ชวนคุยเรื่องเครื่องเสียง

[MarginofSafety]

สอยมาแล้วเหรอครับพี่หวี..
สงสารก็แต่ Boseน้อยพี่ที่ต้องไปซะแล้ว
จริงๆผมก็คิดอยากได้ Boseน้อยมาใช้ดูหนังเหมือนกัน
ว่าจะเอาไปติดดูที่ Home Officeใหม่ซะหน่อย
แต่จะเหมือนสุภาษิตที่ว่า"คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า"รึป่าวหนอ แหะๆ

สำหรับผม Bose น้อยตัวนี้ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์แบบแล้วครับ
เป็นการเริ่มต้นเส้นทางการเล่นเครื่องเสียงที่ดี
pack เรียบร้อยแล้วรอแต่เค้ามาอุ้มกลับบ้าน
แต่ถ้าเค้าเกิดเบี้ยวไม่มาเอา จะส่งข่าวให้พี่บาสทราบ
ก่อนประกาศหาเจ้าของใหม่ต่อไปครับ

[MarginofSafety]

ส่วนตัว Center ผมไม่มีตัวเลือกเลย
ต้องไปเอา Mezzo series แน่ๆ
(รอมือสองก็คงไม่ไหว เลยสอยมาเลยแล้วกัน)

ผมว่าการ matching และเข้ากันได้ของ system ต้องมาก่อน
ตัว Front เล่น Mezzo ไปแล้ว Center เลยต้อง Mezzo
หรืออย่างน้อยต้องยี่ห้อเดียวกันครับ เพื่อความชัวร์
ส่วน surround ผมว่า ลดระดับความ serious ลงได้

-----------------------

รีวิวสั้นๆก่อนนอน

หลังจากที่ผมรีบประกอบขาตั้ง surround เรียบร้อยแล้ว (เหนื่อยมาก)
ปรับระดับความสูงที่ 30"
ก็จัดแจงปลอกสาย surrond แล้วรีบต่อทันทีครับ
สรุป system ตอนนี้ก็

Front กับ Center: MS Mezzo 2, 5
Surround: MA Bronze B1
สายลำโพง Front Center: Van Den Hul Goldwater
สายลำโพง Surround: Van Den Hul Snowline
(สายทั้งสองรุ่นนี้เป็นทองแดงเคลือบเงินเหมือนกันครับ)

จากนั้นก็ setup AVR ใหม่
Cross Over ของ Center อยู่ที่ 70 Hz
ของตัว Surround อยู่ที่ 120 Hz
ไม่มี Sub

--------------------------------------

เล่นแผ่น The Corrs Unplugged
พอเปิดฟังแล้ว อืม...หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
พอใจกับ system ใหม่จริงๆ
ลองจินตนาการว่ามี Sub ที่ลงได้ลึกๆ สะอาดๆ
มันคงจะเป็น system ที่ยอดมั่กๆ
และคงอยู่กับเราได้อีกหลายปี

ลำโพงทั้งสองรุ่นนี้ความไว พอๆกัน ครับ
โทนเสียง สดโปร่ง เหมือนกัน
เลยไม่มีปัญหาในการ Matching

นอกจากนี้การตั้ง Surround ที่ถูกตำแหน่ง
บวกกับรายละเอียดเสียงที่ได้จาก B1
ทำให้ได้ยินเสียงที่ไม่เคยได้ยิน

ว่าจะลองฟังแป๊บเดียว
กลายเป็นเผลอฟังจนเกือบจบแผ่นเลย
ไม่ได้นึกรำคาญ ถึงแม้เสียงจะไม่ครบ
เนื่องจากไม่มี Sub

พอมาถึงเพลงที่พี่ๆของน้องแอนเดรีย (No Frontier)
ร้องประสานเสียง พร้อมกับกีตาร์และเปียโน
เพลงนี้ไม่มีกลองเลยไม่มีข้อด้อยเรื่องเสียงต่ำที่หายไปซักเท่าไหร่
ปรากฎว่าเพราะมากๆ รู้สึกว่าเพราะที่สุดเท่าที่ฟัง Track นี้มา

ตัว Center ตัวนี้ก็ทำให้เสียงร้องน่าฟังขึ้นอีกเยอะ
เมื่อเทียบกับระบบเดิม

ถ้าผมย้ายบ้านเสร็จก่อนพี่บาสลงมา กทม.
เรียนเชิญมานั่งฟังครับ proudly present สำหรับระบบโฮมเน้นดูคอนเสิร์ต
แต่สำหรับ 2 CH คงสู้ของพี่บาสไม่ได้อ่ะเนอะ
ยังไม่มี Int Amp หลอดๆ แบบพี่บาสนิ  :lol:

[MarginofSafety]

วันนี้ไปยืนบ๊าย บาย น้อง Bose น้อยอยู่หน้าคอนโด
อายุรวมได้ 5 เดือนพอดิบพอดีครับ  

[Basketman]

[quote="HVI"] ถ้าผมย้ายบ้านเสร็จก่อนพี่บาสลงมา กทม.
เรียนเชิญมานั่งฟังครับ proudly present สำหรับระบบโฮมเน้นดูคอนเสิร์ต
แต่สำหรับ 2 CH คงสู้ของพี่บาสไม่ได้อ่ะเนอะ
ยังไม่มี Int Amp หลอดๆ แบบพี่บาสนิ

[MarginofSafety]

[quote="Basketman"]
ถ้ามีโอกาศคงต้องขอรบกวนไปเยี่ยมชมให้พี่หวีสอนสั่ง....
แล้วถ้าพี่หวีว่างๆจะให้พาไปตะลุยร้านเครื่องเสียงซะหน่อย แหะๆ

[MarginofSafety]

เพิ่งมีเวลาได้ลองเล่น Bi-wire
ลองเข้าหัวเรียบร้อยแล้วครับ ว่าจะต่อ Single Bi-wire
ใช้ Goldwater 2 เส้น มาเข้าหัว Banana VDH
การเข้าหัวเป็นลักษณะสกรูครับ

ใช้หัว 2 คู่สำหรับลำโพง Front ซ้ายขวา
ด้านเข้าหัว Banana ไว้ต่อกับ AVR ปลายอีกด้านเปลือยไว้
เอาไว้ต่อ Bi-wire
คงได้ทดลองฟังพรุ่งนี้ครับ



มีงานที่ Hi-fi Tower ตึกนี้ผมก็ไม่เคยไปเหมือนกัน
ถ้ามี Sub Velodyne ลดราคาเยอะๆ อาจจะไปครับ



เพิ่งได้ CD สวีตนุช หน้าปกเหมือนที่พี่ Amadeus เคยลงไว้
ฟังไปขำไป ฟังแล้วอารมณ์ดีครับ  :D

[MarginofSafety]

ผลการทดลองต่อ Single Bi-wire ครับ
เปิดแผ่นแนวๆเสียงนักร้องหญิง รู้สึกดีขึ้นแต่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่
แต่พอเล่นแผ่น Kenny-G
ผมรู้สึกว่าเสียงกลางแหลม เปิดโปร่ง พริ้ว รายละเอียดดีกว่าเดิม
พร้อมกับได้เสียงกลอง เสียงเบส ที่ลงลึก คึกคักกว่าเดิมครับ
สรุปว่าเป็นการ upgrade ที่น่าจะคุ้มกับค่าหัวค่าสายนะครับ  :D

[นักดูดาว]

หายไปทดลอง pre-amp ครับ ดัดแปลงจาก B1 ของ nelson pass เป็น pre-amp ที่ง่าย และเสียงดีอย่างไม่น่าเชื่อครับ ผมเก็บรูปมา แต่หาสายต่อไม่เจอ ไว้จะมา update เมื่อหาเจอครับ

[นักดูดาว]

งานผมยังไม่ได้ลงกล่องเลยนะครับ ปรับแต่งเสียงกันเพลิดเพลินอยู่

อันนี้ gainclone power amp ครับ ได้วงจรจากหนังสือวารสารอิเลกทรอนิกส์เล่มหนึ่ง ออกแบบเป็น stereo ครับ gainclone ทั่วไปนิยมทำเป็น dual mono มากกว่า



บอร์ดใกล้ๆ เป็น pre-amp และที่เห็นถัดไปเป็น regulated power supply
อุปกรณ์น้อยชิ้น แต่เกือบทุกชิ้นนี่ส่งผลใหญ่หลวงครับ ทำแล้วรื้อมาพอสมควร  


สายสัญญาณเข้าออก pre-amp ครับ DIY ทั้งคู่ ใช้สายไมโครโฟนทำ
เสียงกลางแจ่มเลยครับ เส้นนึงตกประมาณไม่ถึงร้อยบาท

[นักดูดาว]

อันนี้ ฺB1 pre-amp ของ nelson pass ที่ผมเอาวงจรมายำครับ

เจ้า B1 ใช้ power supply แบบ adaptor เสียบผนังเล็กๆเอง

ส่วนนี่เป็น 4706 gain card ตัวจริง จาก 47 lab ทีเ่ห็นเป็นถังกลมๆคือ power supply ครับ สังเกตุว่า gain card ตัวจริงจะเป็น dual mono แยกอิสระจากกันทั้งสองข้าง แยก power supply ออกไปด้วย ยิ่งเพิ่มความสงัดครับ



ราคาทั้งสองตัวนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ เกินห้ามใจแน่นอน
ดูกันเพลินๆครับ เมืองไทยไม่มีขาย

[MarginofSafety]

สุดยอดมั่กๆ  
ถ้าผมย้ายไปคอนโดใหม่เมื่อไหร่
จะรบกวนขอยืม Amp พี่นักดูดาวมาฟังให้เป็นบุญหูซะหน่อย
ว่าเทียบกับ AVR Onkyo แล้วมันต่างกันแค่ไหน

ผมก็ได้ของเล่นมาใหม่ 2-3 ชิ้นเหมือนกันครับ
เดี๋ยวไว้ว่างๆจะมาฝอยต่อ  :D

[MarginofSafety]

หลังจากผมแยกทางกับน้อง Bose ได้ลำโพง 5 Channels มาครบแล้ว
เปิดฟังดูแล้วก็ถูกอกถูกใจกับลำโพงชุดใหม่เหลือเกิน
เลยอยากจะหา Sub มาลงเร็วๆ ยอมยกตู้ Sub หลังแอ่นดีกว่าต้องรอไปเป็นเดือน  :lol:

Sub ตัวใหม่ในระบบผมครับ

Velodyne CHT-8R



ตอนนี้ก็กลายเป็น 5.1 Full system แล้วครับ

จากนั้นก็เกิดความคิดอยากจะ Upgrade ระบบฟังเพลง 2 CH อีกซักหน่อย
เพราะตอนนี้ผมใช้ AVR + DVD Player ฟังเพลงอยู่
เลยข้ามไปคุยกับนักเล่นใน ThaiDVD.net มาครับ
ว่าจะแก้ที่ Amp (เพิ่ม Int Amp) ก่อนดีหรือว่าจะแก้ที่แหล่งสัญญาณก่อนดี (เพิ่ม CD Player)
ได้ข้อสรุปว่า หา CD Player เสียงดีมาเพิ่มดีกว่า ถ้ารักจะฟังเพลง
เลยไปได้เจ้า Marantz CD-6002 มาเพิ่มให้กับระบบอีกตัวนึง



หน้าตาหล่อเหลา ถอดแบบมาจาก Oppo แต่บึกบึนกว่า
เสียงที่ได้ก็ลดช่องว่างระหว่างตอนที่ไปลองลำโพง
(ใช้ Int Amp + CD Player Marantz รุ่น Hi-End)
กับตอนที่เอามาฟังที่บ้านอีกพอสมควร

ถ้าได้ทดลองฟังจับคู่กับแอมป์ DIY ของพี่นักดูดาวกับพี่ Amadeus
ผมคงได้คำตอบว่า น่าจะ DIY Amp ฟังเพลงเองหรือเปล่า

----------------------------------

หลังจากถอยเจ้าตัว CD Marantz มาแล้ว
เลยคิดถึง System ของพี่บาสด้วย
แนะนำให้หา CD Player ราคาหมื่นกว่าบาท (ถ้าได้มือสองสภาพดียิ่งคุ้ม)
หรือไม่ก็ DAC มาเพิ่มให้กับ system จะฟังเพลงเพราะขึ้น
เมื่อเทียบกับการฟังเพลงจาก DVD Player อีกโขเลยครับ

เรื่อง DAC เนี่ยเป็นแนวทางที่ผมสนใจเหมือนกัน
อาจจะหามาต่อกับเจ้า Oppo ลองดูครับ

[MarginofSafety]

วันนี้ค่อยมีเวลาทดลองของเล่นใหม่
ทั้งตัว Sub และ CD Marantz จริงๆจังๆ หน่อย

มารีวิวสั้นๆครับ
สำหรับ System 2 CH หลังจากได้ CD Player + สาย VDH ต่อแบบ Single Bi-wire แล้ว
ลองฟังแผ่นที่คุ้นๆหูหลายๆแผ่น เช่นแผ่นบรรเลงของ Kenny G
เปิดโหมด Direct ที่ AVR ฟังแบบ Hi-Fi ไม่ได้ปรับแต่งอะไร
ปรากฎว่าได้น้ำเสียงที่ราวกับว่ามี Sub
ไม่ได้ขาดแคลนความหนักแน่น และเสียงต่ำ
ถึงขนาดที่ต้องเอา Sub มาช่วยเลยครับ
ผมยกความดีให้ CD Player ซัก 70 - 80%
แล้วก็การต่อ Bi-wire 20-30% แล้วกันครับ

ส่วน Sub ตัวนี้ วันนี้ลองกับ U-571
ทั้งเสียงระเบิดจากทุ่นระเบิด และตอปิโด ยอดมั่กๆ
ชอบมากกว่าไปดูในโรงอีกครับ
แต่ Sub ตัวนี้จะไม่เน้นเสียงเบสต้น ไม่เน้นการกระแทกกระทั้น
แต่เน้นความสะอาด ความเป็นธรรมชาติ และลงได้ลึก

----------------------------------

ไปถอย Plasma TV 42" กับตู้เย็นในงาน Homepro Expo มาด้วยครับ
ใกล้ได้ย้ายบ้านเต็มทีแล้ว
ขอบอกว่า Plama ตัวที่เล็งไว้ ไปซื้อในงานนี้ได้ราคาถูกเหลือเชื่อครับ
เนื่องจากเค้าจัดโปรโมชั่นคู่กับบัตรเครดิต

คนอื่นเค้าไปเล่น Hi-Def กันหมดแล้ว
ผมขอเล่น DVD Upscale กับ Plasma TV ตัวนี้ไปก่อนแล้วกัน
น่าจะ Happy แล้วครับ

โปรเจคต่อไป ถ้าทางจะหนีไม่พ้น HTPC หรือไม่ก็ DAC
ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะเล่น Hi-Def ก่อนหรืออยากจะสานต่อโปรเจคหูเทพต่อไป  :D

[นักดูดาว]

ยินดีด้วยครับ ท่าทางจะพบความสุขในการเล่นแล้ว ขอคำเดียวครับ : Happy
DIYer ส่วนมากเป็นพวกกิเลสสูงเกินงบประมาณครับ (ดูตัวอย่างจากงานของผมและเครื่องเสียงที่เป็นแรงบันดาลใจข้างต้น) จึงต้องออกแรงทำเอง หวังว่าจะเข้าใกล้ของจริง ในงบประมาณประหยัดกว่าหลายเท่าตัว
ดูท่าพี่หวีจะไม่คล้าย DIYer เลยนะครับ

CD player เป็นอุปกรณ์ "หลัก" ในการฟังเพลงครับ ไม่ใช่ฟุ่มเฟือยประการณ์ใด ถ้าซื้อ cd player มาฟังแล้วยังสามารถถอดวางไว้ แล้วหันมาฟังจาก DVD ได้ นับว่าเป็นโชคดีมาก เพราะคงไม่ต้องซื้อหาเครื่องเสียงอะไรเกินกว่าที่มีอยู่แล้ว

พอได้เครื่อง CD player มาแล้ว ตัวแผ่น CD เองก็ต้องพิถีพิถัน ในการเลือกมากกว่าเดิมครับ ผมเองมีปัญหาตรงนี้มาก เพราะแม้จะคิดว่าตนเองเป็น music lover นั่นก็คือฟังเพลงมากกว่าฟังเครื่อง แต่หลายแผ่นที่บันทึกเสียงแย่ๆ ก็เป็นอันเลิกฟังไปเยอะเหมือนกัน

[นักดูดาว]

ว่าแต่ U-571 นี่ เป็นหนึ่งในตัวทำลายเครื่องเสียงหรือเปล่านะ เคยเห็นหลายเว็บเค้า list กันไว้ว่าเรื่องไหนบ้าง อาการทำลายเป็นไงบ้าง
คุ้นๆว่าหนังสงครามนี่ัมากันเยอะเลยครับ อีกเรื่องก็น่าจะเป็น Pearl Harbor

ขอให้้มีความสุขทุกท่านครับ ขอตัวไปหาอะไรต่อเล่นก่อน

[MarginofSafety]

ดูท่าพี่หวีจะไม่คล้าย DIYer เลยนะครับ

ไม่เหมือนเลยจริงๆครับ ให้เป็นนักวิจารณ์ยังจะถนัดมากกว่า   :lol:
แต่ถ้า Gainclone เสียงเทียบได้กับ Int Amp ระดับ Hi-end
ผมสู้ขาดใจครับ  :lol:

[MarginofSafety]

ว่าแต่ U-571 นี่ เป็นหนึ่งในตัวทำลายเครื่องเสียงหรือเปล่านะ เคยเห็นหลายเว็บเค้า list กันไว้ว่าเรื่องไหนบ้าง อาการทำลายเป็นไงบ้าง
คุ้นๆว่าหนังสงครามนี่ัมากันเยอะเลยครับ อีกเรื่องก็น่าจะเป็น Pearl Harbor

ขอให้้มีความสุขทุกท่านครับ ขอตัวไปหาอะไรต่อเล่นก่อน

เพิ่งเคยได้ยินครับ เดี๋ยวต้องลองไปหาอ่านดู
วันนี้ว่าจะลองกับ Saving ต่อ
ถ้ามันจริงต้องระวังๆไว้บ้างแล้ว

แต่ผมเปิดไม่ดังมาก แล้วก็คิดว่าตัด Cross Over
ไว้ค่อนข้างเหมาะสมกับ Spec ของลำโพงแต่ละตัว
ความถี่ต่ำๆก็ลง Sub หมด หวังว่าคงไม่เป็นไรนะครับ

[นักดูดาว]

ไม่เหมือนเลยจริงๆครับ ให้เป็นนักวิจารณ์ยังจะถนัดมากกว่า

[Basketman]

อื้มหือ ... โอ้โห !! พี่นักดูดาว พี่หวี คุยกันสนุกเลย  :o

เห็นพี่นักดูดาวDIYแล้ววันนี้ผมลองไปซื้อชุดลำโพงจิ๋วพร้อมภาครับวิทยุ
ชุดเล็กๆเป็นชุดkitชุดนึงตก250บาท เอามาลองมือดูก่อนว่าจะไปไหวรึป่าว
ยังไงได้ลงมือแล้วจะมารายงานให้ทราบครับ....

(www.xav-audio.com)

ผมพลาดเว็ปนี้ไปได้ยังไงนี่ เค้าว่าที่นี่มีห้องและสุดยอดลำโพงให้ฟัง
ถ้าผมมีโอกาศจะต้องไปเยี่ยมเยือนเป็นบุญหูซักครั้ง
ขอบคุณครับที่แนะนำ  

เห็นระบบใหม่พี่หวีแล้ว ซีดส์สสสส......!!
อยากไปลองฟังSubพี่หวีจริงๆว่าจะให้เสียงเนี่ยนแค่ไหน
ตัว CD Player Marantz CD-6002 ผมก็หมายตาไว้อยู่ครับ
ที่เล็งๆไว้ก็มี
CD Player Marantz CD-6002
CD Player CEC CD3300R
CD Player CAMBRIDGE AUDIO : AZUR540C V2
3 ตัวนี้ราคาพอๆกัน ไม่ทิ้งกันมาก

รึDAC ของจีน
Tianyun ZERO DAC 24bit / 192k
ก็ยังไม่รู้ว่าจะดีจริงรึป่าว ราคาก็ถูกกว่าCD Player เกือบครึ่ง

ยังไงพี่ๆมีรุ่นไหนน่าสนก็ช่วยแนะนำด้วยครับ
ช่วงนี้ผมก็ยุ่งๆอยู่กับการย้ายโรงงาน ย้ายofficeใหม่
อาจไม่ได้เข้ามาคุยด้วยบ่อยๆ....
แต่ยังไงก็เข้ามาอ่านทุกวันครับ  

[MarginofSafety]

พูดถึง DAC แล้วก็ CD Player ผมมีเรื่องฝอยเป็นกะตั๊กครับพี่บาส
จัดให้พี่บาสโดยเฉพาะจากประสบการณ์ตรง

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าหลังจากไปถอย CD Player มาแล้ว
ก็ได้ยินนักเล่นเค้าพูดกันว่าไปหา DAC มาใส่ DVD Player
ที่มีภาค Transport ดีๆ เผลอๆเสียงดีกว่า CD Player ตัวละ 2-3 หมื่น
(ขึ้นอยู่กับคุณภาพของ DAC ด้วย)

จากนั้นก็ไปเห็นเค้าประกาศขาย DAC มือสอง
ชื่อว่า Super Pro 707 USB เป็นตัว Upgrade
ราคาค่าตัว 4 พันกว่าบาท
ลองเข้าไปอ่านสรรพคุณก็น่าถอยมาเล่นเหลือเกิน (ฝรั่งยังชม)
เรื่องของเรื่องคืออยากเอามาต่อกับ Oppo เทียบกับ CD Player ที่เพิ่งสอยมาใหม่ดู

หรืออย่างน้อยที่สุด ก็กะว่าจะเอาไว้ต่อเล่นกับ Com
ใช้กับหูฟังก็ได้ หรืออาจจะเป็นอีกแหล่งของสัญญาณก็ได้
ถ้าได้ฤกษ์ประกอบ HTPC
คิดเสร็จปุ๊บก็ไปสอยมาเลย

เพิ่งได้ลองเมื่อคืนที่แล้วเองครับ
เสียงใช้ได้ทีเดียว บุคคลิกเสียงใกล้กับตัว CD Marantz มาก
แต่ข้อเสียที่สัมผัสได้ชัดเจนคือความสะอาดของน้ำเสียง
เรียกได้ว่ามันเจือปนมาด้วย noise ระดับนึง

เข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติม
พบว่าตัว Adaptor ที่แถมมาเป็น Adaptor คุณภาพต่ำ
และการทำงานเป็นแบบ Switching ไม่เหมาะที่จะเอามาใช้
ใช้ Adaptor แบบ Linear ที่มีหม้อแปลงจะจ่ายไฟได้สะอาดกว่า
เช้าวันนี้เลยได้ลองอีกครั้ง
ผมเปลี่ยนเอา Adaptor ของ Laptop ที่เหลือใช้ตัวนึงมาจ่ายไฟ
ลองเปิดฟังดู เสียงดีขึ้นมาก ความสงัด ความสะอาด ความเป็นดนตรี
ปลายเสียงแหลม รายละเอียดเสียง ไดนามิค เรียกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่า
CD ระดับ 2-3 หมื่นจริงๆ งานเข้าเลยครับ
เปลี่ยนแผ่นทดลองใหญ่ ก็ปรากฎว่าแน่นอนครับ
ยกระดับ System ขึ้นอีกระดับนึงเลยทีเดียว
(DAC ตัวนี้ไม่ต้อง Burn เพราะเป็นของมือสอง)

ไปอ่านเจอบทความนึง
เค้าบอกว่าการที่จะฟังว่าชุดไหนดีกว่าชุดไหน
ให้สังเกตว่าเราฟังชุดไหนแล้วเรารู้สึกสนุก เข้าถึงดนตรีมากกว่า
มีโยกหัว เคาะจังหวะตาม ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นแหละ ใช่แล้ว
DAC ตัวนี้เอามาต่อกับ Oppo ผมฟังแล้วผมรู้สึกยังงั้นเลย
ถ้าเทียบเสียงกับ Oppo ก็บอกได้ว่าคนละเรื่องครับ
ทั้งๆที่ Oppo ตัวนี้เป็น DVD Player ที่เสียงดีมากๆในท้องตลาดแล้ว
แต่ถ้าเทียบกับ CD Marantz ผมยังไม่กล้าฟันธง
แต่ผมออกจะเทใจไปให้ DAC ตัวนี้มากกว่าหน่อยๆแล้ว

นอกจากนี้
ทั้ง SuperPro 707 และ CD Marantz ใช้ชิป D/A ตัวเดียวกันครับ
นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บุคคลิกเสียงมันคล้ายกันมาก
แต่ผมรู้สึกว่า SuperPro 707 มีความเป็นดนตรีสูงกว่า
(อาจจะเป็นเพราะ CD Player อาจจะยังไม่ได้ Burn ด้วย)

วิธีการต่อ ผมต่อสาย Coax AudioQuest เข้า DAC ครับ
แล้วต่อสาย Ananlog (Merrex Silver One) ออกจาก DAC เข้า AVR

ความน่าทึ่งของน้ำเสียงที่ได้ในตอนเช้า
ทำให้บ่ายนี้เองผมตัดสินใจแยกทางกับเจ้า Marantz ซะแล้ว  :oops:

เอาประสบการณ์จริงมาเล่าให้ฟัง
อยากให้ลองทั้งสองอย่างก่อนตัดสินใจ
แต่ถ้าพี่บาสสนใจ CD Marantz จริง กระซิบบอกผมได้นะครับ 555

อ้างอิง:
แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับ DAC
http://www.discoveryhifi.com

CD Player และ DAC ใช้ Chip ตัวไหนในภาค Transport และภาค D/A
http://www.vasiltech.nm.ru/files/cd-pla ... nsport.htm

[นักดูดาว]

พี่บาสนี่ทันสมัยเปี๊ยบ Cambridge Audio เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากในยุคนี้ครับ ผมได้ฟัง 340C ในงานแสดงเครื่องเสียงที่ผ่านมา ...ถ้าผมได้ฟังมันก่อนจะซื้อ CEC ก็ไม่แน่เหมือนกันว่ามันจะมาประจำการแทน CEC หรือเปล่า ตอนนี้ไม่พยายามไปลองฟังใครโดยไม่จำเป็น เดี๋ยวกลับบ้านมาจะเป็นทุกข์ครับ

เห็นพี่หวีตัดใจจาก marantz แ้ล้วก็เสียดายเหมือนกัน ผมยังคาดหวังว่ามันน่าจะแสดงแสนยานุภาพได้มากกว่านี้

แต่เรื่องหูที่ว่าไม่ได้ครับ เค้าว่าหูนี่แหละ เป็นทางเข้าของอารมณ์มนุษย์มากกว่าประสาทอื่นใด ไม่ว่าคำูพูดของคนหรือน้ำเสียงจากเครื่อง ไม่ว่าชอบหรือไม่ชอบ มันเกินห้ามใจทั้งสิ้นครับ

กลับมาที่ชุดคิทของพี่บาส ต้องใจเย็นกับมันครับ ผมไม่เคยทำวิทยุนะ แต่ก็ขอเอาใจช่วยครับ

[MarginofSafety]

ตอนแรกผมก็ว่าผมเป็นนักฟังเพลงแนวๆ Music Lover
แต่พฤติกรรมตอนนี้มันไม่ใช่อ่ะครับ
มันเป็นนักฟังเสียงของเครื่องแล้วก็เสาะแสวงหาเสียงที่ดีกว่ายิ่งๆขึ้นไป
ยิ่งกว่านั้น อยากรู้อยากลองไปกับเค้าหมด

ตอนนี้ยังโสดก็ยังเล่นได้
แต่ถ้าไม่โสดเมื่อไหร่ ได้เงินใช้วันละสองร้อยเหมือนพี่พอใจ
ก็คงต้องเลิกเล่นไปโดยปริยาย   :lol:

พี่บาสใจเย็นๆก่อน เดี๋ยวจะมาเล่า DAC ตัวที่เหลือให้ฟังครับ  :D

[MarginofSafety]

รีวิวก่อนหน้านี้ปล่อยไก่ไปนิดหนึ่ง
Adaptor ของ Laptop ก็เป็นแบบ Switching เหมือนกัน

แบบ Linear มันจะเป็นหม้อแปลงหนักๆเลยครับ
เดี๋ยวผมจะลองเอา Battery ไฟ DC 9 V มาต่อเล่นดูก่อน
ถ้ามัน work ก็คงไปสอย Linear Adaptor มาใช้

กลับมาที่ DAC ต่อครับ

CD Player ของ Cambridge Audio ตั้งแต่รุ่น 540 v2 และ 640
จะใช้ chip ของ Wolfson WM8740
ซึ่งมันมีอยู่ใน DAC iBasso D2 กล่องเล็กๆกล่องนี้



(รูปจาก Munkonggadget)

เพราะฉะนั้น บุคคลิกเสียงของ CD Player Cambridge Audio
ไม่หนีไปจาก DAC ตัวน้อยๆกล่องนี้ หลับหูหลับตาฟังธง! (ไม่เคยฟัง)

ส่วน Zero DAC ที่พี่บาสเล็งๆไว้
ข้อดีของมันคือโมได้ง่ายครับ
แค่เปลี่ยน Op-Amp เสียงก็เปลี่ยน

อ่านรีวิวเกี่ยวกับ DAC ทั้งสามตัวได้ที่นี่

[Basketman]

ขอบคุณสำหรับรีวิวและข้อมูลต่างๆครับพี่หวี
วันสองวันนี้ผมหาข้อมูลทั้งตัว DAC และ CD Player จนตาลายเลยครับ
จนมาอ่านรีวิวที่พี่หวีให้มานี่แหละ แล้วโทรไปถามที่ร้าน hifimod ว่า
ตัว ZERO DAC กะ Super Pro 707 Upgrade นี่เป็นยังไง
เรื่องคุณภาพเสียงเป็นยังไง ให้เสียงแนวไหน?

(คุณหมูหวาน)คงเป็นเจ้าของร้านมั้ง...!!
บอกว่า ตัวZERO DAC กะ Super Pro 707 Upgrade นี่ที่ร้านขายดีทั้งคู่
เสียงดี เนียนละเอียด แต่จะให้เสียงคนละแนว
คุณภาพเมื่อมาต่อกะเครื่องเล่น DVDแล้ว
เสียงสู้พวกเครื่องCD Player ราคา 2-3หมื่นได้สบายๆ
ผมฟังแล้วก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ...
แต่จากการอ่านข้อมูลตามกระทู้ต่างๆแล้วมันให้เสียงที่ดีกว่าจริง
ประกอบกับพี่หวีก็ลองมาแล้วยังบอกว่าดีจนตัดใจแยกทางกับ Marantz
แบบนี้เจ้า DAC ทั้งสองตัวนี่ไม่ธรรมดาแน่ๆ
คุณหมูหวานยังบอกให้ผมไปลองเสียงที่ร้านได้
ถ้าเสียงจากDVD Player ตัวเก่าไม่เพราะขึ้นยอมจ่ายค่ารถให้...  :lol:

เจ้าของร้านคุยมั่นใจซะขนาดนี้ ก็ขอลุยมันซักตั้งละกัน...
พรุ่งนี้ถ้าไม่มีเสียงคัดค้าน ทัดทานใดๆ ก็จะโทรไปสอยเจ้า ZERO DAC มาซะหน่อย..
แต่ผมก็ลองโทรไปหาพี่หูทองว่า DAC ยี่ห้อนี้พี่เคยได้ฟังมั่งรึป่าว?
พี่แกบอก อย่าเลย!! ของจีน เสียแล้วเสียเลยซ่อมไม่ค่อยได้
เล่นยี่ห้อที่มันอินเตอร์กว่านี้หน่อยดีกว่า
(ยี่ห้อที่แกบอกมาราคาของใหม่ๆไม่ต่ำกว่า 5หมื่นซักตัว  :vm: )

เอาน่า...มันคงไม่เจ้งง่ายๆหรอกมั้ง
เปิดดูในเว็ปเห็นเครื่องเคราด้านในก็แข็งแรง เป็นระเบียบดี
ของจีนเดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้วน่า เห็นฝรั้งยังชมกัน  
ไว้ได้มาแล้วก็คงมา(โม้)รีวิวตามระเบียบ 555

[Basketman]

พอได้เครื่อง CD player มาแล้ว ตัวแผ่น CD เองก็ต้องพิถีพิถัน ในการเลือกมากกว่าเดิมครับ ผมเองมีปัญหาตรงนี้มาก เพราะแม้จะคิดว่าตนเองเป็น music lover นั่นก็คือฟังเพลงมากกว่าฟังเครื่อง แต่หลายแผ่นที่บันทึกเสียงแย่ๆ ก็เป็นอันเลิกฟังไปเยอะเหมือนกัน

เห็นด้วยครับ ผมเองมีCDเพลงทั้งแท้ทั้งกุ๊กกู๋เป็นร้อยแผ่น
แต่ทุกวันนี้มีแผ่นที่ฟังประจำเป็นแผ่นแท้บันทึกเสียงดีๆอยู่ ไม่เกิน5แผ่น

ตอนแรกผมก็ว่าผมเป็นนักฟังเพลงแนวๆ Music Lover
แต่พฤติกรรมตอนนี้มันไม่ใช่อ่ะครับ
มันเป็นนักฟังเสียงของเครื่องแล้วก็เสาะแสวงหาเสียงที่ดีกว่ายิ่งๆขึ้นไป
ยิ่งกว่านั้น อยากรู้อยากลองไปกับเค้าหมด

อันนี้ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ....  :lol:  :lol:  :lol:

[MarginofSafety]

รอฟังรีวิว Zero DAC จากพี่บาสครับ
ถ้าผมไม่เห็นประกาศขาย Super Pro มือสอง
ผมคงสอย Zero DAC ไปแล้วเช่นกัน

ที่พี่บาสโทรไปคุย (คุณหมูหวาน)
บอสใหญ่คือเฮียมั่นคงครับ (ร้านที่ผมไปซื้อหูฟังเทพ Grado 225)
แกคงขายดีใหญ่ แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกมามากมาย

[Basketman]

เดินทางมาถึงเมื่อเช้าแล้วครับ Zero DAC ผม

ยังไม่ได้แกะกล่องเลย เดี๋ยววันนี้กลับบ้านเร็วหน่อย...555
อยากลองฟังใจจะขาด... ดูซิจะเจ๋งสมกับที่เค้าล่ำลือกันรึเปล่า

งานนี้ได้สาย Coaxial ของKIMBER KABLE DV-30 มาอีกเส้น
เค้าว่าสายเส้นนี้ให้เสียงที่เนียน แพรวพราวมาก จริงรึป่าวเดี๋ยวเย็นนี้ก็รู้

ตอนแรกว่าจะเปลี่ยนUpgrade Op-Amp ของเจ้า Zero DAC มาเลย
เปลี่ยนเป็นOPA-Sun Dual discrete opamp
ตามที่พี่หวีเอามายั่วกิเลส ตั้งแต่แรก
แต่พี่หมูหวานเค้าบอกว่าอย่าพึ่งเปลี่ยนเลย ของเดิมๆนี้ก็ให้เสียงสุดยอดแล้ว
ไว้ฟังจนชินหูแล้วค่อยมาเปลี่ยนก็ยังไม่สาย.. :lol:

[MarginofSafety]

ฮ่าๆๆ ยินดีด้วยครับๆ เดี๋ยวรอฟังรีวิว

[MarginofSafety]

พี่บาสซาบซึ้งกับ Zero DAC ไปถึงไหนแล้ว
อาทิตย์นึงแล้วนะเนี่ย ยังไม่มาฝอยให้ฟังเลย

ของผมก็ไปไกลแล้วเหมือนกัน

ประเดิมการขึ้น ม.1 เส้นทางหูทอง
ด้วยการหา Int Amp. มือสองมาเพิ่มให้กับ system
ฟังเพลงเพราะอีกโขเลยครับ

[Basketman]

มาแล้วครับมิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน...
รีวิวDACเทียนหยุน ฉบับหูทอง(เค) ของผม

ช่วงนี้พอดียุ่งๆกับการตกแต่ง officeใหม่ครับ
แล้วก็เลยเทิดลามไปถึงการปรับแต่งห้องฟังเพลง  :lol:
ตอนนี้ก็ยังทำค้างๆคาๆอยู่เลย ที่ทำก็คือ
ใช้แผ่นดูดซับเสียงที่ซื้อมาและทิ้งไว้นานแล้ว
พอดีได้จังหว่ะมีช่างมาทำoffice ก็เลยมาทำห้องฟังเพลงด้วยซะเลย
ก็เอามาคำนวนหามุมหาพื้นที่ติดยุ่งยากน่าดู
แต่ก็มันส์ดีครับ ทำแล้วติดลมดี 555
คิดว่าคงต้องปรับแต่งอีกเยอะ ก็ค่อยๆทำไปไม่รีบ



ขอกล่าวถึงข้อด้อยของ DACเทียนหยุนก่อนละกันครับ
(ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆนะครับ)
1. ขึ้นชื่อว่าเทียนหยุนหน้าตาแกก็เลยออกมาตี๋ๆหน่อย
ไม่คมเข้มแบบฝั่งตะวันตกเค้า จะไม่หล่อก็ไม่เชิงแต่ก็พอเอาออกงานได้
2. ไฟสีน้ำเงินที่เครื่องDAC ที่เห็นในรูปสองดวงนั้นสว่างจ้ามากๆ
ถ้าหรี่ไฟในห้องแบบสลัวๆแล้ว แสงสองดวงนี้จะส่องสว่างทิ้มตามาก
3. ปุ่มเปิด/ปิด เครื่องแบบกด ผมลองเอาวางบนพื้นเรียบแล้ว
เวลากดเปิด/ปิด เครื่องจะไม่นิ่งคือกดไปเครื่องก็จะถอยตามแรงกดไปด้วย
4. (อันนี้ข้อดีรึข้อเสียไม่แน่ใจ) ถ้าใช้เปิดกับแผ่นก๊อปทั้งหลาย รึแผ่นที่อัดมาไม่ดี
DACตัวนี้มันจะฟ้องออกมาชัดเจนเลยละครับ เสียงจะแตกพร่า เสียงมัวๆไม่สดใส
5. ใช้ไป 12ชั่วโมงแรกมีอาการ"แฮงค์" คือเพลงหยุดเงียบไปเฉยๆ
ผมคิดว่าเพราะอะไร มองไปที่อาตี๋เทียนหยุนผู้ต้องสงสัยรายแรก
แล้วลองเปิดปิดเครื่องใหม่ที่อาตี๋ตัวเดียว เครื่องก็กลับมาทำงานปกติ
ตอนแรกคิดว่าจะโทรไปรายงาน"คุณหมูหวาน"ซะหน่อย แต่ใช้มาจนชัวโมงนี้
ประมาณ6-70ชั่วโมงได้ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกก็คิดว่าคงไม่มีอะไรมั้ง  :8)

ก็เป็นข้อด้อยเล็กๆน้อยๆ อยู่ในมาตราฐานผมที่รับได้กับราคาระดับนี้
ส่วนข้อดีข้อเด่นของตี๋เทียนหยุน มีดังนี้ครับ...
1. ราคากับคุณภาพเสียงที่ได้ผมว่าโครตคุ้ม
สู้เครื่องเล่นCDราคาสองหมื่นอัพได้สบายๆ  
2. เสียงที่ได้จากการต่อเครื่องDVD เข้าDAC เปรียบเสมือนว่า
เครื่องDVDผมไปเล่นกล้ามฟิตหุ่นมา เสียงที่ได้มีพละกำลังเพิ่มขึ้นมหาศาล
เสียงเบส เสียงทุ้มต่ำมีพลังมากเหลือล้น ลองฟังกับเพลงที่มีโซโล่กลอง
ล้วนๆแล้ว ..โอ้โหมันแตกต่างเห็นกันได้ชัดๆระหว่างใช้DAC กะไม่ใช้DAC
3. มิติเวทีเสียงมีความคมชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ เสียงที่ไม่เคยได้ยิน
ก็ได้ยินขึ้นมาให้แปลกใจ ตำแหน่งดนตรีเครื่องเล่นแต่ละชนิด
ผมว่าแยกแยะตำแหน่งหน้า-หลัง ซ้าย-ขวาได้ชัดเจนขึ้นอีกโข
4. ในขณะที่เพลงเสียงร้องที่ผมชื่นชอบ ได้ความนิ่งของน้ำเสียงเพิ่มขึ้น
มีความต่อเนื่องลื่นไหลของเสียงไม่มีสะดุด เสียงลื่นไหลดุจสายน้ำ
5. เสียงพริ้วไหวปลายแหลมมีความละเอียดพริ้วล่องลอยไปไกล
ทำให้เวลาฟังเพลงจินตนาการไปได้ถึงหมู่แสงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า
(ตอนฟังกับเครื่องเล่นDVDยังไม่เคยจินตนาการได้ขนาดนี้)
6. ไม่รู้จะฝอยอะไรแล้ว...ฮา เอาเป็นว่าเจ้าตี๋เทียนหยุนนี่ผมใช้แล้ว Happyสุดๆ
และอาจทำให้ผมหยุดคิดถึงเครื่องเล่นCD ราคาแพงๆไปได้อีกนานแสนนาน
แต่อาจคิดไปถึงพวก Op-amp ต่างๆที่จะเอามาอัพเกรดมากกว่า