VI หาดใหญ่

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
dr1
Verified User
โพสต์: 842
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 451

โพสต์

เอ่อ..มีเรื่องสารภาพนิสนึง ก่อนเข้าคอร์สวีไอพรุ่งนี้
วันนี้ผมไปสำส่อนนอกใจระบอบวีไอมาฮะ(คงไม่ติดโรคร้ายมามั้งนะ)
คือผมป่าวน้า..เค้าชวนเอง เค้าคือตลท. ร่วมกับโบรคแห่งนึงจัดอมรมเถคนีคเล่นหุ้น
ผมว่างๆไม่มีใครให้อาหาร ก็เลยได้ไปกินคอฟฟี่เบรคฟรี(no freelunch เลยเปิบแซนด์วิชไปสามอัน)
หลักการคือ "ยิ่งเทรด(อ่านว่าเท-รด) ยิ่ง(ทำให้โบรค)รวย"
ผมฟังแล้วนึกในใจว่า กรูเป็นเต่าอยู่ดีๆจะให้กรูเป็นกระรอก เอางั้นเลยเรอะ
วิธีการคือ
1. เส้นกร้าฟ ฟังแล้วสรุปราวๆสำนักนั้นเค้าจะใช้
1.1 เส้นสามเดือน เพราะเข้ากะไตรมาส หุ้นแต่ละตัวจะบวกลบเป็น5-15% กะเส้นนี้
แล้วใครจะซื้อขายเมื่อไรก็ตามใจ โบรคได้ค่าธรรมเนียมแน่นอน
1.2 ถ้า1.1ง่ายไป เอาไปสามเส้นเลย 1,2,3สัปดาห์ ไม่พอขยายอีกสองบนล่างเป็นห้า (ถ้าใส่โน้ตก็เป็นเพลงมาสีซอให้เราฟังได้)
ปกติมันจะขนานกันไป ถ้ามันตัดกัน แปลว่าทิศทางกลังเปี๊ยนไป๋ เราต้องทำไรซักอย่างเพื่อตอบสนอง เราเก่ง
1.3 ถ้าอยากได้เส้นอะไรที่นานๆ(คงเอาใจวีไอ)เอาเส้นสามปีไปเลย เวลาหุ้นลงมาแตะเส้นนี้(ตกลึกมาก)มักเด้งขึ้นทุกที
1.4 ใครจะแทงลอย แทงปัก เค้าให้"สาม"ว่ามาแน่(ข้อนี้ผมว่าเอง เอาใจคนชอบแทงหวย)

2. แท่งเทียน ฝึกมโนล้วนๆ ตามที่ไอน์สไตน์บอกว่า"จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
ดูเป็นรูปฆ้อน ดาวกระจาย คนแขวนคอ อีกา ต่างต่างนานา ผมฟังก็แล้ว ดูรูปก็แล้ว ยังมโนตามไม่ออก(โง่เง่าเต่าตุ่นจิงๆเรา)
ว่าจะไปหาสำนักอื่นที่เค้าเอาแท่งเทียนของแท้หยดลงขันน้ำมนต์ แล้วดูตรงๆเลยว่าเป็นเลข เอ๊ย อักษรอะไรไปซื้อหุ้น

ตอนหลังๆให้นักเรียนเอ๊ย นักลงทุนมาพรีเซ้นต์หุ้นที่ทำการบ้านมา ก็มี
1.หุ้นที่โดนฟ้าผ่าทั้งๆที่ไม่ได้สาบานอะไรไว้ เหตุผลก็คือมันร่วงลงแตะเส้นสามปีแระ
2.หุ้นเทรดดิ้งผสมโรงงานขวด เหตุผลเหมือน1.
3.หุ้นพลาสติกระดับโลก เด้งขึ้นไปแตะเส้นสามปีสองทีแล้วเด้งกลับลงมา (อ้าว แล้วมันจะยังไงต่อ..)

มีแจกหุ้นด้วยนะฮะ หุ้น"เสี่ยจ."ตาม2.(ผมยืนยันว่าไม่ใช่เสี่ยจ. นายกสมาคมอะไรแถวนี้แน่นอน ฮ่า...)

ก่อนเค้าบรรยายก็มีแนะนำสินค้าใหม่ คือequity linked note หุ้นกู้อนุพันธ์
คือหุ้นกู้ ที่อิงหุ้นแม่ ค่าเงิน ดัชนี ๆลๆ ถ้าชนะตลาดมี"โบนัส"แถมให้ ถ้าแพ้เหลือแค่เงินต้น(ดีก่าล็อตเตอรี่ติดแอร์แถวที่ทำงานผมอีก) อืม..ตลท.เริ่มมีสินค้าที่เราต้องเรียนรู้อีกพอสมควรเลย
อ้อ..แล้วมีการลองใจถามอีกว่า ใครอยากเป็นแบบอ.บัฟเฟตกับอ.นิเวศน์บ้าง
คงอยากรู้ว่ามีใครต่างลัทธิแทรกซึมไปสอดแนมมั่งป่าว
ผมเลยตอบไปในใจว่า ผมเจียมตัวนะจ๊ะ แม้ไม่ยิ่งใหญ่เปล่งประกายส่องแสงดั่งดวงอาทิตย์แบบอ.ทั้งสองท่าน
แต่ก็ขอเป็นหิ่งห้อยน้อย มีแสงริบหรี่ที่ตูดเหี่ยวๆแค่นี้ไปก่อน

วีไอสำส่อน แอบนอกใจ สารภาพ..
samatah
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 452

โพสต์

อ.หมอหนึ่งครับ ผมเองก็ไม่ได้ต่อต้านการใช้กราฟเทคนิคนะครับ อ.หมอหนึ่งเป็นหมอก็คงเข้าใจไม่ยากครับ ผมเคยคุยกับรุ่นน้องคนหนึ่งที่ใช้กราฟเทคนิคเป็นหลัก เอางี้ครับ ผมเปรียบการใช้เทคนิคเหมือนการดูคนไข้แบบดูค่า lab อย่างเดียว เห็น ๆ ค่าตับไตผิดปกติแสดงออกมาเป็นตัวเลข ฟิล์มเห็นกระดูกหัก ผมพยายามจะให้อ.หมอหนึ่งเห็นภาพน่ะครับ :D แต่ไม่รู้ว่า กระดูกมันหักจากอะไร หักเองเพราะกระดูกมันพรุน, เดินสะดุดยอดหญ้า หรือโดนภรรเมียตื้บ เพราะหลักของการดูกราฟเท่าที่ผมเคยได้ยินมา มันเหมือนกราฟคือบทสรุปทั้งหมดน่ะครับ เพราะเค้าอาจจะไม่รู้ว่าบ.ทำกิจการอะไร มีข่าวดีร้ายอย่างไร เพราะดูตามสัญญาณอย่างเดียว

ผมมองว่าถ้าคนไข้แค่เริ่มเห็นโรค หรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอะไรบางอย่าง ส่วนใหญ่ค่า lab มันอาจจะไม่โชว์อะไรเลย

ฉะนั้นการซักประวัติคนไข้เหมือนเข้าไปอ่านรายละเอียดของบ. การตรวจร่างกาย วิเคราะห์โรค มันก็เหมือนการวิเคราะห์พื้นฐานของบ.ต่าง ๆ นั่นแหละครับ

แต่ผมเห็นด้วยอย่างหนึ่งว่า การใช้กราฟนั้น ถ้าใช้ควบคู่กับการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน มันก็น่าจะดี เหมือนการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ (lab) เพื่อคอนเฟิร์มโรคนั่นแหละครับ

แต่ทุกวันนี้ผมก็ดูกราฟไม่เป็นนะครับ รู้แบบงู ๆ ปลา ๆ ไม่ได้ใช้เป็นสรณะครับ ดูกราฟแค่ดูการเคลื่อนไหวของราคาว่ามันเคยมีราคาเท่าไหร่ ตอนนี้สูงต่ำเทียบกับอดีตแค่ไหน เรียกได้ว่าผมอาจจะแค่เหล่ ๆ แต่ยังไม่เคยปันใจให้ก็ได้ครับ :D
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 453

โพสต์

dr1 เขียน: กะเทเลคอมเอเซีย(ได้มา10%จาก100%ซื้อ35ขาย3.5 ฮา..)
๕๕๕ ผมยังดีกว่าหน่อย ตอนเรียนจบใหม่ ๆ "เล่น" หุ้นจริง ๆ เพราะเล่นคือไม่มีความรู้ :D ยังจำได้ไม่ลืม TA-F (TRUE ในปัจจุบัน) 17 บาท เล่นกระดานต่างประเทศซะด้วย ส่วน TFB (KBANK) ก็ 17 บาทเท่ากัน ตัวหลังมองว่าเป็นหุ้นแบงค์ "ช้า" ไม่เอา จิ้มตัวแรก สุดท้ายเร็วสมใจครับ จำราคาขายไม่ได้ แต่จำได้ว่าต่ำกว่า 10 บาท ส่วน TFB วิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ :wall: :wall: :wall:
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 454

โพสต์

dr1 เขียน:ขอบคุณ ท่านchanchai_lee นะครับ
เพื่อนรุ่นน้องเล่าว่าหลวงพ่อท่านวางแผนละสังขารไว้ครั้งที่แล้ว ลูกศิษย์ก็ไปพาท่านส่งโรงบาลยื้อไว้
ถ้ามีครูบาจารย์แถวๆทางใต้ที่ไหนอีก ช่วยแนะนำด้วยนะครับ

อ.NBฮะ เรื่องปฏิสนธิ เอ๊ย..วัติเนี่ย ไม่ถนัดฮะ
แต่ตอนเปลี่ยนขุนศึกผ่านมาเป็นปัญญาชนไปพ่อค้าเนี่ย บูมบาละก้าเกือบทุกครั้งมั้งฮะ
ป๋าไปเป็นน้า ที่ดินกะหุ้นก็บูมสุดๆ ทำงานอยู่เห็นอาจารย์เค้าคุยกันทุกวัน
แต่ตอนรบกันเนี่ยวูบไปเหมือนกัน
ตอนอิรัคบุกคูเวต ลุง..เอ๊ยผมฝึกงานอยู่ปลายสีลม รุ่นพี่หน้ามืดไปหลายคน
ตอนพฦษภาทมิฬ ผมรอสอบอยู่แถวอนุสาวรีย์ เพื่อนที่ผมฝากเขาเล่นหุ้นบอกว่าช้อนไว้เยอะ ได้มาหลาย
ไปเจ๊งหมดกะฟินวัน(ชื่อก็บอกแล้วว่า ฟิน(จบเห่)นะ ไอ้1)
กะเทเลคอมเอเซีย(ได้มา10%จาก100%ซื้อ35ขาย3.5 ฮา..)
ตอนสุมไฟไล่ยุงแถวราชประสงค์ ก็ซื้อห้างแถวนั้นไว้ ขี้สงสารฮะ เห็น(หุ้น)อะไรตก ก็ช่วยไปเก็บไว้ให้ก่อน
ขายคลายเครียดไปครึ่งนึง แล้วขายหมดพอขึ้นมาสี่เท่า แล้วก็ไปซื้อกลับมาใหม่ที่ห้าเท่า(บ้าป่าวแว้..)
มาถึงช่วงเปิดเพลง "ตื่นเถิดวีไอ อย่าหลงไหลลุ่มหลง หุ้นจะขึ้นจะลง ก็เพราะเม่าทั้งหลาย ๆลๆ.."ไรเนี่ย
กะว่าจะเก็บให้ ถ้าใครทำหุ้นตก แต่เหมือนกะมีคนมีจิตสาธารณะ
แต่ยิ่งช่วงหลังๆมาเนี่ย..นายตลาดท่าจะด้านชาความรุนแรงมั้งฮะ เฉยๆชิวๆจิงๆ

คิดไปคิดมาดูคล้ายเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงมั้ยฮะ
อยู่ในโลกทุนนิยมแท้ๆ แต่ต่อต้านทุนนิยม(สามานย์?) ชักสับสนตัวเอง..
นี่ขนาออกตัวว่าไม่ถนัดนะครับหลวงลุง
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
dr1
Verified User
โพสต์: 842
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 455

โพสต์

ฮ่าาา... งั้นท่านอ.leky ต้องหัดเป็นเม่ารุ่นไกล้เคียงผมแน่นอนอะดิ
ไอ้เจ้าเทเลคอมเอเซียเนี่ย อาจารย์ผมเค้าเชียร์เลย บอกว่าแจกหุ้นเกือบทู้กคนในมหาลัยเลยมั้ง
อธิการยันภารโรง(ฟังดูแล้วตอนนั้น หูย..ข่าววงใน มันยอดไปเลยจ๊อร์จ..)

เรื่องดูกราฟ กะวิแคะพื้นฐานเนี่ย ไม่รู้มันไปคนละโลก หรือมันเป็นเหรียญคนละหน้าก็ไม่ทราบนะครับ
เดาว่าท่านอ.leky คงเป็นหมอเหม็ด(ภาษาบ้านผม เหม็ดแปลว่าหมด)
เทรนด์หมอเด๋วนี้เค้าเชื่อเครื่องมากกว่าคน
มาถึงก็พยักหน้าเขียนใบสั่งไปเข้าเครื่องตรวจ ไม่ต้องมาคุยซักประวัติตรวจร่างกายไรมาก
ไม่ต้องฟังปอด ฟังหัวใจ คลำตับ ส่งเอ๊กซเรย์อีเคจีอัลตร้าซาวน์ซีทีเอมอาร์ไอพร้อมแหลปชุดใหญ่ไปก่องเรย
ใส้ต่ิงยังซีทีเป็นไกด์ไลน์มาตรฐานเลยฮะ
แม้กระทั่งหมอจิตเวช ใช้เช็คลิสต์เป็นหลัก มีอาการเกินสามในเจ็ดอย่างเอาโรคประจำตัวไปได้เลย
ไม่ต้องมานั่งเล่าว่าครอบครัวแม่ผัวลูกสะไภ้รบกันโง้นงี้งั้น
เวลารักษาก็ ยึดรัฐธรรมน..เอ๊ยguideline(ที่เขียนโดยบริษัทยาป่าวหว่า)เป็นหลัก
(อ้อ..ดีเทลเไฟเซ่อร์เพิ่งมาเล่าเรื่องพยามซื้อAZN ไม่สำเร็จ ผมเลยบอกไปว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกอย่างหรอก ถ้าไม่มากพอ)
ใช้ยาแบบjazzy improvisation(คือoff lable indication)แล้วมีปัญหา หรือใช้เครื่องมือแล้วผิดพลาดไรไป
เครื่องมือไม่ผิด ผิดที่คน(มะรุกฎหมายนี้ผ่านออกมาละยัง)ข้อหาคือทำไรไม่ได้มาตรฐาน
ตอนเป็นลูกจ้างชั่วให้หลวงก็เลยเข้าจั๊ย เข้าใจว่ากำลังขับรถไฟฟรีให้เค้านั่ง รถไฟตกราง โดนระเบิด ก็รอดมั่งตายมั่ง
ยาบางล็อตก็อาจมีธาตุเหล็กแถมให้ในรูปลวด บางล็อตก็อาจเล่นซ่อนหากะฉลากสลับกัน ฝึกเชาว์ปัญยา อิอิ
ว่าแล้วก็ไปซื้อหุ้นโรงบาลพีอีทะลุฟ้าดีมั้ยเนี่ย..
samatah
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 456

โพสต์

หุ้น รพ แนะนำให้เลือกแบบ รร ครับหลวงลุง

คนมาพักค้างคืน รายเดือนรายวัน

มอง roa จะสำคัญกว่าพีอี

รักษาให้เน้นศัลยกรรมในสัดส่วนที่มากพอสมควร
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 457

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:หุ้น รพ แนะนำให้เลือกแบบ รร ครับหลวงลุง

คนมาพักค้างคืน รายเดือนรายวัน

มอง roa จะสำคัญกว่าพีอี

รักษาให้เน้นศัลยกรรมในสัดส่วนที่มากพอสมควร
อั๊ยหย่ะพลาดอีกแล้วลืมไปว่าคุยกับหมอดันสอนวิธีดูหุ้นโรงพยาบาล
โชว์โง่ได้ทู้กวัน :wall:
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
dr1
Verified User
โพสต์: 842
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 458

โพสต์

รร. แบบROA สูงๆ ก็ต้องหมุนรอบเร็วชิมิฮะ อ.NB
งั้นก็เลือกแบบมีม่าน(รึไม่มียิ่งดี ไม่ต้องเสียเวลารูด) ทีวี วิดีโอ อ่างน้ำวน ผ้าห่มไม่ต้อง จะได้เช็คเอาท์เร็วหน่อย ทำรอบ ล็อบบี้ ห้องประชุม สระว่ายน้ำ ไม่ต้อง

อ้าว.. อ.หมายถึงโรงเรียนเหรอฮะ
งั้นก็แบบกวดวิชา สอนเป็นฝูงๆผ่านวิดีโอทีนึงทั่วประเทศ
ข้อสอบ แบบเรียนซ้ำไปซ้ำมาสี่ห้าแบบ เปลี่ยนตัวเลขนิดหน่อยมารีไซเคิลขายใหม่ได้
ห้องสมุด สนามบอล แล็บ ไม่ต้อง

ยี่สิบปีก่อนตอนไปเข้าคอร์สที่แถวซอยกลาง อ.เค้าสอนวิธีเร่งรอบว่า
ถ้านอนนานเกินสามวันจะไม่ค่อยได้ไรแล้ว(คล้ายขี้เมานั่งแช่โต๊ะร้านอาหาร)
เลยใครอยู่นานเกินเจ็ดวัน คิดเพิ่มอีกสิบเปอร์เซ็นต์ยอดรวมเป็น"ค่าบริการ"(บริการเร่งให้หายเร็วๆ(ไม่รุหมายถึงตังค์รึตัว))
อ.NB คงหมายถึงแชมป์โลก(ROE) ที่นานานั่นมั้ยฮะ
วันก่อนบทวิแคะบอก"เตียงละร้อยยี่สิบ"นั่นมันซื้อที่ๆผมรับจ้างอยู่ได้ทั้งโรงเรยฮะ

ลูกศิษย์ตอบการบ้านจาก คศช.(เค้าเศร้าที่หุ้นไม่ยอมตกง่ะ เชอะ..)
samatah
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 459

โพสต์

leky เขียน:หุ้นในพอร์ตหลายตัวเปิดต่ำ แล้วกลายเป็นราคา low ของวันไป ถ้าดูเฉพาะวันนี้ คนชิงหนีตอนตลาดเปิดคง "เงิบ" ไม่น้อย หุ้นบางตัวค่อย ๆ ตีขึ้นมา บางตัว "ประท้วง" ไม่มีการซื้อขาย :D ไปซะนี่

ผมก็ "เงิบ" เหมือนกันครับ ระดมอาวุธเตรียมสู้ แต่ข้าศึกไม่ยอมลงมาให้จับเป็นเชลย

วันนี้ผมว่าเทียบกับข่าวที่เกิดถือว่าลงไม่มาก ใครมีหุ้นอยู่เต็มพอร์ตถือว่าไม่เสียของครับ รอดูอาทิตย์หน้า ดีไม่ดีอาจจะมีเด้งขึ้น ยิ่งถ้าได้นายก บวกทีมเศรษฐกิจดี ๆ profile เยี่ยม มีลุ้นเด้งแรง ๆ ครับ
ถ้าเทียบกับวันที่ อ.หมอเล็กตั้งกระทู้ SET -70 จุด เมื่อวันรัฐประหารถือว่าจิ๊บ ๆ เลย
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 460

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:
leky เขียน:หุ้นในพอร์ตหลายตัวเปิดต่ำ แล้วกลายเป็นราคา low ของวันไป ถ้าดูเฉพาะวันนี้ คนชิงหนีตอนตลาดเปิดคง "เงิบ" ไม่น้อย หุ้นบางตัวค่อย ๆ ตีขึ้นมา บางตัว "ประท้วง" ไม่มีการซื้อขาย :D ไปซะนี่

ผมก็ "เงิบ" เหมือนกันครับ ระดมอาวุธเตรียมสู้ แต่ข้าศึกไม่ยอมลงมาให้จับเป็นเชลย

วันนี้ผมว่าเทียบกับข่าวที่เกิดถือว่าลงไม่มาก ใครมีหุ้นอยู่เต็มพอร์ตถือว่าไม่เสียของครับ รอดูอาทิตย์หน้า ดีไม่ดีอาจจะมีเด้งขึ้น ยิ่งถ้าได้นายก บวกทีมเศรษฐกิจดี ๆ profile เยี่ยม มีลุ้นเด้งแรง ๆ ครับ
ถ้าเทียบกับวันที่ อ.หมอเล็กตั้งกระทู้ SET -70 จุด เมื่อวันรัฐประหารถือว่าจิ๊บ ๆ เลย
เท่าที่ผมสังเกตดูนะครับ ตลาดหุ้นไทย ถ้าจะโดนทุบแรง ๆ แบบต่อเนื่อง เหมือนเปิดเพลงเมดเลย์ non stop ก็มักจะต้องเป็นฝีมือของพวกฝรั่งครับ เพราะลำพังแค่รายย่อยที่กระจัดกระจายนั้น ถ้าจะ panic ก็ได้แค่ช่วงสั้น ๆ ครับ

เห็น ๆ ก็ตอนปี 51 แล้วอย่าได้ถามเหตุผลนะครับ ฝรั่งอาจจะแค่อยากบอกว่า "ตรูแค่อยากขนเงินกลับไปซ่อมบ้าน"

แต่ยอมรับว่าช่วงที่ลบ 70 จุดนั้น เค้าขายแบบบ้าคลั่งจริง ๆ ครับ เพราะจำได้ว่าเล่นลบกันเป็น 30-50 จุด อีกหลายวัน
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 461

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:หุ้น รพ แนะนำให้เลือกแบบ รร ครับหลวงลุง

คนมาพักค้างคืน รายเดือนรายวัน

มอง roa จะสำคัญกว่าพีอี

รักษาให้เน้นศัลยกรรมในสัดส่วนที่มากพอสมควร
สงสัยคุณ NB ต้องรอรพ.ที่ร้องฮี้ ๆ เข้าตลาดแล้วล่ะครับ ผมคุ้น ๆ ว่าเคยได้ยินว่าเค้าจะเอาเข้าตลาด

ผมว่าทุกรพ.เค้าก็อยากให้มีเคสศัลยกรรมเยอะ ๆ อยู่แล้วครับ เพราะถือว่าเป็นเคสค่าใช้จ่ายสูงครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 462

โพสต์

dr1 เขียน:ฮ่าาา... งั้นท่านอ.leky ต้องหัดเป็นเม่ารุ่นไกล้เคียงผมแน่นอนอะดิ
ไอ้เจ้าเทเลคอมเอเซียเนี่ย อาจารย์ผมเค้าเชียร์เลย บอกว่าแจกหุ้นเกือบทู้กคนในมหาลัยเลยมั้ง
อธิการยันภารโรง(ฟังดูแล้วตอนนั้น หูย..ข่าววงใน มันยอดไปเลยจ๊อร์จ..)
ยืนยันว่าคนละรุ่นแน่ครับ :D เพียงแต่ผมดันไปเข้ารับรู้เรื่องของตลาดเร็วกว่าที่ควรจะเป็นน่ะครับ ตอนอยู่ปี 1 เป็นช่วงปี 36 หุ้นขึ้นแรงมาก พี่ชายคุยเรื่องหุ้น ได้กำไรดี พอดีพี่สาวได้งานที่โบรก ผมปิดเทอม ไม่มีอะไรทำก็ไปนั่งเล่นที่ห้องค้า ดูโน่นนี่ครับ เหมือนไปรับรู้ประสบการณ์ภาคสนามก่อน ความรู้สมัยก่อนก็ไม่มีหรอกครับ เพราะเค้าเก็งกำไรกัน ดูกราฟ ตอนนั้นเลยอยากดูกราฟเป็น บทวิเคราะห์ก็มีแต่เราก็รู้ว่ามันเชื่อมากไม่ได้ หนังสือแนวพื้นฐานแทบจะไม่มี เป็นลักษณะหนังสือสอนเล่นหุ้น ประมาณรายใหญ่ลาก ซื้อถูกขายแพง ซึ่งมันก็ถูกต้องของเค้า แต่ในชีวิตจริง ส่วนใหญ่ทำไมกลายเป็นซื้อถูกแต่มันถูกลงไปอีก

คือไม่ได้ศึกษาอย่างเป็นเรื่องราว มีเงินนิดหน่อยก็เอาไปใส่ในพอร์ตพี่ แค่ไม่กี่หมื่นบาท จำได้ว่าพี่สาวโทรมาคุย บอกว่าหุ้นซึมมาก ตอนนั้นฝรั่งทิ้งหุ้นไทย SET จาก 1700 เหลือต่ำกว่าพันจุด พี่บอกว่า TFB แข็งปั๋ง ตรง 100 รับแน่น เค้าว่าจะซื้อซักหน่อย แต่แล้วกลายเป็นไปซื้อ QH แทน เพราะเห็นมันลบเยอะ หุ้นตัวแรกในชีวิตน่ะครับ ไม่ใช่เงินผมหรอก แต่ร่วมกันตัดสินใจ วันถัดไปก็โดนครับ ลบไป 5 บาท ตอนนั้น QH 195 บาท ผมเลยรู้สึกว่า TFB นี่เหมือนของแสลง ถ้าไม่เลือกมันทีไร เราตายทุกที :D

หลัง ๆ ก็ติดตามข่าวเป็นระยะ ๆ ครับ มันเป็นช่วงเรียน ไม่ได้จริงจังอะไร แต่ก็ชอบอ่านข่าว ติดตาม ถึงจะไม่ได้ซื้อขาย เลยทำให้รู้จักหุ้นมาก ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้ได้ติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้น่ะครับ เค้าถึงบอกว่าบางเรื่องต้องศึกษาถึงประวัติศาสตร์ของมันด้วยครบ อย่างหุ้นบางตัวเห็นแล้วก็นึกออกเลยว่ามันมีพฤติกรรมอย่างไร หุ้นแบบนี้ธรรมชาติมันเป็นอย่างไร ไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายว่าเพราะอะไรมันถึงเป็นแบบนั้น

ตอนจบใหม่ สมัยนั้นเงินเดือนราชการ หุ้นถูกมากครับ SCC พาร์ 10 จากเกือบพันเหลือ 100 กว่าบาท หุ้นพาร์ 10 ต่ำกว่า 10 เพียบ ผมถึงว่าคนยุครุ่นใหม่ ๆ โชคดีกว่าผมครับ เพราะสมัยนั้นความรู้ทางด้านพื้นฐานก็แทบจะไม่มี แม้แต่ดร.เองก็น่าจะเป็นช่วงที่เพิ่งเริ่มเข้ามาเป็น VI น่ะครับ

หุ้น TA สมัยนั้นมีมาร์เก็ตแคปมากสุดในตลาดครับ วันที่ผมไปนั่งเล่นที่ห้องค้า เค้าจะมีนักวิเคราะห์มาให้ข้อมูลทางไมค์ช่วงเช้า บ่าย วันไหนหุ้นขึ้นแรง ๆ สนุกครับ อย่างกะเชียร์มวยครับ ผมยังจำคำพูดของนักวิเคราะห์ได้เลยครับ "TA ขึ้นหนึ่งบาท ดัชนีขึ้นหนึ่งจุด" ตอนนั้น TA มันร้อยบาทน่ะครับ สมัยนั้นซิลลิ่งฟลอร์มันแค่ 10% ได้ทันเห็นหุ้นไฟแนนซ์ ที่ดิน ซิลลิ่งยกกลุ่ม ถ้าจำไม่ผิดก็เหมือนจะเคยเห็นฟลอร์ยกกลุ่มเช่นกันครับ

แล้วพวกเก็งกำไรในห้องค้านี่ นั่งดูพวกเค้าก็เป็นสีสันนะครับ หุ้นตัวไหนกระพริบกระพริบพร้อมราคาขยับขึ้น เค้าก็ตะโกนซื้อขายจากที่นั่งไปที่เคาร์เตอร์มาร์เลยครับ พวกอาซิ้มไม่มีอะไรทำมานั่งเฝ้ากระดาน พบปะพูดคุยก็มีครับ บางคนไปกดดูกราฟอีกต่างหาก ผมว่าก็ดีครับ ถือเป็นการฝึกสมอง ทำให้สมองไม่เสื่อมเร็วครับ

อย่างวิชา W ที่ผมเคยเล่าให้ฟังนั้น จุดเริ่มต้นส่วนหนึ่งมันก็ได้มาจากห้องค้านั่นแหละครับ สมัยนั้นมันมีหุ้น PERFEC ซึ่งก็คือ PF ในปัจจุบันนี่แหละครับ จำได้ว่าแม่ราคา 300 กว่าบาท แต่มี PERFEC-W1 ราคาแค่ 30 บาท วันนั้นหุ้นแม่มันวิ่งขึ้นแรง ๆ จำไม่ได้ว่าถึงซิลลิ่งหรือเปล่านะครับ เลยเห็นว่าลูกมันวิ่งกระหน่ำ ตั้งแต่วันนั้นก็มาหาความรู้เรื่อง W น่ะครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 463

โพสต์

ในปีนี้ผมเริ่มเข้าใจและเห็นความสำคัญของค่า PE มากขึ้นครับ แต่ต้องเป็น forward PE เท่านั้นนะครับ

ถ้าเราประเมินแล้วค่า forward PE มันต่ำมาก ๆ เช่น ต่ำกว่า 10 มาก ๆ และถ้าเราเอาจุด PE ต่ำกว่า 10 ลงมาคือหุ้นที่มีราคาถูก สุดท้ายหุ้นที่มี forward PE ที่ต่ำกว่า 10 มาก ๆ ก็มีโอกาสจะขยับขึ้นมาครับ จะมากน้อยก็อีกเรื่องหนึ่ง

แต่ความยากของมันก็คือ ข้อมูลที่เราวิเคราะห์มันต้องไม่ผิดพลาดครับ เพราะ forward PE มันก็คือการตีกำไรต่อหุ้นในอนาคตนั่นเองครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
theerasak24
Verified User
โพสต์: 614
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 464

โพสต์

ขออัปเดท การมิตติ้งวีไอภาคใต้เท่าที่จดและจำมาได้ครับเนื่องจากมาสาย นิดนึงครับ
ต้องขอโทษพี่ๆทุกท่านด้วยครับ พอเข้ามาเค้าก็แนะนำตัวกันไปหมดแล้ว อิอิ
มี่พี่ท่านนึงถามพี่ตี้ว่าช่วยบอกเทรนด์ ที่จะเกิดในอนาคตให้ซักหน่อย ประมาณ 5- 10 ปีครับ
พี่ตี้ตอบว่า ก็น่าจะเป็นพวกโรงพยาบาล เพราะเป็นสังคมคนสูงอายุ ครับ
พวกค้าปลีก ยังไปได้อีกไกลพอสมควร โดยเปรียบเทียบกับสังคมภูธร ยังไปได้อีกไกล สามารถขยายตัวได้อีกซักพักใหญ่ๆครับ
(แต่ที่จริงแล้วพี่ตี่ จะมองเป็นหุ้นรายตัวมากกว่า โดยจะมองไปที่ธุรกิจที่น่าจะโตไปอีก ประมาณ 5 ปี และดูที่มีเงินสดเหลือเยอะๆ ครับ )

พี่วรพงษ์ ก็เดี๋ยวนี้ไปซื้อหุ้นต่างประเทศ ครับ โดยที่พี่วรพงษ์ จะแนะนำพวก เทรนด์ การแพทย์ พลังงาน เทเลคอม(Data)
โดยการแพทย์ของอเมริกาจะเติบโตมาก โดยมาจาก นโยบาย โอบามาแคร์

และพีโจ แนะนำเกี่ยวกับการซื้อขายไว้ว่า
เวลาขาย จะขายเมื่อใด
-ขายเพราะเราคิดผิด เนื่องจากให้ค่าของหุ้นตัวนั้นเยอะมาก
- ขายเพราะ หุ้นตัวนั้นขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว เราเจอหุ้นตัวที่มูลค่าถูกกว่า เราก็ขาย
มุมมอง
ถ้าเรามองหุ้นตลอดเวลาก็มักจะเจอ หุ้นที่ดีครับ
อะไรที่แย่ๆ เกินจริงมักจะกลับมาดี อะไรที่ดีเกินจริง สุดท้ายจะแย่
มองหุ้นเป็นธุรกิจ หามูลค่าที่แท้จริง ให้ได้ มี mos และเข้าใจนายตลาด
รู้ว่าจะตายที่ไหน ก็อย่าไปที่นั่น
ซื้อด้วยเหตุผลอะไร ก็ควรจะขายด้วยเหตุผลนั้น
มองก่อนคนอื่นเสมอ เหมือนกับว่าไปจ่ายกับข้าตอนหัวรุ่ง (จะได้ของที่สด และใหม่กว่าคนอื่น)
หุ้นดีๆ มีเยอะ รอยาวๆ หน่อย เปิดหูเปิดตา เปิดใจ

ก็สรุปมาได้ประมาณนี้ครับ (ขากลับเกือบไม่ถึงบ้าน เพราะเลย 4 ทุ่มครับเข้าช่วงเคอร์ฟิวส์พอดี อิอิ )
"เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยังคงทำสิ่งต่างๆ ต่อไปตราบใดที่มันยังให้ความรื่นรมย์และคุณก็ทำมันได้ดี"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 465

โพสต์

ขอบคุณมากครับวี3
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
charun
Verified User
โพสต์: 351
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 466

โพสต์

theerasak24 เขียน:ขออัปเดท การมิตติ้งวีไอภาคใต้เท่าที่จดและจำมาได้ครับเนื่องจากมาสาย นิดนึงครับ
ต้องขอโทษพี่ๆทุกท่านด้วยครับ พอเข้ามาเค้าก็แนะนำตัวกันไปหมดแล้ว อิอิ
มี่พี่ท่านนึงถามพี่ตี้ว่าช่วยบอกเทรนด์ ที่จะเกิดในอนาคตให้ซักหน่อย ประมาณ 5- 10 ปีครับ
พี่ตี้ตอบว่า ก็น่าจะเป็นพวกโรงพยาบาล เพราะเป็นสังคมคนสูงอายุ ครับ
พวกค้าปลีก ยังไปได้อีกไกลพอสมควร โดยเปรียบเทียบกับสังคมภูธร ยังไปได้อีกไกล สามารถขยายตัวได้อีกซักพักใหญ่ๆครับ
(แต่ที่จริงแล้วพี่ตี่ จะมองเป็นหุ้นรายตัวมากกว่า โดยจะมองไปที่ธุรกิจที่น่าจะโตไปอีก ประมาณ 5 ปี และดูที่มีเงินสดเหลือเยอะๆ ครับ )

พี่วรพงษ์ ก็เดี๋ยวนี้ไปซื้อหุ้นต่างประเทศ ครับ โดยที่พี่วรพงษ์ จะแนะนำพวก เทรนด์ การแพทย์ พลังงาน เทเลคอม(Data)
โดยการแพทย์ของอเมริกาจะเติบโตมาก โดยมาจาก นโยบาย โอบามาแคร์

และพีโจ แนะนำเกี่ยวกับการซื้อขายไว้ว่า
เวลาขาย จะขายเมื่อใด
-ขายเพราะเราคิดผิด เนื่องจากให้ค่าของหุ้นตัวนั้นเยอะมาก
- ขายเพราะ หุ้นตัวนั้นขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว เราเจอหุ้นตัวที่มูลค่าถูกกว่า เราก็ขาย
มุมมอง
ถ้าเรามองหุ้นตลอดเวลาก็มักจะเจอ หุ้นที่ดีครับ
อะไรที่แย่ๆ เกินจริงมักจะกลับมาดี อะไรที่ดีเกินจริง สุดท้ายจะแย่
มองหุ้นเป็นธุรกิจ หามูลค่าที่แท้จริง ให้ได้ มี mos และเข้าใจนายตลาด
รู้ว่าจะตายที่ไหน ก็อย่าไปที่นั่น
ซื้อด้วยเหตุผลอะไร ก็ควรจะขายด้วยเหตุผลนั้น
มองก่อนคนอื่นเสมอ เหมือนกับว่าไปจ่ายกับข้าตอนหัวรุ่ง (จะได้ของที่สด และใหม่กว่าคนอื่น)
หุ้นดีๆ มีเยอะ รอยาวๆ หน่อย เปิดหูเปิดตา เปิดใจ

ก็สรุปมาได้ประมาณนี้ครับ (ขากลับเกือบไม่ถึงบ้าน เพราะเลย 4 ทุ่มครับเข้าช่วงเคอร์ฟิวส์พอดี อิอิ )
ขอเสริมประเด็น หุ้นที่จะเติบโตไปได้อีก 4-5 ปี บริษัทต้องมีเงินสดที่ดี มีหนี้สินต่อทุนต่ำ ผู้บริหารมีความรู้ ความสามารถ มีแผนงานที่จะนำเงินสดไปลงทุนต่อเพื่อเพิ่มรายได้ โดยการขยายสาขา หรือเพิ่มตัวสินค้า หรือทั้งสองอย่าง ธุรกิจนั้นต้องเป็น wealth หลักของผู้บริหาร เพราะผู้บริหารจะได้มุ่งมั่นและตั้งใจทำงาน ธุรกิจนั้นสามารถไปกินแชร์รายอื่นที่อ่อนแอกว่าได้ เงินสดนั้นบางทีอาจจะเริ่มจาก IPO ก็ได้ เช่นหุ้นกางเกงยีนส์ บางบริษัทมีเงินสดเยอะแต่ไม่ค่อยเอาไปทำอะไรแบบนี้ธุรกิจก็ไม่ค่อยเติบโต
Kaiser
Verified User
โพสต์: 1258
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 467

โพสต์

ชัดเจนเลยครับพี่จรัญ ขอบคุณครับ
กำลังรอท่านหมอหนึ่งมาเสริมประเด็นต่อนะครับ
dr1
Verified User
โพสต์: 842
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 468

โพสต์

Q1 57
Theme "ลุยไปเรื่อยๆ ใครไม่ไปตามใจ ใครไปด้วยก็ตามมา"
เที่ยวนี้ครบสามกุนซือ ฮก ลก ซิ่ว สามคอมม่า สามสไตล์ จุดหมายเดียวกัน
เรื่มจากปลอบใจและให้กำลังใจลูกศิษย์ก่อน

ดัชนีจาก1600กว่าลงมา1400 แต่ผอร์ทอ.new highเรื่อยๆ
ดัชนีลดลง300จุด แต่ถ้ากิจการที่ลงทุนดีจริง อย่างไรราคาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หุ้นวิ่งกระจาย(หุ้นอ.วิ่งกระจาย หุ้นลูกศิษย์วิ่งกระเจิงไปคนละทาง)
ดังนั้น"ความมั่งคั่งไม่ได้ขึ้นกับดัชนี ขึ้นกับเลือกหุ้นถูกตัว"
ถ้าไม่ถือหุ้นมากตัวเกินไป ก็ไม่อิงดัชนี ให้ยึดมั่นในหลักเลือกหุ้นดีที่ไม่แพงเกินไป
หุ้นแทบไม่ขึ้นลงทางการเมือง 100-200จุดเป็นแค่noiseมากกว่า
อารมณ์แย่ที่สุดวันแรก100%วันที่สอง20%วันที่สาม5%วันที่สี่ ผ่านไป
อย่างไรก็ตาม คนยังต้องกินต้องใช้

วิธีผ่านวิกฤติ
อ.ลูกอิสาน
แรกๆก็เข้าๆออกๆ(ฟังดูคงเสียวน่าดู) ต่อมาคิดว่าไร้สาระ เพราะไม่รู้ว่าแผ่นดินไหว วิกฤติมาวันไหน
อันไหนของจริงก็ไม่รู้ ดังนั้น
1. เตรียมใจว่าสักวันต้องเจอแน่
1.1 ถือเงินสด5-10%
1.2 ไม่กู้เงินซื้อหุ้นเด็ดขาด
หุ้นลง3%แต่เจ๊ง70%ได้ ถ้ากู้3-4เท่าตัว(มีโบรคตปท.ให้กู้ซื้อหุ้นไทย) รอด9ครั้ง แต่หมดตัวครั้งที่10ได้
สรุปว่า จะตายที่ไหน อย่าไปที่นั่น
2. เลือกเรือ(หุ้น)ที่ดี(แข็งแรง)ที่สุด จะฝ่าพายุไปได้ ถ้ารอดผ่านวิกฤติไปได้จะโตเร็ว
คนปรับผอร์ทบ่อย ผอร์ทจะแดงบ่อยตามอารมณ์นายตลาด
ตอนนี้เขียวสพรั่ง(นึกว่าตามสีเสื้อ แดง เหลือง เขียว ยังกะป้อมไฟจราจร)
มูลค่าบริษัทเรายังเหมือนเดิม โฟกัสที่มูลค่า ราคาก็แค่เปลี่ยนตามนายตลาด
3. ต้นทุนเสียโอกาสของการถือเงินสด กะชักเข้าชักออก เสียหายมหาศาล
ถ้าวิกฤติมาสิบปีหน เก้าปีที่โต30%น่าจะเกินสิบเท่า ปีเดียวที่เสียหาย50% ถ้ามัวรอก็ป้องกันได้แค่เท่าเดียว
ระยะยาวหุ้นโตปีละ10%เสมอ ใครจะช็อร์ตหุ้น ต้องสู้กับ10%ทุกปีตลอด
อ.บัฟเฟตบอก"long over short"

อ.worapong
เราไม่รู้ว่า"จุดวิกฤติ"อยู่ตรงไหนกันแน่(ฟังดูเหมือนไม่เป็นจุด แต่เป็นช่วงช่วง(ที่ไม่ใช่หลินฮุ่ย))
สับพราม ก็รู้นิดๆหน่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าแย่จริงตอนไหนแน่ ฟองสบู่จีน มาร์ค ฟาเบอร์ก็พูดอยู่ว่าใหญ่มากแต่ยังไม่แตกสักที
ดังนั้นเราต้องมองว่า หุ้นเรามีศักยภาพที่จะโตไปใน5-10ปี อีก1-2เท่า ราคาไม่แพง ปันผลใช้ได้ จะไม่กังวลมาก
แต่ถ้าเลือกหุ้นตามกระแส ตอนตลาดดีอาจเกาะกันไปได้ แต่ถ้าวิกฤติมาอาจซวยได้
แต่ถ้าเกิดวิกฤติจริงๆ กังวลไปก็ไม่ได้อะไร ก็เป็นโอกาสดี ที่จะได้พิจารณาว่าหุ้นเราดีจริงมั้ย
ขายตัวที่ไม่ดี เลือกตัวใหม่ที่ไปได้ทุกสถานการณ์และมูลค่าดีกว่า

อ.ty
เวลาลงทุนก็ลงทุนหุ้นรายตัว โฟกัสที่หุ้นมากกว่า ไม่ได้ดูดัชนี ดัชนีอาจลงจากวิกฤติ แต่หุ้นเรายังไปได้
วัฎจักรขึ้นลงแต่ละรอบ หุ้นแต่ละตัวก็แตกต่างกันไป ไม่เหมือนเดิมสักรอบ
วิกฤติรอบที่แล้ว หุ้นค้าปลีกโมเดิร์นเทรดยังมีฐานต่ำโตได้อีกมาก รอบนี้ฐานใหญ่แล้ว โตช้าลง
ก็มองหุ้นที่วันนี้ยังมีโอกาสโตเยอะไปข้างหน้า ถ้ามีวิกฤติ หุ้นเราอาจโตน้อยลง แต่ยังมากกว่าตัวอื่น
ในภาพใหญ่ยังกระจายหุ้นบ้าง แต่ก็คาดการณ์ไม่ได้ ถ้าเลือกหุ้นถูกตัวก็ยังไปได้ดี
หุ้นที่ยังไปอีก5-10ปี โรงพยาบาล สังคมสูงวัย ค้าปลีก lifestyleคนรุ่นใหม่ ที่กระจายออกต่างจังหวัด
ในอเมริกา ใช้เวลา30-40ปีถึงจะเป็นmoderntrade ได้ทั้งประเทศ
กิจการที่สนใจ
1.businessmodel ดี เข้าใจง่าย
2."ต้องมีเงิน" เหมือนเป็นinputเข้าไปในprocessข้อ1.
อย่างน้อยต้องไปได้อีก5ปี จากไอพีโอ แคชโฟลว์ติดลบ กำไรสะสม หรือค่าประกันชดเชยอะไรก็ตาม

รายงานตัวเฉยๆ ไม่ได้รายงานตัวเพิ่มเติม
เพราะไม่มีตัวเพิ่มเติม เหลือแต่ตัวเฉยๆ ส่วนตู..หมดไปสามตู..แล้ว
samatah
ภาพประจำตัวสมาชิก
theerasak24
Verified User
โพสต์: 614
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 469

โพสต์

charun เขียน:
theerasak24 เขียน:ขออัปเดท การมิตติ้งวีไอภาคใต้เท่าที่จดและจำมาได้ครับเนื่องจากมาสาย นิดนึงครับ
ต้องขอโทษพี่ๆทุกท่านด้วยครับ พอเข้ามาเค้าก็แนะนำตัวกันไปหมดแล้ว อิอิ
มี่พี่ท่านนึงถามพี่ตี้ว่าช่วยบอกเทรนด์ ที่จะเกิดในอนาคตให้ซักหน่อย ประมาณ 5- 10 ปีครับ
พี่ตี้ตอบว่า ก็น่าจะเป็นพวกโรงพยาบาล เพราะเป็นสังคมคนสูงอายุ ครับ
พวกค้าปลีก ยังไปได้อีกไกลพอสมควร โดยเปรียบเทียบกับสังคมภูธร ยังไปได้อีกไกล สามารถขยายตัวได้อีกซักพักใหญ่ๆครับ
(แต่ที่จริงแล้วพี่ตี่ จะมองเป็นหุ้นรายตัวมากกว่า โดยจะมองไปที่ธุรกิจที่น่าจะโตไปอีก ประมาณ 5 ปี และดูที่มีเงินสดเหลือเยอะๆ ครับ )

พี่วรพงษ์ ก็เดี๋ยวนี้ไปซื้อหุ้นต่างประเทศ ครับ โดยที่พี่วรพงษ์ จะแนะนำพวก เทรนด์ การแพทย์ พลังงาน เทเลคอม(Data)
โดยการแพทย์ของอเมริกาจะเติบโตมาก โดยมาจาก นโยบาย โอบามาแคร์

และพีโจ แนะนำเกี่ยวกับการซื้อขายไว้ว่า
เวลาขาย จะขายเมื่อใด
-ขายเพราะเราคิดผิด เนื่องจากให้ค่าของหุ้นตัวนั้นเยอะมาก
- ขายเพราะ หุ้นตัวนั้นขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว เราเจอหุ้นตัวที่มูลค่าถูกกว่า เราก็ขาย
มุมมอง
ถ้าเรามองหุ้นตลอดเวลาก็มักจะเจอ หุ้นที่ดีครับ
อะไรที่แย่ๆ เกินจริงมักจะกลับมาดี อะไรที่ดีเกินจริง สุดท้ายจะแย่
มองหุ้นเป็นธุรกิจ หามูลค่าที่แท้จริง ให้ได้ มี mos และเข้าใจนายตลาด
รู้ว่าจะตายที่ไหน ก็อย่าไปที่นั่น
ซื้อด้วยเหตุผลอะไร ก็ควรจะขายด้วยเหตุผลนั้น
มองก่อนคนอื่นเสมอ เหมือนกับว่าไปจ่ายกับข้าตอนหัวรุ่ง (จะได้ของที่สด และใหม่กว่าคนอื่น)
หุ้นดีๆ มีเยอะ รอยาวๆ หน่อย เปิดหูเปิดตา เปิดใจ

ก็สรุปมาได้ประมาณนี้ครับ (ขากลับเกือบไม่ถึงบ้าน เพราะเลย 4 ทุ่มครับเข้าช่วงเคอร์ฟิวส์พอดี อิอิ )
ขอเสริมประเด็น หุ้นที่จะเติบโตไปได้อีก 4-5 ปี บริษัทต้องมีเงินสดที่ดี มีหนี้สินต่อทุนต่ำ ผู้บริหารมีความรู้ ความสามารถ มีแผนงานที่จะนำเงินสดไปลงทุนต่อเพื่อเพิ่มรายได้ โดยการขยายสาขา หรือเพิ่มตัวสินค้า หรือทั้งสองอย่าง ธุรกิจนั้นต้องเป็น wealth หลักของผู้บริหาร เพราะผู้บริหารจะได้มุ่งมั่นและตั้งใจทำงาน ธุรกิจนั้นสามารถไปกินแชร์รายอื่นที่อ่อนแอกว่าได้ เงินสดนั้นบางทีอาจจะเริ่มจาก IPO ก็ได้ เช่นหุ้นกางเกงยีนส์ บางบริษัทมีเงินสดเยอะแต่ไม่ค่อยเอาไปทำอะไรแบบนี้ธุรกิจก็ไม่ค่อยเติบโต

ขอบคุณครับพี่จรัลชัดเจน ครับ
"เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยังคงทำสิ่งต่างๆ ต่อไปตราบใดที่มันยังให้ความรื่นรมย์และคุณก็ทำมันได้ดี"
cobain_vi
Verified User
โพสต์: 358
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 470

โพสต์

เอารูปงานมาอวดหน่อยสิครับ อยากเห็น ท่าทางคงจะสนุกมากๆ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
GG
Verified User
โพสต์: 96
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 471

โพสต์

theerasak24 เขียน:
charun เขียน:
theerasak24 เขียน:ขออัปเดท การมิตติ้งวีไอภาคใต้เท่าที่จดและจำมาได้ครับเนื่องจากมาสาย นิดนึงครับ
ต้องขอโทษพี่ๆทุกท่านด้วยครับ พอเข้ามาเค้าก็แนะนำตัวกันไปหมดแล้ว อิอิ
มี่พี่ท่านนึงถามพี่ตี้ว่าช่วยบอกเทรนด์ ที่จะเกิดในอนาคตให้ซักหน่อย ประมาณ 5- 10 ปีครับ
พี่ตี้ตอบว่า ก็น่าจะเป็นพวกโรงพยาบาล เพราะเป็นสังคมคนสูงอายุ ครับ
พวกค้าปลีก ยังไปได้อีกไกลพอสมควร โดยเปรียบเทียบกับสังคมภูธร ยังไปได้อีกไกล สามารถขยายตัวได้อีกซักพักใหญ่ๆครับ
(แต่ที่จริงแล้วพี่ตี่ จะมองเป็นหุ้นรายตัวมากกว่า โดยจะมองไปที่ธุรกิจที่น่าจะโตไปอีก ประมาณ 5 ปี และดูที่มีเงินสดเหลือเยอะๆ ครับ )

พี่วรพงษ์ ก็เดี๋ยวนี้ไปซื้อหุ้นต่างประเทศ ครับ โดยที่พี่วรพงษ์ จะแนะนำพวก เทรนด์ การแพทย์ พลังงาน เทเลคอม(Data)
โดยการแพทย์ของอเมริกาจะเติบโตมาก โดยมาจาก นโยบาย โอบามาแคร์

และพีโจ แนะนำเกี่ยวกับการซื้อขายไว้ว่า
เวลาขาย จะขายเมื่อใด
-ขายเพราะเราคิดผิด เนื่องจากให้ค่าของหุ้นตัวนั้นเยอะมาก
- ขายเพราะ หุ้นตัวนั้นขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว เราเจอหุ้นตัวที่มูลค่าถูกกว่า เราก็ขาย
มุมมอง
ถ้าเรามองหุ้นตลอดเวลาก็มักจะเจอ หุ้นที่ดีครับ
อะไรที่แย่ๆ เกินจริงมักจะกลับมาดี อะไรที่ดีเกินจริง สุดท้ายจะแย่
มองหุ้นเป็นธุรกิจ หามูลค่าที่แท้จริง ให้ได้ มี mos และเข้าใจนายตลาด
รู้ว่าจะตายที่ไหน ก็อย่าไปที่นั่น
ซื้อด้วยเหตุผลอะไร ก็ควรจะขายด้วยเหตุผลนั้น
มองก่อนคนอื่นเสมอ เหมือนกับว่าไปจ่ายกับข้าตอนหัวรุ่ง (จะได้ของที่สด และใหม่กว่าคนอื่น)
หุ้นดีๆ มีเยอะ รอยาวๆ หน่อย เปิดหูเปิดตา เปิดใจ

ก็สรุปมาได้ประมาณนี้ครับ (ขากลับเกือบไม่ถึงบ้าน เพราะเลย 4 ทุ่มครับเข้าช่วงเคอร์ฟิวส์พอดี อิอิ )
ขอเสริมประเด็น หุ้นที่จะเติบโตไปได้อีก 4-5 ปี บริษัทต้องมีเงินสดที่ดี มีหนี้สินต่อทุนต่ำ ผู้บริหารมีความรู้ ความสามารถ มีแผนงานที่จะนำเงินสดไปลงทุนต่อเพื่อเพิ่มรายได้ โดยการขยายสาขา หรือเพิ่มตัวสินค้า หรือทั้งสองอย่าง ธุรกิจนั้นต้องเป็น wealth หลักของผู้บริหาร เพราะผู้บริหารจะได้มุ่งมั่นและตั้งใจทำงาน ธุรกิจนั้นสามารถไปกินแชร์รายอื่นที่อ่อนแอกว่าได้ เงินสดนั้นบางทีอาจจะเริ่มจาก IPO ก็ได้ เช่นหุ้นกางเกงยีนส์ บางบริษัทมีเงินสดเยอะแต่ไม่ค่อยเอาไปทำอะไรแบบนี้ธุรกิจก็ไม่ค่อยเติบโต

ขอบคุณครับพี่จรัลชัดเจน ครับ
ขอขอบคุณพี่ Theerasak และพี่จรัลมากๆครับ ที่นำข้อมูลมาแชร์ เป็นประโยชน์มากๆเลยครับ ส่วนใหญ่พี่ตี้จะชัดเจนในการเน้นบริษัทที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาวเสมอ คู่แข่งเข้ามาแข่งยาก เน้นผู้ชนะ อันนี้เท่าที่ผมจำได้จาก meeting คราวก่อนนู่นที่ผมไปร่วมงานมา จะเป็นเนื้อหาที่พี่ Theerasak และ พี่ จรัลเอามาแชร์เลยคร้าบบบ :D
How not to be your own worst enemy
GG
Verified User
โพสต์: 96
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 472

โพสต์

ขอขอบคุณพี่หมอหนึ่งด้วยน่ะครับ ข้อมูลมีประโยชน์มากๆครับ :D
How not to be your own worst enemy
dr1
Verified User
โพสต์: 842
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 473

โพสต์

ขอบคุณพี่charunด้วยครับ
ท่านtheerasak24นั่งฟังทางอ.ลูกอิสาน มีไรเพิ่มเติมมาด้วยนะฮะ ได้ยินเสียงฮาเป็นพักๆ ท่าจะหรอยได้แรง
ท่านcobainฮะ ตั้งแต่ประชุมมาสองปี จำได้ว่าถ่ายรูปครั้งสองครั้งเองมั้งฮะ ตอนรับตำแหน่งนายกใหม่ๆครั้งโน้น
ผมเองก็ไม่เคยไปประชุมที่อื่น เลยไม่รู้ว่าต่างกันมั้ย แต่ตอนที่คึกคักมากๆตามดัชนีน่ะ
สมาชิกมาจากหลายแห่ง ผมว่าเค้าออกจะเกร็งๆเก๊กๆใส่กันหน่อยนะฮะ เพราะไม่รู้ว่าแต่ละคนคิดไงบ้าง
เที่ยวนี้เหลือแต่คนหน้าเดิมๆ อ.เลยได้บ่องตงเต็มที่หน่อยฮะ เพราะอ.รู้ว่าพวกเรามารอลอกหุ้นเป็นหลักเลย ฮา..
ท่านGGฮะ เที่ยวนี้อ.ลูกอิสานสั่งเลย ว่าโพสต์อะไร ห้ามพาดพิงถึงตัวเด็ดขาด ผมเลยต้องมานั่งฟังอ.tyซะส่วนใหญ่
โดยมีสายตาเป็นห่วง(ห่วงอ.ty ว่าจะโดนผู้แส่ข่าวเต้าข่าวจนเละ)ของอ.ลูกอิสานมองอยู่ห่างๆฮะ ฮา..
โถ..ทูนหัวของลูกศิษย์.. งี้ถ้ามีใครมาพาดพิง(แปลว่าด่า)อ.ที่พวกเราหวง ผมจะได้กัด เอ๊ยด่าตอบมั่งไงฮะ แง่งง...
ซ้อมๆดูก่อน เวลามีใครว่า"ไอ้อาจารย์บ๊องส์.." ผมจะรีบโต้ไปว่า"ไอ้เสื้อ ไอ้กางเกง ไอ้กางใน"(ด่าเป็นชุดเลยฮะ)

เรื่องหุ้นกางเกงน่ะ มีไอเดียมาเพิ่มพอสมควรเลยฮะ
ไอพีโอได้เงินมาสามพันล้าน ไปได้อีกสิบปี เปิดปีละร้อยสาขากินส่วนแบ่งตลาดล่างไปเรื่อยๆ
เพราะคนรุ่นใหม่ไม่เดินเพิงสังกะสีแล้ว เข้าห้างกันหมด วันหลังตังค์ไม่พอ ขายโรงงาน จ้างผลิต กู้เพิ่มได้อีก
เพราะคิดว่ายังเป็น"จุดเริ่มต้นของโมเดิร์นเทรดเสื้อผ้า"อยู่ อีกยี่ห้อนึงเจ้าเดิม(ถุงตัว) ไม่ใช่ธุรกิจหลักของเจ้าของ
กำไรต่างกันสิบเท่า(2%กะ20%) อาจเพราะค่าลิขสิทธิ์ ความเข้าใจรสนิยมลูกค้า ๆลๆ
1. Npm20%ที่สงสัยว่าดีเกินจริง? น่าจะทำได้ในระยะยาวจาก
1.1 โรงงานเอง ผลิตเอง
1.2 ขายเอง เพิ่มช่องทาง สินค้า(ชุด accessory) จุดขายขึ้นเรื่อยๆ
1.3 เจ้าของยี่ห้อเอง ไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์
1.4 npm20% น่ะคิดมาจากราคา50%แล้ว(ป้ายตั้งเผื่อลด)
2. วิธีโต จากmoderntrade เพราะตอนนี้ แม้ล้างรถ ธนาคาร คลินิค อยู่บนห้างหมดแล้ว
เสื้อผ้าก็เหมือนกัน แม้ฝรั่ง ญี่ปุ่นมา แต่ยังเป็น blue ocean สำหรับห้าง
เพราะบนห้างแข่งกันไม่เกิน4-5ยี่ห้อ แต่ถ้าแบกะดินมีเป็นร้อยยี่ห้อ ลูกค้ารุ่นใหม่ไปห้างหมด
คงกินตลาดล่างไปเรื่อยๆจนกว่าโมเดิร์นเทรดจะแข่งกันเอง
3. เงินจากไอพีโอ เอามาขยายในbusiness model แบบนี้ไปได้เรื่อยๆ
พัฒนาดีไซน์ ชนิดสินค้า เช่นเสื้อผ้าสตรี เครื่องประดับ แม้กระทั่งวิธีพับกางเกง จัดวางดิสเพลย์ ๆลๆ
4. เจ้าของ แม้จะเป็นอดีต?(อ.ละเอียดจริงๆ)คนในครอบครัว แต่ก็หาผบห.จนได้คนที่ใช่
Epsปีหน้า น่าจะราวๆ1.08-1.10 ปีนี้0.8
PE จะให้เท่าไรแล้วแต่ ตอนซื้อสัก10ก็โอเค
แต่หุ้นเพชรตัวที่แล้ว ตอนแรกก็สิบกว่าขึ้นไปเรื่อยๆจนยี่สิบได้แล้ว มโนกันเองนะ(อันหลังนี้ผมว่าเอง เริ่มใส่ไข่ อิอิ)

ผู้แส่ข่าว รายงานมั่วๆ เพราะต้องรีบมั่วถูกๆผิดๆ ก่อนอดนิรโทษกรรม..
samatah
ภาพประจำตัวสมาชิก
theerasak24
Verified User
โพสต์: 614
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 474

โพสต์

ขอบคุณท่านอาจารย์ดอกเตอร์หนึ่งครับ ทางฝั่งอาจารย์ตี้ ก็มีเนื้อหาเยอะมากเลยครับ สังเกตุจากอาจารย์พูดไม่ได้หายใจเลยครับ
ส่วนฝั่งนี้ไม่มีอะไรมากครับ ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องสาวๆๆ ก็เลย ปล่อยฮากันเยอะหน่อย (พอลอกหุ้นได้แล้วก็คุยแต่เรื่องสาระทุกข์สุขดิบครับ ฮ่าๆๆๆ)
"เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยังคงทำสิ่งต่างๆ ต่อไปตราบใดที่มันยังให้ความรื่นรมย์และคุณก็ทำมันได้ดี"
GG
Verified User
โพสต์: 96
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 475

โพสต์

พี่หมอหนึ่งครับ สุดยอดตรรกะการวิเคราะห์หุ้นจากอ.พี่ตี้เลยครับ ทำให้ผมเห็นภาพเลยครับ (ภาพตัวเองที่ยังเป็นอะไรก็ไม่รู้ ต้องฝึกอีกเยอะ ฮ่า.. ฮ่า..) ละเอียดจริงๆครับ ใช้มุมมองการวิเคราะห์อย่างเจ้าของจริงๆ ทุกแง่ทุกมุม ผมยังวัยรุ่นแท้ๆ ยังมองไม่ออกเหมือนพี่ตี้เลยครับ ทั้งๆที่มีโอกาสใกล้ชิดกับสินค้ามากกว่า เป็น Case การวิเคราะห์ที่เยี่ยมไปเลยคร้าบบบ

ปล. เอาอีกๆครับพี่หมอหนึ่ง อยากได้ case มาฝึกคิดอีกครับ จะได้เก่งๆกับเค้าบ้าง ไม่ต้องบอกเป็นชื่อหุ้นก็อได้ครับ ขอแบบแค่เป็นแนวทางไปคิดต่อยอดเองก้อได้ครับ ส่วนตอนนี้ขอไปฝึกคิดเอง เออเอง เข้าข้างตัวเองก่อนน่ะคร้าบบ :mrgreen:
How not to be your own worst enemy
charun
Verified User
โพสต์: 351
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 476

โพสต์

dr1 เขียน:

กิจการที่สนใจ
1.businessmodel ดี เข้าใจง่าย
2."ต้องมีเงิน" เหมือนเป็นinputเข้าไปในprocessข้อ1.
อย่างน้อยต้องไปได้อีก5ปี จากไอพีโอ แคชโฟลว์ติดลบ กำไรสะสม หรือค่าประกันชดเชยอะไรก็ตาม
ขอเสริมหมอหนึ่งเรื่องบริษัทที่ได้เงินสดจากค่าประกันชดเชย คือมีบริษัทหนึ่ง เป็นบริษัทที่ทำ EMS.อิเล็กทรอนิคส์ส่งออก เคยผ่านวิกฤตเรื่องน้ำท่วมมาได้ ได้เงินประกันจากน้ำท่วมหลังจากจ่ายหนี้แล้วมีเงินสด 2 พันกว่าล้าน ผู้บริหารเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็น wealth หลัก ผู้บริหารมีความรู้ความสามารถ มีความตั้งใจที่จะนำเงินสดไปลงทุนต่อ เปรียบเหมือนได้เงิน IPO อีกรอบหน่ึง order เริ่มกลับมา โรงงาน 1 ค่อนข้างจะเต็ม โรงงาน 2 เริ่ม renovate โรงงานที่ MEXICO กำลังอยู่ในช่วงศึกษา กฏหมาย และเลือกที่ตั้งโรงงาน เพื่อผลิตสินค้าไปขายลูกค้ารายใหญ่ที่ USA. บริษัทแบบนี้น่าจะเติบโตไปได้สักช่วงหนึ่ง นี่เป็นการมองเชิงคุณภาพ ส่วนราคาหุ้นถูกหรือแพง ก็ต้องทำ Valuation ดูนะครับ
dr1
Verified User
โพสต์: 842
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 477

โพสต์

ขอบคุณพี่charunครับ
ท่านGGฮะ ไอเดียเรื่องอื่นๆก็มี
เงินสด
สำคัญว่าต้องมีที่ลงทุนให้งอกเงย
บางบ.เงินสดเยอะแต่ไม่ได้ไปทำอะไร ไม่มีที่ใช้ ราคาก็ไม่ไปไหนด้วย
เช่น บ.ขายสารเคมีคู่กะตู้เซฟ บ.ทำเส้นใย บ.ซ่อมเรือ
หุ้นรับเหมา
ต้องรอซื้อตอนต่ำๆ ขาดทุนเยอะๆจากตกงาน ถูกมากๆค่อยซื้อ แล้วถามผบห.ว่าได้งานเมื่อไหร่
หุ้นคอมโม
พวกที่ราคาคอมโมผันผวนมากๆ จะมีกำไรขาดทุนสต็อคตลอด บางบ.ถึงกับเอามาเล่นแก้ง่วงได้เลย
แต่ให้ดูปริมาณขายเป็นหลัก มากขึ้น ส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นเรื่อยๆก็โอเค
หุ้นลิสซิ่ง
DE ต่ำๆ ปล่อยกู้เพิ่มได้
NPLต่ำๆ กำไรดี
หุ้นที่ผลตอบแทนดี
1. โตสูงซื้อถูก โมเดิร์นเทรดขยายสาขาเรื่อยๆ
ถ้าซื้อตอนพีอีสูง ตลาดรับรู้เรียบร้อย ผลตอบแทนได้เด้งเดียวจากการเติบโต พวกกองทุนหากินแบบนี้
2. พวกturnaround หรือออกจากrehab
ขายถังแกส ใช้หนี้โรงเหล็ก ขายเคร่่ืองใช้ไฟฟ้าแล้วเปลี่ยนไปขายเครื่องสำอาง โรงงานขายให้กองทุน
3. พวกวัฎจักร ขึ้นกับdemand supply
โรงงานฟิล์มที่เหลือโรงเดียว เรือ พลาสติก
พวก2. 3. มีจังหวะกระชากจากกำไรสูงๆในบางปี แต่ไม่แข็งแกร่ง ไม่ยั่งยืน
ประเมินมูลค่า
"PEง่ายสุด DCFยากเกิน สุดท้ายstoryสำคัญว่า"
แนวคิดเรื่องการลงทุน
การลงทุนเป็น"ความเชื่อในการมองไปข้างหน้า"(ฟังดูหนักแน่นกว่าสมมติฐาน)ว่า
ทุกปี เศรษฐกิจต้องโตขึ้นไปเรื่อยๆกว่าอดีต ใครมาเป็นรัฐบาลเปลี่ยนกี่ยุค คนก็ยังต้องกินต้องใช้ทำมาหากินกันต่อไป
กิจการไหนจะล่มสลายไปแน่นอนก็คงต้องทิ้ง อะไรที่โตขึ้นก็ลงทุนต่อไป อะไรที่เป็นวัฎจักรที่รอนานมากก็อาจขายไปก่อน
ดูหุ้นทั้งตลาด เอามาเรียงกันแล้วเลือก5ตัวที่กำไรดีที่สุด
หุ้นถ้าเข้าใจยาก พูดให้ตัวเองเข้าใจไม่ได้ ก็ไม่ซื้อ หุ้นขึ้นก็ไม่เสียดายอะไร ถือว่านอกขอบข่ายของเรา
ทุกคนมีเวลาเท่ากันหมด แต่ผอร์ทโตเร็วต่างกันที่ความสามารถในการลงทุน
ความเก่ง
วัดกันที่"โตเร็วภายใต้ความเสี่ยงที่ควบคุมได้"(ฟังดูคล้ายขับรถแข่งความเร็วสูงโดยไม่ชนหรือคว่ำไปก่อน)
เซียนที่มั่นใจจะชอบเล่นท่ายาก หุ้นแปลกๆ ขุดหาหุ้นที่คนยังไม่รู้ คาดหวังupside40-50% เป็นอย่างต่ำ
มีโอกาสเจ็บตัว ขาดทุนก็อาจเงียบๆไป(ภาพประกอบอ.ty ทำหน้าเฉยๆเหมือนทุกครั้ง)
อาจไม่จำเป็นต้องเลียนแบบ ถ้าหาหุ้นยาก ขาดทุนทุกปีก็เลิกเหอะ
อะไรที่ไม่รู้เช่นการเมือง พลิกไปพลิกมา ก็ช่างเถอะ เอาเวลามาดูหุ้นเราว่ามีจุดเปลี่ยนอะไรบ้างดีกว่า
ผอร์ทแดงบ้าง แต่ถ้าเราคิดถูก พอหมดเหตุการณ์ที่มากระทบ กำไรมาเยอะแยะเอง สุดท้ายก็น่าจะชนะในระยะยาว

"สำคัญคือ ต้องเข้าใจธุรกิจจนประเมินอนาคตได้"

ช่วยๆกันมาเติมนะครับ ถ้ายังขาดอะไรไป
samatah
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 478

โพสต์

ขอแจมหลวงลุงนิด

1 เราต้องรู้ว่าเราเก็งกำไรหรือลงทุน
2 ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่เราจะเป็นนักเก็งกำไร นกกร นั้นมีหลายรูปแบบเช่นเก็งกำไรรายไตรมาส เก็งผลประกอบการ เก็งกำไรปัจจัยพื้นฐานของหุ้นคอมโม เก็งสตรีล่อ เอ๊ยสตอรี่
3 ซื้อเพราะอะไรขายเพราะสิ่งนั้น เช่นซื้อเพราะว่ามีสตอรี่ว่าเสี่ยจะเข้าเจ้าจะลงผลที่สุดแลัวไม่มาตามนัดหรือมาตามสัญญา
4 ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะเป็น นลท
5 ไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องเห็นด้วยกับเซียนหรือนักวิเคราะห์เพราะเค้าเหล่านั้นก็ไม่ได้บอกเราทุกครั้งที่ซื้อหรือขาย
6 ซื่อสัตย์กับตัวเองตอนแรกกะเก็งผลประกอบการพอไม่เป็นอย่างที่คิดหุ้นกลายร่างเป็นวีไอซะงั้น งงดิ
7 หุ้นมันไม่เป็นแบบที่เราคิดหลอก เพราะฉะนั้นต้องมีแผนสองเสมอ แต่จะใช้แผนสองเมื่อไรกลับไปดูเหตุผลข้อสองของเราและซื่อสัตย์กับมัน
8 อย่ากระจายเกินไป
9 อย่ากระจุกเกินเหตุ
10 มีเพื่อนเข้าไว้ฟังแล้วก็ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ
11 แรงบันดาลใจนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ความขี้อิจฉาทำให้เราไม่มีความสุข
12 กอล์ฟ การปฏิบัติธรรมและหุ้น สามารถแซงกันได้หมด คุณวุฒิวัยวุฒิจบไรมาไม่เกี่ยวหลอก
13 เมียเข้าใจเรา
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 479

โพสต์

หลัง ๆ ผมไม่พยายามจำแนกว่าตัวเองเป็นแบบไหนครับ นลท.หรือนักเก็งกำไร ยังไงก็ได้ครับ "ขอแค่ให้มีกำไร" ไม่รู้ว่าขอเกินไปหรือเปล่า :D

เน้นหุ้น downside risk ต่ำ (อันนี้สำคัญสุด) upside สูง, forward PE ต่ำ แค่นี้จริง ๆ ครับ

ไม่เน้นหุ้น PE สูง ประเภทให้ค่าพรีเมี่ยม ไม่นิยม

story สำคัญพอ ๆ กับตัวเลข ดูงบเน้นแค่ว่าไม่ให้มี "ความหายนะ" ซ่อนอยู่กับเพื่อ confirm ปัจจัยบวกบางอย่าง

ไม่ชัวร์ไม่ซื้อ เพราะแบบที่เคยบอก "ไม่ซื้อไม่ขาดทุน" ส่วน "ไม่ขายไม่ขาดทุน" โดยส่วนตัวมันเหมือนคำปลอบใจของคนที่ "ดอย" มากกว่า

รอจังหวะเน้น ๆ ถึงจะเจอหุ้นเจ๋ง ๆ แค่ Q ละ 1 ตัวก็คุ้มครับ ไม่ยิงนกตกปลาพร่ำเพรื่อ

มีหุ้นอยู่ในลิสต์หลาย ๆ ตัว (อาจจะดูค้านกับข้อบรรทัดข้างบน แต่ยังเป็นกรอบแนวทางเดียวกันอยู่) รู้ว่าตัวไหนมีอะไรดี ควรจะเข้าเมื่อไหร่ ประเภทเข้าไปแช่ตัวในอ่างรอ catalyst เป็นปี ๆ แบบนี้ไม่เอา เพราะถือว่าใช้ทรัพยากรเงินไม่คุ้มค่า

ถ้าซื้อแล้วมันไม่เป็นไปตามคาด ถ้าไม่แย่ขนาดพื้นฐานเปลี่ยน ก็ไม่นิยมคัทลอส เพราะยึดเรื่อง downside risk อยู่แล้ว ถ้าติดลบก็ติดลบไม่มาก รอหุ้นตีขึ้นค่อยขาย ยกเว้นว่าจะเจอตัวที่ upside สูงกว่าแล้วเงินหมด เพราะยึดหลัก ถ้าขาดทุน 50% จะต้องกำไร 100% ถึงจะได้ทุนคืน

ซื้อหุ้นให้ "หมดตัว" จะว่ายากก็ยาก (ถ้าระวังดี ๆ) จะว่าง่ายก็ง่าย (ถ้าไม่ดูอะไรเลย เก็งกำไรลูกเดียว และใช้อารมณ์)

อย่าพยายามจับจังหวะตลาดมาก ล่าสุดเห็น ๆ ว่าใครขายเปิดหลังวันรัฐประหารวันแรก "เงิบ"

เน้นหุ้นรายตัวมากกว่าตลาดโดยรวม เพราะเชื่อว่า ของถูกมีตลอด แต่ต้อง "ตาดี" ด้วย ตาจะดีได้ ต้องมีความรู้บวกประสบการณ์ เน้นพรแสวง พรสวรรค์ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

ประสบการณ์ส่วนตัวเท่าที่สังเกตหุ้นที่คนสนใจมาก ๆ มักให้ผลตอบแทนไม่ดี แต่หุ้นที่ไม่ค่อยมีใครสนใจมักจะเป็น "บ่อปลาร้างที่มีปลาชุกชุม"

อย่าเชื่อปัจจัยบวกที่คนพยายามโพสต์ในหุ้นตัวนั้นทั้งหมด จงหาข้อมูลเอง ตรวจสอบว่าจริงหรือมั่ว โดยเฉพาะข้อมูลที่อ้างว่าได้คุยกับคนในบ. เพราะบางเรื่องคนโพสต์ใส่ความ bias ส่วนตัวเข้าไป หรือมีอะไรแอบแฝงอยู่
"Become a risk taker, not a risk maker"
cobain_vi
Verified User
โพสต์: 358
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 480

โพสต์

leky เขียน:หลัง ๆ ผมไม่พยายามจำแนกว่าตัวเองเป็นแบบไหนครับ นลท.หรือนักเก็งกำไร ยังไงก็ได้ครับ "ขอแค่ให้มีกำไร" ไม่รู้ว่าขอเกินไปหรือเปล่า :D

เน้นหุ้น downside risk ต่ำ (อันนี้สำคัญสุด) upside สูง, forward PE ต่ำ แค่นี้จริง ๆ ครับ

ไม่เน้นหุ้น PE สูง ประเภทให้ค่าพรีเมี่ยม ไม่นิยม

story สำคัญพอ ๆ กับตัวเลข ดูงบเน้นแค่ว่าไม่ให้มี "ความหายนะ" ซ่อนอยู่กับเพื่อ confirm ปัจจัยบวกบางอย่าง



แล้วถ้าหุ้นที่เราถือให้เงินปันผลปีนึง1x-2x% ถ้าเป็นพี่lekyจะขายไหมครับ (หรือว่าขายไปแล้วหาตัวที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า)
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา