news09/11/07
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 10, 2007 11:19 pm
คลังชี้ปี 51-53 ยังต้องทำงบขาดดุล ปลัดฯ "ศุภรัตน์" ปฎิเสธทิ้งเก้าอี้
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤศจิกายน 2550 12:23 น.
ปลัดคลัง เผยงบประมาณช่วงปี 51-53 ยังคงจัดทำเป็นงบขาดดุล สอดคล้องกับพรรคการเมืองต่างๆ ที่ใช้นโยบายหาเสียงประชานิยม แม้จะมีความกังวลเรื่องเสถียรภาพการคลัง พร้อมปฏิเสธข่าวทิ้งเก้าอี้ เพื่อร่วมทีมเศรษฐกิจพรรคการเมือง ยืนยัน การย้ายรองอธิบดีกรมสรรพากรตามคำสั่งศาลปกครอง จะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 30 วัน
วันนี้(9 พ.ย.) นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง มั่นใจว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามารับหน้าที่ภายหลังการเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 2551 ที่ได้ประกาศใช้ไปแล้ว และเชื่อว่าในช่วงปีงบประมาณ 2551-2553 ทางการยังจำเป็นต้องใช้การจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล
ขณะนี้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 51 ได้เสร็จสิ้นแล้วและเป็นงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นไม่ว่าพรรคการเมืองไหนจะได้เป็นรัฐบาลก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 51 ได้ เพราะกว่าที่รัฐบาลใหม่จะจัดตั้งแล้วเสร็จก็คาดว่าจะเป็นเดือนก.พ-มี.ค.ถือว่าเริ่มเข้าครึ่งปีแรกของงบประมาณแล้ว และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณต่างๆ ก็ผ่านไปกว่าครึ่งปี
"แม้ว่าพรรคการเมืองต่างๆ จะได้มีการวางนโยบายประชานิยมในการหาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้นในการมาเป็นรัฐบาลใหม่จะมีการใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อวางนโยบายตามที่หาเสียงไว้ ส่วนจะมีการเพิ่มงบรายจ่ายเพิ่มอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบาย แต่เชื่อว่าทุกรัฐบาลไม่ว่าพรรคไหน ก็คำนึงถึงฐานะการคลังซึ่งต้องดูทั้งด้านรายจ่ายและรายได้ให้สอดคล้องกัน" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว
นายศุภรัตน์ กล่าวว่า สำหรับปีงบประมาณ 2552-2553 ยังเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ยังคงจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อไป ส่วนจะเป็นการขาดดุลในวงเงินมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและแนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยเชื่อว่าแม้จะเป็นการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องก็ไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยหากพิจารณาฐานะการคลังจะเห็นว่าปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ในระดับต่ำและเป็นการขาดดุลงบประมาณที่ไม่เกิน 2% ต่อจีดีพี ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถรับได้
"เมื่อปี 40 รัฐบาลก็เคยจัดทำงบขาดดุลมาแล้วต่อเนื่องถึงปี 47 เพราะเป็นการขาดดุลแล้วเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ดีขึ้น หลังจากนั้นรัฐบาลอาจลดความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินภาครัฐและนำไปสู่การจัดทำงบแบบสมดุลต่อไปในอนาคต ดังนั้นรัฐบาลใหม่หากจะมีนโยบายใช้จ่ายเงินงบประมาณพิเศษเพิ่มขึ้นในรูปแบบใดก็ตาม ควรจะต้องดูข้อจำกัดด้านรายได้ด้วย" ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุ
นายศุภรัตน์ ยังเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลไม่จำเป็นต้องออกมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุน แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น โดยภาครัฐและเอกชนควรจะต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นเพื่อช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวไปได้ด้วยดี
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งบังคับให้ตำแหน่ง 4 รองอธิบดีกรมสรรพากร และตำแหน่งที่ได้มา หลังการเป็นรองอธิบดีฯ เป็นโมฆะ และให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมก่อนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร ภายใน 30 วัน ว่า ยังอยู่ระหว่างการหาแนวทางแก้ไข โดยยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบที่สุด และมั่นใจว่าจะทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดแน่นอน
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง ยังปฏิเสธข่าวการเตรียมลาออกเพื่อลงเล่นการเมือง โดยยืนยัน ยังไม่มีพรรคการเมืองใด มาทาบทามไปร่วมทีมเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะข้าราชการประจำต่อไป และยังไม่มีความคิดจะไปทำงานอย่างอื่น ส่วนกรณีที่มอบหมายให้นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่เป็นประธาน การลงทุนในกองทุนวายุภักษ์แทนนั้น เนื่องจากขณะนี้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบมากเกินไปเท่านั้น
http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000133079
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤศจิกายน 2550 12:23 น.
ปลัดคลัง เผยงบประมาณช่วงปี 51-53 ยังคงจัดทำเป็นงบขาดดุล สอดคล้องกับพรรคการเมืองต่างๆ ที่ใช้นโยบายหาเสียงประชานิยม แม้จะมีความกังวลเรื่องเสถียรภาพการคลัง พร้อมปฏิเสธข่าวทิ้งเก้าอี้ เพื่อร่วมทีมเศรษฐกิจพรรคการเมือง ยืนยัน การย้ายรองอธิบดีกรมสรรพากรตามคำสั่งศาลปกครอง จะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 30 วัน
วันนี้(9 พ.ย.) นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง มั่นใจว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามารับหน้าที่ภายหลังการเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 2551 ที่ได้ประกาศใช้ไปแล้ว และเชื่อว่าในช่วงปีงบประมาณ 2551-2553 ทางการยังจำเป็นต้องใช้การจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล
ขณะนี้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 51 ได้เสร็จสิ้นแล้วและเป็นงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นไม่ว่าพรรคการเมืองไหนจะได้เป็นรัฐบาลก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 51 ได้ เพราะกว่าที่รัฐบาลใหม่จะจัดตั้งแล้วเสร็จก็คาดว่าจะเป็นเดือนก.พ-มี.ค.ถือว่าเริ่มเข้าครึ่งปีแรกของงบประมาณแล้ว และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณต่างๆ ก็ผ่านไปกว่าครึ่งปี
"แม้ว่าพรรคการเมืองต่างๆ จะได้มีการวางนโยบายประชานิยมในการหาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้นในการมาเป็นรัฐบาลใหม่จะมีการใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อวางนโยบายตามที่หาเสียงไว้ ส่วนจะมีการเพิ่มงบรายจ่ายเพิ่มอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบาย แต่เชื่อว่าทุกรัฐบาลไม่ว่าพรรคไหน ก็คำนึงถึงฐานะการคลังซึ่งต้องดูทั้งด้านรายจ่ายและรายได้ให้สอดคล้องกัน" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว
นายศุภรัตน์ กล่าวว่า สำหรับปีงบประมาณ 2552-2553 ยังเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ยังคงจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อไป ส่วนจะเป็นการขาดดุลในวงเงินมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและแนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยเชื่อว่าแม้จะเป็นการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องก็ไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยหากพิจารณาฐานะการคลังจะเห็นว่าปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ในระดับต่ำและเป็นการขาดดุลงบประมาณที่ไม่เกิน 2% ต่อจีดีพี ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถรับได้
"เมื่อปี 40 รัฐบาลก็เคยจัดทำงบขาดดุลมาแล้วต่อเนื่องถึงปี 47 เพราะเป็นการขาดดุลแล้วเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ดีขึ้น หลังจากนั้นรัฐบาลอาจลดความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินภาครัฐและนำไปสู่การจัดทำงบแบบสมดุลต่อไปในอนาคต ดังนั้นรัฐบาลใหม่หากจะมีนโยบายใช้จ่ายเงินงบประมาณพิเศษเพิ่มขึ้นในรูปแบบใดก็ตาม ควรจะต้องดูข้อจำกัดด้านรายได้ด้วย" ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุ
นายศุภรัตน์ ยังเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลไม่จำเป็นต้องออกมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุน แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น โดยภาครัฐและเอกชนควรจะต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นเพื่อช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวไปได้ด้วยดี
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งบังคับให้ตำแหน่ง 4 รองอธิบดีกรมสรรพากร และตำแหน่งที่ได้มา หลังการเป็นรองอธิบดีฯ เป็นโมฆะ และให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมก่อนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร ภายใน 30 วัน ว่า ยังอยู่ระหว่างการหาแนวทางแก้ไข โดยยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบที่สุด และมั่นใจว่าจะทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดแน่นอน
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง ยังปฏิเสธข่าวการเตรียมลาออกเพื่อลงเล่นการเมือง โดยยืนยัน ยังไม่มีพรรคการเมืองใด มาทาบทามไปร่วมทีมเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะข้าราชการประจำต่อไป และยังไม่มีความคิดจะไปทำงานอย่างอื่น ส่วนกรณีที่มอบหมายให้นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่เป็นประธาน การลงทุนในกองทุนวายุภักษ์แทนนั้น เนื่องจากขณะนี้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบมากเกินไปเท่านั้น
http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000133079