หน้า 112 จากทั้งหมด 160
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 22, 2009 9:44 pm
โดย คนคอน
รบกวนพี่วิบูล ช่วย คิดFCF ปัจจุบันของ lanna หน่อยครับ
คือผมอยากจะรู้ว่า ที่ผมคิดถูกต้องแล้วรึป่าว
พอดีเพิ่งได้ หนังสือพี่สุมาอี้มา สุดยอดมาฮะ บังเอิญไปเจอเข้า
ขอบคุณครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 22, 2009 9:46 pm
โดย คนคอน
รบกวนพี่วิบูล ช่วย คิดFCF ปัจจุบันของ lanna หน่อยครับ
คือผมอยากจะรู้ว่า ที่ผมคิดถูกต้องแล้วรึป่าว
พอดีเพิ่งได้ หนังสือพี่สุมาอี้มา สุดยอดมาฮะ บังเอิญไปเจอเข้า
ขอบคุณครับ
อ่อ อีกอย่าง เพิ่งอ่าน หนังสือของพี่กะพี่มน จบครับ ได้อะไรหลายๆ อย่างเลย
โดยเฉพาะ ธรรมะ หลับสบาย ฮ่าๆ[หมายถึงว่าอ่านแล้วหลับสะงั้น]
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 22, 2009 9:50 pm
โดย VIB007
คนคอน เขียน:รบกวนพี่วิบูล ช่วย คิดFCF ปัจจุบันของ lanna หน่อยครับ
คือผมอยากจะรู้ว่า ที่ผมคิดถูกต้องแล้วรึป่าว
พอดีเพิ่งได้ หนังสือพี่สุมาอี้มา สุดยอดมาฮะ บังเอิญไปเจอเข้า
ขอบคุณครับ
ทำกลับข้างกันดีไหมครับ
ลองทำมาให้ดูก่อน
แล้วผมจะบอกให้ว่ามันถูกหรือผิดอย่างไร
ดีกว่าไหม...เออ
เขียนในกระทู้นี้หละ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 22, 2009 10:11 pm
โดย คนคอน
ผมได้ 2101.57 ล้านบาทอะครับ
แล้วมีอีกเรื่องนึง ทำไมค่าเสื่่อม ของlanna เค้ามี มากกว่า สินทรัพย์สุทธิละครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 22, 2009 10:20 pm
โดย คนคอน
2101.57=1,260.53 + (1-0.3) + 1,288.19 - 422.47 - ( -353.48) ล้านบาท
FCF= EBIT + (1-T) + DA - CAPEX - CWC
ตามนี้เลยฮะ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 23, 2009 8:53 am
โดย VIB007
คนคอน เขียน:ผมได้ 2101.57 ล้านบาทอะครับ
แล้วมีอีกเรื่องนึง ทำไมค่าเสื่่อม ของlanna เค้ามี มากกว่า สินทรัพย์สุทธิละครับ
สินทรัพย์สุทธิคืออะไรครับ
ไม่ได้กวนนะ แต่อยากให้อธิบายให้ละเอียด
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 23, 2009 8:55 am
โดย VIB007
คนคอน เขียน:2101.57=1,260.53 + (1-0.3) + 1,288.19 - 422.47 - ( -353.48) ล้านบาท
FCF= EBIT + (1-T) + DA - CAPEX - CWC
ตามนี้เลยฮะ
เอาสูตรนี้มาจากไหนครับ
สูตรนี้หาจากงบกำไรขาดทุน
ลองหาดูสูตรจากงบกระแสเงินสดดูซิครับ
แล้วเอามาเทียบกัน
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 23, 2009 2:09 pm
โดย คนคอน
สินทรัพย์สุทธิที่ผมเอามาคำนวณ เอามาจากในงบดุลอะ ที่ดิน อาคาร สุทธิอะคับ
ถ้าผิดตรงไหน ช่วยบอกด้วยนะคับ พอดีมือใหม่ๆ - -
สูตรนี้เอามาจาก หนังสือของ คุณนรินทร์อะครับ
ว่าแต่สูตรที่หาจากที่งบกระแสเงินสดที่ว่า สูตรมันมีหน้าตาเป้นยังไงเหรอคครับ
ช่วยสอนด้วยครับ ขอบคุณครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 23, 2009 3:33 pm
โดย VIB007
คนคอน เขียน: สินทรัพย์สุทธิที่ผมเอามาคำนวณ เอามาจากในงบดุลอะ ที่ดิน อาคาร สุทธิอะคับ
ถ้าผิดตรงไหน ช่วยบอกด้วยนะคับ พอดีมือใหม่ๆ - -
บริษัทไม่ได้มีแค่ที่ดินและอาคารอย่างเดียวเป็นสินทรัพย์นะครับ
ถ้าค่าเสื่อมมากกว่ามูลค่าที่ดินอาคารแล้วละก็
ตัดค่าเสื่อมปีเดียว มูลค่าเหลือศูนย์เลย
มันไม่น่าเป็นไปได้
ลองหาดูดีๆแล้วตั้งคำถามใหม่
ผมยังไม่เข้าใจ
คนคอน เขียน:
สูตรนี้เอามาจาก หนังสือของ คุณนรินทร์อะครับ
ว่าแต่สูตรที่หาจากที่งบกระแสเงินสดที่ว่า สูตรมันมีหน้าตาเป้นยังไงเหรอคครับ
ช่วยสอนด้วยครับ ขอบคุณครับ
ลองหาดูในกูเกิ้ล
แล้วบอกผมด้วย
ว่ามีสูตรอย่างไร
อย่าเป็นเหมือนนักเรียนไทยที่รอครูเอาวิชามาป้อน
ลองหาเองก่อน
แล้วจะบอกว่าใช่ไม่ใช่
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 23, 2009 3:34 pm
โดย VIB007
คนคอน เขียน:2101.57=1,260.53 + (1-0.3) + 1,288.19 - 422.47 - ( -353.48) ล้านบาท
FCF= EBIT + (1-T) + DA - CAPEX - CWC
ตามนี้เลยฮะ
คราวนี้ช่วยอธิบายตัวเลขแต่ละตัวได้ไหมครับ
ว่ามากจากไหนบ้าง
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 23, 2009 4:28 pm
โดย คนคอน
EBIT ผมเอามาจาก งบกำไรขาดทุน เท่ากับ 1,260.53 ล้านบาท
T = อัตราภาษี เอามาจาก งบกำไรขาดทุน 0.3
DA = ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย = 1,288.19 จากงบกระแสเงินสด
CAPEX = เอามาจาก กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน ซื่อที่ดินและอาคาร+ทรัพย์สินไม่มีตัวตน 420.8+1.67 ล้านบาท
CWC = เอบงามาจาก หกลบ รายการสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน ที่ใช้ดำเนินการ ไม่ใช่เงินสดและ ไม่มีดอกเบี้ย จากงบดุลปี 51 และ 50
[ปี51] 237.05 ล้านบาท - [ปี50]509.54 ล้านบาท = - 353.48 ล้านบาท
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 24, 2009 12:53 pm
โดย VIB007
[quote="คนคอน"]EBIT ผมเอามาจาก งบกำไรขาดทุน เท่ากับ 1,260.53 ล้านบาท
T = อัตราภาษี เอามาจาก งบกำไรขาดทุน 0.3
DA = ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย = 1,288.19 จากงบกระแสเงินสด
CAPEX = เอามาจาก กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน ซื่อที่ดินและอาคาร+ทรัพย์สินไม่มีตัวตน 420.8+1.67 ล้านบาท
CWC = เอบงามาจาก หกลบ รายการสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน ที่ใช้ดำเนินการ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 24, 2009 11:28 pm
โดย คนคอน
หมายถึงอันนี้รึป่าวฮะ CWC จากงบกระแสเงินสด
- เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด
เป็นอันว่าผมมาถูกทางแล้วใช่ปะฮะ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 24, 2009 11:30 pm
โดย คนคอน
คนคอน เขียน:หมายถึงอันนี้รึป่าวฮะ CWC จากงบกระแสเงินสด
- เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด
เป็นอันว่าผมมาถูกทางแล้วใช่ปะฮะ
รึว่า
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน มาลบ กับ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน
ผมเข้าใจถูกปะฮะ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 24, 2009 11:31 pm
โดย คนคอน
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 24, 2009 11:44 pm
โดย คนคอน
ขอถามอะไรหน่อยนะฮะ คืออยาก ทราบว่า สมมุติที่ดินอาคาร ที่บริษัทซื้อและบันทึกในงบกระแสเงินสด ปี51
บริษัทจะนำที่ดินอาคารที่ซื้อมารวมกะของเก่าและแสดงในงบดุลของปี 51 ใช่ปะคับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 25, 2009 12:31 am
โดย krisy
คนคอน เขียน:ขอถามอะไรหน่อยนะฮะ คืออยาก ทราบว่า สมมุติที่ดินอาคาร ที่บริษัทซื้อและบันทึกในงบกระแสเงินสด ปี51
บริษัทจะนำที่ดินอาคารที่ซื้อมารวมกะของเก่าและแสดงในงบดุลของปี 51 ใช่ปะคับ
ถูกต้องค่ะ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 25, 2009 9:22 pm
โดย VIB007
คนคอน เขียน: หมายถึงอันนี้รึป่าวฮะ CWC จากงบกระแสเงินสด
- เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด
รึว่า
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน มาลบ กับ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน
ผมเข้าใจถูกปะฮะ
เป็นอันว่าผมมาถูกทางแล้วใช่ปะฮะ
ถูกทางแต่ท่าทางจะเป็นทางเข้าป่าเข้าพง
ผมแนะนำให้ไปเข้าคอร์สบัญชีของคุณมนสักครั้งเถอะครับ
น่าจะได้ประโยชน์
หรือเอาเร็วๆก็หาหนังสือเกี่ยวกับงบกระแสงเินสดมาอ่าน
หาไม่ยากหรอก ถ้าอยากจะหาจริงๆ
ยังไงก็เจอ
ส่วน CWC ในงบกระแสเงินสด
ให้ไปทำการบ้านมาใหม่
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 06, 2009 1:33 am
โดย aitim
รบกวนหน่อยครับ คือผมเพิ่งจะศึกษาการลงทุนในหุ้นและได้มีผู้รู้แนะนำการลงทุนแบบหุ้นคุณค่า(VI) และที่เห็นก็มีการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร
แล้วจะมีการลงทุนแบบอื่นๆบ้างเปล่าครับ และแบบที่ว่าเขาลงทุนกันยังไงครับ
ขอโทษนะครับ นอกเรื่องหน่อยนะครับ
ขอบคุณมากครับ ที่ให้ทำชี้แนะ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 06, 2009 8:42 am
โดย VIB007
aitim เขียน:รบกวนหน่อยครับ คือผมเพิ่งจะศึกษาการลงทุนในหุ้นและได้มีผู้รู้แนะนำการลงทุนแบบหุ้นคุณค่า(VI) และที่เห็นก็มีการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร
แล้วจะมีการลงทุนแบบอื่นๆบ้างเปล่าครับ และแบบที่ว่าเขาลงทุนกันยังไงครับ
ขอโทษนะครับ นอกเรื่องหน่อยนะครับ
ขอบคุณมากครับ ที่ให้ทำชี้แนะ
ก่อนอื่นลองบอกมาหน่อยซิครับว่า
"การลงทุนแบบหุ้นคุณค่า"และ"แบบเก็งกำไร"มันเป็นอย่างไร
ในความเข้าใจของตนเอง
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 06, 2009 10:38 am
โดย aitim
ในความเข้าใจของผมแบบแรก
การเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร ก็คือ
ผู้ที่เล่นหุ้นจะหาซื้อหุ้นเพื่อส่วนต่างจาก Capital Gain ของตัวหุ้นที่ซื้อในการทำกำไร โดยจะซื้อหุ้นตัวนั้นโดยไม่จำเป็นต้องทราบถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ อาจจะใช้เทคนิคในการวิเคราะห์ว่าหุ้นตัวนั้นกำลังจะขึ้น ก็ทำการซื้อหุ้นตัวนั้นไว้ก่อนและทำการขายเมื่อหุ้นตัวนั้นขึ้นถึงจุดๆหนึ่งที่ตัวเองพอใจแล้ว อาจจะให้เวลาในการซื้อขายเป็นวัน เป็นชั่วโมง หรือเป็นนาที ก็เป็นได้
การลงทุนหุ้นแบบหุ้นคุณค่า คือ
ผู้ที่จะทำการลงทุนในหุ้นนั้นๆจะต้องศึกษาเกี่ยวกับบริษัทหุ้นตัวนั้นเป็นอย่างดี(แฟนพันธุ์แท้)และมั่นใจ เช่น บริษัทนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร มีคู่แข่งที่ไหนบ้าง ผู้บริหารเป็นคนมีธรรมาภิบาลหรือไว้ใจได้แค่ไหน สามารถนำพาบริษัทเติบโตไปข้างได้หรือเปล่า วิเคราะห์หามูลค่าที่แท้จริงของตัวหุ้น โดยเมื่อลงทุนไปแล้วอาจจะถือหุ้นตัวนั้นเป็นวัน เป็นเดือน หรือเป็นสิบๆปี ถ้าหากหุ้นตัวนั้นยังคงเป็นหุ้นคุณค่า ที่ให้ผลตอบแทนในแบบปันผลที่เหมาะสม และยังสามารถที่จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบ Capital Gain ได้อีกด้วยหากหุ้นตัวนั้นมีปัจจัยทำให้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น(ราคาหุ้นสูงขึ้น)อาจทำการขายเพื่อลดต้นทุนในการถือหุ้นตัวนั้น และถ้าหากหุ้นตัวนี้เกิดมีราคาที่ตกลงมาต่ำกว่าราคาหุ้นที่แท้จริงที่เราวิเคราะห์ไว้ ผู้ลงทุนก็จะทำการซื้อเก็บไว้เรื่อยๆ เมื่อราคาหุ้นกลับไปยังราคามูลค่าหุ้นที่แท้จริง เราก็จะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น
ที่สำคัญถ้าหากจะขายหุ้นตัวนั้นจนหมดก็ต่อเมื่อปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นเปลี่ยนอาจจะมีปัจจัยมาจาก ผู้บริหารเปลี่ยน สินค้ามีคู่แข่งหน้าใหม่ที่เติบโตและแย่งส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น หรืออื่นๆ ก็ต้องขายหุ้นตัวนั้นไป
-------------------------------------------------------------------------------
ถ้าหากเข้าใจผิดพลาดประการใดช่วยให้คำชี้แนะด้วยนะครับ จะได้แก้ใขความคิดให้ถูกต้อง
คือผมเพิ่งจะมาสนใจในการลงทุนหุ้น แต่ยังไม่มีกำลังทรัพย์ในการซื้อขาย
เลยศึกษาจากหนังสือบ้างจากกระทู้ต่างๆบ้าง โดยอาศัยประสบการณ์จากพี่ๆเพื่อที่จะนำมาใช้จริงในวันข้างหน้า เมื่อพร้อมที่จะลงทุน
และที่ผมเคยได้ยินๆมาก็มีอยู่ ก็ มีรูปแบบอยู่สองแบบ แมงเม่า กับ แบบVI แบบอื่นผมไม่รู้ว่าจะมีอีกหรือเปล่าเลยอยากจะถามพี่ๆว่า การลงทุนแบบอื่นๆ เขามีวิธีการแบบไหน
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 06, 2009 1:05 pm
โดย VIB007
[quote="aitim"]
-------------------------------------------------------------------------------
ถ้าหากเข้าใจผิดพลาดประการใดช่วยให้คำชี้แนะด้วยนะครับ จะได้แก้ใขความคิดให้ถูกต้อง
คือผมเพิ่งจะมาสนใจในการลงทุนหุ้น แต่ยังไม่มีกำลังทรัพย์ในการซื้อขาย
เลยศึกษาจากหนังสือบ้างจากกระทู้ต่างๆบ้าง โดยอาศัยประสบการณ์จากพี่ๆเพื่อที่จะนำมาใช้จริงในวันข้างหน้า เมื่อพร้อมที่จะลงทุน
และที่ผมเคยได้ยินๆมาก็มีอยู่ ก็ มีรูปแบบอยู่สองแบบ แมงเม่า กับ แบบVI
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 06, 2009 2:48 pm
โดย aitim
ขอบคุณสำหรับคำตอบด้านบนครับ
ผมไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนเลย ได้แต่คิดๆว่าถ้าสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นพวกพี่ๆชาว VI จะแก้ปัญหากันอย่างไร เลยอยากจะขอความคิดเห็นหน่อยครับ
สมมุติ ถ้าเรามองเห็นบริษัท A และ บริษัท B ซึ่งทำธุระกิจแบบเดียวกันเรียกง่ายๆว่าเป็นคู่แข่งกัน แบบคู่คี่สูสีกันเลย ซึ่งทั้งสองบริษัทก็ต่างน่าลงทุนเป็นอย่างมาก จะซ้ายก็ดีขวาก็เจ๋ง แล้วเราจะเลือกลงทุนกับบริษัทไหนดีละครับแบบนี้ แล้วถ้าจะลงทุนทั้งสองบริษัทเลยแบบนี้เป็นไปได้เปล่าครับ มันจะขัดกันเปล่าครับ ตัวหนึ่งขึ้นอีกตัวหนึ่งลงในระยะเวลาสั้นๆ อีกซักพักกลับตรงกันข้าม แล้วแบบนี้นักลงทุนแนวVI จะจัดการกับมันอย่างไรดีครับ
----------
ในความคิดของผมน่ะโดยใช้เหตุผลส่วนตัวล้วนๆนะครับ ไม่มีประสบการณ์เลย ก็จะซื้อทั้งสองตัวเลยแบบว่า เราซื้อคู่แข่งไปด้วยเหมือนกับว่าตลาดนั้นไม่มีคู่แข่งที่จะทัดเทียมเราได้ แต่ในความเป็นจริงผมอาจจะตอบไม่ได้นะครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 06, 2009 3:24 pm
โดย krisy
[quote="aitim"]ขอบคุณสำหรับคำตอบด้านบนครับ
ผมไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนเลย ได้แต่คิดๆว่าถ้าสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นพวกพี่ๆชาว VI จะแก้ปัญหากันอย่างไร เลยอยากจะขอความคิดเห็นหน่อยครับ
สมมุติ ถ้าเรามองเห็นบริษัท A และ บริษัท B ซึ่งทำธุระกิจแบบเดียวกันเรียกง่ายๆว่าเป็นคู่แข่งกัน แบบคู่คี่สูสีกันเลย ซึ่งทั้งสองบริษัทก็ต่างน่าลงทุนเป็นอย่างมาก จะซ้ายก็ดีขวาก็เจ๋ง แล้วเราจะเลือกลงทุนกับบริษัทไหนดีละครับแบบนี้
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 07, 2009 9:22 am
โดย VIB007
aitim เขียน:ขอบคุณสำหรับคำตอบด้านบนครับ
----------
ในความคิดของผมน่ะโดยใช้เหตุผลส่วนตัวล้วนๆนะครับ ไม่มีประสบการณ์เลย ก็จะซื้อทั้งสองตัวเลยแบบว่า เราซื้อคู่แข่งไปด้วยเหมือนกับว่าตลาดนั้นไม่มีคู่แข่งที่จะทัดเทียมเราได้ แต่ในความเป็นจริงผมอาจจะตอบไม่ได้นะครับ
ผมคงตอบแทนไม่ได้
ต้องขึ้นกับหลักการของแต่ละคน
ถ้าสถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น
ผมว่าปีเตอร์ลินซ์คงเก็บทั้งสองบริษัท
แต่บัฟเฟตคงเลือกเพียงแค่บริษัทเดียว
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 07, 2009 9:50 am
โดย niyom_value
ถ้าในความคิดเห็นของผมนะครับ
คงต้องดูตลาดทั้งตลาดว่ายังโตหรือมีโอกาสโตอยู่หรือไม่ เพราะถ้าตลาดยังเล็กอยู่ การแข่งขันของทั้งสองบริษัทจะยิ่งทำให้ตลาดเติบโตขึ้นไปอีก อย่างเช่น เอ่อ.. อย่างตอนนี้โทรศัพท์มือถือต่างๆ ทั่วโลก มียอดขายตกไปตามภาวะเศรษฐกิจ แต่มีมือถือประเภทหนึ่งเติบโตสวนกระแสขึ้นมา และเติบโตมากเสียด้วย ใช่แล้วครับ นั่นก็คือ Smart Phone (ประเภทต้องลูบไล้ สัมผัส) ทำให้ตอนนี้ Iphone ขายดีมากๆ และก็มีของ Black berry เข้ามาในตลาด เป็นคู่แข่งขัน ทำให้ตลาด smart phone ยิ่งโตมากขึ้น เพราะความต้องการยังมีมากอยู่ ทำให้เป็นไปได้ว่าจะมีบริษัทรายที่ 3-4-5 เข้ามาในตลาด อย่างที่ผมรู้ตอนนี้ก็ HTC นะครับ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นของ smart phone ที่ถูกกว่า 2 เจ้าแรกด้วย ทำให้ตลาดยิ่งโตมากขึ้น
ในส่วนแง่ของการลงทุน ถ้าจะให้เลือกผมของเลือกบริษัทที่ 3 เพราะว่า ตลาดยังไม่ให้มูลค่ากับบริษัทมากกว่า 2 เจ้าแรก ราคาจึงน่าจะถูกกว่า และที่สำคัญเรามองแล้วว่าอุตสาหกรรมนี้น่าจะโตต่อไปได้ครับ ทำให้บริษัทที่ 3 สามารถเติบโตต่อได้ในอนาคตด้วยครับ
ปล. ยังมีรายละเอีดปลีกย่อยให้ดูอีกแยะครับ แต่ผมจับแค่แนวความคิดส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นเท่านั้นนะครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 08, 2009 1:57 am
โดย dome@perth
niyom_value เขียน:ถ้าในความคิดเห็นของผมนะครับ
คงต้องดูตลาดทั้งตลาดว่ายังโตหรือมีโอกาสโตอยู่หรือไม่ เพราะถ้าตลาดยังเล็กอยู่ การแข่งขันของทั้งสองบริษัทจะยิ่งทำให้ตลาดเติบโตขึ้นไปอีก อย่างเช่น เอ่อ.. อย่างตอนนี้โทรศัพท์มือถือต่างๆ ทั่วโลก มียอดขายตกไปตามภาวะเศรษฐกิจ แต่มีมือถือประเภทหนึ่งเติบโตสวนกระแสขึ้นมา และเติบโตมากเสียด้วย ใช่แล้วครับ นั่นก็คือ Smart Phone (ประเภทต้องลูบไล้ สัมผัส) ทำให้ตอนนี้ Iphone ขายดีมากๆ และก็มีของ Black berry เข้ามาในตลาด เป็นคู่แข่งขัน ทำให้ตลาด smart phone ยิ่งโตมากขึ้น เพราะความต้องการยังมีมากอยู่ ทำให้เป็นไปได้ว่าจะมีบริษัทรายที่ 3-4-5 เข้ามาในตลาด อย่างที่ผมรู้ตอนนี้ก็ HTC นะครับ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นของ smart phone ที่ถูกกว่า 2 เจ้าแรกด้วย ทำให้ตลาดยิ่งโตมากขึ้น
ในส่วนแง่ของการลงทุน ถ้าจะให้เลือกผมของเลือกบริษัทที่ 3 เพราะว่า ตลาดยังไม่ให้มูลค่ากับบริษัทมากกว่า 2 เจ้าแรก ราคาจึงน่าจะถูกกว่า และที่สำคัญเรามองแล้วว่าอุตสาหกรรมนี้น่าจะโตต่อไปได้ครับ ทำให้บริษัทที่ 3 สามารถเติบโตต่อได้ในอนาคตด้วยครับ
ปล. ยังมีรายละเอีดปลีกย่อยให้ดูอีกแยะครับ แต่ผมจับแค่แนวความคิดส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นเท่านั้นนะครับ
พูดยังงี้ก็เข้าทางหุ้นผมดิ :lol:
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 08, 2009 11:01 pm
โดย Linzhi
niyom_value เขียน:ถ้าในความคิดเห็นของผมนะครับ
คงต้องดูตลาดทั้งตลาดว่ายังโตหรือมีโอกาสโตอยู่หรือไม่ เพราะถ้าตลาดยังเล็กอยู่ การแข่งขันของทั้งสองบริษัทจะยิ่งทำให้ตลาดเติบโตขึ้นไปอีก
มีวิจัยของ HBS เรื่องนี้เหมือนกัน
เช่นถ้าคุณวางสินค้าใน super อย่างเดียว คนจะซื้อน้อย
ถ้าวางมากเกินไป คนก็จะซื้อน้อยอีก
ถ้ามีพอดี ๆ จะช่วยเพิ่มยอดขายได้ อย่าง coke กับ pepsi นี่
เข้าข่ายถ้าไม่มีชั้นก็ไม่มีเธอ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 11, 2009 9:43 am
โดย niyom_value
dome@perth
พูดยังงี้ก็เข้าทางหุ้นผมดิ
ไม่ทราบว่าเข้าทางหุ้นตัวไหน บอกกันมั่งก้ได้นะครับ 555
Linzhi
วิจัยของ HBS เรื่องนี้เหมือนกัน
เช่นถ้าคุณวางสินค้าใน super อย่างเดียว คนจะซื้อน้อย
ถ้าวางมากเกินไป คนก็จะซื้อน้อยอีก
ถ้ามีพอดี ๆ จะช่วยเพิ่มยอดขายได้ อย่าง coke กับ pepsi นี่
เข้าข่ายถ้าไม่มีชั้นก็ไม่มีเธอ
ครับ 2 บริษัทนี้เลยไม่ทำสงครามราคากันครับ ไม่งั้นเจ๊งทั้งคู่ จะสังเกตุเห็นได้ว่า โฆษณาของทั้งคู่จะออกมาเกือบ พร้อมๆกันด้วยซ้ำ ถ้า coke ออกโฆษณาใหม่ pepsi สักพักก็จะมีบ้าง หรือถ้า pepsi เริ่มโฆษณาสักพัก coke ก็จะมีบ้าง ซึ่งน่าจะเป็นการสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคในตัวสินค้าอย่างต่อเนื่องครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:27 pm
โดย oilpaint
คุณวิบูลย์ไม่เขียน คอลัมในหนังสือพิมกรุงเทพธุรกิจ แล้วหรือค่ะ
ตามหลายอาทิตย์แล้วไม่เห็นเลยค่ะ