![ขอคารวะ :bow:](./images/smilies/icon_bow.gif)
![Cool! :cool:](./images/smilies/cool.gif)
krittapon_r เขียน:ผมขอเอามะพร้าวหาวมาขายสวนหน่อยละกัน
ผมคิดว่า ตัววัดสัญญานขาขึ้น-ลงของสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดีอีกอย่างหนึ่งคือ
การขยายการผลิต
เพราะผมสังเกตุว่า มักจะเริ่มมีการขยายการผลิตมากๆ เมื่อใกล้จุดสูงสุดของวัฎจักร
ส่วนหนึ่งเพราะการนำผลกำไรที่ได้จากวัฏจักรขาขึ้นมาลงทุนต่อ นอกจากนี้ราคาสินค้าก็ดึงดูดให้ผู้เล่นทั้งรายเก่ารายใหม่เข้ามาลงทุน
ซึ่งหลังจากการขยายการลิตเสร็จสมบูรณ์ ก็จะเป็นเริ่มวัฎจักรขาลงของธุรกิจ เพราะมี Supply สินค้าเพิ่มขึ้นพร้อมๆ กันปริมาณมาก แต่ Demand ยังโตในอัตราเดิม ทำให้เกิด Oversupply และสงครามราคาก็ตามมา
ขณะที่หากผู้ผลิตวัตถุดิบ(Suppler ของธุรกิจ) ไม่มีการขยายกำลังการผลิตล่วงหน้าให้เพียงพอกับความต้องการวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ก็อาจทำให้ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น เท่านี้กำไรก็หายแบบ 2 เด้งไปเลย![]()
ส่วนปัจจัยการเลือกหุ้นที่สำคัญอย่างหนึ่งของผมในหุ้นหุ้นกลุ่มนี้น่าจะเป็น ความเป็นผู้นำด้านต้นทุน(ต้นทุนการผลิตต่ำสุด) และปริมาณเงินสดในมือ
เพราะในช่วงขาลงอัตรากำไรของสินค้าน่าจะลดลงเรื่อยๆ จนว่าผู้ผลิตทนไม่ไหวต้องลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไร หรือเจ้าที่ขาดทุนอาจปิดตัวเองหนีไปเลย คนที่มีต้นทุนต่ำที่สุด ก็จะเป็นคนสุดท้ายที่ขายของขาดทุนซึ่งเป็นไปได้ยาก
ส่วนเงินสดในมือ นอกจากทำให้กิจการสามารถทนการขาดทุนได้นานกว่า (อึดกว่า) ยังสามารถใช้เงินที่มีกักตุนวัตถุดิบที่มีราคาต่ำในช่วงวัฏจักรขาขึ้นรอบต่อไป
ขอตอบตามความเห็นตัวเองครับ คนอื่นอาจจะเห็นต่างกันก็ได้นะ
1. ธุรกิจที่ไม่ว่าจะขาไหน ก็มีรายได้แน่นอน เช่นธุรกิจสัมปทานบางอย่าง อย่างโรงไฟฟ้า ซึ่งขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้ กฟฝ.ทั้งหมด มีรายรับแน่นอน รายจ่ายก็มักจะแน่นอน ถ้าทำสัญญาพลังงานระยะยาวไว้แล้ว (ซึ่งก็มักจะทำกันเพราะกิจการมีแผนวางไว้ชัดเจน) หรือจะให้ดีที่สุดต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่ไม่ขึ้นกับวัฏจักรแหล่งพลังงาน เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ, พลังลม หรือพลังนิวเคลียร์
2. อันนี้ผมเข้าใจว่าหมายถึงอุตสาหกรรมที่ไม่โตแล้วหรือโตไปช้า ๆ มากกว่า (อุตสาหกรรมที่กำลังจะตาย อันนี้ไม่ต้องรอรอบวัฏจักรครับ อาจจะไม่มีรอบหน้าให้เห็น ) ซึ่งธุรกิจตามข้อ 1. ก็มักอยู่ในอุตสาหกรรมเหล่านี้เสียด้วย คือ ถ้าไม่หยุดอยู่กับที่ ก็มักโตช้า ๆ ไปตาม GDP ประเทศ เช่นธุรกิจหนังสือพิมพ์, ธุรกิจไฟฟ้า, ธุรกิจทีวี
ยกเว้นว่าบริษัทหรือธุรกิจนั้น จะขยายวงออกไปในด้านอื่น เช่น หนังสือพิมพ์ขยายไปทำสื่อช่องทางอื่น หรือนิตยสารอื่น, ทีวีอาจจะขยายไปทำเคเบิ้ล หรือมัลติมีเดียคอนเทนต์อื่น
เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ท่านอื่นมีความเห็นว่ายังไงมั่งครับ
นั้น ก็คือจุดอ่อน ไงครับ เมื่อวัฎจักรไม่เด่น ก็ไม่มองเรื่องวัฎจักร ว่าอยู่ช่วงไหน สุดท้ายก็ติดกับดัก คือไปมองว่ามันยาวยังไม่มาถึงหลอก :idea: :idea: และหากท่านอยากรู้ คงต้องคุยกันยาวครับคือทุกอย่างมันเป็นวัฎจักร แต่เด่นชัดรึเปล่า ยาวสั้นแค่ไหน
ถ้ารอบ amplitude การขึ้นลงไม่มาก (demand supply ไม่เปลี่ยนแปลงได้รุนแรง และ สร้าง supply ได้เร็ว เป้นต้น) และ รอบยาวมากๆ หรือ สั้นมากๆพวกนี้ทำให้ วัฏจักรไม่เด่น จึงไม่เรียกกันว่าหุ้นวัฏจักร
เอาไงคืออะไรครับ ไม่เข้าใจอ่ะ :shock: :shock:nearly_vi เขียน:ส่วนตัว ผมคิดว่า ตอนนั้น คิดว่า supply จะเริ่มพอ
แต่ไปมา demand เพิ่มมากกว่า
คือไม่น่าจะ เป็นเพราะ กะช่วงรอบ ผิดอ่ะครับ
พี่ว่าไงอ่ะครับ เรื่อง ATC และ เดินเรือ น่ะครับ (โดยเฉพาะ เรือเทกอง)
อันนี้ผมพอเข้าใจhouse เขียน:ขอลองตอบบ้างครับ
ยุคเริ่มต้น น่าจะเป็นช่วงลองตลาด มาร์จิ้นสูง แต่ฐานน้อย ผมว่ากำไรคงไม่เป็นกอบเป็นกำเท่าไหร่
ช่วงเติบโต น่าจะมีการขยายกำลังการผลิตอย่างมาก คู่แข่งเริ่มเข้ามา แต่ซัพพลายยังน้อยกว่าดีมานด์ ขยายการลงทุนมาก แต่ตลาดโตเร็วกว่า ผมคิดว่าช่วงนี้ น่าจะได้กำไรเยอะที่สุด
ช่วงรุ่งเรือง ธุรกิจเข้าใกล้จุดอิ่มตัว การลงทุนน้อยลง สภาพน่าจะเรื่อยๆมาเรียงๆ เป็น cash cow
ช่วงตกต่ำ กับถอนตัว คงไม่ต้องดูต่อ
?
เนี่ยครับ คือผมกะลังสงสัยอันนี้house เขียน: ผมเข้าใจ(เอาเอง)ว่าี่พี่ path กำลังบอกว่า ธุรกิจแข็งแกร่งนั้น แท้จริงแล้วคือธุรกิจที่มีช่วงรุ่งเรืองยาวนาน นานจนเราไม่คิดว่าจะมีคำว่าตกต่ำ ถ้าดันทะลึ่งเข้าไปรับ ตอนมันกำลังจะลง ก็มีหวังมือพอง ถ้าแยกไม่ได้ว่าธุรกิจนั้นอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร การพยากรณ์ก็จะผิดพลาดได้มาก
ดังนั้น เราต้องไปเริ่มกันตั้งแต่ ATC กับกลุ่มเรือ ณ เวลานี้อยู่จุดไหนของวัฏจักรก่อนจะเริ่มวิเคราะห์อย่างอื่น ใช่ไหมครับ?
ครับผม ใช่แล้วครับhouse เขียน:ขอลองตอบบ้างครับ
ยุคเริ่มต้น น่าจะเป็นช่วงลองตลาด มาร์จิ้นสูง แต่ฐานน้อย ผมว่ากำไรคงไม่เป็นกอบเป็นกำเท่าไหร่
ช่วงเติบโต น่าจะมีการขยายกำลังการผลิตอย่างมาก คู่แข่งเริ่มเข้ามา แต่ซัพพลายยังน้อยกว่าดีมานด์ ขยายการลงทุนมาก แต่ตลาดโตเร็วกว่า ผมคิดว่าช่วงนี้ น่าจะได้กำไรเยอะที่สุด
ช่วงรุ่งเรือง ธุรกิจเข้าใกล้จุดอิ่มตัว การลงทุนน้อยลง สภาพน่าจะเรื่อยๆมาเรียงๆ เป็น cash cow
ช่วงตกต่ำ กับถอนตัว คงไม่ต้องดูต่อ
ผมเข้าใจ(เอาเอง)ว่าี่พี่ path กำลังบอกว่า ธุรกิจแข็งแกร่งนั้น แท้จริงแล้วคือธุรกิจที่มีช่วงรุ่งเรืองยาวนาน นานจนเราไม่คิดว่าจะมีคำว่าตกต่ำ ถ้าดันทะลึ่งเข้าไปรับ ตอนมันกำลังจะลง ก็มีหวังมือพอง ถ้าแยกไม่ได้ว่าธุรกิจนั้นอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร การพยากรณ์ก็จะผิดพลาดได้มาก
ดังนั้น เราต้องไปเริ่มกันตั้งแต่ ATC กับกลุ่มเรือ ณ เวลานี้อยู่จุดไหนของวัฏจักรก่อนจะเริ่มวิเคราะห์อย่างอื่น ใช่ไหมครับ?
ว่างแย้วเนี่ยครับ คือผมกะลังสงสัยอันนี้
เพราะตอนนั้นก็คิดว่าเป็นขาลงๆ คือ ช่วงที่ supply กำลังจะเริ่มเกิน demand แต่ไหง ไปมา มันขึ้นต่อได้
ผมเห็นอะไรผิดไปน่ะครับ
เลยอยากให้ คิดให้ดู