มุมมองลงทุนสไตล์ Sai
-
- Verified User
- โพสต์: 248
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองลงทุนสไตล์ Sai
โพสต์ที่ 302
[quote="Birdigol"]สวัสดีครับพี่ซาอิ
มโนปุพพังคมาธัมมา - ในตัวของเรามีใจเป็นใหญ่
มโนเสฏฐา มโนมยา - ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นธรรมชาติถึงก่อน
มะนะสา เจ ปสันเนนะ - ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จแล้วแต่ใจ
มโนเสฏฐา มโนมยา - ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นธรรมชาติถึงก่อน
มะนะสา เจ ปสันเนนะ - ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จแล้วแต่ใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองลงทุนสไตล์ Sai
โพสต์ที่ 303
[quote="sai"][quote="Undertaker"][quote="yoyo"][quote="newbie_12"][quote="picatos"][quote="sunrise"]รบกวนพี่ซาอิ ให้ความเห็นหุ้น lhk หน่อยครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
มุมมองลงทุนสไตล์ Sai
โพสต์ที่ 306
ยังมองเหมือนเดิมครับ เพียงแต่ราคาณ.ปัจจุบันมีตัวอื่นน่าสนใจกว่าเท่านั้นเองครับ :lol:หมีขาว เขียน:ทราบมาว่าอดีตพี่ sai เคยสนใจ PTL ปัจจุบันไม่ทราบมีมุมมองเปลี่ยนไป ต่อบริษัทนี้ยังไงบ้างครับ
Small Details Make a Big Difference
-
- Verified User
- โพสต์: 4
- ผู้ติดตาม: 0
STOCKS RECOMMEND
โพสต์ที่ 308
KHUN SAI KRUB.
WOLUD YOU PLEASE RECOMMEND 2-3 STOCKS THAT YOU ARE INTERESTED FOR FUTHER STUDY THANKS
A LOT
WOLUD YOU PLEASE RECOMMEND 2-3 STOCKS THAT YOU ARE INTERESTED FOR FUTHER STUDY THANKS
A LOT
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
มุมมองลงทุนสไตล์ Sai
โพสต์ที่ 310
ไม่ได้แบ่งเป็นกรุ๊ปขนาดนั้นนะครับ เพราะหุ้นจริงจริงแล้วถึงตัวเลขทางการเงินจะเหมือนกันทุกตัว ลึกลงไปจริงจริง ก็คงไม่ได้แปลว่าควรมี pe เท่ากัน เพราะยังมีทั้งเรื่องปัจจัยทางคุณภาพ ความน่าเชื่อถือของผู้บริหาร ความแข็งแกร่งของแบรนด์สินค้า อำนาจการต่อรอง ความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน และ อื่นอื่นที่มองเป็นตัวเลขไม่ได้อีกด้วยครับ การประเมิณ pe ที่เหมาะสมจึงไม่มีสูตรตายตัวครับ ต้องใช้ประสบการณ์เยอะพอควรครับ (ผมเองก็ยังมีไม่มากนักครับ หลักจากคิดเองเสร็จก็มักขอมุมมองจากหลายท่านที่ประสบการณ์เยอะกว่าว่าควรมี pe ระดับเท่าใด มาใช้ประกอบการตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งครับ ) หลักหลักผมดูที่ bussiness model การเติบโตในอดีตของบริษัท การเติบโตของอุตสาหกรรมที่บริษัทอยู่ กระแสเงินสดในอนาคต(จะมองว่าการขยายงานต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนเยอะหรือไม่ ถ้าการขยายงานในอนาคตต้องใช้เงินหมุนเวียนเยอะก็จะให้ pe น้อยลงครับ เพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไร บริษัทประเภทที่การขยายงานต้องใช้เงินลงทุนมากหรือใช้เงินทุนหมุนเวียนมากมากมักปันผลได้น้อยครับ และ อาจต้องกู้ยืมอยู่เรื่อยครับ ยิ่งใหญ่ยิ่งเหนื่อยครับ ) คร่าวคร่าว ถ้าเป็น ธรุกิจประเภทประมูลงานก็จะให้ pe ราว 5-6 เท่าครับ ธรุกิจcommo ก็ให้ประมาณ 5-6 เท่าครับ ธรุกิจค้าปลีกผมเองให้ไม่เกิน 10-15 เท่าครับ เป้นต้นครับ ทั้งนี้คงต้องพิจารณาปัจจัยอื่นอื่นแบบที่เล่าข้างต้นประกอบด้วยครับ เคยอ่านเจอว่าดร.เคยแนะนำให้ดูนำเอาอัตราการเติบโตในอนาคตเทียบกับ pe หรือที่เรียกว่า peg ratio ครับ ว่าหากบริษัทใดมีการเติบโตในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้าเท่าไร นำมาหารกับ pe ปัจจุบัน ถ้ามีค่าน้อยกว่า 1 ถือว่าลงทุนได้ ถ้ามากกว่า 1 ก็ถือว่าราคาสูงหน่อยครับ แต่อัตราส่วนนี้ต้องใช้อย่างระมัดระวังนะครับเพราะ %growth ที่ใช้ควรเป็นอัตราส่วนเฉลี่ยการเติบโตในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าครับ หากใช้แค่ของ 1 ปีข้างหน้าอาจทำให้มีโอกาสไปเที่ยวดอยสูงครับ ดังนั้นในความเห็นส่วนตัว peg ratio อาจไม่เหมาะกับหุ้น commo หุ้นวัฎจักรเท่าใดครับBirdigol เขียน:สวัสดีครับพี่ซาอิ
อยากบอกว่าค่อนข้างทึ่งกับประสบการณ์ในธุรกิจที่พี่เคยทำอย่างมากมายครับ โดยเฉพาะร้านคอม 400 เครื่องครับ ผมก็เป็นคนนึงครับที่ชอบเล่นเกมส์ เคยเล่นในร้านที่ใหญ่สุดก็คงไม่เกิน 200 เครื่องเองครับ สงสัยร้านพี่คงเป็นโกดังแน่ๆเลย ถึงมีที่เยอะขนาดนั้น
ผมรบกวนสอบถามครับ เกี่ยวกับเรื่องการประมาณ forward PE ครับ
เคยอ่านบทความหลายๆบทความในเว็บบอร์ดนี้ก็จะให้ PE โดยประสบการณ์ ผมอ่านไปอ่านมาก็ยังงงๆ แต่ผมสรุปได้อย่างนี้อ่ะครับ ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า อ่ะครับ การประมาณ PE ก็คล้ายๆกับการให้คะแนนหรือเปล่าครับ ?
โดยเราจะให้คะแนนจาก ตัวธุรกิจที่เราจะไปลงทุน ว่ามีแนวโน้มธุรกิจเป็นอย่างไร ? คู่แข่งมีเยอะมั๊ย ? โอกาสเสี่ยงที่จะขาดทุนมาจากอะไรและมีแน้มโน้มเป็นไปได้มั๊ย ? ฯลฯ จากนั้นก็นำมาเป็นคะแนน
ผมเข้าในว่าให้แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ไม่ดี ดี และ ดีมาก
ไม่ดี PE 1-2
ดี PE 3-6
ดี PE 7-9
ประมาณนี้หรือเปล่าครับ ?
หรือว่าควรมี ดีมาก PE 10- 12 ด้วย
เลยอยากทราบแนวคิดว่าพี่มีการให้ค่า forward PE กับธุรกิจที่พี่จะลงทุนยังไงครับ
ขอบคุณครับ
Small Details Make a Big Difference
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
มุมมองลงทุนสไตล์ Sai
โพสต์ที่ 311
ตัวนี้ผมมีในพอร์ทเล็กน้อยนะครับ ไม่เยอะแต่ต้องบอกก่อน ดังนั้นอาจมี bias ครับ syntec ก่อนนี้ผมไม่เคยสนใจเลยเพราะเคยได้ยินจากหลายหลายคนเล่าว่าธรุกิจรับเหมาเป็นธรุกิจที่คาดการณ์กำไรยาก ปัจจัยเสี่ยงเยอะมาก ทั้งราคาเหล็ก ทั้งมีโอกาสผิดพลาดต้องตั้งสำรองต่างต่างค่อนข้างสูง ทำให้กลัวเหมือนกันครับ จนมาวันหนึ่งมีโอกาสได้มาดูละเอียดจริงจริงค่อนข้างแปลกใจครับว่า syntec เป็นหุ้นที่มีผลประกอบการณ์ย้อนหลังหลายปีค่อนข้างดีทีเดียว pe ค่อนข้างต่ำ และมี de ที่ราว 1 เท่าเศษครับ p/bv 0.7 เท่าครับ มีอัตรากำไรสุทธิอยูที่ราว 5% เอาภาพประกอบมาด้วยครับ มองย้อนหลังไปสี่ปีจะเห็นว่า รายได้และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่องnokkrajok เขียน:รบกวนถามความเห็น syntec ด้วยค่ะ คุณ sai
หากเทียบกับ บริษัทรับเหมาอื่นอื่นชั้นนำบ้างนะครับเช่น itd รายได้จะขึ้นขึ้นลงลงไม่แน่นอนนักครับ ในสี่ปีย้อนหลังมี กำไร 1 ปี และ ขาดทุน 3 ปี มีหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 4 เท่า p/bv 1.04 เท่า มีอัตรากำไรสุทธิสูงสุดเพียง 2 %เศษ
อันนี้ stec ครับ ของ stec จะเห็นว่ารายได้ก็มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีย้อนหลังครับ pe ค่อนข้างสูงราว 20 เท่า หนี้สินต่อทุนอยู่ที่ราว 1 เท่า และมี p/bv ที่ 1.43 เท่าครับ โดยมีอัตรากำไรสุทธิที่ราว 1-2 %
จะเห็นว่าถ้ามองแต่ตัวเลขคร่าวคร่าวจะเห็นว่า syntec มีความน่าสนใจกว่าค่อนข้างมากนะครับ แต่มานั่งคิดว่าเอ๊ะทำไมตลาดให้ pe ต่ำจัง เท่าที่พอนึกออก สาเหตุหลักคงมาจากเรื่องของการจ่ายเงินปันผล ที่แม้บริษัทมีกำไรสุทธิต่อเนื่องแต่กลับไม่เคยมีการจ่ายเงินปันผลมาเลย ทั้งที่กระแสเงินสดสุทธิเป็นบวกต่อเนื่อง (ปัจจุบันบริษัทมีเงินสดสุทธิต่อหุ้นเฉลี่ยหุ้นละ 0.37 บาทต่อหุ้น ) ส่วนตัวผมมองว่าหาก syntec เริ่มมีการจ่ายปันผล (ตามนโยบายคือไม่เกิน 40 %ของกำไรสุทธิ ) ในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงนโยบาย ก็น่าจะเป็นตัวเร่งให้ตลาดสะท้อนมูลค่าที่ซ่อนอยู่ของ syntec ออกมาได้บ้างครับ โดยปีนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีคือเริ่มมีการปันผลออกมาบ้างแม้จะแค่เพียง 0.03 สตางค์ต่อหุ้นก็ดีครับ กลับมาที่ผลประกอบการณ์ปีนี้นะครับ ข้อมูลหลังสุดที่ได้จาก ir คือปัจจุบัน backlog ของ syntec มีประมาณ 7000 ล้าน (ณ.สิ้นเดือน ก.พ. ) ครับ ซึ่งส่วนมากจะรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด บริษัทมีนโยบายรับรู้รายได้ตามสัดส่วนงานที่ทำเสร็จ โดยปีนี้ผู้บริหารใหข้อมูลว่าจะมีงานประมูลอีกกว่า 30 โครงการมูลค่างานราว 2 หมื่นล้าน(ส่วนมากจะเป็นงานคอนโดสูงครับ ) หากประมูลเพิ่มได้บ้างเข้าใจว่าจะมีบางส่วนรับรู้ในปีนี้เพิ่มขึ้นครับ แต่ยังไม่คิดล่ะกันเอาแค่ backlog มาคิด หากได้ gpm ตามที่ผู้บริหารให้ข่าวคือที่ราว 15 % ผมคิดแบบคร่าวคร่าว น่าจะได้กำไรต่อหุ้นอยู่ราวราว 0.30 บาทต่อหุ้น (แต่ต้องระวังด้วยนะครับ มาร์จิ้นของกลุ่มนี้คาดการณ์ค่อนข้างยาก อันนี้ลองคิดตามผู้บริหารให้ข่าวก่อนครับแต่ปีก่อนมีค่าปรับบ้านเอื้ออาทรประมาณ 110 ล้านบาทครับ แต่ปีนี้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เหลือแค่ 20 ล้านบาท สำหรับปีนี้ น่าจะช่วยให้มาร์จิ้นดีขึ้นได้บ้างครับ ) หากบริษัทสามารถปันผลออกมาได้สัก 0.10 บาทต่อหุ้นราคาหุ้นคงสามารถสะท้อนมูลค่าออกมาได้ดีกว่านี้ครับ ส่วนตัวผมให้ pe ประมาณ 5 เท่าครับ ประกอบกับยังมีเส้นทางรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นอีกค่อนข้างมาก ทำให้ผมเชื่อว่าใน 3-5 ปีข้างหน้า ยังมีโครงการคอนโดแนวรถไฟฟ้าเกิดขึ้นอีกพอสมควรครับ โดย syntec อยู่ใน หนึ่งใน 5 ของกลุ่มก่อสร้างอาคารสูง ซึงน่าได้ประโยชน์จากการเติบโตของคอนโดแนวรถไฟฟ้าด้วยครับ และ ระยะหลังผมขับรถไปส่งของที่ไหนก็เห็นเป็น syntec เป็นผู้ก่อสร้างตึกเยอะขึ้นมากครับเข้าใจว่าเกิดจากช่วงก่อน คู่แข่งหลายรายมีปัญหาจากวิกฤติเศรษฐกิจไปบ้างครับ (อย่าง ฤทธา นี่น้อยลงมากจากเมื่อก่อนครับ เมื่อก่อนจะเห็นเป็น ฤธทาค่อนข้างเยอะมากครับ ) และ โครงการไทยเข้มแข็งน่าจะทำให้ผู้รับเหมาทุกรายมีงานถ้วนหน้า และ ผมเองคาดว่างานที่เยอะขึ้นน่าจะส่งผลให้มาร์จิ้นโดยมีการตัดราคาลดลงบ้างครับ
ความเสี่ยงที่นึกออกคือ 1. ความเสี่ยงเรื่องการเมือง ซึ่งอาจทำให้การเปิดตัวโครงการคอนโด ล่าช้าลง หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจส่งผลให้การประมูลโครงการรถไฟฟ้าในอนาคตช้าไปอีก (แต่ในส่วนหลังเป็นเรื่องของระยะยาวมากกว่า ความเสี่ยงระยะสั้นสั้นของปีนี้คงอยู่ที่การเลื่อนเปิดโครงการของคอนโดใหม่ใหม่ จากปัญหาการชุมนุมยืดเยื้อมากกว่าครับ )
2. เรื่องราคาปูนและเหล็ก แต่ระยะหลังได้ยินว่าผบห. ตัดปัญหาโดยให้ลูกค้าส่วนหนึ่งเป็นผู้รับภาระเรื่องนี้แทน เท่าที่ได้ยินมาว่ามี sena spali siri ก็ใช้เป็นระบบนี้ทั้งหมด แต่ไม่รู้เรื่องรายละเอียดในสัญญาว่าจ้างว่าจะได้ gpm มากหรือน้อยลงอย่างไรนะครับ
สุดท้ายแล้วผลตอบแทนเป็นเหมือนตะเกียบครับ จะมีเป็นคู่เสมอคือจะมาพร้อมกันกับความเสี่ยงครับ เวลามองโอกาสต้องเหลียวมองความเสี่ยงควบคู่ด้วยเสมอนะครับพี่ โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยครับ
Small Details Make a Big Difference
- [v]
- Verified User
- โพสต์: 1402
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองลงทุนสไตล์ Sai
โพสต์ที่ 314
ผม คาดว่า ITD จะ ขาดทุนอีกไตรมาส ซึ่งก็เห็นเจ้าของออกมาแย๊บๆแล้วว่าขาดทุน ซึ่งผมก็ถูก
ลองอ่านย้อนหลังของตัวเองก็ถูกหลายๆอย่าง แต่ทำไมต้องมีการไล่ราคาเกิดขึ้นประจำ ทำให้กำไรทีควรจะได้หลุดไปพอสมควร บางตัวก็ขายขาดทุนด้วยนิ แล้วพอผมขายมันก็ลงๆๆ (ช็อตไว้ถ้าลงจะได้กำไร)
อย่างล่าสุด ITD ก็มีการไล่ราคากันเกิดขึ้น หลังจากประกาศว่าจะยื่นซองรถไฟฟ้าด้วยแถม บอกว่าปีนี้จะพลิก ผมก็ไม่เห็นว่าจะพลิกยังไง ถ้าเจอขึ้นดอกเบี้ยอีกสักทีน่าจะย่ำๆอยู่กับที่เสียด้วยซ้ำ เพราะไตรมาสที่จะถึงนี้ขาย
ขายหัวรถไฟในอินเดียก็ขาดทุน เงินนิดเดียวก็ทำให้ขาดทุนได้
ประกาศงดปันผล(อันนี้คาดไว้แล้วว่าจะไม่มีทางได้จ่ายของงบปีที่แล้ว)
แต่มาครั้งนี้กันเงินไว้ส่วนนึง เอาไว้เติมสถานะด้วย แต่ลึกๆไม่ค่อยชอบวิธีนี้เท่าไหร่ ตอนช็อตก็เอาจังหว่ะที่หลุดแนวรับไปแล้วนะ แต่ทีนี้พอช็อตเสร็จ ตอนเย็นห้าโมงครึ่ง เจ้าของออกมาให้สัมภาษ์ซะงั้น ราคาดีดแรงมากปัจจุบันชนแนวต้านสำคัญด้วย ถ้าผ่านขึ้นมานะ มีเห้...แล้ว
ใจที่คิดอยู่ตอนนี้คือ
1.การไล่ราคาจะเกิดขึ้นยกกลุ่ม จะชัดเจนขึ้นหลังจากนี้
2.ราคาจะมีเสถียรภาพมากขึ้นจาก วันที่ใกล้จะประกาศผลขาดทุน
3.หุ้นเทิร์นกลับได้จริงๆ ตามที่เจ้าของบอก หุ้นจะกลับมามีค่า P/E สูงเวอร์อีกครั้ง
3.1 P/E ลดลงเรื่อยๆ วัฎจักรที่ดีได้กลับมา
3.2 P/E เพิ่มขึ้นและไม่สามารถคำนวนได้อีกเพราะผลประกอบการณ์ คาดการยากกำไรไม่ต่อเนื่อง
4.การไล่ราคาจะเกิดขึ้น รุนแรง โดยที่ผลประกอบการที่ไม่ดีก็จะเอาไม่อยู่
แต่พอใกล้ๆประกาศผล จะทำพีคยกกลุ่ม แล้วประกาศผลเสร็จก็กลับไปตามเดิมหมดข่าว ตัวที่แห้วสุดของรอบนี้ก็ลงไปตามเดิม
ในใจตอนนี้ ถ้าไล่ราคาแรง จนเกินไปก็อาจจะออกไปก่อนแล้วเข้ามาซ้ำอีกทีตอนจบข่าว หรือ พี่มีคำแนะนำอะไรก็บอกได้นะครับ
ปล.เซ็งเจ้าของมากๆ
ลองอ่านย้อนหลังของตัวเองก็ถูกหลายๆอย่าง แต่ทำไมต้องมีการไล่ราคาเกิดขึ้นประจำ ทำให้กำไรทีควรจะได้หลุดไปพอสมควร บางตัวก็ขายขาดทุนด้วยนิ แล้วพอผมขายมันก็ลงๆๆ (ช็อตไว้ถ้าลงจะได้กำไร)
อย่างล่าสุด ITD ก็มีการไล่ราคากันเกิดขึ้น หลังจากประกาศว่าจะยื่นซองรถไฟฟ้าด้วยแถม บอกว่าปีนี้จะพลิก ผมก็ไม่เห็นว่าจะพลิกยังไง ถ้าเจอขึ้นดอกเบี้ยอีกสักทีน่าจะย่ำๆอยู่กับที่เสียด้วยซ้ำ เพราะไตรมาสที่จะถึงนี้ขาย
ขายหัวรถไฟในอินเดียก็ขาดทุน เงินนิดเดียวก็ทำให้ขาดทุนได้
ประกาศงดปันผล(อันนี้คาดไว้แล้วว่าจะไม่มีทางได้จ่ายของงบปีที่แล้ว)
แต่มาครั้งนี้กันเงินไว้ส่วนนึง เอาไว้เติมสถานะด้วย แต่ลึกๆไม่ค่อยชอบวิธีนี้เท่าไหร่ ตอนช็อตก็เอาจังหว่ะที่หลุดแนวรับไปแล้วนะ แต่ทีนี้พอช็อตเสร็จ ตอนเย็นห้าโมงครึ่ง เจ้าของออกมาให้สัมภาษ์ซะงั้น ราคาดีดแรงมากปัจจุบันชนแนวต้านสำคัญด้วย ถ้าผ่านขึ้นมานะ มีเห้...แล้ว
ใจที่คิดอยู่ตอนนี้คือ
1.การไล่ราคาจะเกิดขึ้นยกกลุ่ม จะชัดเจนขึ้นหลังจากนี้
2.ราคาจะมีเสถียรภาพมากขึ้นจาก วันที่ใกล้จะประกาศผลขาดทุน
3.หุ้นเทิร์นกลับได้จริงๆ ตามที่เจ้าของบอก หุ้นจะกลับมามีค่า P/E สูงเวอร์อีกครั้ง
3.1 P/E ลดลงเรื่อยๆ วัฎจักรที่ดีได้กลับมา
3.2 P/E เพิ่มขึ้นและไม่สามารถคำนวนได้อีกเพราะผลประกอบการณ์ คาดการยากกำไรไม่ต่อเนื่อง
4.การไล่ราคาจะเกิดขึ้น รุนแรง โดยที่ผลประกอบการที่ไม่ดีก็จะเอาไม่อยู่
แต่พอใกล้ๆประกาศผล จะทำพีคยกกลุ่ม แล้วประกาศผลเสร็จก็กลับไปตามเดิมหมดข่าว ตัวที่แห้วสุดของรอบนี้ก็ลงไปตามเดิม
ในใจตอนนี้ ถ้าไล่ราคาแรง จนเกินไปก็อาจจะออกไปก่อนแล้วเข้ามาซ้ำอีกทีตอนจบข่าว หรือ พี่มีคำแนะนำอะไรก็บอกได้นะครับ
ปล.เซ็งเจ้าของมากๆ
- [v]
- Verified User
- โพสต์: 1402
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองลงทุนสไตล์ Sai
โพสต์ที่ 315
ก็ทำไปทำมา
ผมทำพอร์ตลงทุนใน TOYOTA ยังนอนหลับสบายกว่าถือหุ้นในประเทศเลย ในประเทศหลายตัวแปรเหลือเกิน
อย่างเวียดนามงี้ ผมคิดว่าตลาดหุ้นที่นั่นจะบูมรอบใหญ่ 1 ครั้ง
และปัญหาเงินเฟ้อสุดท้ายจะแก้ได้ ซึ่งตอนนี้เงียบไปแล้ว
ยังคาดการณ์ง่ายกว่าตลากในประเทศอีกตอนนี้
อย่างลาว ที่จะเปิดตลาดหุ้น เน้นไปที่บริษัทที่ลงทุนด้านปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวกับการเปิดประเทศ ยังไงก็กำไร เพราะรัฐบาลช่วยอุ้มกู้เงินมาลงทุนให้อยู่แล้ว เพราะต้องการเปิดประเทศแถมแก้กฎหมายช่วยกันสุดๆอีก
ผมทำพอร์ตลงทุนใน TOYOTA ยังนอนหลับสบายกว่าถือหุ้นในประเทศเลย ในประเทศหลายตัวแปรเหลือเกิน
อย่างเวียดนามงี้ ผมคิดว่าตลาดหุ้นที่นั่นจะบูมรอบใหญ่ 1 ครั้ง
และปัญหาเงินเฟ้อสุดท้ายจะแก้ได้ ซึ่งตอนนี้เงียบไปแล้ว
ยังคาดการณ์ง่ายกว่าตลากในประเทศอีกตอนนี้
อย่างลาว ที่จะเปิดตลาดหุ้น เน้นไปที่บริษัทที่ลงทุนด้านปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวกับการเปิดประเทศ ยังไงก็กำไร เพราะรัฐบาลช่วยอุ้มกู้เงินมาลงทุนให้อยู่แล้ว เพราะต้องการเปิดประเทศแถมแก้กฎหมายช่วยกันสุดๆอีก
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองลงทุนสไตล์ Sai
โพสต์ที่ 318
เข้ามาอ่านกระทู้ที่มีประโยชน์ของคุณ sai กันแล้ว อย่าลืมเข้าไปให้กำลังใจและร่วมกันส่งเสียงกันด้วยนะครับ เพื่อ SAVE รายการ Money Talk ของพวกเรา
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... highlight=
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... highlight=
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 995
- ผู้ติดตาม: 0
มุมมองลงทุนสไตล์ Sai
โพสต์ที่ 323
ช่วยตอบแทนนะครับ มาจากgetkung เขียน:พี่ครับ ข้อมูลงบการเงินที่แสดงอัตราส่วนต่างๆนี่ เอามาจากเว็บไหนครับ ผมดูใน settrade.com หน้า บริษัท/หลักทรัพย์ ก็ไม่เห็นเหมือนกับอันที่พี่โชว์ให้ดูเลยครับ
www.set.or.th นะครับ
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
มุมมองลงทุนสไตล์ Sai
โพสต์ที่ 327
เห็นด้วยเลยครับว่า เป็นทางเลือกใหม่ของคนใช้ adsl โดยไม่ต้องพึ่งสายโทรศัพท์ (ที่บ้านผมก็เป็นลูกค้าเค้าด้วย ) ซึ่งอนาคตจำนวนประชากรที่ใช้ internet น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าดูจากงบของ jas ใน q ที่ผ่านมาก็เห็นเลยว่าการเติบโตของรายได้สูงมาก และ gpm ก็ทำได้เพิ่มขึ้นเป็น 40% ด้วย แต่บรรทัดสุดท้ายดูลดลงqoq คงเป็นเพราะเป็นช่วงที่บริษัทมีการขยายตัวเชิงรุกทั้ง การทำเคาร์เตอร์ขายเพิ่มตามห้าง และ โฆษณาออกทีวีและสื่อต่างต่างค่อนข้างมาก ทำให้ sG&A เพิ่มเยอะ ส่วนตัวผมเชื่อว่าธรุกิจอินเตอร์เน็ตจะเติบโตมาก แต่มองไม่ออกว่าใครจะได้ประโยชน์กับการเติบโตกันบ้าง เพราะดูจากประเทศที่พัฒนาแล้ว 3g จะเข้ามามีส่วนแบ่งตลาดอินเตอร์เน็ตไปค่อนข้างมาก ประกอบกับการแข่งขันด้านราคาก็ดูดุเดือดมาก คงเป็นเพราะธรุกิจนี้อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูงและแน่นอน แต่มี Barrier to Entry ไม่สูงนักครับhybrid เขียน:พี่ sai มีมุมมองอย่างไรต่อ JAS เพราะปัจจุบันก็เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งของการใช้บริการ adsl ที่ไม่ต้องเสียค่าเช่าคู่สายโทรศัพท์
Small Details Make a Big Difference
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
Re: STOCKS RECOMMEND
โพสต์ที่ 328
ตอนนี้ตัวที่ผมสนใจ ราคาวิ่งไปเยอะแล้วครับ ไว้คราวหน้าถ้ามีตัวที่สนใจ จะเอามาแชร์ดูนะครับworawut_kitti เขียน:KHUN SAI KRUB.
WOLUD YOU PLEASE RECOMMEND 2-3 STOCKS THAT YOU ARE INTERESTED FOR FUTHER STUDY THANKS
A LOT
Small Details Make a Big Difference