เป็นกระทู้คลายเครียดครับ แต่ถ้าอ่านจับใจความดีแล้ว จะเห็นถึงกลยุทธต่างที่ท่านแม่ทัพหลายๆคนได้งัดเอามาใช้ยามนี้ ลองอ่านทบทวนใหม่แล้วก็ขำกันต่อไปครับ อิอิอิtheenuch เขียน:เรามีเป้าหมายเดียวกันเลย และเชื่อว่าเพื่อนๆ ก็คงมีเป้าหมายคล้ายๆกันเนี่ยแหละนายมานะ เขียน:theenuch เขียน:นายมานะ เขียน:
สุขภาพที่ดี และมีครอบครัวที่อบอุ่นก็เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดแล้ว ถ้าเปรียบเป็นการลงทุนก็หลักการมีชีวิตรอดนี้ก็คงเหมือนกับ "การขาดทุนเงินต้นอย่างถาวร" ซึ่งผมขอแค่ลงทุนไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเปรียบแพ้ เปรียบชนะกับใคร ขอแค่เพียงไม่ขาดทุนเท่านั้น ก็คงจะมีความสุขมากแล้ว
เห็นกระทู้นี้สนุกดี.....เลยอยากแวะมาคุยด้วย
ในกระทู้ของพี่นั้น สังเกตดีๆ จะไม่ค่อยมีเรื่องการลงทุน เพราะพี่ไม่สามารถสรุปเทคนิคการลงทุนใดๆ ได้เลย จะหนักไปทางการออมเสียมากกว่า จนคุณ seattle อ่านแล้วคงอึดอัด เลยมาถามว่าพี่มีแนวการลงทุนอย่างไร อ่านมาตั้งแต่ต้นยังไม่เจอ (ฮา) เลยเล่าไว้หน่อยนึงว่าเหมือน "งูเหลือม" พอมาเข้าบรรยากาศของกระทู้นี้
พี่ก็กลายเป็น "อะมาดิลโล" ไปแล้ว เพราะไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใดๆ เลยค่ะ
เพราะอย่างที่บอกนั่นแหละค่ะ มาอาศัยเก็บเกี่ยวข้อมูลจากในนี้ทั้งนั้น
ว่าแต่ว่าวันนี้ SET บวก 48 จุด รายย่อยขายเจ้าเดียว 9 พันกว่า.....เดี๋ยวเรามาเฝ้ารอท่านแม่ทัพนายกองเข้ามาวางกลยุทธ์กัน ....เผื่อเราจะได้พลอยหยิบยืมไปใช้ด้วยนะ
ในวันที่ SET - 70 จุด
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 481
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 482
The Hunger game ครับ สงครามใกล้จบแล้ว จะออกหน้าไหนแค่นั้นเองครับ
เราต้องเจอกับ สงครามแห่งความโลภ และ สงครามแห่งความกลัวสลับกันไป
เหมือนการตีลูก ต่อไปจะเป็นทดสอบ โฟรแฮนด์ หลังจากทดสอบแบ๊คแฮนด์
ต่อไปนี้ วัดกันที่ความโลภล้วนๆครับ คนที่จะนั่งเก้าอี้ ประหาร คือ คนที่โลภที่สุด
ในยามที่คนต้องควรกลัว สิ้นเดือนนี้ คงมีอะไรดีๆให้ดูครับ
เราต้องเจอกับ สงครามแห่งความโลภ และ สงครามแห่งความกลัวสลับกันไป
เหมือนการตีลูก ต่อไปจะเป็นทดสอบ โฟรแฮนด์ หลังจากทดสอบแบ๊คแฮนด์
ต่อไปนี้ วัดกันที่ความโลภล้วนๆครับ คนที่จะนั่งเก้าอี้ ประหาร คือ คนที่โลภที่สุด
ในยามที่คนต้องควรกลัว สิ้นเดือนนี้ คงมีอะไรดีๆให้ดูครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 257
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 483
micky1115 เขียน:The Hunger game ครับ สงครามใกล้จบแล้ว จะออกหน้าไหนแค่นั้นเองครับ
เราต้องเจอกับ สงครามแห่งความโลภ และ สงครามแห่งความกลัวสลับกันไป
เหมือนการตีลูก ต่อไปจะเป็นทดสอบ โฟรแฮนด์ หลังจากทดสอบแบ๊คแฮนด์
ต่อไปนี้ วัดกันที่ความโลภล้วนๆครับ คนที่จะนั่งเก้าอี้ ประหาร คือ คนที่โลภที่สุด
ในยามที่คนต้องควรกลัว สิ้นเดือนนี้ คงมีอะไรดีๆให้ดูครับ
ท่านกุนซือ น่าจะออกหนังสือน่าครับ ผมชอบสำนวนท่านมากก
"เมื่อผลลัพธ์ยังมาไม่ถึง เราจำเป็นต้องมีศรัทธา"
-
- Verified User
- โพสต์: 206
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 484
ข้าน้อยขอขอบคุณท่านกุนซือที่ชี้แนะmicky1115 เขียน:The Hunger game ครับ สงครามใกล้จบแล้ว จะออกหน้าไหนแค่นั้นเองครับ
เราต้องเจอกับ สงครามแห่งความโลภ และ สงครามแห่งความกลัวสลับกันไป
เหมือนการตีลูก ต่อไปจะเป็นทดสอบ โฟรแฮนด์ หลังจากทดสอบแบ๊คแฮนด์
ต่อไปนี้ วัดกันที่ความโลภล้วนๆครับ คนที่จะนั่งเก้าอี้ ประหาร คือ คนที่โลภที่สุด
ในยามที่คนต้องควรกลัว สิ้นเดือนนี้ คงมีอะไรดีๆให้ดูครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 485
spluzifer เขียน:micky1115 เขียน:The Hunger game ครับ สงครามใกล้จบแล้ว จะออกหน้าไหนแค่นั้นเองครับ
เราต้องเจอกับ สงครามแห่งความโลภ และ สงครามแห่งความกลัวสลับกันไป
เหมือนการตีลูก ต่อไปจะเป็นทดสอบ โฟรแฮนด์ หลังจากทดสอบแบ๊คแฮนด์
ต่อไปนี้ วัดกันที่ความโลภล้วนๆครับ คนที่จะนั่งเก้าอี้ ประหาร คือ คนที่โลภที่สุด
ในยามที่คนต้องควรกลัว สิ้นเดือนนี้ คงมีอะไรดีๆให้ดูครับ
ท่านกุนซือ น่าจะออกหนังสือน่าครับ ผมชอบสำนวนท่านมากก
มิบังอาจครับ ความรู้ที่ผมมียังด้อยกว่าพวกพี่ๆน้องๆหลายๆคนในเวปครับ อันปัญญาก้ทึบ
ถ้าออกหนังสือ ก้คงเป็นแนวเฮฮา มากกว่ามีสาระแน่นอนครับ และถ้าเป็นแบบนั้น
ไม่ออกจะดีกว่าครับ เพราะแค่นี้ หนังสือเกี่ยวกับหุ้นดีๆ ก้หายากแล้ว
แต่ผมการันตี ว่า หนังสือเล่มนึงที่มีคุณค่ามาก และคุ้มค่าทุกบาทที่จ่ายไปคือ เล่มนี้ครับ
คุ้มค่าตั้งแต่บาทแรก จนถึงบาทสุดท้ายครับ ยิ่งอ่านยิ่งได้จริงๆครับ ยิ่งได้ก้ยิ่งตีแตก
ยิ่งตีแตกก้ยิ่งตกผลึกครับ เป็นหนังสือที่อ่านรอบแรกจะได้แรงบันดาลใจ ครับ
พออ่านรอบสอง รอบสิบ ยี่สิบ ทีนี้ จะเข้าใจในสิ่งที่ซ่อนไว้ครับ
เหมือนเทรนเนอร์ ในหนังเรื่อง Hunger game ครับ หนังสือเล่มนี้ ในยามที่เราต้องลงไป
แข่งขัน เราจะรู้ว่า ถึงเวลาวิกฤติขึ้นมาต้องทำยังไง ต้องดำรงชีวิตแบบไหน
เราจะสู้ หรือ หนี และในวิกฤติ อะไรคือโอกาศ อะไรคือภัย แล้วจะตีแตกได้ในยามไหน
ใครได้ใครเสีย หรือ ห่านป่านที่บินเป็นฝูง เหล่านี้ล้วนเป็นจริงทุกถ้อยคำครับ
คุ้มค่าทุกนาที อ่านตีแตก ครับ แล้วจะเข้าใจถึงการดำรงชีวิตเพื่อเอาตัวรอดในตลาดหุ้น
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 257
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 486
micky1115 เขียน:spluzifer เขียน:micky1115 เขียน:The Hunger game ครับ สงครามใกล้จบแล้ว จะออกหน้าไหนแค่นั้นเองครับ
เราต้องเจอกับ สงครามแห่งความโลภ และ สงครามแห่งความกลัวสลับกันไป
เหมือนการตีลูก ต่อไปจะเป็นทดสอบ โฟรแฮนด์ หลังจากทดสอบแบ๊คแฮนด์
ต่อไปนี้ วัดกันที่ความโลภล้วนๆครับ คนที่จะนั่งเก้าอี้ ประหาร คือ คนที่โลภที่สุด
ในยามที่คนต้องควรกลัว สิ้นเดือนนี้ คงมีอะไรดีๆให้ดูครับ
ท่านกุนซือ น่าจะออกหนังสือน่าครับ ผมชอบสำนวนท่านมากก
มิบังอาจครับ ความรู้ที่ผมมียังด้อยกว่าพวกพี่ๆน้องๆหลายๆคนในเวปครับ อันปัญญาก้ทึบ
ถ้าออกหนังสือ ก้คงเป็นแนวเฮฮา มากกว่ามีสาระแน่นอนครับ และถ้าเป็นแบบนั้น
ไม่ออกจะดีกว่าครับ เพราะแค่นี้ หนังสือเกี่ยวกับหุ้นดีๆ ก้หายากแล้ว
แต่ผมการันตี ว่า หนังสือเล่มนึงที่มีคุณค่ามาก และคุ้มค่าทุกบาทที่จ่ายไปคือ เล่มนี้ครับ
คุ้มค่าตั้งแต่บาทแรก จนถึงบาทสุดท้ายครับ ยิ่งอ่านยิ่งได้จริงๆครับ ยิ่งได้ก้ยิ่งตีแตก
ยิ่งตีแตกก้ยิ่งตกผลึกครับ เป็นหนังสือที่อ่านรอบแรกจะได้แรงบันดาลใจ ครับ
พออ่านรอบสอง รอบสิบ ยี่สิบ ทีนี้ จะเข้าใจในสิ่งที่ซ่อนไว้ครับ
เหมือนเทรนเนอร์ ในหนังเรื่อง Hunger game ครับ หนังสือเล่มนี้ ในยามที่เราต้องลงไป
แข่งขัน เราจะรู้ว่า ถึงเวลาวิกฤติขึ้นมาต้องทำยังไง ต้องดำรงชีวิตแบบไหน
เราจะสู้ หรือ หนี และในวิกฤติ อะไรคือโอกาศ อะไรคือภัย แล้วจะตีแตกได้ในยามไหน
ใครได้ใครเสีย หรือ ห่านป่านที่บินเป็นฝูง เหล่านี้ล้วนเป็นจริงทุกถ้อยคำครับ
คุ้มค่าทุกนาที อ่านตีแตก ครับ แล้วจะเข้าใจถึงการดำรงชีวิตเพื่อเอาตัวรอดในตลาดหุ้น
ขอบคุนครับที่แนะนำ ^_^
"เมื่อผลลัพธ์ยังมาไม่ถึง เราจำเป็นต้องมีศรัทธา"
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 487
เจอฝรั่งเล่นกลปรับตัวเลขจ้างงานย้อนหลังลงถึง 36% คืนวันศุกร์
ตูมเดียวพลิกเกมเลย
ในอนาคตไม่มีอะไรใดๆการันตีว่าจะไม่ทำตรงข้ามกัน ปรับตัวเลขจ้างงานย้อนหลังขึ้นทีตลาดบ้านเราก็ล่มที ปรับตัวเลขจ้างงานย้อนหลังลงทีตลาดก็พุ่งที วนเวียนอยู่แถวๆนี้มาสักพักมุกเดิมใช้ได้เรื่อยๆ ปรับนิดๆหน่อยไม่ว่าไร ปรับทีตลาดกระเพื่อม 70 จุด
เค้ามาเหนือเมฆจริงๆครับต้องยอมรับ ได้ตามสั่งทุกอย่าง ลงเป็นลง ขึ้นเป็นขึ้น ก็เกมนี้เค้าเป็นคนสร้างขึ้นมานี่หว่า
ไม่วางกลยุทธ์สำหรับลงทุนและสร้างผลกำไรในระยะยาวมีแต่โดนกิน ขนาดตั้งใจลงทุนยังโดนกิน
หนังเรื่องนี้รอดูตอนจบเท่านั้นครับ คาดว่ายังไม่จบเท่านี้เพราะทุกคนก็คิดว่าจะจบๆมาตั้งแต่เดือน 5 แล้ว
ตูมเดียวพลิกเกมเลย
ในอนาคตไม่มีอะไรใดๆการันตีว่าจะไม่ทำตรงข้ามกัน ปรับตัวเลขจ้างงานย้อนหลังขึ้นทีตลาดบ้านเราก็ล่มที ปรับตัวเลขจ้างงานย้อนหลังลงทีตลาดก็พุ่งที วนเวียนอยู่แถวๆนี้มาสักพักมุกเดิมใช้ได้เรื่อยๆ ปรับนิดๆหน่อยไม่ว่าไร ปรับทีตลาดกระเพื่อม 70 จุด
เค้ามาเหนือเมฆจริงๆครับต้องยอมรับ ได้ตามสั่งทุกอย่าง ลงเป็นลง ขึ้นเป็นขึ้น ก็เกมนี้เค้าเป็นคนสร้างขึ้นมานี่หว่า
ไม่วางกลยุทธ์สำหรับลงทุนและสร้างผลกำไรในระยะยาวมีแต่โดนกิน ขนาดตั้งใจลงทุนยังโดนกิน
หนังเรื่องนี้รอดูตอนจบเท่านั้นครับ คาดว่ายังไม่จบเท่านี้เพราะทุกคนก็คิดว่าจะจบๆมาตั้งแต่เดือน 5 แล้ว
value trap
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 488
ข้าพเจ้าขอเล่าประสบการณ์อันน่าเจ็บปวด เกี่ยวกับเรื่องราวของ "ข่าวสงครามกับตลาดหุ้น" ในอดีตของข้าพเจ้าให้พวกท่านฟัง เผื่อว่าจะเป็นอุทาหรณ์มิให้พวกท่านต้องเจอเหมือนกับข้าพเจ้า
เมื่อกว่าสิบปีก่อน สมัยนั้นมีหุ้นพลังงานใหญ่ตัวหนึ่ง แปรรูปเข้าตลาด ราคาจอง 35 บาท ข้าพเจ้าโชคดีได้หุ้น IPO นั้นมาจำนวนหนึ่ง เนื่องจากในขณะนั้นข้าพเจ้าทำงานที่อำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งบังเอิญมีธนาคารกรุงไทยตั้งอยู่ แต่ว่าไม่มีใครไปจองหุ้น มีเพียงข้าพเจ้าไปจองคนเดียว ในขณะที่กรุงไทยสาขาอื่นคนแทบจะเหยียบกันตายเพราะแย่งหุ้นกัน เพราะตอนนั้นบ.นี้โฆษณาโดยใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นผู้ชายสองคนเดินทางไปขอสาวแต่งงาน ฝ่ายหนึ่งนำหุ้นไปเป็นสินสอด อีกฝ่ายนำเงินและทองไป บทสรุปของโฆษณาคงไม่ต้องพูดถึง
อนิจจา คนที่ได้หุ้น ต่างก็ฝันกันว่าหลังหุ้นเข้าตลาดคงได้กำไรก้อนโต รวมถึงข้าพเจ้าด้วย แต่แล้วพอหุ้นเข้าตลาดจริง ๆ สิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าข้าพเจ้าจำไม่ผิดราคาเปิดเริ่มที่ 38 บาท ขาดตัว หลายคนสะใจว่า ไปบ้าแย่งหุ้นจนเกือบเหยียบกันตายที่แบงค์ทำไม
ประมาณ 1 ปีเห็นจะได้ ราคาหุ้นตัวนี้ก็เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ๆ บางช่วงถึงกับลงมาต่ำกว่าราคาจอง สร้างความอึดอัดให้แก่คนมีหุ้นไม่น้อย รวมถึงข้าพเจ้าเองด้วย ข้าพเจ้ามิรู้จะทำอย่างไร จึงหาทางเพิ่มมูลค่าด้วยการซื้อ ๆ ขาย ๆ ทำกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้าพเจ้าอยากบอกอีกเรื่องหนึ่งว่าด้วยความที่ราคามันไม่ยอมไปไหน ตอนนั้นหุ้นตัวนี้จึงได้รับฉายาว่า "ป่อเต็กตึ้ง" ทั้ง ๆ ที่บางช่วงหุ้นตัวอื่นมันก็วิ่งขึ้นไปหมด
จนกระทั่งวันหนึ่งมีข่าวว่า "ตำรวจโลก" จะบุกอิรัก ตอนนั้นไม่ต้องพูดถึง ตลาดหุ้นค่อย ๆ ซึมลง ด้วยความกลัวว่าตลาดหุ้นจะพังเหมือนสมัยสงครามคูเวต ข้าพเจ้าก็คิดเหมือนคนส่วนใหญ่ มองว่า ถ้ากระสุนนัดแรกเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตลาดต้องพังทลายแน่
สิ่งที่ข้าพเจ้าทำคือ ขายหุ้นตัวนี้ออกไปแล้วกะว่าจะมาซื้อคืนที่หลัง
ผลที่เกิดขึ้นหลังจากเสียงกระสุนนัดแรก ตลาดหุ้นกลับขึ้น พร้อมกับเหตุผลว่าตลาดซึมซับข่าวร้ายนี้ไปมากแล้ว
ยังไม่นับว่า "ป่อเต็กตึ้ง" ที่ข้าพเจ้าปล่อยออกไป สวมวิญญาณ "รถกู้ชีพเปิดไซเลน" วิ่งไม่หยุดไป 100>>>200>>>>>>>>3000>>>>>>>>>>>>>>>400 บาท ไม่กลับมาที่ราคาของข้าพเจ้าอีกเลย
เรื่องราวของข้าพเจ้า มันคงเปรียบเสมือนปรากฎการของสัตว์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "หนูเลมมิ่ง" พฤติกรรมของหนูที่ทำตามเสียงส่วนใหญ่ และคิดว่าความคิดของคนส่วนใหญ่นี้น่าจะถูกต้อง แต่อนิจจาหนูเลมมิ่งกลุ่มใหญ่นั้นกลับกลายเป็นการพร้อมใจกันวิ่งลงหน้าผมสูงชัน
[youtube]AOOs8MaR1YM[/youtube]
บทเรียนในครั้งนั้นและอีกหลาย ๆ ครั้ง สอนให้ข้าพเจ้าเข้าใจอยู่ 3-4 เรื่อง
1) อย่าได้พยายามจับจังหวะของตลาด ถ้าท่านไม่ใช่คนที่เก่งพอสำหรับการจะเล่นกับแนวทางนี้
2) อย่าคิดเอาเหตุผลของการขึ้นหรือลงจากตลาดหุ้น เพราะมันสามารถหาเหตุผล "มาใส่ให้เหมาะสม" ได้เสมอ
3) รับฟังอย่างใช้วิจารณญาณ แต่อย่าเชื่อเหตุผลทั้งหมดของเซียน โบรก สื่อ ฯลฯ ที่พยายามจะคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในอนาคต เพราะว่า >>> ให้กลับไปอ่านข้อสองอีกครั้ง
4) การเชื่อตามเสียงของคนส่วนใหญ่ บางครั้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเหมือนพฤติกรรมของหนูเลมมิ่ง
5) การคิดจะทำสิ่งที่ตรงข้ามหรือพูดค้านกับคนส่วนใหญ่ เป็นเรื่องที่ต้องฝืนจิตใจตัวเองมาก ๆ ยังไม่นับว่าในบางครั้งเราอาจจะโดนเยาะเย้ยถากถางจากคนรอบข้าง
เมื่อกว่าสิบปีก่อน สมัยนั้นมีหุ้นพลังงานใหญ่ตัวหนึ่ง แปรรูปเข้าตลาด ราคาจอง 35 บาท ข้าพเจ้าโชคดีได้หุ้น IPO นั้นมาจำนวนหนึ่ง เนื่องจากในขณะนั้นข้าพเจ้าทำงานที่อำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งบังเอิญมีธนาคารกรุงไทยตั้งอยู่ แต่ว่าไม่มีใครไปจองหุ้น มีเพียงข้าพเจ้าไปจองคนเดียว ในขณะที่กรุงไทยสาขาอื่นคนแทบจะเหยียบกันตายเพราะแย่งหุ้นกัน เพราะตอนนั้นบ.นี้โฆษณาโดยใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นผู้ชายสองคนเดินทางไปขอสาวแต่งงาน ฝ่ายหนึ่งนำหุ้นไปเป็นสินสอด อีกฝ่ายนำเงินและทองไป บทสรุปของโฆษณาคงไม่ต้องพูดถึง
อนิจจา คนที่ได้หุ้น ต่างก็ฝันกันว่าหลังหุ้นเข้าตลาดคงได้กำไรก้อนโต รวมถึงข้าพเจ้าด้วย แต่แล้วพอหุ้นเข้าตลาดจริง ๆ สิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าข้าพเจ้าจำไม่ผิดราคาเปิดเริ่มที่ 38 บาท ขาดตัว หลายคนสะใจว่า ไปบ้าแย่งหุ้นจนเกือบเหยียบกันตายที่แบงค์ทำไม
ประมาณ 1 ปีเห็นจะได้ ราคาหุ้นตัวนี้ก็เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ๆ บางช่วงถึงกับลงมาต่ำกว่าราคาจอง สร้างความอึดอัดให้แก่คนมีหุ้นไม่น้อย รวมถึงข้าพเจ้าเองด้วย ข้าพเจ้ามิรู้จะทำอย่างไร จึงหาทางเพิ่มมูลค่าด้วยการซื้อ ๆ ขาย ๆ ทำกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้าพเจ้าอยากบอกอีกเรื่องหนึ่งว่าด้วยความที่ราคามันไม่ยอมไปไหน ตอนนั้นหุ้นตัวนี้จึงได้รับฉายาว่า "ป่อเต็กตึ้ง" ทั้ง ๆ ที่บางช่วงหุ้นตัวอื่นมันก็วิ่งขึ้นไปหมด
จนกระทั่งวันหนึ่งมีข่าวว่า "ตำรวจโลก" จะบุกอิรัก ตอนนั้นไม่ต้องพูดถึง ตลาดหุ้นค่อย ๆ ซึมลง ด้วยความกลัวว่าตลาดหุ้นจะพังเหมือนสมัยสงครามคูเวต ข้าพเจ้าก็คิดเหมือนคนส่วนใหญ่ มองว่า ถ้ากระสุนนัดแรกเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตลาดต้องพังทลายแน่
สิ่งที่ข้าพเจ้าทำคือ ขายหุ้นตัวนี้ออกไปแล้วกะว่าจะมาซื้อคืนที่หลัง
ผลที่เกิดขึ้นหลังจากเสียงกระสุนนัดแรก ตลาดหุ้นกลับขึ้น พร้อมกับเหตุผลว่าตลาดซึมซับข่าวร้ายนี้ไปมากแล้ว
ยังไม่นับว่า "ป่อเต็กตึ้ง" ที่ข้าพเจ้าปล่อยออกไป สวมวิญญาณ "รถกู้ชีพเปิดไซเลน" วิ่งไม่หยุดไป 100>>>200>>>>>>>>3000>>>>>>>>>>>>>>>400 บาท ไม่กลับมาที่ราคาของข้าพเจ้าอีกเลย
เรื่องราวของข้าพเจ้า มันคงเปรียบเสมือนปรากฎการของสัตว์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "หนูเลมมิ่ง" พฤติกรรมของหนูที่ทำตามเสียงส่วนใหญ่ และคิดว่าความคิดของคนส่วนใหญ่นี้น่าจะถูกต้อง แต่อนิจจาหนูเลมมิ่งกลุ่มใหญ่นั้นกลับกลายเป็นการพร้อมใจกันวิ่งลงหน้าผมสูงชัน
[youtube]AOOs8MaR1YM[/youtube]
บทเรียนในครั้งนั้นและอีกหลาย ๆ ครั้ง สอนให้ข้าพเจ้าเข้าใจอยู่ 3-4 เรื่อง
1) อย่าได้พยายามจับจังหวะของตลาด ถ้าท่านไม่ใช่คนที่เก่งพอสำหรับการจะเล่นกับแนวทางนี้
2) อย่าคิดเอาเหตุผลของการขึ้นหรือลงจากตลาดหุ้น เพราะมันสามารถหาเหตุผล "มาใส่ให้เหมาะสม" ได้เสมอ
3) รับฟังอย่างใช้วิจารณญาณ แต่อย่าเชื่อเหตุผลทั้งหมดของเซียน โบรก สื่อ ฯลฯ ที่พยายามจะคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในอนาคต เพราะว่า >>> ให้กลับไปอ่านข้อสองอีกครั้ง
4) การเชื่อตามเสียงของคนส่วนใหญ่ บางครั้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเหมือนพฤติกรรมของหนูเลมมิ่ง
5) การคิดจะทำสิ่งที่ตรงข้ามหรือพูดค้านกับคนส่วนใหญ่ เป็นเรื่องที่ต้องฝืนจิตใจตัวเองมาก ๆ ยังไม่นับว่าในบางครั้งเราอาจจะโดนเยาะเย้ยถากถางจากคนรอบข้าง
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 489
ข้าพเจ้าลืมบอกไป ช่วงที่ผ่านมาพอร์ตของข้าพเจ้า ยังคงไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนักเหมือนเดิม มีขายทำกำไรบ้างในหุ้นบางตัวตามแผนเดิมที่กำหนดไว้ เปลี่ยนหุ้นเล็กน้อย หุ้นตัวไหนที่ลงหนัก ๆ ข้าพเจ้าก็มิได้ขาย หุ้นหลายตัวของข้าพเจ้า ผบห.ได้เข้าไปรับหุ้น และมีอาการ "ดอย" เช่นเดียวกับข้าพเจ้า ในเมื่อผบห.ยังดอย ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จะ "เต้นแร้งเต้นกา" ไปทำไม
เมื่อสถานการณ์กระเตื้องขึ้น หุ้นบางตัวที่ไม่ค่อยลงมาตามตลาดมากนักพอตลาดเริ่มดีขึ้น มันก็กลับมาได้มากขึ้นกว่าเดิม
หวังว่าเหล่าสหายยังคงสบายดีกันถ้วนหน้า
จาก "เลมมิ่งกลับใจ"
เมื่อสถานการณ์กระเตื้องขึ้น หุ้นบางตัวที่ไม่ค่อยลงมาตามตลาดมากนักพอตลาดเริ่มดีขึ้น มันก็กลับมาได้มากขึ้นกว่าเดิม
หวังว่าเหล่าสหายยังคงสบายดีกันถ้วนหน้า
จาก "เลมมิ่งกลับใจ"
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 490
ข้าพเจ้าลืมบอกไป ช่วงที่ผ่านมาพอร์ตของข้าพเจ้า ยังคงไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนักเหมือนเดิม มีขายทำกำไรบ้างในหุ้นบางตัวตามแผนเดิมที่กำหนดไว้ เปลี่ยนหุ้นเล็กน้อย หุ้นตัวไหนที่ลงหนัก ๆ ข้าพเจ้าก็มิได้ขาย หุ้นหลายตัวของข้าพเจ้า ผบห.ได้เข้าไปรับหุ้น และมีอาการ "ดอย" เช่นเดียวกับข้าพเจ้า ในเมื่อผบห.ยังดอย ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จะ "เต้นแร้งเต้นกา" ไปทำไม
เมื่อสถานการณ์กระเตื้องขึ้น หุ้นบางตัวที่ไม่ค่อยลงมาตามตลาดมากนักพอตลาดเริ่มดีขึ้น มันก็กลับมาได้มากขึ้นกว่าเดิม
หวังว่าเหล่าสหายยังคงสบายดีกันถ้วนหน้า
จาก "เลมมิ่งกลับใจ"
เมื่อสถานการณ์กระเตื้องขึ้น หุ้นบางตัวที่ไม่ค่อยลงมาตามตลาดมากนักพอตลาดเริ่มดีขึ้น มันก็กลับมาได้มากขึ้นกว่าเดิม
หวังว่าเหล่าสหายยังคงสบายดีกันถ้วนหน้า
จาก "เลมมิ่งกลับใจ"
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 491
OMG......ท่านแม่ทัพ ไฉนท่านจึงได้มากลายร่างleky เขียน:ข้าพเจ้าลืมบอกไป ช่วงที่ผ่านมาพอร์ตของข้าพเจ้า ยังคงไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนักเหมือนเดิม มีขายทำกำไรบ้างในหุ้นบางตัวตามแผนเดิมที่กำหนดไว้ เปลี่ยนหุ้นเล็กน้อย หุ้นตัวไหนที่ลงหนัก ๆ ข้าพเจ้าก็มิได้ขาย หุ้นหลายตัวของข้าพเจ้า ผบห.ได้เข้าไปรับหุ้น และมีอาการ "ดอย" เช่นเดียวกับข้าพเจ้า ในเมื่อผบห.ยังดอย ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จะ "เต้นแร้งเต้นกา" ไปทำไม
เมื่อสถานการณ์กระเตื้องขึ้น หุ้นบางตัวที่ไม่ค่อยลงมาตามตลาดมากนักพอตลาดเริ่มดีขึ้น มันก็กลับมาได้มากขึ้นกว่าเดิม
หวังว่าเหล่าสหายยังคงสบายดีกันถ้วนหน้า
จาก "เลมมิ่งกลับใจ"
เป็นหนูเลมมิ่งไปเช่นนี้ แต่เรื่องรวที่ท่านมาถ่ายทอดนั้นช่างมีคุณค่าจริงๆ
ดู clip แรกๆ สงสารค่ะ....แต่มาดูตอนท้าย
เจ้าหนูเลมมิ่งว่ายน้ำเก่งทีเดียว ...โล่งใจแทน
ตัวที่รอดมาได้นั้นเชื่อแน่ว่าต้องเก่งและแกร่ง ทนทุกสภาวะอย่างแน่นอน
ข้าน้อยชักอยากเปลียนจาก อะมาดิลโล เป็น หนูเลมมิ่ง อีกแล้ว
ติดที่ว่าว่ายน้ำไม่เก่ง คงต้องเป็นอะมาดิลโลตัวกลมๆ ไปเช่นเดิม
เห็นด้วยกับคุณ micky1115 เช่นกัน
ว่าแล้วก็หยิบตีแตกมาอ่านซ้ำอีกดีกว่า
อ่านตีแตกแล้วทำให้รู้สึกว่า
กลยุทธ์ "ทำเหมือนเดิม" ของคุณ NB....นี้ใช้ได้ตลอดกาล
ขอบคุณแม่ทัพนายกองทุกท่านที่ไม่อาจกล่าวถึงได้หมด
ข้าน้อยจะน้อมรับคำแนะนำจากบรรดาแม่ทัพนายกองในกระทู้นี้
ไปปรับใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ที่ต้องพบเจอในภายภาคหน้าต่อไป
(ตามที่ท่าบูรพาไม่แพ้บอกไว้....ให้ทบทวนบ่อยๆ)
- นายมานะ
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1116
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 492
TVI เป็นสังคมการลงทุนที่แปลกมากครับ ผมเห็นหลายๆ เวป หลายๆ สังคมการลงทุน มักจะมี "เซียน" หรือ "เฮีย" สิงสถิตกันอยู่มากมาย แต่เวป TVI ผมไม่เคยเจอเซียนเลยสักคน กลับเจอตัว "อะมาดิลโล" บ้าง ตัว "เลมมิ่ง" บ้าง มันช่างแปลกดีแท้หนอ
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 493
ขอนอกเรื่องนิดนึงนะคะ
ทราบมาว่าสารคดีเรื่องหนูเลมมิ่งโดดน้ำเป็นสารคดีอื้อฉาวที่คนทำสารคดีออกมายอมรับว่า ล่อให้หนูเลมมิ่งโดดน้ำตามตำนาน
ทราบมาว่าสารคดีเรื่องหนูเลมมิ่งโดดน้ำเป็นสารคดีอื้อฉาวที่คนทำสารคดีออกมายอมรับว่า ล่อให้หนูเลมมิ่งโดดน้ำตามตำนาน
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 494
ขอนอกเรื่องนิดนึงนะคะ
ทราบมาว่าสารคดีเรื่องหนูเลมมิ่งโดดน้ำเป็นสารคดีอื้อฉาวที่คนทำสารคดีออกมายอมรับว่า ล่อให้หนูเลมมิ่งโดดน้ำตามตำนาน
ทราบมาว่าสารคดีเรื่องหนูเลมมิ่งโดดน้ำเป็นสารคดีอื้อฉาวที่คนทำสารคดีออกมายอมรับว่า ล่อให้หนูเลมมิ่งโดดน้ำตามตำนาน
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 495
วันนี้ทัพเราตีกันเอง อีกแล้ว
ทำกันได้ลงคอ...
ทำกันได้ลงคอ...
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 496
micky1115 เขียน:The Hunger game ครับ สงครามใกล้จบแล้ว จะออกหน้าไหนแค่นั้นเองครับ
เราต้องเจอกับ สงครามแห่งความโลภ และ สงครามแห่งความกลัวสลับกันไป
เหมือนการตีลูก ต่อไปจะเป็นทดสอบ โฟรแฮนด์ หลังจากทดสอบแบ๊คแฮนด์
ต่อไปนี้ วัดกันที่ความโลภล้วนๆครับ คนที่จะนั่งเก้าอี้ ประหาร คือ คนที่โลภที่สุด
ในยามที่คนต้องควรกลัว สิ้นเดือนนี้ คงมีอะไรดีๆให้ดูครับ
คนโลภคนสุดท้าย นั่งเก้าอี้ประหารครับ เมื่อขึ้นก้จะขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดวันพิพากษา
เหมือนไทยแลนด์ ก๊อตทาเล้นท์ที่ ถึงรอบสุดท้ายที่ไคลแม๊กส์ รอบสุดท้าย
ความกลัวสุดขีดก้จะตามมา ซึ่งก้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่เราต้องลงไปเลือกของดีๆครับ
เพราะ ตลาดหุ้นไปข้างหน้า เหมือนสายน้ำและเวลาที่ไม่มีไหลย้อนกลับ
สงครามใกล้จบแล้ว เวลาที่น่ากลัวที่สุด คือ เวลาที่คนโลภมากที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 490
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 497
กองพันที่ 13 หน่วยที่ 1200
ข้าพเจ้าขอประเมินสถานการณ์ การรบพุ่ง ที่หลุบเขา 1260 ดูเหมือนข้าศึกจะหยุดรุกคืบและถอยร่นกลับไปแล้ว ค่อยข้างถาวรหรืออย่างน้อย 3-6 เดือนข้างหน้า
ข้าพเจ้าขอประเมินว่าเมื่อวันที่ฝ่ายเราหลงละเลิงจนพ่ายศึก ณ ริมแม่น้ำแยลู(ติดชายแดนจีน 1650)ได้สิ้นสุดลงแล้ว ข้าศึกไม่สามารถทะลวงลงมาได้ถึงที่มั่นเมื่องปูซานของเราแน่แท้ อย่างไรก็ตาม การที่ฝ่ายเราจะบุกไปยึดเมืองเปียงยางภายในสิ้นปีนี้ ยังพอมีความเป็นไปได้ แต่ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากข้าพเจ้าแลเห็น ข้าศึกยืนประจันแนวเส้นขนาน38 ดูหนาตาอยู่มาก
สงคราม ไม่เคยสิ้นสุด เพียงแต่กำลังเปลี่ยนรูปแบบ และวนเวียนรูปแบบ ไปต่างๆนาๆ ซ้ำไปซ้ำมา ทหารที่อยู่รอดมายาวนานและจำจดการศึกต่างๆรุกรบหลบหลีกนิ่งเฉยได้แหละถึงจะอยู่รอดต่อไป ขอให้ทหารที่เพิ่งเข้าสู่สงครามหุ้นไม่นาน จงจดจำปีนี้ให้ดีแล้วท่านจะอยู่รอดต่อไป และแกร่งขึ้น
ขออวยพรให้ทุกท่านอยู่รอดต่อไป
กองพันที่ 13 หน่วยที่ 1200
ข้าพเจ้าขอประเมินสถานการณ์ การรบพุ่ง ที่หลุบเขา 1260 ดูเหมือนข้าศึกจะหยุดรุกคืบและถอยร่นกลับไปแล้ว ค่อยข้างถาวรหรืออย่างน้อย 3-6 เดือนข้างหน้า
ข้าพเจ้าขอประเมินว่าเมื่อวันที่ฝ่ายเราหลงละเลิงจนพ่ายศึก ณ ริมแม่น้ำแยลู(ติดชายแดนจีน 1650)ได้สิ้นสุดลงแล้ว ข้าศึกไม่สามารถทะลวงลงมาได้ถึงที่มั่นเมื่องปูซานของเราแน่แท้ อย่างไรก็ตาม การที่ฝ่ายเราจะบุกไปยึดเมืองเปียงยางภายในสิ้นปีนี้ ยังพอมีความเป็นไปได้ แต่ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากข้าพเจ้าแลเห็น ข้าศึกยืนประจันแนวเส้นขนาน38 ดูหนาตาอยู่มาก
สงคราม ไม่เคยสิ้นสุด เพียงแต่กำลังเปลี่ยนรูปแบบ และวนเวียนรูปแบบ ไปต่างๆนาๆ ซ้ำไปซ้ำมา ทหารที่อยู่รอดมายาวนานและจำจดการศึกต่างๆรุกรบหลบหลีกนิ่งเฉยได้แหละถึงจะอยู่รอดต่อไป ขอให้ทหารที่เพิ่งเข้าสู่สงครามหุ้นไม่นาน จงจดจำปีนี้ให้ดีแล้วท่านจะอยู่รอดต่อไป และแกร่งขึ้น
ขออวยพรให้ทุกท่านอยู่รอดต่อไป
กองพันที่ 13 หน่วยที่ 1200
“Survival of the fittest”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 498
ตอนนี้คนกำลังแบ่งเป็นสอง
1. ขายไปช่วง Panic พอร์ตจะว่างหรือมีเงินสดสูง จะเกิดอาการลังเล เพราะ ถ้าซื้อคืนจะต้องขาดทุนเพราะขายไปถูกกว่าที่ซื้อ พอร์ตก็จะยังว่างต่อไป หุ้นชั้นดี ที่ขายไปก็ยังสับสนว่าควรจะคืนหรือไม่? จะคุ้มมั๊ย แต่แน่นอน มูลค่าของพอร์ตต้องหายไปแน่ ๆ นั่นคือ เราจะโดนบั่นทอนจากตลาดมากกว่าพื้นฐาน จะรอดี หรือจะซัดดี ถ้าซัดเลย ต้องขาดทุนแน่ๆ เพราะดันขายไปตอนถูก ๆ ถ้ารอแล้วพรุ่งนี้มันขึ้นอีกล่ะ หรือจะลง นายตลาดมีผลต่อการตัดสินใจของเค้า หลายคนต้องยอมแพ้ตลาดไปตลอดกาล หรือหมดโอกาสถือหุ้นที่ตัวเองถือไว้แล้วแท้ ๆ ก็เพราะเหตุนี้ นั่นคือตลาดหุ้นจะคัดคนออกตลอดเวลาและหลายคนคงไม่ได้ไปต่อ
2. ไอ้เฉย
1. ขายไปช่วง Panic พอร์ตจะว่างหรือมีเงินสดสูง จะเกิดอาการลังเล เพราะ ถ้าซื้อคืนจะต้องขาดทุนเพราะขายไปถูกกว่าที่ซื้อ พอร์ตก็จะยังว่างต่อไป หุ้นชั้นดี ที่ขายไปก็ยังสับสนว่าควรจะคืนหรือไม่? จะคุ้มมั๊ย แต่แน่นอน มูลค่าของพอร์ตต้องหายไปแน่ ๆ นั่นคือ เราจะโดนบั่นทอนจากตลาดมากกว่าพื้นฐาน จะรอดี หรือจะซัดดี ถ้าซัดเลย ต้องขาดทุนแน่ๆ เพราะดันขายไปตอนถูก ๆ ถ้ารอแล้วพรุ่งนี้มันขึ้นอีกล่ะ หรือจะลง นายตลาดมีผลต่อการตัดสินใจของเค้า หลายคนต้องยอมแพ้ตลาดไปตลอดกาล หรือหมดโอกาสถือหุ้นที่ตัวเองถือไว้แล้วแท้ ๆ ก็เพราะเหตุนี้ นั่นคือตลาดหุ้นจะคัดคนออกตลอดเวลาและหลายคนคงไม่ได้ไปต่อ
2. ไอ้เฉย
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 490
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 499
“Survival of the fittest”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
- นายมานะ
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1116
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 500
ข้อคิดของพี่่ NB เหมือนที่ผมเคยอ่านเจอในนิยายหนาๆ เล่มสีแดงๆ นะครับNevercry.boy เขียน:ตอนนี้คนกำลังแบ่งเป็นสอง
1. ขายไปช่วง Panic พอร์ตจะว่างหรือมีเงินสดสูง จะเกิดอาการลังเล เพราะ ถ้าซื้อคืนจะต้องขาดทุนเพราะขายไปถูกกว่าที่ซื้อ พอร์ตก็จะยังว่างต่อไป หุ้นชั้นดี ที่ขายไปก็ยังสับสนว่าควรจะคืนหรือไม่? จะคุ้มมั๊ย แต่แน่นอน มูลค่าของพอร์ตต้องหายไปแน่ ๆ นั่นคือ เราจะโดนบั่นทอนจากตลาดมากกว่าพื้นฐาน จะรอดี หรือจะซัดดี ถ้าซัดเลย ต้องขาดทุนแน่ๆ เพราะดันขายไปตอนถูก ๆ ถ้ารอแล้วพรุ่งนี้มันขึ้นอีกล่ะ หรือจะลง นายตลาดมีผลต่อการตัดสินใจของเค้า หลายคนต้องยอมแพ้ตลาดไปตลอดกาล หรือหมดโอกาสถือหุ้นที่ตัวเองถือไว้แล้วแท้ ๆ ก็เพราะเหตุนี้ นั่นคือตลาดหุ้นจะคัดคนออกตลอดเวลาและหลายคนคงไม่ได้ไปต่อ
2. ไอ้เฉย
ในนั้นก็มีตัวละคร 2 ตัวที่พี่ NB ว่า ชื่อเรียกของพวกเค้าคือ "Mr.market" กับ "Intelligence investor"
นิยายเล่มนี้หนาอย่างกะแฮรี่ แต่เพื่อนที่"เล่นหุ้น"บอกผมว่ามันไม่เห็นสนุกเหมือนแฮรี่เลย ดำเนินเรื่องได้น่าเบื่อ วกวน มี"แก่นเรื่อง"แค่หยิบมือเดียว แต่ผมอ่านแล้วชอบมันมากครับ ถึงแก่นเรื่องจะมีแค่หยิบมือจริง แต่การจะเข้าใจอย่างแท้จริง ผมคิดว่าอาจต้องใช้เวลาถึงค่อนชีวิตเลยทีเดียว
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 501
สิ่งที่ทำลายวินัยและหลักการลงทุนมากที่สุดคือ การได้ยินผลตอบแทนสุดวิเศษของพอร์ตคนอื่นครับ ^^
ช่วงนี้ต้องอดทนกับเสียงรอบข้างของกองกำลังฝ่าย "เล่นรอบ" มากเลยครับ
แถมระยะนี้เป็นพวกรอบสั้นมากถึงมากที่สุดเสียด้วยสิ
ส่วนผมก็ยังทำตัวแกล้งตายอยู่แถวเนินดอยเหมือนเดิมครับ ว่าแล้วก็ขอตัวไปนอนชาร์ตไฟต่อดีกว่า
ช่วงนี้ต้องอดทนกับเสียงรอบข้างของกองกำลังฝ่าย "เล่นรอบ" มากเลยครับ
แถมระยะนี้เป็นพวกรอบสั้นมากถึงมากที่สุดเสียด้วยสิ
ส่วนผมก็ยังทำตัวแกล้งตายอยู่แถวเนินดอยเหมือนเดิมครับ ว่าแล้วก็ขอตัวไปนอนชาร์ตไฟต่อดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 502
micky1115 เขียน:micky1115 เขียน:The Hunger game ครับ สงครามใกล้จบแล้ว จะออกหน้าไหนแค่นั้นเองครับ
เราต้องเจอกับ สงครามแห่งความโลภ และ สงครามแห่งความกลัวสลับกันไป
เหมือนการตีลูก ต่อไปจะเป็นทดสอบ โฟรแฮนด์ หลังจากทดสอบแบ๊คแฮนด์
ต่อไปนี้ วัดกันที่ความโลภล้วนๆครับ คนที่จะนั่งเก้าอี้ ประหาร คือ คนที่โลภที่สุด
ในยามที่คนต้องควรกลัว สิ้นเดือนนี้ คงมีอะไรดีๆให้ดูครับ
คนโลภคนสุดท้าย นั่งเก้าอี้ประหารครับ เมื่อขึ้นก้จะขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดวันพิพากษา
เหมือนไทยแลนด์ ก๊อตทาเล้นท์ที่ ถึงรอบสุดท้ายที่ไคลแม๊กส์ รอบสุดท้าย
ความกลัวสุดขีดก้จะตามมา ซึ่งก้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่เราต้องลงไปเลือกของดีๆครับ
เพราะ ตลาดหุ้นไปข้างหน้า เหมือนสายน้ำและเวลาที่ไม่มีไหลย้อนกลับ
สงครามใกล้จบแล้ว เวลาที่น่ากลัวที่สุด คือ เวลาที่คนโลภมากที่สุด
เวลาที่ดีที่สุดในการขายคือวันที่มีแต่ตัว Y ในตลาดครับ สงครามใกล้จะจบแล้ว
ตลาดหุ้นช่วงสั้นๆจะขึ้นด้วยอารมณ์ แต่ยาวๆแล้วพื้นฐานจะเป็นตัวกำหนด
เหมือนดูหนังสยองขวัญช่วงแรกๆ ทุกคนจะแฮปปี้มีแต่คนหัวเราะ แต่ฉากจบมักเต็มไป
ด้วยเลือดและน้ำตา
ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ จงโลภเมื่อคนอื่นกลัว และจงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 504
Begin
หุ้นขึ้น หลายคนเสียหายจากการไม่รู้จักบริหาร "ความโลภ" ของตนเอง
หุ้นลง หลายคนเสียหายจากการไม่รู้จักบริหาร "ความกลัว" ของตนเอง
Loop
หุ้นขึ้น หลายคนเสียหายจากการไม่รู้จักบริหาร "ความโลภ" ของตนเอง
หุ้นลง หลายคนเสียหายจากการไม่รู้จักบริหาร "ความกลัว" ของตนเอง
Loop
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 505
อยากทราบว่าเป็นเสียงดีใจที่เล่นรอบสำเร็จหรือเซ็งที่ไม่น่าเล่นรอบครับSaran เขียน:สิ่งที่ทำลายวินัยและหลักการลงทุนมากที่สุดคือ การได้ยินผลตอบแทนสุดวิเศษของพอร์ตคนอื่นครับ ^^
ช่วงนี้ต้องอดทนกับเสียงรอบข้างของกองกำลังฝ่าย "เล่นรอบ" มากเลยครับ
แถมระยะนี้เป็นพวกรอบสั้นมากถึงมากที่สุดเสียด้วยสิ
ส่วนผมก็ยังทำตัวแกล้งตายอยู่แถวเนินดอยเหมือนเดิมครับ ว่าแล้วก็ขอตัวไปนอนชาร์ตไฟต่อดีกว่า
หุ้นขึ้นลงมันไม่สำคัญเท่ากับ หุ้นขึ้นเราจะทำอะไรแล้วหุ้นลงเราจะทำอะไร
ผมยังเชื่อว่าถ้าเรามีกรอบของ "แผน" ยามหุ้นลงเราจะไม่ "ลน" และยามหุ้นขึ้นเราก็จะไม่ "เหลิง" ครับ
ตรงนี้มันคือ "ศิลปะ" บางครั้งอาจจะไม่สามารถถ่ายทอดได้ว่าควรจะทำอย่างไร เพราะขึ้นกับหลาย ๆ อย่าง ประสบการณ์ จิตใจ ฯลฯ
ยามหุ้นลงใช่ว่าจะห้ามขาย เพราะหุ้นบางตัวควรขาย โดยเฉพาะหุ้นที่พื้นฐานไม่ดี (เรารู้อยู่แก่ใจว่าไม่ดี) เพราะเวลาลงจะลงแรงกว่าชาวบ้าน สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ เรากำลังถือหุ้นที่พื้นฐานไม่ดี แต่เรายังคิดว่ามันคือหุ้นพื้นฐานดี
ยามหุ้นลงใช่ว่าจะห้ามซื้อ เพราะบางครั้งด้วยความตกใจของคนส่วนใหญ่ อาจจะมี "นางฟ้าตกสวรรค์" ตกมาใส่พอร์ตของเราโดยไม่คาดคิดมาก่อน ถ้าเราพิจารณาโดยใช้สติ ไม่ได้ใช้อารมณ์ตามคนอื่น
ยามหุ้นขึ้นใช่ว่าจะห้ามขาย ถ้าหุ้นนั้นราคา over value หรือเราคิดว่ามีหุ้นที่น่าสนใจมากกว่า บางครั้งการขายหุ้นตอนที่หุ้นขึ้นก็ได้ราคาดีไม่น้อย
ยามหุ้นขึ้นใช่ว่าจะห้ามซื้อ ถ้าหุ้นตัวนั้นราคายัง under value การเอาประสบการณ์ที่ตลาดหุ้นเพิ่งตกหนักมาตัดสินใจ เพียงเพราะคิดว่ามันอาจจะเป็นแบบที่ผ่าน ๆ มาอีก บางครั้งก็อาจจะทำให้พลาดโอกาสได้เป็นเจ้าของหุ้นดี ๆ ที่ไม่ลงกลับมาให้เราซื้ออีกเลย
ทุกเหตุการณ์ มีหลายมุมมอง ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกดูเลือกพิจารณาที่มุมไหน ที่สำคัญคือการใช้ "สติ" ครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 506
มาตอบกุนซือ leky ครับ
แน่นอนว่าเสียงที่ได้ยินมานั้นส่วนใหญ่มักจะเป็น เสียงดีใจ มากกว่า เสียงบ่นเซ็ง ครับ
ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วในวงการตลาดหุ้นเพราะคนตายมักจะไม่ได้พูด (หรืออาจมีพูดว่าเป็น VI จำเป็นก็ได้ครับ เห็นฮิตกันจังคำนี้)
แน่นอนว่าเสียงที่ได้ยินมานั้นส่วนใหญ่มักจะเป็น เสียงดีใจ มากกว่า เสียงบ่นเซ็ง ครับ
ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วในวงการตลาดหุ้นเพราะคนตายมักจะไม่ได้พูด (หรืออาจมีพูดว่าเป็น VI จำเป็นก็ได้ครับ เห็นฮิตกันจังคำนี้)
-
- Verified User
- โพสต์: 490
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 507
Nevercry.boy เขียน:Begin
หุ้นขึ้น หลายคนเสียหายจากการไม่รู้จักบริหาร "ความโลภ" ของตนเอง
Sub
หลายคนหลงละเลิง มั่นใจสุดๆ เกิดมาเซียน
EndSub
หุ้นลง หลายคนเสียหายจากการไม่รู้จักบริหาร "ความกลัว" ของตนเอง
Sub
หลายคนหวาดกลัวสุดๆ เลิกเถอะ หุ้นมันนรก
EndSub
Loop
“Survival of the fittest”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
-
- Verified User
- โพสต์: 407
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 508
Nevercry.boy เขียน:Begin
หุ้นขึ้น หลายคนเสียหายจากการไม่รู้จักบริหาร "ความโลภ" ของตนเอง
Sub
หลายคนหลงละเลิง มั่นใจสุดๆ เกิดมาเซียน
EndSub
หุ้นลง หลายคนเสียหายจากการไม่รู้จักบริหาร "ความกลัว" ของตนเอง
Sub
หลายคนหวาดกลัวสุดๆ เลิกเถอะ หุ้นมันนรก
EndSub
If ศึกษาแนว VI Then
Exit Loop
Else
Go to Begin
End If
Loop
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 509
สิ่งที่ต้องระวังและเป็นจุดตายอีกอย่างนึงคือ
เมื่อยามหุ้นเริ่มขึ้นหุ้นเรายังไม่ขึ้น ไอ้ที่ทนอมผ่านวิกฤตมา ขายไปซะงั้น
ระวังอารมณ์ของเราให้ดีครับ
เมื่อยามหุ้นเริ่มขึ้นหุ้นเรายังไม่ขึ้น ไอ้ที่ทนอมผ่านวิกฤตมา ขายไปซะงั้น
ระวังอารมณ์ของเราให้ดีครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในวันที่ SET - 70 จุด
โพสต์ที่ 510
55555+ ผมยังจำได้ดีเลยครับ ผมเข้าไปอ่านที่ห้องmint ตั้งนานกว่าจะตัดสินใจลงทุนด้วยที่11 แต่เนื่องจากใจเราไม่นิ่งพอ เลยปล่อยไปที่13 ทั้งๆที่เข้าใจว่าตัวเองคิดดีแล้ว บางทีเราเห็นตัวอื่นๆวิ่งแล้วของเราไม่วิ่งมันต้องใช้ความอดทนมากเลยครับNevercry.boy เขียน:สิ่งที่ต้องระวังและเป็นจุดตายอีกอย่างนึงคือ
เมื่อยามหุ้นเริ่มขึ้นหุ้นเรายังไม่ขึ้น ไอ้ที่ทนอมผ่านวิกฤตมา ขายไปซะงั้น
ระวังอารมณ์ของเราให้ดีครับ