jverakul เขียน:ถูกครับ ภารโรงที่ตอบโจทย์คณิตศาสตร์ของโปรเฟสเซอร์ที่ MIT. ได้dr1 เขียน:ตอบการบ้าน อ.NB
อีกคนชื่อดัชนี (ชื่อก็อยู่ตรงนั้นแล้ว เห็นๆอยู่)
ดูรูป
ในหลวงแล้วนึกถึง โลซาน
(เห็นไฮเดลเบิร์กแล้วนึกถึงสเด็จพ่อกรมหลวงสงขลา)
แชปปลิน แล้วนึกถึงเวเว่
ไอน์สไตน์แล้วนึกถึงเบิร์น
เฟรดดี้ แล้วนึกถึงมองโตร
บินลาดิน แล้วนึกถึงเอเธนส์ (โดนล้วงเป๋าในรถใต้ดินด้วย)
เดินผ่านตึกร้างเห็นชื่อ osama พ่นสีสเปร์แล้วขีดทิ้ง ถัดมามีชื่อobama แล้วขีดทิ้ง
อันสุดท้ายพ่นว่า your mama ขีดเส้นใต้สองเส้น
ปล. ยังไม่รู้ว่ารูปอ.NB เนี่ยรูปใครเลย
ปล.2 นึกออกอีกอย่่าง ว่าหุ้นวีไอ2ตัวที่คุณบ.บอก น่าจะชื่อ ตัวใคร ตัวมัน(ที่มา:ท่านromee)
พี่ dr1 ครับ อยากทราบว่าตามอักษรสีแดงนั้นคือใครครับ ผมความรู้น้อยนะครับเดาไม่ออก
รูปประจำตัวพี่ NB. ไม่ใช่ Matt damon เหรอครับ น่าจะมาจากหนัง Good will hunting ถ้าจำไม่ผิดนะครับ
VI หาดใหญ่
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 511
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 512
เอิ่ม จิงด้วย ท่าน jverakul
แต่ผมนึกถึงหนัง bond intimacyภาคหลัง ๆมากกว่า (โอเชี่ยน11-13มีเค้าด้วยป่าว?)
เอเธนส์ เป็นเมืองหลวงของกรีกฮะ เจริญมากเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว
นอกนั้นเป็นเมืองในสวิสเซอร์แลนด์ฮะ
ประเทศที่มีคนเล่าให้ฟังเทียบว่า มีเหล็กอยู่ตันนึง ไทยทำตะปู ญี่ปุ่นทำรถยนต์ สวิส ทำนาฬิกา(ตอนนี้เป็นพวกเครื่องมือหัวสว่าน ของมีคมไรพรรค์นั้น)
ปรเทศที่ไม่มีต้นโกโก้ แต่คนนึกถึงชอคโกแล็ต (ทั้งๆที่เบลเยี่ยมตัวพ่อ)
ประเทศที่ไม่มีเหมืองทอง แต่ทองบริสุทธ์เลขเก้าสี่ห้าหลัก เรียกกันว่าทองสวิส
ประเทศที่มีนักวิทยาศาสต์รางวัลโนเบลเยอะที่สุด (บรรยากาศพาไปให้ปิ๊งอะไรขึ้นมาง่ายๆมั้ง)
ประเทศที่ดารา คนดัง ไปใช้ชีวิตบั้นปลาย เรียบง่ายอยู่กันเยอะมั้ง(เดาเอา)
แต่เวลาไปซื้อของ เค้าถามว่ามาจากไหน เราตอบ ไทยแลนด์ เค้าบอกว่าชอบมาก
เราถามว่างั้นแลกกันเอามะ เค้าบอก เอาเลย
(ตอนนั้นสี่ห้าปีแล้ว ตอนนี้ไม่รู้เอาอีกมั้ย)
แต่ผมนึกถึงหนัง bond intimacyภาคหลัง ๆมากกว่า (โอเชี่ยน11-13มีเค้าด้วยป่าว?)
เอเธนส์ เป็นเมืองหลวงของกรีกฮะ เจริญมากเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว
นอกนั้นเป็นเมืองในสวิสเซอร์แลนด์ฮะ
ประเทศที่มีคนเล่าให้ฟังเทียบว่า มีเหล็กอยู่ตันนึง ไทยทำตะปู ญี่ปุ่นทำรถยนต์ สวิส ทำนาฬิกา(ตอนนี้เป็นพวกเครื่องมือหัวสว่าน ของมีคมไรพรรค์นั้น)
ปรเทศที่ไม่มีต้นโกโก้ แต่คนนึกถึงชอคโกแล็ต (ทั้งๆที่เบลเยี่ยมตัวพ่อ)
ประเทศที่ไม่มีเหมืองทอง แต่ทองบริสุทธ์เลขเก้าสี่ห้าหลัก เรียกกันว่าทองสวิส
ประเทศที่มีนักวิทยาศาสต์รางวัลโนเบลเยอะที่สุด (บรรยากาศพาไปให้ปิ๊งอะไรขึ้นมาง่ายๆมั้ง)
ประเทศที่ดารา คนดัง ไปใช้ชีวิตบั้นปลาย เรียบง่ายอยู่กันเยอะมั้ง(เดาเอา)
แต่เวลาไปซื้อของ เค้าถามว่ามาจากไหน เราตอบ ไทยแลนด์ เค้าบอกว่าชอบมาก
เราถามว่างั้นแลกกันเอามะ เค้าบอก เอาเลย
(ตอนนั้นสี่ห้าปีแล้ว ตอนนี้ไม่รู้เอาอีกมั้ย)
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 513
เมื่อวานไปตวจ.กลับมาคึกคักกันจริง ๆ ครับ
จะว่าไปเรื่อง case study ผมคิดอยู่นานเหมือนกันนะว่าจะพิมพ์ดีหรือไม่ดี พิมพ์เสร็จจะลบออกแล้วด้วยซ้ำ เพราะมันดาบสองคม คนโพสต์ก็เสี่ยง แต่ผมมาคิดอีกที ผมก็บอกไว้อยู่แล้วว่าราคา ณ ตอนนั้น มันไม่ใช่ ณ ตอนนี้ ต่างกันราว ๆ เท่าตัว ก็เลยคิดว่าใครที่จะซื้อตาม น่าจะมีสติพอควรครับ ถึงจะตามแล้วรู้สึกลัลลาได้ จะว่าไปถ้าผมมาพิมพ์ตอนที่มันขึ้นไปไม่มาก มันก็จะกลายเป็นหาแนวร่วมมาช่วยดัน ซึ่งผมก็ไม่อยากให้ใครมาครหาครับ
ที่ผมตัดสินใจโพสต์เพราะว่า ผมคิดดูแล้ว จริง ๆ ความรู้ต่าง ๆ ในเรื่องหุ้น ในหนังสือที่เค้าเขียนขายกันนั้น มันก็เนื้อหาซ้ำ ๆ กันน่ะครับ อ่านแล้วมันเหมือนพายเรือในอ่าง (อ่างอะไรไม่รู้นะครับ) เพียงแต่ที่เรายังต้องอ่านเพราะหนังสือบางเล่มมันอาจจะมี key ที่น่าสนใจบางอย่างอยู่ครับ ซึ่งอาจจะเป็นแค่บทเดียว หน้าเดียว แต่ผมว่าส่วนใหญ่เนื้อหามันก็จะคล้าย ๆ กัน เช่นการดูบ. การดูตัวเลขต่าง ๆ
แต่ที่ผมสังเกตดูส่วนใหญ่เค้าไม่ค่อยเขียนถึง case study มากนัก ตัวอย่างน้อยเกินไปน่ะครับ ทั้ง ๆ ที่ผมคิดว่ามันสำคัญพอ ๆ กับเนื้อหา basic แล้วก็สำหรับคนที่ประสบการณ์น้อย ตรงนี้มันก็จะย่นเวลาเรียนรู้ให้สั้นขึ้น อ่านแล้วมันก็จำได้ง่ายกว่าเพราะมันเป็นเรื่องราวจริง ๆ เพียงแต่การอ่านมันก็ต้องระวังเหมือนกัน ถ้าคนเขียนจะเขียนแต่หุ้นที่ประสบความสำเร็จ แต่หุ้นที่ซื้อแล้วไม่ประสบความสำเร็จอาจจะไม่มาเขียน ในกรณีของหุ้นตัวนี้ที่ผมอยากเขียนเพราะมันมีจุดที่น่าสนใจหลายจุดครับ
ในกรณีของหุ้นถังแก๊สนั้นจริง ๆ มันก็ต้องมีจุดที่ควรจะระวังเหมือนกันครับ เป็นจุดเดียวแต่สามารถ "ล้มกระดาน" ได้หมด ก็คือ story ที่ออกมาจากบ.นั้น "เชื่อถือได้แค่ไหน" ซึ่งถ้าไปเจอบ.ที่ขี้โม้ ตัวเร่งทั้งหลายทั้งแหล่ที่ผมบอกไปมันก็อาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะเป็นความจริง แต่ตรงนี้ผมคิดว่าเราสามารถเช็คได้จากเรื่องราวที่มันตามมาว่าจริงหรือไม่ กำไรดีขึ้นจริงหรือไม่ แต่ยังไงก็ตามเราก็คงต้องซื้อหุ้นตัวนั้นเข้าไปแล้ว
หุ้นที่ออกมาจากแผนฟื้นฟู บางตัวก็ไม่ได้เลวร้ายนะครับ ผมคิดว่าเราคงต้องไปตามดูเหตุแห่งปัญหาของเค้าครับ ว่ามันเกิดจากอะไร แล้วเค้าพยายามแก้ไขอย่างไร บางตัวชื่อเสียเก่า ๆ ก็พอจะบอกได้ แต่ในกรณีของหุ้นถังแก๊สผมมองว่ามันเกิดจากความผิดพลาดในยุควิกฤติปี 40 น่ะครับ คิดว่าเนื่องจากเค้าต้องใช้เหล็กเลยคิดจะมีโรงเหล็กเป็นของตัวเองซะเลย แล้วเท่าที่ตามดู ปัญหาได้ถูกแก้ไปแล้ว รอล้างหนี้ให้หมด กำไรในปีหลัง ๆ ก็ดีขึ้นมาก ยอดขายโตขึ้น แต่ที่บ.ยังออกมาจาก ICU ไม่ได้เพราะยังไม่ผ่านเกณฑ์ของตลาดเท่านั้นน่ะครับ
จะว่าไปเรื่อง case study ผมคิดอยู่นานเหมือนกันนะว่าจะพิมพ์ดีหรือไม่ดี พิมพ์เสร็จจะลบออกแล้วด้วยซ้ำ เพราะมันดาบสองคม คนโพสต์ก็เสี่ยง แต่ผมมาคิดอีกที ผมก็บอกไว้อยู่แล้วว่าราคา ณ ตอนนั้น มันไม่ใช่ ณ ตอนนี้ ต่างกันราว ๆ เท่าตัว ก็เลยคิดว่าใครที่จะซื้อตาม น่าจะมีสติพอควรครับ ถึงจะตามแล้วรู้สึกลัลลาได้ จะว่าไปถ้าผมมาพิมพ์ตอนที่มันขึ้นไปไม่มาก มันก็จะกลายเป็นหาแนวร่วมมาช่วยดัน ซึ่งผมก็ไม่อยากให้ใครมาครหาครับ
ที่ผมตัดสินใจโพสต์เพราะว่า ผมคิดดูแล้ว จริง ๆ ความรู้ต่าง ๆ ในเรื่องหุ้น ในหนังสือที่เค้าเขียนขายกันนั้น มันก็เนื้อหาซ้ำ ๆ กันน่ะครับ อ่านแล้วมันเหมือนพายเรือในอ่าง (อ่างอะไรไม่รู้นะครับ) เพียงแต่ที่เรายังต้องอ่านเพราะหนังสือบางเล่มมันอาจจะมี key ที่น่าสนใจบางอย่างอยู่ครับ ซึ่งอาจจะเป็นแค่บทเดียว หน้าเดียว แต่ผมว่าส่วนใหญ่เนื้อหามันก็จะคล้าย ๆ กัน เช่นการดูบ. การดูตัวเลขต่าง ๆ
แต่ที่ผมสังเกตดูส่วนใหญ่เค้าไม่ค่อยเขียนถึง case study มากนัก ตัวอย่างน้อยเกินไปน่ะครับ ทั้ง ๆ ที่ผมคิดว่ามันสำคัญพอ ๆ กับเนื้อหา basic แล้วก็สำหรับคนที่ประสบการณ์น้อย ตรงนี้มันก็จะย่นเวลาเรียนรู้ให้สั้นขึ้น อ่านแล้วมันก็จำได้ง่ายกว่าเพราะมันเป็นเรื่องราวจริง ๆ เพียงแต่การอ่านมันก็ต้องระวังเหมือนกัน ถ้าคนเขียนจะเขียนแต่หุ้นที่ประสบความสำเร็จ แต่หุ้นที่ซื้อแล้วไม่ประสบความสำเร็จอาจจะไม่มาเขียน ในกรณีของหุ้นตัวนี้ที่ผมอยากเขียนเพราะมันมีจุดที่น่าสนใจหลายจุดครับ
ในกรณีของหุ้นถังแก๊สนั้นจริง ๆ มันก็ต้องมีจุดที่ควรจะระวังเหมือนกันครับ เป็นจุดเดียวแต่สามารถ "ล้มกระดาน" ได้หมด ก็คือ story ที่ออกมาจากบ.นั้น "เชื่อถือได้แค่ไหน" ซึ่งถ้าไปเจอบ.ที่ขี้โม้ ตัวเร่งทั้งหลายทั้งแหล่ที่ผมบอกไปมันก็อาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะเป็นความจริง แต่ตรงนี้ผมคิดว่าเราสามารถเช็คได้จากเรื่องราวที่มันตามมาว่าจริงหรือไม่ กำไรดีขึ้นจริงหรือไม่ แต่ยังไงก็ตามเราก็คงต้องซื้อหุ้นตัวนั้นเข้าไปแล้ว
หุ้นที่ออกมาจากแผนฟื้นฟู บางตัวก็ไม่ได้เลวร้ายนะครับ ผมคิดว่าเราคงต้องไปตามดูเหตุแห่งปัญหาของเค้าครับ ว่ามันเกิดจากอะไร แล้วเค้าพยายามแก้ไขอย่างไร บางตัวชื่อเสียเก่า ๆ ก็พอจะบอกได้ แต่ในกรณีของหุ้นถังแก๊สผมมองว่ามันเกิดจากความผิดพลาดในยุควิกฤติปี 40 น่ะครับ คิดว่าเนื่องจากเค้าต้องใช้เหล็กเลยคิดจะมีโรงเหล็กเป็นของตัวเองซะเลย แล้วเท่าที่ตามดู ปัญหาได้ถูกแก้ไปแล้ว รอล้างหนี้ให้หมด กำไรในปีหลัง ๆ ก็ดีขึ้นมาก ยอดขายโตขึ้น แต่ที่บ.ยังออกมาจาก ICU ไม่ได้เพราะยังไม่ผ่านเกณฑ์ของตลาดเท่านั้นน่ะครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 514
จารย์หมอโพสดีแล้วครับ
การวิเคราะห์และมุมมองที่เหมือนและต่าง ทำให้ประเทืองปัญญาครับ เกิดการถกประเด็นต่อยอดครับ
บางครั้งทฤษฎีล้วน ๆ สมมติกันไปสมมติกันมา มันไม่เห็นภาพครับ
การวิเคราะห์และมุมมองที่เหมือนและต่าง ทำให้ประเทืองปัญญาครับ เกิดการถกประเด็นต่อยอดครับ
บางครั้งทฤษฎีล้วน ๆ สมมติกันไปสมมติกันมา มันไม่เห็นภาพครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 515
ถ้า "พิกัดหุ้น" ชัดเจน เราจะเม้นต์ครับdr1 เขียน: หุ้นยางใหญ่ได้เวลาเข้า? ยางเล็กได้เวลาออก
หุ้นขายแก็สที่เล่นแก้ง่วงกะเม่าทำมึนตามมูลค่าสต็อค
หุ้นยางมันดูเหมือนถูกนะครับ แต่ในความเห็นผม ผมยังไม่แน่ใจว่ามันจะฟื้นเมื่อไหร่น่ะครับ คือได้ของถูกแต่มันจะขึ้นหรือเหล่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ อย่าลืมว่าตอนนี้จีนก็ดูซบ ๆ อุปทานยางก็ดูยังล้น ยังไม่นับว่ายางนอกภาคใต้ที่ปลูกกันสมัยที่ราคาดี มันเริ่มทะยอยกันออกผลผลิต จะว่าไปถ้าเป็นซือแป๋ลินซ์ หุ้นพวกนี้ต้องซื้อตอน PE สูง ๆ หรือติดลบเลยนะครับ ถึงจะสะใจดีครับ ผมเคยซื้อหุ้นยางเล็กตอนหลังวิกฤติปี 51 ใหม่ ๆ ตอนนั้นจำได้ว่าบ.ขาดทุน ราคาแทบไม่มีการซื้อขาย แต่ครั้งนั้นไม่มีความรู้น่ะครับว่ายางกำลังจะมา กำไรพอควร แต่ก็ขายหมูอย่างแรง คือพวกหุ้นคอมโม ยาง เรือ พวกนี้ถ้าขึ้นรอบเล็ก ๆ มันจะมีประปรายครับ แต่กำไรจากหุ้นอาจจะได้ไม่มาก อย่างกรณีของเรือพอค่า BDI ขยับหุ้นก็ขยับตาม ซึ่งบางทีมันก็ไม่ใช่การฟื้นตัวของจริง เพราะถ้าเป็นของจริง คนที่ซื้อหุ้นไว้ก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำมากกว่าครับ แต่ก็ต้องอย่าลืมจุดหนึ่งเหมือนกันครับ ถ้ามันฟื้นกันจริง ๆ ไม่ว่าจะยาง เรือ ฯลฯ ตอนแรก ๆ สัญญาณมันก็มักจะไม่ชัดครับ
ส่วนหุ้นขายแก๊สนี่ ผมอยากเตือนให้ระวังหน่อยครับ เพราะถ้าไปดูประวัติเก่า ๆ เรื่องราวของบ.ดูน่าสนใจ แต่เสียอยู่อย่างเดียว คือ มักจะมีกำไรจากการตั้งค่า หรือขาดทุนจากการตั้งค่าอะไรทำนองนี้น่ะครับ ราคาและกำไรมันก็เลยผันผวนตาม อย่างล่าสุดนี่ก็เห็น ๆ น่ะครับ หลังงบออกเล่นกันเกือบฟลอร์ เจอแบบนี้มันจะเซ็งครับ เพราะบางครั้งเนื้อในบ.มันโอเค แต่บางทีเจอการตั้งค่าอะไรแบบนั้น กำไรจากราคาหุ้นหดอย่างแรงครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 516
จริง ๆ การโพสต์มันก็มีประโยชน์กับตัวคนโพสต์ครับ เพราะการที่เราจะพิมพ์อะไรออกไป เราจะต้อง "คิด" ก่อนครับ อะไรที่อาจจะเป็น "ยาพิษ" ต่อคนอื่นก็ต้องพยายาม "กรอง" ออกไปก่อน เพราะเรารู้วิธีแก้พิษ แต่คนอ่านเค้าไม่รู้ พวกการเล่นหุ้น "ท่ายาก" หรือ "ใช้ความรู้สึก" เลยไม่ค่อยอยากจะโพสต์เท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่บางทีเราก็ใช้บ่อยNevercry.boy เขียน:จารย์หมอโพสดีแล้วครับ
การวิเคราะห์และมุมมองที่เหมือนและต่าง ทำให้ประเทืองปัญญาครับ เกิดการถกประเด็นต่อยอดครับ
บางครั้งทฤษฎีล้วน ๆ สมมติกันไปสมมติกันมา มันไม่เห็นภาพครับ
เมื่อ "คิด" บ่อย ๆ มันจะทำให้ความรู้ของเราเองก็เป็นระบบขึ้น บางทีอาจจะมีคนมาชี้ปัจจัยลบให้ อันนี้ก็ยินดีรับฟังครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 518
ขอบคุณ อ.หมอเล็กมากครับ ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่อ่านความคิดของหมอเล็กครับleky เขียน:จริง ๆ การโพสต์มันก็มีประโยชน์กับตัวคนโพสต์ครับ เพราะการที่เราจะพิมพ์อะไรออกไป เราจะต้อง "คิด" ก่อนครับ อะไรที่อาจจะเป็น "ยาพิษ" ต่อคนอื่นก็ต้องพยายาม "กรอง" ออกไปก่อน เพราะเรารู้วิธีแก้พิษ แต่คนอ่านเค้าไม่รู้ พวกการเล่นหุ้น "ท่ายาก" หรือ "ใช้ความรู้สึก" เลยไม่ค่อยอยากจะโพสต์เท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่บางทีเราก็ใช้บ่อยNevercry.boy เขียน:จารย์หมอโพสดีแล้วครับ
การวิเคราะห์และมุมมองที่เหมือนและต่าง ทำให้ประเทืองปัญญาครับ เกิดการถกประเด็นต่อยอดครับ
บางครั้งทฤษฎีล้วน ๆ สมมติกันไปสมมติกันมา มันไม่เห็นภาพครับ
เมื่อ "คิด" บ่อย ๆ มันจะทำให้ความรู้ของเราเองก็เป็นระบบขึ้น บางทีอาจจะมีคนมาชี้ปัจจัยลบให้ อันนี้ก็ยินดีรับฟังครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 519
เนื่องด้วยทางบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส สาขาหาดใหญ่ ได้มีการจัดสัมมนานักวิเคราะห์พบนักลงทุน ซึ่งจะเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ของทางบริษัทเอง จะมีการจัดสัมมนา ณ โรงแรมหรรษา เจ.บี. หาดใหญ่ ในวันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม 2557 เวลา 13.00 น.- 17.00 น.
กำหนดการโดยประมาณ
13.00 - 13.20 น. ลงทะเบียน
13.20 - 13.30 น. เปิดงานโดยคุณจีรภัทร พิมานทิพย์
13.30 - 15.30 น. "กำไรยั่งยืนบนพี้นฐานที่แข็งแกร่ง" โดยคุณเทิดศักดิ์ + คุณอุษณีย์
15.30 - 15.45 น. พักทานของว่าง
15.45 - 16.45 น. พื้นฐานดี ซื้อขายตอนไหนได้กำไรทันใจ" โดยคุณประกิต สิริวัฒนาเกตุ
16.45 - 17.00 น. ซักถาม พูดคุย
สนใจเข้าร่วมสัมมนา รบกวนติดต่อกลับเพื่อสำรองที่นั่ง
ขอบคุณครับ
คุณวีระศักดิ์ แสงจันทร์ทะนุ (บมจ.หลักทรัพย์เอเซียพลัส)
Tel. Mobile 081-5408611, Direct Line 074-352505 , Fax. 074-262009
Email: [email protected]
กำหนดการโดยประมาณ
13.00 - 13.20 น. ลงทะเบียน
13.20 - 13.30 น. เปิดงานโดยคุณจีรภัทร พิมานทิพย์
13.30 - 15.30 น. "กำไรยั่งยืนบนพี้นฐานที่แข็งแกร่ง" โดยคุณเทิดศักดิ์ + คุณอุษณีย์
15.30 - 15.45 น. พักทานของว่าง
15.45 - 16.45 น. พื้นฐานดี ซื้อขายตอนไหนได้กำไรทันใจ" โดยคุณประกิต สิริวัฒนาเกตุ
16.45 - 17.00 น. ซักถาม พูดคุย
สนใจเข้าร่วมสัมมนา รบกวนติดต่อกลับเพื่อสำรองที่นั่ง
ขอบคุณครับ
คุณวีระศักดิ์ แสงจันทร์ทะนุ (บมจ.หลักทรัพย์เอเซียพลัส)
Tel. Mobile 081-5408611, Direct Line 074-352505 , Fax. 074-262009
Email: [email protected]
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 520
ขอบคุณท่านบินหลามากครับ บินมาบอกกันบ่อยๆนะฮะ
อ.lekyฮะ
เรื่องท่ายากกะบ่อร้างที่มีปลาชุมเนี่ย รู้สึกว่าบรรดาอ.เค้าจะเหมือนซุ่มๆแอบๆกันไปแล้วไปจ๊ะเอ๋กันบ่อยๆนะฮะ
ว่าแต่ว่าบ่อไหนเป็นปลาปิรันย่า แล้ววันหลังเกิดเห็นผมจ๋อมแจ๋มอยู่ในบ่อ เตือนกันด้วยนะฮะ
โรงหนังควันเต็มก็เหมือนกัน ผมความรู้สึกช้าฮะ แยกไม่ค่อยออกว่าหมอกรึควัน
เรื่องcase studyนี่ก็ดีฮะ เอาแบบหาที่ติไว้ก่อน (หาเรื่องจับผิดกะหวาดระแวงเนี่ย ของถนัดของบางอาชีพอยู่แล้ว อิอิ) ติให้หมดอารมณ์ซื้อเลย เราจะได้ซื้อ แล้วเราจะได้ตายไปเงียบๆ เอ๊ยค่อยมาปั่นทำตัวเป็นวีไอทำมึนเนียนๆไปวันหลัง
เรื่องใช้ความรู้สึกก็เหมือนกัน อ.lekyก็สอนผมแล้ว ว่าเหมือนดูคนไข้ ความดันชีพจร อุณหภูมิตัวเลขผลแลปสารพัดยังปกติอยู่
แต่ก็ตะหงิดๆว่าดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ สองไตรมาศ เอ๊ยชั่วโมงป๊อกไปเลยก็มี เค้าถึงอธิบายว่า"มันเป็นศิลปะ"ไงฮะ
อ.NBฮะ
ผมเห็นมาร์ลอน แบรนโด แล้วนึกถึงหนังเรื่อง the ugly american ที่แสดงกะอ.หม่อมคึกฤทธิ์ ฮะ
ปล. หนังเกี่ยวกับนักคณิตศาสตร์เนี่ยเค้าเจ๋งมากเลยฮะ(ไม่เคยดูทั้ง goodwill huntingและก็ the beautiful mind)
ท่านเกล้าฮะ
ขอบคุณที่เตือนฮะ ผมจะพยามให้เข้าใจกว่านี้ฮะ ตอนนี้กำลังพยามพูดให้ตัวเองรู้เรื่องซะก่อน
ท่านaonanfieldฮะ
ไม่รู้เลยว่าท่านซุ่มอยู่ ช่วยกันมาโพสต์เยอะๆนะฮะ จะจบจุฬา ปักเป้า มก.มธ.มช.มข.มอ.มศว.กศน.คศช.(หลักสูตรเร่งรัดเจ็ดวัน)..ได้ทั้งนั้นฮะ
อ.lekyฮะ
เรื่องท่ายากกะบ่อร้างที่มีปลาชุมเนี่ย รู้สึกว่าบรรดาอ.เค้าจะเหมือนซุ่มๆแอบๆกันไปแล้วไปจ๊ะเอ๋กันบ่อยๆนะฮะ
ว่าแต่ว่าบ่อไหนเป็นปลาปิรันย่า แล้ววันหลังเกิดเห็นผมจ๋อมแจ๋มอยู่ในบ่อ เตือนกันด้วยนะฮะ
โรงหนังควันเต็มก็เหมือนกัน ผมความรู้สึกช้าฮะ แยกไม่ค่อยออกว่าหมอกรึควัน
เรื่องcase studyนี่ก็ดีฮะ เอาแบบหาที่ติไว้ก่อน (หาเรื่องจับผิดกะหวาดระแวงเนี่ย ของถนัดของบางอาชีพอยู่แล้ว อิอิ) ติให้หมดอารมณ์ซื้อเลย เราจะได้ซื้อ แล้วเราจะได้ตายไปเงียบๆ เอ๊ยค่อยมาปั่นทำตัวเป็นวีไอทำมึนเนียนๆไปวันหลัง
เรื่องใช้ความรู้สึกก็เหมือนกัน อ.lekyก็สอนผมแล้ว ว่าเหมือนดูคนไข้ ความดันชีพจร อุณหภูมิตัวเลขผลแลปสารพัดยังปกติอยู่
แต่ก็ตะหงิดๆว่าดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ สองไตรมาศ เอ๊ยชั่วโมงป๊อกไปเลยก็มี เค้าถึงอธิบายว่า"มันเป็นศิลปะ"ไงฮะ
อ.NBฮะ
ผมเห็นมาร์ลอน แบรนโด แล้วนึกถึงหนังเรื่อง the ugly american ที่แสดงกะอ.หม่อมคึกฤทธิ์ ฮะ
ปล. หนังเกี่ยวกับนักคณิตศาสตร์เนี่ยเค้าเจ๋งมากเลยฮะ(ไม่เคยดูทั้ง goodwill huntingและก็ the beautiful mind)
ท่านเกล้าฮะ
ขอบคุณที่เตือนฮะ ผมจะพยามให้เข้าใจกว่านี้ฮะ ตอนนี้กำลังพยามพูดให้ตัวเองรู้เรื่องซะก่อน
ท่านaonanfieldฮะ
ไม่รู้เลยว่าท่านซุ่มอยู่ ช่วยกันมาโพสต์เยอะๆนะฮะ จะจบจุฬา ปักเป้า มก.มธ.มช.มข.มอ.มศว.กศน.คศช.(หลักสูตรเร่งรัดเจ็ดวัน)..ได้ทั้งนั้นฮะ
samatah
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 521
แนะนำ beautiful mind ครับ หลวงลุง
ดวงตาของ เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่ สวยงามและอบอุ่นมาก
หนังดีครับ
ดวงตาของ เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่ สวยงามและอบอุ่นมาก
หนังดีครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 522
คุณ ธันวา เคยรวบรวม "ท่ายาก" เอาไว้แล้ว ลองทบทวนกันดูครับ
ผมว่าท่าที่หกนี่ คนชอบทำครับ ผมเองบางครั้งก็เผลอ ๆ ไปบ้างเหมือนกัน มันดูเหมือนไม่ยาก แต่จริง ๆ ผิดพลาดบ่อย อย่างวันนี้เห็น SET แล้ว ใครที่ทิ้งหุ้นออกไปเมื่อวันที่ 23 พ.ค. คงเจ็บใจน่าดู
ผมขอเพิ่มท่ายากท่าที่ 11 คือ ซื้อตามเซเลฯ รายใหญ่ เสี่ย วงใน ฯลฯ โดยเฉพาะการตามโดยไม่ได้ศึกษาเลย เพราะกว่าข่าวจะมาถึงเรา มันอาจจะเป็น "ที่สุดของวงนอก" บางทีเราไม่รู้ว่าเค้าคิดอย่างไร จะเข้าจะออกเมื่อไหร่ ฉะนั้น "อย่าเป็นสะพานให้เค้าข้าม" ครับ เพราะถ้าเราซื้อเมื่อไหร่ คนที่ได้ประโยชน์แน่ ๆ คือ คนที่ซื้อเข้าไปก่อนหน้านั้น ถ้าหุ้นลงมันก็ตีขึ้น ถ้าหุ้นขึ้นมันก็ยิ่งขึ้น ถ้าไม่มีคนมาเป็นสะพานให้เราอีกต่อหุ้นมันก็อาจจะไม่ไปต่อ
ท่าที่ 12 ซื้อโดยใช้ความรู้สึก ผมยอมรับครับว่า ท่านี้ผมก็ใช้บ้าง หุ้นบางตัวประเมินตามหลักการแล้วมันไม่ถูก แต่ราคามันลงมามาก ลงจนคิดว่ายากมากถ้าจะให้มันลงมาอีกจะด้วยจากอะไรก็ตาม เช่นฟรีโฟล์ทน้อย ผถห.ใหญ่ไม่ค่อยขายหุ้นออกมา บางทีความรู้สึกมันก็พาไปว่า "น่าจะซื้อได้" แต่หุ้นพวกนี้บางทีถ้าคิดจะซื้อก็ต้องช่างน้ำหนักดูให้ดีครับ ว่าจะซื้อพอลุ้นหรือว่ายังไง แต่ถ้าจะซื้อถึงขนาด "จัดเต็ม" อาจจะต้องคิดดูให้ดีครับ
ผมว่าท่าที่หกนี่ คนชอบทำครับ ผมเองบางครั้งก็เผลอ ๆ ไปบ้างเหมือนกัน มันดูเหมือนไม่ยาก แต่จริง ๆ ผิดพลาดบ่อย อย่างวันนี้เห็น SET แล้ว ใครที่ทิ้งหุ้นออกไปเมื่อวันที่ 23 พ.ค. คงเจ็บใจน่าดู
ผมขอเพิ่มท่ายากท่าที่ 11 คือ ซื้อตามเซเลฯ รายใหญ่ เสี่ย วงใน ฯลฯ โดยเฉพาะการตามโดยไม่ได้ศึกษาเลย เพราะกว่าข่าวจะมาถึงเรา มันอาจจะเป็น "ที่สุดของวงนอก" บางทีเราไม่รู้ว่าเค้าคิดอย่างไร จะเข้าจะออกเมื่อไหร่ ฉะนั้น "อย่าเป็นสะพานให้เค้าข้าม" ครับ เพราะถ้าเราซื้อเมื่อไหร่ คนที่ได้ประโยชน์แน่ ๆ คือ คนที่ซื้อเข้าไปก่อนหน้านั้น ถ้าหุ้นลงมันก็ตีขึ้น ถ้าหุ้นขึ้นมันก็ยิ่งขึ้น ถ้าไม่มีคนมาเป็นสะพานให้เราอีกต่อหุ้นมันก็อาจจะไม่ไปต่อ
ท่าที่ 12 ซื้อโดยใช้ความรู้สึก ผมยอมรับครับว่า ท่านี้ผมก็ใช้บ้าง หุ้นบางตัวประเมินตามหลักการแล้วมันไม่ถูก แต่ราคามันลงมามาก ลงจนคิดว่ายากมากถ้าจะให้มันลงมาอีกจะด้วยจากอะไรก็ตาม เช่นฟรีโฟล์ทน้อย ผถห.ใหญ่ไม่ค่อยขายหุ้นออกมา บางทีความรู้สึกมันก็พาไปว่า "น่าจะซื้อได้" แต่หุ้นพวกนี้บางทีถ้าคิดจะซื้อก็ต้องช่างน้ำหนักดูให้ดีครับ ว่าจะซื้อพอลุ้นหรือว่ายังไง แต่ถ้าจะซื้อถึงขนาด "จัดเต็ม" อาจจะต้องคิดดูให้ดีครับ
Thursday, 3 October 2013
10 ท่ายาก การลงทุน (1/2)
คำว่า ‘ท่ายาก’ เริ่มคุ้นหูในวงสนทนาคนใกล้ชิดหรือจากสื่อออนไลน์บ่อยขึ้น แต่หากเป็นคอกีฬายิมนาสติกหรือกีฬากระโดดน้ำแล้ว จะเป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะหากเลือกใช้ ‘ท่ายาก’ ซึ่งมีระดับความยากมากกว่า ‘ท่าปกติ’ นักกีฬาจะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มขึ้นอีกหากทำได้สมบูรณ์แบบ ทำให้มีโอกาสชนะในการแข่งขันมากขึ้น ในทางกลับกัน หากนักกีฬาไม่สามารถทำได้ดังคาด จะถูกตัดคะแนนและอาจทำให้ ‘พลาด’ เหรียญรางวัลได้เช่นกัน การเลือกใช้ท่ายากจึงเหมาะสำหรับ นักกีฬาที่มีทักษะ ผ่านการฝึกฝนอย่างดี และมีความพร้อมสภาพร่างกายขณะแข่งขันด้วย
เป้าหมายของนักลงทุนคือ การได้รับผลตอบตอบแทนที่ดีหรือ ‘มีกำไร’ และต้อง ‘ไม่ขาดทุน’ จากการลงทุน ดังนั้น นักลงทุนจึงควรพิจารณาหลีกเลี่ยง ‘ท่ายาก’ ในการลงทุนเพราะอาจวิธีเป็นหนึ่งที่หลีกเลี่ยงการขาดทุน ท่ายากในการลงทุนมีอะไรบ้าง
ท่าแรก ลงทุนแบบไม่มีหลักการลงทุน แนวทางหรือหลักการลงทุนมีมากมายหลายวิธี เช่น การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือการใช้ปัจจัยทางเทคนิค แม้แต่ละวิธีจะมีจุดเด่น ข้อด้อยที่แตกต่างกันไป นักลงทุนที่ต้องการประสบความสำเร็จจำเป็นต้อง ‘ตกผลึก’ ทางความคิดหลักการลงทุนของตน โดยเรียนรู้จากทั้งความผิดพลาดและกรณีประสบความสำเร็จในอดีต หลักการที่ดีจะต้องเหมาะกับแนวทางการใช้ชีวิตและตรงกับ ‘จริต’ ของตนอีกด้วย
การลงทุนตามข่าวลือ อินไซด์ ตามเซียนหุ้น แม้จะได้ผลกำไรงามในบางสถานการณ์ แต่ไม่ใช่หลักการลงทุนที่ยั่งยืนเพราะจำเป็นต้อง ‘พึ่ง’ ผู้อื่นอยู่เสมอ หากข้อมูลคลาดเคลื่อนไม่ทันเหตุการณ์ อาจเกิดความเสียหายขึ้นได้ นอกจากนี้ การไม่ได้วิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง จะทำให้ไม่กล้าเข้าลงทุนในปริมาณที่มีนัยสำคัญแม้จะพบกิจการยอดเยี่ยมในราคายุติธรรมก็ตาม
ท่าที่สอง ลงทุนเกินขอบข่ายความรู้ Circle of Competency) หากเปรียบการลงทุนหุ้นเสมือนการนำเงินในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญของตนเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนธุรกิจแล้ว นักลงทุนจำเป็นต้องศึกษา ค้นคว้า เรียนรู้ เพื่อเข้าใจทั้งข้อมูลอุตสาหกรรม สภาวะการแข่งขัน โครงสร้างและรูปแบบธุรกิจ ความเสี่ยง สถานะทางการเงิน ตลอดจนทีมผู้บริหาร ก่อนตัดสินใจลงทุนหลังจากผ่านการวิเคราะห์อย่างดี นักลงทุนมีแหล่งข้อมูลที่เปิดเผยเกี่ยวกับบริษัทที่สนใจลงทุน ได้แก่ แบบฟอร์ม 56-1 รายงานประจำปี งบการเงินรายไตรมาส งาน Opportunity Day ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัท เป็นต้น
ในทุกวันทำการ จะมีคนเสนอขายกิจการต่างๆ ในทุกอุตสาหกรรมเพื่อให้เราร่วมเป็นหุ้นส่วนธุรกิจดังกล่าว เป็นหน้าที่และภารกิจหลักของเราที่จะตัดสินใจหลีกเลี่ยงและ ‘ปฏิเสธ’ คำเสนอขายเหล่านั้นหากเรายังไม่มั่นใจและเข้าใจธุรกิจนั้นดีเพียงพอ
ท่าที่สาม ลงทุนแบบไม่เคยประเมินมูลค่า การประเมินมูลค่าหุ้นแต่ละวิธีล้วนมีข้อดี ข้อเสีย เนื่องจากมีตัวเลขจากการคาดการณ์มาใช้ในการคำนวณ จึงเป็นเรื่องที่ยากที่จะประเมินมูลค่าหุ้นได้อย่างถูกต้องแม่นยำ อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังจำเป็นต้องประเมินมูลค่ากิจการโดยอาจใช้วิธีที่ตนถนัดและเหมาะสมกับแต่ละอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อที่จะได้ทราบคร่าวๆ ถึงช่วงราคาที่ถูก ที่เหมาะสม หรือที่แพงของแต่ละกิจการที่เราสนใจ
ช่วงระดับราคาที่ได้จากการประเมินจะช่วยให้เราตัดสินใจลงทุนซื้อหุ้นในช่วงราคาที่ถูกและมีส่วนต่างความปลอดภัย Margin of Safety) และหลีกเลี่ยงการเข้าซื้อหุ้นในช่วงราคาที่แพง ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายจากการลงทุนได้
ท่าที่สี่ ลงทุนแบบซื้อขายบ่อยเกินไป แม้นักลงทุนแต่ละคนจะมีหลักการ หรือเงื่อนไขในการซื้อขายหุ้นแตกต่างกัน แต่สำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่านั้นมักมีธุรกรรมซื้อขายหุ้นหากพบว่า พื้นฐานของกิจการเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อผลประกอบการอย่างถาวร ราคาหุ้นสูงเกินปัจจัยพื้นฐาน หรือเมื่อพบกิจการกิจการที่ยอดเยี่ยมกว่าในราคาที่มีส่วนต่างความปลอดภัยสูงกว่า
ข้อเสียของการซื้อขายบ่อยครั้งคือ ค่าคอมมิชชั่นซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนโดยรวมต่ำลง แม้ไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัดถึงความสัมพันธ์ระหว่างความถี่ในการซื้อขายกับผลตอบแทนการลงทุน แต่หากต้องติดตามภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด ต้องสูญเสียเวลาและขาดสมาธิในแต่ละวัน และอาจมีอารมณ์แปรปรวนตามภาวะตลาดแล้ว น่าจะถือว่าเป็นการขาดทุนทางอ้อมอย่างหนึ่ง
ท่าที่ห้า ลงทุนแบบไม่กระจายความเสี่ยง นักลงทุนควรพิจารณาลงทุนหุ้น 4-8 ตัวเพื่อการบริหารความเสี่ยงและเผื่อความไม่แน่นอนทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น แม้จะมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของกิจการและการวิเคราะห์ของตน แต่การถือหุ้นเพียง 1-2 ตัวก็เป็นการเสี่ยงเกินไปหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น นักลงทุนต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาดหุ้น” นักลงทุนที่ประสบการณ์ไม่มากนักจึงควรหลีกเลี่ยง ‘ท่ายาก’ นี้เช่นกัน
การถือหุ้นจำนวนมากเกินไปแม้จะช่วยกระจายความเสี่ยง แต่อาจทำให้ผลตอบแทนโดยรวมลดลง นอกจากนี้ การถือหุ้น 15-20 ตัวขึ้นไป อาจทำให้ไม่มีเวลาศึกษารายละเอียดและติดตามกิจการอย่างใกล้ชิด ซึ่งกลายเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งด้วย
ในตอนหน้า เราจะดูกันว่าอีก 5 ท่ายากที่เหลือมีอะไรบ้าง โปรดติดตามนะครับ
Thursday, 17 October 2013
10 ท่ายาก การลงทุน (2/2)
จากตอนที่แล้ว ได้กล่าวถึง 5 ท่ายากของการลงทุน ได้แก่ ท่าแรก ลงทุนแบบไม่มีหลักการลงทุน ท่าที่สอง ลงทุนเกินขอบข่ายความรู้ ท่าที่สาม ลงทุนแบบไม่เคยประเมินมูลค่า ท่าที่สี่ ลงทุนแบบซื้อขายบ่อยเกินไป และท่าที่ห้า ลงทุนแบบไม่กระจายความเสี่ยง บทความนี้จะกล่าวถึงอีก 5 ท่ายากที่เหลือ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
ท่าที่หก การตัดสินใจซื้อขายจากการคาดเดาภาวะตลาด ในโลกการลงทุน ไม่มีใครสามารถคาดเดาการขึ้นลงของหุ้นได้อย่างถูกต้องแม่นยำ หากมีการติดตามผลจะพบว่ามีทั้งถูกและผิดเสมอแม้การคาดการณ์นั้นจะมาจากนักวิเคราะห์ที่มีความเชี่ยวชาญหรือผู้ประสบการณ์ลงทุนอย่างยาวนานก็ตาม เราจึงพบเห็นปรากฏการณ์ทั้ง Sell on Fact หรือ Buy on Fact ราคาหุ้นขึ้นแม้ผลประกอบการแย่หรือราคาหุ้นลงแม้ผลประกอบการดี หุ้นไทยขึ้นสวนทางตลาดต่างประเทศหรือบางครั้งไปในทิศทางเดียวกัน
ในระยะสั้น ราคาหุ้นมักอ่อนไหวขึ้นลงตามปัจจัยภายนอกและอารมณ์นักลงทุนที่แปรปรวนรายวัน วิธีเลี่ยงหนึ่งคือ การเลือกลงทุนในกิจการที่สามารถคาดได้ว่าจะมีผลประกอบการดีขึ้นในระยะยาว ซึ่งราคาหุ้นจะต้องสะท้อนผลประกอบการนั้นในที่สุด
ท่าที่เจ็ด ไม่มีความอดทนเพียงพอ ความอดทนเป็นคุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ยามภาวะหุ้นขึ้น นักลงทุนส่วนใหญ่มักตัดสินเข้าซื้อหุ้นโดยไม่อดทนรอราคาที่เหมาะสม ส่วนในยามภาวะตลาดย่ำแย่ นักลงทุนก็ต้องอดทนเห็นหุ้นของตนราคาลดลงให้ได้ และควรต้องพิจารณาซื้อเพิ่มหากยังเป็นกิจการที่ยอดเยี่ยมที่มีส่วนต่างความปลอดภัยเพิ่มขึ้น นักลงทุนต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า มีโอกาสที่ดีเสมอในตลาดหุ้นสำหรับผุ้ที่มีความอดทน
โอกาสเดียวที่จะทำกำไรจากการไล่ซื้อหุ้นในราคาสูงคือ ราคาหุ้นจะต้องขึ้นสูงเพิ่มไปอีก แต่หากปัจจัยพื้นฐานหรือผลประกอบการไม่ได้โดดเด่นมากนัก แม้ราคาหุ้นจะขึ้นต่อไปอีกแต่อาจจะไม่สามารถรักษาระดับราคานั้นได้ วิธีเลี่ยงคือการออกห่างตลาดยามหุ้นขึ้น และติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อเข้าซื้อหุ้นที่ศึกษามาอย่างดีในราคาเหมาะสมยามตลาดหุ้นลงนั่นเอง
ท่าที่แปด ลงทุนด้วยมาร์จิ้นหรือซอร์ตเซล การลงทุนด้วยวิธีดังกล่าวแม้จะทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น แต่นับว่าเป็นท่ายากท่าหนึ่งเลยทีเดียว เพราะนักลงทุนจำเป็นต้องเข้าใจ มีความเชี่ยวชาญ มีจิตวิทยาการลงทุนดี ไม่หวั่นไหวหากราคาหุ้นไม่เป็นไปดังคาด และต้องติดตามราคาซื้อขายอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น การเลือกใช้ท่ายากนี้ยังมีต้นทุนธุรกรรมแฝงอยู่อีกด้วย
คำแนะนำในการหลีกเลี่ยงท่ายากนี้และยังได้เพิ่มผลตอบแทนคือ การให้ยืมหุ้นเพื่อซอร์ตเซลในกรณีที่ถือหุ้นเต็มพอร์ต แม้จะได้ดอกเบี้ยรายวันในอัตรา 3-5% ต่อปีแต่ก็ดีกว่าถือหุ้นไว้เฉยๆ ส่วนนักลงทุนที่ถือเงินสดเต็มพอร์ต ควรพิจารณานำเงินสดนั้นลงทุนใน Money Market Funds ระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์
ท่าที่เก้า ลงทุนในธุรกิจสวนกระแสแนวโน้มใหญ่ mega trend) เป็นอีกท่ายากหนึ่งหากลงทุนในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่สวนกระแสและยังคาดหวังให้ผลประกอบการโดดเด่นเพื่อผลตอบแทนการลงทุนที่ดี แนวโน้มใหญ่ส่วนมากนั้นมักเกิดขึ้นก่อนในต่างประเทศ นักลงทุนสามารถเรียนรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อธุรกิจและราคาหุ้นจากกรณีศึกษาเหล่านั้นด้วย
หากถือหุ้นที่อยู่ในธุรกิจดังกล่าว นักลงทุนควรพิจารณาขายหุ้นให้เร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเพิ่มขึ้น เพราะหากนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าธุรกิจต้องได้รับผลกระทบมากขึ้นจากแนวโน้มใหญ่ ราคาหุ้นจะต้องปรับตัวลงอีก อย่างไรก็ตามแม้ราคาหุ้นจะลดลงจนต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยบวกเดียวที่จะทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นบ้างคือราคาหุ้นนั้นถูกเกินไปนั่นเอง
ท่าที่สิบ ลงทุนแบบหวังผลเลิศ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนคุ้นเคยกับการซื้อถูกขายแพง อย่างไรก็ตาม การตั้งความหวังที่จะได้ผลตอบแทนสูงเช่นเดิมนั้น นอกจากจะเป็นท่ายากแล้ว ยังอาจเป็น “กับดัก” ให้นักลงทุนยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วยการเล่นท่ายากอื่นหากผลตอบแทนไม่เป็นดังคาดอีกด้วย
มีสามปัจจัยสำคัญในการคำนวณผลตอบแทนทบต้น ได้แก่ อัตราผลตอบแทนต่อปีทบต้น เงินลงทุน และระยะเวลาลงทุน การคาดหวังผลตอบแทน 12-15% ต่อปีถือว่าเป็นเป้าหมายที่ท้าทายแต่ปฏิบัติได้จริง วิธีหลีกเลี่ยงท่ายากนี้คือ การเพิ่มความสำคัญอีกสองปัจจัยที่เหลือ โดยปัจจัยที่เพิ่มง่ายที่สุดคือ การเพิ่มระยะเวลาลงทุน ที่สนับสนุนคำพูดที่ว่า “เริ่มก่อนได้เปรียบ” นั่นเอง
การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ จะว่ายากก็ยาก ง่ายก็ง่าย ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ทั้งหมด การรู้ทฤษฏีเหมือนกันก็ไม่อาจปฏิบัติให้ได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน ในฐานะ Value Investor จึงควรประเมินและหลีกเลี่ยงท่ายากในการลงทุนของตนให้มากที่สุด หากเป็นไปได้ก็เลือกเฉพาะท่าง่ายสำหรับตนเองที่เข้าข่าย KISS – Keep It Simple Stupid เพื่อความสุขและสบายใจตลอดการเดินทางบนถนนการลงทุนสายนี้
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 524
วันก่อนที่พูดกันถึงเรื่องบ.ที่โดนน้ำท่วม แล้วกลับมาดีกว่าเดิม จากการได้เงินก้อนใหญ่มาทำโรงงานใหม่ จะว่าไปบางบ.ก็กู่ไม่กลับเหมือนกันครับ อย่างหุ้นอิเลคโทรนิคส์บางตัวก็ยังหาทางกลับบ้านไม่เจอ แต่เท่าที่เข้าไปดูส่วนหนึ่งก็เกิดจากผลิตภัณฑ์มันกลายเป็นขาลงเช่น บ.ที่เคยขายของให้กับ BB หรือพวกที่ขาย HDD
ยังมีหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่โดนพิษจากน้ำท่วม แล้วผมสังเกตดูบางบ.ดูจะกลับมาแกร่งกว่าเดิมก็คือ พวกประกันภัยครับ บางบ.เบี้ยประกันดีขึ้น กำไรดีขึ้นครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่าต้องดูพวกผลตอบแทนจากการลงทุนให้ดีครับ โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดหุ้นดี ๆ เพราะบางทีกำไรจากการลงทุนอาจจะหลอกเราให้รู้สึกดีครับ ไม่รู้ว่าเพราะช่วงนั้นบางบ.ต้องเพิ่มทุนเลยทำให้มีเงินเยอะขึ้นหรือเปล่านะครับ หรืออาจจะมีการปรับราคาเบี้ยประกันสูงขึ้น คัดเลือกลูกค้ามากขึ้นครับ
ยังมีหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่โดนพิษจากน้ำท่วม แล้วผมสังเกตดูบางบ.ดูจะกลับมาแกร่งกว่าเดิมก็คือ พวกประกันภัยครับ บางบ.เบี้ยประกันดีขึ้น กำไรดีขึ้นครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่าต้องดูพวกผลตอบแทนจากการลงทุนให้ดีครับ โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดหุ้นดี ๆ เพราะบางทีกำไรจากการลงทุนอาจจะหลอกเราให้รู้สึกดีครับ ไม่รู้ว่าเพราะช่วงนั้นบางบ.ต้องเพิ่มทุนเลยทำให้มีเงินเยอะขึ้นหรือเปล่านะครับ หรืออาจจะมีการปรับราคาเบี้ยประกันสูงขึ้น คัดเลือกลูกค้ามากขึ้นครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 525
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่าให้ฟังครับ ไม่รู้ว่าเหล่าสมาชิกในห้องนี้ ชอบโทรไปคุยกับ IR กันไหมครับ ผมว่าถ้าว่าง ๆ ก็แนะนำให้โทรไปคุยนะครับ ของผมมีโทรไปคุยบ้าง ถ้าเรายังไม่ค่อยเข้าใจบ.หรืออยากเคลียร์เรื่องปัจจัยลบหรือบวก
บางทีคุยไปคุยมาก็พอจะรู้ครับว่าควรจะถือหรือขายหรือซื้อเพิ่ม ช่วยได้มากจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะถ้าจะซื้อหุ้นตัวไหนแบบ "จัดเต็ม"
เพียงแต่การถามอย่าให้สุดโต่งหน้าเกลียดครับ เช่น Q หน้าจะกำไรเท่าไหร่ แบบนี้ไม่มีทางได้คำตอบครับ
แต่ถ้าตะล่อม ๆ ถามแบบอ้อม ๆ แบบไม่ให้รู้ตัว บางทีอาจจะมีหลุดครับ
บางทีคุยไปคุยมาก็พอจะรู้ครับว่าควรจะถือหรือขายหรือซื้อเพิ่ม ช่วยได้มากจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะถ้าจะซื้อหุ้นตัวไหนแบบ "จัดเต็ม"
เพียงแต่การถามอย่าให้สุดโต่งหน้าเกลียดครับ เช่น Q หน้าจะกำไรเท่าไหร่ แบบนี้ไม่มีทางได้คำตอบครับ
แต่ถ้าตะล่อม ๆ ถามแบบอ้อม ๆ แบบไม่ให้รู้ตัว บางทีอาจจะมีหลุดครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1959
- ผู้ติดตาม: 1
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 526
คุณหมอ leky ขออนุญาติถามชื่อหุ้นหน่อยครับ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องleky เขียน:ถ้า "พิกัดหุ้น" ชัดเจน เราจะเม้นต์ครับdr1 เขียน: หุ้นยางใหญ่ได้เวลาเข้า? ยางเล็กได้เวลาออก
หุ้นขายแก็สที่เล่นแก้ง่วงกะเม่าทำมึนตามมูลค่าสต็อค
หุ้นยางมันดูเหมือนถูกนะครับ แต่ในความเห็นผม ผมยังไม่แน่ใจว่ามันจะฟื้นเมื่อไหร่น่ะครับ คือได้ของถูกแต่มันจะขึ้นหรือเหล่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ อย่าลืมว่าตอนนี้จีนก็ดูซบ ๆ อุปทานยางก็ดูยังล้น ยังไม่นับว่ายางนอกภาคใต้ที่ปลูกกันสมัยที่ราคาดี มันเริ่มทะยอยกันออกผลผลิต จะว่าไปถ้าเป็นซือแป๋ลินซ์ หุ้นพวกนี้ต้องซื้อตอน PE สูง ๆ หรือติดลบเลยนะครับ ถึงจะสะใจดีครับ ผมเคยซื้อหุ้นยางเล็กตอนหลังวิกฤติปี 51 ใหม่ ๆ ตอนนั้นจำได้ว่าบ.ขาดทุน ราคาแทบไม่มีการซื้อขาย แต่ครั้งนั้นไม่มีความรู้น่ะครับว่ายางกำลังจะมา กำไรพอควร แต่ก็ขายหมูอย่างแรง คือพวกหุ้นคอมโม ยาง เรือ พวกนี้ถ้าขึ้นรอบเล็ก ๆ มันจะมีประปรายครับ แต่กำไรจากหุ้นอาจจะได้ไม่มาก อย่างกรณีของเรือพอค่า BDI ขยับหุ้นก็ขยับตาม ซึ่งบางทีมันก็ไม่ใช่การฟื้นตัวของจริง เพราะถ้าเป็นของจริง คนที่ซื้อหุ้นไว้ก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำมากกว่าครับ แต่ก็ต้องอย่าลืมจุดหนึ่งเหมือนกันครับ ถ้ามันฟื้นกันจริง ๆ ไม่ว่าจะยาง เรือ ฯลฯ ตอนแรก ๆ สัญญาณมันก็มักจะไม่ชัดครับ
ส่วนหุ้นขายแก๊สนี่ ผมอยากเตือนให้ระวังหน่อยครับ เพราะถ้าไปดูประวัติเก่า ๆ เรื่องราวของบ.ดูน่าสนใจ แต่เสียอยู่อย่างเดียว คือ มักจะมีกำไรจากการตั้งค่า หรือขาดทุนจากการตั้งค่าอะไรทำนองนี้น่ะครับ ราคาและกำไรมันก็เลยผันผวนตาม อย่างล่าสุดนี่ก็เห็น ๆ น่ะครับ หลังงบออกเล่นกันเกือบฟลอร์ เจอแบบนี้มันจะเซ็งครับ เพราะบางครั้งเนื้อในบ.มันโอเค แต่บางทีเจอการตั้งค่าอะไรแบบนั้น กำไรจากราคาหุ้นหดอย่างแรงครับ
ยางใหญ่ นี้คือ สตอ ส่วนยางเล็ก คือ กล้วยทับ ใช่ไหมครับ
ถ้ายางใหญ่ใช่ พอดีผมถือตัวนี้อยู่ ผมคิดว่าอีก 1-3 ปี ดีมานด์จะล้นครับ เพราะยางจากเหนือ อีสาน และลาว เริ่มจะออกแล้ว
ทำให้ราคาน่าจะร่วงไปอีกนาน นอกจากว่าเขาจะมี Mega project ทำถนนลาดยางใหม่ทั้งประเทศโดยมียางเป็นส่วนผสมมากกว่า 10 % หรืออีกกรณีน้ำมันดิบราคา 150 US dollar
http://www.komchadluek.net/detail/20130 ... B9%8C.html
4-5 ปีก่อนเห็นเขาจะขายสินค้าที่เป็น Value add เช่นสายไฮดรอกลิก ถุงมือยาง เป็นต้น แต่ผมดูแล้วปริมาณการขายก็ไม่เพิ่มเท่าใหร่
" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
" Whatever your mind can conceive and believe it can achieve "
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 527
ราคายางดูๆไปคงจะถูกอีกนานเพราะตอนนี้คนก็ยังปลูกเพิ่มอีกเรื่อยๆ ผมเคยถามคนที่ปลูกว่ายางถูกขนาดนี้จะปลูกทำไม ทำไมไม่ปลูกอย่างอื่น
แกบอกว่าที่ปลูกเพราะมันเหนื่อยครั้งเดียวไม่ต้องลงทุนบ่อยๆ(ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกสับประรด) ไม่ต้องหาคนงาน(เดี๋ยวนี้คนงานหายากมากๆ) อนาคตไม่แน่ราคาอาจจะเพิ่ม(ยังจะมีความหวังอีก )
จริงๆปลูกอย่างอื่นก็ได้ ทุเรียน มังคุด ขนุนฯลฯ ทำไมต้องเป็นยางด้วยนะ
ต้นยางที่อายุเกินก็ไม่ยอมโค่นกัน ราคาไม้ก็ถูกเกิน จากเคยได้ไร่ละแสนตอนนี้เหลือไร่ละ2-3หมื่น เป็นผมยอมโค่นไปปลูกอย่างอื่นดีกว่าเสียเวลารอยางแพงไม่รู้เมื่อไร
แกบอกว่าที่ปลูกเพราะมันเหนื่อยครั้งเดียวไม่ต้องลงทุนบ่อยๆ(ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกสับประรด) ไม่ต้องหาคนงาน(เดี๋ยวนี้คนงานหายากมากๆ) อนาคตไม่แน่ราคาอาจจะเพิ่ม(ยังจะมีความหวังอีก )
จริงๆปลูกอย่างอื่นก็ได้ ทุเรียน มังคุด ขนุนฯลฯ ทำไมต้องเป็นยางด้วยนะ
ต้นยางที่อายุเกินก็ไม่ยอมโค่นกัน ราคาไม้ก็ถูกเกิน จากเคยได้ไร่ละแสนตอนนี้เหลือไร่ละ2-3หมื่น เป็นผมยอมโค่นไปปลูกอย่างอื่นดีกว่าเสียเวลารอยางแพงไม่รู้เมื่อไร
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 528
ยางใหญ่ใช่แล้วครับ ส่วนยางเล็กผมเข้าใจว่าเป็น T.... นะครับjverakul เขียน: คุณหมอ leky ขออนุญาติถามชื่อหุ้นหน่อยครับ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
ยางใหญ่ นี้คือ สตอ ส่วนยางเล็ก คือ กล้วยทับ ใช่ไหมครับ
ถ้ายางใหญ่ใช่ พอดีผมถือตัวนี้อยู่ ผมคิดว่าอีก 1-3 ปี ดีมานด์จะล้นครับ เพราะยางจากเหนือ อีสาน และลาว เริ่มจะออกแล้ว
ทำให้ราคาน่าจะร่วงไปอีกนาน นอกจากว่าเขาจะมี Mega project ทำถนนลาดยางใหม่ทั้งประเทศโดยมียางเป็นส่วนผสมมากกว่า 10 % หรืออีกกรณีน้ำมันดิบราคา 150 US dollar
http://www.komchadluek.net/detail/20130 ... B9%8C.html
4-5 ปีก่อนเห็นเขาจะขายสินค้าที่เป็น Value add เช่นสายไฮดรอกลิก ถุงมือยาง เป็นต้น แต่ผมดูแล้วปริมาณการขายก็ไม่เพิ่มเท่าใหร่
แต่ต้องเข้าใจก่อนนะครับ ที่ผมบอกว่าฟื้นหรือไม่ฟื้น ผมหมายถึงการขึ้นรอบใหญ่นะครับ
เมื่อตอนที่ยางราคาแพง ๆ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานผมอยู่ทางอีสานยังลงยางไว้ ตอนนั้นก็บอกเค้าว่าทุกคนลงยางกันหมดเดี๋ยวราคามันก็ตก
เรื่องถนนผมไม่แน่ใจว่ามันจะถึงขนาดดันราคายางได้จริงหรือไม่นะครับ จะใช้ยางเท่าไหร่ ทำได้จริงแค่ไหนคงยังตอบยาก
ถ้าผมจำไม่ผิดหุ้นยางใหญ่นี่ ถ้าย้อนไปดูประวัติเก่า ๆ ย้อนเป็นสิบปี จะมี PE ที่ดูต่ำ ๆ ปันผลเยอะ แบบนี้มานานแล้วนะครับ เพียงแต่ผมคิดว่านลท.ยังติดภาพของการขึ้นรอบใหญ่ที่ราคาหุ้นขึ้นจาก 10 กว่าบาทมาเป็นร้อยบาทได้มั๊งครับ แต่ผมคิดว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก มันอาจจะมี แต่อีกกี่ปีเท่านั้นครับ
บางคนก็มองว่าบ.เป็นเทรดดิ้ง ซื้อมาขายไป แต่ถ้าบ.เงินเหลือมาก ถ้าไม่นำไปลงทุน จะหวังเพิ่มยอดขายมันก็ยากหน่อยครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 529
เรื่องยางใหญ่เนี่ยคงเห็นรายงานประชุมที่มีคำถามจาก"แหล่งข่าวที่ให้พึ่งพาแต่ห้ามพาดพิง"กันแล้วนะครับ
ตีความว่าไง ลองมาเม้นท์กันหน่อย เพราะผมก็ยังงงงงรอฟังอยู่เหมือนกันครับ
ปกติราคาหุ้นกะยางจะไปด้วยกันเลย คงไม่มั่นใจว่าโอเวอร์ซัพพลายขนาดนี้ราคายางจะขึ้นได้ไงใช่มั้ยครับ
ผมเคยเดามั่วๆว่าน้ำมันร้อยดอลล์ ยางก็น่าจะร้อยบาท ตอนนี้หกสิบ น่าจะถูกเกินจริง (มั่วเอง)
ขนาดเจ้าของซื้อหุ้นชี้นำให้ดูหน่อยๆแล้ว ไอ้ผมก็เคยโดนมา เลยกล้าๆกลัวๆเหมือนกัน
ราวยี่สิบกว่าปีแล้วจำได้ว่าราคายางเคยกระฉูดโลละสามสิบพร้อมๆกับทองไปบาทละแปดพันมั้ง
แล้วก็เงียบๆไป จนมากระฉูดไปสองร้อยพร้อมๆกับทองไปสองหมื่นราวปีสองปีก่อน
ครอบครัวจนท.ที่ทำงานผมก็โค่นลองกอง(เคยโลละเกือบสองร้อย ตอนนี้สามสิบ) มังคุด เงาะ แล้วปลูกยางแทนกันหมด
จนท.ที่บ้านเดิมอยู่อีสานก็มาเล่าว่ายางที่อีสานออกแล้ว พ่อแม่ออกตัด(กรีด)ยางทุกวัน
งานวันยางแห่งชาติจัดที่บึงกาฬ ซึ่งปลูกยางมากที่สุดในประเทศ
ทางใต้ก็รายได้ดี ออกรถใหม่กันทุกบ้าน(พม่าขับฟอร์จูนเน่อร์) ตัดยางอยู่บ้านได้วันละเป็นพัน ดีกว่าปริญญาตรีอีก ซึ่งผิดปกติ
ตอนนี้กลับทิศหมด ขี้ยาง(เศษยาง)เหลือกิโลละยี่สิบ
ก็เลยดูเหมือนทุกอย่างแย่เกินจริง ทุกคนยี้กันหมด ตรูสวนmassไปตายเงียบๆคนเดียวเลยดีมั้ยหว่า
ระหว่างพงาบๆอยู่เนี่ย หยอดน้ำข้าว เอ๊ยกินปันผลไปก่อน(ซื้อไปเท่าขี้ตาแมวทำมาคุย...)
อ.lekyเนี่ย วิธีคิด หาข้อมูล discuss แทบจะเป็นpatternเดียวกันกะบรรดาอ.ที่หาดใหญ่เลยฮะ
สรุปว่า หุ้นที่พีอีอีกสองสามปีข้างหน้าต่ำๆ ที่ตอนนี้ไม่มีคนสนใจ stress test จนไม่รู้จะลงไงแล้ว
เงินสดกะแผนขยายงาน ตัวเร่งมีพร้อม แล้วอ.โทรไปเช็คข้อมูลกะIR แล้ว
มีอะไรมั่ง ลองแย้มเป็นการบ้านให้ลูกศิษย์ ไปศึกษาก่อนแยกย้ายกันไป"ภาวนา"บ้างนะฮะ
(ทางโลกแปลว่าไปลุ้นและอ้อนวอนเพื่อเพิ่มเลขศูนย์(หลัก)ในบัญชี ทางธรรมแปลว่าไปลดกิเลสให้สูญเหลือศูนย์)
ลูกเสือวิสามานย์ชูสามนิ้วคู่กะมะเหงก ขอแจม
ตีความว่าไง ลองมาเม้นท์กันหน่อย เพราะผมก็ยังงงงงรอฟังอยู่เหมือนกันครับ
ปกติราคาหุ้นกะยางจะไปด้วยกันเลย คงไม่มั่นใจว่าโอเวอร์ซัพพลายขนาดนี้ราคายางจะขึ้นได้ไงใช่มั้ยครับ
ผมเคยเดามั่วๆว่าน้ำมันร้อยดอลล์ ยางก็น่าจะร้อยบาท ตอนนี้หกสิบ น่าจะถูกเกินจริง (มั่วเอง)
ขนาดเจ้าของซื้อหุ้นชี้นำให้ดูหน่อยๆแล้ว ไอ้ผมก็เคยโดนมา เลยกล้าๆกลัวๆเหมือนกัน
ราวยี่สิบกว่าปีแล้วจำได้ว่าราคายางเคยกระฉูดโลละสามสิบพร้อมๆกับทองไปบาทละแปดพันมั้ง
แล้วก็เงียบๆไป จนมากระฉูดไปสองร้อยพร้อมๆกับทองไปสองหมื่นราวปีสองปีก่อน
ครอบครัวจนท.ที่ทำงานผมก็โค่นลองกอง(เคยโลละเกือบสองร้อย ตอนนี้สามสิบ) มังคุด เงาะ แล้วปลูกยางแทนกันหมด
จนท.ที่บ้านเดิมอยู่อีสานก็มาเล่าว่ายางที่อีสานออกแล้ว พ่อแม่ออกตัด(กรีด)ยางทุกวัน
งานวันยางแห่งชาติจัดที่บึงกาฬ ซึ่งปลูกยางมากที่สุดในประเทศ
ทางใต้ก็รายได้ดี ออกรถใหม่กันทุกบ้าน(พม่าขับฟอร์จูนเน่อร์) ตัดยางอยู่บ้านได้วันละเป็นพัน ดีกว่าปริญญาตรีอีก ซึ่งผิดปกติ
ตอนนี้กลับทิศหมด ขี้ยาง(เศษยาง)เหลือกิโลละยี่สิบ
ก็เลยดูเหมือนทุกอย่างแย่เกินจริง ทุกคนยี้กันหมด ตรูสวนmassไปตายเงียบๆคนเดียวเลยดีมั้ยหว่า
ระหว่างพงาบๆอยู่เนี่ย หยอดน้ำข้าว เอ๊ยกินปันผลไปก่อน(ซื้อไปเท่าขี้ตาแมวทำมาคุย...)
อ.lekyเนี่ย วิธีคิด หาข้อมูล discuss แทบจะเป็นpatternเดียวกันกะบรรดาอ.ที่หาดใหญ่เลยฮะ
สรุปว่า หุ้นที่พีอีอีกสองสามปีข้างหน้าต่ำๆ ที่ตอนนี้ไม่มีคนสนใจ stress test จนไม่รู้จะลงไงแล้ว
เงินสดกะแผนขยายงาน ตัวเร่งมีพร้อม แล้วอ.โทรไปเช็คข้อมูลกะIR แล้ว
มีอะไรมั่ง ลองแย้มเป็นการบ้านให้ลูกศิษย์ ไปศึกษาก่อนแยกย้ายกันไป"ภาวนา"บ้างนะฮะ
(ทางโลกแปลว่าไปลุ้นและอ้อนวอนเพื่อเพิ่มเลขศูนย์(หลัก)ในบัญชี ทางธรรมแปลว่าไปลดกิเลสให้สูญเหลือศูนย์)
ลูกเสือวิสามานย์ชูสามนิ้วคู่กะมะเหงก ขอแจม
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 530
พูดถึงเรื่องยางนี่ ขอนอกเรื่องหน่อยครับ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ญาติผมขับรถไปภูเรือ ถนนเปียกเล็กน้อยเพราะฝนตกลงมานิดหน่อย รถวิ่งไม่เร็วมาก พอมาถึงทางโค้ง คว่ำเฉยครับ ดีที่ไม่คว่ำไปทางด้านเหวแล้วก็โชคดีที่ไม่มีรถสวนมา รถฟอร์จูนเนอร์พังไปครึ่งคัน โชคดีที่มีรถลากผ่านมาพอดี แต่รถลากกำลังจะไปลากรถที่คว่ำอีกคันหนึ่ง เลยต้องมาลากรถญาติผมก่อน สรุปเจ็บกันเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถคว่ำอีก คราวนี้รู้สึกจะตายไป 3-4 คนครับ สรุปแล้วเกิดจากขี้ยางที่ไหลลงพื้นถนนตอนขนส่งออกจากสวนยางครับ พอมาเจอพื้นเปียก ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ถ้าต้องขับรถไปบริเวณนั้นต้องระวังหน่อยครับ ยิ่งคนนอกพื้นที่จะไม่รู้เลยครับ ลองดูใน youtube ครับ
[youtube]QTbke1xnU_c[/youtube]
[youtube]QTbke1xnU_c[/youtube]
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 531
อ.หนึ่ง โยนหินลงหัวผมเข้าให้แล้วครับdr1 เขียน: สรุปว่า หุ้นที่พีอีอีกสองสามปีข้างหน้าต่ำๆ ที่ตอนนี้ไม่มีคนสนใจ stress test จนไม่รู้จะลงไงแล้ว
เงินสดกะแผนขยายงาน ตัวเร่งมีพร้อม แล้วอ.โทรไปเช็คข้อมูลกะIR แล้ว
มีอะไรมั่ง ลองแย้มเป็นการบ้านให้ลูกศิษย์ ไปศึกษาก่อนแยกย้ายกันไป"ภาวนา"บ้างนะฮะ
ผมเองก็ไม่ได้โทรไปคุยกับ IR ทุกบ.หรอกครับ เพราะเคยเจอ IR ที่ห่วย ๆ ก็มีครับ เลยขี้เกียจจะเจอ ประเภทไม่รู้อะไรเลยก็มี ประเภทบอกว่าจะไปถามผู้ใหญ่ให้อีกทีแต่ขอให้ผมเมลเข้าไปแล้วหายเข้ากลีบเมฆก็มี เมลไปทวงก็เงียบ เจ้าของเองก็ลงสื่อบ่อย ๆ เป็นนลท.ที่บอกว่าตัวเองเป็นวีไอ เจอแบบนี้ผมก็รู้สึกไม่ดีแล้วก็ไม่ค่อยอยากจะไปซื้อหุ้นเค้า ให้มันต่ำ ๆ แบบนี้ไปนั่นแหละดีแล้ว เคยเจอประเภทว่าอยู่ ๆ โทรกลับเข้ามาที่ทำงานก็มี ตอนนั้นงงมาก รู้ได้ไงวะนี่ว่าเราทำงานที่ไหน เค้าบอกว่าเค้าเอาเบอร์เราไปเช็คกลับ พอดีเป็นบ. IT น่ะครับ แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถามอะไรก็ตอบว่า ผู้ใหญ่บอกรอประชุมเรื่องแผนงาน ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบ ผ่านมาหลายปีแล้วก็ไม่เห็นติดต่อกลับ
ที่แสบอีกแบบหนึ่งเจอเด็กไม่รู้เรื่อง โยนให้ไปถาม CFO พอดีติดสงกรานต์ ขอให้โทรไปหลังสงกรานต์ พอคุยกับ CFO เค้าบอกว่าเค้าไม่มีหน้าที่ตอบ บอกว่าจะให้เค้าตอบทางโทรศัพท์โดยคุยกับใครก็ไม่รู้แบบนี้ไม่ได้ ฟังแล้วของขึ้น เฮ้ย ตรูเป็นผถห.นะโว้ย สุดท้ายโน่นโยนต่อให้ไปคุยกับกรรมการผจก.เลย ผมถามไปคำหนึ่งว่าเค้าจะตอบเหรอ เค้าบอกว่าเมลไปเดี๋ยวเลขาฯ จัดการเอง สุดท้ายเงียบ หลังจากนั้นหุ้นเริ่มตีขึ้น เราก็ขายตีให้มันลง แต่มันไม่ลง
แต่ก่อนไม่ค่อยโทร ใช้เมล แต่ผมคิดว่าเมลมันมีข้อเสีย เพราะเค้าอาจจะขี้เกียจพิมพ์ หรือไม่ก็กลัวจะเป็นหลักฐานเอาผิด เพราะเคยคุยกับบ.หนึ่งเค้าบอกขอตอบทางโทรศัพท์ดีกว่า อีกอย่างหนึ่งคุยทางโทรศัพท์ บางทีอาจจะได้ข้อมูลที่เราไม่ได้คิดจะถาม หรือพอจะเดาอารมณ์คนตอบได้ ยิ่งถ้าคุยกับ CFO ได้นี่ยิ่งดีครับ เคยคุยกับบ.น้ำมันปาล์มแห่งหนึ่ง เค้ากดเครื่องคิดเลขคิด GPM เดี๋ยวนั้นเลย คุยกันนานมาก ผมถามเค้าว่ามีใครโทรเข้ามาถามบ้างหรือไม่ CFO เพิ่งมารับตำแหน่งได้ไม่นาน บอกว่า ผมเป็นคนแรกที่โทรเข้าไป บางทีเราก็แนะนำเค้าด้วยครับ ว่าน่าจะมาออก op day หรือทำไมหุ้นเค้าถึงไม่ขึ้น นลท.มองหุ้นเค้ายังไง
เคยเจอแบบเมลไปแล้วไม่ตอบ พอโทรไปเค้าบอกว่าผมเห็นเมลแล้ว แต่ไม่ตอบเพราะเช็คชื่อดูแล้วไม่อยู่ในรายชื่อผถห. อ้าวเฮ้ย สุดท้ายเค้าอ้างว่ากลัวคู่แข่งเข้ามาสืบข้อมูล
นอกเรื่องยาวเลย สรุปแล้วหุ้นที่อ.หนึ่งถามถึง สเปคแบบนั้น ผมคิดว่า "น่าจะยังมีอยู่ครับ"
"Become a risk taker, not a risk maker"
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 532
ถ้าพี่ๆ+อาจารย์ในทู้นี้ ขายหมดพอร์ต อาจจะมีfloor หรือ circuit breaker แหงๆครับleky เขียน:หลังจากนั้นหุ้นเริ่มตีขึ้น เราก็ขายตีให้มันลง แต่มันไม่ลง
ปล.วิชา warrant ที่พี่หมอ leky + อ.โจ เคยเขียนไว้...ใช้ได้จริงครับ ลองแล้วได้ผลฮ่ะ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 533
romee เขียน:ถ้าพี่ๆ+อาจารย์ในทู้นี้ ขายหมดพอร์ต อาจจะมีfloor หรือ circuit breaker แหงๆครับ
ของผมคงไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เหมือนเอาไม้จิ้มฟันไปจิ้มช้างยังไงยังงั้นครับ
ยินดีด้วยครับ แต่ระวังติดใจนะครับromee เขียน:ปล.วิชา warrant ที่พี่หมอ leky + อ.โจ เคยเขียนไว้...ใช้ได้จริงครับ ลองแล้วได้ผลฮ่ะ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 534
อ.หนึ่งครับ พอดีเห็นอ.พูดถึงตัวเร่ง จริง ๆ หุ้นที่มีตัวเร่งในตลาดหุ้นนั้นมีมากมายครับ อันนี้ผมกล้ายืนยัน เพียงแต่ ตัวเร่งนั้นเราต้องแยกให้ออกว่ามันเป็นแบบไหนครับ
เร่งเบา เร่งพอประมาณ เร่งแรง เร่งแรงพิเศษ เร่งแรงสุด ๆ อันนี้คือมิติของความแรงครับ เช่น เพิ่มกำลังการผลิต 1 เท่า อันนี้ถือว่าน่าสนใจครับ โดยเฉพาะถ้าเดิมกำลังการผลิตค่อนข้างเต็ม แบบนี้เพิ่มอีกเท่าก็น่าจะยังขายของออก แต่ถ้าเป็นอีกแบบ เพิ่มกำลังการผลิต 1 เท่า แต่ของเก่าก็ผลิตอยู่แค่ 60% ของกำลังการผลิตสูงสุด ถ้าแบบนี้ก็อาจจะไม่ค่อยน่าสนใจ
อีกมิติหนึ่งของตัวเร่งนั้น คือเวลาที่ตัวเร่งนั้นจะเริ่มทำงานครับ เร็ว ปานกลาง ช้า โคตรช้า เช่น ออร์เดอร์ใหญ่เข้ามาในช่วง 1Q ข้างหน้า อันนี้ถือว่าเร็ว แต่ถ้าเป็นจะขยายสาขาเพิ่มอีก 30% ใน 5 ปี ถ้าแบบนี้ก็คงอยู่ในกลุ่มช้า
อ.หนึ่งต้องการแบบไหนล่ะครับ ผมว่าส่วนใหญ่ก็คงอยากได้แบบเห็นผลเร็ว ๆ มันก็เหมือนรถ super car น่ะครับ เครื่องแรง เร็วเหยียบคันเร่งไม่กี่วินาทีความเร็วก็ถึงเป้า วิ่งถึงเป้าหมายได้เร็ว
หุ้นบางตัว ตัวเร่งดูแรง แต่ต้องรอ บางทีเพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัว ของเดิมก็ผลิตไม่ทัน แต่กว่าโรงงานจะสร้างเสร็จก็โน่น 2 ปี แบบนี้ผมก็จะรอครับ รอดูเวลาที่เหมาะสม เพราะหลักการของผมจะไม่นำเงินไปแช่ไว้โดยไม่เกิดประโยชน์ และเสี่ยงที่จะโดนปัจจัยลบอื่น ๆ ครับ เพียงแต่ผมก็จะลิสต์หุ้นพวกนี้ไว้ในใจครับ แล้วก็คอยดูเรื่องราวว่ายังเป็นแบบเดิมหรือไม่ครับ
เช่นกันหุ้นในตลาดที่ "ราคาถูก" มีเยอะครับ แต่หุ้นเหล่านั้นบางตัวมันเป็นหุ้นถูกเรื้อรัง ถ้าใครอยู่ในตลาดนาน ๆ ก็จะพอรู้พฤติกรรม อาจจะถูกขุดขึ้นมาเล่นบ้างนาน ๆ ครั้ง ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ บางตัวตัวเลขทางการเงินดูดีมาก ทำไมมันถึงถูกเรื้อรัง มันอาจจะเพราะสาเหตุหลายอย่าง เช่น ไม่มี story การเติบโตใหม่ ๆ, อยู่ในอุตสาหกรรมที่ตะวันตกดิน ไม่น่าสนใจ ฯลฯ
การพยายามหาตัวเร่งเหล่านั้น เป็นการป้องกันไม่ให้ไปติดกับดักของหุ้นถูกเรื้อรังน่ะครับ
เร่งเบา เร่งพอประมาณ เร่งแรง เร่งแรงพิเศษ เร่งแรงสุด ๆ อันนี้คือมิติของความแรงครับ เช่น เพิ่มกำลังการผลิต 1 เท่า อันนี้ถือว่าน่าสนใจครับ โดยเฉพาะถ้าเดิมกำลังการผลิตค่อนข้างเต็ม แบบนี้เพิ่มอีกเท่าก็น่าจะยังขายของออก แต่ถ้าเป็นอีกแบบ เพิ่มกำลังการผลิต 1 เท่า แต่ของเก่าก็ผลิตอยู่แค่ 60% ของกำลังการผลิตสูงสุด ถ้าแบบนี้ก็อาจจะไม่ค่อยน่าสนใจ
อีกมิติหนึ่งของตัวเร่งนั้น คือเวลาที่ตัวเร่งนั้นจะเริ่มทำงานครับ เร็ว ปานกลาง ช้า โคตรช้า เช่น ออร์เดอร์ใหญ่เข้ามาในช่วง 1Q ข้างหน้า อันนี้ถือว่าเร็ว แต่ถ้าเป็นจะขยายสาขาเพิ่มอีก 30% ใน 5 ปี ถ้าแบบนี้ก็คงอยู่ในกลุ่มช้า
อ.หนึ่งต้องการแบบไหนล่ะครับ ผมว่าส่วนใหญ่ก็คงอยากได้แบบเห็นผลเร็ว ๆ มันก็เหมือนรถ super car น่ะครับ เครื่องแรง เร็วเหยียบคันเร่งไม่กี่วินาทีความเร็วก็ถึงเป้า วิ่งถึงเป้าหมายได้เร็ว
หุ้นบางตัว ตัวเร่งดูแรง แต่ต้องรอ บางทีเพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัว ของเดิมก็ผลิตไม่ทัน แต่กว่าโรงงานจะสร้างเสร็จก็โน่น 2 ปี แบบนี้ผมก็จะรอครับ รอดูเวลาที่เหมาะสม เพราะหลักการของผมจะไม่นำเงินไปแช่ไว้โดยไม่เกิดประโยชน์ และเสี่ยงที่จะโดนปัจจัยลบอื่น ๆ ครับ เพียงแต่ผมก็จะลิสต์หุ้นพวกนี้ไว้ในใจครับ แล้วก็คอยดูเรื่องราวว่ายังเป็นแบบเดิมหรือไม่ครับ
เช่นกันหุ้นในตลาดที่ "ราคาถูก" มีเยอะครับ แต่หุ้นเหล่านั้นบางตัวมันเป็นหุ้นถูกเรื้อรัง ถ้าใครอยู่ในตลาดนาน ๆ ก็จะพอรู้พฤติกรรม อาจจะถูกขุดขึ้นมาเล่นบ้างนาน ๆ ครั้ง ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ บางตัวตัวเลขทางการเงินดูดีมาก ทำไมมันถึงถูกเรื้อรัง มันอาจจะเพราะสาเหตุหลายอย่าง เช่น ไม่มี story การเติบโตใหม่ ๆ, อยู่ในอุตสาหกรรมที่ตะวันตกดิน ไม่น่าสนใจ ฯลฯ
การพยายามหาตัวเร่งเหล่านั้น เป็นการป้องกันไม่ให้ไปติดกับดักของหุ้นถูกเรื้อรังน่ะครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 535
อ.lekyฮะ
ถ้ามีให้เลือกแบบ
1. Supercar เร็ว แรง แต่แป๊บเดียวจอด เพราะถึงที่เร็ว น้ำมันหมดเร็ว ค่าซ่อมแพง ต้องเปลี่ยนรถเปลี่ยนรุ่นบ่อย
แต่มันส์
2. รถตลาด ขายดี ซ่อมง่าย ใช้ทน ใครๆก็ใช้กัน ไปเรื่อยๆ ไม่เร็ว ใครๆก็ขับได้ มือใหม่ แม่บ้าน ขับสบาย
3. รถมือสองถูกมากทั้งค่าซ่อม ราคา วิ่งช้า แต่ใช้ไปอีกยี่สิบปีได้เลย แต่เก่าโทรม น่าเบื่อ
4. รถมือสองเพิ่งซ่อมเสร็จ ซ่อมมาแบบไหนไม่รู้ แต่คนขายกล่อมจนเคลิ้ม บอกว่าเปลี่ยนเครื่องระบบใหม่
กลายร่างเป็นซุปเปอร์คาร์ แต่ราคาเท่าอีโค่คาร์ เสียอย่างเดียวที่เต๊นท์นี้มีประวัติย้อมแมว เอ๊ยรถบ่อยๆ
ความสามารถผมตอนนี้ ขับได้แค่2.,3. ครับ คือตีนเหยียบคันเร่งมิด ร้อยเจ็ด ร้อยแปด ร้อยเก้า
นานน้านน..จะขึ้นไปแตะร้อยสิบซักที มือจับพวงมาลัยมือเดียว (อีกมือจับประตูไว้ไม่ให้หลุด)
เวลาจะแซง ต้องเอามือตีก้นตัวเองรัวๆ ร้องฮึ้ย..ฮึ้ย...(ยังดีที่ไม่ต้องเอาแส้มาเฆี่ยน)
แต่จะคอยเรียนรู้จากอ.ที่เค้าขับsupercar นะฮะ หวังใจว่าจะได้ขับเฟอรารี่สักวัน ตอนนี้นั่งเรือเฟอรี่ไปก่อน
ว่าแต่ว่า เอาละยังฮะ "หุ้นคุณค่าที่ฆ่าคุณ เอ๊ยคุณคู่ควร" ผ่านการกรองด้วยตะแกรงและกะลาเจาะรู
เอาแบบวิจารณ์ข้อเสียก่อน เอาให้เสียๆหายๆเลย worstcase scenarioเลย รับได้ค่อยซื้อ
เวลาบอกพิกัดก็เอาแบบ"ด่าถูกตัว แล้วโดดหลบตีน" กันกองเชียร์ เจ้าของ มารุมตื้บ..
วีไอหัดขับ รายงานตัว
ถ้ามีให้เลือกแบบ
1. Supercar เร็ว แรง แต่แป๊บเดียวจอด เพราะถึงที่เร็ว น้ำมันหมดเร็ว ค่าซ่อมแพง ต้องเปลี่ยนรถเปลี่ยนรุ่นบ่อย
แต่มันส์
2. รถตลาด ขายดี ซ่อมง่าย ใช้ทน ใครๆก็ใช้กัน ไปเรื่อยๆ ไม่เร็ว ใครๆก็ขับได้ มือใหม่ แม่บ้าน ขับสบาย
3. รถมือสองถูกมากทั้งค่าซ่อม ราคา วิ่งช้า แต่ใช้ไปอีกยี่สิบปีได้เลย แต่เก่าโทรม น่าเบื่อ
4. รถมือสองเพิ่งซ่อมเสร็จ ซ่อมมาแบบไหนไม่รู้ แต่คนขายกล่อมจนเคลิ้ม บอกว่าเปลี่ยนเครื่องระบบใหม่
กลายร่างเป็นซุปเปอร์คาร์ แต่ราคาเท่าอีโค่คาร์ เสียอย่างเดียวที่เต๊นท์นี้มีประวัติย้อมแมว เอ๊ยรถบ่อยๆ
ความสามารถผมตอนนี้ ขับได้แค่2.,3. ครับ คือตีนเหยียบคันเร่งมิด ร้อยเจ็ด ร้อยแปด ร้อยเก้า
นานน้านน..จะขึ้นไปแตะร้อยสิบซักที มือจับพวงมาลัยมือเดียว (อีกมือจับประตูไว้ไม่ให้หลุด)
เวลาจะแซง ต้องเอามือตีก้นตัวเองรัวๆ ร้องฮึ้ย..ฮึ้ย...(ยังดีที่ไม่ต้องเอาแส้มาเฆี่ยน)
แต่จะคอยเรียนรู้จากอ.ที่เค้าขับsupercar นะฮะ หวังใจว่าจะได้ขับเฟอรารี่สักวัน ตอนนี้นั่งเรือเฟอรี่ไปก่อน
ว่าแต่ว่า เอาละยังฮะ "หุ้นคุณค่าที่ฆ่าคุณ เอ๊ยคุณคู่ควร" ผ่านการกรองด้วยตะแกรงและกะลาเจาะรู
เอาแบบวิจารณ์ข้อเสียก่อน เอาให้เสียๆหายๆเลย worstcase scenarioเลย รับได้ค่อยซื้อ
เวลาบอกพิกัดก็เอาแบบ"ด่าถูกตัว แล้วโดดหลบตีน" กันกองเชียร์ เจ้าของ มารุมตื้บ..
วีไอหัดขับ รายงานตัว
samatah
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 536
รถข้อ4 ตอนนี้ที่ฮิตๆ ก็ต้องเป็นรถเก่าเครื่องเก่าเกิ๊น แต่มาบอกว่าใช้พลังงานไฟฟ้า(แสงอาทิตย์) แบบรถ tesla (อันนี้สวยจริงครับ CEOก็เก่งมากด้วย)dr1 เขียน:อ.lekyฮะ
ถ้ามีให้เลือกแบบ
1. Supercar เร็ว แรง แต่แป๊บเดียวจอด เพราะถึงที่เร็ว น้ำมันหมดเร็ว ค่าซ่อมแพง ต้องเปลี่ยนรถเปลี่ยนรุ่นบ่อย
แต่มันส์
2. รถตลาด ขายดี ซ่อมง่าย ใช้ทน ใครๆก็ใช้กัน ไปเรื่อยๆ ไม่เร็ว ใครๆก็ขับได้ มือใหม่ แม่บ้าน ขับสบาย
3. รถมือสองถูกมากทั้งค่าซ่อม ราคา วิ่งช้า แต่ใช้ไปอีกยี่สิบปีได้เลย แต่เก่าโทรม น่าเบื่อ
4. รถมือสองเพิ่งซ่อมเสร็จ ซ่อมมาแบบไหนไม่รู้ แต่คนขายกล่อมจนเคลิ้ม บอกว่าเปลี่ยนเครื่องระบบใหม่
กลายร่างเป็นซุปเปอร์คาร์ แต่ราคาเท่าอีโค่คาร์ เสียอย่างเดียวที่เต๊นท์นี้มีประวัติย้อมแมว เอ๊ยรถบ่อยๆ
รถพวกนี้ ดังทุกอย่าง ยกเว้นแตร กับวิทยุใช่มั้ยครับ พี่หมอ1
ปล.1ถามพี่หมอ leky หรือพี่ๆท่านอื่นก็ได้ครับ ว่าหุ้นที่มีข่าวจะเอาหุ้นลูกเข้าตลาด ส่วนใหญ่จะวิ่งกันเต็มเหยียด พี่หมอมีวิธีดูไงบ้างครับ ว่าควรถือแม่ต่อ, หรือเลือกถือใครดี หรือขายทิ้งทั้งคู่ เพราะหมด storyแล้ว (THRE-THREL, EA-EIA, Samart-OTO)
2.แล้วส่วนใหญ่ หุ้นที่ถือๆไป แล้วเพิ่มทุน warrant ให้ผถห.เก่า พี่หมอมีวิธีเลือกถือต่อ หรือขายWarrantที่ได้มาออกไป หรือยังไงบ้างครับ
ไปๆมาๆ นี้ผมจะเล่นหุ้นตามข่าวแล้วป่าวหว่า
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 537
หุ้นที่จะเอาบ.ลูกเข้าตลาด ทำไมราคามันถึงวิ่ง มองในแง่จิตวิทยา คนอยากได้หุ้น IPO เพราะสมัยนี้นิยมให้โอกาสผถห.บ.แม่จองซื้อหุ้น IPO ด้วย ประมาณว่า เงินลอยเข้ามาในกระเป๋ารายย่อยอย่างตรูแล้ว นาน ๆ จะได้หุ้น IPO กับเค้าซักที ราคาหุ้นก็วิ่งฝุ่นตลบ มองในแง่ทฤษฎี การเอาหุ้นบ.ลูกเข้าตลาดเป็นการเพิ่มมูลค่าให้หุ้นแม่ เพราะถ้าเป็นบ.นอกตลาดการประเมินอาจจะตามมูลค่าทางบัญชี แต่ถ้าเอาเข้าตลาดก็อาจจะมี capital gain เกิดขึ้นromee เขียน: ปล.1ถามพี่หมอ leky หรือพี่ๆท่านอื่นก็ได้ครับ ว่าหุ้นที่มีข่าวจะเอาหุ้นลูกเข้าตลาด ส่วนใหญ่จะวิ่งกันเต็มเหยียด พี่หมอมีวิธีดูไงบ้างครับ ว่าควรถือแม่ต่อ, หรือเลือกถือใครดี หรือขายทิ้งทั้งคู่ เพราะหมด storyแล้ว (THRE-THREL, EA-EIA, Samart-OTO)
ก่อนอื่นคงต้องมองหลาย ๆ มุมก่อนครับ ในมุมของบ.ลูกที่จะเข้าตลาด สิ่งที่ต้องเข้าใจอย่างแรกคือ ราคาที่เค้าขายให้ผถห.เดิมนั้น เป็นราคาเดียวกับ IPO ทั่วไป ไม่ได้มีส่วนลดอะไรทั้งสิ้น นั่นแปลว่า เราอาจจะไม่ได้หุ้นราคาถูกจริง ๆ ซึ่งในความเห็นผม ๆ ก็คือว่า ไม่มีหุ้น IPO ตัวไหน ที่จะเป็นหุ้นถูก ก็แหงครับ อุตสาห์เอาหุ้นเข้าตลาดเข้าต้องกะเอาเงินรายย่อยเต็มที่อยู่แล้วครับ แล้วที่โบรกชอบบอกว่าหุ้นที่เค้า IPO มีส่วนลด ก็ขอโทษนะ ตรรกะมักจะแปลก ๆ เช่น PE กลุ่ม 20 หุ้น IPO ของเรา PE 15 นี่คือส่วนลดแล้ว เอากับเค้าสิ
ในมุมของหุ้นแม่ก็มองได้หลายแบบ ถ้าเรารู้ข่าวว่าหุ้นตัวนั้นจะเอาหุ้นเข้าตลาด ข่าวมีมานานแล้ว แบบนี้หุ้นมักจะยังไม่มีการตอบสนองอะไรมากนัก ยิ่งถ้าให้สิทธิ์น้อย ๆ ยิ่งจะไม่ค่อยมีการตอบสนอง แต่ในกรณีนี้ ถ้าเราประเมินดูแล้วถ้าเอาลูกเข้าตลาดมูลค่าของลูกจะสูงมากในขณะที่ราคาของแม่ยังต่ำ แบบนี้ก็น่าเสี่ยงที่จะซื้อเพราะสุดท้าย ราคาของหุ้นแม่ก็จะตอบสนองเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ลูกจะเข้าตลาด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูหลายอย่าง บางบ.ก็ดูไม่โปร่งใส มีการทำอะไรบางอย่างให้ผถห.ใหญ่เจ้าของตัวจริงได้เปรียบ
ในอีกมุมหนึ่ง ถ้าผมบังเอิญมีหุ้นอยู่แล้ว แล้วบ.นั้นจะเอาหุ้นลูกเข้าตลาด อันนี้ก็อาจจะไม่ยาก เพราะผมก็แค่ตัดสินใจว่าจะจองหุ้น IPO ที่ได้สิทธิ์มาด้วยหรือไม่ แน่นอนถ้าราคาหุ้นแม่วิ่งขึ้น ผมก็คงต้องประเมิน ถ้าราคาแม่มันร้อนแรงเกินไป ถึงแม้จะเอาราคาลูกที่เข้าตลาดเข้ามาคิดด้วย ผมก็อาจจะถือเป็นโอกาสขายหุ้นแม่ทิ้ง ส่วนหุ้นลูกถ้าเราคิดว่ามันไม่ใช่หุ้นที่ราคาถูกอยู่แล้ว ผมก็คงถือแค่ช่วงสั้น ๆ ดีไม่ดีขายราคาเปิดตั้งแต่วันแรก
ไม่นานมานี้มีหุ้นตัวหนึ่งที่ผมถืออยู่ราว ๆ เกือบสองปี ตอนน้ำท่วมขาดทุนไป 30-40% แต่สุดท้ายกลับมากำไรได้ 1 เด้ง แต่ที่แสบคือ หลังผมขายไปไม่ถึงครึ่งวัน หุ้นดันวิ่งขึ้น พร้อมกับมีข่าวหลุดออกมาว่าจะเอาบ.ลูกเข้าตลาด สุดท้ายหุ้นแม่วิ่งขึ้นอย่างแรงส่วนหนึ่งเพราะตลาดหุ้นดีมาก ผมได้มา 1 เด้งก็จริง แต่กำไรผมหายไปอีก 3 เด้ง ซึ่งหุ้นตัวนี้ผมมีในพอร์ตค่อนข้างมาก เกือบสองปีที่ผมถือหุ้นตัวนี้อยู่ ผมเข้าใจดีว่าบ.ลูกแห่งนี้มันคือ "ตัวถ่วง" ของบ.แม่ จะว่าไปตอนที่ผมซื้อหุ้นตัวนี้ เหตุผลหนึ่งเพราะผมคิดว่าบ.ลูกเค้าเพิ่มกำลังการผลิต น่าจะรายได้ดี แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ดีซักที ตอนนั้นบ.โปรโมทย์สุด ๆ ออกข่าวเดี๋ยวกับบ.ลูกว่ามีโครงการอย่างนั้นอย่างนี้ จะปรับโครงสร้าง มีดีลที่จะทำกำไรกับอสังหาฯ บางอย่างที่มีอยู่ ผบห.ซื้อหุ้นโชว์ โบรกเชียร์ ผมเชื่อว่าแม้แต่วีไอก็ยังเคลิ้ม คนที่เชียร์ก็ขยันเอาบทวิเคราะห์ของโบรกที่ให้เป้าสูง ๆ มาแปะ แต่อย่างที่บอก ผมถือหุ้นตัวนี้มานานพอควร และก็คิดว่าเข้าใจมันพอควรเหมือนกัน ก็ตั้งข้อสงสัยเสมอว่า "มันโม้หรือเปล่าวะ" จริงอยู่บ.แม่เอาลูกเข้าตลาดมันดีต่อแม่แน่ เพราะตัวถ่วงมันจะถ่วงจากมากกลายเป็นน้อย ไปถ่วงที่รายย่อยแทน ล่าสุดราคาก็ยังต่ำกว่า IPO ส่วนตัวแม่ถ้าไม่นับช่วงที่หุ้นวิ่งขึ้นในช่วงแรกที่ตลาดดี ๆ ตอนนี้ก็กลับมาสู่ความเป็นจริง จากที่ผมกำไรหาย 3 เด้งก็กลายเป็นแค่หายไปเด้งเดียว อย่าได้ถามผมนะครับว่าหุ้นตัวไหน เพียงแต่ระวังครับ หุ้น IPO ทั้งหลาย จำไว้ให้ขึ้นใจ ไม่มีเจ้าของคนไหน อยากให้หุ้น IPO ของตัวเองราคาถูกครับ
แล้วแต่ว่าจะมองครับ ซึ่งก็มองได้หลายมุมromee เขียน:2.แล้วส่วนใหญ่ หุ้นที่ถือๆไป แล้วเพิ่มทุน warrant ให้ผถห.เก่า พี่หมอมีวิธีเลือกถือต่อ หรือขายWarrantที่ได้มาออกไป หรือยังไงบ้างครับ
ไปๆมาๆ นี้ผมจะเล่นหุ้นตามข่าวแล้วป่าวหว่า
1) ถ้า W ตัวนั้นเข้าตลาดแล้วแพงเกินไป หมายถึงค่าพรีเมี่ยมสูง (ราคาใช้สิทธิ์บวกราคา W ในกระดาน สูงกว่าราคาหุ้นแม่มาก) ผมอาจจะขาย W ทิ้ง โดยเฉพาะถ้าหุ้นแม่ราคาเริ่มจะแพงเกินไปแล้ว ยิ่งตัดสินใจง่าย ตรงนี้ทำให้เรามักจะเห็นผบห.ที่ได้ W ชอบขาย W ออกมา เพราะถ้าเค้ายังอยากคงสัดส่วนการถือหุ้นอยู่เท่าเดิม เค้าก็มักจะไปซื้อหุ้นในกระดานดีกว่า ส่วนตัวแม่ถ้าวิ่งแรงจนแพงก็อาจจะขายเช่นกัน
2) ถ้าราคา W นั้น ค่าพรีเมี่ยมไม่สูง เช่นไม่เกิน 10% และราคาหุ้นแม่ก็ยังไม่แพง ผมอาจจะเลือกถือต่อทั้งคู่
3) ถ้าราคา W นั้น ค่าพรีเมี่ยมใกล้ 0 หรือติดลบ ยิ่งถ้าราคาใช้สิทธิ์ใกล้ราคาหุ้นแม่ด้วยแล้วล่ะก็ บางทีผมอาจจะเลือกขายหุ้นแม่ทิ้งแล้วเปลี่ยนไปถือ W แทนทั้งหมด เพื่อนำส่วนต่างไปลงทุนในหุ้นตัวอื่น แต่ข้อเสียของการทำแบบนี้ก็คือ จะไม่ได้รับเงินปันผล และต้องอย่าลืมว่าขายแม่ไปเท่าไหร่ ก็ซื้อ W เท่านั้น ตามสูตรการป้องกันความเสี่ยงจากการเล่น W
มันไม่มีสูตรอะไรตายตัวครับ ขึ้นอยุ่กับโจทย์ของหุ้นและสถานการณ์ของหุ้นแต่ละตัวครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 538
อยากถามประสบการณ์คนถือหุ้นไว้นานหลายปี สัก2-3ปีขึ้นไป และมีการซื้อเฉลี่ยมันเข้าไปอีก
อยากรู้ว่า
1.ตอนเลือก เลือกยังไง
2.แล้วมีการซื้อเฉลี่ยเข้าไปอีกมั้ยครับ ทำไมถึงกล้าซื้อตัวเดิม เพราะปกติคนเรามักชอบไปหาตัวใหม่ๆมากกว่าตัวเก่า
ขอบคุณครับ
อยากรู้ว่า
1.ตอนเลือก เลือกยังไง
2.แล้วมีการซื้อเฉลี่ยเข้าไปอีกมั้ยครับ ทำไมถึงกล้าซื้อตัวเดิม เพราะปกติคนเรามักชอบไปหาตัวใหม่ๆมากกว่าตัวเก่า
ขอบคุณครับ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 539
แฮ่...เห็นยังไม่มีใครตอบพี่โรมromee เขียน:อยากถามประสบการณ์คนถือหุ้นไว้นานหลายปี สัก2-3ปีขึ้นไป และมีการซื้อเฉลี่ยมันเข้าไปอีก
อยากรู้ว่า
1.ตอนเลือก เลือกยังไง
2.แล้วมีการซื้อเฉลี่ยเข้าไปอีกมั้ยครับ ทำไมถึงกล้าซื้อตัวเดิม เพราะปกติคนเรามักชอบไปหาตัวใหม่ๆมากกว่าตัวเก่า
ขอบคุณครับ
เลยเข้ามาตอบเล่นๆน๊ะครับ
ผมมีหุ้นแบบที่พี่โรมถามถึงกะเค้าอยู่ตัวนึงครับ
วันนี้ผมถือหุ้นตัวนี้กำลังจะครบ4ปีในเดือนหน้านี้แล้วครับ
คำถามของพี่โรม...
1.เรื่องการเลือก ขอตอบว่า..
หลักในการเลือกของผมก็เป็นหลักการเดิมๆ คือเลือกหุ้นที่ราคามันถูกกว่ามูลค่าแค่นั้นแหละครับ
ยิ่งเป็นธุรกิจที่เราชอบและคิดว่าอยู่ในเทรนด์ที่จะเติบโตไปเรื่อยๆด้วยแล้ว คิดว่ายิ่งใช่เลยครับ
2.เรื่องการซื้อ ตอบว่า
ซื้อเฉลี่ยมาตลอดครับ
จากไม้แรกที่ถือแค่30เปอร์เซ็นต์ ซื้อจนกลายเป็นถือหุ้นตัวเดียวของพอร์ต
เก็บเงินได้ระหว่างทางก็ซื้อเพิ่มตลอด
ซื้อเฉพาะตัวเดิม เพราะเรารู้จักหุ้นดีๆน้อยและตัวที่รู้จักก็คิดว่าดีไม่เท่า หรือราคาตัวเดิมถูกกว่า
ที่สำคัญคือคิดว่าถ้าเราคิดถูกหุ้นตัวนี้จะเปลี่ยนชีวิตเรา แต่ถ้าเราคิดผิดเราก็แค่อยู่ที่เดิม
เลยทำแบบนั้นไปครับ
ตอบแบบนี้พอไหวไม๊ครับ
ถ้าไหว พี่PMหุ้นเด็ดมาให้ผมศึกษาตัวนึงน๊ะครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 540
แบบนี้ครับ ผบห.เค้าก็คงมองแบบนี้ครับleky เขียน: 3) ถ้าราคา W นั้น ค่าพรีเมี่ยมใกล้ 0 หรือติดลบ ยิ่งถ้าราคาใช้สิทธิ์ใกล้ราคาหุ้นแม่ด้วยแล้วล่ะก็ บางทีผมอาจจะเลือกขายหุ้นแม่ทิ้งแล้วเปลี่ยนไปถือ W แทนทั้งหมด เพื่อนำส่วนต่างไปลงทุนในหุ้นตัวอื่น แต่ข้อเสียของการทำแบบนี้ก็คือ จะไม่ได้รับเงินปันผล และต้องอย่าลืมว่าขายแม่ไปเท่าไหร่ ก็ซื้อ W เท่านั้น ตามสูตรการป้องกันความเสี่ยงจากการเล่น W
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(LH) เฉลิม เกียรติธนะบำรุง ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 16/06/2557 12/06/2557 500,000 10.30 ขาย
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(LH) เฉลิม เกียรติธนะบำรุง ผู้จัดทำ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น3 16/06/2557 12/06/2557 500,000 6.45 ซื้อ
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(LH) ธีระ เบญจศิลารักษ์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 16/06/2557 11/06/2557 100,000 10.30 ขาย
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(LH) ธีระ เบญจศิลารักษ์ ผู้จัดทำ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น3 16/06/2557 11/06/2557 100,000 6.50 ซื้อ
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(LH) ธีระ เบญจศิลารักษ์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 16/06/2557 12/06/2557 160,000 10.30 ขาย
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(LH) ธีระ เบญจศิลารักษ์ ผู้จัดทำ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น3 16/06/2557 12/06/2557 160,000 6.42 ซื้อ
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(LH) ธีระ เบญจศิลารักษ์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 16/06/2557 13/06/2557 100,000 10.10 ขาย
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(LH) ธีระ เบญจศิลารักษ์ ผู้จัดทำ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น3 16/06/2557 13/06/2557 100,000 6.40 ซื้อ
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(LH) เลอสุข สุวรรณฑล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 16/06/2557 12/06/2557 200,000 10.30 ขาย
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บมจ.(LH) เลอสุข สุวรรณฑล ผู้จัดทำ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น3 16/06/2557 12/06/2557 200,000 6.45 ซื้อ
"Become a risk taker, not a risk maker"