Thai VI

ราคาหุ้นลดลงจากประมาณ 55 บ. ต้นปีนี้เป็น 18.6 ในปัจจุบัน มีมูลค่าตลาดประมาณ 27,000 ล้านบวกกับหนี้ 68,000 ล. ลบด้วยเงินสดประมาณ 20,000 ล. มูลค่าของกิจการวันนี้ประมาณ 75,000 ล้านหรือเพียง 2,200 ล้านเหรียญเท่านั้น ถ้าดูมูลค่าการสร้างไหม่ของกิจการ aot ทั้งหมดผมคิดว่าต้องสูงกว่านี้อย่างแน่นอน ดังนั้นถ้ามองอย่างนี้ราคาหุ้น aot ตอนนี้น่าจะถูกกว่าที่ควรเป็นแน่นอน

ขอถาม คุณลูกอีสาน ครับ

พี่ว่า BT ยังเหลือความเสี่ยงเรื่องอะไรอีกบ้างครับ ในการทำเทนเดอร์

แล้วทาง CIMB มีโอกาสที่จะยกเลิกหรือไม่ครับ  

ขอบคุณครับ

คุณ ลูกอีสานครับ อยากขอความรู้เกี่ยวกับกลุ่มเดินเรือหน่อยนะครับ
ผมเองไม่มีความรู้พวกนี้เลย แต่ดุราคาตอนนี้มันต่ำมากเมิืื่อเทียวกับ PE แต่ก็คิดว่าต่อไปคงจะกำไรดีเหมือนก่อนคงเป็นไปไม่ได้แน่
แต่ผม ก็คิดว่าเมื่อวิกฤตผ่านพ้นไป ก็จะมีการนำเข้าส่งออกกันตามปรกติเหมือนเดิม ยังช่วยวิจารกลุ่มเดินเรือให้หน่อยได้ไหมครับ
ขอบคุณมากครับ

ขอถามความเห็นพี่ลูกอีสาน เกี่ยวกับหุ้น LPN ครับ
ผมสนใจเนื่องจากบริษัทออกมาซื้อหุ้นคืน แล้วก็ปันผลตอนนี้ประมาณ20 %แล้วครับ
ขอบคุณครับ

[quote="noooon010"][quote="ลูกอิสาน"]แหม ท่านนูนซื้อหุ้นยังชอบสวยๆงามๆเลย

[quote="RONNAPUM"]สวัสดีครับพี่ ลูกอีสาน

ขอความเห็นเกี่ยวกับ SAT หน่อยซิครับพี่มองว่าไงบ้างครับ ปล.. ขอความเห็นแบบตรงๆกันเลยครับ

[quote="wattae"]ขอถาม คุณลูกอีสาน ครับ

พี่ว่า BT ยังเหลือความเสี่ยงเรื่องอะไรอีกบ้างครับ ในการทำเทนเดอร์แล้วทาง CIMB มีโอกาสที่จะยกเลิกหรือไม่ครับ

[quote="ลูกอิสาน"][/quote]

รูปสวยมากครับท่านนูน
ดูแล้วชุ่มชื่นหัวใจ เหมือนหญ้าแห้งที่เจอฝนเลยครับ..  :D  

มันขนาดนั้นเลยหรือครับพี่ครับ

งั้นผมถามบ้างครับพี่

1.ณ ปัจจุบัน พี่ลูกอีสานมีรายได้จากทางอื่น เช่นมี job สอนการลงทุน เล่นละคร ฯลฯ หรือไม่ครับ(ผมยกตัวอย่างฮาๆนิดนึงนะครับ)

2.พี่ลูกอีสานมีแนวคิดอย่างไรกับหุ้นกลุ่ม commodity โดยเฉพาะในเมืองไทย ที่มีคนบอกว่าหุ้นกลุ่มนี้คนนิยม
(แต่บางส่วนไม่ค่อยได้ตามราคาfuture ของสินค้าที่อ้างอิงกัน)

และเวลาที่พี่ดูราคาอ้างอิง เช่นน้ำมันปาล์ม (cpo)

http://www.palmoil.com/index.php?q=D1VTWls=

พี่มีแนวมุมมองในการติดตามราคาอย่างไรครับ

สำหรับตัวผมเอง ผมมองว่า มันมีการ speculation อยู่พอควร
ดังนั้นไม่ต้องให้น้ำหนักมันมาก
จะดูเป็นแนวโน้มโดยรวม ช่วง 2-3 วันเป็นอย่างน้อยมากกว่าครับ

ขอบคุณพี่โจล่วงหน้านะครับ

อยากทราบว่าวิกฤติคราวนี้  ถ้าให้เลือกพี่ลูกอีสานจะเลือกเข้าซื้อหุ้นแบบไหน,จัดพอร์ตอย่างไรและเมื่อไหร่ครับ    ระหว่าง
1   ธุรกิจดีเยี่ยม  เติบโต  upside  80-90%
2   ธุรกิจดีมาก   เติบโต  upside  110-120%
3   ธุรกิจดี        เติบโต   upside  150-160%


ส่วนตัวผมต้องการได้สินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทน 15-20%ทบต้นต่อปีไปให้นานที่สุด    โดยผมคิดว่าธุรกิจที่จะทำได้อย่างนั้นและมีโอกาสสูงกว่าที่จะผ่านช่วงเวลา3-4ปีนี้ไปได้ต้องแข็งแกร่งกว่าคนอื่นและต้องเติบโตด้วย     ซึ่งช่วงนี้ก็มีธุรกิจดีเยี่ยมและดีมากหลายตัวที่มีราคาที่ผมเชื่อว่ามีMOSเพียงพอก็เลยอยากได้             แต่ก็เสียดายตัวที่แกร่งน้อยกว่าอย่างมีนัยแต่ว่ามีupsideสูงๆ    เลยคิดว่างั้นก็จัดพอร์ตให้มีทุกตัวไปเลย  โดยเลือกกลุ่ม1+2ประมาณ5-6ตัวรวมประมาณ60%พอร์ต    กลุ่ม3อีก5-6ตัว40%    หรือจะเลือกกลุ่ม3ที่มีupsideสูงสุด10-12ตัว100%    ได้กำไรตามคาดแล้วค่อยไปซื้อกลุ่ม1ดีน้อ
พี่ช่วยแนะนำด้วยครับ

kok2029 เขียน:คุณ ลูกอีสานครับ อยากขอความรู้เกี่ยวกับกลุ่มเดินเรือหน่อยนะครับ ผมเองไม่มีความรู้พวกนี้เลย แต่ดุราคาตอนนี้มันต่ำมากเมิืื่อเทียวกับ PE แต่ก็คิดว่าต่อไปคงจะกำไรดีเหมือนก่อนคงเป็นไปไม่ได้แน่ แต่ผม ก็คิดว่าเมื่อวิกฤตผ่านพ้นไป ก็จะมีการนำเข้าส่งออกกันตามปรกติเหมือนเดิม ยังช่วยวิจารกลุ่มเดินเรือให้หน่อยได้ไหมครับ ขอบคุณมากครับ

ความรู้เรื่องเรือเทกอง สามารถศึกษาได้จากเวปบริษัท PSL ครับ ซึ่งมีข้อมูลค่อนข้างดีมาก และที่ผมอ่านเสมอคือรายงานของ MD ครับ ล่าสุดไตรมาสสามคุณคาลิดอธิบายไว้ตอนนึงว่า..

สาเหตุการตกลงของดัชนีบอลติก (the Baltic Dry Index (BDI)) ได้ถูกอธิบายไว้ ในนิตยสาร Marine Money ตีพิมพ์ในเอเชียฉบับล่าสุดและสามารถหาบทความนี้ได้ที่เว๊บไซด์ของบริษัทฯ ที่
http://www.preciousshipping.com/News/PS ... fault.aspx
และจากข้อมูลขององค์กรการค้าโลก (WTO) เกี่ยวกับการค้าขายรายปีที่ใช้หนังสือรับรองการชำระเงินค่าสินค้าซึ่งออกโดยธนาคารของผู้นำเข้า (Letter's of Credit หรือ LC's) มีมูลค่าประมาณ 12.25 ล้านล้าน เหรียญสหรัฐ หรือ เท่ากับร้อยละ 90 ของมูลค่าของสินค้าทั้งหมดที่ขนส่งทั่วโลก กรุณาโน้ตตัวเลขนี้ไว้ในใจเมื่ออ่านคำอธิบายดังกล่าว

การคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต: ในช่วง 12 เดือนนับจากนี้ไป ดูเหมือนว่าจะซ้ำรอยสถานะการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1980 ซึ่งขณะนั้น เรืออายุ 8 ปี ต้องถูกส่งเข้าอู่เพื่อตัดเป็นเศษเหล็ก การปล่อยเรือให้เช่าโดยไม่คิดค่าระวางเป็นเรื่องปกติ รวมทั้งเรือต่อใหม่ได้ถูกปล่อยว่างไม่สามารถแม้แต่จะทำรายได้เพียงเหรียญเดียวให้กับเจ้าของเรือในวงจรค่าระวางเรือปัจจุบัน

ส่วนตัวผมให้ความเห็นในประเด็นดังนี้ครับ..

1.กรณีหุ้นวัฎจักรเราจะรู้ได้อย่างไรว่าบริษัทอยู่ในช่วงรุ่งเรืองหรือตกต่ำ ให้ดูที่อัตรากำไรสุทธิ/ยอดขายครับ ถ้าไปดูข้อมูลตลาดหลักทรัพย์อัตรากำไรสุทธิย้อนหลัง 5 ปีของ tta ประมาณ 30% และของ psl ประมาณ 50% อย่างไตรมาสล่าสุด psl ทำกำไรได้ถึงประมาณ 60% ของยอดขาย ซึ่งโดยสามัญสำนึกเราคงรู้ว่าเป็นตัวเลขที่ดีผิดปกติมาก แสดงว่าธุรกิจนี้ที่ผ่านมากำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรือง ดีมานยังสูงกว่าซัพพลาย  ถ้าถามว่ากำไรจะยังดีอย่างนี้ต่อไปหรือเปล่า คำตอบคงไม่ใช่ ถ้ากำไรลดลง ราคาหุ้นจะลดลงหรือเปล่า..?

2.ต้นทุนการเดินเรือ เท่ากับต้นทุนคงที่+ต้นทุนผันแปร ต้นทุนคงที่คือค่าเสื่อม ไม่ว่าเรือจะถูกเช่าหรือไม่ บริษัทเดินเรือจะมีค่าใช้จ่ายค่าเสื่อมอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นตราบใดที่รายได้ค่าเช่ายังมากกว่าต้นทุนผันแปร บริษัทจะให้เช่าเรือเสมอ แม้จะขาดทุนกรณีที่ค่าเช่าไม่ cover ค่าเสื่อมครับ  10 ปีที่แล้วบริษัทเรือเทกองเคยพบกับสถานการณ์อย่างนี้

3.ดีมาน-ซัพพลายของเรือ จะลงทุนหุ้นเรือ ต้องตามติดตัวเลขเรือต่อใหม่และตัวเลขเรือที่จะปลดระวาง กรณี psl จำได้ว่ามีเรือที่จะปลดระวางประมาณ 30-40% ระหว่าง 1-2ปีที่ผ่านมาและที่จะถึง ส่วนจำนวนเรือใหม่ผมไม่มีข้อมูล ตัวเลขเรือในกลุ่มแฮนดี้ไซร์ 1-2 ปีก่อนประมาณ 3000 ลำ ในปัจจุบันมี 3200 ลำ แสดงว่ามีเรือต่อใหม่เข้ามาเยอะ หรือไม่ก็เรือเก่ายืดการปลดประวางเพราะค่าเช่าดีมาก นอกจากนั้นควรติดตามดีมาน ซัพพลายของเรือขนาดที่ใกล้เคียงกัน เพราะเมื่อตลาดเช่าเรือซบเซามากๆ ก็มีการแย่งงานข้ามรุ่นเหมือนกันครับ เช่นเรือใหญ่มาแย่งตลาดเรือเล็ก

4.รอบวัฏจักรของหุ้นกลุ่มเรือเทกองจากสถิติน่าจะประมาณ 15-20 ปี เพราะเรือเมื่อต่อมาแล้วมีอายุการใช้งานนานประมาณ 30 ปี ดังนั้นถ้าเราคาดการณ์เรื่องวัฎจักรผิดพลาดอาจจะติดหุ้นนานเป็น 10-20 ปี เป็นมรดกให้ลูกหลานได้เลย คงไม่ใช่เรื่องดีแน่

5.มูลค่าตลาดของหุ้นกลุ่มนี้ทั้ง psl & tta ปัจจุบันใกล้เคียงกันมากที่ประมาณ 8000 ล้าน (ตอนวัฎจักรขาลงขาดทุน จำได้เลาๆว่า mkt แต่ละบริษัทไม่ถึงพันล้านครับ) psl มีจุดเด่นที่มีหนี้น้อยมาก แต่มีเงินสดเยอะ แสดงว่าผู้บริหารคาดการณ์สถานการณ์ไว้แล้ว และมีบทเรียนจึงสะสมเงินสดเอาไว้ เพื่อให้รอดปลอดภัยตอนวัฎจักรขาลง ส่วน tta มีหนี้มากกว่า แต่ก็มีจุดแข็งที่มีการกระจายรายได้จากบริษัทย่อยคือเมอร์เมดที่ทำธุรกิจเรือสำรวจ-บริการด้านปิโตรเลียม จดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์ครับ


สุดท้ายผมยกคำพูดของ Peter Lynch ในหนังสือ beating the street ที่แปลโดยพี่ WEB ของเรา หน้าที่ 362 "การเข้าซื้อหุ้นวัฎจักรหลังจากที่มันสร้างผลกำไรสูงมากมาแล้วหลายปีและมีค่า P/E ต่ำ เป็นวิธีการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า จะสามารถทำให้คุณสูญเสียเงินลงทุนครึ่งหนึ่งของคุณไปภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว"



แต่การตัดสินใจซื้อขาย รับผิดรับชอบกันเองเน้อ.. :lol:

ขอบคุณพี่ลูกอีสานมากๆครับ

สวัสดีพี่โจครับ  :D  ว่าจะมาถามพี่โจบ้าง จะได้อินเทรนด์

UOBAPF เหลือ 4.50 บาท ผมรู้สึกว่ามันไม่น่าจะแย่ขนาดนั้นเลยนะครับ พี่ลูกอิสานว่ามันเว่อไปรึเปล่าครับ  :o

[quote="Ryuga"]สวัสดีพี่โจครับ

หวัดดีพี่ลูกอีสานอีกครั้งครับ
   ตอนนี้ผมพยายามหาความรู้เรื่องเกี่ยวกับCash flow&High Beta จากเว็บนี้ แต่ว่ายังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ดังนั้นผมจึงมีเรื่องอยากรบกวนพี่ช่วยแนะนำ 2 เรื่องนี้ครับ

1. Cash flow
       1.a บริษัทที่มี Strong cash flow ดูหรือสังเกตได้จากไหนครับ
       1.b Strong cash flow จะบ่บอกอะไรบ้างครับ

ถ้าซับซ้อน อาจจะแนะนำเป็นหนังสือก็ได้ครับ

2. High Beta คืออะไรครับ

รบกวนหน่อยครับ ขอบคุณครับ

Yod เขียน:ขอถามความเห็นพี่ลูกอีสาน เกี่ยวกับหุ้น LPN ครับ ผมสนใจเนื่องจากบริษัทออกมาซื้อหุ้นคืน แล้วก็ปันผลตอนนี้ประมาณ20 %แล้วครับ ขอบคุณครับ

LPN นี่ผมไม่ได้ติดตามพื้นฐานเลยครับ จำได้ว่าคุณ offshore engineer เคยตามตัวนี้แต่แกไปไหนแล้วไม่ทราบไม่โพสต์ซะนานมากแล้ว เมื่อวานคงมีประชุมนักวิเคราะห์เพราะวันนี้มีงานวิจัยออกมาหลายสำนักเลยครับ คำแนะนำก็หลากหลาย มีทั้งให้ซื้อและขาย แถมถือด้วย ผมก็ลองอ่านดูและขอวิจารย์แบบคนไม่สันทัดครับ

LPN เคยได้ชื่อว่าเป็น condo specialist เพราะทำคอนโดเป็นธุรกิจหลักอย่างเดียว ถึงตอนนี้ผู้บริหารก็ยังเคลมอย่างนั้น บอกว่าจุดเด่นของ lpn มี 3 อย่างคือ

1.ทำเล ทำเล และทำเล(สำคัญที่สุด) และราคา lpn เป็นที่ 1 ในยุทธจักร(คอนโด)
2.ความรวดเร็วในการก่อสร้าง เปิดขาย อีก 1-1 1/2 ปี เข้าอยู่ได้เลย
3.มีบริษัทบริหารคอนโดโดยเฉพาะ

ทั้ง 3 อย่างผมเห็นว่าก็ไม่เชิงเป็นจุดเด่นซะทีเดียว เพราะเลียนแบบกันได้ไม่ยาก  4-5 ปี ก่อนตลาดคอนโดค่อนข้างแคบ แต่พอตลาดบูมเพราะรถไฟฟ้า ทุกบริษัทอสังหาใหญ่ๆก็เข้ามาทำคอนโดกันทุกบริษัท ไม่มีใครมี competative advantage แต่อย่างใด  และเนื่องจากตลาดบูมติดต่อกันมาหลายปี ทุกบริษัทเข้ามาทำคอนโด แม้แต่บริษัทโนเนมก็เข้ามาทำ  จนผมก็ไม่แน่ใจว่าจำนวนยูนิตมากกว่ากำลังซื้อหรือยัง (ไตรมาสล่าสุดสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นมาก แสดงว่าขายได้ยากขึ้น) นอกจากนั้นอัตราการปฎิเสธคำขอสินเชื่อของธนาคารก็สูงขึ้น เพราะทุกคนระมัดระวังกลัวเหมือนอเมริกา

จุดเด่นของ lpn คืองบการเงินค่อนข้างดีมาก มีเงินเหลือเยอะ พอที่จะทำการซื้อหุ้นคืน มีโครงการเปิดใหม่ไม่มาก (เนื่องจากกังวลภาวะเศรษกิจ เก็บเงินสดไว้ก่อนดีกว่า)  ส่วนจุดด้อยที่ผมมองคือในเมื่อเปิดโครงการใหม่น้อย การขายก็ทำได้น้อยด้วย นอกจากนั้น backlog ของ lpn มีค่อนข้างน้อย สามารถรับรู้รายได้ปี 52 ปีเดียว  และเนื่องจาก lpn ทำคอนโดอย่างเดียว มีความยืดหยุ่นหลากหลายน้อย ไม่เหมือนบริษัทอสังหารายอื่นที่มีครบทุกแบบครับ

ถ้าสนใจ lpn ในแง่ปันผลลองเปรียบเทียบกับอสังหารายอื่นๆก่อนครับ ยังมีตัวที่ปันผลเยอะๆ มี backlog มากเช่น spali mk sc pf ประมาณนี้ครับ  โดยเฉพาะ spali ปันผลสูง งบดี มีซื้อหุ้นคืน backlog ถึงปี 53-54

ขอบคุณมากครับ

noooon010 เขียน: งั้นผมถามบ้างครับพี่

1.ณ ปัจจุบัน พี่ลูกอีสานมีรายได้จากทางอื่น เช่นมี job สอนการลงทุน เล่นละคร ฯลฯ หรือไม่ครับ(ผมยกตัวอย่างฮาๆนิดนึงนะครับ)

ผมไม่ได้ทำงานประจำมา 5-6 ปีแล้วครับ รายได้มาจากการลงทุนอย่างเดียว ทั้งจากราคาหุ้นและปันผล รายจ่ายทั้งหมดก็เอามาจากหุ้นทั้งนั้น และไม่มีคำว่าขาดทุน เพราะรายจ่ายที่ดึงออกมา มากกว่าเงินลงทุนทั้งหมดหลายเท่าตัวแล้ว :lol:

2

.พี่ลูกอีสานมีแนวคิดอย่างไรกับหุ้นกลุ่ม commodity โดยเฉพาะในเมืองไทย ที่มีคนบอกว่าหุ้นกลุ่มนี้คนนิยม
(แต่บางส่วนไม่ค่อยได้ตามราคาfuture ของสินค้าที่อ้างอิงกัน)และเวลาที่พี่ดูราคาอ้างอิง เช่นน้ำมันปาล์ม (cpo)
http://www.palmoil.com/index.php?q=D1VTWls=

พี่มีแนวมุมมองในการติดตามราคาอย่างไรครับ
สำหรับตัวผมเอง ผมมองว่า มันมีการ speculation อยู่พอควรดังนั้นไม่ต้องให้น้ำหนักมันมากจะดูเป็นแนวโน้มโดยรวม ช่วง 2-3 วันเป็นอย่างน้อยมากกว่าครับ
ขอบคุณพี่โจล่วงหน้านะครับ

แน่นอนว่าถ้าเราถือหุ้นที่เป็นโภคภัณฑ์ก็ต้องติดตามราคาสินค้านั้นบ่อยๆครับ คนที่ไม่ติดตามนี่เหมือนขับรถแต่ปิดตาน่ะครับ คงเดาได้ว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร

เสนห์ของหุ้น commodity คือการเพิ่มของกำไรจะสูงมากถ้าราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เช่นราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเพียง 20% แต่กำไรอาจจะเพิ่มได้ถึง 3-400% เลยทีเดียว เช่น ปกติขาย 100 บาท ต้นทุน 95 กำไร 5 บาท ต่อมาราคาสินค้าเพิ่มเป็น 120 บ. ต้นทุนเท่าเดิม 95 กำไรเป็น 25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 400%  :shock:  ราคาหุ้นก็จะขึ้นกระฉูดด้วยเช่นกัน แต่ถ้าขาลงก็ตรงกันข้าม :lol:  ปกติเราซื้อหุ้นกลุ่ม commo ก็เพราะเดาว่าราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้นครับ ไม่มีอย่างอื่น แต่ผมจะมอง worse case ไว้ด้วย หากไม่เป็นไปตามคาด กิจการจะเป็นอย่างไร จะมีกำไร รอดหรือไม่ มีจุดเด่นอะไรที่ทำให้เชื่ออย่างนั้น ถ้าเราเชื่อว่ากิจการนี้ต้นทุนต่ำที่สุดในโลก อย่างนี้เราก็เบาใจว่าคงไม่เจ็งหุ้นเป็นศูนย์แน่นอน..

[quote="ขุนพลน้อยโคว่จง"]อยากทราบว่าวิกฤติคราวนี้

[quote="Ryuga"]สวัสดีพี่โจครับ

พี่โจครับ ผมลองไปอ่านform 56-1 spaliดูแล้ว
เขาบอกว่าอุตสาหกรรมโตตามเศรษฐกิจ
อย่างนี้ถือว่าเป็นหุ้นกลุ่มวัฎจักรหรือเปล่าครับ
แล้วอย่างนี้ต้องรอให้เศรษฐกิจเริ่มดีก่อนเปล่าครับค่อยซื้อ

เรื่องBacklog นี่ดูตรงไหนหรอครับ
ใช่ มูลค่างานที่เสร็จแต่ยังไม่ได้เรียกเก็บ
ในงบดุลหรือเปล่าครับ
แล้วมีโอกาสลดลงจากเรื่องธนาคารไม่อนุมัติเงินกู้ไหมครับ

อีกเรื่องที่อยากรู้มาก ๆ เลย
พี่โจมีวิธีจัดเก็บข้อมูลเยอะแยะขนาดนี้ได้ไงครับ
แบบว่า ต้องเอางบลงpower point ตัดข่าวที่อ่านแล้วเก็บ
อะไรประมาณนี้เปล่าครับ  :?:

อยากถามความเห็นเกี่ยวกับ Gsteel ครับเห็นกลุ่ม Mitzu สนใจเข้ามาลงทุนไม่

ทราบว่าพี่ลูกอีสานคิดเห็นยังไงครับกับราคาหุ้นที่ร่วงลงมาเยอะตอนนี้ครับ

อีกเรื่องที่อยากรู้มาก ๆ เลย
พี่โจมีวิธีจัดเก็บข้อมูลเยอะแยะขนาดนี้ได้ไงครับ
แบบว่า ต้องเอางบลงpower point ตัดข่าวที่อ่านแล้วเก็บ
อะไรประมาณนี้เปล่าครับ  

อ้าวพิมพ์ผิด จะพิมพ์ว่า excelนะครับ  :oops:

รบกวนคุณลูกอิสานตอบ pmให้ทีได้มั่ยครับ

metropolis เขียน:รบกวนคุณลูกอิสานตอบ pmให้ทีได้มั่ยครับ

คงหมายถึงกระทู้นี้ใช่ใหมครับเนื้อหาเหมือนกัน

มือใหม่ขอคำแนะนำหน่อย ตอนนี้ติดหุ้นครับ

ประเด็นแรกที่ผมมองเห็นชัดเจนคือคุณ metropolis บอกว่าตั้งใจจะซื้อไว้ถือยาว แต่ไหงถือหุ้นได้แค่เดือนเดียว ที่จริงบางตัวคงวันเดียว กลับบอกว่ารู้สึกกังวลแล้วล่ะครับ คือในระยะยาวๆเนี่ยฟันธงไปเลยว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายๆดีๆเกิดขึ้นมากมายและแน่นอนว่าทำให้ราคาหุ้นขึ้นๆลงๆ ด้วย นี่แสดงว่าคุณ metropolis ไม่ได้เผื่อใจไว้เลยว่าถ้าซื้อแล้วหุ้นลงจะทำอย่างไรใช่ใหมครับ เรียกว่ามองทางที่จะได้อย่างเดียว แต่ไม่ได้ระวังทางเสียเลย เหมือนเล่นฟุตบอลเอาแต่บุกอย่างเดียวคงไม่ไหว รับก็ต้องดีด้วยครับ ......แต่กรณีคุณเมโทรก็ไม่ได้แปลกอะไรหรอกครับ คนที่เข้ามาลงทุนเพราะหวังกำไรกันทุกคน ไม่หวังซิแปลก ตอนผมลงทุนครั้งแรกก็เป็นอย่างนี้ ไม่เคยเผื่อใจเลยว่าหุ้นจะลง พอลงจริงๆทำไรไม่ถูก กว่าจะยอมรับผิดตัดสินใจขายได้ก็ขาดทุนไปเกินครึ่งแล้ว ...

ประเด็นที่สอง ผมมองเหมือนเจ็ 007s เป๊ะเลยครับ คือมีหุ้นวัฎจักรที่กำไร(ราคาหุ้น)ผันผวนเกือบทั้งพอร์ต มีทั้งผันผวนต่ำแบบ drt และผันผวนสุดๆแบบ tta banpu pttar มีตัวเดียวที่ไม่ใช่คือ csl (และตัวนี้กำไรอยู่ตัวเดียว :lol: ) ที่จริงประเด็นการเลือกหุ้นแบบนี้ก็พอเข้าใจได้อีกครับว่า มือใหม่ๆมักจะเลือกหุ้นที่เปรียบเสมือนยาสามัญประจำบ้านแบบนี้ คือเป็นหุ้นใหญ่ คนนิยม มีความมั่นคง ซึ่งก็ถูกครับ แต่หลายคนไม่รู้ว่าธุรกิจเหล่านี้มีความผันผวนเป็นวัฎจักรอย่างไร กว่าจะรู้ก็แทบหมดตัว

ความเห็นผมก็เหมือนๆกันเจ๊ 007s ครับคือ

1.หลีกเลี่ยงการถือหุ้นวัฎจักร โดยเฉพาะมือใหม่ๆถือเป็นของแสลง เห็นหุ้นเหล่านี้ p/e ต่ำๆ ก็เข้าไปซื้อ ไม่รู้ว่าเป็นกับดัก หมดรอบของวัฎจักรรุ่งเรืองแล้ว ต้องรอรอบใหม่ 3 ปี 4 ปี 10 ปี ใครจะรอไหวครับ.....แล้วหุ้นที่น่าซื้อสำหรับมือใหม่ ควรเป็นอย่างไร ก็ง่ายๆครับ ธุรกิจที่เข้าใจง่าย ไม่ผันผวนทั้งรายได้และกำไร คาดเดาได้ มีการเติบโต ค้าปลีกหลายตัว โรงพยาบาลบางแห่ง มีคุณสมบัติเหล่านี้ครับ

2.รีบศึกษาการลงทุนแบบเน้นคุณค่า จากเวปนี้ละครับ เงินออมก่อนใช้ไปทำอะไร ต้องคิดให้หนักนะครับ ก่อนซือ้หุ้น ไม่ใช่แค่ศึกษาแค่วันสองวันก็ซื้อ ผิดพลาดไป ต้องไปออมใหม่ทั้งชีวิต ไม่คุ้มค่ากันเลย

ที่จริงคุณเมโทรก็โชคดีกว่าหลายๆคนนะครับ ลองคิดดูว่าถ้าเข้าตลาดต้นปี ซื้อหุ้นเหล่านี้จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะ pttar มีหลายคนที่มีต้นทุนสูงมากๆ เงินหายไปเกือบๆ 80%  ดังนั้นช่วงนี้ถือว่าราคาหุ้นค่อนข้างปลอดภัยพอควร แต่ต้องเลือกตัวที่พื้นฐานดีๆ เท่านั้นหุ้นหลายตัวลงแล้วลงเลย กู่ไม่กลับก็เยอะ เลือกให้ดี ต้องมีบ้างละ ทั้งตลาดมีตั้ง 4-500 ร้อยตัว ลงทุนที่ความรู้ก่อน ไม่งั้นเลือกไม่ถูก หรือไปเชื่อความรู้ที่ผิดๆ ก็เลือกหุ้นผิดครับ..

ของผมไม่มีอะไรจะถามครับ
อยากแสดงความขอบคุณคุณลูกอิสาน
ที่มีน้ำใจงดงาม
นับถือเสมอ

ขอรบกวนพี่ลูกอีสานช่วยให้มุมมองวิจารณ์ VNT ให้หน่อยครับ
   ขอบคุณครับ....

เรียนถามคุณ ลูกอิสาน เกี่ยวกับหุ้น Major ครับ
พอดีผมสนใจศึกษาหุ้นตัวนี้มาสักพักนึงแล้ว
ผมมองว่าเป็น Entertainment Complex
ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้ดีมาก
มีรายได้ทั้งจาก ตั๋วหนัง อาหาร(ป๊อปคอร์น) โบว์ลิ่ง
ค่าเช่าพื้นที่ สเก็ตน้ำแข็ง ค่าโฆษณา

ธุรกิจโรงหนังก็เป็นเจ้าตลาด ( ประมาณ 70-80 % )
ยึดครองทำเล และพื้นที่ที่มีศักยภายไว้ได้ค่อนข้างจะครอบคลุม
และมีแผนจะขยายสาขาไปต่างจังหวัด ซึ่งจะทำให้โอกาสที่รายได้จะเพิ่มขึ้น
ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าค่อนข้่างสูง

ไม่ทราบว่าคุณ ลูกอิสาน คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรายได้ของ Major
เป็นลักษณะวัฎจักรมากน้อยแค่ไหน และมีข้อเสีย หรือข้อควรระวังของอุตสาหกรรมนี้อย่างไรบ้างครับ

ขอบคุณมากครับ

ถามพี่ลูกอีสานอีกนิดเกี่ยวกับ svi นะครับ
1.พี่มองว่า svi ได้รับผลกระทบมากไหมครับกับวิกฤติครั้งนี้ ดูผู้บริหารมั่นใจมากเลยว่าไม่มีผลกระทบเลย เค้าบอกว่าเลิกคุยเรื่องปีหน้าแล้ว เพราะ order เต็มหมดแล้ว คุยเรื่องปี 53 กันแล้ว
2.พี่ยังถืออยู่หรือเปล่าครับ และ ราคาแถว 0.92 ต่อหุ้นพี่มองถูกแพงอย่างไรครับ
ขอบคุณพี่โจครับ

[quote="Yod"]พี่โจครับ ผมลองไปอ่านform 56-1 spaliดูแล้วเขาบอกว่าอุตสาหกรรมโตตามเศรษฐกิจอย่างนี้ถือว่าเป็นหุ้นกลุ่มวัฎจักรหรือเปล่าครับแล้วอย่างนี้ต้องรอให้เศรษฐกิจเริ่มดีก่อนเปล่าครับค่อยซื้อ

เรื่องBacklog นี่ดูตรงไหนหรอครับใช่ มูลค่างานที่เสร็จแต่ยังไม่ได้เรียกเก็บในงบดุลหรือเปล่าครับแล้วมีโอกาสลดลงจากเรื่องธนาคารไม่อนุมัติเงินกู้ไหมครับ

อีกเรื่องที่อยากรู้มาก ๆ เลย
พี่โจมีวิธีจัดเก็บข้อมูลเยอะแยะขนาดนี้ได้ไงครับ
แบบว่า ต้องเอางบลงpower point ตัดข่าวที่อ่านแล้วเก็บ
อะไรประมาณนี้เปล่าครับ

ขอบคุณพี่จอมยุทธ์ใต้ จั่นโจ มากเลยครับ  :D

แล้วพี่พอใจได้บ้านอะไรยังไงแล้วเหรอครับ  :shock:  เห็นน้องเอ็นป๊ากเพิ่มทุนหัวปีท้ายปี ราคาเพิ่มทุนร่วงมา 60% เมื่อไหร่จะรวมหุ้นซะทีนะ  :lol: