หน้า 17 จากทั้งหมด 30

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 22, 2009 11:24 am
โดย naris
มุมมองของพี่สำหรับศุภาลัยคือ เป็นบริษัทที่มีผู้บริหารที่ซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง พยายามซื้อที่ดินให้ถูกที่สุดและมาบริหารจัดการให้ถูก เพื่อขายให้ถูก จากกระจกมองหลังที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่เงินสงทุนได้ดีอันดับต้นๆของตลาด มีรายได้ที่สม่ำเสมอ ไม่เข้าผีออกเหมือนอสังหาบางบริษัท ไม่ทุ่มลงทุนที่เกินตัว

ส่วนจุดอ่อนก็มีในส่วนของชื่อเสียงของแบรนด์ยังไม่สามารถอัพตนเองขึ้นไปในกลุ่มลูกค้าบีบวกได้ครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 22, 2009 5:57 pm
โดย nun08
naris เขียน:มุมมองของพี่สำหรับศุภาลัยคือ เป็นบริษัทที่มีผู้บริหารที่ซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง พยายามซื้อที่ดินให้ถูกที่สุดและมาบริหารจัดการให้ถูก เพื่อขายให้ถูก จากกระจกมองหลังที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่เงินสงทุนได้ดีอันดับต้นๆของตลาด มีรายได้ที่สม่ำเสมอ ไม่เข้าผีออกเหมือนอสังหาบางบริษัท ไม่ทุ่มลงทุนที่เกินตัว

ส่วนจุดอ่อนก็มีในส่วนของชื่อเสียงของแบรนด์ยังไม่สามารถอัพตนเองขึ้นไปในกลุ่มลูกค้าบีบวกได้ครับ
v

v
v
    ขอบคุณครับพี่ที่แนะนำแนวคิดพี่.........เท่าที่ผมคุยกับเพื่อนสาว ที่เป็นสถาปนิกทำงานกับคุณประทีป เค้าจะเข้มงวดเรื่องงานแบบมาก   แถมเพื่อนบอกว่าจะมีการตั้งแผนก r&d ให้ด้วย :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 22, 2009 10:46 pm
โดย jinyong
naris เขียน:มุมมองของพี่สำหรับศุภาลัยคือ เป็นบริษัทที่มีผู้บริหารที่ซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง พยายามซื้อที่ดินให้ถูกที่สุดและมาบริหารจัดการให้ถูก เพื่อขายให้ถูก จากกระจกมองหลังที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่เงินสงทุนได้ดีอันดับต้นๆของตลาด มีรายได้ที่สม่ำเสมอ ไม่เข้าผีออกเหมือนอสังหาบางบริษัท ไม่ทุ่มลงทุนที่เกินตัว

ส่วนจุดอ่อนก็มีในส่วนของชื่อเสียงของแบรนด์ยังไม่สามารถอัพตนเองขึ้นไปในกลุ่มลูกค้าบีบวกได้ครับ

เมื่อก่อน สมัยผมเรียนจบใหม่ๆ ประมาณปี 37 - 38  

สนใจติดตามวงการอสังหาฯ ศุภาลัย ถือได้ว่าอยู่ในระดับ A- เลย (ตอนนั้นไม่มีแสน ไม่มี ps) เป็นคู่แข่งของ pf    


แล้วพอช่วงหลังจากนั้นหลายปีไม่ได้ติดตามวงการ   อยู่ไป ๆ  ทำไมถึงลงมา B ก็ไม่รู้

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 26, 2009 12:38 pm
โดย โว้กว้าก
สวัสดีครับ พี่นริศ

      ถ้าผมจะเริ่มลงทุนในบริษัทประกันภัยนี่ ผมควรจะต้องดูอะไรบ้างเป็นอันดับแรกครับ พอดีไม่มีข้อมูลด้านนี้เลย
      รบกวนชี้แนะด้วยครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 26, 2009 1:41 pm
โดย naris
[quote="โว้กว้าก"]สวัสดีครับ พี่นริศ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 27, 2009 12:19 pm
โดย โว้กว้าก
ขอบคุณครับ สำหรับคำตอบ

ว่าแต่ผมขอถามนอกเรื่องหุ้นนิดนึง อ่านหน้าแรกๆทราบมาว่าพี่นริศ อยู่เมืองเลย ไม่ทราบว่าหน้าหนาวอย่างนี้ ถ้าไปภูกระดึงแล้วแถวเมืองเลย มีอะไรน่าแวะเที่ยวอีกครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 28, 2009 12:16 am
โดย won71
โว้กว้าก เขียน:ขอบคุณครับ สำหรับคำตอบ

ว่าแต่ผมขอถามนอกเรื่องหุ้นนิดนึง อ่านหน้าแรกๆทราบมาว่าพี่นริศ อยู่เมืองเลย ไม่ทราบว่าหน้าหนาวอย่างนี้ ถ้าไปภูกระดึงแล้วแถวเมืองเลย มีอะไรน่าแวะเที่ยวอีกครับ
ขอถามด้วยคนครับ เชียงคานน่าไปไหมครับ เผื่อพี่นริศจะจัดจิบชา ชมน้ำโขง จะได้ขอจองไปด้วยคน

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 28, 2009 8:28 am
โดย naris
won71 เขียน: ขอถามด้วยคนครับ เชียงคานน่าไปไหมครับ เผื่อพี่นริศจะจัดจิบชา ชมน้ำโขง จะได้ขอจองไปด้วยคน
เมืองเลยเป็นเมืองน่าเที่ยวเชิงธรรมชาติอันดับต้นๆของเประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
-ภูเรือที่เป็นแหล่งผลิตไม้ดอกและคริสมาสต์ที่มากที่สุดในประเทศ เป็นแหล่งปลูกองุ่นทำไวน์ที่ดังที่สุดในไทย(ชาโตเดอเลย)
-ภูกระดึง เป็นแหล่งพิสูจน์เนื้อคู่ที่น่าจะมาลิ้มลอง ที่ไม่ต้องบรรยายมากแต่ต้องเสียเวลาขึ้นลงพอสมควร ควรจะมาไม่ต่ำกว่า2คืน
-เชียงคาน ตอนนี้กำลังมาแรงในเชิงคล้ายๆปาย แต่ใกล้กว่ามาก บรรยากาศสบายๆแบบไทเลย ใส่บาตรพระข้างริมโขง ดูทะเลหมอกพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูทอก น่าสนใจมาก
-หนองหิน ที่คุนหมิงเมืองไทย เป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนในไทย ถ้าใครชอบถ้ำหรือแท่งหินทรงแปลกๆไม่ควรพลาดที่นี่ครับ ขอบอกว่าอะเมซิ่งจริงๆ เพียงแต่ถนนหนทางไม่ดีมากเท่านั้นเอง
-ด่านซ้าย ไม่ควรพลาดที่จะมาไหว้พระธาตูศรีสองลักษณ์และวัดเนรมิตที่อยู่ติดๆกัน แถมถ้ามาช่วงประเพณีผีตาโขนแล้ว ขอบอกว่าอำเภอเดียว งานเดียวก็คุ้มสุดๆแล้วครับ
-นาแห้ว เป็นอำเภอที่ไกลปืนเที่ยง แต่ถ้าใครชอบบรรยากาศบ้านนอกดิบๆ ป่าดิบๆ แล้วไม่ควรพลาดครับ
-สุดท้ายที่ไม่ท้ายสุด ภูหลวงมีทางขึนอยู่สองทาง ทางรถขึ้นเองและเดินชมป่ากุหลาบหินพันปี ชมบรรยากาศไม้ห้าหกคนโอบระหว่างทางที่ไม่ค่อยจะมีให้เห็นแล้ว หรือจะเอาแบบลูกทุ่งเดินขึ้นเหมือนภูกระดึงก็ต้องไปฝั่งอำเภอวังสะพุง รับรองเด็ดกว่าภูกระดึงซะอีก

บรรยายอย่างไรก็ไม่หมดยังมีอีกหลายที่ที่น่าไปชม เพียงแต่การมาเมืองเลยต้องมีเวลามาชมบรรยากาศแบบลองสเตย์ไม่ควรขี่ม้าชมดอกไม้ครับ คนมาเลยหลายคนจึงชอบมาเกษียณที่เลยครับ :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 28, 2009 11:46 am
โดย holidaytours
ขอบคุณคับ  :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 28, 2009 12:32 pm
โดย โว้กว้าก
อือ...น่าอิจฉาครับ ที่ได้อยู่เมืองที่สงบและบรรยากาศดีขนาดนั้น ผมอยู่ชลบุรี เห็นแต่รถติด โรงงานอุตสาหกรรม เฮ้ออ....[/quote]

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 28, 2009 3:19 pm
โดย jacksatit
naris เขียน: เมืองเลยเป็นเมืองน่าเที่ยวเชิงธรรมชาติอันดับต้นๆของเประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
-ภูเรือที่เป็นแหล่งผลิตไม้ดอกและคริสมาสต์ที่มากที่สุดในประเทศ เป็นแหล่งปลูกองุ่นทำไวน์ที่ดังที่สุดในไทย(ชาโตเดอเลย)
-ภูกระดึง เป็นแหล่งพิสูจน์เนื้อคู่ที่น่าจะมาลิ้มลอง ที่ไม่ต้องบรรยายมากแต่ต้องเสียเวลาขึ้นลงพอสมควร ควรจะมาไม่ต่ำกว่า2คืน
-เชียงคาน ตอนนี้กำลังมาแรงในเชิงคล้ายๆปาย แต่ใกล้กว่ามาก บรรยากาศสบายๆแบบไทเลย ใส่บาตรพระข้างริมโขง ดูทะเลหมอกพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูทอก น่าสนใจมาก
-หนองหิน ที่คุนหมิงเมืองไทย เป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนในไทย ถ้าใครชอบถ้ำหรือแท่งหินทรงแปลกๆไม่ควรพลาดที่นี่ครับ ขอบอกว่าอะเมซิ่งจริงๆ เพียงแต่ถนนหนทางไม่ดีมากเท่านั้นเอง
-ด่านซ้าย ไม่ควรพลาดที่จะมาไหว้พระธาตูศรีสองลักษณ์และวัดเนรมิตที่อยู่ติดๆกัน แถมถ้ามาช่วงประเพณีผีตาโขนแล้ว ขอบอกว่าอำเภอเดียว งานเดียวก็คุ้มสุดๆแล้วครับ
-นาแห้ว เป็นอำเภอที่ไกลปืนเที่ยง แต่ถ้าใครชอบบรรยากาศบ้านนอกดิบๆ ป่าดิบๆ แล้วไม่ควรพลาดครับ
-สุดท้ายที่ไม่ท้ายสุด ภูหลวงมีทางขึนอยู่สองทาง ทางรถขึ้นเองและเดินชมป่ากุหลาบหินพันปี ชมบรรยากาศไม้ห้าหกคนโอบระหว่างทางที่ไม่ค่อยจะมีให้เห็นแล้ว หรือจะเอาแบบลูกทุ่งเดินขึ้นเหมือนภูกระดึงก็ต้องไปฝั่งอำเภอวังสะพุง รับรองเด็ดกว่าภูกระดึงซะอีก

บรรยายอย่างไรก็ไม่หมดยังมีอีกหลายที่ที่น่าไปชม เพียงแต่การมาเมืองเลยต้องมีเวลามาชมบรรยากาศแบบลองสเตย์ไม่ควรขี่ม้าชมดอกไม้ครับ คนมาเลยหลายคนจึงชอบมาเกษียณที่เลยครับ :D
พี่นริศนี่คล้ายๆ Buffet นะครับ อยู่ในเมืองที่สงบแต่ลงทุนในสินทรัพย์ที่คนอื่นๆคิดว่าวุ่นวายสับสน  ผมอยู่ในห้องค้าทุกวันสับสนวุ่นวายมาก แต่ผมว่าทำแบบพี่ๆนี่แหละดีแล้ว ทำในสิ่งที่เราเชื่อ ไม่ใช่เชื่อในสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิด

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 28, 2009 7:04 pm
โดย Todo
ภูเก็ต ก็เป็นอีกจังหวัดที่น่าอยู่เหมือนกันนะครับ
เมืองน่ารัก ๆ ที่ท่องเทียวในจังหวัดก็เยอะ จังหวัดรอบ ๆก็เยอะ มุมสงบ ๆ ก็เยอะ
ถ้าใครอยากหาที่เกษียณสงบๆ  ภูเก็ตเป็นอีกตัวเลือกครับ
:D  :D  :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 02, 2009 12:21 am
โดย maiaowna
pm ไปคุยกับพี่เขาได้มุมมองการลงทุนอีกเยอะเลย

ขอบคุณมากครับผม  :wink:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 02, 2009 10:10 am
โดย romee
เห็นว่าพี่นริศจะเกษียณตัวเองจากงานประจำแล้ว...อีกไม่กี่ปี

แล้วหลังจากนั้น พี่จะทำอะไรต่อไปละครับ เพราะคนทำงานมาตลอด คงไม่ได้อยู่เฉยๆ หรือเที่ยวอย่างเดียวแน่นอนละมั้งครับ

ถามเรื่องหุ้นบ้าง...เวลาพี่ดูงบการเงิน พี่ดูส่วนใหนก่อน หลังครับ...ไล่เป็นสเตปๆให้ที

ขอบคุณครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 02, 2009 10:38 am
โดย naris
romee เขียน:เห็นว่าพี่นริศจะเกษียณตัวเองจากงานประจำแล้ว...อีกไม่กี่ปี

แล้วหลังจากนั้น พี่จะทำอะไรต่อไปละครับ เพราะคนทำงานมาตลอด คงไม่ได้อยู่เฉยๆ หรือเที่ยวอย่างเดียวแน่นอนละมั้งครับ

ถามเรื่องหุ้นบ้าง...เวลาพี่ดูงบการเงิน พี่ดูส่วนใหนก่อน หลังครับ...ไล่เป็นสเตปๆให้ที

ขอบคุณครับ
ที่ผ่านมาเงินเป็นเพียงเป้าหมายเดียวใน5เป้าหมายในชีวิต อีกสี่เป้าหมายคงจะทำให้ดีขึ้นเพื่อให้คุ้มค่าที่เกิดมาครับ

ส่วนเรื่องงบการเงินพี่จะดูโครงสร้างธุรกิจก่อนว่า จุดอ่อนของธุรกิจประเภทนี้จะอยู่ตรงไหน จะดูน้ำหนักจุดนั้นๆเป็นพิเศษ และในส่วนที่สองดูว่าจุดหลักๆของบ.นี้อยู่ตรงไหน catalyst & risk อยู่ตรงไหนครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 02, 2009 12:41 pm
โดย โว้กว้าก
สวัสดีครับพี่นริศ

ขอถามในมุมมองของพี่ครับว่า ช่วงใกล้สิ้นปีอย่างนี้เคยอ่านมาว่าหุ้นกลุ่มที่ Market Cap ขนาดใหญ่ราคาจะขึ้นช่วงสิ้นปีเพราะว่ากองทุน LTF RTF จะเข้าซื้อ แล้วนอกจากนี้หุ้นกลุ่มไหนที่จะได้รับผลกระทบในช่วงสิ้นปีอีกครับทั้งในทางที่ดี และไม่ดีครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 02, 2009 1:11 pm
โดย naris
โว้กว้าก เขียน:สวัสดีครับพี่นริศ

ขอถามในมุมมองของพี่ครับว่า ช่วงใกล้สิ้นปีอย่างนี้เคยอ่านมาว่าหุ้นกลุ่มที่ Market Cap ขนาดใหญ่ราคาจะขึ้นช่วงสิ้นปีเพราะว่ากองทุน LTF RTF จะเข้าซื้อ แล้วนอกจากนี้หุ้นกลุ่มไหนที่จะได้รับผลกระทบในช่วงสิ้นปีอีกครับทั้งในทางที่ดี และไม่ดีครับ
ถ้าจริงอย่างที่เขาว่ากันว่ากองทุนซื้อในช่วงสิ้นปีก็อาจจะเกิดขึ้นจาก
การซื้อเพราะมีเงินสดไหลเข้าในกองทุนอย่างที่บอก แต่จริงๆเขาก็สามารถไปซื้อช่วงต้นปีได้เช่นกัน(ถ้าการถือครองเงินสดไม่เกินที่กำหนดไว้)และข้อสองคือถ้ามีการทำราคาปิดเพื่อให้กำไรมากขึ้น(หรือขาดทุนน้อยลง)จริงอย่างข่าวลือ ก็คงจะมีแต่ในทางที่ดีที่ทำให้หุ้นขึ้น และเขาคงจะทำในหุ้นที่กองทุนตนเองถืออยู่มากๆ แต่เขาก็เสี่ยงที่จะถูกเทขายจากบุคคลอื่นๆได้เช่นกันถ้าสภาพตลาดไม่เอื้ออำนวย

พี่ว่าเรารู้ไว้ประดับความรู้เฉยๆก็พอได้ แต่เราไม่ควรจะเข้าไปเก็งกำไรในสิ่งที่เหนือเกินความคาดหมายของเราจะดีกว่าครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 02, 2009 11:08 pm
โดย vi_tal signs
naris เขียน: ที่ผ่านมาเงินเป็นเพียงเป้าหมายเดียวใน5เป้าหมายในชีวิต อีกสี่เป้าหมายคงจะทำให้ดีขึ้นเพื่อให้คุ้มค่าที่เกิดมาครับ


นับถือพี่นริศครับ  ผมอยากทราบเฉยๆว่า อีก 4 เป้าหมาย  ของพี่นริศ
มีสิ่งไหนบ้างครับ


  ถามหุ้น kiat หน่อยครับ  ว่าพี่นริศสนใจบริษัทฯ นี้ด้วยเหตุผลใดเอ่ย
เอาคร่าวๆก็ได้นะครับ  ผมกำลังอ่านๆอยู่  ครับ :oops:  :oops:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 9:46 am
โดย naris
vi_tal  signs เขียน:


นับถือพี่นริศครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 9:52 am
โดย sathaporne
naris เขียน: ส่วนเรื่องKIATเอาสั้นๆคือ พี่มองว่าเขารุกธุรกิจที่คนอื่นเข้าได้ยาก ต้องอาศัยความเชื่อมั่น มีมาร์จิ้นสูงกว่ากลุ่มอุตสาหกรรม และยังมีโอกาสโตได้อีกมากๆ และผู้บริหารผ่านครับ :D
พี่ครับ โอกาสโตมากๆนี่เป็นยังไงหรือครับ รบกวนพี่narisช่วยวาดภาพให้ฟังได้ไหมครับ
ขอบคุณครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 10:15 am
โดย naris
sathaporne เขียน: พี่ครับ โอกาสโตมากๆนี่เป็นยังไงหรือครับ รบกวนพี่narisช่วยวาดภาพให้ฟังได้ไหมครับ
ขอบคุณครับ
ในความเห็นของพี่นะ อาจจะผิดก็ได้ ตอนนี้ฐานรายได้ปีนี้ของKIATอยู่ที่600ล้านบาท กำไรสุทธิราวๆ140ล้าน ส่วนที่จะโตไปได้ก็มีในส่วนของการขนก๊าซNGVที่ยังมีโอกาสโตได้อีกมากกว่า1000ล้านต่อปี จากข้อกำหนดลูกค้า1รายต้องไม่มากกว่า250คัน รายได้ต่อคันตีขั้นต่ำไว้5ล้านบาท ถ้าเพิ่มได้อีก100คัน จากตอนนี้มีราวๆ30คัน ในอีก2ปีข้างหน้า จะมีรายได้เฉพาะในส่วนนี้อีก500ล้านบาท ตอนนี้KIATมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่940ล้าน(ราคา4.7)PE ณ.ปีนี้อยู่ราวๆ6.7เท่า และมีโอกาสโตดับเบิ้ลภายในสองปี PEเหลือ3กว่าครับ หรือถ้าเขาไม่โตมากๆ โตพียงปีละ10-15%พี่ก็ยังว่าราคานี้ก็ถูกอยู่ เพียงแต่ปัจจัยเสี่ยงไม่ได้อยู่ที่รายได้ แต่อยู่ที่GPMมากกว่าว่าอนาคตเขาจะสามารถรักษาGPMไว้ได้ในระดับใดครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 10:20 am
โดย sathaporne
naris เขียน: ในความเห็นของพี่นะ อาจจะผิดก็ได้ ตอนนี้ฐานรายได้ปีนี้ของKIATอยู่ที่600ล้านบาท กำไรสุทธิราวๆ140ล้าน ส่วนที่จะโตไปได้ก็มีในส่วนของการขนก๊าซNGVที่ยังมีโอกาสโตได้อีกมากกว่า1000ล้านต่อปี จากข้อกำหนดลูกค้า1รายต้องไม่มากกว่า250คัน รายได้ต่อคันตีขั้นต่ำไว้5ล้านบาท ถ้าเพิ่มได้อีก100คัน จากตอนนี้มีราวๆ30คัน ในอีก2ปีข้างหน้า จะมีรายได้เฉพาะในส่วนนี้อีก500ล้านบาท ตอนนี้KIATมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่940ล้าน(ราคา4.7)PE ณ.ปีนี้อยู่ราวๆ6.7เท่า และมีโอกาสโตดับเบิ้ลภายในสองปี PEเหลือ3กว่าครับ หรือถ้าเขาไม่โตมากๆ โตพียงปีละ10-15%พี่ก็ยังว่าราคานี้ก็ถูกอยู่ เพียงแต่ปัจจัยเสี่ยงไม่ได้อยู่ที่รายได้ แต่อยู่ที่GPMมากกว่าว่าอนาคตเขาจะสามารถรักษาGPMไว้ได้ในระดับใดครับ
ขอบคุณมากๆเลยครับ ทำให้เห็นตัวเลขประกอบชัดเจนเลยครับโดยการบรรยายไม่กี่ประโยค
ขอบคุณครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 8:03 pm
โดย โว้กว้าก
โห พี่นริศข้อมูลแม่นจัง

ขอถามเป็นความรู้เพิ่มเติมครับ

1. อะไรที่ทำให้พี่มั่นใจว่า Kiat จะมีโอกาศเติบโตแบบดับเบิ้ลได้ภายในสองถึงสามปีนี้ครับนอกจากแนวโน้มของธุรกิจ

2.แล้วธุรกิจที่ทำอยู่นี่แข็งแกร่งขนาดไหน ถ้าเกิดกำไรดีแล้วมีคู่แข่งขึ้นมา การที่คู่แข่งจะเข้ามาทำตลาดด้านนี้ยากหรือง่ายขนาดไหนครับ

ขอบคุณครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 10:26 pm
โดย jacksatit
แนว VI นี่ก็เป็นการลงทุนแนวพุทธ ผมว่าเป็นตามหลักอิทัปปัจยตา

พี่นริศกับพี่โจก็ทำตามหลักนี้ พวกพี่ๆทำมรรคมามาก ได้ผลตามนั้น น่ายกย่อง

ผมจะพยายามยังเหตุให้คู่ควรกับผลที่ปรารถนา อย่างน้อยก็รู้สึกดีมีศรัทธาเพราะมีคนเดินทางสายนี้ให้ดู

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 10:55 pm
โดย vi_tal signs
jacksatit เขียน:แนว VI นี่ก็เป็นการลงทุนแนวพุทธ ผมว่าเป็นตามหลักอิทัปปัจยตา

พี่นริศกับพี่โจก็ทำตามหลักนี้ พวกพี่ๆทำมรรคมามาก ได้ผลตามนั้น น่ายกย่อง
เลื่อมใสครับๆ :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 11:50 pm
โดย bbendum
naris เขียน: ในความเห็นของพี่นะ อาจจะผิดก็ได้ ตอนนี้ฐานรายได้ปีนี้ของKIATอยู่ที่600ล้านบาท กำไรสุทธิราวๆ140ล้าน ส่วนที่จะโตไปได้ก็มีในส่วนของการขนก๊าซNGVที่ยังมีโอกาสโตได้อีกมากกว่า1000ล้านต่อปี จากข้อกำหนดลูกค้า1รายต้องไม่มากกว่า250คัน รายได้ต่อคันตีขั้นต่ำไว้5ล้านบาท ถ้าเพิ่มได้อีก100คัน จากตอนนี้มีราวๆ30คัน ในอีก2ปีข้างหน้า จะมีรายได้เฉพาะในส่วนนี้อีก500ล้านบาท ตอนนี้KIATมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่940ล้าน(ราคา4.7)PE ณ.ปีนี้อยู่ราวๆ6.7เท่า และมีโอกาสโตดับเบิ้ลภายในสองปี PEเหลือ3กว่าครับ หรือถ้าเขาไม่โตมากๆ โตพียงปีละ10-15%พี่ก็ยังว่าราคานี้ก็ถูกอยู่ เพียงแต่ปัจจัยเสี่ยงไม่ได้อยู่ที่รายได้ แต่อยู่ที่GPMมากกว่าว่าอนาคตเขาจะสามารถรักษาGPMไว้ได้ในระดับใดครับ
พี่นริศมองโอกาสของธุรกิจนี้ขาดเลยครับ คือ มีมาร์จิ้นสูงกว่ากลุ่มอุตสาหกรรม และยังมีโอกาสโตได้อีกมากๆ เรื่องผู้บริหารข้อนี้ผมไม่ได้ไปฟังเขาพูดเลยไม่ขอออกความเห็นครับ จุดที่ผมเห็นต่างจากพี่คือเรื่องเป็นธุรกิจที่คนอื่นเข้าได้ยาก เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้รับจ้างขนส่งน้ำมันอยู่ค่อนข้างมาก (ที่ได้สัญญาตรงจากทาง ปตท.มีประมาณสิบกว่าราย) ซึ่งผมคิดว่าเป็นกลุ่มที่มีโอกาสจะเข้ามาแข่งขันในธุรกิจขนก๊าซได้ง่าย เนื่องจากเป็นผู้รับเหมาที่ทาง ปตท. รู้จักอยู่แล้ว แต่ตราบใดที่ยังมีการขยายปั๊ม NGV นอกแนวท่อก๊าซก็คงต้องเพิ่มปริมาณการขนส่งอีก ปัญหาถูกแย่งงานคงไม่เกิดในระยะ 2-3 ปีนี้แน่ นอกเสียจากว่ารถของ KIAT เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ซึ่งจะทำให้ทาง ปตท.ต้องยกเลิกสัญญากับ KIAT และหาผู้รับเหมารายใหม่

สงสัยอีกข้อครับว่ารายได้ต่อคันที่พี่ประมาณไว้ที่ 5 ล้านบาท/ปี มีที่มายังไงครับ เอารายได้ทั้งปีมาหารด้วยจำนวนรถ หรือเปล่า เนื่องจาก KIAT น่าจะมีรายได้จากการขายรถเก่าออกไปด้วย และ อีกส่วนจากการส่งคนขับไปรับจ้างขับให้ ปตท. ส่วนค่าหัวคิวรถร่วมอาจมีในธุรกิจขนสารเคมีแต่คงไม่มีในธุรกิจขนก๊าซ

ที่สงสัยเรื่องรายได้ เพราะว่ารายได้เฉลี่ยของรถหัวลาก 1 คัน ในธุรกิจขนส่งน้ำมันตกประมาณ 1-2 แสนบาท/คัน/เดือน ธุรกิจขนก๊าซไม่น่าจะต่างกันเป็นเท่าตัวนะครับ

จุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ผม ลังเลในธุรกิจนี้คือ เป็นธุรกิจที่สร้างหนี้ตลอด เพราะรถมีอายุการใช้งานจำกัดอยู่ที่ไม่เกิน 7+1 ปี หลังจากนั้นต้องขายแล้วซื้อใหม่ เป็นวงจรอย่างนี้ตลอด ราคารถใหม่ก็แพงขึ้นเรื่อยๆด้วย ทำให้รถ 1 คัน มีเวลาทำกำไรอย่างเต็มที่แค่ในช่วงหลังผ่อนหมดประมาณ 2-3 ปีเท่านั้น
พี่นริศมองจุดอ่อนนี้ว่าเป็นอย่างไรครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 04, 2009 1:29 am
โดย moonchild
จุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ผม ลังเลในธุรกิจนี้คือ เป็นธุรกิจที่สร้างหนี้ตลอด เพราะรถมีอายุการใช้งานจำกัดอยู่ที่ไม่เกิน 7+1 ปี หลังจากนั้นต้องขายแล้วซื้อใหม่ เป็นวงจรอย่างนี้ตลอด ราคารถใหม่ก็แพงขึ้นเรื่อยๆด้วย ทำให้รถ 1 คัน มีเวลาทำกำไรอย่างเต็มที่แค่ในช่วงหลังผ่อนหมดประมาณ 2-3 ปีเท่านั้น
ผมขอตอบส่วนนี้นะครับ
ถ้าฟังในรายการ MTD ผู้บริหารเค้าบอกว่าสามารถดูแลส่วนหัวรถให้ัขับได้ถึง 20-30 ปี ซึ่งรถที่ซื้อมาตั้งแต่เริ่มต้นยังใช้อยู่เลยครับ และก็ได้รับการชื่นชมจากเจ้าของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งมีการจัดงานเลี้ยงให้ด้วยครับ

ซึ่งส่วนหัวก็จะมีจำนวนครึ่งต่อครึ่งกับส่วนหาง แต่ส่วนหางที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ คงต้องพังไปตามการใช้งานครับ คงต้องเปลี่ยนตามการใช้งานเหมือนกันครับ ส่วนหัวคงทำให้ปัญหาที่พี่ bbendum พูดถึงลดลงครึ่งนึงครับ

แต่ก็มองว่าอย่าง NGV จะลงทุนที่หัว ส่วนหางเป็นของ ปตท.ครับ ก็ถือว่าบริษัททำถูกทางเหมือนกันครับ เพราะราคาหางนี่ราคาพอๆกันหรือแพงกว่าส่วนหัวครับ

ส่วนสถานี NGV ที่ลดปริมาณปั้มผมว่าส่วนนึงคงเป็นข้ออ้างเพราะว่า ปตท.ต้องแบกรับขาดทุน 2 บาทต่อลิตร เค้าก็คงไม่อยากแบกรับขาดทุนสะสมเรื่อยๆครับ ก่อนหน้านี้ก็เห็นออกมาโวยรัฐที่ให้เงินช่วยเหลือน้อยเกินไป คงต้องรอดูหลังไตรมาส 3/2553 ที่จะปรับราคาขึ้น ว่า ปตท จะเปลี่ยนแปลงอะไรอีกหรือปล่าวครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 04, 2009 2:05 pm
โดย bbendum
ถ้าฟังในรายการ MTD ผู้บริหารเค้าบอกว่าสามารถดูแลส่วนหัวรถให้ัขับได้ถึง 20-30 ปี ซึ่งรถที่ซื้อมาตั้งแต่เริ่มต้นยังใช้อยู่เลยครับ และก็ได้รับการชื่นชมจากเจ้าของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งมีการจัดงานเลี้ยงให้ด้วยครับ
จริงครับที่ว่าถ้าดูแลรักษาดี รถจะใช้ได้นานเป็น 10 ปี แต่ค่าบำรุงรักษาจะเพิ่มมากขึ้นกว่ารถใหม่ รวมทั้งอัตราการใช้น้ำมันจะมากกว่ารถใหม่ จนถึงจุดหนึ่งที่ซื้อรถใหม่จะคุ้มกว่าครับ และที่ผมบอกว่าอายุการใช้งานของรถเป็น 7+1 ปี คือ สัญญาของปตท.ต้องใช้รถที่อายุไม่เกิน 7 ปี ถ้าจะใช้ต่อในปีที่ 8 ค่าขนส่งจะโดนปรับลดลง และห้ามใช้รถที่อายุมากกว่า 8 ปี ซึ่งตรงนี้ต่างจากของบางจาก ซึ่งอนุญาตให้ใช้ได้จน 11 ปี แต่ค่าขนส่งจะลดลงเรื่อยๆ หลังจากปีที่ 7 เหมือนกัน เหตุผลที่ต้องใช้รถใหม่ตลอดเวลาหลักๆคือเรื่องความปลอดภัย (โอกาสเกิดอุบัติเหตุรถเก่ามีมากกว่า) รองลงมาคือเรื่องภาพลักษณ์ของ ปตท. และ service level (รถเก่ามีโอกาสเสียเยอะกว่า ทำให้ขนส่งไม่ได้ตามแผน)

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 04, 2009 4:11 pm
โดย moonchild
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ใหม่ครับ
พี่นริศยังไม่มาตอบ ผมขอลองตอบเล่นๆดูนะครับ

เรื่องที่ต้องใช้รถใหม่ผมว่ามันเป็นส่วนของการบริหารมากกว่านะครับ
บริษัทไหนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าและเรื่องมากกว่า
ผู้บริหารก็คงจัดสรรตามที่ต้องการให
ยังไงทุกปีก็ต้องซื้อรถใหม่เป็นปกติอยู่แล้ว
รถเก่าๆก็คงเหมาะสมกับขนส่งแบบอื่น หรือขายทิ้งครับ

พี่พอรูุ้ไหมครับว่าจากรถมือหนึ่งไปขายเป็นรถมือสอง
ราคาจะตกไปขนาดไหนครับ

แล้วก็อยากถามพี่นริศหน่อยครับ
ว่าตามประสบการณ์ของพี่แล้ว
การไปเล่นหุ้นเข้าใหม่กับเล่นหุ้นเดิมในตลาด
ตัวไหนให้ผลลัพธ์ได้ดและเร็วกว่ากันครับ
เห็นหุ้นไอพีโอปีนี้หลายตัวขึ้นเยอะครับ
ขอบคุณครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 2:14 am
โดย moonchild
กลับมาอ่านคำถามตัวเองใหม่ เห็นพิมพ์ผิดเยอะมาก
พอดีตอนนั้นโพสผ่านมือถือครับ พิมพ์ยากมากกก
อย่าคิดลึกนะครับ :lol: