หน้า 16 จากทั้งหมด 160
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 11:46 am
โดย Wvix
เผอิญ พิมพ์ลง Note Pad แล้วแปะเลยไปครับ กะว่าจะเอาไปตั้งกระทู้ใหม่ครับ สำหรับข้อความข้างล่างนี้
อยากถามพี่ๆครับว่าพี่มีหลักการยังไงเวลาคิดราคาหุ้นที่ Diluted เวลามี Warrant ที่ถูกแปลงสภาพถูกแปลงสภาพมาซื้อขายในตลาดเราจะคิดราคาหุ้นที่ใช้ Trade ใหม่ยังไงครับ (ตลาดไม่กำหนดราคาให้ Trade ใหม่แต่จริงๆผมว่าต้องคิดนะครับ)
ผมไป Search เจอ กระทู้นี้ครับคิดถูกมั้ยครับ
http://www.thaivalueinvestor.com/webboa ... php?t=1492
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 12:01 pm
โดย Mon money
ผมเชื่อว่าคุณWvix ยังคงเป็นVIพันธุ์แท้เหมือนผมกับคุณวิบูลย์อยู่แน่ๆ
ROE ในเรื่องนี้ผมเคยคุยเอาไว้นานมากแล้วครับ และก็เป็นจริงๆอย่างที่ว่า
นอกจาก กำไรที่จะสะสมเข้ามาตลอดแล้วสิ่งที่ควรมองอีกอย่างก็คือเงินสดครับ หากมันมีมากและไม่ทำอะไร มันจะสร้างมูลค่าได้ต่ำกว่าการลงทุนในโครงการดีๆ
ลองไปดูกรณี TPCORPที่ROEสูงต่อเนื่องมานาน น่าจะเป็นCase ได้ แต่เอาเป็นCaseเท่านั้นนะ
คุณวิบูลย์ครับ คงไม่ต้องห่วงเรื่องชี้นำหรอกครับ ตอนนี้ไม่มีใครสนแนวVIชั่วคราวแล้วละ web เงียบยังกับป่าช้าเลย ตอนนี้Mr.Market กำลังควบคุมสถานการณ์อยู่ Mr.VIทั้งหลายนั่งตบยุงได้ครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 12:35 pm
โดย VIB007
คุณมนครับ
ผมตบจนไม่มียุงให้ตบแล้วครับ
มิน่า ช่วงนี้ไม่มีคนโพสคุยด้วยเลย
พี่ปรัชญาก็หายไปแล้ว
พี่เจ๋งก็ประกาศว่าเล่นเก็งกำไร
อิ อิ
ตอนนี้
ผมแทบจะทนแรงกดดันรอบข้าง
ไม่ไหวแล้ว
ญาติมาบอกว่าเขาได้ไปแล้วหลายล้าน
วันนึงได้เป็นแสน
แถมบอกหุ้นเด็ดให้ซื้อ
ผมก็ดีใจกับเขาด้วย
แต่ไม่ได้ซื้อตาม
พอวันรุ่งขึ้น
มันขึ้นจาก 12 บาทเป็น 19 บาทหน้าตาเฉย
ผมก็โดนซิครับ
หาว่าเอาแต่หลักการ
มันกินได้หรือเปล่า
เงินนะเอาไปซื้อขนมกินได้ไม่อดตายน่ะ(โว๊ย)
ผมก็คอตก
แล้วบอกอ้อมแอ้มว่า
ผมเก็งกำไรไม่เป็นครับ
อาจารย์ไม่ได้สอน
แล้วไม่มีเวลาเฝ้าราคา
ผมถนัดเอามือซุกกระเป๋า
แล้วให้เงินทำงานแทนผมมากกว่า(ครับ)
ถึงวันนี้ พอร์ตผมมีกำไรไม่ขาดทุน
บริษัทผมมีผลประกอบการที่ดี
ผมก็พอใจแล้วครับ
ผมชี้ให้ดูครับ
ว่าหุ้นที่บอกมี P/E เท่าไหร่
P/E =56 ครับ
ห้าสิบหกครับ ขอย้ำไม่ได้พิมพ์ผิด
ผมบอกว่า ผมซื้อไม่ลงครับ
ถ้าพรุ่งนี้มันจะขึ้นไปอีก
ผมก็ซื้อไม่ลง
เพราะผมคิดแบบท่าน ดร.นิเวศน์นะครับ
ถ้าไม่กล้าถือห้าปี ห้านาทีก็ไม่ถือ
นักเก็งกำไรไม่เข้าใจหรอกครับ
สำหรับนักเก็งกำไร
ถ้ามีโอกาสแค่หนึ่งนาทีก็ต้องเอา
นาทีต่อไปว่ากันใหม่
มีเรื่องเล่าเรื่องนึง
วันก่อนที่ไปกินบุฟเฟต์ญี่ปุ่น
มีท่านนึงบอกว่า
มีหุ้นตัวหนึ่งน่าถือลงทุนระยะกลาง
ก็มีคนถามว่าระยะกลางนี่นานแค่ไหน
ท่านก็ตอบว่า
...........สามอาทิตย์
แป่ว......วววววววววววววววว
กลับมาที่ของเราครับ
นอกเรื่องไปเยอะ
TPCORP ผมไม่มีความรู้ครับ
ไม่ได้มีความรู้เรื่องสิ่งทอ
ก็เลยไม่รู้ว่าบริษัทสิ่งทอจะสู้เสื้อผ้าจากจีน
ได้อย่างไร
ตอบไม่ได้เลยไม่ลงทุนในสิ่งทอ
ส่วนเรื่อง ROE ของคุณ Wvix
ผมคิดว่า
บริษัทไหนมี ROE 20-30%
เท่าเดิมทุกปีเป็นเวลาสัก 5-10 ปี
ผมว่าสุดยอดแล้วครับ
ถ้าผมเป็นผู้บริหารผมก็นึกไม่ออกเหมือนกัน
ว่าจะทำอย่างไรให้กำไรวิ่งตามส่วนผู้ถือหุ้นทัน
บางครั้งบริษัทมี ROE สูงๆ จะเรียกว่า
มีทุกขลาภก็ได้นะครับ
จะเอาไปลงทุนก็ต้องคิดแล้วคิดอีกว่า
ผลตอบแทนจะสูงกว่าเดิมหรือเปล่า
ไม่งั้นกลายเป็น Grwoth Destroy Value ไป
ส่วนเรื่อง Warrant เอามาคุยที่นี่ก็ได้ครับ
ถึงแม้ผมไม่ถนัดเรื่อง Warrant ครับ
ส่วนตัวผม
ผมคิดว่าบริษัทที่ออกหรือแจก Warrant
ก็เพื่อดันราคาหุ้นระยะสั้น
โดยไม่ได้คิดถึงผลกระทบระยะยาว
เพราะจะทำให้มีจำนวนหุ้นมากขึ้น
มาแบ่งผลกำไรของผมลง
ถ้าให้ดี ผมชอบบริษัทที่มีหุ้นลดลงมากกว่า
ถ้าเลือกได้ ผมจะไม่ลงทุนในบริษัทที่มี Warrant เลย
ดังนั้น ผมก็ไม่สนใจที่จะคำนวณ Warrant Dilution effect ครับ
เปลืองพลังงาน
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 12:46 pm
โดย Mon money
ที่ยกเอาTPCORPมาเพราะ ROE สูงในระดับ 25-30%มาหลายปีครับ หากเราเอาตัวเลขของเขามาเป็นcaseก็น่าจะเห็นแนวทางที่ผู้บริหารใช้ในการจัดการกับกำไรสะสมที่เพิ่มพูนขึ้น แต่ก็สร้างROEได้สูงไม่ตกไปง่ายๆ น่าลองดูครับ
เรื่องเก็งกำไรก็ปล่อยเขาไปเถิดครับ ยังคงเป็นอย่างนี้ไปอีกไม่ต่ำกว่า 4-5ปีโดยความรู้สึกของข้าน้อย เราคงต้องนั่งคุยกันเรื่องหลักการให้คนอื่นรำคาญอีกไม่ต่ำกว่า4-5ปีนะครับ อย่าเพิ่งท้อใจไปเลย
ที่จริงก็ใช่ครับ เงินเอาไว้ใช้ได้ อย่าน้อยก็ทำให้ผมได้รถใหม่เร็วขึ้น แต่ผมก็ไม่ถนัดใจจะไปร่วมวงกับเขาเลย เห็นค่าต่างๆแล้วมันปอดแหกจริงๆ ขนาดหุ้นที่ผมคิดว่าดี แต่ราคามันสูงไปยังไม่อยากเก็บ นับประสาอะไรกับหุ้นร้อนๆจะเก็บลง หากเก็บอย่าว่าแต่สามอาทิตย์เลย สามนาทีก็แย่แล้วครับ
ผมเห็นหุ้นก้นบุหรี่ตัวหนึ่งของผม วันนี้ราคาวิ่งร้อยเมตรแล้วดูเหมือนจะยังไม่หมดแรง ยังใจสั่นเลย โอย.....เอาเถิดครับ ผมทำไม่ได้แน่ๆ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 12:59 pm
โดย VIB007
คุณมน
ผู้บริหาร TPCORP ทำอย่างไรให้
ROE สูงต่อเนื่องหลายๆปี
หวังว่าคงไม่ใช่การแต่งบัญชีน่ะ
อยากรู้จริงๆครับ
ขอเป็นวิทยาทาน
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 1:05 pm
โดย Mon money
ผมเองดูแค่ตัวเลขย้อนหลังถ้าเอาจริงๆต้องเอาข้อมูลมานั่งศึกษากันครับ ซึ่งช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะหาความรู้ครับ แล้วผมจะเอาข้อมูลมาคุยครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 1:06 pm
โดย chatchai
น้อง VIB007 พี่หาคำถามไม่เจอแล้วครับ
ส่วนเรื่องการคำนวณ FCF ของ APRINT นั้น ค่อนข้างจะยืดยาวนะครับ
แล้วพี่ก็ไม่เก่งเรื่องการเขียนบรรยายด้วยซิ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 1:11 pm
โดย chatchai
บรรยากาศตลาดตอนนี้ ใครที่มีจิตใจไม่เข้มแข็ง ไม่ชัดเจนในวัตถประสงค์การลงทน จิตใจคงกระวนกระวายใจครับ
ส่วนผมถือ WG มาตั้งแต่ต้นปี 2544 ยังไม่เปลี่ยนแปลงเลยครับ มีแต่ซื้อให้ญาติๆเพิ่มนะครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 1:51 pm
โดย VIB007
Anonymous เขียน:สงสัยช่วงนี้จะเป็นช่วงพักยกนะครับ ผมก้อเลยรอดูการแลกหมัดFCFอยู่นะครับ แต่ว่าผมยังไม่ค่อยเข้าใจนะครับ เลยอยากถามคุณพี่chatchaiหน่อยครับ ตามที่พี่ให้ไว้
"FCF = กำไรจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์และหนี้สินหมุนเวียน - Working Cap. - Cap Exp. - Loan Repayment"
รบกวนพี่ chatchai ช่วยอธิบายทีละตัวเลยได้เปล่าครับว่าแต่ละตัวความหมายคืออะไร (กำไรจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์และหนี้สินหมุนเวียน,Working Cap, Cap Exp, Loan Repayment =? ) และมีวิธีหายังไงครับ ผมอยากลองหาได้ด้วยตัวเองบ้างครับในตัวอื่นๆ ขอบคุณครับ
คำถามถึงพี่Chatchaiครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 1:52 pm
โดย Jeng
อิอิ
พี่ว่า นักเกร็งกำไรหลายคน เขาชอบวิธีการ VI และเขาก็ไม่ได้แอนตี้อะไรนะ
ไม่มีใครดูถูกแนว vi ด้วย
เพียงแต่เท่าที่คุยมา เขาฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่านั้นเอง
อิอิ
90 VI 10 VS
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 2:49 pm
โดย tanapong
อิ
พี่ว่า นักเกร็งกำไรหลายคน เขาชอบวิธีการ VI และเขาก็ไม่ได้แอนตี้อะไรนะ
ไม่มีใครดูถูกแนว vi ด้วย
เพียงแต่เท่าที่คุยมา เขาฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่านั้นเอง
อิอิ
90 VI 10 VS[/quote]
สวัสดีครับคุณมน คุณวิบูลย์ คุณธันวา คุณเจ๋ง
ผมtanapong รายงานตัวครับ
อยากขอร่วมออกความเห็นกับเพื่อนๆหน่อย
เมื่อวานผมได้ทานอาหารกับผู้ใหญ่นักธุรกิจผลิตมอเตอร์ไซค์ No.1ของเมืองไทยถือหุ้นประมาณ มากกว่า30%
ท่านเป็นนักเล่นหุ้นแบบวิ่ง 50 เมตร ซื้อตามข่าวอย่างเดียวซื้อประมาณครั้งละขั้นตำ 10 ล้านเดือนละมากว่า 20ครั้งปีนี้ท่านบอกได้มาหลาย 10 ล้านเพราะท่านวิ่งเร็ว
ท่านพูดถึง TPI B-Land TMB (ขออนุญาตเอ่ยชื่อหุ้น)
ท่านถามผมว่าเป็นอย่างไร ผมบอกผมไม่รุ้ดูแล้วผมมืดสนิท
ผมเลยคุยกับท่านว่าถ้าชอบวิ่ง 50 เมตร ควรมีหุ้น Deffensive สัก 60 เปอร์เซ็นต์(พวกบลุชิพ)ไว้ในพอร์ตเอาไว้ตั้งรับผมก็ยกตัวอย่างพวก เรโชสวยๆ แล้วสัก 40 เปอร์เซนต์ไว้วิ่งแข่ง 50 เมตร
พวกนำมัน พวกผ้า พวกกระดาษบางตัว
ROE ROA P Margin PB PE ดีๆ
ท่านฟังแล้วงง
ท่านตอบผมว่ามันช้าแล้ว
ท่านบอกว่าท่านเคยลงทุนทำนองนี้แล้วขาดทุน
ท่านชอบพวกตัวละ 1 บาท หรือไม่เกิน 10 บาท
ผมเลยถามท่านว่าแล้วหลังจากได้หุ้นกระซิบแล้วเคยขาดทุนไหม
ท่านตอบว่าเคยบ่อยๆด้วย
ผมเลยถามท่านว่าแล้วใครกำไร ถ้าไม่ใช่โบร๊ก
ท่านว่าเออ จริง
ผมเลยบอกท่านว่าลองปรับพอร์ตดู
ท่านบอกผมว่าจะลองทำดูแล้วผมมีอะไร(หุ้น)ดีๆให้โทรมาบอก
ผมบอกว่าไม่กล้าเพราะ ผลตอบแทนแต่ละคนไม่เท่ากัน
ที่เล่ามายืดยาวนี่จะบอกว่า
เห็นด้วยกับคุณเจ๋งว่า เขาฟังเราไม่รู้เรื่อง
ดีที่ไม่หาว่าเราบ้า
เลยอยากถามทุกท่านว่าคิดอย่างไร
ชอบกระทู้นี้เป็นแฟนมานานแต่ไม่กล้าโพสต์
tanapong
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 7:43 pm
โดย chatchai
กำไรจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์และหนี้สินหมนเวียน เป็นรายการที่ผมใช้แทนกำไรสทธิ หรือแทน EBITDA ที่หลายคนชอบใช้ครับ
เนื่องจากว่าปัจจบันแต่ละบริษัทมักมีรายได้และค่าใช้จ่ายที่ผมว่าเป็นตามนโยบายของบริษัท ซึ่งไม่ได้ส่งผลการทบต่อเงินสดและไม่สอดคล้องกับผลการดำเนินงานในแต่ละงวดบัญชีครับ
เช่น การสำรองหนี้สงสัยจะสญ การสำรองค่าเสื่อมราคาของสินค้าคงคลัง เป็นต้น
รวมถึงจะลดผลกระทบจากกำไรหรือขาดทนที่ได้รับจากบริษัทย่อยด้วยครับ ซึ่งผมมักจะไม่รวมเพราะบริษัทแม่จะยังไม่ได้เงินถ้าบริษัทลกยังไม่จ่ายเงินปันผล
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 03, 2003 10:05 pm
โดย thanwa
สวัสดีครับ พี่ tanapong
ความจริงถ้าผมเป็นผู้ใหญ่ที่พี่กล่าวถึง
ผมจะลงทุนหุ้นในหมวดยานยนต์ครับ
เป็นอะไรที่น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ธุรกิจนี้น่าจะดีไปอีกอย่างน้อยก็หลายปี
ลงทุนให้อุตสหกรรมที่มีความรู้ ความชำนาญ น่าจะปลอดภัยที่สุด
คุณวิบูลย์ครับ ทั้งสามบริษัทที่ยกตัวอย่างมาขอบายด้วยเหตุผลส่วนตัวครับ
เอาเป็นว่า ผมสละสิทธิ ให้คุณ utto เป็นคนเลือกดีกว่า...
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 04, 2003 11:38 am
โดย VIB007
สวัสดีครับพี่Tanapong
ยินดีต้อนรับครับ
เมื่อวานหุ้นขึ้นไป 20 จุด
แมงเม่ายิ้มกันถ้วนหน้า
VI จ๋อย.....
แต่ขอบอกว่า
งานนี้ต้องดูกันยาวครับ
ถึงจะรู้ว่าใครแน่
ผมว่าถ้าอยากอยู่ในตลาด
เป็นเวลานานๆสัก 5 ปี 10 ปีขึ้นไป
แนวทาง VI ไม่ทำให้ผิดหวังหรอกครับ
แต่ในระยะสั้นอาจจะสู้ชาวบ้านไม่ได้
เป็นบางครั้งบางคราว
นักเก็งกำไรบางท่านบอกว่า
จะเลิกเล่นหุ้นตอนปลายปีนี้
ผมถามว่าจะเลิกได้จริงๆหรื้อ
ความโลภไม่เข้าใครออกใครครับ
เวลาเราได้อะไรมาง่ายๆ
เราก็อยากได้มันมากขึ้น
สุดท้ายก็ติดกับดักแมงมุม
ถ้า Cutloss ไม่เป็น
อย่าริอ่านเป็นนักเกร็งกำไร
(เลียนแบบพี่เจ๋งครับ
เกร็งกำไร เพราะเก็งกำไรแล้วมันจะเกร็ง
เลยกลายเป็น นักเกร็งกำไร
ผมชอบมากเลยครับ
เลยขอลิขสิทธิ์มาใช้)
ถ้าจะเป็นนักเกร็งกำไร
ก็ต้องมีปรัชญาการเกร็งกำไร
ประจำตัวครับ
ไม่งั้นไม่รอด เวลาตลาดดิ่งนรก
โชคดีทุกท่านครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 04, 2003 12:20 pm
โดย ลูกอิสาน
ช่วงนี้เป็นโอกาสอันดีครับ ที่ผมจะขอความรู้จากคุณวิบูลย์..
เพราะไม่ค่อยมีคนเข้ามาโพสต์ถาม...
คือผมอยากทราบ การลงทุนครั้งสำคัญที่ทำให้ วอร์เรน เป็นที่รู้จัก มีไหมครับ....
ที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตน่ะครับ ทำให้จากคน no name กลายเป็นคนที่รู้จักกันทั่วไป
และวอร์เรน มีทัศนคติต่อหุ้น small cap. อย่างไรบ้างครับ เพราะช่วงหลังๆ ส่วนใหญ่วอร์เรน ลงทุนในหุ้น big cap. ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมีเงินทุนมาก แต่ในระยะเริ่มแรก วอร์เรนน่าจะลงทุนใน small cap นะครับ ...
ส่วนผมมักลงทุนใน small cap ครับ เพราะหุ้นขนาดใหญ่มักมีกองทุน -โบรค cover อยู่แล้ว ทำให้ไม่ค่อยมีของถูกครับ...แต่หุ้น small cap มี..
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 04, 2003 1:19 pm
โดย VIB007
คุณลูกอีสานครับ
อย่าเรียกว่า"ขอความรู้"เลยครับ
เรียกว่า
"แลกเปลี่ยนความรู้"ดีกว่าครับ
เพราะผมรู้เท่าที่ผมรู้
ที่ไม่รู้ก็มีอีกมาก
ก็ต้องอาศัยช่วยกันเล่าสู่กันฟังครับ
พวกเราจะได้มีความรู้กันเยอะๆ
ใครมีภูมิอย่าอมไว้นะครับ
เดี๋ยวฟันจะผุ
ช่วยกันคายออกมาบ้างนะครับ
ที่นี่ยินดีต้อนรับทุกท่าน
ทุกความเห็นครับ
เห็นคำถามของคุณลูกอีสานแล้ว
ผมนึกถึงคำพูดของ
ท่าน Charlie Manger อยู่ประโยคหนึ่งครับที่ว่า
"สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้
เป็นการพิสูจน์ถึง
ความเชื่อใจของผู้ที่เชื่อใจเราในตอนแรกๆ
ขณะที่เรายังเด็กและจนอยู่"
ตอนนั้น ท่าน Buffet และ Manger
เป็นเด็กกะโปโล
เพิ่งจบมหาลัย
ริอ่านตั้งกองทุน
ลงทุนในหุ้น
ใช้วิชาลงทุนที่ไม่มีใครเขาทำกัน
แถมเป็นช่วงเวลาหุ้นตกต่ำ
ไม่มีใครคิดว่าจะได้กำไร
จากวันนั้นจนถึงวันนี้
คนที่เชื่อใจเด็กกะโปโลสองคน
เอาเงินไปให้ร่วมลงทุน 10,000 เหรียญ
วันนี้เงินก้อนนั้นกลายเป็น
35,000,000 เหรียญครับ
อ่านว่า สามสิบห้าล้านเหรียญครับ
ก็ราวๆ 1,400,000,000 บาท
อ่านว่า ราวๆหนึ่งพันสี่ร้อยล้านบาทครับ
จากเงินสี่แสนกลายเป็นพันล้าน
ตอนเป็นเด็กกะโปโล
พูดไปใครเขาจะเชื่อ
แต่...............
คนที่เชื่อก็กลายเป็นเศรษฐีไปหมดแล้วครับ
ผมอยากจะมีโอกาสพูดประโยคนี้บ้างจัง
แต่ยังไม่ถึงเวลาครับ
ยังอีกห่างไกล
แต่(อีกแล้ว)ไม่ย้อท้อครับ
เอ้า แล้วคุณลูกอีสานถามว่าอะไรนะ ผมลืม
อ้อ เรื่องของอาจารย์บัฟเฟตจากโนเนมเป็นแบรนด์เนม
คือว่า
แต่ก่อน ไม่มีใครรู้จักบัฟเฟตหรือBerkshire Hatahway หรอกครับ
แกอยู่ในตลาดหุ้นตั้งแต่ปี 1960 ก็ไม่เคยมีใครรู้จัก
พอมีข่าวลงหนังสือ
ก็มีแต่คนคิดว่าแกเป็นคนบ้านนอกมีตังค์คนหนึ่งเท่านั้นเอง
ที่อเมริกา Omaha ก็ประมาณเทียบได้กับร้อยเอ็ดบ้านเรานะครับ
อยู่หลังเขาและถูกเอามาล้อเลียนบ่อยๆ
ไม่เดิ้นเหมือนเมืองบางกอก หรือ นิวยอร์คซิติ้
จนปีราว 1980
คนบ้านนอกคนนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในสิบของคนที่รวยที่สุดในอเมริกา
คนก็เริ่มสนใจไถ่ถาม
ว่าคนชื่อเหมือนอาหารกลางวันนี่
เป็นใครกันแน่
แต่คนก็ไม่ค่อยได้สัมผัสกับบัฟเฟตหรอกครับ
เพราะแกจะคุยกับคนอื่นๆเฉพาะตอนประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น
ตอนนั้นมีผู้ถือหุ้นBerkshire อยู่ไม่กี่ร้อยคน
เวลาประชุมก็ใช้แค่ร้านอาหารเล็กๆคุยกัน
เหมือนที่ชาว VI ไปกินอาหารญี่ปุ่นบุฟเฟต์อะไรอย่างนั้น
เล็กๆ คุยกันเรื่องหุ้นเรื่องการลงทุน
บัฟเฟต์ให้เหตุผลที่ไม่รับโทรศัพท์หรือคุยกับคนอื่นๆว่า
"เพื่อความเท่าเทียมกันของผู้ถือหุ้น
ผมจะตอบคำถามในการประชุมประจำปีเท่านั้น
ทุกคนจะได้ยินพร้อมๆกัน"
เออ เอากับแกซิ
บ้า..ก็บ้าว่ะ
ผมว่าแกมาดังสุดๆก็ตอน
มาซื้อหุ้นบริษัทโคคาโคลาราวๆกลาง 1980
เป็นจำนวนเงินถึง 1,000 ล้านเหรียญ
หรือราวๆ 40,000 ล้านนบาท
กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ได้นั่งในบอร์ด
คนก็งงว่าตาแก่นี่เป็นใครมาจากไหน
มาซื้อหุ้นทีแทบจะซื้อหมดบริษัท
แถมเป็นบริษัทที่โด่งดังซะด้วย
และบัฟเฟตก็มาดังสุดๆอีกที
ราวๆปี 1990
เพราะแกกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในอเมริกา
แถมมีการออกหุ้น Berkshire Type-B มาเพิ่ม
ทำให้ผู้ถือหุ้นBerkshire จากไม่กี่ร้อยกลายเป็นแสนคน
ในพริบตา
คราวนี้ ประชุมผู้ถือหุ้นที
ต้องใช้สนามกีฬาครับ
มีคนเข้าร่วมประชุมเป็นหมื่นๆคน
บัฟเฟตเรียกการประชุมประจำปีของBerkshire ว่า
"Capitalist Woodstock" ครับ
แถม(อีก) ราคาหุ้นโคคาโคลาของแก
มีมูลค่าเพิมอีกสิบเท่ามาเป็นกว่า 10,000 ล้านเหรียญ
อย่างนี้
ใครไม่รู้จักไม่ได้แล้วครับ
มีการสำรวจในปี 2003
ที่มหาลัย Northern Carolina ในอเมริกาครับ
ปรากฎว่านักศึกษา MBA ที่เพิ่งจบการศึกษา
มากกว่า 90% บอกว่า
บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจหรือเป็น Role Model ของตน
นอกจากพ่อแล้วก็คือ
Warren Buffet ครับ
เฮ.......................
แต่เดี๋ยวก่อน
บัฟเฟตเคยบอกไว้อย่างน่าฟังว่า
"มีคนมากมายที่ชื่นชมเรา
แต่....ไม่เคยนำหลักการ(ลงทุน)ของเราไปใช้เลย
เราพูดถึงหลักการลงทุนของเราอย่างเปิดเผย
ในจดหมายประจำปี
แต่ผู้คนก็ยังคงสนใจแค่ว่า
"พรุ่งนี้เราจะซื้อหุ้นอะไร""
แทงใจดำมั๊ยครับ
ผมบ่นมาตั้งนาน
ไม่รู้ว่าตอบถูกคำถามหรือเปล่านะครับ
ถามสองประโยค ผมตอบสองหน้า
แสดงว่าตอนนี้ผมว่างมาก ตลาดเป็นกระทิงแน่นอน
อ้อ มีอีกคำถามเรื่อง Small Cap
เคยมีคนถามอาจารย์บัฟเฟตครับว่า
ถ้าอาจารย์ไม่มีเงิน
และเพิ่งเข้าตลาดใหม่ๆ
จะทำอย่างไร
อาจารย์บอกสั้นๆครับว่า
"ผมจะซื้อหุ้น Small Cap"
เจอคำตอบอย่างนี้
ผมว่า
คุณลูกอีสานต้องเป็นลูกศิษย์อาจารย์บัฟเฟตแน่เลย
ถึงรู้ใจกันยังกับแกะ
อิ อิ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 04, 2003 2:43 pm
โดย Wvix
พี่VIB ตัวจริงนี่ท่าทางคงจะเป็นคนที่คุยเก่งและประสบการณ์เยอะแน่ๆเลยครับ อ่านเพลินเลยครับ
มาคุยเรื่องการเพิ่มทุนของบริษัทครับ
ตามสัญญาว่าจะหาเรื่องมาคุย
พูดถึงสภาพการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นก่อนเลย
ก่อนการประกาศราคาหุ้นจะลดลงเพราะไม่ค่อยมีคนอยากหาเงินมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนและต้องรอหุ้นใหม่เพื่อเข้ามา Trade จะใช้เวลานาน
(ส่วนมากนักเก็งกำไรจะขายก่อน XR) และหลังจากวัน XR ราคาหุ้นจะลดลง
= ราคาเก่า-(ราคาหุ้นเก่า*จำนวนหุ้นเก่า+ราคาใช้สิทธิ*จำนวนหุ้นใหม่)/(จำนวนหุ้นเก่า + จำนวนหุ้นใหม่)
สำหรับ Firm กิจการมีเงินสดเพิ่มทำให้มีความแข็งแกร่งทางการเงินมากขึ้นเพราะไม่มีต้นทุนของเงินทุน
สำหรับ ShareHolders ในระยะสั้นจะส่งผลลบต่อผู้ถือหุ้นเดิม ส่วนในระยะยาวต้องลุ้นครับ
เพื่อที่จะสามารถรักษาส่วนแบ่งกำไรและสิทธิไว้คงเดิม ผู้ถือหุ้นเดิมจำเป็นต้องหาเงินมาใส่ในกิจการเพิ่ม (ซื้อหุ้นเพิ่มทุน)
ราคาหุ้นเกิดการ Dilute ลง และในระยะสั้นผลตอบแทนของโครงการจะโตไม่ทันเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น
ผู้ถือหุ้นต้องลุ้นในระยะยาวว่าผลตอบแทนของโครงการจะสร้าง Growth ได้คุ้มกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นได้หรือไม่
(อย่าลืมว่าเงินที่ระดมทุนจากผู้ถือหุ้นควรนำมาใช้ในโครงการระยะยาวมากกว่าไม่งั้นจะผิดวัตถุประสงค์)
ผลของโครงการควรต้องสร้าง Growth ให้ ROE มากกว่าเดิมอย่างน้อยที่สุดก็ควรรักษา ROE เดิมไว้ให้ได้
ไม่อย่างนั้นกิจการก็ไม่ควรระดมทุนเพิ่มกลับกันควรเลือกที่จะจ่ายเงินปันผลออกมาให้ผู้ถือหุ้นจะดีกว่า
เพราะผู้ถือหุ้นจะได้เลือกที่จะเอาเงินไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเอง
*คำเตือนการจะพิจารณาเลือกลงทุนในบริษัทโดยใช้ ROE ย้อนหลังเราต้อง เข้าใจ ที่มาของ ROE ของแต่ละปีนั้นๆ
* สภาพการเคลื่อนไหวของราคา ในทุกกรณีจะไม่แน่นอนแล้วแต่ Sentiment ของตลาดในช่วงนั้นๆ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 04, 2003 11:04 pm
โดย utto
ผมขอใช้สิทธ์แทนพี่ thanwa ที่มอบสิทธ์ให้จะเลือกบริษัทที่พี่ VB เสนออยู่ใน nasdaq ล้วนๆ ออกจะเริ่มมีความโลภเข้าครอบงำเหมือนคนในตลาดส่วนใหญ่ คืออยากฟัง ทั้งสามบริษัทเลย ที่จริงผมค่อนข้างคุ้นเคยกับทั้ง 3 บริษัท แต่ขอเลือก บริษัทที่ผมไม่ชอบที่สุด แต่พยายามที่จะเลี่ยงสินค้าของเขาไม่สำเร็จ คือ microsoft ผมรู้สึกว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่รู้สึกอย่างนี้นะ เชิญพี่VB ชี้แนะด้วยครับ ขอเชิงคุณภาพนะครับพี่ เพราะผมว่าพี่อธิบายเชิงนี้ได้สุดยอดจริงๆ
ป.ล ROE เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จริงๆเหมือนที่ คุณ Wvix จริงๆ ปกติแล้วควรพิจารณาให้ละเอียดโดยใช้ ROA ประกอบด้วย และ ควรคุณภาพ ROE โดยใช Dupont Ratio ประกอบด้วย เพราะสามารถแสดงลึกถึงฝีมือการบริหารได้ แต่ การยึดติดแต่เวลาใดเวลาหนึ่งไม่ใช่สิ่งดีนัก ควรใช้ช่วงเวลาที่นานพอที่จะตัดสินความสม่ำเสมอด้วย ขอบคุณสำหรับ case ที่คุณ Wvix ยกมาให้ดู ผมไม่ได้นึกถึงจริงๆ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 05, 2003 9:28 am
โดย chatchai
น้อง VIB007 ครับ
ที่น้องถามเรื่อง FCF นั้น พี่พยายามลองเขียนอธิบายด แต่ร้สึกว่าจะไม่ค่อยร้เรื่องนะครับ
อาจจะให้คนอื่นเขียนอธิบายต่อก็ได้นะครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 05, 2003 11:02 am
โดย VIB007
พี่Chatchaiครับ
ผมว่าพี่เป็นมือหนึ่งทางด้าน FCF แล้วนะครับ
ก็ค่อยๆเขียนก็ได้ครับ
ได้มากได้น้อยไม่เป็นไร
เอาสั้นๆก็ได้ครับ
เริ่มต้นที่การหา FCF ของ APRINT
เลยก็ได้ครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 05, 2003 4:41 pm
โดย VIB007
ขอยกคำบอกเล่าของเฮียคลายเครียด
ที่กระทู้หนึ่ง มาไว้ ณ ที่นี้นะครับ
จะได้อยู่ในที่เดียวให้น้องๆได้ศึกษา
ผมชอบคำบอกเล่านี้มากเลยครับ
ขอคารวะเฮียคลายเครียดผู้อาวุโส
จากใจจริงครับ
คลาย เครียด เขียน:
เห็นด้วยกับคุณลูกอิสานครับ
พิมพ์ออกมาเลย ไม่ต้องกลัวเจ๊ง
ถ้ากลัวก็เอาแบบลงขันกันก็ได้
ผมยืนยันตามเดิมครับ ซื้อสิบหุ้นหนึ่งหมื่นบาท
จะได้มีหนังสืออีกแนวทางหนึ่งไว้อ่าน
เพิ่มความรู้ในการเล่นเกมล่าส่วนเกินทุน
ในความเห็นของผม
ผมถือว่า ทุกคนที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นคือ
นักเล่นเกมล่าส่วนเกินทุนทั้งสิ้น จะต่างกันตรงที่
แนวทางนักลงทุนก็คือ
การซื้อหุ้นไปตามกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในบริษัทหรือผลประกอบการ
ส่วนแนวทางเก็งกำไรก็คือ
การซื้อหุ้นไปตามกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
ด้วยการซื้อตามข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าววงใน
และกราฟแท่ง กราฟเส้นที่ชี้ให้เห็นแรงกรรมแห่งความโลภและความกลัว
ช่วงนี้เกมล่าส่วนเกินทุนคึกสุดขีด
เพราะมีเงินก้อนใหม่ๆซึ่งทนดอกเบี้ยเงินฝากถูกๆไม่ได้
ตามเข้ามาเล่นเกมแบบเงินต่อเงิน
แรงกรรมแห่งความโลภ จึงสามารถเหวี่ยงราคาหุ้นไปมา
แบบไม่สนใจผลประกอบการเท่าไร
ในตอนนี้ หุ้นไม่มีคำว่าดีหรือเน่า
มีแต่ขึ้นหรือลง
แล้วแต่ว่าคนจำนวนน้อยที่มีเงินมาก(ต่างชาติ กองทุน เซียนหุ้นรายใหญ่)
จะเลือกหยิบไพ่สำรับไหนขึ้นมาเล่น
แล้วทำให้คนจำนวนมากที่มีเงินน้อยเล่นตาม
ดังนั้นในภาวะกระทิงดุ แนวทางการเล่นหุ้นแบบนักลงทุน
จะเสื่อมความนิยมลงไปบ้าง
เพราะคำว่าหุ้นดีหรือหุ้นเน่า
สำคัญน้อยกว่าคำว่าหุ้นขึ้นหรือหุ้นลงมาก
ซึ่งถ้าผมตามเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรว่าขึ้นหรือลง
วิธีเดียวที่ผมคิดว่าจะเอาตัวรอดได้ก็คือ
ควบคุมปริมาณความโลภด้วยวิธีการทำคลายเครียดเรโช
แต่กับการเล่นเกมล่าส่วนเกินทุนด้วยการดูกระแสเงินที่หมุนเวียนอยู่ในบริษัท
ถ้าเราดูเป็น แล้วเอามาเทียบกับราคาหุ้นในตลาดให้เหมาะสม
ผมยังนึกไม่ออกเลยว่า เราจะเจ๊งหุ้นได้ไง
ที่สำคัญเราก็ไม่ต้องคอยจำกัดปริมาณความโลภ
เพราะเงินลงทุนของเราจะเหวี่ยงไปตามแรงกรรมของผลประกอบการ
ไม่ใช่แรงกรรมแห่งความโลภของผู้คนในตลาดหุ้น
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 05, 2003 5:11 pm
โดย VIB007
ตอนนี้ผมงานยุ่งมากเลยครับ
เลยไม่มีเวลาคุย
แต่ผมโหลดผลประกอบการ Microsoft มาไว้แล้ว
แล้วว่างๆค่อยมาคุยกันครับ
เรื่องการเพิ่มทุนของคุณ Wvix
ผมว่าการออก Warrant ก็คือการเพิ่มทุนอย่างนึงเหมือนกัน
แต่เรายังไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มทุนตอนนี้
และเรามีสิทธิจะจ่ายเพิ่มหรือไม่เพิ่มก็ได้
เรียกว่าเป็น Option แบบหนึ่ง
เอาไว้ใช้เก็งกำไรได้
แต่สุดท้ายก็เหมือนกัน
คือการเพิ่มทุนก็เป็นการเพิ่มปริมาณหุ้นมากขึ้น
ซึ่งทำให้ตัวหารกำไรมากขึ้น
บริษัทที่ดีจริงๆและคิดถึงผู้ถือหุ้นมากๆ
จะเลือกการเพิ่มทุนเป็นทางเลือกสุดท้าย
และทางเลือกดีที่สุดก็คือ
การนำกำไรสะสมไปลงทุนให้งอกเงย
แทนที่จะเพิ่มทุนหรือกู้เงิน
แต่ต้องระวังว่า
ผลตอบแทนของการลงทุนจะต้องมากกว่า ROE
ไม่งั้นจะกลายเป็น Growth Destroy Value
ถ้าบริษัทที่ผมถือหุ้นอยู่มีการเพิ่มทุน
ผมคงไม่ชอบใจนัก
และผมจะจับตามองเป็นพิเศษเลยละครับ
อ้อ อีกอย่างนะครับ น้องUtto
ตัวจริงพี่คุยไม่เก่งและไม่มีประสบการณ์เยอะด้วย
ทุกอย่างที่ถามมาตอบไป
ก็ลักจำเขามาทั้งนั้นหละครับ
แต่ตอนนี้ขอไปดูตลาดก่อน
ว่า Mr Market วันนี้อารมณ์เป็นอย่างไร
ดูว่าจะถึงเวลาที่เราจะไปจ่ายตลาดได้หรือยัง
เวลาที่"คูณตลาด"อารมณ์ บ่ จอย
แกมักจะเอาหุ้นดีๆมาขายถูกๆ
แต่สังหรณ์ใจว่าวันนี้คงอารมณ์ดีอีกตามเคย
เพราะช่วงนี้เหมือนงานเทกระจาด
คนแย่งซื้อของจากคุณตลาด
จนของขาดสต๊อค
ขอต่อราคาก็ไม่ยอม
เฮ้อ.....วันนี้ซื้อของไม่ได้อีกตามเคย
แต่ไม่เป็นไรครับ
เราก็เตรียมกระเป๋าตังค์ไว้ให้พร้อม
ถึงเวลาก็ค่อยลงมือ
อาจารย์ Gramham บอกเอาไว้ว่า
วันไหน Mr Market มาขายของให้เรา
แล้วเราไม่ซื้อ
"คุณตลาด"แกก็ไม่ว่าอะไรครับ
พรุ่งนี้แกก็จะกลับมาใหม่
พร้อมกับข้อเสนอใหม่ๆ
เราก็เพียงใจเย็นๆ นั่งตีขิม
ดูเขาเล่นกระดานโต้คลื่น
รอให้ถึงเวลาของเราเท่านั้นเองครับ
เพียงแต่ว่า
ตลาดแบบนี้ จะมีกี่คนที่ทนไหวครับ
พี่เจ๋งก็ร่วมวงไปแล้ว
คุณหมอเพื่อนผมก็เอากับเขาด้วย
แล้วที่นี้ จะมีใครนั่งริมฝั่งเป็นเพื่อนผมบ้างเนี่ย
อิ อิ
แซวเล่นน่ะ พี่เจ๋ง อย่าซีเรียส
สวัสดีและโชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 05, 2003 5:21 pm
โดย Wvix
เฮีย Vib มา
ผมส่งบทความมาเพิ่มประเด็นต่ออีกครับ
เรื่องประกาศแจก Warrant สำหรับผู้ถือหุ้น
สภาพการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ก่อนการประกาศราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นเพราะมีการแย่งกันซื้อหุ้นเพื่อต้องการ Warrant ฟรี แต่หลัง XR แล้ว
ราคาหุ้นจะต้องลดลง = ราคาเก่า-(ราคาหุ้นเก่า*จำนวนหุ้นเก่า)/(จำนวนหุ้นเก่า + จำนวนหุ้นใหม่ที่เกิดจากการแปลงสภาพ Warrant ทั้งหมด)
หลังจากได้ Warrant แล้วก็จะเกิดแรงเก็งกำไรเกิดขึ้นกับทั้งตัวแม่และลูกซึ่งทำให้ราคาเพิ่มขึ้น
สำหรับ Firm จะเป็นผลดีต่อกิจการคือกิจการจะมีเงินสดในอนาคตเพิ่มจากการแปลงสภาพ Warrant
สำหรับ ShareHolder ในแง่ของ H จะเกิดผลดีคือจะได้ Warrant มาฟรี (ส่วนมากได้มาฟรี) เหมือนการได้เงินปันผล และส่วนมากแรงเก็งกำไรทำให้ทั้งราคาหุ้นแม่และลูกสูงขึ้น
คราวนี้มามองกันว่า Warrant เค้าแจกเอามาทำอะไรกันแน่
- ตามหลักการเดิมมันคือเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนของสินค้าการเกษตรแต่ว่าเอามาประยุกต์ใช้กับหุ้น
ซื้อ Warrant เราหวังว่าไม่ว่าราคาหุ้นแม่จะผันผวนยังไงเราก็ยังคงมีสิทธิที่จะซื้อหุ้นแม่ในราคาที่กำหนดตามสิทธินั้น
ยกตัวอย่าง เราซื้อ Warrant ราคา 10 บาท จำนวน 1 สิทธิ
Exercise Price 1 บาท และ Exercise Ratio 1:1
ตรงนี้เราจะมีสิทธิที่จะได้ซื้อหุ้นในอนาคตแล้ว 1 หุ้น โดยจ่าย 1 บาท เราจะได้หุ้นแม่มา 1 หุ้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าหุ้นแม่จะขึ้นไปขนาดไหนหรือลงมาขนาดไหนสิทธิที่
จะซื้อหุ้นแม่ 1 หุ้นคือ 1 บาท ครับ ถ้ารวมต้นทุนจะได้ 11 บาทครับ
- ออกมาเพื่อให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมที่ยังไม่ต้องการซื้อหุ้นในตอนนี้ให้มีสิทธิไปซื้อในอนาคต (หลักการเหมือนการเพิ่มทุนครับแต่ว่าไม่ใช่เพราะลองคิดดูว่าเงินที่ได้มาไม่แน่นอนในแต่ละ
งวดจากการแปลงสภาพ บริษัทจะคิดเอาไปวางแผนทำโครงการอะไรได้ โดยที่ยังไม่รวมว่าผู้ถือWarrant จะใช้สิทธิได้ครบ ตามจำนวนหรือไม่
เพราะฉะนั้นถ้าคิดจากตรงนี้ก็เป็นผลลบต่อผู้ถือหุ้นในอนาคตครับ เพราะเป็นตัวบั่นทอน ROE อย่างแน่นอน) ถ้าคิดในแง่นี้ ในอนาคตบริษัทนี้ก็ไม่ดีแน่ครับ
สรุป Warrant เป็นการออกมาเพื่อผลักดันราคาหุ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้นแต่ในระยะยาวแล้วไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อผุ้ถือหุ้นอย่างแน่นอน
แล้วถ้าจะถามว่า การลงทุนใน Warrant เป็น Value Investment ไหมตามความคิดผมว่าได้นะครับ จะยิ่งปลอดภัยเลย ถ้ามันเป็น Warrant ของกิจการที่คิดว่า
ราคาหุ้นยังถูกอยู่และเป็นกิจการที่มีอนาคตและราคา Warrant ก็ยัง Discount อยู่มาก
* ถ้าถึงตรงนี้แล้วยังเกิดข้อสงสัยอยุ่กลับไปอ่านเรื่องการเพิ่มทุนและกลับมาอ่าน เรื่อง warrant อีกครั้งครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 05, 2003 5:23 pm
โดย Wvix
ในแง่ของ H = ในแง่ของ ShareHolders นะครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 05, 2003 7:41 pm
โดย ปรัชญา1
Wvix เขียน:ในแง่ของ H = ในแง่ของ ShareHolders นะครับ
เมื่อก่อนผมเกลียด วอแรนท์มากเลยครับ
ผมว่าเขาพิมพ์กระดาษออกมาขายเพื่อเอาเงินนักลงทุน
ต่อมาผมได้ศึกษา วอแรนท์บางบริษัทเขามีจุดมุ่งหมายที่ดี
คือสามารถระดมทุนไปใช้หนี้ ไปเพิ่มสภาพคล่องให้หุ้นแม่
เมื่อก่อนผมไล่เก็บหุ้นssport ไม่ค่อยมีขาย พอเขาแจกวอ
ผมก็มีโอกาสเข้าลงทุน
ตอนนี้ก็จ้องว่า อัมรินทร์พรินติ้ง จะออกwเมื่อไหร่
จะได้เข้าไปมีส่วนร่วมซื้อบ้าง
บริษัทดีดี ออกมาก็ดีนะครับแบบTVO
และอีกหลายบริษัท
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 05, 2003 9:11 pm
โดย Num
ผมไม่ได้เปิดเวป 2 อาทิตย์กว่าเพราะไปพักผ่อนกับครอบครัวครับ ผมกลับมาด้วยคำถาม(อีกแล้ว)ครับ คือผมเป็นคนที่อ่อนภาษาอังกฤษมาก แต่อยากเป็น vi พันธ์แท้เลยลงทุนซื้อ Warren Buffett Way มาอ่าน เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง จนมาถึงหน้า 12 ถึงตอนที่ อ.บัฟเฟตต์ซื้อบริษัทหนังสือพิมพ์ตรากระบือมา ผู้เขียนแกบอกว่า เครื่องมือที่บอกถึงความสำเร็จในหนังสือพิมพ์คือ Penetration Rate กับ News hole ผมอ่านซ้ำหลายรอบก็ไม่เข้าใจว่า มันหมายถึงอะไร อยากให้พวกพี่ๆที่เคยอ่านเล่มนี้มาแล้วช่วยอธิบายหน่อยครับ บังเอิญว่าผมสนใจธุรกิจหนังสือพิมพ์อยู่พอดี
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 05, 2003 9:23 pm
โดย Boring Stock Lover
Penetration Rate คือ อัตราแทรกซึม
ในธุรกืจหนังสือพิมพ์ ก็ น่าจะดูที่จำนวนสมาชิก และจำนวนยอดขาย
News Hole นั้นไม่รู้ครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 06, 2003 9:04 am
โดย Wvix
เฮียปรัชญา คำว่า 1 ในตองอูคืออะไรครับ เห็นเฮียใช้คำนี้ประกอบการเล่าชีวประวัติ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 06, 2003 10:34 am
โดย VIB007
Num เขียน: ผู้เขียนแกบอกว่า เครื่องมือที่บอกถึงความสำเร็จในหนังสือพิมพ์คือ Penetration Rate กับ News hole ผมอ่านซ้ำหลายรอบก็ไม่เข้าใจว่า มันหมายถึงอะไร อยากให้พวกพี่ๆที่เคยอ่านเล่มนี้มาแล้วช่วยอธิบายหน่อยครับ บังเอิญว่าผมสนใจธุรกิจหนังสือพิมพ์อยู่พอดี
Penetration Rate หมายถึงอัตราการอ่านหนังสือพิมพ์ต่อประชากร
เช่น เมืองกระบือ (Buffalo, Newyork)
มีประชากร 200,000 คน
Buffalo News ขายได้ 20,000 ฉบับ
Penetration Rate = 20,00/2000,000 = 10%
ถ้า Penetration Rate มากขึ้นก็แสดงว่าคนอ่านหนังสือพิมพ์มากขึ้นครับ
ส่วน News Hole
หมายถึงจำนวนเนื้อข่าวต่อหน้า นสพ ทั้งหมด
เช่น เนื้อข่าวมีจำนวน 60% ของนสพ.
แสดงว่ามีสาระกว่าครึ่ง
Buffet คิดว่า หนังสือพิมพ์ที่ประสบความสำเร็จ
นอกจากจะมีกำไรจากการดำเนินงานแล้ว
ควรจะมี Penetration Rate และ News Hole ที่สูงกว่าชาวบ้านครับ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ
ปรัชญา เขียน:เมื่อก่อนผมเกลียด วอแรนท์มากเลยครับ
ผมว่าเขาพิมพ์กระดาษออกมาขายเพื่อเอาเงินนักลงทุน
ต่อมาผมได้ศึกษา วอแรนท์บางบริษัทเขามีจุดมุ่งหมายที่ดี
คือสามารถระดมทุนไปใช้หนี้ ไปเพิ่มสภาพคล่องให้หุ้นแม่
เมื่อก่อนผมไล่เก็บหุ้นssport ไม่ค่อยมีขาย พอเขาแจกวอ
ผมก็มีโอกาสเข้าลงทุน
มุมมองของพี่ปรัชญาก็ไม่ผิดหรอกครับ
ไม่ใช่บริษัทที่ออกวอแรนต์จะเป็นบริษัทไม่ดีนะครับ
บางบริษัทเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งมาก
เพียงแต่ในระยะยาว
ถ้าผลประกอบการของบริษัทไม่เติบโตเท่าจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมา
ก็จะทำให้อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นลดลงครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 06, 2003 11:14 am
โดย chatchai
ธรกิจบางชนิดก็มีการประเมินราคาโดยคำนวณจาก จำนวนสมาชิกครับ เช่น โทรศัพท์มือถือ เคเบิ้ลทีวี หนังสือพิมพ์ สถานีโทรทัศน์