หน้า 124 จากทั้งหมด 160
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 22, 2009 8:47 pm
โดย zesar
เด๋วผมต้องออกไปข้างนอกแล้ว
ไม่อยู่ สองวัน กลับมาคุยกันใหม่วันเสาร์นะครับ
พยายามเข้านะทุก ๆ คน :D
ปล. ฝากโพสท์ชี้แนะผมด้วยนะครับทุกท่าน ขอบคุณล่วงหน้า
ผมจะพยายามพัฒนาเป็นแม่งเม่าปีกเหล็กให้ได้
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 22, 2009 9:59 pm
โดย naris
VIB007 เขียน:
เอาคร่าวๆนะ
IPD Utilization rate = 50-60%
OPD เพิ่มจากปัจจุบันสัก 50%
ขอบคุณครับพี่วิบูลย์
เดี๋ยวจะไปแกะต่อครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 23, 2009 10:09 am
โดย hongvalue
zesar เขียน:
สุดยอดเลยครับ
มีภาพทำนาย set ด้วย
ผมไม่กล้าทำแฮะแบบนี้
เพราะว่าตามหลัก fundflow มันบอกไม่ได้ถึงขนาด
จะขึ่นลงยังไง test ตรงไหนแล้ว ย่อแล้วพุ่งต่อ
ถ้าแบบนี้น่าจะเป็นแนวของนักเทคนิคมากกว่า
ตามความเห็นผม
ผมคิดว่าเราไม่น่าจะพูดได้ขนาดนี้นะครับ
(บอกให้ผม comment ก็เลยเอาซะหน่อย แต่ไม่รู้จะถูกใจไหม)
ผมบอกได้แค่ว่า set ณ.ระดับนั้นๆ ความเสี่ยงคุ้มค่ากับผลตอบแทนไหม
จะมีปัจจัยอะไรให้เกิดสภาพคล่องแล้วไหลเข้าตลาดหุ้นไหม
valuation หุ้นเทียบกับภาวะเศรษฐกิจเป็นไง
อารมณ์นักลงทุนที่ดูผ่าน spread bond เป็นไง
แนวโน้มค่าเงินจะเป็นยังไงถ้าดูปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจ
เม็ดเงิน ส่งออกน้ำเข้า
แต่ผมว่าการคาดการณ์ set เลยว่าจะเป็นไง
โดยไม่ประเมินภาพรวมให้ดีก่อน
และไม่เผื่อเหลือเผื่อขาดอะไรกับสมมุติฐาน
และยังซื้อขาลง
ส่วนตัวผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะครับ
(แต่ว่ามันอาจจะถูกก็ได้นะแล้วแต่แนว เป็นความเห็นผมเฉยๆนะ)
อย่าโกรธผมล่ะ :D
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 23, 2009 10:28 am
โดย hongvalue
VIB007 เขียน:อะ อะ
ตอนนี้อยู่สิงคโปร์มาประชุม
เป็นไงดูเนียนเหมือนอยู่กรุงเทพหรือเปล่า ฮง
เดี๋ยวคำถามทั้งหมดจะกลับไปตอบให้นะพรุ่งนี้
ได้เวลาต้องเดินทางไปสนามบินแล้ว
โชคดีว่ะ
ท่าทางจะติดกระทู้นี้มากนะครับ
ขนาดอยู่สิงคโปร์ยังมาบอกว่าจะมาตอบให้พรุ่งนี้
อิอิอิ
เนียนครับ เนียนเหมือนอยู่กรุงเทพจริงๆ
อย่าลืมนะครับ
คำตอบขอยาวๆๆๆๆๆๆ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 23, 2009 10:46 am
โดย VIB007
hongvalue เขียน:
ท่าทางจะติดกระทู้นี้มากนะครับ
ขนาดอยู่สิงคโปร์ยังมาบอกว่าจะมาตอบให้พรุ่งนี้
อิอิอิ
เนียนครับ เนียนเหมือนอยู่กรุงเทพจริงๆ
อย่าลืมนะครับ
คำตอบขอยาวๆๆๆๆๆๆ
กลับมากรุงเทพแล้ว แต่จะออกไปประชุมข้างนอกต่อ
กำลังจะบอกว่าถ้าตูไม่เฝ้ากระทู้นี้แล้วใครจะมาตอบแทนหว่า
ตอนนี้ยังหา"ทายาทอสูร"ไม่ได้
จะให้เอ็งเป็นแทนก็ไม่รับซะนี่
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 23, 2009 11:22 am
โดย VIB007
hongvalue เขียน:มีคำถามต่อ
เนื่องจากผมไม่เคยไปทำ scutterbutt
เคยแต่ไป company visit
เข้าใจว่าต่างกันตรง
scutterbutt แอบตามลูกค้าว่าประทับใจไหม
ถามพยายามสวยๆ ว่าช่วงนี้ลูกค้าเยอะไหม
แต่ company visit เราจะไปซักถามผู้บริหารโดยตรง
สิ่งที่ผมอยากถามก็คือว่า
สมมุติว่าเราไปทำ scutterbutt bh เราต้องไปทำ
scutterbutt ของ bgh svh ด้วยไหม
เพื่อเทียบกันว่าโรงบาน ระดับใก้ลเตียงกัน
มีความประทับใจของลูกค้าแค่ไหน supply เป็นไง
อะไรต่างๆ
ถ้าเราไปทำ scutterbutt แค่โรงบาลเดียว
เราจะเปรียบเทียบกันยังไงล่ะ
คือถ้าไปถามผู้บริหาร
เราคงไม่ได้ยินอะไรไม่ดีจากปากผู้บริหารแน่
ตั้งแต่ลงทุนมาหลายปี
พี่เคยไป company visit แค่ครั้งเดียว
ก็คือ CPALL ที่ไปเจอเอ็งนั่นหละ
แล้วก็เจอแต่ IR ด้วยซ้ำ
ข้อมูลส่วนใหญ่จากผู้บริหารที่ได้ก็เป็นข้อมูลเปิดเผยทั่วไป
เพราะเขาก็กลัวการให้ข้อมูล
เดี๋ยวกลต.ตรวจสอบมาจะซวยไปด้วย
ถ้าให้ดีเวลาเจอผู้บริหารให้ถามเรื่องของคู่แข่ง
เขาจะตอบได้เต็มที่ว่าดีไม่ดีอย่างไร
อย่างไป CPALL
เราก็ได้มุมองต่อ Tesco Lotus และ Family Mart
แต่ถ้าเราทำ scutterbutt
เราคุยกับคนที่ใกล้ชิดกับบริษัทจริงๆ
ลูกค้าคือคนสำคัญ
บริษัทที่ขายของไม่ได้มันก็ต้องเจ๊ง
แต่ผู้บริหารไม่รู้หรอกว่า
พนักงานหน้า Counter ทำอะไรเฮงซวยกับลูกค้าไว้
เพราะพนักงานระดับล่างไม่ค่อยรายงานปัญหาให้ข้างบนรู้
กว่าผู้บริหารระดับสูงจะรู้
ก็โน้น รายได้หด ลูกค้าหนีหมดแล้ว
การไปใช้บริการร้านค้าของบริษัท
ก็ถือว่าเป็นการทำ scutterbutt นะ
ดูว่าคนมากคนน้อย
ร้านข้างๆร้านไหนคนเข้ามากกว่ากัน
ดูฮั่งเช้งว่าเป็นยังไง
สนุกจะตาย
ไปcompany visit
เจอผู้บริหารสองสามชั่วโมง
กลับมาทำรายงาน Report ส่ง
เหมือนนักวิเคราะห์ที่ไม่เคยใช้บริการสินค้าหุ้นนั้นๆเลย
ส่วน BH
พี่มองว่าโรงพยาบาลในเมืองไทย
เป็นคู่แข่งแค่ครึ่งเดียว
เพราะมีลูกค้าต่างชาติกว่าครึ่ง
ส่วนตัวทำ scutterbutt โรงพยาบาลคู่แข่ง
โดยถามคนอื่นๆที่รู้จักว่าชอบโรงพยาบาลไหน เพราะอะไร
ถ้าทุกคนบอกชอบไปโรงพยาบาลกรุงเทพ
คงต้องไปดูหน่อยว่ามีอะไรดี
ทำนองนี้หละ
แต่ตอนนี้ถามใครก็ไปบำรุงราษฏ์กับสมิติเวชกันหมดหนะ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 23, 2009 4:38 pm
โดย VIB007
hongvalue เขียน:คำถาม
ทำไมพีวิบูลย์
ถึงชอบเล่นแต่บริษัทที่เป็นผู้นำ
เล่นแต่บริษัทใหญ่ๆ
เช่น พลังงานก็ pttep โรงบาลก็ bh
จริงๆไม่เคยสนใจเลยนะ
ว่าบริษัทที่จะลงทุนมันจะใหญ่จะเล็ก
เพียงแต่ดูว่าบริษัทไหนมี Competitive advantage บ้าง
จะใหญ่จะเล็กไม่เคยสนใจ
แต่ปรากฏว่าบริษัทที่มี Competitive advantage ในตลาดหุ้นไทย
มันเป็นบริษัทขนาดใหญ่แค่นั้นเอง
ถ้าบริษัทเล็กๆไหนมีความสามารถในการแข่งขัน(อย่างยั่งยืน)
ต้องเน้นว่า"อย่างยั่งยืน"นะ
เพราะเห็นดีไปปีสองปีแล้วก็เดี้ยง
ถ้าเจอก็บอกด้วยแล้วกัน
hongvalue เขียน:ผมเคยคุยกับคนที่ไม่ชอบเล่นหุ้นตัวใหญ่
เขาให้เหตุผลดังนี้
อยากให้พี่วิบูลย์
ช่วยdiscuss ให้ดูทีละข้อด้วย
พี่ว่าอันนี้ต่างจิตต่างใจนะ
ใครคิดอะไรก็เป็นอย่างนั้น
เขาชอบตัวเล็ก
ไม่ชอบหุ้นตัวใหญ่ก็ตามใจ
ไม่ได้ว่าอะไรอะไร
ของอย่างนี้ไม่มีถูกมีผิด
ส่วนพี่ไม่เคยดูขนาดบริษัทก่อนซื้อลงทุนเลย
ให้ตายเถอะโรบิน
ถ้าเราเล่นแต่หุ้นเล็ก
ไม่เล่นหุ้นใหญ่
อาจพลาดอะไรบางอย่างก็เป็นไปได้นะ
พี่ว่าขนาดบริษัทไม่สำคัญเท่ากับพื้นฐานกิจการในระยะยาว
บริษัทเล็กก็โตได้
บริษัทโตก็เล็กได้หรือเจ๊งไปเลยก็มี
ดูที่พื้นฐานกิจการดีกว่าดูขนาดบริษัท
hongvalue เขียน:1.หุ้นตัวใหญ่มีคนทำ research เยอะโอกาศจะเจอหุ้น
undervalue จะน้อยลง เพราะว่ามีคนตามเยอะ
อย่าง peter lych ยังชอบหุ้นที่พวกสถาบันยังไม่ตามมาถือกันเลย พีมีความเห็นยังไงกับประเด็นนี้
ก็มีส่วนจริงบ้าง
แต่บางครั้งก็ไม่เสมอไป
ดูปลายปีที่แล้วซิ
หุ้นมีคนทำ research
หรือไม่มีคนทำresearch
มันก็ร่วงกันระนาวเหมือนกัน
บางครั้งหุ้นใหญ่ undervalue ก็มีนะ
hongvalue เขียน:2.หุ้นตัวใหญ่มักจะมีฐานกำไรที่สูงอยู่แล้ว เนื่องจากกว่าจะดังและมี brand ติดตลาดได้ก็ต้องใช้เวลานานพอควร
ดังนั้นก็ double ของกำไรจะยากกว่าหุ้นตัวเล็กๆ
พีมีความเห็นยังไงกับประเด็นนี้
แล้วมันดับเบิ้ลได้กี่ปีหละ
ถ้ามองกันยาวๆสักห้าปี
บริษัทเล็กๆกำไรอาจจะกระโดดได้ในปีสองปีแรก
แต่พอกำไรดีๆก็มีคู่แข่งเข้ามา
รายได้กำไรก็ลดลง
บางบริษัทก็เจ๊งไปเลยก็มี
ดูอย่างโรตีบอย
ยังจำกันได้ไหม
ร้านขายขนมปังกาแฟ
กลิ่นหอมมาก
ขายดิบขายดี
จนคนต้องไปรอต่อคิว
ผ่านไปสองสามปี
มีร้านขายแบบเดียวกันเต็มไปหมด
ราคาถูกกว่า รสชาดเดียวกัน
ตอนนี้โรตีบอยไม่มีคนรู้จักแล้ว
เพราะเลิกกิจการแล้ว
บริษัทเล็กโตนะมันโต
แต่โตอย่าง"ยั่งยืน"หรือเปล่า
hongvalue เขียน:3.หุ้นชั้น1 มี market share เยอะแล้ว
ถ้าตลาดรวมไม่โต ก็ต้องกินแชร์รายอื่น
พีมีความเห็นยังไงกับประเด็นนี้
ตลาดรวมไม่โต
แสดงว่าตลาดอิ่มตัวแล้ว
ธุรกิจแบบนี้อยู่ไปก็แค่ประคองตัว
ก็หาธูรกิจที่ตลาดมันโตซิ
แล้วบริษัทที่เป็นเจ้าตลาดก็ได้ประโยชน์
อย่างมาม่าเห็นชัด
เป็นเจ้าตลาดในตลาดที่อิ่มตัวแล้ว
บริษัทก็ไปไหนไม่ได้ไกล
เพราะผลประกอบการไม่โต
วิธีแก้คือ
หาตลาดใหม่
ไปต่างประเทศ
ก็ช่วยขยายตลาดได้
ธุรกิจที่มันอิ่มตัวแล้ว
ใครอยู่รอดได้คือคนที่มีต้นทุนถูกที่สุด
hongvalue เขียน:ถ้าจะกรุณาช่วยตอบแบบยกตัวอย่างของ
bh มาให้ดูเลยได้ไหม
ขอบคุณ
ยกตัวอย่างตัวอื่นน่ะ
เห็นชัดกว่า
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 23, 2009 9:26 pm
โดย hongvalue
ขออนุญาติชี้แจงเล็กน้อย
พอดีมีคน pm มาถามหลายคน
ว่าทำไมผมมั่นใจว่าหุ้นจะลง
และดูจากอะไร
ผมขอตอบว่า
ผมไม่ถึงขนาดมั่นใจหรอกว่าหุ้นจะลงแน่นอน
ผมคิดว่า 66-34 คือผมคิดว่าโอกาศลง 2 ใน 3
จริงๆแล้วข้อมูลที่ผมหามาได้ทั้งหมด
มันมีบางปัจจัยที่อาจจะทำให้
fundflow ไหลออกได้เยอะ
ซึ่งปัจจัยที่ผมกลัว อาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้
แต่ผมไม่ใช่นักพนัน อะไรที่โอกาศได้ไม่เกิน 70-80%
ผมไม่เล่น
และมูลค่าหุ้นแต่ละตัวตอนนี้ก็ไม่ได้จูงใจให้ลงทุนระยะยาวอะไรอยู่แล้วในมุมมองผม
(1ปี)
คติการลงทุนของผมคือ
ถ้าผมพลาดผมต้องโดนน้อย และถ้าได้ต้องได้เยอะ
และโอกาศในการได้ของผมแต่ละครั้งต้องเยอะ
ในเชิง probability และในเชิง upside
แต่ผมดูจาก สถิติเก่าๆในหลายๆรูปแบบ
ความน่าจะเป็นที่ผมจะได้ตังค์มันน้อย
แต่ที่ผมจะขาดทุนได้มันเยอะ
ผมก็เลยไม่เล่น
สำหรับคนเล่น fundflow ตอนนี้ที่ผมคุยมาหลายคน
ก็ไม่มีใครเล่น เพราะว่าตลาดหุ้นทั่วโลกมีความเสี่ยงบางประเด็นที่จะทำให้หุ้นตกหนักได้ใน q3
จะบอกแค่นี้แหละครับ ฉะนั้น ผมไม่เล่นไม่ได้หมายความว่าผมมั่นใจว่าหุ้นลงแน่นะครับ
ผมอาจจะตกรถก็ได้ครับ
และผมก็ได้ประกันความเสี่ยงเอาไว้โดยการอ่านข่าวทุกวัน
ถ้าเราศึกษาว่า เกิด
เงื่อนไขอะไรบ้างจะทำให้เกิด
bear market rally
และ เราศึกษาต่อไปว่า เงื่อนไขอะไรบ้างที่จะกลายเป็น
bull market
เรารอให้เกิดเงื่อนไขที่จะเป็น bull market ก่อนก็ได้
แล้วค่อยเข้าไป
ถ้าเรามั่นใจว่าเราเร็วพอยังไงก็มี upside ให้เราอยู่แล้ว
การประกันความเสี่ยงของผมก็คือ ผมถือเงินสดเอาไว้ในตอนที่เงื่อนไขของเม็ดเงินและ economic indicator
ต่างๆ ตลาดน่าจะเป็นได้แค่ bear market rally
แต่ถ้าผมเห็นตัวเลขอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป
ผมอาจจะซื้อแพงกว่านี้ก็ได้
แต่ผมคิดว่าซื้อแล้วโอกาศขึ้นต่อไปมีเยอะ
สรุปอีกครั้ง
ผมยังไม่เห็นเงื่อนไขในการเป็น bull market
ผมก็ไม่รู้จะเสี่ยงไปทำไม
ผมเล่นหุ้นตั้งแต่ 415 ขาย 530 และเล่นอีกครั้ง
550 ขายไปเยอะที่ 620
ถึงผมจะพลาดไปบ้างถ้า set ไป 660-670
ผมก็ไม่ได้เสียดายมาก
มันก็แค่ 40-50 จุด แต่ 40-50 จุดนี้ผมก็โดนได้เป็น
100 จุดเหมือนกันแหละ risk/reward มันต่างจาก
ตอนซื้อหุ้นที่ 415 จุดมาแล้ว
ถ้าเราเล่นรอบเราไม่มีทางขายได้จุดสูงสุดอยู่แล้ว
คนไม่เข้าใจเรื่องนี้เล่นรอบไปก็เป็นทุกข์ไป
ส่วนเงื่อนไขการเปลี่ยนจาก
bear market rally เป็นตลาดกระทิงดูยังไง
โปรดอย่าถาม คนเราต้องมีความลึกลับบ้าง
ถึงจะดูน่าค้นหา ดังนั้นผมขอทำตัวลึกลับ
:lol:
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 23, 2009 9:27 pm
โดย hongvalue
VIB007 เขียน:
ตอนนี้ยังหา"ทายาทอสูร"ไม่ได้
จะให้เอ็งเป็นแทนก็ไม่รับซะนี่
แหม ก็ผมไม่ใช่แนว vi นี้นา
มันผิดวัตถุประสงค์ของเว็บนา
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 23, 2009 9:40 pm
โดย hongvalue
VIB007 เขียน:
ถ้าให้ดีเวลาเจอผู้บริหารให้ถามเรื่องของคู่แข่ง
เขาจะตอบได้เต็มที่ว่าดีไม่ดีอย่างไร
อย่างไป CPALL
เราก็ได้มุมองต่อ Tesco Lotus และ Family Mart
อืม นี้เป็นข้อสรุปที่ดี คนไป com visit
น่าจะเอาอย่างนะ
สมมุติว่า มีหุ้น a กับ b เราถือ a เราไป com visit
b เพื่อไปถามหุ้น a อย่างละเอียด ได้มุมมองที่ดี
แต่อาจ bias ก็ได้นะ
ระวัง
VIB007 เขียน:แต่ถ้าเราทำ scutterbutt
เราคุยกับคนที่ใกล้ชิดกับบริษัทจริงๆ
ลูกค้าคือคนสำคัญ
บริษัทที่ขายของไม่ได้มันก็ต้องเจ๊ง
แต่ผู้บริหารไม่รู้หรอกว่า
พนักงานหน้า Counter ทำอะไรเฮงซวยกับลูกค้าไว้
เพราะพนักงานระดับล่างไม่ค่อยรายงานปัญหาให้ข้างบนรู้
กว่าผู้บริหารระดับสูงจะรู้
ก็โน้น รายได้หด ลูกค้าหนีหมดแล้ว
ผมเลยเห็นภาพล่ะว่าการทำ scutterbut ตอบอะไร
โจทย์อะไรได้บ้างที่อย่างอื่นตอบไม่ได้
เพราะข้อมูลที่เราได้จากข้างบนก็ไม่มีเรื่องพวกนี้
vi ระดับตำนานคนนึงยังเคยเขียนว่าไปซื้อของกิน
ในเครือที่ตัวเองถือหุ้นและพบพนักงานโกง
และตอนประชุมผู้ถือหุ้น vi ท่านนั้นก็ได้นั่งคุยกับ
ผู้บริหารหลังประชุมจบถึงปัญหาเรื่องพนักงานโกง
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 23, 2009 9:49 pm
โดย hongvalue
VIB007 เขียน:
การไปใช้บริการร้านค้าของบริษัท
ก็ถือว่าเป็นการทำ scutterbutt นะ
ดูว่าคนมากคนน้อย
ร้านข้างๆร้านไหนคนเข้ามากกว่ากัน
ดูฮั่งเช้งว่าเป็นยังไง
สนุกจะตาย
ไปcompany visit
เจอผู้บริหารสองสามชั่วโมง
กลับมาทำรายงาน Report ส่ง
เหมือนนักวิเคราะห์ที่ไม่เคยใช้บริการสินค้าหุ้นนั้นๆเลย
ผมได้ยินมาว่า vi ที่ถือหุ้น cpall คนนึง
ที่ซื้อตั้งแต่ 5 บาทกว่าก็เข้าไปซื้อของใน 7-11
บ่อยมากและสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงของบริษัทที่ดีขึ้นตามลำดับ
และเห็นว่าบริษัทยังสามารถทำอะไรได้อีกหลายอย่าง
และเรื่องที่นักวิเคราห์ไม่เคยใช้สินค้าก็จริง
อ่าน research มีแต่วิเคราห์ตัวเลขงบการเงิน
yoy qoq อะไรทำนองนี้นักลงทุนก็ทำเองได้เหมือนกันแหละ
VIB007 เขียน:
ส่วนตัวทำ scutterbutt โรงพยาบาลคู่แข่ง
โดยถามคนอื่นๆที่รู้จักว่าชอบโรงพยาบาลไหน เพราะอะไร
ถ้าทุกคนบอกชอบไปโรงพยาบาลกรุงเทพ
คงต้องไปดูหน่อยว่ามีอะไรดี
ทำนองนี้หละ
แต่ตอนนี้ถามใครก็ไปบำรุงราษฏ์กับสมิติเวชกันหมดหนะ
งี้นี้เอง ถ้าไปสำรวจ หลายที่เราก็ดูว่าใครพูดตรงกันว่า
ที่ไหนดี เราก็ไปสำรวจที่นั้นต่อได้อีกด้วย
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 23, 2009 10:00 pm
โดย hongvalue
VIB007 เขียน:
ก็มีส่วนจริงบ้าง
แต่บางครั้งก็ไม่เสมอไป
ดูปลายปีที่แล้วซิ
หุ้นมีคนทำ research
หรือไม่มีคนทำresearch
มันก็ร่วงกันระนาวเหมือนกัน
บางครั้งหุ้นใหญ่ undervalue ก็มีนะ
ผมว่าอันนี้เห็นด้วย
q2 หุ้นตัวใหญ่ๆขึ้นกันไป 100% หาหุ้นตัวเล็ก
ขึ้นเยอะขนาดนี้หายาก
เจอก็ไม่กี่ตัว
และการที่มีคนทำ research คนอื่นอาจจะมองผิดก็ได้
คนที่มองถูกอาจเป็นเรา
ถ้าเราวิเคราห์ได้แม่นกว่า คนอื่นจะทำ research ก็เป็นประเด็นรองมากกว่า
VIB007 เขียน:
แล้วมันดับเบิ้ลได้กี่ปีหละ
ถ้ามองกันยาวๆสักห้าปี
บริษัทเล็กๆกำไรอาจจะกระโดดได้ในปีสองปีแรก
แต่พอกำไรดีๆก็มีคู่แข่งเข้ามา
รายได้กำไรก็ลดลง
บางบริษัทก็เจ๊งไปเลยก็มี
ดูอย่างโรตีบอย
ยังจำกันได้ไหม
ร้านขายขนมปังกาแฟ
กลิ่นหอมมาก
ขายดิบขายดี
จนคนต้องไปรอต่อคิว
ผ่านไปสองสามปี
มีร้านขายแบบเดียวกันเต็มไปหมด
ราคาถูกกว่า รสชาดเดียวกัน
ตอนนี้โรตีบอยไม่มีคนรู้จักแล้ว
เพราะเลิกกิจการแล้ว
บริษัทเล็กโตนะมันโต
แต่โตอย่าง"ยั่งยืน"หรือเปล่า
การที่เล็กๆโตได้ไม่ยั่งยืน
เหมือน peterlych เขียนไว้ว่า
ถ้าเจอบริษัทที่คิดว่าจะได้ 10 เด้ง
ก็ให้รอให้มัน prove ตัวเองก่อนว่ามันโตได้จริง
อย่างมีคุณภาพ
เช่น ร้านอะไรซักอย่างจำไม่ได้ที่ lych บอกว่า
มันทำได้ดีแค่สาขาแรก ต่อจากนั้นก็ไม่เป็นท่า
และเป็นหุ้นที่ทำให้ lych ขาดทุนไปพอควร
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 12:21 am
โดย hongvalue
พี่วิบูลย์เดี่ยวนี้ตอบแต่ละครั้งเต็มที่และยาว
มีทีเด็ดใหม่ๆปล่อยออกมาตลอดเวลา
คุยกับพี่กบ krisy เขายังบอกเลยว่า
พี่เขาคิดว่าพี่วิบูลย์รู้เยอะมากๆ
และอ่านหนังสือเยอะมาก
เหตุผลที่ผมชอบคุยกับพี่วิบูลย์เพราะว่า
ผมว่าพี่พิสูจน์ตัวเองได้ว่าหลักการลงทุนของพี่
เป็นของจริง ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมของมูลค่าหุ้น
อารมณ์ที่เหมาะสมในการลงทุน
จริงๆแล้วผมลองมานั่งดูหลักการเรื่อง fundflow ที่ตัวเองใช้
ผมอยากแชร์ประมาณนี้
(เดี่ยวพี่วิบูลย์ไม่มันพูดคนเดียว)
ปีนี้จริงๆ ผมซื้อหุ้นพลาดไปสองครั้ง
ครั้งแรกคือตอนต้นปี
คือซื้อวันเปิดวันแรกของเดือนมกราเลย
เหตุผลการซื้อค่อนข้างอ่อน
ก็คือ ผมเอาดัชนีประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก
คือเห็น dowjone และ hsi ขึ้น
ผมก็ซื้อ ซื้อไปก็ไม่ได้ตังค์หรอก
อีกรอบซื้อก่อน dowjone newlow
รอบนี้โดนไปประมาณ 4% ของ port
แล้วผมมาซื้อจริงๆจังๆตอน
กลางๆเดือนมีนาคม
เพื่อหวัง powerful bear market rally ใน q2
จำได้ว่าตอนนั้นผมโพสว่าถ้า usd index ลง
ผมจะไม่ขายหุ้น
จำได้เลยว่าตอนนั้นยังเถียงกับ พี่วิบูลย์อยู่เลย
เรื่องท้าพิสูจน์ usd index
ใครตามอ่านมาตลอดคงจำได้
จริงๆเหตุผลในการซื้อ q2 นั้นมีเยอะกว่าที่เล่ามา
เคยเล่าไปแล้วก็เอาขำๆนิดหน่อยก็แล้วกัน
-เงินดอลจะอ่อนจาก qe ของ fed
-cycle ตลาดหุ้นจะมีผลตอบแทนน่าประทับใจ
ในแง่ last cut of fed fund late
-real fed fund rate ติดลบอย่างมีนัยยะ
-m2 ในไทยโต แต่ดอกเบี้ยต่ำ
-set 400 เศษ มองในแง่ bv ต่ำเท่าสมัยวิกฤติเศรษฐกิจ
-ค่าเงินดอลอ่อนราคาน้ำมันน่าจะขึ้น หุ้นตัวใหญ่น่าจะขึ้นได้
-earning yield gap อยู่ในระดับสูง
และอีกมากมายอย่างไม่รู้จะกล่าว
ผมเลยมานั่งคิดว่าผมได้ตังค์เพราะว่า
ผมสามารถหา story ของเม็ดเงินและ
ตาม focus indicator ได้ถูกตัว
ตอนผมขายไป 530
มันขึ้นไป 550 ผมก็เจ็บใจ
มันก็ sideway ซักพัก
ผมก็นั่งทำการบ้าน
พอผมเห็นตัวเลข บางอย่าง
ยกตัวอย่าง
vix index ผมคิดว่าตลาดหุ้นยังน่าจะไปต่อได้
ผมก็ยอมกลั่นใจซื้อที่ 550
(แต่ขายไปแล้วนะ)
รอบนี้ผมเองหวั่นไหว
และกลัวตกรถ
เพราะดูจาก dowjone และ hsi
หุ้นน่าจะไปต่อ
แต่ผมจะไม่ซื้อ เพียงเพราะเหตุผลเท่านี้
เนื่องจากว่า ผมซื้อไป ไม่มีอะไรรับประกันว่า
พรุ่งนี้ dowjone hsi จะไม่ลงแรง
ถ้าวันนี้ dowjone บวกแรง พรุ่งนี้ set ก็เปิดบวกแรง
ต้นทุนเราก็สูง เราก็ต้องลุ้นวันต่อวัน
ซึ่งมันเป็น concept daytrade มากกว่า
ไม่ใช่แนวของผม
เหตุผลการซื้อเพราะว่าวันนี้ dow บวก
โดยไม่ดูอย่างอื่นประกอบ
ผมว่ามันเสี่ยงเกินไป
และผมเคยพลาดเพราะแบบนี้มาแล้วตอนต้นปี
เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมก็จะยังถือเงินสด 100% ต่อไป
จนกว่าผมจะมองตลาดออกมากกว่านี้
ส่วนคนที่มีหุ้นอยู่ ผมขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยครับ
เพราะพรุ่งนี้ท่านคงจะได้ตังค์อีกแล้ว
เพราะตอนนี้ dow เกิน 9000 ไปแล้ว
ผมคิดว่า พี่วิบูลย์ก็มีอารมณ์การลงทุนที่ดีในแบบของพี่
เช่นไม่ panic ตามตลาด เน้นดูมูลค่าหุ้นมากกว่าราคาหุ้น
ส่วนของผมเองก็มีการฝึกฝนอารมณ์ที่ควรจะเป็นในแบบนักเก็งกำไร
ก็คือ ผมจะทำใจว่า ถ้าภาพใหญ่มันไม่ใช่
เม็ดเงินไม่น่าจะเยอะ มูลค่าหุ้นไม่ได้ถูก
ผมก็ทนได้ที่มันจะไปต่อ
ถ้าผมทนไม่ได้เห็นมันไปแล้วจะใส่ตามทุกครั้ง
โดยที่เหตุผลของผมคือ ผมเห็นมันขึ้น
ผมก็เลยตาม
ผมว่าแบบนั้นระยะยาวผมจะไม่รอดจากตลาดหุ้น
เล่าๆสู่กันฟังครับ ประสบการณ์และการควบคุมอารมณ์ของผม
นักลงทุนที่ดีต้องมีจุดยืนที่ดีและไม่ดื้อ
ผมคิดอย่างนั้น
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 12:31 am
โดย Juninho
ผมว่าวีไอ ก็ดีอย่างนะครับ
ไม่ต้องดูตลาดมาก ไม่สนว่าตลาดจะขึ้นจะลง
แต่ ก็ได้ตังค์ตลอด ไม่เห็นต้องไปสนเลยกับ มิสเตอร์มาร์เก็ต :D
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 12:49 am
โดย hongvalue
happiness เขียน:
แต่ ก็ได้ตังค์ตลอด
ถึงขนาดได้ตังค์ตลอดเลยหรือครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 5:46 am
โดย เตรียมอนุบาล
hongvalue เขียน:
เหตุผลที่ผมชอบคุยกับพี่วิบูลย์เพราะว่า
ผมว่าพี่พิสูจน์ตัวเองได้ว่าหลักการลงทุนของ
พี่
เป็นของจริง ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมของมูลค่าหุ้น
อารมณ์ที่เหมาะสมในการลงทุน
...............................ฟันธง....................................
ขอบคุณครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 10:15 am
โดย VIB007
hongvalue เขียน:
สรุปอีกครั้ง
ผมยังไม่เห็นเงื่อนไขในการเป็น bull market
ผมก็ไม่รู้จะเสี่ยงไปทำไม
ผมเล่นหุ้นตั้งแต่ 415 ขาย 530 และเล่นอีกครั้ง
550 ขายไปเยอะที่ 620
ถึงผมจะพลาดไปบ้างถ้า set ไป 660-670
ผมก็ไม่ได้เสียดายมาก
มันก็แค่ 40-50 จุด แต่ 40-50 จุดนี้ผมก็โดนได้เป็น
100 จุดเหมือนกันแหละ risk/reward มันต่างจาก
ตอนซื้อหุ้นที่ 415 จุดมาแล้ว
ถ้าเราเล่นรอบเราไม่มีทางขายได้จุดสูงสุดอยู่แล้ว
คนไม่เข้าใจเรื่องนี้เล่นรอบไปก็เป็นทุกข์ไป
:lol:
นักเก็งกำไรหรือนักลงทุน
ก็ต้องควบคุมอารมณ์กันทั้งนั้น
ใครปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลในการเล่นหุ้น
สุดท้ายก็ต้องจบไม่สวยทุกราย
อย่างกรณีของฮง
ภาษาวิชาการหุ้นเขาเรียกกันว่า"เสียดายดีกว่าเสียใจ"
ถ้าเป็นเด็กรุ่นใหม่ให้ท่องไว้ในใจทุกครั้งที่"ตกรถ" อิ อิ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 11:00 am
โดย VIB007
hongvalue เขียน:พี่วิบูลย์เดี่ยวนี้ตอบแต่ละครั้งเต็มที่และยาว
มีทีเด็ดใหม่ๆปล่อยออกมาตลอดเวลา
คุยกับพี่กบ krisy เขายังบอกเลยว่า
พี่เขาคิดว่าพี่วิบูลย์รู้เยอะมากๆ
และอ่านหนังสือเยอะมาก
ตอนนี้มีหนังสือค้างอยู่อีกสิบเล่ม
ยังอ่านไม่จบ
ภาษาอังกฤษทั้งนั้น
จะรออ่านภาษาไทยคงต้องรอแปลอีกสองปี
จะว่าไปก็เป็นโรคจิตอย่างนึงนะ
เห็นหนังสืออยากอ่านก็ซื้อเลย
และเอามากองเต็มไปหมดยังไม่อ่าน
มีอีกคนเป็นเหมือนกันคือท่านWEB
ตอนนี้หนังสือที่มีอ่านหมดหรือยังก็ไม่รู้
hongvalue เขียน:ส่วนของผมเองก็มีการฝึกฝนอารมณ์ที่ควรจะเป็นในแบบนักเก็งกำไร
ก็คือ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 12:46 pm
โดย VIB007
[quote="hongvalue"]มีคำถามต่ออีก
เวลาพี่วิบูลย์ทำ valuation หุ้น
เช่น ทำ dcf
พี่ทำบ่อยแค่ไหน
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 1:05 pm
โดย hongvalue
VIB007 เขียน:
เขียนปลอบใจตัวเองหรือเปล่า อิ อิ
ไม่มีใครรู้
การลงทุนกลับตารปัตรได้ตลอดเวลา
ผมอาจจะผิดแล้วหุ้นขึ้นกระจายก็ได้
แต่ผมอาจถูกและหุ้นลงมาเละเทะก็ได้เหมือนกัน
เวลาจะตอบเอง ว่าผิดหรือถูก
อีกอย่างผมตั้งเป้าว่าแต่ละปีผมต้องชนะนายตลาดได้อย่างมีนัยยะ
แต่ผมไม่ได้ตั้งเป้าว่า ผมจะต้องมีหุ้นตลอดเวลา
หรือว่า ถ้าคิดว่าหุ้นจะขึ้นผมต้องขายใกล้เคียงจุดสูงสุด
ฉะนั้นถ้าผมต้องรักษาวินัย ไม่ trade ในช่วงที่ไม่ควร trade
เป้าใหญ่คือ ขนะนายตลาดจะได้อย่างมีนัยยะของผม
ไม่พลาดไปน่ะครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 2:15 pm
โดย hongvalue
VIB007 เขียน:
อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ
ถ้ามันไม่รุนแรงมาก
ก็ไม่ทำให้มูลค่ากิจการเปลี่ยนแปลงมาก
อัตราดอกเบี้ยต่างกันไม่มากมีผลต่อมูลค่าหุ้นน้อย
อัตราดอกเบี้ยจะมีผลคำนวณต่อ Opportunity Cost ของการลงทุนในทรัพย์สินแบบต่างๆ
เด็ดคร้าบเฮีย
เฮียครับ
ผมเคยได้ยินมาว่า
ที่ vi อึดและไม่ panic ต่อตลาดได้ก็เพราะว่า
การวัดมูลค่าหุ้นในระยะยาวๆแล้ว
มูลค่าหุ้นเกือบทั้งหมดจะไปอยู่ที่มูลค่าซาก
หรือเรียกว่า terminal value
(ถ้าผิดโปรดแก้ไข)
ดังนั้นการที่ระยะสั้นกำไรของหุ้นอาจจะสะดุดซัก 1-2 ปี
มันกระทบต่อมูลค่าหุ้นน้อยมากๆ
ใช่ไหมครับ
ดังนั้น vi หลายคนจึงเฉยๆกับกำไรที่แย่แค่บางไตรมาสหรือบางปี
มีความเห็นว่าไงครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 3:14 pm
โดย VIB007
[quote="hongvalue"]
เด็ดคร้าบเฮีย
เฮียครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 5:51 pm
โดย krisy
พี่วิบูลย์คะ ขอแจมถาม
DCF ทำใกล้ก็ไม่ได้สะท้อนพื้นฐานระยะยาวตัว Terminal value มันสูงไปด้วย ทำไกลก็มักไม่แม่นเพราะตัวแปรมันเยอะ ดังนั้นกำหนดว่าเป็น 5 ปี 10 ปีตายตัวคงติดกับดับ พี่คิดว่า การหาระยะเวลาที่เหมาะสมของกิจการที่จะทำ DCF มันต้องดูอะไรบ้างคะถึงจะเหมาะสม ใช้รอบของเศรษฐกิจโลก รอบของเศรษฐกิจไทย รอบของธุรกิจ หรือทำมันทั้งไกลทั้งใกล้ แล้วเก็บมูลค่ากิจการเอาไว้เป็น range
เอาแค่แนวคิดก็ได้ค่ะพี่ เพราะกบว่าตัวเลขที่เหมาะสมเป็นการบ้านที่คนทดลองทำ ก็เลยไม่บังอาจถาม
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 10:28 pm
โดย VIB007
krisy เขียน:พี่วิบูลย์คะ ขอแจมถาม
DCF ทำใกล้ก็ไม่ได้สะท้อนพื้นฐานระยะยาวตัว Terminal value มันสูงไปด้วย ทำไกลก็มักไม่แม่นเพราะตัวแปรมันเยอะ ดังนั้นกำหนดว่าเป็น 5 ปี 10 ปีตายตัวคงติดกับดับ พี่คิดว่า การหาระยะเวลาที่เหมาะสมของกิจการที่จะทำ DCF มันต้องดูอะไรบ้างคะถึงจะเหมาะสม ใช้รอบของเศรษฐกิจโลก รอบของเศรษฐกิจไทย รอบของธุรกิจ หรือทำมันทั้งไกลทั้งใกล้ แล้วเก็บมูลค่ากิจการเอาไว้เป็น range
เอาแค่แนวคิดก็ได้ค่ะพี่ เพราะกบว่าตัวเลขที่เหมาะสมเป็นการบ้านที่คนทดลองทำ ก็เลยไม่บังอาจถาม
ผมเคยเห็น DCF มาทั้ง 3, 5, 10, และ 20 ปี
ถ้าจะให้เป็นแนวเอาไว้ใช้งานก็ต้องบอกแบบกำปั้นทุบดินว่า
ทำการประเมินกระแสเงินสดไปเท่าที่เรามีปัญญาทำและมีข้อมูล
เช่นมีข้อมูลกำลังการผลิตและเงินลงทุนในอีกห้าปีข้างหน้า
ก็ทำไปห้าปีและ
ที่เหลือก็ใช้เป็น Terminal value ไปสมมุติโตเท่าเศรษฐกิจอะไรทำนองนั้น
ถ้ามีข้อมูลอนาคตสามปีก็ทำสามปี
แค่นั้นหละ เอาง่ายๆอย่าคิดมาก
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 24, 2009 11:12 pm
โดย krisy
ขอบคุณค่ะพี่ เรียบง่าย (สมใจกบดี)
ทำเท่าที่มีปัญญาทำ จำง่ายดีค่ะ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 25, 2009 6:34 am
โดย VIB007
krisy เขียน:ขอบคุณค่ะพี่ เรียบง่าย (สมใจกบดี)
ทำเท่าที่มีปัญญาทำ จำง่ายดีค่ะ
โอเค
แต่อย่าลืมว่าการหามูลค่าหุ้นหาจากวิธีอื่นก็ได้นะ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 25, 2009 8:50 am
โดย hongvalue
ผมหมดมุขจะถามพี่วิบูลย์แล้วล่ะ
ถ้าใครอยากถามก็มาถามเองได้เลยนะ
ผมดูคร่าวๆแล้วมีคนอ่านกระทู้นี้มากกว่าวันละ 1000 ครั้ง
คนอ่านเยอะมาก แต่แปลกคนโพสคุยกันมีแค่ 3-4 คน
แปลกมาก มีเซียนมาตอบคำถามให้เต็มที่ไม่มีหมกเม็ด
แต่ไม่ค่อยมีคนมาถาม
ผมให้ยันต์กันผี
เฮ้ย ยันต์กันโดนไล่กลับไปทำการบ้านให้ดังนี้นะ
1.ถามอันที่ไม่เคยมีคนถามมาก่อนใน 124 หน้า
เพราะไม่งั้นจะโดนบอกว่า
"พี่ว่าน้องลองกลับไปไล่อ่านตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้านี้ดูก่อนนะ"
2.อย่าถามคำถามแบบให้ฟันธง
ประเภทฟันธง ภาวะตลาด ราคาหุ้นโปรดอย่าถาม
พี่เขาไม่ชอบแนวนี้
เช่น หุ้น aaa น่าสนใจยังไงค่ะ
ติด xxx อยู่ค่ะ จะไปขายที่ราคากี่บาทดีค่ะ
พี่เขาไม่ใช่นักวิเคราะห์ตามรายการโทรทัศน์นะ
3.อย่าถามแบบโคตรสั้นๆๆๆ แต่ให้คนตอบโคตรยาวววว
เช่น พี่วิบูลย์มีความเห็นยังไงกับวิกฤติครั้งนี้ค่ะ
ถามแบบนี้โคตรสั้น แต่ตอบให้ clear โคตรยาก
พี่วิบูลย์จัดเป็นคนคุยสนุกหนึ่งในไม่กี่คนที่ผมชอบ
ตั้ง camp คุยเป็นเรื่องเป็นราว
ตั้งแต่ผมไปซุ่มฝีมือมาเดือนกว่า กลับมากระทู้นี้เพิ่มขึ้น
เกือบๆ 10 หน้า
มีทั้งน้ำๆ และเนื้อๆ แล้วก็แซวกันแขวะกันอย่างเดียวเลยก็มี
ผมว่าใครอยากอ่านต่อมาคุยกับพี่เขาเถอะอย่ารออ่านอย่างเดียวเลย
(ผมจะได้นั่งดูคนอื่นมาถามบ้าง)
อิอิ ผมไปก่อนนะ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 25, 2009 9:28 am
โดย hongvalue
พี่วิบูลย์ครับ
ผมส่ง file powerpoint ที่ผมไป present เรื่อง fundflow
ที่อัมพวาไปให้
เป็นเอกสารที่ผมทำเองโดยตัดเนื้อหาจากตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจจนถึง update ล่าสุด
ขัดเฉพาะ indicator เจ๋งๆ
ว่าใช้ predict เม็ดเงินและอารมณ์ตลาดยังไง
ผมว่าพี่ตอบให้ผมขนาดนี้ ผมเองก็มีความรู้เรื่องการลงทุน
เราควรแลกกัน ดังนั้นผมเลย edit เอกสารเพิ่มจาก
ตอนไป present อีกทีแล้วค่อยส่งให้พี่
เผื่อพี่สนใจว่าคนเล่น fundflow คิดยังไงก็ลองดูได้ครับ
ผมไม่คุยหน้าไมค์เพราะว่า ผมรู้จักกับคนทำเอกสารพวกนี้ เท่าที่คุยกับเขา แต่ก่อนผมเอาเรื่องของเขามาพูดหน้าไมค์เยอะมาก และเอกสารบางอย่างเขาก็เขียนว่าให้ใช้ภายใน broker ได้เท่านั้น ผมก็เกรงใจเขามาก
เพราะผมมีอะไรก็ถามเขาตลอด
และหลังๆทีมงานของเขามีคนมาอ่านใน tvi ด้วย
ผมเลยไม่กล้าแปะภาพ
ถือว่าผมตอบแทนที่พี่ตอบให้ผมนะครับ
ผมส่งไปแล้วนะ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 25, 2009 10:07 am
โดย hongvalue
ขออีกนิด
เป็นผู้น้อยควรไปมาลาไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่
พี่วิบูลย์ คราวนี้ผมจะไปฝึกวิชามาใหม่
จะขุดทุกอย่างให้ลึกกว่าเดิม
และผมอยากประยุกต์ fundflow รวมเข้ากับ
vi และ เทคนิคให้ได้
ซึ่งผมเคยเห็นคนที่ทำได้มาแล้ว
ถึงจะไม่ลงตัวพอดีนัก
แต่ก็นับเป็นสไตล์การเล่นหุ้นในฝันของผมทีเดียวก็ว่าได้
แต่นี้ผมยังไม่สามารถนำหลายศาสตร์มาหลอมรวมกันได้
ในอนาคตผมอยากจะทำให้ได้
กลับมาคราวหน้าเราคงคุยกันมันขึ้นกว่านี้
ผมขอลาไปก่อนนะครับ แล้วเมื่อฝีมือรุดหน้า
เรามาเจอกันใหม่
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 25, 2009 11:28 pm
โดย porschebee
แหม ฮง เดี๋ยวนี้ชอบทำตัวลีกลับนะ มาๆหายๆ :lol: