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทนั้นจะอยู่ไปอีกนานที่สุดหรือแพ้เป็นบริษัทท้ายๆในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
....อันนี้ดิฉันก็ว่าน่าจะเป็นงั้นค่ะ
2. สภาพคล่องในการซื้อขายต้องมากพอให้เข้าออกได้อย่างรวดเร็ว
....คิดว่า อันนี้ก็คงต้องดูระยะด้วย บางช่วงเวลา หุ้นที่ดีในอนาคตบางตัว ตอนที่เริ่มซื้อ สภาพคล่องมันก็น้อยได้ พอตลาดกลับมาคึกคัก หรือหุ้นตัวเก่งกลับมาคืนฟอร์มแชมป์ สภาพคล่องก็กลับมาได้เช่นกัน(แน่นอน ในบางตัว มันก็ไม่คล่องอยู่อย่างนั้นล่ะ ไม่ว่าจะสภาพตลาดไหน ซึ่งเข้าใจว่าต้องพิจารณาจากประวัติความที่เคยเป็นแชมป์ หรือมีแววว่าจะได้เป็นถึงแชมป์ได้ในวันหน้า)
3. มีจุด cut loss ที่ชัดเจน ไม่ต้องกลัวเรื่องมูลค่า ถ้าลงจนเปลี่ยนเทรนก็ต้อง cut ไปก่อน แล้วถ้า cut แล้วผิดทางไม่ว่าโดนหลอกหรือตลาดเปลี่ยนค่อยซื้อคืนใหม่ โดยใช้ technical เข้าช่วย
....ถ้าจะให้ดี การพิจารณาผสมผสานข้อมูลเรื่องมูลค่าด้วย จะดียิ่งขึ้นมั้งคะ แต่ทั้งนี้ การหลุดเทรนด์สำคัญ มักจะมาจากเหตุอันคาดได้ในอนาคตมาเกี่ยวข้อง เทคนิคมักจะไม่มีเหตุผลกำกับแปะบอกไว้ว่าทำไมจึงหลุดเทรนด์สำคัญได้ แต่แทบทุกครั้ง มันมีความคิดของผู้คนแฝงฝังอยู่ในจุดหักเหนั้นเสมอ โดยเฉพาะเมื่อมันหลุดเทรนด์ใหญ่สุดลงมาได้ ต้องมีอะไรแฝงอยู่แน่นอน คนที่ติดอยู่ด้านบน มักเป้นคนที่มาพบทีหลังว่าคาดได้ช้ากว่าคนที่หนีออกไปแล้ว
เด็กเทคนิครู้ตัวดีว่า ไม่เก่งเรื่องมูลค่า ไม่แน่ใจเรื่องข้อมูลอนาคตอันสำคัญจะมีผลกระทบต่อมูลค่าในอนาคต เขาจะคิดเสมอว่า การหลุดเทรนด์ใหญ่สุดลงมาได้ ต้องมีคนที่รู้อนาคตมากกว่า และอีกพวกคือฟลุ๊คหนีทันพอดี
ดังนั้นจึงมีคำกล่าวว่าไว้ว่า "ยิงก่อน ถามทีหลัง" ไฟไหม้ ต้องหาทางหนีก่อน เห็นชัดๆว่าไฟไหม้ อย่ามัวถามว่าทำไมจึงไหม้ ค่อยออกมาถามกันด้านนอกตัวอาคาร แล้วค่อยว่ากันอีกที
คำว่าไฟไหม้ คือมันหลุดเทรนด์ใหญ่ เทรนด์สำคัญ โดยเฉพาะจุดที่ถ้าหลุดแล้วมันคว่ำแน่ๆ อันนี้เห็นเลยว่าไฟแน่ๆ ไม่ใช่แค่แสงแว๊บๆ ต้องหนีทันที
แต่ถ้ามันยังไม่ใช่จุดสำคัญ จะรอก่อนก็ได้ ค่อยๆคิดหาเหตุผลก็ได้แล้วแต่ถนัด
4. ปัจจัยเรื่องการกระจายความเสี่ยงจำนวนหุ้นไม่สำคัญเท่าไหร่ ถ้าผมมีข้อ 2-3 แล้วผมจึงคิดว่าการกระจายตัวหุ้นยังไม่สำคัญมากสำหรับผมจึงยังคงลงทุนแบบ 1-2 ตัวไปก่อน ถ้าพอร์ตใหญ่กว่านี้ค่อยว่ากัน
It's earnings that count
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 63
น่าจะมี Forum 'Diary VI' นะครับ
ไว้ติดตามผลการลงทุนของตัวเอง แบบกระทู้นี้
ผมเห็นเวบที่มีก็เช่น
http://www.thaimuscle.net
จะมี หลักการ วิธีการ ผลตอบแทน กิจกรรม ของแต่ละคน เวลาคนที่มาอ่านเค้าจะได้เห็นตัวอย่างว่า เออ คนนี้เริ่มต้น เหมือนเรา แล้วทำไมเค้าประสบความสำเร็จ อะไรแบบนี้น่ะครับ
ไว้ติดตามผลการลงทุนของตัวเอง แบบกระทู้นี้
ผมเห็นเวบที่มีก็เช่น
http://www.thaimuscle.net
จะมี หลักการ วิธีการ ผลตอบแทน กิจกรรม ของแต่ละคน เวลาคนที่มาอ่านเค้าจะได้เห็นตัวอย่างว่า เออ คนนี้เริ่มต้น เหมือนเรา แล้วทำไมเค้าประสบความสำเร็จ อะไรแบบนี้น่ะครับ
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 64
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นจะต้องสร้างกำไรได้มหาศาลทุกปีๆ ความสำเร็จในการลงทุนสำหรับผมแล้วคือการได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ได้รับ ความเสี่ยงมันมีหลายแบบนะครับ ทั้งความเสี่ยงที่นักลงทุนคุมไม่ได้เช่น ความเสี่ยงด้านธุรกิจของบริษัท อุตสาหกรรม เศรษฐกิจมหภาค หรือความเสี่ยงที่คุมได้เช่น สภาพคล่องทางการเงินของนักลงทุน โอกาสผิดพลาดในการวิเคราะห์ ซึ่งเวลาจะลงทุนก็ต้องคิดเรื่องพวกนี้ให้ดีก่อนด้วย
ดังนั้นการลงทุนที่ดีจึงไม่ใช่แค่การเลือกหุ้นถูกตัวเข้าถูกเวลาและซื้อได้สัดส่วนที่มากพอเท่านั้น แต่หมายถึงการจัดสรรเงินลงทุนให้พอดีกับรายรับและรายจ่าย เลือกลงทุนในธุรกิจที่เรา"เข้าใจ"ได้ และมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีพอ
หลายๆคนรวมถึงผมด้วยอาจจะเคยได้กำไรมากๆจากหุ้นตัวเดียวใน port ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ผมคิดว่าที่ผมรอดมาได้นั้นโชคดีมากๆ เพราะจริงๆแล้วความเสี่ยงที่จะหมดตัวมีมากจริงๆ แค่เราไม่ได้สัมผัสความเจ็บปวดไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่ ดังนั้นต่อให้เราคิดว่าตัวเอง"เข้าใจ" หุ้นตัวนึงมากแค่ไหน เราก็ต้องกระจายความเสี่ยง ใครถือหุ้น 1 ตัวแล้วเจอเหตุร้ายแบบ Black Swan เข้าไป คงไม่เหลือ port ให้กลับมาลงทุนได้อีกอ่ะครับ
ผมคิดว่าการลงทุนโดยตั้งเป้าให้ได้กำไรสูงสุดโดยละเลยความเสี่ยงและวิธีการที่ใช้ มีโอกาสทำให้นักลงทุนต้องออกจากเกมก่อนวัยอันควร
เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาสอนผมว่า กลยุทธ์แบบไหนก็ไร้ค่าถ้าไม่สามารถควบคุมความโลภในจิตใจได้
ขอให้ประสบความสำเร็จครับ
ดังนั้นการลงทุนที่ดีจึงไม่ใช่แค่การเลือกหุ้นถูกตัวเข้าถูกเวลาและซื้อได้สัดส่วนที่มากพอเท่านั้น แต่หมายถึงการจัดสรรเงินลงทุนให้พอดีกับรายรับและรายจ่าย เลือกลงทุนในธุรกิจที่เรา"เข้าใจ"ได้ และมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีพอ
หลายๆคนรวมถึงผมด้วยอาจจะเคยได้กำไรมากๆจากหุ้นตัวเดียวใน port ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ผมคิดว่าที่ผมรอดมาได้นั้นโชคดีมากๆ เพราะจริงๆแล้วความเสี่ยงที่จะหมดตัวมีมากจริงๆ แค่เราไม่ได้สัมผัสความเจ็บปวดไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่ ดังนั้นต่อให้เราคิดว่าตัวเอง"เข้าใจ" หุ้นตัวนึงมากแค่ไหน เราก็ต้องกระจายความเสี่ยง ใครถือหุ้น 1 ตัวแล้วเจอเหตุร้ายแบบ Black Swan เข้าไป คงไม่เหลือ port ให้กลับมาลงทุนได้อีกอ่ะครับ
ผมคิดว่าการลงทุนโดยตั้งเป้าให้ได้กำไรสูงสุดโดยละเลยความเสี่ยงและวิธีการที่ใช้ มีโอกาสทำให้นักลงทุนต้องออกจากเกมก่อนวัยอันควร
เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาสอนผมว่า กลยุทธ์แบบไหนก็ไร้ค่าถ้าไม่สามารถควบคุมความโลภในจิตใจได้
ขอให้ประสบความสำเร็จครับ
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- saleman
- Verified User
- โพสต์: 164
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 65
Alastor เขียน:นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นจะต้องสร้างกำไรได้มหาศาลทุกปีๆ ความสำเร็จในการลงทุนสำหรับผมแล้วคือการได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ได้รับ ความเสี่ยงมันมีหลายแบบนะครับ ทั้งความเสี่ยงที่นักลงทุนคุมไม่ได้เช่น ความเสี่ยงด้านธุรกิจของบริษัท อุตสาหกรรม เศรษฐกิจมหภาค หรือความเสี่ยงที่คุมได้เช่น สภาพคล่องทางการเงินของนักลงทุน โอกาสผิดพลาดในการวิเคราะห์ ซึ่งเวลาจะลงทุนก็ต้องคิดเรื่องพวกนี้ให้ดีก่อนด้วย
ดังนั้นการลงทุนที่ดีจึงไม่ใช่แค่การเลือกหุ้นถูกตัวเข้าถูกเวลาและซื้อได้สัดส่วนที่มากพอเท่านั้น แต่หมายถึงการจัดสรรเงินลงทุนให้พอดีกับรายรับและรายจ่าย เลือกลงทุนในธุรกิจที่เรา"เข้าใจ"ได้ และมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีพอ
หลายๆคนรวมถึงผมด้วยอาจจะเคยได้กำไรมากๆจากหุ้นตัวเดียวใน port ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ผมคิดว่าที่ผมรอดมาได้นั้นโชคดีมากๆ เพราะจริงๆแล้วความเสี่ยงที่จะหมดตัวมีมากจริงๆ แค่เราไม่ได้สัมผัสความเจ็บปวดไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่ ดังนั้นต่อให้เราคิดว่าตัวเอง"เข้าใจ" หุ้นตัวนึงมากแค่ไหน เราก็ต้องกระจายความเสี่ยง ใครถือหุ้น 1 ตัวแล้วเจอเหตุร้ายแบบ Black Swan เข้าไป คงไม่เหลือ port ให้กลับมาลงทุนได้อีกอ่ะครับ
ผมคิดว่าการลงทุนโดยตั้งเป้าให้ได้กำไรสูงสุดโดยละเลยความเสี่ยงและวิธีการที่ใช้ มีโอกาสทำให้นักลงทุนต้องออกจากเกมก่อนวัยอันควร
เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาสอนผมว่า กลยุทธ์แบบไหนก็ไร้ค่าถ้าไม่สามารถควบคุมความโลภในจิตใจได้
ขอให้ประสบความสำเร็จครับ
อ่านแล้ว บาดตาเลยครับ (เขียนได้คมมาก ๆ )
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
L O N G
L O N G
-
- Verified User
- โพสต์: 242
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 66
รบกวน ถามพี่ 007 หน่อยครับ
คำว่า หลุด trend ใหญ่ ในทางเทคนิคดูยังไงหรอครับ
เพราะผมก็เคยสังเกตุเหมือน กันว่า ถ้าหุ้นมันลงแรงๆจริง
ส่วนมากมันมีเหตุ
ตลาดไม่ได้ไร้เหตุผลเสมอไป
แต่บางครั้งเป็นเพราะเรา (นั่นแหละ) ที่ไม่รู้เหตุผลเอง
ถ้าเรามีข้อมูลทางเทคนิค trend ใหญ่ ไว้ดูบ้าง เพื่อช่วยประกอบ
ก็น่าจะช่วยลดความเสี่ยงน่ะครับ
ไม่งั้นชนะ ศึกย่อย แต่แพ้สงครามตลอด
ขอบคุณครับ
คำว่า หลุด trend ใหญ่ ในทางเทคนิคดูยังไงหรอครับ
เพราะผมก็เคยสังเกตุเหมือน กันว่า ถ้าหุ้นมันลงแรงๆจริง
ส่วนมากมันมีเหตุ
ตลาดไม่ได้ไร้เหตุผลเสมอไป
แต่บางครั้งเป็นเพราะเรา (นั่นแหละ) ที่ไม่รู้เหตุผลเอง
ถ้าเรามีข้อมูลทางเทคนิค trend ใหญ่ ไว้ดูบ้าง เพื่อช่วยประกอบ
ก็น่าจะช่วยลดความเสี่ยงน่ะครับ
ไม่งั้นชนะ ศึกย่อย แต่แพ้สงครามตลอด
ขอบคุณครับ
เป็น VI มันไม่ง่าย
VI ถือยาว ก็ลงได้
VI ขาดทุนได้
และจะเป็น VI ที่ดี ต้อง "รอ" ให้เป็น
VI ถือยาว ก็ลงได้
VI ขาดทุนได้
และจะเป็น VI ที่ดี ต้อง "รอ" ให้เป็น
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 67
โอ๊ย... โดนครับพี่ อ่านแล้วสะอึกเลยAlastor เขียน:นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นจะต้องสร้างกำไรได้มหาศาลทุกปีๆ ความสำเร็จในการลงทุนสำหรับผมแล้วคือการได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ได้รับ ความเสี่ยงมันมีหลายแบบนะครับ ทั้งความเสี่ยงที่นักลงทุนคุมไม่ได้เช่น ความเสี่ยงด้านธุรกิจของบริษัท อุตสาหกรรม เศรษฐกิจมหภาค หรือความเสี่ยงที่คุมได้เช่น สภาพคล่องทางการเงินของนักลงทุน โอกาสผิดพลาดในการวิเคราะห์ ซึ่งเวลาจะลงทุนก็ต้องคิดเรื่องพวกนี้ให้ดีก่อนด้วย
ดังนั้นการลงทุนที่ดีจึงไม่ใช่แค่การเลือกหุ้นถูกตัวเข้าถูกเวลาและซื้อได้สัดส่วนที่มากพอเท่านั้น แต่หมายถึงการจัดสรรเงินลงทุนให้พอดีกับรายรับและรายจ่าย เลือกลงทุนในธุรกิจที่เรา"เข้าใจ"ได้ และมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีพอ
หลายๆคนรวมถึงผมด้วยอาจจะเคยได้กำไรมากๆจากหุ้นตัวเดียวใน port ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ผมคิดว่าที่ผมรอดมาได้นั้นโชคดีมากๆ เพราะจริงๆแล้วความเสี่ยงที่จะหมดตัวมีมากจริงๆ แค่เราไม่ได้สัมผัสความเจ็บปวดไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่ ดังนั้นต่อให้เราคิดว่าตัวเอง"เข้าใจ" หุ้นตัวนึงมากแค่ไหน เราก็ต้องกระจายความเสี่ยง ใครถือหุ้น 1 ตัวแล้วเจอเหตุร้ายแบบ Black Swan เข้าไป คงไม่เหลือ port ให้กลับมาลงทุนได้อีกอ่ะครับ
ผมคิดว่าการลงทุนโดยตั้งเป้าให้ได้กำไรสูงสุดโดยละเลยความเสี่ยงและวิธีการที่ใช้ มีโอกาสทำให้นักลงทุนต้องออกจากเกมก่อนวัยอันควร
เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาสอนผมว่า กลยุทธ์แบบไหนก็ไร้ค่าถ้าไม่สามารถควบคุมความโลภในจิตใจได้
ขอให้ประสบความสำเร็จครับ
ยังไงก็เผลอโลภไปแล้ว ขอดูไพ่ฝั่งตรงข้ามอีกสักแป๊บละกัน :oops:
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 68
ข้อ1และข้อ2ในช่วงที่3การลงทุนของคุณบลูบลัดดูเหมือนว่าจะขัดกันไหมครับเนี่ย เท่าที่ผมจับใจความได้คือ
ข้อ1 เป็นแนวvi
ข้อ2 น่าจะเป็นแนวvs
ข้อ3 แนวvsชัวร์เลยครับ
สรุปว่าคุณบลูบลัดกำลังจะกลายเป็นนักลงทุนแนวVSผู้ชาญฉลาดในไม่ช้าครับ(สรุปถูกไหมครับเนี่ย :lol: )
ล้อเล่นครับเท่าที่คุณบลูให้ข้อมูลมาผมคืดว่าคุณบลูน่าจะพัฒนาการบริหารพอร์ตฟอริโอ้หน่อยเดี๋ยวก็จะดีขึ้นนะครับคุณพี่narisให้คำแนะนำได้ดีมากเลยครับ
ข้อ1 เป็นแนวvi
ข้อ2 น่าจะเป็นแนวvs
ข้อ3 แนวvsชัวร์เลยครับ
สรุปว่าคุณบลูบลัดกำลังจะกลายเป็นนักลงทุนแนวVSผู้ชาญฉลาดในไม่ช้าครับ(สรุปถูกไหมครับเนี่ย :lol: )
ล้อเล่นครับเท่าที่คุณบลูให้ข้อมูลมาผมคืดว่าคุณบลูน่าจะพัฒนาการบริหารพอร์ตฟอริโอ้หน่อยเดี๋ยวก็จะดีขึ้นนะครับคุณพี่narisให้คำแนะนำได้ดีมากเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 70
อ่า พี่ wara
เอาไงดี ดิฉันโพสรูปไม่เป็น ทำตีเส้นให้ดูก็ไม่เป็นด้วยดิ่ โฟโต้ช็อปทำไงไม่เคยเล่นเลย :lol: โลเทคสุดขั้วสุดติ่งค่ะ
เอาเป็นคร่าวๆ พี่ลองเปิดก๊าฟดูค่ะ
แล้วพี่ลองลากเส้นจากจุดโลของซักปลายปี 44 มาชนผ่านโลปลายปี 45 แล้วลากตรงมาเรื่อย จะได้เส้นๆนึงขึ้นมา
เราจะพบว่าเส้นนี้เคยถูกทดสอบมาแล้ว มันเด้งกลับ ถ้าจำไม่ผิด วันหม่อมอุ๋ยร้อยจุด วันนั้นเอาอยู่แล้วตีกลับอย่างแรงได้ แล้วเวลาผ่านไปก็หลายอยู่ มันเล่นขาขึ้นต่ออีกหน่อย มาหลุดอีแถวๆ ซักเดือน 7 เมื่อปีก่อนเห้นจะได้ ตรงนั้นกะๆดูน่าจะแถวเจ็ดร้อยนั่นอ่ะ มันทิ่มจ๊ากลงมา ไม่มีวี่แววการตีกลับ
แต่เอาล่ะ ยังให้โอกาสมันแก้ตัวได้อยู่
มาดูตรงแถวๆ เขตเด้ง มันเด้งได้ทุกครั้งที่ลงมาแหย่แหยมแถวๆนี้ คือ เขต 570-600++ ,ถ้าเราดูด้วยแท่งควอเตอร์จะเห็นชัดนะคะ มันสู้ตีกลับไปทำหางแหลมได้ทุกครั้ง ตั้งแต่หวัดนกเป้นต้นมา ฉนั้นตรงนี้เป็นแนวเขตป้อมสำคัญของเหล่าทหารกล้าผู้รักษาประตูเมือง ดูแล้วจะเห็นเป็นแนวรบชัดเจน เป็นฐานสำคัญชัดเจน
แต่มาวันนึง มันหลุด หลุดแบบ ไม่สู้ ไม่มีแรงสู้ มีการสู้แค่ระดับแท่งเดย์อยู่นิดๆหน่อยๆ ไม่มีแรงดีดเลย เห็นชัดเจนว่าทหารใจฝ่อมาก....ประมาณว่าทหารส่วนใหญ่หนีทัพกันหมดแล้ว เหลือทหารรักษาป้อมอยู่น้อยมาก ...สุดท้าย ค่ายแตก
จริงๆวิธีการดูเทรนด์นี่ไม่ยากนะคะ แต่ดิฉันสอนไม่เก่งเองอ่ะค่ะ แนะนำว่า พี่ลองหาหนังสือกร๊าฟขั้นพื้นฐานมาศึกษา อันนี้นักเล่นเทคนิคทุกคนต้องรู้อันนี้เป็นอันดับแรก พื้นฐานสุดๆ เรื่องอินดิเคเตอร์ เรื่องเส้นเสิ้นไร เรื่องอีเลียตเวฟ เรื่ององศา ไรพวกนี้ไว้ทีหลังเลยค่ะ เอาเทรนด์ให้เข้าใจก่อน
(ขออภัย ไม่ได้อยากจะตอบทางเทคนิคในห้องรวมเลย มิได้ตั้งใจจะทำรกเลยจริงๆ :oops: พี่ mod อย่าตุ๊ยท้องหนูนะคะ)
เอาไงดี ดิฉันโพสรูปไม่เป็น ทำตีเส้นให้ดูก็ไม่เป็นด้วยดิ่ โฟโต้ช็อปทำไงไม่เคยเล่นเลย :lol: โลเทคสุดขั้วสุดติ่งค่ะ
เอาเป็นคร่าวๆ พี่ลองเปิดก๊าฟดูค่ะ
แล้วพี่ลองลากเส้นจากจุดโลของซักปลายปี 44 มาชนผ่านโลปลายปี 45 แล้วลากตรงมาเรื่อย จะได้เส้นๆนึงขึ้นมา
เราจะพบว่าเส้นนี้เคยถูกทดสอบมาแล้ว มันเด้งกลับ ถ้าจำไม่ผิด วันหม่อมอุ๋ยร้อยจุด วันนั้นเอาอยู่แล้วตีกลับอย่างแรงได้ แล้วเวลาผ่านไปก็หลายอยู่ มันเล่นขาขึ้นต่ออีกหน่อย มาหลุดอีแถวๆ ซักเดือน 7 เมื่อปีก่อนเห้นจะได้ ตรงนั้นกะๆดูน่าจะแถวเจ็ดร้อยนั่นอ่ะ มันทิ่มจ๊ากลงมา ไม่มีวี่แววการตีกลับ
แต่เอาล่ะ ยังให้โอกาสมันแก้ตัวได้อยู่
มาดูตรงแถวๆ เขตเด้ง มันเด้งได้ทุกครั้งที่ลงมาแหย่แหยมแถวๆนี้ คือ เขต 570-600++ ,ถ้าเราดูด้วยแท่งควอเตอร์จะเห็นชัดนะคะ มันสู้ตีกลับไปทำหางแหลมได้ทุกครั้ง ตั้งแต่หวัดนกเป้นต้นมา ฉนั้นตรงนี้เป็นแนวเขตป้อมสำคัญของเหล่าทหารกล้าผู้รักษาประตูเมือง ดูแล้วจะเห็นเป็นแนวรบชัดเจน เป็นฐานสำคัญชัดเจน
แต่มาวันนึง มันหลุด หลุดแบบ ไม่สู้ ไม่มีแรงสู้ มีการสู้แค่ระดับแท่งเดย์อยู่นิดๆหน่อยๆ ไม่มีแรงดีดเลย เห็นชัดเจนว่าทหารใจฝ่อมาก....ประมาณว่าทหารส่วนใหญ่หนีทัพกันหมดแล้ว เหลือทหารรักษาป้อมอยู่น้อยมาก ...สุดท้าย ค่ายแตก
จริงๆวิธีการดูเทรนด์นี่ไม่ยากนะคะ แต่ดิฉันสอนไม่เก่งเองอ่ะค่ะ แนะนำว่า พี่ลองหาหนังสือกร๊าฟขั้นพื้นฐานมาศึกษา อันนี้นักเล่นเทคนิคทุกคนต้องรู้อันนี้เป็นอันดับแรก พื้นฐานสุดๆ เรื่องอินดิเคเตอร์ เรื่องเส้นเสิ้นไร เรื่องอีเลียตเวฟ เรื่ององศา ไรพวกนี้ไว้ทีหลังเลยค่ะ เอาเทรนด์ให้เข้าใจก่อน
(ขออภัย ไม่ได้อยากจะตอบทางเทคนิคในห้องรวมเลย มิได้ตั้งใจจะทำรกเลยจริงๆ :oops: พี่ mod อย่าตุ๊ยท้องหนูนะคะ)
-
- Verified User
- โพสต์: 480
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 71
ที่จริงการลงครั้งใหญ่รอบนี้ของ set ดูค่อนข้างง่าย เนื่องจากฟอร์มตัวเป็น triple topหลุด trend ใหญ่ ในทางเทคนิคดูยังไงหรอครับ
ถ้าหลุดฐานของ triple top ก็ต้องขายโดยไม่ต้องรอให้หลุดเส้นต่างๆก่อนครับ
เพราะมักช้าเกินไป อย่างในครั้งนี้ก็คือการหลุด 750 เป็นครั้งที่ 2
หลังจากการรีบาวน์ขึ้นช่วงสั้นๆเป็นสัญญาณยืนยันว่าลงแน่นอนครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 73
โห ผ่านไปไม่ถึงสองปี ผมลืมกระทู้นี้ไปเรียบร้อยแล้ว 5555wpong เขียน:
ไหนๆพี่ wpong ก็ช่วยขุดขึ้นมาประจานกันแล้ว (555 ล้อเล่นนะครับ) ผมขอแชร์เหตุการณ์หลังจากนั้นถึงปัจจุบันด้วยดีกว่าครับ เดี๋ยวขอเรียบเรียงก่อนแล้วจะมาต่อ ว่าผมได้ปรับแนวคิดและวิธีการลงทุนยังไงบ้างเผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆครับ
It's earnings that count
- Packky
- Verified User
- โพสต์: 856
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 74
อิอิ....ปูเสื่อรอครับ
:) :)
:) :)
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 76
เข้ามาปูเสื่อรอ ครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 82
ขอบคุณที่ขุดครับwpong เขียน:
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม
โพสต์ที่ 85
รอด้วยคนครับ :D
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/