หน้า 3 จากทั้งหมด 5
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 5:11 pm
โดย jaychou
naris เขียน:ความไม่รู้คือความเสี่ยง
มีคนมาให้ความรู้เพิ่มเติมแลกเปลี่ยนกัน
ความเสี่ยงก็ลดลงไปมากพอควรครับ
แต่ส่วนตัวผมว่าราคาตอนนี้มีทั้งความถูกและความแพงอยู่ในตัวUMS
แพงไม่แพง พูดยากครับ
UMS ผมว่าเข้าข่าย Growth stock มากกว่า Value stock คือเห็นโอกาสโตในอนาคตสูง การประเมินอนาคตว่าจะดีมากๆ ..ทำให้มูลค่าปัจจุบันดูไม่แพง
สินทรัพย์น้อยเทียบกับกำไร แต่หากต้องการขยายงาน ในช่วงดอกเบี้ยแพง อาจจะมีเพิ่มทุน หรืออย่างน้อยก็ปันผลน้อยลงเพื่อรักษาเงินสด เห็นกิมเอ็งประเมินปันผลไว้ ไม่กี่สิบสตางค์เองนี่ครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 6:45 pm
โดย woody
ผมว่าหุ้น Value ก็ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นหุ้นที่ต้องปันผลให้เยอะๆ นะครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 7:48 pm
โดย jaychou
ผมไม่ได้พูดเรื่องปันผลมากน้อยครับ อย่าหลงประเด็น :lovl:
ผมสงสัยเรื่องเงินสดจะไม่พอใช้ครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 8:13 pm
โดย mey
ไปเยือนเวบบอร์ด settrade.com มา เห็นมี link กระทู้นี้ แล้วมีความคิดเห็นมาแชร์ด้วย.........ค่ะ
http://api.settrade.com/actions/customi ... p&tid=4635
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 8:27 pm
โดย CK
ผมสงสัยเรื่องเงินสดจะไม่พอใช้ครับ
ฮ่าๆๆ ตรงประเด็นที่สุดครับ ผมก็เสียวๆ เลยลองไปคำนวณดู
บริษัทมีเงินสดเหลืออยู่ 21 ลบ. ณ สิ้นงวดนี้
ครึ่งปีหลัง น่าจะทำเงินสดจากการดำเนินงานได้ราวๆ 100 ลบ.
งบค่าก่อสร้างโกดัง/ท่าเรือ 170 ลบ. แบ่งจ่ายปีนี้ 100 ลบ. (สมมุติ)
ถ้าไม่กู้เลย เงินสดณ สิ้นปีก็จะเหลือ 21 ลบ. รวมไตรมาส 1 ปีหน้า
(ก่อนจ่ายปันผลจริง) น่าจะมีเงินสด 70 ลบ. จ่ายปันผลได้ 1 บาท
ถ้ากู้สักครึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้าง โดยใช้ที่ดินค้ำประกัน จะได้เงินกู้
70 ลบ. ที่อัตราดอกเบี้ย mlr (สมมุติว่า 7%) ในขณะที่ return
ของโครงการโกดังนี้ตกประมาณ 15% ต่อปี จะได้ว่ายังมี net return
8% ก็ใช้ได้ทีเดียว
เงินสด ณ สิ้นเดือนมีนาคมปีหน้าก็จะได้ 170 ลบ. จ่ายปันผล 105 ลบ.
(1.50 บาทต่อหุ้น) ก็น่าจะได้ครับ
ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานว่า บริษัทจะต้องสร้างกระแสเงินสดจากการ
ดำเนินงานให้ได้ไตรมาสละ 50 ล้านบาทโดยเฉลี่ย ซึ่งสองไตรมาสแรก
ได้ไปเพียง 90 ลบ.
การจะได้ 50 ลบ. จะต้องขายถ่าหินได้ประมาณ 320 ลบ. ต่อไตรมาส
ที่อัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 29% ค่าใช่จ่ายอื่นๆ บวกภาษี ใกล้เคียง
กับไตรมาสอื่นๆที่ 42 ลบ.
ปีที่แล้วขายได้เกือบพันล้าน ปีนี้คาดว่าจะได้ 1,300 ลบ ก็เฉลี่ยไตรมาสละ
325 ลบ.พอดี
สรุปว่า ต้องดูงบไตรมาส 3 เพื่อยืนยันครับ เพราะไตรมาส 3 ลูกค้าไม่ได้
ปิดโรงงานแล้ว บาทเริ่มแข็งขึ้น ราคาถ่านหินเริ่มอ่อนตัวลง น่าจะส่งผลให้
กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29% - 30% ได้
ปล. อ่านงบแล้วยังงงๆ เล็กน้อยครับ เสียดาย ไม่สามารถไปเข้าคลาสอบรม
ของคุณมนได้ ติดภารกิจ :lovl: แต่เท่าที่แกะได้งูๆ ปลาๆ ก็แค่นี้แหละครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 8:51 pm
โดย ลูกอิสาน
ถ่านหินเกรดต่ำที่สุดคือลิกไนต์ ก่อมลพิษมากที่สุดเพราะก่อให้เกิด SO2มาก โชคไม่ดีไทยมีถ่านหินลิกไนต์เกือบทั้งหมด เกิดปัญหามลพิษบริเวณโรงไฟฟ้าประเภทนี้ คือที่เหมืองแม่เมาะ ทำให้ต้องติดตั้งเครื่องดักจับซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งราคาแพงมากๆ ทำให้คนไทยมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหิน ตอนนี้ประเทศก็เลยต้อง rely กับการใช้แก็สปั่นไฟเกือบๆ 75%
บ้านปูมีเหมืองถ่านหินลิกไนต์เช่นกัน แต่คิดว่าเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว คงจะหมดลงไปภายในไม่กี่ปี่ข้างหน้า กำลังการผลิตก็น้อย มีการขยายไปลงทุนเหมืองในอินโดค่อนข้างมาก ถ่านหินที่ผลิตเป็นเกรดดีคือ sub-bitubinus และ bitubinus ส่วนบริษัทร่วมทุนในจีนผลิตถ่านหินเป็นเกรดดีมาก คือแอนทราไซต์
บ้านปูมีโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ 1,400 MW กำลังก่อสร้างที่จ.ระยอง ครับ ถือหุ้นโครงการนี้ประมาณ 50% เป็นโครงการที่สำคัญต่อบ้านปูเช่นกัน แต่แปลกที่โครงการนี้ไม่ยักกะมีการต่อต้านครับ
ลานนา ผลิตถ่านหินประเภทลิกไนต์เช่นกัน แต่กำลังจะหมดภายในปีนี้ ทำให้ต้องขยายไปลงทุนในอินโด ผลิตถ่านหินเกรด sub-bitubinus และ bitubinus เช่นกัน รวมถึงการผลิตเอทานอล ลานนามีเงินสดค่อนข้างมาก เพราะเคยขายหุ้นโรงไฟฟ้า Gulf eletric ให้กับ EGCOMP ได้กำไรค่อนข้างมาก ทั้งที่เป็นการขายหุ้นเท่านั้น ส่วนโรงไฟฟ้ายังสร้างไม่ได้ เพราะมีปัญหาเรื่องการต่อต้าน ตอนนี้ย้ายไปตั้งที่ไหนแล้วก็ไม่ทราบ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 8:57 pm
โดย CK
ไม่เข้าใจครับ ท่านลูกอิสาน
ทำไมบ้านปูต้องเป็นสีเขียว ลานนาเป็นสีแดง
:lovl:
เหมืองลิกไนต์ของบ้านปูในประเทศน่าจะหมดภายในปี 2552 ครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 9:08 pm
โดย ลูกอิสาน
CK เขียน:ไม่เข้าใจครับ ท่านลูกอิสาน
ทำไมบ้านปูต้องเป็นสีเขียว ลานนาเป็นสีแดง
:lovl:
เหมืองลิกไนต์ของบ้านปูในประเทศน่าจะหมดภายในปี 2552 ครับ
:lovl: ถึงจะสีต่างกันแต่เกิดจากที่เดียวกันคือแถวภาคเหนือที่มีเหมืองนั่นละครับ
ว่าที่จริงน่าจะเป็นพี่เป็นน้องกันได้ เพราะหลายปีที่แล้ว กลุ่มโฮลซิมปูนซีเมนต์กลาง จะเทคโอเวอร์ลานนาทั้งหมด แต่โดนทีเด็ดบ้านปู ดอดเข้าไปซื้อหุ้นที่ราคาสูงกว่าจากผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ทำให้ปูนกลางซื้อหุ้นได้ไม่มากเท่าที่ต้องการ จะ delist ก็ไม่ได้ เป็นทีเด็ดของบ้านปูที่จะมีอำนาจเหนือตลาดถ่านหินในไทย
แต่ผมแปลกใจว่าทำไมปูนกลาง ยังมีการซื้อถ่านหินจาก UMS เป็นครั้งคราวครับ ทั้งที่มี Lanna ป้อนถ่านหินให้อยู่แล้ว หรือต้องการกระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัตถุดิบครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 9:42 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
บ้านปูมีเหมืองถ่านหินลิกไนต์เช่นกัน แต่คิดว่าเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว คงจะหมดลงไปภายในไม่กี่ปี่ข้างหน้า กำลังการผลิตก็น้อย มีการขยายไปลงทุนเหมืองในอินโดค่อนข้างมาก ถ่านหินที่ผลิตเป็นเกรดดีคือ sub-bitubinus และ bitubinus ส่วนบริษัทร่วมทุนในจีนผลิตถ่านหินเป็นเกรดดีมาก คือแอนทราไซต์
บ้านปูมีโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ 1,400 MW กำลังก่อสร้างที่จ.ระยอง ครับ ถือหุ้นโครงการนี้ประมาณ 50% เป็นโครงการที่สำคัญต่อบ้านปูเช่นกัน แต่แปลกที่โครงการนี้ไม่ยักกะมีการต่อต้านครับ
ลานนา ผลิตถ่านหินประเภทลิกไนต์เช่นกัน แต่กำลังจะหมดภายในปีนี้ ทำให้ต้องขยายไปลงทุนในอินโด ผลิตถ่านหินเกรด sub-bitubinus และ bitubinus เช่นกัน รวมถึงการผลิตเอทานอล ลานนามีเงินสดค่อนข้างมาก เพราะเคยขายหุ้นโรงไฟฟ้า Gulf eletric ให้กับ EGCOMP ได้กำไรค่อนข้างมาก ทั้งที่เป็นการขายหุ้นเท่านั้น ส่วนโรงไฟฟ้ายังสร้างไม่ได้ เพราะมีปัญหาเรื่องการต่อต้าน ตอนนี้ย้ายไปตั้งที่ไหนแล้วก็ไม่ทราบ
อืม ดูเหมือน banpu lanna ก็มีเหมือง sub-bitubinus และ bitubinus ถ้ามองในแง่ร้าย แสดงว่า ums เสร็จแน่ ถ้าโดนเจ้าของเหมืองดั๊มราคา กวาดตลาดกลับ หลังจากให้ ums เปิดตลาดไว้ให้
แต่ผมมองว่า อย่าไปคิดมาก
ตลาดมี 8000 โรง ตอนนี้ ums 100 โรง
การที่จะขยายจาก 100 ไป 200 ยอดขายก็เท่าตัวแล้ว
อย่างกรณี major โรงหนังอะ ถ้าจะขยายให้มียอดคนมาดูหนังเท่าตัว จะทำให้หรือไม่
อย่างกรณี se-ed ถ้าจะต้องการยอดขายเพิ่มเท่าตัว จากปัจจุบัน ต้องอีกกี่ปี
แล้ว bigc หละ ยอดขาย 52000 จะขายให้ได้ 104000 จะต้องอีกกี่ปี
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 10:55 pm
โดย naris
ความถูกที่ผมพูดก็คือ ums เป็นการทำธุรกิจถ่านหินยุคใหม่ที่ใช้การตลาดและการบริการเข้ามาเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง ทำให้มีโอกาสโตอย่างพี่เจ๋งว่าได้ไม่ยาก
แต่ ความแพงในตัวที่ผมว่าคือ ทรัพย์สินของ ums ที่มีตัวตน(ไม่สามารถขยายตัวได้เร็วดั่งใจคิด เพราะเงินทุนและโครงสร้างพื้นฐานที่มียังไม่แน่นพอ) และที่ไม่มีตัวตน(คือความชำนาญและประสบการณ์จากธุรกิจที่ยังไม่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมา และยังไม่รู้ปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากทั้งความแปรปรวนของราคาวัตถุดิบ และต้นทุนค่าขนส่งว่าจะทำให้มาร์จินเหลือเท่าไหร่ และการที่จะขยายตัว1เท่าภายในระยะเวลาสั้นๆ จะต้องมีทีมบริหารที่แน่จริงๆ)
ผมก็หลงรักน้องอั้มเหมือนโออิชิ แต่ทั้ง2ตัวนี้PARADOXครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 11:09 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
และที่ไม่มีตัวตน(คือความชำนาญและประสบการณ์จากธุรกิจที่ยังไม่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมา
อืม เขาทำมาแล้ว 11 ปีนะ เคยเจ๊งมาแล้ว ตอนสั่งซื้อถ่านหินจากอินโด แล้วอินโดให้เครดิต 6 เดือน พอค่าเงินบาทเปลี่ยนแปลง เจ๊งเลย
ในงบยังมีการปรับโครงสร้างหนี้เดิมเหลืออยู่นิดหน่อย
พี่ว่าเขาผ่านมาพอควรแล้วนะ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 8:15 am
โดย por_jai

8) คุณเจ๋งจะว่าอย่างไร
ถ้าคุณฉัตรชัยว่าอย่างนี้
มันมีโอกาสเพิ่มทุนสูงมั่กๆนาครับ...
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 8:54 am
โดย woody
แย่งพี่เจ๋งตอบ..................ถามผู้บริหารต่อดีกว่าครับ :mrgreen:
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 9:14 am
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
คุณเจ๋งจะว่าอย่างไร
ถ้าคุณฉัตรชัยว่าอย่างนี้
มันมีโอกาสเพิ่มทุนสูงมั่กๆนาครับ...
ไม่หรอกท่านพอใจ
UMS จะเพิ่มทุนไม่บ่อยหรอก เพราะไม่ได้ต้องไปซื้อเครื่องจักร
จริงๆแล้ว UMS ไม่ต้องซื้อที่ดินก็ได้ ถ้าคิดจะทำอย่าง major
major เปิดโรงหนัง ไม่เน้นซื้อที่ดิน แต่เน้น แบ่งกำไรจากการฉายหนัง ให้เจ้าของที่ดิน
UMS จะลงทุนก็เรื่องโรงเก็บถ่านหินเท่านั้นครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 9:53 am
โดย chatchai
ไม่ได้เพิ่มทุนเพราะซื้อเครื่องจักรหรอกครับพี่เจ๋ง
UMS เป็นบริษัทที่แปลก เพราะไม่มีเจ้าหนี้การค้า ซื้อถ่านหินด้วยเงินสด
ดังนั้นถ้าจะเพิ่มยอดขายเท่าตัว บริษัทก็ต้องเพิ่มลูกหนี้การค้า สินค้าคงคลัง จะต้องใช้เงินทุนอีกเท่าไรครับ หนี้ต่อทุนปัจจุบันก็เกือบ 1 เท่า
ถ้าจะกู้เพิ่มก็คงทำได้ แต่ฐานะทางการเงินก็คงไม่สวย อัตราดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทก็คงสูงขึ้นอย่างมันัยสำคัญพอควร
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 9:54 am
โดย CK
ยังไม่ได้ถามผู้บริหารนะครับ แต่กลับไปนอนคิดมาคืนนึง ว่าถ้าผมบริหาร ums
ผมจะจัดการอย่างไรกับปัญหาเรื่อง capital intensive ในส่วนของการสั่งสินค้า
โดยไม่ได้เครดิต
1. เจรจากับเหมือง ขอเครดิต 30 วัน (ซึ่งเป็นอัตราที่ ums สามารถขายถ่านหิน
ได้หมด lot ที่ซื้อมาแน่ๆ) ซึ่งข้อดีคือได้เครดิต ได้เงินก่อน (แบบ bigc) แต่ข้อเสีย
คือ ต้องมี relationship ที่ดีมากกับ supplier และอาจจะต้องเสียค่า premium
ความเสี่ยง (ซึ่ง supplier จะบวกเข้าไปในราคาถ่านหิน)
2. เปิด LC-TR และ fix ค่าเงินไว้ ณ วันที่สั่งซื้อสินค้า หลังจากนั้นให้คำนวณ
ต้นทุนถ่านหินจาก spot rate ที่ซื้อ x ค่าเงินที่ fix + ดอกเบี้ยจาก LC-TR
แล้วนำมาคิดเป็นต้นทุนสินค้าก่อนจะบวก margin เข้าไป 25-30% แล้วกำหนด
ราคาขาย
3. สะสมเงินสดรับไว้เป็นทุนสำหรับการสั่งสินค้าเพิ่ม ซึ่งถ้าบริษัททะยอยเติบโต
ก็จะสามารถจัดการได้ไม่ยาก (เช่น โตปีละ 15-30%)
4. เพิ่มทุน
ผู้บริหารเคยให้หลักการกว้างๆ ไว้ว่า การเพิ่มทุนจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ซึ่งข้อนี้
ผมมั่นใจมาก เนื่องจากผู้ถือหุ้นหลักอีกท่าน (คุณไพบูลย์) ซึ่งถือมากถึง 25 ล้านหุ้น
คงไม่อยากเพิ่มทุนง่ายๆ แน่ โดยคุณไพบูลย์มิได้ลงมาดูในระดับโอปะเรชั่น เป็น
นักลงทุน 100% เหมือนเรา แต่มีอำนาจในการคุมมติบอร์ดอย่างเด็ดขาด
ระหว่างเงินกู้กับเก็บเงินสดไว้ ผู้บริหารแจ้งว่า ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ก็จะไม่เก็บ
เงินสดไว้มากนัก พยายามจะคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้นมากที่สุด ทางเลือกจึงน่าจะเป็น
1 หรือ 2
เป็นผม ผมจะไม่เลือก option ที่ 1 (เจรจาขอเครดิตจาก supplier) เพราะจะทำ
ให้อำนาจต่อรอง (เรื่องราคาและการ shop around) ลดลงเล็กน้อย
การเลือกข้อสอง (ใช้วงเงินกู้ระยะสั้น) น่าจะเป็นทางออกที่ดี ตราบเท่าที่การ
ขยายยอดขายเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งก็ in line กับธุรกิจนี้ครับ
การเติบโตแบบก้าวกระโดดค่อนข้างจะยาก เนื่องจากการขายต้องใช้เวลาเป็นปี
ขอบคุณข้อมูลคุณ Tiger ครับ
การติดตั้งหม้อไอน้ำใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จึงทำให้ ums สามารถ project
ยอดขายล่วงหน้าได้ค่อนข้างดี เนื่องจากลูกค้าลงทุนติดตั้งหม้อไอน้ำตาม spec
แล้ว การที่จะไม่สั่งซื้อเสียเฉยๆ หลังติดตั้งเสร็จคงไม่ใช่เกิดขึ้นบ่อยๆ (แต่คงมีบ้าง)
turnover rate ของ ums ในการขายสินค้าคือ 1 เดือน ฉะนั้น ต้นทุนของการกู้
ระยะสั้นน่าจะตกประมาณ (MLR+1)/12 หรือ 0.6% ของยอดขาย ซึ่งเทียบกับ
margin ที่ 28% แล้วน้อยมาก
ความเสี่ยงจึงไปอยู่ที่ credit ของบริษัทและกรรมการทั้งสองท่านแทน (เนื่องจาก
อาจจะต้องเซ็นค้ำประกันเมื่อวงเงินเพิ่ม) ซึ่งก็ทำให้ความเสี่ยงของธุรกิจโดยรวม
เพิ่มขึ้น (จากการขายสินค้าไม่ได้ ฯลฯ)
พายเรือกลับมาที่เดิมครับ :lovl: ความเสี่ยงของ UMS จึงอยู่ที่
1. ผู้บริหาร
2. ผู้แข่งขันรายใหม่ที่จะเข้ามาแย่งตลาด ทำให้ต้อง drop margin ลง
อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่า ums จะรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ยไว้ที่ 15-20% ต่อปี
ไปเรื่อยๆ สัก 5 ปีนะครับ ก่อนที่จะมีคู่แข่ง ถึงตอนนั้น บริษัทต้องสามารถดำเนิน
ธุรกิจแบบ cash cow ให้ได้
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 9:58 am
โดย CK
สรุปก็คือ อย่างที่น้องฉัตรชัยบอกแหละครับ ความเสี่ยงสูง
แต่ถ้าสามารถจัดการกับความเสี่ยงในช่วงเติบโตได้ ก็มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทน
ที่ดี
แต่คงยังไม่เหมาะกับ VI ครับ 8) ณ เวลานี้ UMS เป็นได้แค่
"Growth stock with High risk and high expected return"
เรื่องหนี้ต่อทุนที่ขึ้นไปเกือบ 1 เท่า ก็เนื่องจากเงินกู้ยืมระยะสั้นครับ
(ก็เพราะไม่มีเจ้าหนี้การค้านั่นแหละ)
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 10:02 am
โดย chatchai
ถ้าเติบโตแบบไม่มากนัก ก็คงจะเหมาะสมกับเงินทุนนะครับ บางครั้งขยายมากก็อาจจะเสี่ยงมากขึ้นนะครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 10:11 am
โดย ลูกอิสาน
คุณชัยวัฒน์พูดถึงการเพิ่มทุนเมื่อไม่นานมานี้ครับ
*** การสร้างคลังสินค้าใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ เป็นเงินจากส่วนไหน
เงินลงทุนประมาณ 150-160 ล้านบาท ซึ่งเรามีเงินจากการไอพีโออยู่ 134 ล้านบาท และเรายังมีกำไรสะสมที่มีประมาณ 29 ล้านบาท และยังมีกำไรที่จะเกิดขึ้นในปีนี้อีก ซึ่งเราก็จะพยายามใช้เงินที่เรามีอยู่ แต่หากไม่พอเราก็คุยกับแบงก์ไว้ซึ่งแบงก์ก็ยินดีที่จะให้กู้เพราะตอนนี้ D/E เราต่ำมาก ฐานะทางงการเงินก็มั่นคง
*** การลงทุนจะกระทบการจ่ายปันผลหรือไม่
ตอนเราขายไอพีโอเราให้สัญญากับนักลงทุนว่าจะปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไร ซึ่งเราเชื่อว่าจะยังคงจ่ายตามนโยบายได้ แต่ปีที่แล้วเราจ่ายมากกว่านโยบาย เพราะเห็นว่าเรามีกำไรในขณะที่ยังไม่ได้ลงทุน เราก็เลยจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นมากหน่อย แต่ปีนี้เรามีการลงทุนเพิ่มเติมก็อาจจะต้องนำส่วนหนึ่งของกำไรไปลงทุน เพื่อจะได้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเพิ่มทุน เราคิดว่าปัจจุบันถ้ายังไม่มีโครงการใหญ่ๆอะไร เราก็จะไม่มีการเพิ่มทุน แต่ถ้าเรามองเห็นว่าโครงการที่อยู่ในใจอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็อาจจะมีการเพิ่มทุน ตรงนั้นก็หมายความว่าจะต้องเป็นการลงทุนที่ให้รีเทิร์นต่อผู้ถือหุ้นค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันที่เราลงทุนทำคลังสินค้าเพื่อเสริมเรื่องการขนส่งเรายังมีเงินจากไอพีโอที่ซัพพอร์ตได้อยู่
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 10:37 am
โดย Jeng
คุณลูกอีสานอ่านแล้ว คิดว่าจะมีการเพิ่มหรือไม่ครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 11:04 am
โดย ลูกอิสาน
Jeng เขียน:คุณลูกอีสานอ่านแล้ว คิดว่าจะมีการเพิ่มหรือไม่ครับ
อ่านแล้วผมแปลได้ว่า
ระยะสั้นไม่เพิ่มทุนครับ เพราะไม่มีความจำเป็น แต่ในระยะยาวหากมีโครงการที่มีผลตอบแทนดีมากเข้ามา ก็ไม่แน่ครับ
พิจารณา d/e หากไม่รวมเงิน od ที่ซื้อถ่านหินล่าสุดแล้ว UMS มี d/e ต่ำมากนะครับ นอกจากนั้นยังมีกระแสเงินสดค่อนข้างสูง เปรียบเทียบกับหนี้ที่มีอยู่
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 9:38 pm
โดย por_jai
8) เท่าที่อ่านมาพอสรุปได้ว่า
ข้อได้เปรียบ
-หากินแบบที่ภาษาการตลาดเรียกว่า niche market
เจ้าของไอเดียทำธุรกิจนี้ท่าทางมองตลาดทะลุจริงๆ
-หากินกะ เอสเอ็มอี อันนี้ก็ได้เปรียบไม่โดนใครบีบ
เรื่องราคาแน่ เพราะปริมาณลูกค้ามีมาก
-ราคาก็กินครีมอยู่ หวานมันกลมกล่อม
เพราะcompare กะน้ำมันเตา ยังไงก็ดูไม่แพงง่ะ
-แถมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายพวกส่งเสริมการขาย ซึ่งไม่ถูกเลย
ใครอยู่ในวงการคงพอทราบ
-มีองค์ประกอบที่จะเด้งได้
-คู่แข่งขายถ่านหินด้วยกัน มองข้ามไป
ข้อเสียเปรียบ
-ทุนไม่ค่อยหนา ขยายกิจการต้องค่อยเป็นค่อยไป
-ซื้อเงินสด ขาย เงินเชื่อ (ฮ่าๆ) ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
-คู่แข่งไม่ใช่พวกถ่านหินด้วยกัน กลายเป็นพลังงานทดแทนอื่นๆ
-เสนอขายได้ ต้องรออีกหลายเดือน จะแปลงเป็นยอดขายได้จริง
-ชีวิตต้องยืมจมูกโรงงานที่อินโดหายใจ
-อะไรอีกหว่า....
ถ้าใจถึงก็อย่างที่คุณ CK บอกนะว่า high risk ......
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 9:58 pm
โดย Mon money
การใช้เงินยืมระยะสั้นกับธนาคาร ไปใช้กับการซื้อสิ้นค้ามาขายจะเหมาะมาก
คาดว่าระดับการขยายตัวระดับนี้เหมาะที่สุด และตลาดก็ไม่ได้โตเร็วขนาดนั้นครับ
ไม่ต้องรีบ เพราะไม่มีใครมาแย่งตลาดตอนนี้ครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 10:58 pm
โดย woody
ไม่ต้องรีบ เพราะไม่มีใครมาแย่งตลาดตอนนี้ครับ
ตอนแรกอาจเป็นไม่ต้องรีบ ไม่มีใครมาแย่งซื้อหรอก :mrgreen:
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 11:14 pm
โดย CK
พี่พอจายสรุปได้เยี่ยมครับ

ขอแสดงความเห็นอันต่ำต้อยนิดเดียว
ผมว่าการซื้อสดขายเชื่อไม่ค่อยน่าหนักใจ ตราบใดที่ขายได้แน่ๆ ที่สำคัญ
UMS ประวัติการเก็บเงินจากลูกหนี้การค้ายอดเยี่ยมมาก คือไม่เคยเกิน 30 วันเลย
ซึ่งทำให้ exposure ตรงนี้ negligible เพราะต่อให้อัตราดอกเบี้ย MLR ขึ้นไปที่
12% ค่าดอกเบี้ยเทียบกับราคาขายก็ 1% เอง ในขณะที่ margin เป็น 28% up
ที่น่าหนักใจและผมกลัวเอาการคือ ลูกค้าเจ๊งไปต่อหน้าต่อตาครับ หายไปเลย
ต่อให้เก็บเงินเก่งแค่ไหน แต่เก็บไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน
ยังดีที่ลูกค้าหลักๆ ของ ums อยู่ในอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างทนทานต่อภาวะ
เศรษฐกิจถดถอย คือพวกที่อยู่รอดจาก crash ต้มยำกุ้งมาได้ ก็น่าจะ
มีภูมิคุ้มกันพอสมควร
ส่วนค่าการตลาดนั้น ปากต่อปากได้ผลที่สุดอยู่แล้ว จริงๆ แล้ว ums น่า
จะของบรัฐบาลสัก 100 ล้านเพื่อประชาสัมพันธ์การใช้ถ่านหินแบบมลภาวะ
ต่ำนะ
ความเข้าใจผิดของคนไทยว่าถ่านหินสร้างมลภาวะมากก็มาจาก Lignite
นี่แหละ ซึ่งถ่านหินที่ ums ขายเป็นระดับ sub bituminus ซึ่งมลภาวะ
ที่ก่อพอๆ หรือน้อยกว่าน้ำมันเตาเสียอีก
จริงๆ แล้ว คิดอีกที :lovl: รัฐบาลน่าจะทำโครงการแจก boiler ถ่านหินไป
ให้มันรู้แล้วรู้รอดเลย ปีละ 1,000 ราย รายละซัก 20-30 ton-steam
ประหยัดค่าน้ำมันให้ประเทศปีละเป็นหมื่นล้านบาทเชียว
ยิ่งคิดยิ่งไปกันใหญ่ :lovl:
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 11, 2005 11:20 pm
โดย naris
:lovl: :lovl: เป็นเหมือนผมเลย เขาเรียกพวกเพ้อฝัน เข้าข้างหุ้นตัวเอง :lovl: :lovl:
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 12, 2005 10:13 am
โดย สามัญชน
:lol: :lol: :lol: :lol:
ท่านเจย์โชว์สรุปไว้ดีนะ ท่านอื่นๆก็เยี่ยมครับ ทั้งท่านพี่พอใจ ท่านพี่ck ท่านฉัตร น้องลูกอิสานผู้รอบรู้ ท่านนริศและพี่เจ๋ง ล้วนแล้วแต่ยอดเยี่ยม
ในมุมมองของผมนะครับ
ถ้าเปรียบ ums เป็นทีมฟุตบอลก็จัดเป็นทีมที่มีกองหน้ายอดเยี่ยม บุกทะลวงทำกำไรได้อย่างงดงาม p/e อยู่ที่ประมาณ หกเท่ากว่าๆ เยี่ยมจริงๆ ราคานี้ไม่แพงเลย
แต่เจ้าตัวกองหลัง p/b นี่สิครับ ปาไป เกือบสี่เท่า ถือว่าเป็นกองหลังที่อ่อนมากๆนะ เกิดกองหน้าพลาดขึ้นมา กองหลังจะอุดไม่อยู่จริงๆ เสียประตูง่ายๆเลย และราคานี้จะเปลี่ยนไปเป็นแพงแสนแพงไปทันทีเลยนะเนี่ย
ผมก็ว่าเข้าข่าย Growth stock มากกว่า Value stock นะ
พี่เจ๋งตั้งกระทู้แบบนี้ ผมว่าเยี่ยมนะ ตั้งชื่อได้ยั่วยวนจริงๆ และก็ได้ความรู้เยอะเลยครับ ผมเอาไปใช้มั่งดีกว่า
:lol: :lol: :lol: :lol:
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 12, 2005 10:44 am
โดย ลูกอิสาน
CK เขียน:ส่วนค่าการตลาดนั้น ปากต่อปากได้ผลที่สุดอยู่แล้ว จริงๆ แล้ว ums น่าจะของบรัฐบาลสัก 100 ล้านเพื่อประชาสัมพันธ์การใช้ถ่านหินแบบมลภาวะต่ำนะ
ความเข้าใจผิดของคนไทยว่าถ่านหินสร้างมลภาวะมากก็มาจาก Lignite
นี่แหละ ซึ่งถ่านหินที่ ums ขายเป็นระดับ sub bituminus ซึ่งมลภาวะ
ที่ก่อพอๆ หรือน้อยกว่าน้ำมันเตาเสียอีก
จริงๆ แล้ว คิดอีกที :lovl: รัฐบาลน่าจะทำโครงการแจก boiler ถ่านหินไป
ให้มันรู้แล้วรู้รอดเลย ปีละ 1,000 ราย รายละซัก 20-30 ton-steam
ประหยัดค่าน้ำมันให้ประเทศปีละเป็นหมื่นล้านบาทเชียว
ยิ่งคิดยิ่งไปกันใหญ่ :lovl:
เรียกว่า boiler เอื้ออาทร พอไหวไหมครับ :lovl:
พูดเป็นเล่นไปนะพี่ CK ประหยัดเงินประเทศได้หลายหมื่นล้านจริงๆ
พีสามัญชนครับ ถ้ากองหน้าดีจริงๆ กองหลังก็จะดีไปด้วยครับ คือถ้ายิงประตูได้มาก กองหลังก็มีความกดดันน้อยลง เล่นสบายกว่าเปรียบเทียบกับมีกองหน้าไม่ได้เรื่อง ปัญหาคือกองหน้าต้องดีตลอดไป จะมีฟอร์มลุ่มๆดอนๆ ไม่ได้
เหมือนบริษัทที่ทำกำไรได้มาก ถ้าไม่ปันผลซะหมด ส่วนทุนก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ p/b ก็จะค่อยๆลดลง อย่าง psl เคยมี pb สูงมากๆ แต่ตอนนี้ก็ค่อยๆลดลงเพราะทำกำไรเพิ่มขึ้นได้มาก และปันผลไม่สูง หุ้นที่มี pb สูงๆ 4-5 เท่าก็เช่น HMPRO AH PTTEP ครับ
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 12, 2005 10:51 am
โดย สามัญชน
ถามว่ากองหลังมีโอกาสแข้งแกร่งขึ้นไหม
มีครับ.....สมมติว่า roe อยู่ที่ 60 % (บริษัทมีประวัติย้อนหลังให้ดูแค่สามปี ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับนี้ เราไม่รู้ว่าจะรักษาระดับนี้ได้อีกไหม แต่สมมติว่าได้ ) บริษัทจะใช้เวลาประมาณอีกหนึ่งปีเศษๆทำให้ค่า p/b อยู่ที่ 2 เท่า และใช้เวลาประมาณ 3 ปี ค่าp/b จะอยู่ที่ 1 เท่า และเกือบห้าปี จะอยู่ที่ 0.5 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นกองหลังที่แข้งแกร่งมาก แต่ทั้งหมดนี้อยู่ที่เงื่อนไขว่า บริษัทต้องทำ roe ให้ได้ 60% ทุกไตรมาส (โดยที่ e ทุกไตรมาสจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยนะ)
ตั้งแต่เล่นหุ้นมา 3 ปี ไม่เคยเห็นหุ้นตัวไหนอนาคตสดใสเท่า UMS
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 12, 2005 10:53 am
โดย สามัญชน
อ้าว....เพิ่งเห็นข้อความน้องลูกอิสาน