Thai VI

kongkiti เขียน:จำได้ว่า วันแรกที่พี่ leky โพสก็ไม่ได้ลบ 70 จุดนิครับ
วันนี้น่าจะลบเยอะสุดในรอบหลายปี...

ตามมาหลอนอีกจนได้ครับ

วันนั้นเหมือนจะไหลลงมา -70 จุดครับ แต่ตอนตลาดจะปิดก็ถูกดันขึ้นไป ปีก่อนมีหลายวันที่ไหลหนัก ๆ แบบนี้ครับ แต่ตอนนั้นการไหลลงมันลบมาก แถมวอลุมก็มาก ตอนนั้นเข้าใจว่านักเก็งกำไรยังไม่ออกไปจากตลาด ส่วนหนึ่งก็ซื้อหวังเด้งตอนท้ายตลาด

ถ้าดูจากตัวเลขการซื้อขายรายกลุ่ม ผมคิดว่าน่าจะมีแรงขายจาก LTF ที่ครบอายุ ยิ่งตลาดไม่ดีแบบนี้คนเค้าอาจจะยิ่งอยากขาย กองทุนก็สำรองเงินไว้ตรงส่วนนี้ ตอนปีใหม่เจอเพื่อนที่ทำงานกองทุนผมถามเค้าว่าผิดคาดที่สองวันก่อนสิ้นปีกองทุนขายหนัก เค้าบอกว่าส่วนหนึ่งคือขายกันเงินเอาไว้ครับ

จะว่าไปหุ้นบางกลุ่มกลับบวกสวนขึ้นมาในวันนี้นะครับ เช่นกลุ่มส่งออกอาหารทะเล หรือกลุ่มที่ดูยัน ๆ ไว้ได้ไม่ลบหนักคือกลุ่มชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคส์

วันนี้ขายจัดหนักที่หุ้นธนาคารเป็นหลักเลยครับ

ตอนนี้ผมคงต้องมา evaluate ใหม่อีกรอบ เพราะตอนที่ดูไปล่าสุดตอนนั้นตลาดไม่ได้ตกหนักเท่านี้ คงต้องพยายามดูว่าหุ้นตัวไหนน่าจะกลับมาได้เร็วสุดครับ

จะว่าไปทุกครั้งที่ตลาดขึ้นแรงหรือลงแรง ผมจะพยายามเรียนรู้กับมันนะครับ

เรียนรู้ว่าตอนตลาดขึ้นแรง ๆ หุ้นพวกไหนขึ้นแรงกว่าชาวบ้าน หุ้นกลุ่มไหนที่ไม่ขึ้นและบทสรุปของหุ้นเหล่านั้นเป็นอย่างไร

เรียนรู้ว่าตอนที่ตลาดหุ้นตกหนัก หุ้นกลุ่มไหนที่ลงแรงกว่าชาวบ้าน หุ้นตัวไหนที่ไม่ค่อยลงหรือบวกสวน และบทสรุปของหุ้นเหล่านั้นเป็นอย่างไร

ผมเคยฟังคุณประภาส ผู้จัดการกองทุนกรุงศรี ให้สัมภาษณ์ในงาน set in the city ว่าเงิน ltf ที่เข้ามาปลายปี จะไม่นำไปซื้อหุ้น แต่จะมีไว้เพื่อคืนเงิน ให้แก่ ผู้ลงทุน ltf ที่ครบ 5 ปี ปฏิทิน หลังวันที่ 1 มค.57 ครับ ซึ่งคุณประภาส คาดการณ์ว่าแรงขาย ltf น่าจะสะเด็ดน้ำ หลังพ้น 2 สัปดาห์แรก ของเดือนครับ

วันนี้คงไม่ลงไปแข่งกับเมื่อวานนะครับ

มี 2 วันในปีที่แล้วที่ลงไปเกิน 70 จุดครับ...^^)

shanghaigeny เขียน:ผมเคยฟังคุณประภาส ผู้จัดการกองทุนกรุงศรี ให้สัมภาษณ์ในงาน set in the city ว่าเงิน ltf ที่เข้ามาปลายปี จะไม่นำไปซื้อหุ้น แต่จะมีไว้เพื่อคืนเงิน ให้แก่ ผู้ลงทุน ltf ที่ครบ 5 ปี ปฏิทิน หลังวันที่ 1 มค.57 ครับ ซึ่งคุณประภาส คาดการณ์ว่าแรงขาย ltf น่าจะสะเด็ดน้ำ หลังพ้น 2 สัปดาห์แรก ของเดือนครับ

อ่านข้อมูลจากบทวิเคราะห์ของโบรก ตัวเลข LTF ปี 2010 ที่ครบกำหนดขายได้ในปีนี้อยู่ที่ 37,000 ล้านบาท ถ้ารวม capital gain ด้วย อาจจะขึ้นไปสูงถึง 50,000 ล้านบาทครับ

leky เขียน:

shanghaigeny เขียน:ผมเคยฟังคุณประภาส ผู้จัดการกองทุนกรุงศรี ให้สัมภาษณ์ในงาน set in the city ว่าเงิน ltf ที่เข้ามาปลายปี จะไม่นำไปซื้อหุ้น แต่จะมีไว้เพื่อคืนเงิน ให้แก่ ผู้ลงทุน ltf ที่ครบ 5 ปี ปฏิทิน หลังวันที่ 1 มค.57 ครับ ซึ่งคุณประภาส คาดการณ์ว่าแรงขาย ltf น่าจะสะเด็ดน้ำ หลังพ้น 2 สัปดาห์แรก ของเดือนครับ

อ่านข้อมูลจากบทวิเคราะห์ของโบรก ตัวเลข LTF ปี 2010 ที่ครบกำหนดขายได้ในปีนี้อยู่ที่ 37,000 ล้านบาท ถ้ารวม capital gain ด้วย อาจจะขึ้นไปสูงถึง 50,000 ล้านบาทครับ

5555 อีก 5 หมื่นล้าน มีหวัง ดอยกันอีกเพียบแน่
แต่ก็อีกและครับ ทนต่างชาติขายมาได้ 2 แสนล้าน จะทนอีก 5 หมื่นล้าน ก็คงอีกไม่ไกลแล้ว
แต่ถ้าจะให้ดี แค่นี้ก็พอเถอะ หนาวจะแย่แล้ว

เรียนท่านแม่ทัพ

รายงานจากอาสาสมัครจากแนวหน้า ตอนนี้ข้าศึกได้เข้าล้อมตีโอบทำให้ทหารแนวหน้าต้องล่าถอยเข้ามาหลบในเขตพระณคร
ตอนนี้ทางอาสาสมัครได้แต่คอยเฝ้าดูสถาณการณ์

ขอให้พี่น้องเพื่อนทหาร หาญ ผู้ร่วมรบ ตั้งอยู่ในที่มั่น

cosmo เขียน:เรียนท่านแม่ทัพ

รายงานจากอาสาสมัครจากแนวหน้า ตอนนี้ข้าศึกได้เข้าล้อมตีโอบทำให้ทหารแนวหน้าต้องล่าถอยเข้ามาหลบในเขตพระณคร
ตอนนี้ทางอาสาสมัครได้แต่คอยเฝ้าดูสถาณการณ์

ขอให้พี่น้องเพื่อนทหาร หาญ ผู้ร่วมรบ ตั้งอยู่ในที่มั่น

วันนี้ต้องเปลี่ยนหัวข้อกระทู้ ในวันที่ Set ลบ 130 จุด หรือ วันที่ Set Swing 200 กว่าจุดดีมั้ย คริๆ

ช่วงที่หุ้นโดนสาดมา หางๆโวลุ่ม โอกาสเยอะมากครับ

ลงแล้วก็ลงอีก ถูกแล้วก็ยังมีถูกกว่า แต่ด้วยความโชคดีที่ติดตามบทความที่อาจารย์หลายๆท่านเขียน ตัวที่มีกำไรก็ขายเกือบถือฟรีก็มี บางตัวกิจการไม่ตรงที่เราคิดก็ขายออกมีกำไรนิดหน่อย ลดพอร์ตถืออยู่ไม่กี่ตัว เอาไปตัดบ้าน ถือเป็นกำไรชีวิตแล้วเหลือหนี้ค่าบ้านอีกหมื่นนิดๆเอง หลังปีใหม่คงหมดพอดี และมีเงินสดไปเยี่ยมพ่อแม่และกลับบ้านปีใหม่ ขอกราบอาจารย์ทุกท่านที่เตือนสติเลยครับ (ปล.ขายมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้วครับ)

^
แสดงความยินดีด้วยครับจะได้เป็นอิสระจากหนี้บ้านแล้ว

ขอบคุณครับที่ให้กำลังใจ ตอนนี้เวลาเล่นดนตรีก็มีความสุขยิ่งขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สิน การดำเนินชีวิตก็เรียบง่าย มีเวลาไปออกกำลังกายมากขึ้นครับ กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่บ่อยขึ้น

jantorsang เขียน:ช่วงที่หุ้นโดนสาดมา หางๆโวลุ่ม โอกาสเยอะมากครับ

แต่เวลามันสั้นมาก กั้นใจใส่กระสุน จู่โจมกำลังพลที่แตกกระเจิงจาก force sell ได้ไม่กี่นัด เหล่าขุนศึกผู้กล้าท่านอื่นก็กระทำการตีกระนาบกวาดต้อนไปหมดสิ้น

อาจจะเกิดวิกฤติทางการเงินอีกรอบครับ BRIC domino ซึ่งเป็นผลมาจากการฮั้วกันของUSA และพวกตะวันออกกลาง

ตอนนี้ก็ได้แต่ติดตามอ่านข่าววิเคราะห์กันต่อไป แม้เรื่องจะวนเวียนเหมือนอยู่ในกาละมัง

cash is the king
เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องอีกครั้งหนื่ง

เรียนท่านกุนซือและท่านแม่ทัพ

ตอนนี้ข้าศึกฝ่าด่าน 1500 มาได้แล้วขอรับ

ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี
หากหุ้นไม่ลง แล้ว VI อย่างเราๆ จะหาอะไรลงทุนได้บ้าง
จริงไหม...

ให้สามคำพอ

"ทำเหมือนเดิม"

ขอเลียนแบบพี่ NB ให้สามคำบ้างครับ

"ดอยเหมือนเดิม"

ผมโดนทุบหัวแบนละครับบ

KittipongS เขียน:เรียนท่านกุนซือและท่านแม่ทัพ

ตอนนี้ข้าศึกฝ่าด่าน 1500 มาได้แล้วขอรับ

Pyrostrikes เขียน:ผมโดนทุบหัวแบนละครับบ

เออ ข้าพเจ้าคิดว่ามันก็ไม่ได้ลงจนน่ากลัวอะไรนะครับ

แต่ถ้ามันทำให้เหล่าสหายถึงกับกระวนกระวายแล้วล่ะก็ ข้าพเจ้าแนะนำว่าให้ปิดจอหุ้นโดยด่วนที่สุดครับ

แต่ถ้าการที่ข้าศึกส่งเพียงพลสอดแนมมาแล้วถึงขนาดทำให้ทัพของท่านเพลี่ยงพล้ำแล้วล่ะก็ ข้าพเจ้าคิดว่าหุ้นในพอร์ตของเหล่าสหายอาจจะยังมี MOS ไม่เพียงพอครับ

นั่นแปลว่าถ้าครั้งนี้แผนการของท่านได้ผิดพลาดไปแล้ว ครั้งหน้าขอให้ท่านโปรดระมัดระวังมากขึ้นครับ

อันตัวข้าพเจ้าก็เข้าใจครับ ยามตลาดกระทิง ระดับของ SET สูง ๆ นั้น เหล่าขุนพล มักจะใจร้อน อยากเผด็จศึกข้าศึกเพื่อให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายโดยเร็ว

แต่การศึกนั้น เราจะคิดว่าเราจะต้องชนะตลอดการไม่ได้ครับ เราต้องเผื่อทางเลือกของเราเสมอครับ ทางเลือกในกรณีที่เราประเมินข้าศึกต่ำเกินไป ทางเลือกในกรณีที่เราเจอสภาวะที่คาดคิดไม่ถึง เช่น สภาพลมฟ้าอากาศที่ไม่เป็นใจและทำให้ฝ่ายเราเสียเปรียบ มิเช่นนั้นแล้ว ยามเกิดปัญหา เราจะร้อนรน ยิ่งร้อนรน ยิ่งสะเปะสะปะ ยิ่งผิดพลาด

บางครั้งการใช้ความเย็นเข้าสู้ การไม่ทำอะไรกับข้าศึกมากนัก เช่น การล้อมข้าศึกไว้เฉย ๆ ยามที่เราได้เปรียบ แล้วรอให้ข้าศึกอดตายไปเอง ถึงไม่บุกก็เหมือนบุก การรบแบบนี้แล ที่เป็นสุดยอดของการต่อสู้ ถึงช้าแต่ก็ชนะ และไม่เสียกำลังพลครับ

รอบนี้ตลาดร่วงไม่มากเท่าไหร่นะครับ แต่ดูเหมือนว่านักลงทุนส่วนมากปรับพอร์ทไปเชิงรุกมากขึ้น อาจจะเพราะกระแสเก็งกำไรที่สร้างกำไรได้ดีกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้เวลาตลาดลงหนักๆนั้นไม่มีกองหลังคอยคุมเกม ทำให้โดนกันไปประตูสองประตู

ลบ เหมือน เดิม

และแล้ว ปีนี้ วันแบบนี้ก็กลับมาอีกครั้ง ปีหน้า ปีนู้น ปีต่อๆ ไป มันก็ต้องมีอีก

อ่านกระทู้นี้แล้วก็นึกคำถามเดิมๆ

จำไม่ได้แล้ว ว่าตอนนั้น เกิดอะไรขึ้น มันถึงร่วงได้เยอะในวันเดียว

มันเคยเกิดขึ้นด้วยหรือ ????

leky เขียน:ตอนนี้ SET ลบประมาณ 70 จุด ยอมรับว่าไม่ค่อยได้ทำอะไรเลยครับ หุ้นที่มีอยู่ก็ไม่ได้ขาย เพราะตอนที่ซื้อก็ประเมินแล้วว่า MOS น่าจะปลอดภัยในระดับหนึ่ง โอเคครับตลาดเล่นกันหนักแบบนี้มันก็คงต้องไหลตามลงมาอยู่แล้ว ครั้นจะขายออกไปก็รู้สึกว่าด้วยปัจจัยบวกของหุ้นตัวนั้น ถ้าตลาดหยุดบ้าคลั่งมันก็น่าจะกลับมาได้ ส่วนหุ้นที่เคยอยากได้ก็ซื้อเข้ามาหน่อย

เป็นธรรมดาพอร์ตที่เคยพีค ๆ มันก็ต้องลดลงมาบ้าง อยู่ที่ว่าจะทำใจให้นิ่งมากน้อยแค่ไหน อยากจะมองเทียบกับพอร์ตช่วงที่พีคสุดหรืออยากจะมองจากจุดที่พอร์ตเคยต่ำที่สุด ถ้ามองแบบแรกก็คงจะเครียด แต่ถ้ามองแบบหลังก็คงจะสบายใจกว่า ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกจุดอ้างอิงที่จุดไหน

โชคดีทุก ๆ ท่านครับ

สุดท้ายเรื่องราวเดิม ๆ มันก็กลับมาอีกครั้ง

ครั้งที่แล้วเป็นเรื่องของ QE เขย่าตลาด นลท.หนีตาย วันที่ตั้งกระทู้นี้เมื่อ 11 มิ.ย. 2013 SET อยู่ที่ 1,452 จุด หลังจากนั้นพอผ่านไป 1 ปี 6 เดือน SET ในวันที่ 31 ธ.ค. 2014 ปิดที่ 1,497 จุด เหมือนแทบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะสุดท้าย SET ก็กลับมา เรื่อง QE ที่ต่างกลัวกันหนักหนา กลายเป็นอดีตที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือแม้แต่บางคนก็ต้องใช้เวลานึกอยู่นานว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น

วันนี้กับวันนั้น ผมทำอะไรต่างกันหรือไม่ ประสบการณ์ที่ได้รับในวันนั้นสอนอะไรผมมากมาก แต่สิ่งที่ผมทำในวันนี้กลับไม่ได้แตกต่างอะไรจากในวันนั้นเลย

แต่สิ่งที่ผมเปลี่ยนไปจากวันนั้นก็คือ ผมกลับนิ่งขึ้น ไม่มีความร้อนรนอะไรแบบในวันนั้น จะว่าไปผมเองก็เพิ่งมารู้ตอนตลาดปิดแล้วด้วยซ้ำว่า SET ลบลงไปเกือบ 70 จุดอีกครั้ง

ผมเชื่อว่าสุดท้ายเดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ และทุกครั้งที่มีวิกฤติ หลังวิกฤติจะมีเรื่องดี ๆ เสมอครับ

คิดเหมือนกัน มันเคยเกิดขึ้นด้วยหรือ 555

Green เขียน:อ่านกระทู้นี้แล้วก็นึกคำถามเดิมๆ

จำไม่ได้แล้ว ว่าตอนนั้น เกิดอะไรขึ้น มันถึงร่วงได้เยอะในวันเดียว

มันเคยเกิดขึ้นด้วยหรือ ????