มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3303
ดู The Symptom แล้ว ด้วยอคติก่อนเริ่มดูเล็กน้อย ว่าจะมีผลเสียใดๆต่อวงการแพทย์หรือเปล่า
แต่ดูไปแล้วก็พอจะเข้าท่านะ เป็นการรื้อฟื้นความหลัง ความรู้ทั้งหลายด้วย
ประชาชนทั่วไปก็พอได้ประโยชน์นะครับ
แต่ชีวิตจริงมันก็คงไม่ใช่แบบนี้หรอกครับ
แต่ดูไปแล้วก็พอจะเข้าท่านะ เป็นการรื้อฟื้นความหลัง ความรู้ทั้งหลายด้วย
ประชาชนทั่วไปก็พอได้ประโยชน์นะครับ
แต่ชีวิตจริงมันก็คงไม่ใช่แบบนี้หรอกครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3306
ขอพักด้วยครับ...ระหว่างพักเข้าไปอ่านในห้องป๋าTog
พี่มุข จำได้รึเปล่าเอ่ยว่าเป็นReplyเเรกๆของพี่
พี่มุขสมัครสมาชิก Thai VI-->Tue Sep 18 2007 7:17 pm
และพี่Postกระทู้นี้------------>Tue Sep 18 2007 7:46 pm
ว่าเเต่พี่"ต่อราคา"โหดใช้ได้เลยนะพี่
จะว่าไปก็ใกล้วันเกิดของ Username:Paul VI แล้วนะครับปีนี้ก็อายุ4ขวบเเล้ว Happy Birthday ล่วงหน้าครับ
พี่มุข จำได้รึเปล่าเอ่ยว่าเป็นReplyเเรกๆของพี่
พี่มุขสมัครสมาชิก Thai VI-->Tue Sep 18 2007 7:17 pm
และพี่Postกระทู้นี้------------>Tue Sep 18 2007 7:46 pm
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 7&start=30Paul VI เขียน:ตัวนี้ผมศึกษาใน annual report น่าสนใจทีเดียว เสียดายเหมือนที่ buffet เคยบอกไว้ในหนังสือเลย ว่าอย่าเสียดายแค่เศษๆ ผมตั้งบิดซ่าย ไม่เคาะขวาตั้งแต่ 2.50 แต่ในใจตอนนั้นกะว่า ,argin of safety ที่ 2.20-2.30 เอง ตอนนี้ก็ได้แต่รอให้ลงถึงอีกที ... เฮ้อ เมื่อไหร่จะถึงวันนั้นน้า...คนที่มีหุ้น อย่าว่ากันนะ ผมแคเขียนความเห็นส่วนตัวและผมก็ว่าน่าสนใจมากด้วย...
ว่าเเต่พี่"ต่อราคา"โหดใช้ได้เลยนะพี่
จะว่าไปก็ใกล้วันเกิดของ Username:Paul VI แล้วนะครับปีนี้ก็อายุ4ขวบเเล้ว Happy Birthday ล่วงหน้าครับ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3307
พี่หมอ น้องหมอคนไหนใช้ app นี้มั่งครับ
http://itunes.apple.com/th/app/medscape ... 67289?mt=8
เจ๋งดีไหม ผมเคยอ่านแต่รีวิวของหมอไพโรจน์ตามลิงค์นี้ http://www.pdamobiz.com/forum/forum_pos ... 97621&PN=1
ไม่รู้เอามะพร้าวน้ำหอมมาขายสวนหรือเปล่า
http://itunes.apple.com/th/app/medscape ... 67289?mt=8
เจ๋งดีไหม ผมเคยอ่านแต่รีวิวของหมอไพโรจน์ตามลิงค์นี้ http://www.pdamobiz.com/forum/forum_pos ... 97621&PN=1
ไม่รู้เอามะพร้าวน้ำหอมมาขายสวนหรือเปล่า
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3310
ผมใช้ครับ พอดีเห็นExternใช้ในVersion Android ผมเลยลอง load App Medscape มาใช้ในIphone เท่าที่ใช้ผมว่าข้อมูลครบและupdate ที่สำคัญฟรี เทียบกับ Skyscape ที่ต้องเสียตังค์oatty เขียน:พี่หมอ น้องหมอคนไหนใช้ app นี้มั่งครับ
http://itunes.apple.com/th/app/medscape ... 67289?mt=8
เจ๋งดีไหม ผมเคยอ่านแต่รีวิวของหมอไพโรจน์ตามลิงค์นี้ http://www.pdamobiz.com/forum/forum_pos ... 97621&PN=1
ไม่รู้เอามะพร้าวน้ำหอมมาขายสวนหรือเปล่า
เเต่ด้วยความที่Medscapeข้อมูล "ครบ" เกินไปทำให้ถ้าเรารีบจะหาข้อมูลได้ช้า...สู้ Series 5 minute ของSkyscapeไม่ได้ ซึ่งตรงนี้Skyscapeสรุปเนื้อหาได้ดีกว่ามากถ้าเทียบกับการใช้ประกอบการตัดสินใจเวลาทำงานจริง หาได้เร็ว Doseยาไม่เยิ่นเย้อ มีAdmit&Discharge Criteria
สรุปLoad Appนี้ไว้ในIphoneให้อุ่นใจเฉยๆหรือไว้อ่านUpdateก็OKครับเพราะชีวิตจริงทำงานมักไม่ค่อยได้เปิดอยู่ดี
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3311
เห็นป๋าTog ราคาตกหลายวันเลยลองศึกษาดู ไปอ่านเจอPostของพี่เข้าเเละบังเอิญเหลือบไปดูเวลาเเละวันที่Joined, Posted ... Surpriseเล็กๆกับความ "บังเอิญ"...Paul VI เขียน:555 ตามไปดูโพสต์แรกๆ ของตัวเองแล้ว ขำตัวเองจริงๆ
แป๊ก ทำให้พี่ต้องกลับมาลองคุ้ยตัวนี้อีกทีซะแล้ว
แต่เห็นงบเบื้องต้นแล้ว ขอดูแบบไม่รีบละกัน
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- nACrophiles_117
- Verified User
- โพสต์: 1362
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3312
TOG มันถือเป็น OEM ไหมครับ ทำไมตลาดเล่นกันที่ PE แพงจัง หรือมันมีอะไรซ่อนอยู่ ครับ ???
labor omnia vincit
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3313
tog ไม่ได้ตามนานแล้วครับnACrophiles_117 เขียน:TOG มันถือเป็น OEM ไหมครับ ทำไมตลาดเล่นกันที่ PE แพงจัง หรือมันมีอะไรซ่อนอยู่ ครับ ???
เป็นทั้ง oem และมีแบรนด์ตัวเองด้วยครับ
และมีร้าน หอแว่น ที่น่าจะเกี่ยวโยงกันทางใดทางหนึ่งครับ ขอเช็คข้อมูลชัวร์อีกทีนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3314
วันนี้กลับไปอ่านห้องAeontsพบโดยบังเอิญอีกเช่นกันว่า Post เเรกของผมอยู่ในห้องนี้นี่เอง
กลับไปอ่านมุมมองตัวเองในpostเเรกๆ แล้วพยามนึกว่าตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่...เหมือนเปิดCapsuleกาลเวลา มีความสุขจังครับ...ผมรักThaiVI ครับ
กลับไปอ่านมุมมองตัวเองในpostเเรกๆ แล้วพยามนึกว่าตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่...เหมือนเปิดCapsuleกาลเวลา มีความสุขจังครับ...ผมรักThaiVI ครับ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3317
หลังจากนั้น พอเริ่มเข้าที่ก็รักแนวการลงทุนแบบ vi อยู่กับมันได้ ใช้จุดแข็งที่เรามี กลบจุดอ่อนของเรา
อยู่ในผลตอบแทนที่สบายใจและพอเหมาะพอสม ก็มีความสุขมากๆกับเวบแห่งนี้
จิตก็ไม่ค่อยตกอีกต่อไป ก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็น ชมรมหมอเจ็บ
แล้วก็กลายเป็น ชมรมหมอ vi ในที่สุด
อยู่ในผลตอบแทนที่สบายใจและพอเหมาะพอสม ก็มีความสุขมากๆกับเวบแห่งนี้
จิตก็ไม่ค่อยตกอีกต่อไป ก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็น ชมรมหมอเจ็บ
แล้วก็กลายเป็น ชมรมหมอ vi ในที่สุด
- nACrophiles_117
- Verified User
- โพสต์: 1362
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3319
Paul VI เขียน:tog ไม่ได้ตามนานแล้วครับnACrophiles_117 เขียน:TOG มันถือเป็น OEM ไหมครับ ทำไมตลาดเล่นกันที่ PE แพงจัง หรือมันมีอะไรซ่อนอยู่ ครับ ???
เป็นทั้ง oem และมีแบรนด์ตัวเองด้วยครับ
และมีร้าน หอแว่น ที่น่าจะเกี่ยวโยงกันทางใดทางหนึ่งครับ ขอเช็คข้อมูลชัวร์อีกทีนะครับ
ขอบคุณครับPaul VI เขียน:ช่วงนี้พี่ว่า คงต้องประเมินให้ดีๆ หุ้นที่พอมี mos ก็พอมี แต่ก็ต้องหาอย่างมากและก็เหลือน้อยลง
พี่คงศึกษาหุ้นเพิ่มไปเรืาอยๆก่อน เฟ้นไปเรื่อยๆ แต่คงไม่รีบร้อนเท่าไหร่ รอจังหวะเวลา
ง่วงแล้ว ขอไปนอนก่อนนะ
ผมหาหุ้นพอมี MOS ไม่เจอเลยอ่ะครับ T__T เศร้าใจ
ตอนนี้ไม่กล้าลงเงินเพิ่มแล้วด้วยครับ ในทางกลับกัน ถอนเงินออกมาส่วนหนึ่งจากที่ใส่เข้าไปเพิ่มเมื่อช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาด้วยครับ เดี๋ยวปีหน้าต้องกลับไปเป็น resident จนๆแล้ว กลัวไม่มีกะตังค์ตอนเรียนต่อครับ
labor omnia vincit
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3320
Paul VI เขียน:วันนี้ก็คืออนาคตของวันวาน
วันที่พี่ก้าวเข้ามาในเส้นทาง vi ใหม่ๆ ท้อจนแทบอยากเลิก
Paul VI เขียน:นั่นคือที่มาของกระทู้นี้ ชื่อ เคยจิตตกกันบ้างไหมครับ
ขอบคุณครับพี่ เลยได้รู้ที่มาที่ไปของห้องนี้ เห็นด้วยกับพี่เลยครับกับคำว่า "ผลตอบเเทนที่สบายใจ" ถ้าการเก็งกำไรทำให้จิตตก นอนไม่หลับ...ดึกต้องดูดาว เที่ยงไม่กินข้าวต้องตามDaxx(ฝั่งยุโรป) เบ็ดเสร็จบ่าย3ตามHungseng เเละปิดตลาดอย่างเซ็งกับSetไทย...Paul VI เขียน:หลังจากนั้น พอเริ่มเข้าที่ก็รักแนวการลงทุนแบบ vi อยู่กับมันได้ ใช้จุดแข็งที่เรามี กลบจุดอ่อนของเรา
อยู่ในผลตอบแทนที่สบายใจและพอเหมาะพอสม ก็มีความสุขมากๆกับเวบแห่งนี้
จิตก็ไม่ค่อยตกอีกต่อไป ก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็น ชมรมหมอเจ็บ
แล้วก็กลายเป็น ชมรมหมอ vi ในที่สุด
ผมเคยทำมาเเล้วบอกได้คำเดียว "โทรมครับ" เสียสุขภาพจิต เหมือนที่พี่ท่านนึงPostในกระทู้ "กฎ 72" บอกว่า"สุขภาพผมอยู่ในport"
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3322
torpongpak เขียน: ขอบคุณครับพี่ เลยได้รู้ที่มาที่ไปของห้องนี้ เห็นด้วยกับพี่เลยครับกับคำว่า "ผลตอบเเทนที่สบายใจ" ถ้าการเก็งกำไรทำให้จิตตก นอนไม่หลับ...ดึกต้องดูดาว เที่ยงไม่กินข้าวต้องตามDaxx(ฝั่งยุโรป) เบ็ดเสร็จบ่าย3ตามHungseng เเละปิดตลาดอย่างเซ็งกับSetไทย...
ผมเคยทำมาเเล้วบอกได้คำเดียว "โทรมครับ" เสียสุขภาพจิต เหมือนที่พี่ท่านนึงPostในกระทู้ "กฎ 72" บอกว่า"สุขภาพผมอยู่ในport"
ของเดิมขนาดนั้นเลยเหรอ
หนักกว่าพี่อีกนะ
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3323
ครับพี่ เหมือนการเสพติด...ผมเคยอ่านหนังสือHow to ญี่ปุ่นเล่มนึงของSMMเค้าบอกว่าถ้าเราทำอะไรติดๆกัน 21 วันมันจะกลายเป็นนิสัย หรือถ้าอยากเลิกนิสัยเเย่ๆบางอย่างก็ต้องทนหยุดให้ได้ถึง21วัน..
เเต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะครับ"สมดุล"ขึ้นเยอะครับ เพราะหุ้นที่ถืออยู่ เเต่ละตัว "Art Art" ทั้งนั้น เลยไม่ต้องตามอะไรมากได้เเต่"รอ"เเละ"ต่อราคา"ครับ
ว่าเเต่วันนี้วันศุกร์ ซึ่งเป็นRefer Day จากรพช.เเต่ตอนนี้เสียงโทรศัพท์เงียบผิดปกติ หวังว่าคงเป็นนิมิตหมายอันดี...ไม่ได้ขี้เกียจนะครับ เเต่ดีใจที่คนไทยเเข็งเเรง
เเต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะครับ"สมดุล"ขึ้นเยอะครับ เพราะหุ้นที่ถืออยู่ เเต่ละตัว "Art Art" ทั้งนั้น เลยไม่ต้องตามอะไรมากได้เเต่"รอ"เเละ"ต่อราคา"ครับ
ว่าเเต่วันนี้วันศุกร์ ซึ่งเป็นRefer Day จากรพช.เเต่ตอนนี้เสียงโทรศัพท์เงียบผิดปกติ หวังว่าคงเป็นนิมิตหมายอันดี...ไม่ได้ขี้เกียจนะครับ เเต่ดีใจที่คนไทยเเข็งเเรง
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3324
บทความดีๆครับ จากห้อง value investing
เครดิตคุณ taratantara ครับกฎของ 72 คุณไม่จำเป็นต้องเป็นที่ 1 ก็ได้
วันนี้ผมมานั่งคิดๆ ดูถึงกฎ 72 กฎข้อนี้บอกว่า ถ้าเราเอาเงินก้อนหนึ่งไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนเป็น x% ต่อปีทบต้น เราจะใช้เวลาทั้งหมดเท่ากับ 72/x ปี ในการที่จะทำให้เงินที่เราลงไปนั้นโตเป็นสองเท่า เช่น
ถ้าเราเอาเงินไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยทบต้น 2% ต่อปี (ประมาณจากดอกเบี้ยเงินฝากประจำตอนนี้) เงินทุนเราจะเป็นสองเท่าก็หลังจากที่เวลาผ่านไปเท่ากับ 72/2 = 36 ปี
แต่สมมติเราเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นที่ให้ผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ย 6% ต่อปี เงินลงทุนของเราจะเป็นสองเท่าเมื่อเวลาผ่านไปเท่ากับ 72/6 = 12 ปี
จากตัวอย่างนี้ จะเห็นได้ว่าแค่เราเพิ่มผลตอบแทนให้ได้จาก 2% เป็น 6% (หรือเพิ่มขึ้น 4%) ต่อปี เราก็สามารถย่นระยะเวลาในการทำให้เงินลงทุนโตขึ้นสองเท่าได้ถึง 24 ปี (36 – 12 = 24 ปี) ซึ่งถ้าคิดว่าคนเราแก่ตายที่อายุสัก 72 ปี เวลา 24 ปีที่ได้มานั้นมันเท่ากับช่วงเวลา 1 ใน 3 ของชีวิตเลยทีเดียว
กฎนี้ไม่ธรรมดาแฮะ... ผมจึงลองพร็อตกราฟ y = 72/x เมื่อ y เป็นจำนวนปีที่ใช้ในการทำให้เงินลงทุนโตเป็นสองเท่า และ x เป็นเปอร์เซ็นต์ของอัตราผลตอบแทนทบต้นที่เราทำได้ มาลองดูกัน
(หลายคนอาจสงสัยว่ากฎ 72 นี้ใช้คำนวณได้แม่นยำจริงๆ หรือเปล่า ใช่ครับ กฎ 72 นื้เป็นเพียงการประมาณค่า ใช้เพื่อความสะดวกในการคำนวณให้ง่ายขึ้น แต่เมื่อผมลองตรวจสอบดูด้วยการพร็อตกราฟของ y = (log(2)) / (log(1+x/100)) ซึ่งเป็นสูตรที่แท้จริงของการคำนวณ ก็ปรากฎว่ากราฟทั้งสองนั้นใกล้เคียงกันมากจนเราสามารถใช้แทนกันได้)
จากกราฟเส้นสีน้ำเงินจะเห็นว่ายิ่งตัวเปอร์เซ็นต์ของอัตราผลตอบแทนทบต้น (แกนนอน) มากขึ้นเท่าไหร่ ระยะเวลาที่ใช้เพื่อทำให้เงินลงทุนเป็นสองเท่า (แกนตั้ง) ก็จะลดน้อยลงเท่านั้น คือยิ่งเปอร์เซ็นต์เยอะก็ยิ่งเร่งผลตอบแทนได้เร็วขึ้น ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้กันอยู่แล้ว แต่เมื่อสังเกตให้ดีๆ จะพบว่าเส้นกราฟนี้มันตกดิ่งลงมาอย่างรุนแรงเฉพาะในช่วงแรก แต่ในตอนท้ายๆ มันจะตกลงในอัตราที่ช้าลงเรื่อยๆ จนแถวๆ ที่อัตราผลตอบแทนประมาณ 20-30% เส้นกราฟนี้ก็เกือบจะเป็นแนวนอนอยู่แล้ว
ทีนี้มาลองดูเส้นประสีแดงกับเจ้าแท่งสีชมพูกันบ้าง (ดูกราฟไปด้วยนะครับ) ตัวเลขที่เขียนในแท่งสีชมพูนั้นหมายถึงจำนวนปีที่เราสามารถเร่งผลตอบแทนในการทำให้เงินเราโตเป็นสองเท่าได้ในแต่ละช่วงของเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทน โดยเริ่มจากที่อัตราผลตอบแทน 2% เพิ่มไปทุกๆ 4% เป็นที่ 6%, 10%, 14%, 18%, และ 22% ซึ่งสรุปได้ดังนี้ครับ
เมื่อเราเพิ่มอัตราผลตอบแทนจาก 2% ไปเป็น 6% เราสามารถลดเวลาในการทำเงินเป็นสองเท่าได้ 24 ปี
จาก 6% ไป 10% ลดได้ 5 ปี
จาก 10% ไป 14% ลดได้ 2 ปี
จาก 14% ไป 18% ลดได้ 1 ปี
และสุดท้ายจาก 18% ไป 22% ลดได้ 0.7 ปี
ถามว่าทำไมถึงหยุดที่ 22% ครับ ก็เพราะว่าค่านี้เป็นสถิติโลกนั่นเอง ซึ่งคนที่สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นได้ขนาดนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั่นเอง
ทีนี้มันหมายความว่ายังไง ? มันแสดงให้เห็นว่า การเพิ่มอัตราผลตอบแทนในช่วงเปอร์เซ็นต์ต่ำๆ (ที่เราสามารถทำได้ง่าย) จะเร่งผลตอบแทนหรือลดระยะเวลาได้มาก ในขณะที่การฝืนเพิ่มอัตราผลตอบแทนในช่วงเปอร์เซ็นต์สูงๆ (ซึ่งเราทำได้ยาก) จะไม่ค่อยมีผลต่อการเร่งผลตอบแทนในรูปของการลดระยะเวลาได้อีกสักเท่าไหร่
ยกตัวอย่างนะครับ คนที่เคยฝากประจำอย่างเดียวที่เคยได้ 2% อยู่แล้วสามารถทำให้ผลตอบแทนตัวเองเพิ่มเป็น 6% ได้ไม่ยากและไม่เสี่ยงมาก เช่นเอาไปซื้อทอง ซื้อหุ้นกู้ แล้วทำให้ลดเวลาในการเร่งผลตอบแทนได้ถึง 24 ปี ในขณะที่คนที่เคยเล่นหุ้นได้อยู่ 18% ต่อปี จะเป็นเรื่องที่ยากและเสี่ยงขึ้นอย่างมากถ้าเขาพยายามจะทำให้มันเป็น 22% เพียงเพื่อที่จะเร่งผลตอบแทนให้เร็วขึ้นได้อีกแค่ 0.7 ปี
สังเกตตัวเลข 24 ปี (2% ไป 6%), 5 ปี (6% ไป 10%), 2 ปี (10% ไป 14%), 1 ปี (14% ไป 18%), และ 0.7 ปี (18% ไป 22%) สมมติเราพอใจตัดเอาที่ 10% ต่อปี จะเห็นว่าเราสามารถลดเวลาที่เงินเราจะโตเป็นสองเท่าได้ (มากกว่าการฝากประจำเฉยๆ ที่ 2%) เท่ากับ 24 + 5 = 29 ปี ในขณะที่ถ้าเราจะเอาให้เท่าสถิติโลกหรือที่ 22% เราจะลดเวลาได้เท่ากับ 24 + 5 + 2 + 1 + 0.7 = 32.7 ปี ซึ่ง 32.7 ปี กับ 29 ปี นั้นต่างกันไม่ถึง 4 ปี หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว เราก็ห่างจากสถิติโลกแค่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง
ผมถึงบางอ้อก็ตรงนี้ครับ เมื่อก่อนเคยคิดว่าการเล่นหุ้นทำไม่เราไม่ตั้งไว้สัก 40-50% ต่อปี นั่นบ้าไปแล้วครับ มันเหมือนกับการที่เราไปท้า ยูเซน โบลต์ (Usain Bolt – เจ้าของสถิติโลกวิ่ง 100 เมตร ที่ 9.58 วินาที) ให้มาวิ่งแข่งกับเรา แล้วบอกเขาว่า “โบลต์... ผมว่าผมวิ่งเร็วกว่าคุณ 5 วิ ไม่เชื่อมาพนันกันมั้ย!”
ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ว่า “แรงที่มีกำลังมากที่สุดในโลก คือ ดอกเบี้ยทบต้น” (Compound interest is the most powerful force on Earth.) คำกล่าวนี้เป็นความจริงไม่เกินเลย แต่มันก็แฝงไปด้วยหลักธรรม...
ตัวเลข 2% ของการไม่ทำอะไรนอกจากการฝากเงินไว้เฉยๆ กับตัวเลข 22% ของนักลงทุนอันดับหนึ่งของโลกนั้น ค่าตรงกลางของมันก็อยู่แถวๆ 10% กว่าๆ นี่เอง ซึ่งการที่เราพอใจที่ 10% นั้นแม้ว่าเราจะแพ้ที่หนึ่งอยู่ 4 ปี แต่มันก็ทำให้เราชนะที่สุดท้ายได้ถึง 29 ปี คนที่ยังได้ 2% อยู่จึงควรพยายามทำให้ได้ 10% (หรือสัก 6% ก่อนก็ยังดี) ส่วนคนที่ได้เกิน 10% ไปแล้ว แค่รักษาผลตอบแทนขนาดนั้นเอาไว้อย่างสม่ำเสมอก็ถือว่าเยี่ยมยอดแล้ว การพยายามวิ่งไล่ 22% นอกจากจะเป็นเรื่องที่ยากและเสี่ยงแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้รับกลับมาอาจไม่คุ้มค่าแรงนัก
หลักธรรมที่ว่านั้นคืออะไรครับ... ใช่แล้ว! มันคือ “ทางสายกลาง” นั่นเอง ระหว่างการที่เราไม่ทำอะไรเลยกับการที่เราดิ้นรนมันเต็มที่ ของที่ดีและเหมาะสมที่สุดกลับมาอยู่ตรงกลาง ข้อคิดนี้ทำให้ผมรู้ว่า เราไม่จำเป็นต้องวิ่งให้เร็วเท่า ยูเซน โบลต์ ก็ได้ เพราะตราบใดที่เราตื่นเช้าสักหน่อย เราก็ไปทำงานทัน (อิอิ...เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย) กฎของ 72 บอกผมอยู่อย่างหนึ่งว่า “ในชีวิตจริงคุณไม่จำเป็นต้องเป็นที่ 1 ก็ได้”
เดิมทีผมตั้งใจเขียนบทความนี้ให้กับเพื่อนๆ ในเฟสบุ๊ก เพื่อชักชวนให้หลายๆ คนเริ่มต้นลงทุนกัน โดยที่ไม่อยากให้ใครก็ตามที่ตัดสินใจจะกระโจนเข้ามาก็เริ่มตั้งหลักที่ผลตอบแทนเปอร์เซ็นต์สูงๆ
ผมจึงทำการเปรียบเทียบ worst case scenario และ base case scenario ที่มีโอกาสเป็นไปได้ และลองวิเคราะห์ดูว่าแม้เราจะตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับกลางๆ ก็ไม่ได้แปลว่าเราแพ้
คำว่า “แพ้” นี่สำคัญมากครับ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นเล่นหุ้นใหม่ๆ เพราะถ้าเขาแพ้ตั้งแต่ตาแรกๆ เขาอาจจะเลิกเล่นมันไปตลอดชีวิตเลย
มองผิวเผิน เจ้าตัวเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนที่เราทำได้ ดูเหมือนจะเป็นการวัดว่าเราแพ้หรือชนะ หลังจากนั้นมันก็เริ่มมีที่ 1 และที่โหล่ และก็มีแพ้ตลาดชนะตลาด มีกำไรมากกับกำไรน้อยใช่มั้ยครับ
นั่นแหละ คือสาเหตุของความผิดพลาดในการลงทุนช่วงแรกของผม
ความจริงผมเป็น day trade มาก่อนครับ จะเรียกว่า hour trade หรือ minute trade ก็ยังได้เลย เป็น pure technical ล้วนๆ วันๆ ผมไม่ทำอะไรนอกจากเปิดดู most swing ดูกราฟ อ่านข่าว แล้วเข้าซื้อขายเลย ผมไม่สนใจจริงๆ ว่าหุ้นตัวนั้นทำกิจการอะไร ที่ผ่านมามันเคยได้กำไรหรือขาดทุน เอาแค่ไม่ให้คีย์ชื่อหุ้นผิดก็พอ ชั่วโมงเดียวผมเคยซื้อแล้วโดนเกือบ floor และเคยได้ ceiling ในข้ามคืนเดียว
ชีวิตที่ขึ้นๆ ลงๆ ไปตามกราฟของผมแบบนี้ เรียกได้ว่าเข้าขั้นโคม่า บางวันยืนยิ้มได้เหมือนคนบ้าทั้งวัน บางวันก็นั่งหน้าซีดเงียบๆ คนเดียวหลังจอคอมฯ
หลังจากนั้น อย่างที่ทุกคนพอจะเดาออก ผมเริ่มกลัว และเริ่มหาข้อมูลมากขึ้น
ทั้งๆ ที่ก่อนเริ่มเทรดผมเชื่อว่าตัวเองเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี อ่านทั้งหลักการ VI ทั้ง day trade และก็ตัดสินใจเลือก day trade ผมเลือกข้างที่มีโอกาสได้เปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนสูงๆ ครับ
ในตอนนั้น ผมตะลุยอ่านอ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในตัวหนังสือกับตัวเลข ผมทำแม้กระทั่งนั่งวาดกราฟ SET ทุกวันด้วยมือตัวเอง เพราะคอมฯ มันโชว์แค่แท่งเทียน ใครขายใครซื้อมีวอลุ่มครบทุกวัน ติดรอบห้องเต็มไปหมด
ผมทำอย่างนั้นอยู่ 9 เดือนเต็มๆ เงยหน้าขึ้นมาอีกทีผมเหมือนคนบ้าคนหนึ่ง หายใจเข้าออกเป็นแต่เรื่องหุ้น
วันนั้นผมได้เรียนรู้ ณ ตอนนั้นว่า สิ่งที่ผมกำลังทำเป็นสิ่งที่ฝืนกับความเป็นตัวเอง ประโยคนี้สำคัญกับผมมากครับ “สิ่งที่ผมทำไม่ใช่ตัวผมเอง”
การพยายามจะเป็นที่ 1 ของผม คือการพยายามจะเป็นที่ 1 ของคนทั้งหลาย ผมไม่เคยย้อนถามตัวเองเลยว่า “ผมลงทุนเพื่ออะไร? จะเอาเท่าไหร่? และไปถึงไหน?”
ผมเปลี่ยนแนวทางมาเป็น VI ได้เกือบ 2 ปีแล้ว คราวนี้เป็น lifetime invest สุดโต่งอีกฟากหนึ่งเลยก็ว่าได้ (อาจผิดคอนเซ็ปต์เรื่องทางสายกลาง) แต่ไม่ใช่เพราะมันดูเท่ห์ ไม่ใช่เพราะมันทำกำไรได้มากกว่า แต่เป็นเพราะมันเป็นแนวทางที่ผมอยู่กับมันได้ดีและยั่งยืนกว่า ผมตอบคำถามตัวเองด้วยการเปลี่ยนแนวทาง จากการลงทุนเพื่อเป็นที่ 1 เป็นการลงทุนเพื่อความสุขและความมั่นคงของจิตใจ
และผมอยากให้ทุกคนตระหนักในเรื่องนี้ เราแพ้ตลาดไม่ได้แปลว่าเราแพ้ หุ้นเพื่อนขึ้นหุ้นเราไม่ขึ้นก็ไม่ได้แปลว่าเราแพ้ เปอร์เซ็นต์เราน้อยกว่าบัฟเฟตต์ก็ไม่ได้แปลว่าเราแพ้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับมุมมองที่เราเลือกมอง เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะชนะในเกมแห่งจิตใจนี้
เมื่อคนที่ชนะคือคนที่ไปถึงเส้นชัยได้ก่อน แต่เส้นชัยนั้นคุณกำหนดเอง ไม่ใช่ให้ใครคนอื่นมากำหนด
ถ้าคุณวิ่งช้ากว่า ยูเซน โบลต์ ขอให้คุณออกวิ่งก่อน ยูเซน โบลต์...
ถ้าคุณทำได้แล้ว 10-15% ขอให้คุณอย่าลังเลที่จะลงทุนก่อน และอึดพอที่จะใช้เวลาในการลงทุนให้ยาวนานที่สุด...
คนอื่นอาจจะมองว่าคุณแพ้ แถมยังใช้กลยุทธ์แบบผู้แพ้ แต่คุณคนเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินว่าตัวเองแพ้หรือชนะ
ขอให้มีความสุขจากการลงทุนนะครับ
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 3328
เอางี้ดีกว่า
คนทายถูก เดี๋ยวจะส่งไฟล์ รวบรวมบทวิเคราะห์หุ้นทั้งโบรกนอกและโบรกใน หุ้นที่ต้องการให้ 1 ตัวครับ
ที่ออก cover ภายในปี 2554 ครับ
ดีไหมครับ สนุกๆ
คนทายถูก เดี๋ยวจะส่งไฟล์ รวบรวมบทวิเคราะห์หุ้นทั้งโบรกนอกและโบรกใน หุ้นที่ต้องการให้ 1 ตัวครับ
ที่ออก cover ภายในปี 2554 ครับ
ดีไหมครับ สนุกๆ
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company