news24/10/07
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 24, 2007 5:12 pm
ซับไพรม์ฉุดศก.ยาวลากส่งออก-ค่าเงิน
โพสต์ทูเดย์ ธปท.ชำแหละซับไพรม์ จะกระทบกับส่งออก ค่าเงิน ยาวถึงปีหน้า
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงาน ผลการประเมินภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน ต.ค.ปีนี้ว่า ผลกระทบของปัญหาตลาดสินเชื่อมีความน่าเชื่อถือต่ำของสหรัฐ หรือซับไพรม์ จะเกิดผลกระทบกับประเทศอื่นๆ ตามสัดส่วนการลงทุน และการส่งออกไปยังสหรัฐเป็นสำคัญ
สำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งไทย มีสัดส่วนการถือครองซับไพรม์ค่อนข้างน้อย จึงน่าจะมีผลกระทบผ่านช่องทางการส่งออกมากกว่า และมีผลต่อเสถียรภาพของค่าเงิน เพราะในภาวะที่ตลาดการเงินระหว่างประเทศมีความอ่อนไหวสูง การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศอาจผันผวนมากขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนหรือค่าเงินจะผันผวนได้ง่าย
อย่างไรก็ดี จากการประเมินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปัญหาซับไพรม์ทำให้ความเสี่ยงด้านเครดิตและความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจการเงินโลกเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
คาดว่าปี 2551 ความเสี่ยงจากปัญหาซับไพรม์จะยังคงมีอยู่ เนื่องจากยังมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยจำนวนมากเข้าสู่ช่วงอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาบ้านในปีหน้ามีแนวโน้มที่จะลดลงอีก ดังนั้นการพลิกฟื้นของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐน่าจะต้องใช้เวลานานขึ้น ธปท.วิเคราะห์
ทั้งนี้ จากการประเมินตลาดเริ่ม ตระหนกกับปัญหาซับไพรม์ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.ปีนี้ เมื่อเฮดจ์ฟันด์บางแห่งซึ่งถือตราสารหนี้ประเภทที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (CDOs) ที่มีสินเชื่อซับไพรม์หนุนหลังมีปัญหาสภาพคล่อง จนนำมาซึ่งการประกาศระงับการไถ่ถอนกองทุนบางแห่งที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ซับไพรม์ จนเป็นเหตุให้เกิดความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาดโลก ทำให้นักลงทุนเร่งขายสินทรัพย์เสี่ยง และย้ายเงินไปสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล เพื่อลดความเสี่ยงการลงทุน
สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกปรับลดลง อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลงจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของตลาดเกิดใหม่
รวมทั้งมีการถอนเงินลงทุนจากประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเพื่อกลับไปใช้คืนหนี้ ในประเทศที่กู้ยืมมา ซึ่งประเทศที่กู้ยืมมานั้นมีต้นทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ เช่น ญี่ปุ่น ส่งผลให้เงินเยนซึ่งเป็นแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแข็งค่าขึ้นมา จากเดิมที่อ่อนค่าลงเนื่องจากการไหลออกของเงินทุน
ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความผันผวนดังกล่าวคือ การประเมินความเสี่ยงของซับไพรม์ต่ำเกินจริง และความไม่เท่าเทียมกันในด้านข้อมูลระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้ ทำให้สถาบันการเงินไม่มั่นใจในการปล่อยกู้ระหว่างกัน หรือถ้าปล่อยกู้ก็ปล่อยให้เฉพาะการกู้ข้ามคืน เนื่องจากไม่สามารถประเมินความเสี่ยงของผู้กู้ที่ถือสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อซับไพรม์ได้ ธปท.ระบุ
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=199225
โพสต์ทูเดย์ ธปท.ชำแหละซับไพรม์ จะกระทบกับส่งออก ค่าเงิน ยาวถึงปีหน้า
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงาน ผลการประเมินภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน ต.ค.ปีนี้ว่า ผลกระทบของปัญหาตลาดสินเชื่อมีความน่าเชื่อถือต่ำของสหรัฐ หรือซับไพรม์ จะเกิดผลกระทบกับประเทศอื่นๆ ตามสัดส่วนการลงทุน และการส่งออกไปยังสหรัฐเป็นสำคัญ
สำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งไทย มีสัดส่วนการถือครองซับไพรม์ค่อนข้างน้อย จึงน่าจะมีผลกระทบผ่านช่องทางการส่งออกมากกว่า และมีผลต่อเสถียรภาพของค่าเงิน เพราะในภาวะที่ตลาดการเงินระหว่างประเทศมีความอ่อนไหวสูง การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศอาจผันผวนมากขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนหรือค่าเงินจะผันผวนได้ง่าย
อย่างไรก็ดี จากการประเมินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปัญหาซับไพรม์ทำให้ความเสี่ยงด้านเครดิตและความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจการเงินโลกเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
คาดว่าปี 2551 ความเสี่ยงจากปัญหาซับไพรม์จะยังคงมีอยู่ เนื่องจากยังมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยจำนวนมากเข้าสู่ช่วงอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาบ้านในปีหน้ามีแนวโน้มที่จะลดลงอีก ดังนั้นการพลิกฟื้นของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐน่าจะต้องใช้เวลานานขึ้น ธปท.วิเคราะห์
ทั้งนี้ จากการประเมินตลาดเริ่ม ตระหนกกับปัญหาซับไพรม์ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.ปีนี้ เมื่อเฮดจ์ฟันด์บางแห่งซึ่งถือตราสารหนี้ประเภทที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (CDOs) ที่มีสินเชื่อซับไพรม์หนุนหลังมีปัญหาสภาพคล่อง จนนำมาซึ่งการประกาศระงับการไถ่ถอนกองทุนบางแห่งที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ซับไพรม์ จนเป็นเหตุให้เกิดความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาดโลก ทำให้นักลงทุนเร่งขายสินทรัพย์เสี่ยง และย้ายเงินไปสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล เพื่อลดความเสี่ยงการลงทุน
สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกปรับลดลง อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลงจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของตลาดเกิดใหม่
รวมทั้งมีการถอนเงินลงทุนจากประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเพื่อกลับไปใช้คืนหนี้ ในประเทศที่กู้ยืมมา ซึ่งประเทศที่กู้ยืมมานั้นมีต้นทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ เช่น ญี่ปุ่น ส่งผลให้เงินเยนซึ่งเป็นแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแข็งค่าขึ้นมา จากเดิมที่อ่อนค่าลงเนื่องจากการไหลออกของเงินทุน
ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความผันผวนดังกล่าวคือ การประเมินความเสี่ยงของซับไพรม์ต่ำเกินจริง และความไม่เท่าเทียมกันในด้านข้อมูลระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้ ทำให้สถาบันการเงินไม่มั่นใจในการปล่อยกู้ระหว่างกัน หรือถ้าปล่อยกู้ก็ปล่อยให้เฉพาะการกู้ข้ามคืน เนื่องจากไม่สามารถประเมินความเสี่ยงของผู้กู้ที่ถือสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อซับไพรม์ได้ ธปท.ระบุ
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=199225