news20/07/07
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 20, 2007 11:11 pm
แบงก์ล็อกต้นทุน"ดบ.ต่ำ" แห่ออกผลิตภัณฑ์เงินฝาก
แบงก์ฉวยโอกาสช่วงดอกเบี้ยต่ำ แห่ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากล็อกต้นทุน แบงก์ใหญ่คลอดตั๋วบี/อีระยะสั้นตีกันลูกค้ารายใหญ่ที่ครบดีลเงินฝากพิเศษไม่ให้ย้ายหนีไปแบงก์อื่น ด้านแบงก์เล็กใช้เงินฝากออมทรัพย์เข้าล่อรายย่อยหวังเก็บไว้ขายผลิตภัณฑ์อื่น "กสิกรไทย" ชี้ล็อกต้นทุนต้องดูจังหวะ เพราะอาจสร้างภาระแบงก์ในอนาคต
พอหมดฤดูกาลลดยอดเงินฝาก เพื่อลดภาระการนำส่งเงินสมทบกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน (FIDF) ก็ได้เห็นธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งขนผลิตภัณฑ์เงินฝากออกมา นำเสนอลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แม้สภาพคล่องเงินฝากของธนาคารพาณิชย์โดยรวมจัดว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับการอัตราการขยายตัวของสินเชื่อ
นายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การออกผลิตภัณฑ์เงินฝากและตั๋วแลกเงิน (บี/อี) ของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งในระยะนี้มาจากการมองไปถึงระยะครึ่งปีหลังว่าเป็นช่วงดอกเบี้ยถึงระดับต่ำสุดแล้ว จึงล็อกต้นทุนไว้ตั้งแต่ตอนนี้เพื่อลดภาระหากดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นในปีหน้า
ส่วนธนาคารบางแห่งที่ออกตั๋วบี/อี อาจมาจากเงินฝากประจำพิเศษที่ออกตั้งแต่ปีที่แล้วเริ่มครบดีล (ครบอายุ) จึงต้องออกผลิตภัณฑ์รองรับเพื่อรักษาฐานลูกค้ารายใหญ่ไว้
"ที่ได้เห็นว่าช่วงนี้ออกตั๋วบี/อี กันมามากก็เพราะว่าพอเจ้าหนึ่งออกแล้ว เจ้าอื่นก็ต้องออกตาม เพื่อรักษาฐานลูกค้าตัวเองไว้ ซึ่งหากมองสภาพคล่องโดยรวม ตอนนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก และตลอดไตรมาส 3 นี้ก็ไม่น่าลดลงมาก เพราะสินเชื่ออาจขยายไม่มากในไตรมาสนี้"
นายตรรกกล่าวว่า ส่วนธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กที่ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ อาจต้องการลดฐานเงินฝากประจำ พร้อมกับขยายฐานลูกค้าเงินฝากออมทรัพย์เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย และขยายฐานลูกค้าไว้เพื่อรองรับฐานลูกค้าไว้รองรับการขายผลิตภัณฑ์อื่น
ส่วนของธนาคารกรุงศรีอยุธยาขณะนี้ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างต่อเนื่อง และมีการเตรียมผลิตภัณฑ์เพื่อระดมเงินไว้เช่นกัน แต่ยังไม่ได้เสนอลูกค้า เพราะยังไม่ได้มีความจำเป็นเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตอนนี้
แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งกล่าวว่า ส่วนที่ธนาคารทหารไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาวมองได้สองแง่ ส่วนหนึ่งเพื่อดึงเงินเข้าธนาคาร เพราะ 1-2 เดือนที่ผ่านมาเกิดการไหลออกของเงินฝากค่อนข้างมาก ส่วนอีกแง่หนึ่งอาจมาจากเล็งแล้วว่าดอกเบี้ยระดับนี้ถึงระดับต่ำสุดเลยรีบล็อกต้นทุนไว้แต่ตอนนี้
ทั้งนี้ ในรายงาน ธ.พ. 1.1 ประจำเดือน พ.ค. 2550 ปรากฏว่า มีธนาคาร 3 แห่งที่เงินฝากลดลง คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ลดลง 1,697 ล้านบาท หรือ -0.2% ธนาคารนครหลวงไทย ลดลง 20,127 ล้านบาท หรือ -5.0% และธนาคารทหารไทย ลดลง 10,466 ล้านบาท หรือ -2.0%
นายจงรัก บุญชยานุรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารเงิน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ที่ธนาคารกสิกรไทย ออกขายตั๋วบี/อี อายุ 3-6 เดือน ส่วนหนึ่งเพื่อหาผลิตภัณฑ์รองรับลูกค้ารายใหญ่ที่เพิ่งครบกำหนดเงินฝากพิเศษ นอกจากนั้นยังเป็นการบริหารสภาพคล่องให้สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละช่วง
สำหรับกรณีที่มีธนาคารบางแห่งเริ่มขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อล็อกต้นทุนแล้ว ธนาคารก็ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับพิจารณาความจำเป็นในการดึงสภาพคล่องเข้าธนาคารต้องหาจังหวะที่เหมาะสม เพราะหากเลือกล็อกต้นทุนด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากผิดจังหวะ ได้สภาพคล่องเข้ามาจำนวนมากแต่ปล่อยสินเชื่อได้ไม่มาก ก็เป็นการเพิ่มภาระดอกเบี้ยจ่ายได้
"การจะขึ้นดอกเบี้ยก็ต้องขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและดอกเบี้ยด้วย บางแบงก์อาจมองว่าดอกเบี้ยขณะนี้ต่ำสุด บางแห่งก็มองว่าลดลงได้อีกประมาณ 0.25% ซึ่งตอนนี้คาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยค่อนข้างยาก เพราะแม้ปัจจัยภายในของเรา เช่น เงินเฟ้อที่ต่ำเศรษฐกิจชะลอตัวจะเอื้อให้ลดดอกเบี้ยได้ แต่หากมองต่างประเทศขณะนี้ดอกเบี้ยก็เป็นขาขึ้น ดังนั้นการตัดสินใจล็อกต้นทุนไว้ตั้งแต่ตอนนี้ จึงต้องดูให้ดีเพื่อไม่ให้เป็นภาระในอนาคต" นายจงรักกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เก็บข้อมูลการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากของธนาคารแต่ละแห่ง นับแต่ต้นเดือน ก.ค.เป็นต้นมา ธนาคารยูโอบี ออกตั๋วบี/อี เพื่อเสนอขายแก่ลูกค้าบุคคลทั่วไป นิติบุคคล และนักลงทุนสถาบัน ซึ่งอายุตั๋วบี/อี ที่ออก มีอายุ 7,14 วัน 1, 2,3,6,12,24 และ 36 เดือน และจะออกอีกหลายช่วงอายุตามมา ผลตอบแทนตั้งแต่ 2.25-3% ต่อปี ตามอายุตั๋ว โดยบุคคลทั่วไปสามารถซื้อลงทุนได้ในวงเงินตั้งแต่ 5 แสนบาทขึ้นไป ส่วนนิติบุคคลและนักลงทุนสถาบันลงทุนตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป
ตามมาด้วย ธนาคารกรุงไทยออก 2 ผลิตภัณฑ์ควบ คือ ตั๋วบี/อี "KTB- B/E" อายุ 6 เดือน 2.8% ต่อปี วงเงินลงทุนขั้นต่ำตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป และเงินฝากประจำ 5 เดือน ดอกเบี้ย 2.35% รับฝากวงเงินตั้งแต่ 1 หมื่นบาทขึ้นไป
ขณะที่ ธนาคารธนชาตได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำ 15 เดือน ดอกเบี้ย 3% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากประจำ 24 เดือนของธนาคารบางแห่ง และเงินฝากประจำ 9 เดือน ดอกเบี้ย 2.75% ต่อปี สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนของบางแห่งเช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 แบบ ธนาคารรับฝากวงเงินตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไป
ส่วนธนาคารทหารไทยออก "เงินฝากประจำสบายใจ" อายุ 12-24 เดือน ให้อัตราดอกเบี้ย 2.75- 3.0% ตามแต่ละประเภทลูกค้า อายุ 36-48-60 เดือน ดอกเบี้ย 3.0-3.25% ตามแต่ละประเภทลูกค้า
ธนาคารกสิกรไทย ออกตั๋วบี/อี "K-B/E Investment" อายุ 6-9 เดือน จ่ายดอกเบี้ยเท่ากันทั้ง 2 อายุ คือ วงเงิน 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.75% ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ดอกเบี้ย 3%
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ธนาคารเกียรตินาคิน ได้เสนอเงินฝากประจำอายุ 6-24 เดือน ดอกเบี้ย 2.50 - 3.625% ต่อปี วงเงินฝากขึ้นต่ำตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้น ไป พร้อมกับเสนอขายตั๋วบี/อี วงเงินขึ้นต่ำ 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.75-4.25% ต่อปี
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เสนอบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เพย์โรลพลัส (Payroll Plus) จ่ายดอกเบี้ย 2% จากปกติที่ธนาคารเสนอให้ปัจจุบัน 0.5 - 1% ซึ่งจะรับฝากเฉพาะลูกค้าที่มีเงินเดือนประจำประมาณเดือนละ 1.5 หมื่นบาท โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่รับเงินเดือนผ่านธนาคาร
ด้านธนาคารไทยธนาคาร ออกเงินฝากออมทรัพย์ "Working Professional" วงเงินฝากขั้นต้น 500 บาท รับดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยออมทรัพย์ปกติที่ธนาคารจ่ายอยู่ปัจจุบัน 0.25% และหากเปิดบัญชีภายใน 30 ก.ย.นี้ จะได้รับความคุ้มครองการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลฟรี วงเงิน 50,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0206
แบงก์ฉวยโอกาสช่วงดอกเบี้ยต่ำ แห่ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากล็อกต้นทุน แบงก์ใหญ่คลอดตั๋วบี/อีระยะสั้นตีกันลูกค้ารายใหญ่ที่ครบดีลเงินฝากพิเศษไม่ให้ย้ายหนีไปแบงก์อื่น ด้านแบงก์เล็กใช้เงินฝากออมทรัพย์เข้าล่อรายย่อยหวังเก็บไว้ขายผลิตภัณฑ์อื่น "กสิกรไทย" ชี้ล็อกต้นทุนต้องดูจังหวะ เพราะอาจสร้างภาระแบงก์ในอนาคต
พอหมดฤดูกาลลดยอดเงินฝาก เพื่อลดภาระการนำส่งเงินสมทบกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน (FIDF) ก็ได้เห็นธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งขนผลิตภัณฑ์เงินฝากออกมา นำเสนอลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แม้สภาพคล่องเงินฝากของธนาคารพาณิชย์โดยรวมจัดว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับการอัตราการขยายตัวของสินเชื่อ
นายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การออกผลิตภัณฑ์เงินฝากและตั๋วแลกเงิน (บี/อี) ของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งในระยะนี้มาจากการมองไปถึงระยะครึ่งปีหลังว่าเป็นช่วงดอกเบี้ยถึงระดับต่ำสุดแล้ว จึงล็อกต้นทุนไว้ตั้งแต่ตอนนี้เพื่อลดภาระหากดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นในปีหน้า
ส่วนธนาคารบางแห่งที่ออกตั๋วบี/อี อาจมาจากเงินฝากประจำพิเศษที่ออกตั้งแต่ปีที่แล้วเริ่มครบดีล (ครบอายุ) จึงต้องออกผลิตภัณฑ์รองรับเพื่อรักษาฐานลูกค้ารายใหญ่ไว้
"ที่ได้เห็นว่าช่วงนี้ออกตั๋วบี/อี กันมามากก็เพราะว่าพอเจ้าหนึ่งออกแล้ว เจ้าอื่นก็ต้องออกตาม เพื่อรักษาฐานลูกค้าตัวเองไว้ ซึ่งหากมองสภาพคล่องโดยรวม ตอนนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก และตลอดไตรมาส 3 นี้ก็ไม่น่าลดลงมาก เพราะสินเชื่ออาจขยายไม่มากในไตรมาสนี้"
นายตรรกกล่าวว่า ส่วนธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กที่ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ อาจต้องการลดฐานเงินฝากประจำ พร้อมกับขยายฐานลูกค้าเงินฝากออมทรัพย์เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย และขยายฐานลูกค้าไว้เพื่อรองรับฐานลูกค้าไว้รองรับการขายผลิตภัณฑ์อื่น
ส่วนของธนาคารกรุงศรีอยุธยาขณะนี้ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างต่อเนื่อง และมีการเตรียมผลิตภัณฑ์เพื่อระดมเงินไว้เช่นกัน แต่ยังไม่ได้เสนอลูกค้า เพราะยังไม่ได้มีความจำเป็นเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตอนนี้
แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งกล่าวว่า ส่วนที่ธนาคารทหารไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาวมองได้สองแง่ ส่วนหนึ่งเพื่อดึงเงินเข้าธนาคาร เพราะ 1-2 เดือนที่ผ่านมาเกิดการไหลออกของเงินฝากค่อนข้างมาก ส่วนอีกแง่หนึ่งอาจมาจากเล็งแล้วว่าดอกเบี้ยระดับนี้ถึงระดับต่ำสุดเลยรีบล็อกต้นทุนไว้แต่ตอนนี้
ทั้งนี้ ในรายงาน ธ.พ. 1.1 ประจำเดือน พ.ค. 2550 ปรากฏว่า มีธนาคาร 3 แห่งที่เงินฝากลดลง คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ลดลง 1,697 ล้านบาท หรือ -0.2% ธนาคารนครหลวงไทย ลดลง 20,127 ล้านบาท หรือ -5.0% และธนาคารทหารไทย ลดลง 10,466 ล้านบาท หรือ -2.0%
นายจงรัก บุญชยานุรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารเงิน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ที่ธนาคารกสิกรไทย ออกขายตั๋วบี/อี อายุ 3-6 เดือน ส่วนหนึ่งเพื่อหาผลิตภัณฑ์รองรับลูกค้ารายใหญ่ที่เพิ่งครบกำหนดเงินฝากพิเศษ นอกจากนั้นยังเป็นการบริหารสภาพคล่องให้สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละช่วง
สำหรับกรณีที่มีธนาคารบางแห่งเริ่มขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อล็อกต้นทุนแล้ว ธนาคารก็ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับพิจารณาความจำเป็นในการดึงสภาพคล่องเข้าธนาคารต้องหาจังหวะที่เหมาะสม เพราะหากเลือกล็อกต้นทุนด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากผิดจังหวะ ได้สภาพคล่องเข้ามาจำนวนมากแต่ปล่อยสินเชื่อได้ไม่มาก ก็เป็นการเพิ่มภาระดอกเบี้ยจ่ายได้
"การจะขึ้นดอกเบี้ยก็ต้องขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและดอกเบี้ยด้วย บางแบงก์อาจมองว่าดอกเบี้ยขณะนี้ต่ำสุด บางแห่งก็มองว่าลดลงได้อีกประมาณ 0.25% ซึ่งตอนนี้คาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยค่อนข้างยาก เพราะแม้ปัจจัยภายในของเรา เช่น เงินเฟ้อที่ต่ำเศรษฐกิจชะลอตัวจะเอื้อให้ลดดอกเบี้ยได้ แต่หากมองต่างประเทศขณะนี้ดอกเบี้ยก็เป็นขาขึ้น ดังนั้นการตัดสินใจล็อกต้นทุนไว้ตั้งแต่ตอนนี้ จึงต้องดูให้ดีเพื่อไม่ให้เป็นภาระในอนาคต" นายจงรักกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เก็บข้อมูลการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากของธนาคารแต่ละแห่ง นับแต่ต้นเดือน ก.ค.เป็นต้นมา ธนาคารยูโอบี ออกตั๋วบี/อี เพื่อเสนอขายแก่ลูกค้าบุคคลทั่วไป นิติบุคคล และนักลงทุนสถาบัน ซึ่งอายุตั๋วบี/อี ที่ออก มีอายุ 7,14 วัน 1, 2,3,6,12,24 และ 36 เดือน และจะออกอีกหลายช่วงอายุตามมา ผลตอบแทนตั้งแต่ 2.25-3% ต่อปี ตามอายุตั๋ว โดยบุคคลทั่วไปสามารถซื้อลงทุนได้ในวงเงินตั้งแต่ 5 แสนบาทขึ้นไป ส่วนนิติบุคคลและนักลงทุนสถาบันลงทุนตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป
ตามมาด้วย ธนาคารกรุงไทยออก 2 ผลิตภัณฑ์ควบ คือ ตั๋วบี/อี "KTB- B/E" อายุ 6 เดือน 2.8% ต่อปี วงเงินลงทุนขั้นต่ำตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป และเงินฝากประจำ 5 เดือน ดอกเบี้ย 2.35% รับฝากวงเงินตั้งแต่ 1 หมื่นบาทขึ้นไป
ขณะที่ ธนาคารธนชาตได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำ 15 เดือน ดอกเบี้ย 3% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากประจำ 24 เดือนของธนาคารบางแห่ง และเงินฝากประจำ 9 เดือน ดอกเบี้ย 2.75% ต่อปี สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนของบางแห่งเช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 แบบ ธนาคารรับฝากวงเงินตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไป
ส่วนธนาคารทหารไทยออก "เงินฝากประจำสบายใจ" อายุ 12-24 เดือน ให้อัตราดอกเบี้ย 2.75- 3.0% ตามแต่ละประเภทลูกค้า อายุ 36-48-60 เดือน ดอกเบี้ย 3.0-3.25% ตามแต่ละประเภทลูกค้า
ธนาคารกสิกรไทย ออกตั๋วบี/อี "K-B/E Investment" อายุ 6-9 เดือน จ่ายดอกเบี้ยเท่ากันทั้ง 2 อายุ คือ วงเงิน 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.75% ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ดอกเบี้ย 3%
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ธนาคารเกียรตินาคิน ได้เสนอเงินฝากประจำอายุ 6-24 เดือน ดอกเบี้ย 2.50 - 3.625% ต่อปี วงเงินฝากขึ้นต่ำตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้น ไป พร้อมกับเสนอขายตั๋วบี/อี วงเงินขึ้นต่ำ 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.75-4.25% ต่อปี
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เสนอบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เพย์โรลพลัส (Payroll Plus) จ่ายดอกเบี้ย 2% จากปกติที่ธนาคารเสนอให้ปัจจุบัน 0.5 - 1% ซึ่งจะรับฝากเฉพาะลูกค้าที่มีเงินเดือนประจำประมาณเดือนละ 1.5 หมื่นบาท โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่รับเงินเดือนผ่านธนาคาร
ด้านธนาคารไทยธนาคาร ออกเงินฝากออมทรัพย์ "Working Professional" วงเงินฝากขั้นต้น 500 บาท รับดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยออมทรัพย์ปกติที่ธนาคารจ่ายอยู่ปัจจุบัน 0.25% และหากเปิดบัญชีภายใน 30 ก.ย.นี้ จะได้รับความคุ้มครองการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลฟรี วงเงิน 50,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0206