จันทร์ พ.ย. 26, 2012 8:25 am | 0 คอมเมนต์
ม็อบไม่แช่แข็ง SET ส.นักวิเคราะห์
คาด SETสิ้นปีแตะ Highเดิม 1,310 จุด
ส.นักวิเคราะห์ มั่นใจม็อบชุมนุมไม่รุนแรง กูรู มองไม่กระทบ SETเหตุผลงาน บจ.ยังดี
คาดสิ้นปีดัชนีฯแตะ High เดิม 1,310 จุด ปีหน้ามีลุ้น 1,400 จุดหากหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ
ชัดเจน โบรกฯเชื่อแรงเก็งกำไรม็อบอาจดันดัชนีฯสัปดาห์นี้แตะ 1300 จุด สั่งเพิ่มน้ำหนักพอร์ต
อีก 5% แนะลงทุน PTTGC- PS- SIRI ลดความเสี่ยงทางการเมือง ด้านฟินันเซียไซรัส ชี้ พ.ร.
บ.มั่นคงฯไม่สะเทือนแรงซื้อต่างชาติ ฟาก ส.อ.ท.มองไม่กระทบความเชื่อมั่นนักธุรกิจ ส่วนม.หอ
การค้าไทย ยังห่วงนักท่องเที่ยววูบ ขณะที่โฆษกม็อบ 'เสธ.อ้าย' การันตีชุมนุมไม่ยืดเยื้อ ยุติอย่าง
ช้า25 พ.ย.นี้
ส.นักวิเคราะห์ มั่นใจม็อบชุมนุมไม่รุนแรง
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่ม
องค์กรพิทักษ์สยามในวันที่24 พ.ย.55 ว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง เนื่องจากสถานการณ์การ
เมืองในปัจจุบันไม่ได้มีความขัดแย้งของกลุ่มคนเท่ากับการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุน
ส่วนใหญ่ไม่มีความกังวลในเรื่องดังกล่าวมากนัก แม้รัฐบาลจะประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ก็
ตาม เนื่องจากเหตุการณ์จะไม่รุนแรง ประกอบกับนักลงทุนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจกับการ
แก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯและวิกฤตหนี้ยูโรโซนมากกว่า
'การชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้สร้างความกังวลให้นักวิเคราะห์ หรือนักลงทุนเลย ที่ผ่านมาหากจะเกิด
การชุมนุมที่รุนแรงจะต้องเกิดจากความไม่พอใจของประชาชนในประเทศมากกว่า 60% แต่ครั้ง
นี้ไม่มีปัจจัยความขัดแย้งหรือคดีทางการเมืองที่รุนแรง นักลงทุนเลยไม่สนใจมากนัก แต่จะกังวล
เศรษฐกิจต่างประเทศมากกว่า' นายสมบัติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม มองว่านโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในปัจจุบันยังมีข้อดีที่ช่วยกระตุ้น
เศรษฐกิจในประเทศและเพิ่มกำลังการซื้อของประชาชน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ
และมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงอีก จะช่วยให้ประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น
กูรู ชี้ ม็อบชุมนุมไม่กระทบSET เหตุผลงาน บจ.ยังดี
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์ ตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงเรื่องการชุมนุมของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยามที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ว่า
ขณะนี้ตลท. หวังเพียงว่าการชุมนุมครั้งนี้จะไม่เกิดความรุนแรง และไม่ยืดเยื้อ เพราะไม่เช่นนั้น
จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศถูกผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
และบริการที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเมืองเป็นด่านแรก และอาจเชื่อมโยงไปถึงธุรกิจที่มี
ความเกี่ยวเนื่อง เช่น ประกัน เป็นต้น
ทั้งนี้ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยคงไม่มีผลกระทบมากนัก เพราะจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นไทยใน
ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาสามารถผ่านวิกฤตที่รุนแรงได้ทุกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนเข้าใจว่าตลาดหุ้น
ไทยมีความแข็งแกร่ง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ในเกณฑ์ที่ดี
ด้านนายสุกิจ อุดมสิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง
(ประเทศไทย) เปิดเผยว่าปัญหาการเมืองในประเทศคงเป็นปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มองว่าการ
ที่รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯในขณะนี้ถือว่าเร็วเกินไป ส่วนการชุมนุมจะส่งผลกระทบ
มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับระดับการชุมนุมว่าจะมีความรุนแรงและยืดเยื้อออกไปหรือไม่
คาด SET สิ้นปีแตะ High เดิม 1,310 จุด
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยด้วยว่า ในช่วง
เดือนธันวาคม 2555 คาดว่าดัชนีฯ อาจปรับลดลงประมาณ 20-30 จุด โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่
1,250 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ แต่เชื่อ
ว่าเมื่อดัชนีฯ ปรับลดลงแล้วจะส่งผลให้มีแรงซื้อกลับและทำให้ดัชนีฯ สามารถรีบาวน์ขึ้นมาแตะ
ระดับสูงสุดเดิมที่ 1,310 จุด
ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นไทยในปี 2556 หากมีความชัดเจนในเรื่องการแก้ไขปัญหาหน้าผาการ
คลังของสหรัฐฯ คาดว่าจะทำให้ดัชนีฯ สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องและมีโอกาสไปอยู่ที่
ระดับ 1,400 จุดได้
'ช่วงกลางธันวาคมดัชนีฯ อาจย่อตัวลง เพราะความกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ลงมาอยู่
แนวรับสำคัญที่ 1,250 จุด ก่อนรีบาวน์ขึ้นไปที่ระดับสูงสุดเดิมที่ 1,310 จุด เพราะตลาดหุ้นไทย
ยังมีความน่าสนใจในการลงทุนและถ้าสหรัฐฯจัดการปัญหาเศรษฐกิจในประเทศได้ปีหน้าดัชนีฯ ก็
มีโอกาสที่จะแตะ 1,400 จุด' นายสมบัติ กล่าว
ขณะที่อัตรากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปี 2556 น่าจะเติบโตเกิน 10% จาก
ปีนี้ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่โตขึ้นประมาณ 4-5% และการลดภาษีบริษัทจดทะเบียนของ
รัฐบาลจาก 23% เหลือ 20% ในปี 2556 ซึ่งจะส่งผลให้กำไรบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าโตเพิ่ม
ขึ้นอย่างมาก
'เศรษฐกิจในประเทศปีหน้าที่คาดว่าจะโต 4-5% จะช่วยหนุนให้กำไรบจ. โตได้อีก 7-8%
รวมกับการที่รัฐบาลลดภาษีจาก 23% เหลือ 20% ก็น่าจะทำให้กำไรบจ.โตเพิ่มขึ้นได้มากกว่า
10%' นายสมบัติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้านักลงทุนยังต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน โดยจะจัดสรรพอร์
ตลงทุนในหุ้นประมาณ 40-45% ทองคำ 10-20% และตราสารหนี้ประมาณ 10-20% เพื่อเป็น
การกระจายความเสี่ยง โดยควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี อาทิ กลุ่มธนาคาร อสังหาริม
ทรัพย์ สื่อสารและบันเทิง เป็นต้น
โบรกฯเชื่อแรงเก็งกำไรดันดัชนีฯสัปดาห์นี้แตะ 1300 จุด แนะเพิ่มน้ำหนักพอร์ตอีก 5%
บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (MBKET) ระบุว่า หากประเมินจากเหตุการณ์ที่
คล้ายคลึงกันในปี 2554 ที่รัฐบาลประกาศใช้พรบ.ความมั่นคงใน 4 เขต กทม. วันที่ 8 ก.พ. พบ
ว่า SET INDEX ปรับตัวลงเพียง 2 วันหลังจากประกาศใช้เท่านั้น และหลังจากนั้น SET
INDEX ก็ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงระดับ 1,100 จุดในช่วงกลางเดือนเม.ย. 2554 น่าจะเป็น
ข้อมูลที่ใช้อ้างอิงได้
MBKET คาดว่าจะเกิดแรงเก็งกำไรต่อการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.นี้ รวมถึงการพิจารณา
กรณี 3G ของศาลปกครองในสัปดาห์นี้ พร้อมกับการปรับพอร์ตของ MSCI ในวันที่ 30 พ.ย. ทำ
ให้เชื่อว่า SET INDEX สัปดาห์นี้มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านจิตวิทยาสำคัญคือ 1,300 จุดได้
เช่นกัน
แนะนำให้ “เพิ่มน้ำหนักพอร์ตอีก 5% เป็น 65%” เพื่อเก็งกำไรกับการฟื้นตัวของ SET
INDEX ในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ MBKET ยังคงประเมินภาพการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกอาจพลิกกลับมาเป็น
การฟื้นตัวแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้ ต่อการเก็งกำไรการประชุมสภาคองเกรสสหรัฐฯ ระหว่างวันที่
26 พ.ย. – 15 ธ.ค. ซึ่งจะมีการพิจารณาแนวทางการแก้ไขหน้าผาทางการคลัง และการประชุมอี
ยูในวันที่ 26 พ.ย. ต่อการพิจารณาเงินช่วยเหลือกรีซ
และคาดว่าสัปดาห์นี้ ศาลปกครองจะนัดฟังผลการพิจารณาต่อกรณีที่ สตง. ยื่นการประมูล
เข้าข้าย พรบ.ฮั้วการประมูลหรือไม่ ขณะที่ทาง DSI ได้สรุปผลการพิจารณา ไม่พบว่าเข้าข่ายฮั้ว
การประมูล ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นของการเก็งกำไรต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องอย่าง ADVANC /
DTAC / INTUCH สำหรับ TRUE อาจไม่ได้รับอานิสงส์นี้มากนัก เพราะ TRUE เป็นหนึ่งใน 5
หุ้นที่ MSCI Global Small Cap เอาออกจากการคำนวณในรอบนี้
สำหรับ ประเด็นการพิจารณาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ หากออกมาในเชิงบวก ย่อมผลัก
ดันให้ SET INDEX มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบแนว 1,300+/- จุดได้
โดยการประชุมอียูต่อกรณีกรีซ: วันที่ 26 พ.ย. อาจได้เห็นกรอบการช่วยเหลืองวดถัดไปแก่
กรีซชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเงินช่วยเหลือ หลังนายกรัฐมนตรีเยอรมัน และสมาชิกบอร์ด
ของ EC ออกมาให้ความเห็นถึงโอกาสที่กรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือในการประชุมครั้งนี้
การประชุมสภาคองเกรส สหรัฐฯ : วันที่ 26 พ.ย. – 15 ธ.ค. เป็นการประชุมนัดสำคัญต่อ
แนวทางการแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลัง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีน้ำหนักมากเพียงพอที่จะทำให้
สหรัฐฯ กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ทำให้การประชุมนัดนี้ น่าจะเห็นภาพการประนีประนอมของทั้ง
2 พรรคการเมือง เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ: ระหว่างวันที่ 25-26 พ.ย. และลงคะแนนในวันที่ 27 พ.ย. คาดว่า
นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจะได้รับเสียงสนับสนุน เกินกว่ากึ่งหนึ่ง เพราะรัฐบาล
ครองเสียงข้างมากในสภาฯ
กูรู แนะลงทุน PTTGC- PS- SIRI ลดความเสี่ยงทางการเมือง
บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ระบุว่า การชุมนุมจะไม่มีความรุนแรงและน่าจะมีผลต่อตลาดฯ
ค่อนข้างน้อย นอกจากนี้ มองว่าตลาดหุ้นโลกในวันจันทร์ จะยังไม่ปรับขึ้นแรงๆ จนเสียโอกาสการ
ลงทุนไปในกรณีที่การชุมนุมไม่รุนแรง โดยนักลงทุนยังคงรอดูการเจรจาของนักการเมืองสหรัฐฯ
เรื่อง fiscal cliff รวมทั้งการประชุมของ รมว.คลังยุโรปเพื่อหาทางอนุมัติเงินช่วยเหลือ 4.4 หมื่น
ล้านยูโรให้กับกรีซ
กลยุทธ์ สำหรับหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวนั้น แนะให้ขายไปก่อนเพื่อลดความเสี่ยงทางการ
เมือง เช่นหุ้น AOT*, MINT* และ CENTEL และมาตัดสินใจอีกครั้งในสัปดาห์นี้ สำหรับหุ้นเด่น
ตัวอื่นๆ ที่แนะนำไปเช่น PTTGC*, PS*, SIRI นั้นเราแนะนำให้ถือต่อเนื่องจากพื้นฐานบริษัทมี
ความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมืองไม่มากนัก และแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ของหุ้นดังกล่าวแข็ง
แกร่งและเติบโตต่อจากไตรมาส 3
ฟินันเซียไซรัส ชี้ พ.ร.บ.มั่นคงฯไม่สะเทือนแรงซื้อต่างชาติ
บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องค้านการชุมนุม เพราะ
ถือว่าการชุมนุมไม่ได้ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ขณะที่รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.
ความมั่นคงฯ ใน 3 เขตของกทม. (พระนคร ดุสิต และป้อมปรามฯ) ระหว่าง 22-30 พ.ย. เพื่อ
ดูแลความเรียบร้อยในการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามวันที่ 24 พ.ย. ทั้งนี้ พรบ.ความมั่น
คงฯไม่มีนัยสำคัญเท่ากับพรก.ฉุกเฉิน ในอดีตมีการประกาศใช้พรบ.ความมั่นคงฯ สมัยนายกฯ
สมัคร 2 ก.ย. 2008 และยุคอภิสิทธิ์เดือน ส.ค. และ ธ.ค. 2009 ช่วงนั้นต่างชาติขายเพียงวันละ
เป็นหลักร้อยล้านบาท เป็นเวลาเพียง 2-3 วัน และล่าสุดที่มีการใช้พรบ.มั่นคงฯ 9-23 ก.พ.
2011 ต่างชาติซื้อเฉลี่ยวันละ 1 พันล้านบาท
ส.อ.ท.มองรัฐบาลใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯไม่กระทบความเชื่อมั่นนักธุรกิจ
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การ
ประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงในกรุงเทพมหานคร เชื่อว่าไม่กระทบต่อภาคธุรกิจเพราะการประกาศ
ใช้ไม่ได้กำหนดพื้นที่ในวงกว้างและไม่ใช้พื้นเศรษฐกิจสำคัญ โดยคาดว่าความเชื่อมั่นของผู้
ประกอบการและนักลงทุนต่างชาติยังอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งจะเห็นว่าผู้นำประเทศจากสหรัฐอเมริกา
และจีนมาเยือนไทยแสดงว่าผู้นำเหล่านี้เห็นความสำคัญของไทยที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของอา
เซียน และการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย. 2555 เป็นการชุมนุมระยะสั้นจึงคิดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อ
ภาคธุรกิจ รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในระยะยาว แต่ต้องการ
ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการดูแลความสงบ และไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้
เป็นการชุมนุมระยะสั้นจึงเชื่อว่าไม่มีผลอะไรเพียงแต่การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงจะทำให้
เจ้าหน้าที่ดูแลการชุมนุมให้เข้มงวดขึ้น แต่รัฐบาลต้องดูแลการชุมนุมให้ดีเพราะรัฐบาลทุก
รัฐบาลจะเสียเปรียบผู้ชุมนุมอยู่แล้ว และต้องติดต่อดูว่าการชุมนุมจะเกิดความรุนแรงหรือไม่
เพราะถ้าเกิดความรุนแรงขึ้นมาจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ โดยรัฐบาลต้องดูแล
การชุมนุมไม่ให้เกิดความรุนแรงทั้งรัฐบาลต่อผู้ชุมนุม และกลุ่มผู้ชุมนุมกับบุคคลที่ 3 ที่อาจเข้า
มาสร้างสถานการณ์
นายพรศิลป์ กล่าวว่า โดยถ้าเกิดความรุนแรงขึ้นมาจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวก่อนเป็น
อันดับแรก และถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว รวมทั้งต่างชาติจะ
มองว่าไทยเกิดเหตุรุนแรงเหมือนในอดีตอีกแล้ว และไม่ว่าใครจะเป็นผู้เริ่มต้นสร้างความรุนแรง
ก่อนหรือหลังก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ
ม.หอการค้าไทย แนะรัฐอย่าใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯนานเกิน ห่วงนักท่องเที่ยววูบ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า
ไทย เปิดเผยถึงการประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงในกรุงเทพมหานคร 3 เขต เพื่อ
ป้องกันเหตุจากการชุมนุมทางการเมือง ว่า ถือเป็นมาตรการบริหารจัดการของภาครัฐ ซึ่งจะมีผล
ต่อภาพพจน์ของประเทศ และหากบังคับใช้นานไปจนถึงเดือน ธ.ค. ก็อาจจะมีผลต่อภาพพจน์ของ
ประเทศมากขึ้น เพราะในสายตาต่างชาติ สถานทูต และบริษัทท่องเที่ยวในต่างประเทศ ไม่เข้าใจ
การเมืองไทย ซึ่งจะมีการเพิ่มความระมัดระวังการเดินทางมากขึ้น โดยอาจมีการประกาศเตือน
ไม่ให้เดินทางมายังประเทศไทย
ดังนั้น ทางรัฐบาล จึงไม่ควรคงพระราชบัญญัติดังกล่าวไว้นาน และจะต้องดูแลไม่ให้เกิด
ความรุนแรงขึ้น เพราะจะกระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีชั่น ซึ่งการลดลงของนักท่องเที่ยว
ร้อยละ 10 หรือประมาณ 100,000 คน จะทำให้รายได้ของประเทศหายไป 5,000-10,000 ล้าน
บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.1 ของ GDP และหากมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีกจะมีผลต่อจิตวิทยาเชิง
ลบต่อการใช้จ่ายของประชาชน
โฆษกม็อบ'เสธ.อ้าย' ระบุ ชุมนุมไม่ยืดเยื้อ จะยุติอย่างช้า25 พ.ย.นี้
พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม มั่นใจว่า การชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.นี้
จะมีผู้เข้าร่วมนับแสนคน ซึ่งจะทำให้บรรลุเป้าหมายในการต่อต้านการทำงานของ รัฐบาล พร้อม
ย้ำว่า จะไม่มีการเคลื่อนมวลชนไปปิดล้อมสถานที่ราชการใดๆ รวมทั้งการชุมนุม ไม่ยืดเยื้อ จะยุติ
อย่างช้าที่สุด ภายในวันที่ 25 พ.ย.นี้
'ทางกลุ่มมีแผนลับ หรือที่เสธ.อ้าย (พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การฯ) เรียกว่า
หมัดเด็ดที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายวัตถุประสงค์ของกลุ่ม...แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ให้ เสธ.อ้ายเป็น
คนพูดคนเดียว' พล.อ.ท.วัชระ กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ การชุมนุมจะเป็นไปโดยสงบสันติ ปราศจากอาวุธ ไม่มีการเคลื่อนมวลชน ไปปิดล้อม
สถานที่ราชการใดๆ ชุมนุมตามกรอบกฎหมาย และการชุมนุมจะยุติอย่างช้าสุดในวันที่ 25 พ.ย.
ดังนั้นการที่รัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การรักษาความมั่นคงภายใน ราช
อาณาจักร มองว่าเป็นกระทำที่เกินกว่าเหตุ และขณะนี้ได้ทราบว่า มีการตั้งด่านสกัดกั้นมวลชนที่
อยู่ต่างจังหวัด ไม่ให้เข้ามายังพื้นที่ชุมนุมบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า
'ผมขอยืนยันอีกครั้ง การชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามจะไม่ลากยาว เต็มที่ก็วันที่ 25
พฤศจิกายน เราจะไม่เคลื่อนไปบุกรุกสถานที่ราชการใดๆ โดยเฉพาะรัฐสภา จะชุมนุม ตามกรอบ
กฎหมาย' โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม กล่าว
เรียบเรียง โดย นายศักดิ์ชาย งอกงาม
ที่มา
วันที่ 26/11/12