หน้า 126 จากทั้งหมด 160

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 30, 2009 11:32 pm
โดย hongvalue
[quote="Linzhi"]
ไม่รู้พี่ ๆ หรือฮง เห็นด้วยมั๊ยครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 10:03 am
โดย Linzhi
hongvalue เขียน:
ดีนะครับ ฟังเหตุผลแล้วผมเห็นด้วยเลยครับ

ผมเข้าใจแล้วล่ะว่า vi มองกันยังไง

(ก่อนอื่นออกตัวก่อนว่าเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

และมีประเด็น discuss ซึ่งถ้าไม่ถูกใจก็อย่างโกดผมนะ)
ไม่โกรธหรอกครับ ถูกใจก็เป็นเพียงอัตตาเรา
ถ้าไม่มีการ discuss จะมีเวปบอร์ดทำไมอ่ะครับ
hongvalue เขียน: แต่ว่าสมมุติฐานข้างต้น

base on ข้อมูลว่า หุ้นเราขึ้นได้ 100% ใช่ไหมครับ

แต่ว่าหุ้นขึ้นมาเยอะขนาดนี้หุ้นที่จะขึ้นต่อจากนี้ได้อีก

100% ผมว่าหายากนะครับ

แต่คำว่ายากหรือง่ายก็คือมีเงื่อนไขเวลามาเกี่ยวข้องด้วย

สมมุตินะ เราถือหุ้นอยู่ตัวนึงชื่อหุ้น z

ตลาดหุ้นขึ้นมาจาก 408 จุด มา 620

หุ้น z ต้องขึ้นมาไม่มากก็น้อย

แล้วเรายังหวังว่าถ้าหุ้นลงจะไม่หลุด 500

ซึ่งอาจจะหลุดหรือไม่หลุดก็ได้

แต่สมมุติว่าไม่หลุดแล้วกัน

เรายัง assume ต่อไปอีกว่า ถ้าลงมา 500

หุ้นเราจะต้อง outperforme โดยลงได้ 10%

ซึ่งมันก็ค่อนข้างผิดหลักการหุ้น เพราะเราหวัง

upside ตั้ง 100% แต่มา limit loss เพียง 10%

คงต้องดูว่า high beta หรือเปล่า
อันนี้เป็นทฤษฎี finance เต็ม ๆ ซึ่งถูกต้องมากโดยค่าเฉลี่ยครับ
แต่หุ้นที่ทำตัวไม่เหมือนทฤษฎีก็มีอยู่มาก

ผมว่า beta เอาไว้สำหรับนักเทรดหุ้น กับพวก hedge เป็นหลักน่ะครับ
เพราะมันพันกับการเคลื่อนไหว วอลุ่ม แต่ไม่มีตัวเลขในแง่ผลกำไรอะไรเลย
hongvalue เขียน:
ถ้าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นต่างชาติหุ้นเข้าออกตาม

fundflow ก็ไม่น่าใช้สมมุติฐานนี้ได้

ถ้าไม่ใช่ก็อาจเป็นไปได้แต่ก็ถือว่ามองโลกในแง่ดี

สองต่อเหมือนกันนะ

ทั้ง set ไม่หลุด 500 ทั้งหุ้นเราต้องแข็งกว่า set

อีกอย่างนึง ผมว่า reward/risk 10 เท่า

ค่อนข้างเป็นสมมุติฐานที่ดีเกินจริงไปหน่อยนะ

ผมว่าถ้าตลาดตกต่ำอย่างปลายปีที่แล้ว

กำไรบริษัทโต แต่หุ้นลงสวนทางอุตลุด

แล้วซื้อหุ้นได้ในราคาที่ปันผลสูงมาก

ผมว่าแบบนั้น reward/risk 10 เท่าเป็นไปได้

แต่ผมไม่เชื่อว่าตลาดขึ้นมาแรงขนาดนี้จะหาหุ้น

reward/risk 10เท่าได้

ผมว่าตลาดขึ้นมาแรงขนาดหุ้นทีแข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่

downside มากกว่า 15-20% ได้


ผมว่ายังมีหุ้นแบบนี้อยู่นะครับ ทุกสภาพตลาด
แต่ขึ้นกับเวลาหวังผลมันเท่านั้นเอง

ปีที่แล้ว มันลงแรง การหวังผลแบบผิดปกติ คือระยะครึ่งปี หนึ่งปีอาจจะเป็นไปได้

แต่ถ้ามาปีนี้ ขึ้นมาขนาดนี้ หวังผลเหมือนเดิม ผมก็เห็นด้วยว่ามันออกจากเพ้อฝันไปหน่อย

ถ้าอยากได้ตัวอย่างหุ้นที่มองแล้วมีลักษณะแบบนี้ pm มาแล้วกันครับ ถ้าจะ discuss เรื่องนี้ต่อ
(คนอื่นไม่ต้อง pm มานะครับ คงเป็นการยกเคส ผมไม่ได้เก่งขนาดใบ้หวยได้)
แต่คิดว่าฮงคงไม่คิดว่าตัวอย่างนี้สำคัญเท่าไหร่นัก อิอิ ดักทางไว้ก่อน
hongvalue เขียน:
ผมว่า reward/risk 10 เท่าเป็นไปได้ถ้า

คิดว่าถือยาวได้ซัก 3-4 ปี เพราะว่าตอนนั้น

เศรษฐกิจน่าจะฟื้นกำไรบริษัทน่าจะโตได้อีกเยอะ

โอกาศได้เป็นเด้งจะสูงขึ้นเยอะและ cover

downside จนน่าสนใจได้

แต่ประเด็นคือ พี่มองยาวซักแค่ไหน

มองยาวเท่าด็อกเตอร์ไหมล่ะ
มองยาวเหมือนดร.และพี่ ๆ VI คนอื่นครับ
แต่อาจจะเห็นไม่เหมือนแก ไม่อาจเอื้อมขนาดนั้นครับ :oops:

ยังไงถ้าเวลาเดินเรือ เราเห็นว่ามันเป็นเกาะ เดินทางไปก็เป็นเกาะครับ
จะเล็กจะใหญ่ มีขุมทรัพย์รึเปล่าอีกเรื่องนึง
hongvalue เขียน: ส่วนผมมีสมมุติฐานคนละแบบกับข้างต้น

ผมเลยไม่เล่น

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 12:25 pm
โดย hongvalue
Linzhi เขียน:


ผมว่า beta เอาไว้สำหรับนักเทรดหุ้น กับพวก hedge เป็นหลักน่ะครับ
เพราะมันพันกับการเคลื่อนไหว วอลุ่ม แต่ไม่มีตัวเลขในแง่ผลกำไรอะไรเลย
อันนี้จริงนะครับ เมื่อก่อนผมเป็น vi ผมไม่ค่อยสนใจเลย

ไอ้พวก beta alpha แต่ว่าหลังๆเป็นกึ่งๆ trader

ก็ต้องเข้าใจพฤติกรรมตลาดมากขึ้น

และต้องเข้าใจหุ้นที่มีค.สัมพันธ์กับตลาดสูงขึ้น

ฉะนั้นเรื่อง beta อะไรต่างๆจำเป็นสำหรับแนวทางที่ผมใช้อยู่

Linzhi เขียน: (คนอื่นไม่ต้อง pm มานะครับ คงเป็นการยกเคส ผมไม่ได้เก่งขนาดใบ้หวยได้)
แต่คิดว่าฮงคงไม่คิดว่าตัวอย่างนี้สำคัญเท่าไหร่นัก อิอิ ดักทางไว้ก่อน
มีคนให้หุ้นฟรีๆใครจะไม่เอาล่ะครับ

ผม pm ไปถามแล้วนะครับ อย่าลืมตอบผมล่ะ :lol:

อยากฟังเหตุผลดูว่าเป็นยังไงบ้างน่ะ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 31, 2009 1:38 pm
โดย Linzhi
ตอบไปแล้วนะคับ ยกเคสคลาสสิกให้เลย (แปลว่าเป็นเคสเก่า 555)

สำหรับหุ้นปัจจุบันให้อวนแทนปลาแล้วกัน
แต่เป็นอวนที่ใช้ง่าย เจอปลาแน่ ๆ ครับ
(แต่ถ้าเป็นปลาเน่าอย่าว่าผมนะ)

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 01, 2009 3:09 pm
โดย hongvalue
ผมว่าเรามาเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่

ขอเชิญทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้นี้มาช่วยกันแสดงความเห็นดีกว่า


ผมอยากคุยเรื่อง การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ


ผมมีคำถามหนึ่งคำถามที่ผมสงสัยและหาคำตอบไม่ได้อยากถามหน่อย

1.บริษัท dell computer เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนทางการลงทุนสูง เท่าที่เคยอ่านจาก ตปท

โดยบริษัทนี้มีวิธีการทำธุรกิจก็คึอว่า
-ไม่ขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ทำให้ margin สูง
-ใช้ระบบ just in time
-outsource บริการหลังการขายเพื่อลดเพื่อลดการลงทุนเรื่องศูนย์บริการ


อะไรทำนองนี้ ผมสงสัยว่าจุดแข็งพวกนี้ของ dell มันเลียนแบบได้ยากหรือ ทำไมใครๆก็รู้ว่านี้เป็นจุดแข็งของ dell แต่ว่า dell ไม่มีคนมาเลียนแบบวิธีการทำธุรกิจแบบนี้ล่ะ

ใครมีความเห็นว่าไง

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 02, 2009 1:39 am
โดย i_sarut
เพราะมันยากที่จะเลียนแบบให้ได้ตามมาตรฐานของ dell รึเปล่าครับ ทั้งชื่อเสียง ทั้งคุณภาพ  :P
ความสำเร็จของ Dell
มองมุมใหม่ :ผศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์   กรุงเทพธุรกิจ   วันที่ 11 มีนาคม 2546

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้นำเสนอผลการสำรวจบริษัทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั่วโลก (The World's Most Admired Company) จากนิตยสาร Fortune และมีบริษัทหนึ่งที่น่าสนใจคือ Dell Computer ที่กระโดดจากลำดับที่ 23 ในปีก่อนสู่ลำดับที่ 4 ในปีที่แล้ว

วันนี้เลยอยากจะเล่าเกี่ยวกับความสำเร็จของ Dell ให้ทราบกัน ซึ่งกรณีศึกษาของ Dell นั้นถือว่าเป็นตัวอย่างของกรณีศึกษาทางธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จที่ใช้สอนกันโดยทั่วไปในระดับ MBA

ประวัติของบริษัท ก็เหมือนกับบริษัททางด้านคอมพิวเตอร์ที่เรารู้จักกันดี ผู้ก่อตั้งคือ Michael Dell ที่ในขณะที่เรียนปริญญาตรีก็เริ่มซื้อชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์มาประกอบขาย จนมีรายได้ดีและมองเห็นลู่ทางในการเติบโตจนต้องลาออกมาจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาทำธุรกิจประกอบและขายคอมพิวเตอร์

สิ่งที่ทำให้ Dell ประสบความสำเร็จและโดดเด่นกว่าผู้ประกอบและขายคอมพิวเตอร์รายอื่นๆ ก็คือแนวคิดทางธุรกิจ (Business Model) ที่มีความแตกต่างจากเจ้าเดิมๆ ในขณะที่ผู้ประกอบและขายคอมพิวเตอร์เจ้าเดิมๆ นั้นใช้กลยุทธ์ make-to-stock ซึ่งก่อให้เกิดต้นทุนที่สูงและกำไรที่ต่ำ

แต่ Dell กลับใช้วิธีการที่เรียกว่า make-to-order การผลิตตามคำสั่งซื้อ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนของ Dell ถูกกว่าคู่แข่ง และในขณะเดียวกันลูกค้าก็ได้รับสินค้าตามที่ตนเองต้องการ

make-to-stock นั้นคือผู้ผลิตจะทำการพยากรณ์ความต้องการของผู้ซื้อว่ามีอยู่เท่าใด ในลักษณะใดบ้าง หลังจากนั้นก็ประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วส่งไปจัดเก็บที่คลังสินค้า เพื่อส่งต่อไปยังผู้แทนจำหน่ายอีกทีหนึ่ง

ท่านผู้อ่านอย่าลืมว่าในเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง มีชิ้นส่วนและองค์ประกอบมากมาย การ make-to-stock นั้นเหมือนกับการยัดเยียดสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วให้กับผู้บริโภค โดยตัวผู้บริโภคเองอาจจะต้องการหรือไม่ต้องการชิ้นส่วนบางอย่างในเครื่องนั้นก็ได้

นอกจากนี้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นตกรุ่นได้ง่าย ถ้าผู้ผลิตคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภคผิดไปก็จะทำให้เหลือสินค้าที่ขายไม่ออกอยู่เยอะ ส่งผลต่อต้นทุนที่เพิ่มพูนสูงขึ้น

ส่วนแนวคิดแบบ make-to-order นั้นผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อคอมพิวเตอร์ของ Dell ผ่านทางอินเทอร์เน็ต (หรือผ่านพนักงานขายโดยตรง) สามารถที่จะเลือกส่วนประกอบภายในคอมพิวเตอร์ตามที่ตนเองต้องการ คำสั่งซื้อนั้นจะถูกส่งไปที่ Dell ซึ่งทาง Dell ก็จะประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ตามคำสั่งซื้อของผู้บริโภค และจัดส่งคอมพิวเตอร์ตามที่ผู้บริโภคสั่งซื้อกลับไปให้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

ดังนั้นแทนที่เมื่อประกอบคอมพิวเตอร์เสร็จแล้วจะต้องมีคลังสินค้าเอาไว้เก็บ และส่งไปยังผู้แทนจำหน่ายอีกที ก็ไม่ต้อง เนื่องจาก Dell สามารถส่งสินค้าตรงไปยังผู้บริโภคได้โดยตรง ทำให้ลดต้นทุนในการจัดเก็บและต้นทุนที่เสียให้กับผู้แทนจำหน่าย นอกจากนั้นเนื่องจากคอมพิวเตอร์ที่ Dell ประกอบเป็นคอมพิวเตอร์ที่ประกอบขึ้นมาตามความต้องการของลูกค้าโดยตรง ทำให้ Dell ไม่ประสบกับปัญหาที่ประกอบออกมาแล้วขายไม่ได้ ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนที่ต่ำของ Dell

และในขณะเดียวกันลูกค้าของ Dell เองก็ได้รับคอมพิวเตอร์ตามที่ตนเองต้องการ ไม่ต้องจ่ายแพงกว่าเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ พูดง่ายๆ ว่า แนวทางของ Dell นั้นมีประโยชน์ทั้งขึ้นและล่อง นั้นคือทำให้ต้นทุนของบริษัทต่ำกว่าของคู่แข่ง และในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้บริโภคมีความพอใจต่อสินค้าที่ได้รับมากขึ้น

จริงๆ แล้ววิธีการของ Dell ไม่ได้ง่ายเพียงแค่ที่เขียนมาข้างต้น เนื่องจากจะต้องมีองค์ประกอบอีกหลายอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย ระบบการจัดส่ง (Logistics) ที่สมบูรณ์ ระบบการบริหารวัตถุดิบแบบ Just-in-Time (JIT)

หรือแม้กระทั่งความพร้อมและความร่วมมือของผู้ที่เป็น Suppliers คู่แข่งของ Dell หลายเจ้าก็พยายามลอกเลียนรูปแบบทางธุรกิจ แต่ก็ไม่มีใครทำได้สำเร็จ เนื่องจากสาเหตุที่ต่างกันออกไป รูปแบบทางธุรกิจของ Dell เรียกได้ว่า เปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer: PC) อย่างมโหฬาร เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงผู้ที่เคยได้เปรียบในการแข่งขันให้กลายมาเป็นผู้เสียเปรียบไปเลย

ในปัจจุบัน Dell เป็นผู้ประกอบและขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอันดับหนึ่งทั่วโลก และคงยากที่จะมีใครมาโค่นลงได้ ขณะเดียวกันก็คิดว่าคงไม่มีใครอยากจะมาแข่งกับ Dell ในธุรกิจนี้เท่าใด จะสังเกตเห็นว่าในปัจจุบันกลยุทธ์ของคู่แข่งสำคัญอย่างทั้ง IBM และ Compaq (หรือ HP) ได้หันไปให้ความสนใจต่อด้านอื่นมากกว่าเพียงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

ทั้งนี้เนื่องจากรูปแบบธุรกิจของ Dell ที่ทำให้สามารถประกอบและขายเครื่องได้ถูกกว่าชาวบ้านเขา ตราบใดที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารก็คงยากที่จะมีใครโค่น Dell จากตำแหน่งผู้นำในวงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลลงได้

นอกจากนี้ในปัจจุบันธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเรียกว่าอยู่ในขาลง ใน 2-3 ปีที่ผ่านมายอดขายเริ่มลดลงจากในอดีต และในขณะเดียวกันเวลาเฉลี่ยกว่าที่จะเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ขององค์กรธุรกิจต่างๆ ก็ยาวขึ้นเป็น 41 เดือน ส่วนของผู้บริโภคตามบ้านก็อยู่ที่ประมาณ 5 ปี แสดงว่าช่วงระยะเวลากว่าที่จะซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่นานขึ้นกว่าปกติ

อีกทั้งยังไม่มีสินค้าหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ออกมาจากทั้ง Intel และ Microsoft ที่จะกระตุ้นให้เกิดการซื้อคอมพิวเตอร์ขึ้นมาได้ ในปัจจุบันการขายเครื่องนั้นมักจะเน้นแข่งขันกันที่ราคาเป็นหลัก ก็เรียกได้ว่าเข้าทางของ Dell เขาเลยทีเดียว เพราะไม่มีผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ระดับโลกเจ้าใดอีกแล้วที่มีรูปแบบของธุรกิจที่ต้นทุนถูกกว่าของ Dell

นอกจากนี้กลยุทธ์อีกหลายอย่างของ Dell ก็น่าสนใจ ทั้งกลยุทธ์การเติบโตและกลยุทธ์การแข่งขัน ในปัจจุบันหลังจากที่ตลาดคอมพิวเตอร์ในอเมริกาและส่วนอื่นของโลกเริ่มอิ่มตัว Dell ก็หันไปบุกตลาดจีนอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันยอดขายของ Dell ในจีนยังเป็นที่สามอยู่ แต่ Dell มุ่งมั่นกับตลาดจีนมาก ถึงขนาดตัดสินใจไปเปิดโรงงานประกอบคอมพิวเตอร์ในจีนทีเดียว

นอกจากนี้ Dell เองก็เริ่มมองการมุ่งเน้นอยู่แต่ธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคงไม่พอต่อการเติบโตในอนาคต ทำให้ในปัจจุบันได้ทำการขยายเข้าสู่อีกหลายธุรกิจ ทั้ง Servers, Storage, PDA, Printer หรือแม้กระทั่งเริ่มเมียงมองเข้าสู่ธุรกิจการให้คำปรึกษาในการวางระบบด้วย

ส่วนกลยุทธ์ในการแข่งขันของ Dell นั้นก็น่าสนใจ Dell ไม่ได้มุ่งเน้นในเรื่องของนวัตกรรมในตัวสินค้ามากเหมือนคู่แข่งรายอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีสินค้าหรือนวัตกรรมใหม่ Dell จะไม่รีบกระโจนไปผลิต แต่จะรอให้นวัตกรรมใหม่นั้นเริ่มที่จะเป็นที่ยอมรับและอยู่ตัวก่อน ค่อยส่งผลิตภัณฑ์ของตนเองเข้าสู่ตลาด แต่ด้วยราคาที่ถูกกว่าชาวบ้านและคุณภาพสินค้าที่ไม่แตกต่างกัน

เช่น ในกรณีของคอมพิวเตอร์แบบพกพา (PDA) ที่ Dell ปล่อยให้เจ้าอื่น ทำตลาดไปก่อน แล้วเพิ่งออกสินค้าของตัวเองเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่ด้วยราคาที่ถูกกว่าคนอื่น

ความสำเร็จของ Dell นั้นเกิดขึ้นจากการคิดค้นรูปแบบทางธุรกิจที่แตกต่างจากคู่แข่ง และทำให้ตนเองเกิดความได้เปรียบ เหนือคู่แข่งรายอื่นๆ โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุน ขณะเดียวกัน Dell ก็ไม่ละเลยต่อการกำหนดกลยุทธ์ ในการเติบโตต่อไปในอนาคต และการยึดมั่นต่อกลยุทธ์ในการแข่งขันที่ทำให้ตนเองประสบความสำเร็จ
Just In Time - Dell
http://www.youtube.com/watch?v=b9el05lRXxs

Lean Manufacturing Case Study DELL
http://www.youtube.com/watch?v=cdg9rpg6Dt8

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 02, 2009 9:15 am
โดย hongvalue
ขอบคุณครับน้อง ซารุส

นี้พี่ว่าผู้หญิงคนเดิมที่น้องเอารูปมาลง

หน้าตาคมคายกว่าผู้หญิงคนนี้นะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 02, 2009 9:37 am
โดย i_sarut
hongvalue เขียน:ขอบคุณครับน้อง ซารุส

นี้พี่ว่าผู้หญิงคนเดิมที่น้องเอารูปมาลง

หน้าตาคมคายกว่าผู้หญิงคนนี้นะครับ
คนนั้นผมลงนานมากแล้วอ่ะพี่ เกือบปีได้แล้ว

เลยเปลี่ยนมั่ง  :lol:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 02, 2009 11:25 am
โดย zesar
i_sarut เขียน:
คนนั้นผมลงนานมากแล้วอ่ะพี่ เกือบปีได้แล้ว

เลยเปลี่ยนมั่ง

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 04, 2009 9:28 am
โดย naris
เห็นด้วย ว่าคนนี้พี่ก็ชอบ :P

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:44 pm
โดย สวนหย่อม
i_sarut เขียน:คู่แข่งของ Dell หลายเจ้าก็พยายามลอกเลียนรูปแบบทางธุรกิจ แต่ก็ไม่มีใครทำได้สำเร็จ เนื่องจากสาเหตุที่ต่างกันออกไป
อืม อยากรู้เหมือนกันครับ ว่าทำไมเจ้าอื่นเลียนแบบไม่สำเร็จ  :?  :?

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 05, 2009 1:59 pm
โดย truetempo
พี่ๆครับ

ผมอยากจะลองมาวิเคราะห์หุ้นตัวนึงให้ดูกันน่ะครับ คือยังไม่มีประสบการณ์การทำ valuation ก็เลยอยากให้พี่ๆ ช่วยแนะนำด้วยครับ

บริษัท A เป็นเจ้าแห่งธุรกิจค้าปลีกครับ (หลายท่านคงเดาออกแล้วว่าเป็นหุ้นอะไร) ผมจะทำ valuation โดยใช้ DCF นะครับ

EBIT
ว่ากันในส่วนของรายได้ เนื่องจากรายได้อื่นๆ ส่วนใหญ่เป็น รายได้จากการส่งเสริมการขาย ดังนั้นจึงไม่ต้องปรับในส่วนของรายได้ นอกจากพวก ดอกเบี้ย/ปันผลรับ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ค่าใช้จ่ายไม่มีรายการที่ต้องปรับ ดังนั้น EBIT จึงเท่ากับ รายได้ทั้งหมด ค่าใช้จ่าย = (129,454 516) 125,430 = 3,508

Tax = 30% โดยคาดว่าในอนาคตก็น่าจะเสียภาษีในอัตรานี้

DA
ค่าเสื่อมราคา = 2,809 (ไม่แน่ใจว่าจะ forecast อย่างไร)

CAPEX
บริษัทใช้เงินลงทุนในการเปิดสาขาเพิ่ม, ปรับปรุงระบบการขนส่งสินค้า และ ปรับปรุงสาขาเดิมให้มีความใหม่และสะอาด  (forecast โดยคาดว่าเปิดกี่ร้าน และใช้เงินร้านละเท่าไร + ปรับปรุงซ่อมแซมกี่ร้าน ร้านละเท่าไร + ลงทุนศูนย์กระจายสินค้าและระบบขนส่ง)

CWC
บริษัทสามารถขยายกิจการได้โดยไม่ต้องอาศัยเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้าจ่ายเงินสดแต่บริษัทได้รับเครดิตจากการซื้อสินค้าเข้า stock ดังนั้นการให้ CWC = 0 ก็มีความสมเหตุสมผล

หลังจากได้ค่าต่างๆเหล่านี้มาแล้ว ผมก็สามารถคำนวณ FCF ได้สำหรับปีนั้นๆ คราวนี้ผมก็ forecast ตัวแปรด้านบนสำหรับปีต่างๆในอนาคต และ discount กลับมา ณ ปีปัจจุบัน

ตอนนี้ขอรบกวนแค่นี้ก่อนครับ รอบหน้าหลังจากปรับปรุงค่าพวกนี้จนรู้สึกว่าสมเหตุสมผลแล้ว จะมาลองทำ sensitivity analysis เรื่องอัตราการเติบโต และ discount factor เนื่องจาก DCF นั้นค่าที่คำนวณได้จะ sensitive กับค่าพวกนี้ หากผมเข้าใจผิดหรือยังไม่เข้าใจดีพอในเรื่องใด รบกวนชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณมากๆครับ

ps. เขียนไปเขียนมาก็รู้สึกว่าหรือเรายังไม่เข้าใจกิจการพอหว่า

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 05, 2009 3:29 pm
โดย truetempo
กรุณาลืมไปเลยนะครับ ที่ผมโพสถามด้านบน อายๆๆๆๆ :oops:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 06, 2009 11:10 am
โดย VIB007
truetempo เขียน:กรุณาลืมไปเลยนะครับ ที่ผมโพสถามด้านบน อายๆๆๆๆ :oops:
ไม่ลืมหรอกครับ
แต่อยากจะบอกว่าตัวเลขต่างๆก็คือตัวเลขค่าหนึ่งๆ
นักลงทุนรุ่นใหม่มักให้ความสำคัญกับตัวเลขมาก
จนต้องหาข้อมูลมาให้ละเอียดที่สุดเท่าที่ทำได้
แล้วใส่เข้าไปในสูตรคำนวณ
จากนั้นจะได้มูลค่ากิจการออกมาเป็นตัวเลขถึงทศนิยมสองตำแหน่ง

แต่ในความเป็นจริงแล้ว
มูลค่ากิจการนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
มันไม่ Static
ถ้าพื้นฐานกิจการบางอย่างเปลี่ยน
มูลค่ากิจการก็เปลี่ยนได้
บางครั้งก็ดีขึ้น
บางครั้งก็แย่ลง

ถ้าอยากจะทำคำนวณจริงๆ
แนะนำให้ลองเปลี่ยนตัวแปรหลายๆตัว
แล้วทำความเข้าใจถึงผลกระทบของตัวแปรแต่ละตัวในสมการ
อย่าให้สูตรคำนวณอยู่เหนือเรา
เราต้องใช้มัน
ไม่ใช่มันใช้เรานะครับ

โชคดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 10:37 am
โดย hongvalue
พี่วิบูลย์ครับ

มีคนแนะนำให้ผมไปศึกษาธรรมะหลายคน

พี่มีความเห็นว่าไงครับ

ผมเป็นคนจริงจังเกินไป ซีเรียสกับชีวิตเกินไป

หรือว่า โลภมากเกินไปครับ ?

ขอ comment หน่อยครับ

ขอตรงๆแรงๆเลยนะครับ ผมไม่โกรธแน่นอนผมอยากฝึกขันติ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 11:58 am
โดย ซากคน
สวัสดีครับ ฮงแวยู่ และ พี่วิบูลย์ 007  

   ผมขออภัย ที่เสียมารยาทตอบกระทู้ ทั้งๆที่เจ้าของไม่ได้ถาม
แต่ด้วยเพราะ เจ้าของคำถาม ช่วยชี้แนะให้ผมฟื้นไข้ได้ภายในไม่กี่วัน   ผมเลยอยากแสดงความเห็นด้วยคน  ในฐานะที่อายุเท่ากับเขา  

  ก็ขอพูดตรงๆละกันครับว่า สิ่งที่คุณฮงแวยู่เป็นอยู่ในวันนี้ คือ ตัวตนในอนาคตของผมเอง ที่วาดเอาไว้ในใจตั้งแต่เด็ก (มีทั้งความกล้าชนโลก+ความรู้ความเข้าใจเกินวัย) ....มากไปกว่านั้นกลับคิดไปอีกว่า  คนแบบนี้คงหาได้ยากนักในเยาวชนไทย เลยยิ่งมีแรงขับที่อยากเป็นคนกลุ่มนี้ให้ได้แต่เนิ่นๆๆ   :o    
 
  แต่แล้ว คนที่ผมคิดเอาไว้ กลายเป็น คนที่มีอยู่จริง มีอยู่จำนวนมากกว่าที่ผมคิดไว้มากๆ และ อยู่ใกล้ผมแค่เอื้อมเท่านั้น (แค่เพียงคลิกเดียว)  แทนที่ผมจะคิดอิจฉา คิดอยากเอาชนะเหมือนเมื่อวันวานในอดีต  ผมกลับรู้สึกขอบคุณที่ คนกลุ่มนี้ทำให้  ตัวตนในอนาคตของผมมีความชัดเจนมากขึ้นไปอีก
 
  การที่คุณฮงแวยู่เกิดความรู้สึกอิ่มตัวในความรู้  หรือ อาการพายเรืออยู่ในอ่าง   ผมไม่แน่ใจว่า

คุณฮงได้วัดผลการลงทุนสไตล์ตัวเอง ชัดเจนพอหรือเปล่าครับ ?
ถ้าวัดออกมาแล้ว  ความรู้สึกที่มีต่อผลตอบแทนเป็นอย่างไร ?
พอใจ/ไม่พอใจ   เมื่อเทียบกับอะไร ?
 
ถ้ายังไม่พอใจ  ก็ต้องไปกลับไปทบทวนแนวคิดของหนังสือแต่ละเล่ม
ที่เคยอ่านมา  แล้ว screen เอาแต่หัวใจออกมาสั้นๆๆ...พิจารณาดูว่าหลุดอะไรไปบ้าง ?

หลังพิจารณาแล้ว  คิดว่าไม่หลุดอะไร  แต่ยังไม่พอใจตนเองอีก  ก็ต้องถามใจตนเองว่า นำผลงานตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นอยุ่ตลอดเวลา ?    

หากเกิดความรู้สึกริษยาคนอื่น แม้เพียงเล็กน้อย ในระหว่างที่พัฒนาตัวเอง นานวันเข้าจะเกิด อาการ brake แตกได้ !!!!  เพราะต้องผลักตัวเองขึ้นที่สูงตลอดเวลา เหมือนหนูถีบจักร    

ฉะนั้นแล้ว  ถ้าจะดูเทียบกับคนอื่น ให้ไปดูที่ต้นเหตุของความสำเร็จของเขา
มากกว่าดูผลตอบแทน  แล้วจึงนำข้อดีของแต่ละคน มาปรับใช้ให้เข้ากับเหตุการณ์  ผมเชื่อว่า อาการ brake แตก จะไม่เกิดขึ้น  (ความรุ้สึกที่อยากเทียบกับคนโน้น คนนี้ จะไม่เกิดขึ้น  มีแต่ใจที่เบิกบานทุกครั้ง เมื่อเจอข้อบกพร่องของตนเอง)

ตามดูความรู้สึกตัวเองให้ได้บ่อยๆนะครับ  ไม่พอใจ  ก็ต้องรู้ว่า ไม่พอใจ  
โกรธ  ก็ต้องรู้ว่า โกรธ  อย่าไปกลบเกลื่อนมัน   สักพักอาการเหล่านี้มันก็หยุดไปเอง  เพราะไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้าหรอกครับ    
           
ปล. ขออวยพรให้คุณฮงมีความคิดที่แจ่มใส สร้างสรรผลงานดีๆให้บอร์ดนี้ต่อไปครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 1:38 pm
โดย hongvalue
Voldtrest เขียน:

  ก็ขอพูดตรงๆละกันครับว่า สิ่งที่คุณฮงแวยู่เป็นอยู่ในวันนี้ คือ ตัวตนในอนาคตของผมเอง ที่วาดเอาไว้ในใจตั้งแต่เด็ก (มีทั้งความกล้าชนโลก+ความรู้ความเข้าใจเกินวัย) ....มากไปกว่านั้นกลับคิดไปอีกว่า  คนแบบนี้คงหาได้ยากนักในเยาวชนไทย เลยยิ่งมีแรงขับที่อยากเป็นคนกลุ่มนี้ให้ได้แต่เนิ่นๆๆ   :o    
 
 
ผมมาลองคิดๆดูผมไม่แน่ใจว่าผมเป็นคนกล้าชนโลกเกินไปไหม สังคมไทยนั้นชอบคนอ่อนน้อม ชอบคนที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เขามักไม่ชอบคนที่มี self สูง
ผมคิดว่าสิ่งที่ผมแสดงออกไป คงไม่ถูกกับจริตของคนจำนวณนึง เอาง่ายๆสมมุติว่าเซียนพูดแบบไหน คนส่วนใหญ่จะไม่กล้าขัด ไม่กล้าแย้งถูกไหมครับ
แต่ผมไม่คิดอย่างนั้นผมคิดว่าจะเซียนมาจากไหนผมก็ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยไปหมด ผมไม่ชอบทำอะไรฝืนใจตัวเอง คนเราต้องมีจุดยืน แต่ว่าผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าการทำแบบนี้จะทำให้ถูกหมั้นไส้หรือไม่ เพราะคนแบบนี้อาจเหมาะกับวัฒนธรรมของต่างประเทศมากกว่าที่เปิดกว้างทางความคิดและไม่ค่อยซีเรียสเรื่อง junior senior อะไรมากมายนักแบบคนไทย แต่หลังๆผมได้ข้อสรุปเรื่องนี้แล้วนะ ผมคิดว่าถ้าผมทำในสิ่งที่ถูกต้องมีผิดกฎหมาย ผมจะไม่แคร์ว่าใครคิดอย่างไรกับผม  ผมเคยคิดว่าจุดเด่นของผมคืออะไร ผมคิดว่ามันคือการที่ผมกล้าแสดงออกมากกว่า  เราคิดอะไรเราก็พูดออกไป กล้าเป็นตัวของตัวเอง กล้าค้นหาตัวเอง กล้าที่จะมีจุดยืนของตัวเอง ผมว่านี้แหละที่สื่อถึงความเป็นตัวผม
การโพสในบอร์ดผมได้เรียนรู้ว่าคนเราไม่จำเป็นต้องมีความคิดเหมือนกัน คนเราเติบโตมาด้วยวัฒนธรรมการคิด
สภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน เจอสิ่งต่างๆไม่เหมือนกัน
เราไม่จำเป็นต้องให้คนเห็นด้วยกับเราไปหมด
ผมคุยกับพี่วิบูลย์ ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเขาไปหมด
บางอย่างที่เขาคิดผมก็ว่าไม่ work ที่ผมจะเอามาใช้
แต่มันเหมาะกับเขา แต่เราก็คุยกันได้เพราะว่าได้ idea หลายๆอย่างจากการคุยกันทำให้ต่อยอดทางการลงทุนได้

เมื่อก่อนผมยังอ่อนโลกผมคิดว่าการที่คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเราคือเราชนะ แต่สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ก็คือว่า
คนจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญคือ
เรามีเหตุผลมีหลักการในสิ่งที่เราพูดและนำเสนอไหม
ส่วนมันจะไปทำให้คนอื่นคิดอย่างไร มันเกินหน้าที่ของเรา

Voldtrest เขียน:   การที่คุณฮงแวยู่เกิดความรู้สึกอิ่มตัวในความรู้  หรือ อาการพายเรืออยู่ในอ่าง   ผมไม่แน่ใจว่า

คุณฮงได้วัดผลการลงทุนสไตล์ตัวเอง ชัดเจนพอหรือเปล่าครับ ?
ถ้าวัดออกมาแล้ว  ความรู้สึกที่มีต่อผลตอบแทนเป็นอย่างไร ?
พอใจ/ไม่พอใจ   เมื่อเทียบกับอะไร ?
ถ้ายังไม่พอใจ  ก็ต้องไปกลับไปทบทวนแนวคิดของหนังสือแต่ละเล่ม
ที่เคยอ่านมา  แล้ว screen เอาแต่หัวใจออกมาสั้นๆๆ...พิจารณาดูว่าหลุดอะไรไปบ้าง ?

หลังพิจารณาแล้ว  คิดว่าไม่หลุดอะไร  แต่ยังไม่พอใจตนเองอีก  ก็ต้องถามใจตนเองว่า นำผลงานตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นอยุ่ตลอดเวลา ?
 
เข้าใจว่าคำถามนี้คงต่อเนื่องมาจากหัวข้อนี้ใน blog

http://hongvalue.wordpress.com/2009/08/ ... %e0%b9%80/

ผมเคยชินกับการเรียนรู้สิ่งต่างๆตลอดเวลาแต่ผมเริ่มตื้อๆตันๆ ผมเลยอยากถามความเห็นผู้อ่านว่าผมจะมีลู่ทางในการเรียนรู้สิ่งต่างๆยังไงบ้าง ผมไม่ได้คิดวัด performance ในเชิงผลตอบแทนน่ะครับ แต่ผมอยากจะเรียนรู้เยอะๆเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลาน่ะ แต่ว่าผมเริ่มได้ idea แล้วล่ะครับหลังจากอ่าน comment ใน blog ก็คือว่าผมจะอ่านหนังสือแนวการตลาด การจัดการ
การบริหารคน ต่างๆมากขึ้นเพื่อเพิ่ม circle of competence ของผมให้กว้างขึ้นครับ
Voldtrest เขียน:ตามดูความรู้สึกตัวเองให้ได้บ่อยๆนะครับ  ไม่พอใจ  ก็ต้องรู้ว่า ไม่พอใจ  
โกรธ  ก็ต้องรู้ว่า โกรธ  อย่าไปกลบเกลื่อนมัน   สักพักอาการเหล่านี้มันก็หยุดไปเอง  เพราะไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้าหรอกครับ    
           
เด็ดครับ คนเราเวลาโกรธไม่สามารถหยุดโกรธได้ครับ
คงต้องไปรู้ตัวแล้วมันจะได้หายไปเอง
Voldtrest เขียน:ปล. ขออวยพรให้คุณฮงมีความคิดที่แจ่มใส สร้างสรรผลงานดีๆให้บอร์ดนี้ต่อไปครับ
ขอบคุณมากครับ ผมคิดว่าการโพสในบอร์ดทำไมเราได้ทบทวนสิ่งที่เรารู้ครับ
และสิ่งที่เรารู้ก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป จะมีคนมาช่วยทำให้ความคิดของเราเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นครับ จริงๆแล้วถ้าไม่มีเว็บ templeboxing กับ greenbull ผมคงไม่สามารถพัฒนาตัวเองมาได้เท่าที่เป็นอยู่ขอบคุณ
ทีมงานเว็บ temple พี่hari ถ้าไม่มีเว็บมวยวัดผมยังเป็นวุ้นอยู่เลย
ขอบคุณคุณ ปีเตอร์ชางที่สร้างเว็บ greenbull ขอบคุณเฮีย ih
ที่ตอบคำถามให้หลายร้อยข้อ  ผมคิดว่าความก้าวหน้าของผมเกิดจาก
ความเมตตาของคนที่เก่งกว่า ถ้าคุณ voldtrest ใช้โอกาศที่มีในเว็บบอร์ดให้เกิดประโยชน์สูงสุดก็จะสามารถพัฒนาตัวเองได้เร็วครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 1:54 pm
โดย hongvalue
ผมขอต่ออีกหน่อยให้จบ เรื่องของคนที่มีบุญคุณกับผม

ยังมีคนที่ผมยังไม่ได้พูดถึงอีก 2 คนที่จะขาดพวกเขาไปไม่ได้ก็คือ พี่ นริทนร์ โอฬารกิจอนันต์ และคุณ วิศิษฐ์ องพิพัฒนกุล

พี่สุมาอี้ช่วยแนะนำแนวทางดีๆหลายอย่างให้ผม
ปีที่แล้วได้มีโอกาศกินข้าวด้วยกันหลายครั้ง
แต่ละครั้งจะมีคำแนะนำที่ดีให้ผม
ถ้าไม่มีพี่สุมาอี้ผมคิดว่าทุกวันนี้ผมยังเป็นแค่คนหลงทาง
ในตลาดหุ้นคนนึงเท่านั้นเอง


และขอบคุณ คุณวิศิษฐ์ องพิพัฒนกุล
ผมเจอท่านบ่อยแต่เวลาเจอกันก็ไม่ค่อยมีโอกาศได้คุยกันเท่าไหร่นัก แต่แนวทางต่างๆทาง fundflow ได้มาจากคุณ วิศิษฐ์เยอะมาก ถึงจะมีแค่หนังสือ moneygame เล่มเดียวก็พอแล้ว  ผมจะต่อยอดจากหนังสือเล่มนั้นให้ได้
ขอบคุณคุณ วิศิษฐ์ ที่ช่วยตอบคำถามผมให้คำแนะนำต่างๆ


และขอบคุณพี่วิบูลย์ที่อนุญาติให้ผมฝอยเรื่องส่วนตัวในกระทู้พี่  :lol:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 2:17 pm
โดย hongvalue
ผมมีเรื่องอยากถามพี่วิบูลย์มานานแล้ว

รบกวนช่วยตอบให้หายค้างคาใจหน่อยครับ

ผมเห็นพี่ชอบชวนให้ผมช่วยปั่นกระทู้หรือว่า

ช่วยให้ผมมาดำเนินกระทู้นี้ต่อจากพี่โดยที่จริงๆ

ผมก็ไม่ใช่แนว vi และหลายครั้งผมก็ใช้คำพูดไม่ค่อย

สุภาพนี้กระทู้นี้ด้วย



ทำไมพี่ถึงชอบคุยกับคนที่ไม่ได้มีแนวทางเดียวกันแบบผม

และชวนมาดำเนินกระทู้แทนล่ะครับในเมื่อจริงๆแล้ว

ผมกับพี่ แนวทางการลงทุนก็เหมือนน้ำกับน้ำมัน หรือ

น้ำกับไฟ  ซึ่งไม่ใช่แนวทางเดียวกันและพี่ก็ไม่ได้สนใจจะเล่นหุ้นแบบ fundflow อยู่แล้วด้วย

หรือว่าพี่ชอบที่ผมเป็นคนตรงไปตรงมาครับ?
หรือชอบที่ผมถามเก่ง?

อยากรู้ครับ ค้างคาใจมาหลายเดือนขอถามหน่อยเถอะ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 12:15 am
โดย BABY TERMITE
[quote="hongvalue"]ผมมีเรื่องอยากถามพี่วิบูลย์มานานแล้ว

รบกวนช่วยตอบให้หายค้างคาใจหน่อยครับ

ผมเห็นพี่ชอบชวนให้ผมช่วยปั่นกระทู้หรือว่า

ช่วยให้ผมมาดำเนินกระทู้นี้ต่อจากพี่โดยที่จริงๆ

ผมก็ไม่ใช่แนว vi และหลายครั้งผมก็ใช้คำพูดไม่ค่อย

สุภาพนี้กระทู้นี้ด้วย



ทำไมพี่ถึงชอบคุยกับคนที่ไม่ได้มีแนวทางเดียวกันแบบผม

และชวนมาดำเนินกระทู้แทนล่ะครับในเมื่อจริงๆแล้ว

ผมกับพี่ แนวทางการลงทุนก็เหมือนน้ำกับน้ำมัน หรือ

น้ำกับไฟ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 9:48 am
โดย VIB007
hongvalue เขียน:พี่วิบูลย์ครับ

มีคนแนะนำให้ผมไปศึกษาธรรมะหลายคน

พี่มีความเห็นว่าไงครับ
พีว่าไม่ใช่เฉพาะฮงหรอกที่ต้องไปศึกษาธรรมะ
พี่ว่ามนุษย์ทุกคนควรจะศึกษาธรรมะ
ธรรมะในที่นี้ไม่ใช่เฉพาะในพุทธศาสนาเท่านั้น
เพราะท่านพุทธทาสบอกว่าธรรมะมีมาก่อนพุทธเจ้าอีก
คนคิดว่า"ธรรมะ"คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแต่จริงๆแล้วแปลผิด
ธรรมะคือกฏของธรรมชาติ
มีธรรมะมากมายก่อนพระพุทธเจ้า

เพื่อความง่ายเราก็เลือก"ธรรมะ"ของพระพุทธเจ้ามาศึกษาแล้วกัน

ทำไมเราถึงต้องศึกษาธรรมะ......

ฮงเคยสังเกตไหม
เวลาเราไม่มีเงินหรือมีเงินน้อยไม่กี่หมื่นบาท
เราก็คิดว่าถ้าเรามีเงินมากสักหนึ่งล้านบาทแล้วเราก็จะมี"ความสุข"
แต่พอเรามีเงินหนึงล้านบาท เรากลับไม่มี"ความสุข"อย่างที่เราคิด
และเราก็คิดว่าถ้าเรามีเงิน"สิบล้านบาท" เราจะมีความสุข
แต่เมื่อเรามีเงินสิบล้านบาท เรากลับไม่มีความสุขอย่างที่เราคิด
เมื่อเราอยากมีมากขึ้น และเราทำได้ตามเป้าหมาย
แต่ก็ยังไม่มี"ความสุข"ตามที่"ต้องการ"อยู่ดี
ร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน

ถ้าเปลี่ยนจำนวนเงินเป็นสิ่งของก็เหมือนกัน
วันที่เรานั่งรถเมล์
เราคิดว่าถ้าเรามีรถยนต์สักคันคงมี"ความสุข"
แต่เมื่อเรามีเงินซื้อรถยนต์สักคันได้จริงๆ
เราก็มี"ความสุข"ได้ชั่วคราว
สักสองสามปีเราก็อยากเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่
ใช้รถยนต์คันเก่ามัน"ไม่สุข"แล้วหรือไง

วันที่เราเช่าบ้านอยู่
เราก็คิดว่ามีบ้านอยู่ของตัวเองจะมี"ความสุข"
แต่พอเรามีเงินซื้อบ้านของตัวเองแล้วจริงๆ
เราอาจจะเห่อบ้านของเราสักพัก
แต่แล้วเราก็พบว่าเราอยากจะมีโซฟาดีๆ มีนั่นมีนี่ตามมาอีก

สรุปแล้วเราก็ยังหา"ความสุขที่แท้จริง"ไม่ได้สักที
แล้วความสุขมันคืออะไร อยู่ที่ไหนกันแน่

hongvalue เขียน:ผมเป็นคนจริงจังเกินไป ซีเรียสกับชีวิตเกินไป

หรือว่า โลภมากเกินไปครับ ?

ขอ comment หน่อยครับ

ขอตรงๆแรงๆเลยนะครับ ผมไม่โกรธแน่นอนผมอยากฝึกขันติ
พี่ว่าฮงเป็นพวก GEN Y นะ
เด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบรอ ใจร้อน และไม่มีSeniority
เด็กรุ่นนี้คนรุ่นเก่าๆมักรับไม่ค่อยได้
เพราะดูเหมือนก้าวร้าว ชอบแสดงความคิดเห็น ชอบแสดงออก
ขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยให้ความสนใจในมนุษย์สัมพันธ์สักเท่าไหร่นัก

มีงานวิจัยองค์กรสรุปไว้ว่า

คนร่น Baby Boomer อายุ 50 ปีขึ้นไป
จะ Conservative รักองค์กร
เชื่อฟังนาย นอบน้อม เคารพผู้ใหญ่

คนร่น GEN X อายุ 35 ปีขึ้นไป
จะมุ่งมั่นในงาน
เน้นผลสำเร็จมากกว่าอายุงาน
แสดงความคิดเห็นในกรอบ
ยังมีสัมมาคารวะบ้าง  

ส่วนพวก GEN Y อย่างเอ็งนี่
ชอบอิสระ เน้นผลสำเร็จของงานเหมือนกัน
แสดงความคิดเห็นเต็มที่ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
ไม่ชอบระบบเจ้าขุนมูลนาย
แต่ถ้าใครเก่งจะนับถือเต็มที่
แต่ถ้าใครห่วย เมินซะเถอะ(ถึงแม้มันจะเป็นนายก็ตาม)

ที่ว่ามานี่จริงไหม

ส่วนตัวพี่ว่ามันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ละนะ
ของบางอย่างมันก็เปลี่ยนแปลงยาก
เพราะเป็นนิสัยที่มีมาตั้งแต่เกิด

พี่แนะนำว่า
อันไหนเป็นนิสัยดีๆก็เก็บไว้ ทำต่อไป
นิสัยอันไหนไม่กีก็พยายามรู้ทันตัวเองและเลิกปฏิบัติ
เท่านั้นหละ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 10:06 am
โดย chatchai
VIB007 เขียน:ถ้าเปลี่ยนจำนวนเงินเป็นสิ่งของก็เหมือนกัน
วันที่เรานั่งรถเมล์
เราคิดว่าถ้าเรามีรถยนต์สักคันคงมี"ความสุข"
แต่เมื่อเรามีเงินซื้อรถยนต์สักคันได้จริงๆ
เราก็มี"ความสุข"ได้ชั่วคราว
สักสองสามปีเราก็อยากเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่
ใช้รถยนต์คันเก่ามัน"ไม่สุข"แล้วหรือไง

วันที่เราเช่าบ้านอยู่
เราก็คิดว่ามีบ้านอยู่ของตัวเองจะมี"ความสุข"
แต่พอเรามีเงินซื้อบ้านของตัวเองแล้วจริงๆ
เราอาจจะเห่อบ้านของเราสักพัก
แต่แล้วเราก็พบว่าเราอยากจะมีโซฟาดีๆ มีนั่นมีนี่ตามมาอีก

สรุปแล้วเราก็ยังหา"ความสุขที่แท้จริง"ไม่ได้สักที
แล้วความสุขมันคืออะไร อยู่ที่ไหนกันแน่
:lol:    :lol:    :lol:

ผมเพิ่งพบความจริงเมื่อไม่กี่ปีมานี้ว่า  ยิ่งมีมาก  ยิ่งมีภาระ

เมื่อก่อนไม่มีบ้าน  ก็อยากมีบ้าน  เมื่อมีบ้านสิ่งที่ตามมาก็คือ  การต้องดูแลเอาใจใส่  ปรับปรุงแก้ไข

มีรถหนึ่งคัน  ภาระก็พอสมควร  มีอีกคัน  ภาระก็เพิ่มเป็นสองเท่า

เฮอะ  ยิ่งพวกมีแฟนหลายคน  ภาระคงมากน่าดู   :wink:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 10:27 am
โดย VIB007
[quote="hongvalue"]ผมมีเรื่องอยากถามพี่วิบูลย์มานานแล้ว

รบกวนช่วยตอบให้หายค้างคาใจหน่อยครับ

ผมเห็นพี่ชอบชวนให้ผมช่วยปั่นกระทู้หรือว่า

ช่วยให้ผมมาดำเนินกระทู้นี้ต่อจากพี่โดยที่จริงๆ

ผมก็ไม่ใช่แนว vi และหลายครั้งผมก็ใช้คำพูดไม่ค่อย

สุภาพนี้กระทู้นี้ด้วย



ทำไมพี่ถึงชอบคุยกับคนที่ไม่ได้มีแนวทางเดียวกันแบบผม

และชวนมาดำเนินกระทู้แทนล่ะครับในเมื่อจริงๆแล้ว

ผมกับพี่ แนวทางการลงทุนก็เหมือนน้ำกับน้ำมัน หรือ

น้ำกับไฟ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 12:59 pm
โดย hongvalue
VIB007 เขียน:
พี่ว่าฮงเป็นพวก GEN Y นะ
เด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบรอ ใจร้อน และไม่มีSeniority
เด็กรุ่นนี้คนรุ่นเก่าๆมักรับไม่ค่อยได้
เพราะดูเหมือนก้าวร้าว ชอบแสดงความคิดเห็น ชอบแสดงออก
ขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยให้ความสนใจในมนุษย์สัมพันธ์สักเท่าไหร่นัก
อืม ครับผมว่านี้เป็นเรื่องจริงครับ เพื่อนของผมหลายคนก็มี character คล้ายๆกับผม แต่ว่าผมจะมั่นใจในตัวเองสูงกว่าเพื่อน ซึ่งหลายครั้งมันกลายเป็นดูก้าวร้าว มีเพื่อนเตือนผมเลยพยายามปรับปรุงตัวอยู่ครับ
VIB007 เขียน:
ส่วนพวก GEN Y อย่างเอ็งนี่
ชอบอิสระ เน้นผลสำเร็จของงานเหมือนกัน
แสดงความคิดเห็นเต็มที่ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
ไม่ชอบระบบเจ้าขุนมูลนาย
แต่ถ้าใครเก่งจะนับถือเต็มที่
แต่ถ้าใครห่วย เมินซะเถอะ(ถึงแม้มันจะเป็นนายก็ตาม)

ที่ว่ามานี่จริงไหม
อึ้งไปเลย อย่างกับมานั่งอยู่ในใจของผมเลย ตรงเป๊ะ 100% เลยด้วยซ้ำครับ
ผมคิดว่าค่าของคนอยู่ที่ผลงาน ผมไม่เหมือนคนรุ่นเดียวกันที่ชอบกรี๊ดกร๊าด ดารา  ผมคิดว่าดาราเป็นดาราได้เพราะว่าพ่อแม่ให้มา หมายถึงให้หน้าตามา
แต่ผมชอบคนเก่งมีความรู้  ผมคิดว่าคนพวกนี้เริ่มมาจากไม่รู้อะไรเลย จนพัฒนาตัวเองเป็นคนเก่งรู้เยอะรู้ลึก  ซึ่งมันต้องอาศัยความพยายามสูง ต้องมุ่งมั่นและมีแรงบันดาลใจ ผมนับถือคนพวกนี้มาก ผมเคยถึงขนาดขอลายเซ็น คุณ visit
ให้เซ้นใน research ของเขาให้ผมหน่อย
เพราะผมคิดว่ากว่าเขาจะเก่งได้ขนาดนี้คงพยายามมาก ผมรู้สึกว่าผมเคารพในความพยายาม ผมจึงนับถือคนเก่งๆ หลายคนถึงจะไม่เคยคุยด้วยแต่ได้ติดตามอ่านผลงานก็อดนับถือใน วิสัยทัศน์ไม่ได้
แล้วที่บอกว่าไม่ชอบระบบเจ้าขุนมูลนายเพราะผมคิดว่า คนเราความน่านับถือ
ไม่ได้อยู่ที่อายุ แต่อยู่ที่ความสามารถและอยู่ที่การเป็นผู้ให้ หลายคนเก่งแต่ไม่เคยสอนคน แบบนี้ผมก็นับถือไม่มาก แต่หลายคนเก่งและสอนคนและยังอ่อนน้อม คนแบบนี้เป็นฮีโร่ในใจผม แต่ผมไม่ชอบให้เอาคำว่า เป็นคนเก่าคนแก่
เป็น bigname แล้วพูดอะไรก็ดูดีไปหมด ผมรับไม่ได้วันก่อนคุณอาจจะเป็น bigname แต่ถ้าคุณไม่พัฒนาตัวเอง คุณก็โดนแซงได้ จริงไหมครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 1:16 pm
โดย hongvalue
VIB007 เขียน:

มันไม่ง่ายหรอกที่จะฝืนสัญชาตญานของตนเอง
แต่พี่คิดว่าเราน่าจะทำได้
มันไม่แปลกที่จะมีคนคิดต่างจากเรา
เราก็เพียงอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงคิดอย่างนั้น
และมันมีอะไรดีที่เราเอามาใช้ได้

ผมคิดว่าประโยคนี้เป็น highlight เพราะว่า
ผมเองเคยศึกษาการลงทุนแบบ vi และเคยลงทุน
มา 2 ปีเต็ม ผมเคยว่าผมรู้หลักการแบบ vi ดีว่ามีปรัชญา
ทางความคิดอย่างไร และมีข้อดีต่างๆอย่างไร
เมื่อก่อนผมไม่ชอบคนที่มาพูดเรื่องเทคนิคให้ผมฟัง
เพราะผมจะชอบคิดในใจเสมอว่า
ถ้าบริษัทที่กราฟสวยเป็นบริษัทที่พื้นฐานไม่ดีแล้วจะให้ทำใจซื้อได้อย่างไร

แต่หลังจากผมหายจากอาการ(กบในกะลา,คิดอะไรแคบๆ)เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ผมคิดว่าถ้าอยากศึกษา
การลงทุนหลายๆรูปแบบ ผมเพราะเชื่อว่าตลาดประกอบจากนักลงทุนหลายๆแนว------------> ดังนั้นการเข้าใจนักลงทุนหลายๆแนว จะทำให้เข้าใจตลาดมากขึ้น------------------>การเข้าใจตลาดมากขึ้นจะทำให้หาประโยชน์จากนายตลาดได้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง----------------->การหาประโยชน์จากนายตลาดได้มากขึ้นจะทำให้นักลงทุนเก่งและประสบความสำเร็จมากขึ้น


หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนไป ขนาดคนเล่นปั่นเดี่ยวนี้ผมยังอยากคุยเลยว่าเขาดู bid offer ยังไง นิสัยหุ้นเป็นไง
เล่นแล้วได้เสียอย่างไร  ผมถือว่าผมได้ข้อมูลมากผมก็ได้เปรียบ


เมื่อก่อนผมเวลาผมเห็นคนไม่เห็นด้วยกับแนวทาง fundflow ผมเคยคิดว่าอยากจะอธิบายให้เขาเข้าใจมากขึ้น แต่หลังๆผมไม่ทำแล้วเพราะผมถือว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของผม ถ้าเขาเปิดใจแล้วเข้าใจสิ่งต่างๆมากขึ้นก็ดีต่อตัวเขา ถ้าเขาคิดว่ามันไม่มีประโยชน์สู้เอาเวลาไปหาหุ้นใหม่ๆไม่ได้ มันก็เป็นสิทธิ์ที่เขาจะคิดแบบนั้นซึ่งไม่ได้ผิดอะไร


และหลังๆผมได้ศึกษาแนวคิดของ trader รูปแบบต่างๆ
ผมก็ได้พบว่า trader มีปรัชญาบางอย่างที่ดีมากๆ
ที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจากการเป็น vi
ผมก็ประยุกต์หลักการต่างๆเหล่านั้นเอามาใช้

ที่พูดมานี้ไม่ได้จะบอกว่า vi ไม่ดีvi ก็มีหลักการดีๆอยู่เยอะแต่ คนอื่นก็มีของดีๆเจ๋งๆที่ vi ไม่มีถ้าเราเปิดใจแล้วเรียนรู้จุดดีของศาสตร์ต่างๆได้ เราจะได้แนวทางที่เหมาะกับ character เรามากที่สุด


ผมเลยคิดว่าใครเปิดใจก็น่าจะดีต่อตัวเขาเอง
ใครที่ปิดใจเลยก็แล้วแต่เขา

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 1:18 pm
โดย hongvalue
VIB007 เขียน: ส่วนที่อยากให้ฮงดำเนินรายการนั้น
เพราะยังไม่มีใคร Active ในกระทู้นี้เลย
ส่วนใหญ่มาแล้วก็ไป
ยังหาคนที่ Consistant ไม่ได้เลย
คนไทยก็อย่างนี้หละ ไม่ยั่งยืน ชอบแป๊ปๆ เห่อเป็นพักๆ

ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้ฮงตอบอยู่คนเดียว
แต่มาทำหน้าที่เจ้าบ้านเวลามีคำถามหรือมีอะไรในกระทู้นี้
ตอบในแนวทางของฮงเอง

ส่วนพี่ก็ยังเข้ามาในกระทู้เรื่อยๆ ไม่ได้ทิ้ง
และจะตอบในแนวทางของพี่เอง

ยังหามือเทคนิคอาสาสมัครมาตอบไม่ได้
ไม่งั้นจะครบกว่านี้

ผมเองก็คิดว่าที่นี้ก็เป็นบ้านหลังนึงของผมเหมือนกัน

ถ้ามีคนถามอะไรที่เป็นแนวทางของผมหรือว่าเป็นเรื่องที่ผมรู้เพราะได้หาข้อมูลมาผมก็จะเข้ามาเสริมและถ้ามีหลักการ vi บางอย่างที่ผมมองต่างมุม ผมก็จะเข้ามาเสริมครับ

อย่างน้อยเจ้าของกระทู้นี้ก็เป็นคนเปิดใจ
ผมก็สบายใจที่จะคุย

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 1:26 pm
โดย crazyrisk
[quote="VIB007"]
คนร่น GEN X อายุ 35 ปีขึ้นไป
จะมุ่งมั่นในงาน
เน้นผลสำเร็จมากกว่าอายุงาน
แสดงความคิดเห็นในกรอบ
ยังมีสัมมาคารวะบ้าง

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 11:49 pm
โดย hongvalue
น่าสนใจครับหมอเค

ถ้าจะไปเมื่อไหร่อย่าลืมบอกกันมั้งนะครับ

อยากจะหาเพื่อนที่เป็นประมาณ สหายธรรมครับ

คบกันเน้นคุยเรื่องธรรมะ เรื่องสัจธรรมชีวิต

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 10, 2009 11:51 pm
โดย hongvalue
ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ

เพลงนี้เพราะมากๆเลยครับ

http://music.siamza.com/music.php?k=64K&id=3976

เพลงสมัยก่อนความหมายดีมากครับ

ฟังแล้วลึกซึ้ง เพลงสมัยนี้บางทีแหกปากอย่างเดียวครับ

บางเพลงร้องว่า

รักชั้นแล้วมีอะไร ตับไตไส้พุง(เซียงจี้ตือฮวน)

อะไรก็ไม่รู้ไม่มีความหมายเลยซักนิดฟังแล้วชัดหู

ฟัง พบรักที่ปากน้ำโพดีกว่า  ซาบซึ้งกินใจ :lol:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 11, 2009 12:08 am
โดย zesar
พี่วิบูลย์ครับ ไม่ทราบมีคนเคยถามพี่ไปรึยัง (แต่ผมหาไม่เจอ)

เท่าที่ทราบคือพี่ขาย pttep ไปที่ราว ๆ 240++ (เท่าไหร่แน่จำไม่ได้)

เพราะพี่บอกว่าพี่หา Intrinsic Value ของพี่ แล้วได้ประมาณนี้ ใช่รึเปล่าครับ

คำถามคือว่า ถ้าเกิดว่า วิกฤตคราวนี้ มันเกิดขึ้นเร็วกว่านี้หน่อย คือเกิดก่อนที่ pttep ที่พี่ถืออยู่ จะราคาขึ้นไปถึงราคาในใจของพี่

พี่จะยังคงถือ pttep อยู่จนมันลงไปถึง 70 กว่าบาทรึเปล่าครับ หรือพี่จะทำยังไงกับมัน

พี่เคยบอกว่า บัฟเฟตบอกว่า ถ้าทนดูหุ้นในพอร์ตขาดทุน 50% ไม่ได้อย่ามาเ่ล่นหุ้นเลย

แต่ผมอยากรู้ว่า สมมุติเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น พี่จะมีวิธีรับมือกับมันยังไงครับ

ขอบคุณครับ