news29/09/07
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 29, 2007 1:41 pm
ธปท.ฟันธงศก.ไทยผ่านจุดต่ำสุด
โดย มติชน วัน เสาร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2550 11:18 น.
ดัชนีเชื่อมั่นเกิน50ครั้งแรกรอบ6เดือน นำเข้าพุ่ง-รัฐเร่งงบฯดันจีดีพีโต4-5%แน่
ธปท.โชว์เศรษฐกิจสิงหาคมฟื้นตัวแล้ว ดัชนีความเชื่อมั่นเกิน 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ชี้เหตุบรรยากาศการเมืองดีขึ้น มั่นใจปีนี้จีดีพีขยายตัว 4-5% แน่นอน เผยหลายปัจจัยหนุน ทั้งนำเข้าเพิ่มพรวด การบริโภค-ลงทุนฟื้น แถมภาครัฐเร่งเบิกจ่ายงบฯ
นางอัมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า ดัชนีทางเศรษฐกิจทุกตัวปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างชัดเจนหลังจากที่มีแนวโน้มตั้งแต่ไตรมาส 2 โดยพบว่าดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 10.2% เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 7.5% ซึ่งสินค้าที่มีการผลิตยังอยู่ในหมวดที่มีสัดส่วนส่งออกในปริมาณสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ไฟฟ้า ยานยนต์ อย่างไรก็ดี หมวดเครื่องหนังมีผลผลิตลดลงเนื่องจากหมดช่วงคำสั่งซื้อพิเศษ และหมวดสิ่งทอที่ผู้ประกอบการไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
นางอัมรากล่าวว่า ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 1.4% เร่งตัวขึ้นจากที่ขยายตัวเพียง 0.1% ในเดือนก่อน นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจอยู่ที่ 43.4 ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 40.7 ในเดือนก่อน โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบทั้งการผลิตที่ดีขึ้นตามคำสั่งซื้อในประเทศ ต้นทุนที่ลดลง และผลประกอบการที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งยังเนื่องจากการเมืองเริ่มมีความชัดเจน จนทำให้การลงทุนปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่ปรับขึ้นมาอยู่ระดับ 50.2 สูงกว่าระดับ 50 เป็นเดือนแรกในรอบ 6 เดือน
ที่ผ่านมาถามกันบ่อยว่าเศรษฐกิจไทยถึงจุดต่ำสุดไปแล้วหรือยัง แต่เราก็ตอบไม่ได้เพราะต้องการรอดูอีกระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้เราบอกได้ว่าเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 และเราเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 และ 3 แต่การฟื้นตัวคงมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 27 กันยายน แต่ก็ยังต่ำกว่าประมาณการกรณีเลวร้ายที่สุดของ ธปท. เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้ 4-5% แน่นอน
สำหรับภาคต่างประเทศ พบว่าในเดือนนี้การส่งออกมีมูลค่าถึง 13,818 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 18.4% เร่งตัวจากที่ขยายตัว 6.6% ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกหมวด โดยเฉพาะหมวดสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูง ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ เช่นเดียวกับการนำเข้าที่มีมูลค่า 12,845 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 12.1% เร่งตัวจากที่ขยายตัวเพียง 3.8% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งการนำเข้าเร่งตัวในทุกหมวด โดยเฉพาะการนำสินค้าทุนที่ขยายตัว 11.4% สอดคล้องกับการลงทุนที่ดีขึ้น ทำให้ในเดือนนี้ดุลการค้าเกินดุล 973 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เนื่องจากดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ขาดดุล 239 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 735 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมแล้วในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เกินดุลบัญชีเดินสะพัดแล้ว 7,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่น่าสนใจคือ การนำเข้าที่เร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นการลงทุนที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อจากนี้จะมาจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งการอุปโภคบริโภค การลงทุนภาคเอกชน การส่งออก ตลอดจนการใช้จ่ายของภาครัฐที่มีการเร่งเบิกจ่ายอย่างมากจากข้อมูลเงินฝากกับสถาบันการเงิน รวมถึงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และบรรยากาศทางการเมือง ที่จะช่วยให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนกลับมาดีขึ้น
http://news.sanook.com/economic/economic_188099.php
โดย มติชน วัน เสาร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2550 11:18 น.
ดัชนีเชื่อมั่นเกิน50ครั้งแรกรอบ6เดือน นำเข้าพุ่ง-รัฐเร่งงบฯดันจีดีพีโต4-5%แน่
ธปท.โชว์เศรษฐกิจสิงหาคมฟื้นตัวแล้ว ดัชนีความเชื่อมั่นเกิน 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ชี้เหตุบรรยากาศการเมืองดีขึ้น มั่นใจปีนี้จีดีพีขยายตัว 4-5% แน่นอน เผยหลายปัจจัยหนุน ทั้งนำเข้าเพิ่มพรวด การบริโภค-ลงทุนฟื้น แถมภาครัฐเร่งเบิกจ่ายงบฯ
นางอัมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า ดัชนีทางเศรษฐกิจทุกตัวปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างชัดเจนหลังจากที่มีแนวโน้มตั้งแต่ไตรมาส 2 โดยพบว่าดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 10.2% เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 7.5% ซึ่งสินค้าที่มีการผลิตยังอยู่ในหมวดที่มีสัดส่วนส่งออกในปริมาณสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ไฟฟ้า ยานยนต์ อย่างไรก็ดี หมวดเครื่องหนังมีผลผลิตลดลงเนื่องจากหมดช่วงคำสั่งซื้อพิเศษ และหมวดสิ่งทอที่ผู้ประกอบการไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
นางอัมรากล่าวว่า ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 1.4% เร่งตัวขึ้นจากที่ขยายตัวเพียง 0.1% ในเดือนก่อน นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจอยู่ที่ 43.4 ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 40.7 ในเดือนก่อน โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบทั้งการผลิตที่ดีขึ้นตามคำสั่งซื้อในประเทศ ต้นทุนที่ลดลง และผลประกอบการที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งยังเนื่องจากการเมืองเริ่มมีความชัดเจน จนทำให้การลงทุนปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่ปรับขึ้นมาอยู่ระดับ 50.2 สูงกว่าระดับ 50 เป็นเดือนแรกในรอบ 6 เดือน
ที่ผ่านมาถามกันบ่อยว่าเศรษฐกิจไทยถึงจุดต่ำสุดไปแล้วหรือยัง แต่เราก็ตอบไม่ได้เพราะต้องการรอดูอีกระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้เราบอกได้ว่าเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 และเราเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 และ 3 แต่การฟื้นตัวคงมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 27 กันยายน แต่ก็ยังต่ำกว่าประมาณการกรณีเลวร้ายที่สุดของ ธปท. เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้ 4-5% แน่นอน
สำหรับภาคต่างประเทศ พบว่าในเดือนนี้การส่งออกมีมูลค่าถึง 13,818 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 18.4% เร่งตัวจากที่ขยายตัว 6.6% ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกหมวด โดยเฉพาะหมวดสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูง ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ เช่นเดียวกับการนำเข้าที่มีมูลค่า 12,845 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 12.1% เร่งตัวจากที่ขยายตัวเพียง 3.8% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งการนำเข้าเร่งตัวในทุกหมวด โดยเฉพาะการนำสินค้าทุนที่ขยายตัว 11.4% สอดคล้องกับการลงทุนที่ดีขึ้น ทำให้ในเดือนนี้ดุลการค้าเกินดุล 973 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เนื่องจากดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ขาดดุล 239 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 735 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมแล้วในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เกินดุลบัญชีเดินสะพัดแล้ว 7,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่น่าสนใจคือ การนำเข้าที่เร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นการลงทุนที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อจากนี้จะมาจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งการอุปโภคบริโภค การลงทุนภาคเอกชน การส่งออก ตลอดจนการใช้จ่ายของภาครัฐที่มีการเร่งเบิกจ่ายอย่างมากจากข้อมูลเงินฝากกับสถาบันการเงิน รวมถึงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และบรรยากาศทางการเมือง ที่จะช่วยให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนกลับมาดีขึ้น
http://news.sanook.com/economic/economic_188099.php