คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 301
ไม่ได้เบื่อครับ
ที่นี่เป็นที่เดียวที่ผมคุยกับชาวบ้านรู้เรื่อง
จะเบื่อไปทำไม
กลัวพี่ๆเพื่อนๆเบื่อผมมากกว่า
ก็เลยเปลี่ยนบรรยากาศ
ให้พี่ๆเพื่อนๆแสดง "ความรู้สึก" กัน
(จริงๆ ผมเริ่มหมดมุข)
ผมรอฟังประสบการณ์ของทุกท่านอยู่นะครับ
คุณMonด้วย ต้องถูกบังคับเล่าหนึ่งเรื่อง......ห้ามปฏิเสธ
ที่นี่เป็นที่เดียวที่ผมคุยกับชาวบ้านรู้เรื่อง
จะเบื่อไปทำไม
กลัวพี่ๆเพื่อนๆเบื่อผมมากกว่า
ก็เลยเปลี่ยนบรรยากาศ
ให้พี่ๆเพื่อนๆแสดง "ความรู้สึก" กัน
(จริงๆ ผมเริ่มหมดมุข)
ผมรอฟังประสบการณ์ของทุกท่านอยู่นะครับ
คุณMonด้วย ต้องถูกบังคับเล่าหนึ่งเรื่อง......ห้ามปฏิเสธ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 302
ขออนุญาตออกความเห็นเล็กน้อยครับ
ตามอ่านกระทู้นี้ในตอนต้นๆ
มาเห็นอีกที
กลายเป็นกระทู้ที่ยาวที่สุดและฮิตที่สุดในเวปบอร์ดหุ้นเท่าที่ผมเคยเห็นมา
คืออยากเสนอความเห็นว่า
ในห้องทีวีไอ
น่าจะมีใครสักคนอยู่ในวงการสิ่งพิมพ์ ซึ่งสามารถนำกระทู้นี้
ไปตัดต่อทำเป็นหนังสือเล่มออกมา
ตั้งชื่อให้สะดุดตาคน ออกแบบข้อความตัวหนังสือให้อ่านง่าย
เหมือนลักษณะกลอนเปล่า ผมว่ามีสิทธิ์เป็นเบสท์เซลเลอร์ได้อย่างสบาย
แนะนำให้ลองทำดูครับ
เวปมาสเตอร์น่าจะเป็นริเริ่ม
ขนาดบทความของผมซึ่งไม่ค่อยมีข้อมูลเป็นทางการ
ยังมีน้องคนหนึ่งขอนำไปเป็นบทความ
ในหนังสือที่จะทำให้ตลาดหลักทรัพย์เลยครับ
น่าลอง ครับน่าลอง
อันที่จริงแต่ละท่านก็เศรษฐีย่อยๆกันทั้งนั้น
ลงขันกันซักห้าคน พิมพ์เองเลยก็ได้
ไม่เจ๊งแน่นอนครับ
ขอถือโอกาสทักทายคุณปรัชญา
ฟาร์อีสถึงเป้าสิบล้านหรือยังครับ
ยินดีด้วย
ถ้าผมมีโอกาสไปขอนแก่นงวดหน้า
อย่าลืมเลี้ยงอาหารญวนร้านอัมพร
ตรงหน้าขอนแก่นวิทยายน สักมื้อ ฮาๆๆ
สำหรับผมจะรอทำคลายเครียดเรโชที่ประมาณ ๑๐๐ - ๑๑๐ ครับ
เล็งหุ้นอยู่ตัวหนึ่ง จะขอถอนทุนเอาไปวัดใจเจ้าของบริษัท
ยังกินแคปซูลแปะก๊วยอยู่หรือเปล่าครับ
แนะนำให้กินต่อไป
จะได้จำได้แม่นๆว่า กำไรฟาร์อีสฯเท่าไหร่แล้ว ฮาๆๆๆ
ตามอ่านกระทู้นี้ในตอนต้นๆ
มาเห็นอีกที
กลายเป็นกระทู้ที่ยาวที่สุดและฮิตที่สุดในเวปบอร์ดหุ้นเท่าที่ผมเคยเห็นมา
คืออยากเสนอความเห็นว่า
ในห้องทีวีไอ
น่าจะมีใครสักคนอยู่ในวงการสิ่งพิมพ์ ซึ่งสามารถนำกระทู้นี้
ไปตัดต่อทำเป็นหนังสือเล่มออกมา
ตั้งชื่อให้สะดุดตาคน ออกแบบข้อความตัวหนังสือให้อ่านง่าย
เหมือนลักษณะกลอนเปล่า ผมว่ามีสิทธิ์เป็นเบสท์เซลเลอร์ได้อย่างสบาย
แนะนำให้ลองทำดูครับ
เวปมาสเตอร์น่าจะเป็นริเริ่ม
ขนาดบทความของผมซึ่งไม่ค่อยมีข้อมูลเป็นทางการ
ยังมีน้องคนหนึ่งขอนำไปเป็นบทความ
ในหนังสือที่จะทำให้ตลาดหลักทรัพย์เลยครับ
น่าลอง ครับน่าลอง
อันที่จริงแต่ละท่านก็เศรษฐีย่อยๆกันทั้งนั้น
ลงขันกันซักห้าคน พิมพ์เองเลยก็ได้
ไม่เจ๊งแน่นอนครับ
ขอถือโอกาสทักทายคุณปรัชญา
ฟาร์อีสถึงเป้าสิบล้านหรือยังครับ
ยินดีด้วย
ถ้าผมมีโอกาสไปขอนแก่นงวดหน้า
อย่าลืมเลี้ยงอาหารญวนร้านอัมพร
ตรงหน้าขอนแก่นวิทยายน สักมื้อ ฮาๆๆ
สำหรับผมจะรอทำคลายเครียดเรโชที่ประมาณ ๑๐๐ - ๑๑๐ ครับ
เล็งหุ้นอยู่ตัวหนึ่ง จะขอถอนทุนเอาไปวัดใจเจ้าของบริษัท
ยังกินแคปซูลแปะก๊วยอยู่หรือเปล่าครับ
แนะนำให้กินต่อไป
จะได้จำได้แม่นๆว่า กำไรฟาร์อีสฯเท่าไหร่แล้ว ฮาๆๆๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 303
สิ่งที่ประทับใจในปีนี้ ที่แน่ๆก็คือรู้จักพี่ เพื่อนๆ น้องๆ ที่พูดจาประสาเดียวกัน ถึงแม้จะมีรายละเอียดที่ต่างกันบ้าง แต่ก็เหมือนกันในหลักการครับ คือตลาดหลักทรัพย์เป็นตลาดของการลงทุนไม่ใช่ตลาดของการพนัน และรู้สึกดีใจที่ได้เห็นนักลงทุนรุ่นใหม่ (ถึงแม้บางคนจะมีอายุมากก็ตาม) ที่สนใจการลงทุนจริงจังมากกว่าการพนัน
ส่วนผลตอบแทนการลงทุนในปีนี้ของผมก็ตามเป้าหมายครับ เพราะผมพิจารณาจากผลการดำเนินงานของบริษัทที่ผมลงทุนอยู่ และเงินปันผลที่ผมได้รับ ผมไม่ได้พิจารณาจากราคาหุ้นในกระดานครับ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
ส่วนผลตอบแทนการลงทุนในปีนี้ของผมก็ตามเป้าหมายครับ เพราะผมพิจารณาจากผลการดำเนินงานของบริษัทที่ผมลงทุนอยู่ และเงินปันผลที่ผมได้รับ ผมไม่ได้พิจารณาจากราคาหุ้นในกระดานครับ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 304
ขอบคุณเฮียคลายเครียดครับ
มีใครรู้มัยครับว่า
พิมพ์หนังสือเล่มนึงใช้เงินเท่าไหร่
เพื่อจะมีหนังสือเป็นของตัวเองกับเขาบ้าง
ถ้า TVI รวย
ผมก็รวยตาม
เผลอๆได้เงินมากกว่า
เงินที่มีอยู่ในหุ้นตอนนี้อีก 555555
ว่างๆเฮียคลายเครียด
เชิญมาที่แถวนี้บ่อยๆนะครับ
มีสาวๆฝากคิดถึงมา
ที่พี่Chatchai เขียนมา
เห็นด้วย 100% ครับ
ดีใจมากครับที่เห็นนักลงทุนรุ่นใหม่
ลงทุนด้วยความรู้
ไม่ใช่เล่นตามหุ้นพรายกระซิบ
อยากบอกเหมือนกันว่า
Buffet เช็คผลงานในรอบปีของตัวเอง
จากผลประกอบการของบริษัทที่ถือหุ้นอยู่ครับ
แกสนใจราคาหุ้นน้อยมากหลังจากซื้อแล้ว
เพราะแกถือว่าราคาหุ้นในระยะยาว
จะเป็นไปตามผลประกอบการบริษัทครับ
วันนี้ราคาต่ำอาจเป็นเพราะ
Financial Community ยังไม่สนใจหุ้นตัวนี้
แต่สักวันชาวบ้านก็ต้องรู้แน่นอน
ทองแท้ก็ยังเป็นทองแท้อยู่วันยังค่ำครับ
คุณ Mon
ผมได้รับหนังสือที่ฝากมาแล้วครับ
ขอบคุณมากครับ
ยังไม่ได้อ่าน
เพราะมีสต๊อคอยู่อีกหลายสิบเล่ม
ยังอ่านไม่หมดเลย
ตอนนี้กำลังทำ Company Visit อยู่ครับ
อยู่โรงพยาบาลของพี่พีพี
ภรรยาอาหารเป็นพิษ
เข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้
ต้องนอนสักสองสามวัน
ขอบอกพี่พีพีว่า
ตอนนี้คนเยอะมาก
ผมถามพนักงานขับรถไปจอด Valet Parking
เขาบอกว่าคนเยอะมาก
โดยเฉพาะเสาร์-อาทิตย์
ที่จอดรถของ Valet เองยังไม่พอเลย
ตอนนี้กำลังก่อสร้างอาคารจอดรถใหม่
คิดว่าจะแล้วเสร็จ กค ปีหน้า
ส่วนแคชเชียร์จ่ายเงินคนไข้นอกก็เพิ่มแล้วครับ
จาก 5 ช่องเป็น 10 ช่อง
วันก่อนไปจ่ายเงิน เร็วขึ้นเป็นกอง
ถ้าพี่พีพีจะทำ Scuttlebutt
ผมแนะนำให้มาเสาร์หรืออาทิตย์ครับ
คนเยอะมาก
เห็นแล้วชื่นใจแทน
ผมอ่านบทสัมภาษณ์ผู้บริหาร
เห็นบอกว่าปีที่แล้วมีคนไข้หกแสนคน
คาดว่าปีนี้จะเหยียบล้านคน
ไม่รู้ว่าแบบนี้จะเข้าข่าย
Consumer Monoploy ของพี่เจ๋งหรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ
ตอนนี้พี่ปรัชญารวย FE เละไปแล้ว
มีใครรู้มัยครับว่า
พิมพ์หนังสือเล่มนึงใช้เงินเท่าไหร่
เพื่อจะมีหนังสือเป็นของตัวเองกับเขาบ้าง
ถ้า TVI รวย
ผมก็รวยตาม
เผลอๆได้เงินมากกว่า
เงินที่มีอยู่ในหุ้นตอนนี้อีก 555555
ว่างๆเฮียคลายเครียด
เชิญมาที่แถวนี้บ่อยๆนะครับ
มีสาวๆฝากคิดถึงมา
ที่พี่Chatchai เขียนมา
เห็นด้วย 100% ครับ
ดีใจมากครับที่เห็นนักลงทุนรุ่นใหม่
ลงทุนด้วยความรู้
ไม่ใช่เล่นตามหุ้นพรายกระซิบ
อยากบอกเหมือนกันว่า
Buffet เช็คผลงานในรอบปีของตัวเอง
จากผลประกอบการของบริษัทที่ถือหุ้นอยู่ครับ
แกสนใจราคาหุ้นน้อยมากหลังจากซื้อแล้ว
เพราะแกถือว่าราคาหุ้นในระยะยาว
จะเป็นไปตามผลประกอบการบริษัทครับ
วันนี้ราคาต่ำอาจเป็นเพราะ
Financial Community ยังไม่สนใจหุ้นตัวนี้
แต่สักวันชาวบ้านก็ต้องรู้แน่นอน
ทองแท้ก็ยังเป็นทองแท้อยู่วันยังค่ำครับ
คุณ Mon
ผมได้รับหนังสือที่ฝากมาแล้วครับ
ขอบคุณมากครับ
ยังไม่ได้อ่าน
เพราะมีสต๊อคอยู่อีกหลายสิบเล่ม
ยังอ่านไม่หมดเลย
ตอนนี้กำลังทำ Company Visit อยู่ครับ
อยู่โรงพยาบาลของพี่พีพี
ภรรยาอาหารเป็นพิษ
เข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้
ต้องนอนสักสองสามวัน
ขอบอกพี่พีพีว่า
ตอนนี้คนเยอะมาก
ผมถามพนักงานขับรถไปจอด Valet Parking
เขาบอกว่าคนเยอะมาก
โดยเฉพาะเสาร์-อาทิตย์
ที่จอดรถของ Valet เองยังไม่พอเลย
ตอนนี้กำลังก่อสร้างอาคารจอดรถใหม่
คิดว่าจะแล้วเสร็จ กค ปีหน้า
ส่วนแคชเชียร์จ่ายเงินคนไข้นอกก็เพิ่มแล้วครับ
จาก 5 ช่องเป็น 10 ช่อง
วันก่อนไปจ่ายเงิน เร็วขึ้นเป็นกอง
ถ้าพี่พีพีจะทำ Scuttlebutt
ผมแนะนำให้มาเสาร์หรืออาทิตย์ครับ
คนเยอะมาก
เห็นแล้วชื่นใจแทน
ผมอ่านบทสัมภาษณ์ผู้บริหาร
เห็นบอกว่าปีที่แล้วมีคนไข้หกแสนคน
คาดว่าปีนี้จะเหยียบล้านคน
ไม่รู้ว่าแบบนี้จะเข้าข่าย
Consumer Monoploy ของพี่เจ๋งหรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ
ตอนนี้พี่ปรัชญารวย FE เละไปแล้ว
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 305
ขอขอบคุณ เฮียคลายเครียดครับ ที่ชี้แนะข้อคิดและความเห็น
ผมเข้าไปอ่านในพันธ์ทิพ กระทู้ของเฮียแต่ผมตอบไม่ได้
บัตรหมดอายุ ไม่ได้ต่อใหม่ครับ แต่อ่านข้อคิดและนำมาปฎิบัติได้จริง
ผ่านมาขอนแก่น จะดีใจมากถ้าได้พบนักลงทุนรุ่นพี่ครับ
หนังสือที่พิมพ์ บทความข้อคิดของเฮียคลายเครียดออกเมื่อไหร่
จะซื้อสัก10เล่มไปแจกเครือญาติ ให้เขารู้จักสัจธรรมครับ
คุณวิบูลย์ครับ ผลตอบแทนของFE ได้น้อยกว่าSSPORTครับ
เพราะFE ถือมาก็หลายเดือน ผลตอบแทนไม่กี่%ครับ
แต่SSPORT-W ผมได้มากเป้น100%เลยครับ
ผมแปลงเป็นหุ้นสามัญแล้ว110,000หุ้น
ราคาเฉลี่ยแล้ว ตกหุ้นละ28.60บาท เอาคิดง่ายๆตก30บาทต่อหุ้น
ผมคงถือยาวอีกตัว ผมเก็บเอกสารการซื้อและการแปลง
ส่งไปให้คุณCK ดูและทำเป็นบทความแต่คุณCK ก็ไปเมืองนอก
เอกสารคงค้างอยู่ครับ
ตอนนี้ญาติพี่น้องภรรยาบาดเจ็บสาหัส
จากหุ้นลงรอบนี้ เขามาขอแบ่งหุ้นผม
โดยเบิกใบหุ้นและชำระค่าหุ้นให้ผม บอกว่าจะถือยาว
เลิกเล่นเก้งกำไร แล้วจะมาลงทุนแบบVI ผมก็ได้แต่แนะนำว่า...
เข้ามาTVI อ่านข้อแนะนำจากคุณวิบูลย์ คุณมน คุณเจ๋ง คุณฉัตรชัย
พี่ครรชิต ลุงขวด และท่านอื่นๆ ที่ลงทุนแบบไม่ต้องไปเครียด
กับการวิ่งขึ้นวิ่งลงของราคาหุ้น เป็นเจ้าของกิจการ
เขาเลยซื้อหุ้นตามคุณฉัตรชัย แต่เขาบอกว่าพี่วิบูลย์ไม่ยอมฟันธงหุ้นให้เลยสักตัว ส่วนของผมเขาขอแบ่งก็กำลังคิดว่าจะทำยังไง
ทำไมไม่ไปซื้อในกระดาน เขาบอกผมแจ้งโอนเป็นใบหุ้นมา
เขาจะได้ถือใบหุ้นแล้วไม่เข้าพอท์ต ถือยาวแบบไม่ขายท่าจะเอาจริง
เผอิญญาติๆเล่นเก็งกำไรกันสุดเหวี่ยง แต่คัดล๊อตไม่เป็น
ก็เหมือนนักลงทุนระยะยาว คือหุ้นลงไม่ขาย
เหมือนคุณวิบูลย์ เคยบอกให้แง่คิด
ถ้ามาถามตัวหุ้น เหมือนบะหมี่ปรุงสำเร็จ กินเสร็จแล้ว
พอมื้อต่อไปจะต้องถามคนอื่นอีซื้อหุ้นตัวไหนดี
ถ้าเขาวิเคราะห์เป็น เขาก็ลงทุนเองไม่ต้องมาคอยถามใครจริงอย่างคุณวิบูลย์ว่าครับ
ผมเลยจดคาถา4ข้อ ของคุณวิบูลย์ให้เขาไปครับ
หลักปฏิบัติสำหรับ Value Investor
1) รู้จักบริษัทของคุณดีแค่ไหน
2) ผุ้บริหารไว้ใจได้แค่ไหน
3) ราคาเป็นสิ่งสุดท้ายที่ Value Investorจะดู ขณะที่นักลงทุนแนวอื่นจะดูราคาก่อน
4) ถือหุ้นให้นานที่สุด เพื่อให้บริษัทที่ถืออยู่แสดงศักยภาพในระยะยาว
คุณเป็น..นักลงทุน ..แบบแไหน
ผมเข้าไปอ่านในพันธ์ทิพ กระทู้ของเฮียแต่ผมตอบไม่ได้
บัตรหมดอายุ ไม่ได้ต่อใหม่ครับ แต่อ่านข้อคิดและนำมาปฎิบัติได้จริง
ผ่านมาขอนแก่น จะดีใจมากถ้าได้พบนักลงทุนรุ่นพี่ครับ
หนังสือที่พิมพ์ บทความข้อคิดของเฮียคลายเครียดออกเมื่อไหร่
จะซื้อสัก10เล่มไปแจกเครือญาติ ให้เขารู้จักสัจธรรมครับ
คุณวิบูลย์ครับ ผลตอบแทนของFE ได้น้อยกว่าSSPORTครับ
เพราะFE ถือมาก็หลายเดือน ผลตอบแทนไม่กี่%ครับ
แต่SSPORT-W ผมได้มากเป้น100%เลยครับ
ผมแปลงเป็นหุ้นสามัญแล้ว110,000หุ้น
ราคาเฉลี่ยแล้ว ตกหุ้นละ28.60บาท เอาคิดง่ายๆตก30บาทต่อหุ้น
ผมคงถือยาวอีกตัว ผมเก็บเอกสารการซื้อและการแปลง
ส่งไปให้คุณCK ดูและทำเป็นบทความแต่คุณCK ก็ไปเมืองนอก
เอกสารคงค้างอยู่ครับ
ตอนนี้ญาติพี่น้องภรรยาบาดเจ็บสาหัส
จากหุ้นลงรอบนี้ เขามาขอแบ่งหุ้นผม
โดยเบิกใบหุ้นและชำระค่าหุ้นให้ผม บอกว่าจะถือยาว
เลิกเล่นเก้งกำไร แล้วจะมาลงทุนแบบVI ผมก็ได้แต่แนะนำว่า...
เข้ามาTVI อ่านข้อแนะนำจากคุณวิบูลย์ คุณมน คุณเจ๋ง คุณฉัตรชัย
พี่ครรชิต ลุงขวด และท่านอื่นๆ ที่ลงทุนแบบไม่ต้องไปเครียด
กับการวิ่งขึ้นวิ่งลงของราคาหุ้น เป็นเจ้าของกิจการ
เขาเลยซื้อหุ้นตามคุณฉัตรชัย แต่เขาบอกว่าพี่วิบูลย์ไม่ยอมฟันธงหุ้นให้เลยสักตัว ส่วนของผมเขาขอแบ่งก็กำลังคิดว่าจะทำยังไง
ทำไมไม่ไปซื้อในกระดาน เขาบอกผมแจ้งโอนเป็นใบหุ้นมา
เขาจะได้ถือใบหุ้นแล้วไม่เข้าพอท์ต ถือยาวแบบไม่ขายท่าจะเอาจริง
เผอิญญาติๆเล่นเก็งกำไรกันสุดเหวี่ยง แต่คัดล๊อตไม่เป็น
ก็เหมือนนักลงทุนระยะยาว คือหุ้นลงไม่ขาย
เหมือนคุณวิบูลย์ เคยบอกให้แง่คิด
ถ้ามาถามตัวหุ้น เหมือนบะหมี่ปรุงสำเร็จ กินเสร็จแล้ว
พอมื้อต่อไปจะต้องถามคนอื่นอีซื้อหุ้นตัวไหนดี
ถ้าเขาวิเคราะห์เป็น เขาก็ลงทุนเองไม่ต้องมาคอยถามใครจริงอย่างคุณวิบูลย์ว่าครับ
ผมเลยจดคาถา4ข้อ ของคุณวิบูลย์ให้เขาไปครับ
หลักปฏิบัติสำหรับ Value Investor
1) รู้จักบริษัทของคุณดีแค่ไหน
2) ผุ้บริหารไว้ใจได้แค่ไหน
3) ราคาเป็นสิ่งสุดท้ายที่ Value Investorจะดู ขณะที่นักลงทุนแนวอื่นจะดูราคาก่อน
4) ถือหุ้นให้นานที่สุด เพื่อให้บริษัทที่ถืออยู่แสดงศักยภาพในระยะยาว
คุณเป็น..นักลงทุน ..แบบแไหน
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 307
ความเห็นของผมมาจากตำราล้วนๆ ไม่ใช่จากประสบการณ์อย่างที่เคยบอกไว้ เพิ่งสนใจอ่านค้นคว้าเมื่อ 2-3 เดือนมานี้เอง อย่าเชื่อมากก็แล้วกันนะครับเพราะบางทีอาจตีความผิดจะพาคนอื่นหลงทางได้ ผมกลัวอย่างนั้นจริงๆ ขอให้ฟังหูไว้หูก็แล้วกัน อ่านความคิดความเห็นของคนที่พูดภาษาเดียวกันไป แล้วพินิจพิเคราะห์ไป จากนั้นก้อลงมือลงทุนไป น่าจะดี ถ้าผมตีความผิดจากตำราภาษาอังกฤษ คุณวิบูลย์ท้วงหน่อยก้อแล้วกัน จะได้แตกฉานกันทุกคนVIB007 เขียน:>>> ขอบคุณพี่พีพี สำหรับความคิดเห็นครับ <<<
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 308
ผมยิ่งหมดมูกใหญ่เข้าไปอีก ทุกๆอาทิตย์ผมต้องหาเรื่องมาเขียนลงบทความซึ่งก็งวดเต็มทน
กระทู้นี้ผมว่าจัดการพิมพ์เป็นเล่มได้สบายเลยครับ แต่เราต้องหามือดีๆเรื่องการพิมพ์มาช่วยจัดกันหน่อย คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะทำได้ แล้วเอารายได้หักค่าใช้จ่ายไปทำบุญกันครับ
ส่วนเรื่องเล่าเอาเป็นเรื่องผีดีไหมครับ ผมถนัดมาก........ก รอตอนดึกๆแล้วเล่าให้ฟังขนหัวลุกทีเดียวเลยละ
ที่จริงผมเขียนเรื่อง ผีหลอกเอาไว้แล้วในinvestor guide เรื่องนี้น่าคุยครับ เอามาคุยกันไหม?เพื่อนๆ
กระทู้นี้ผมว่าจัดการพิมพ์เป็นเล่มได้สบายเลยครับ แต่เราต้องหามือดีๆเรื่องการพิมพ์มาช่วยจัดกันหน่อย คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะทำได้ แล้วเอารายได้หักค่าใช้จ่ายไปทำบุญกันครับ
ส่วนเรื่องเล่าเอาเป็นเรื่องผีดีไหมครับ ผมถนัดมาก........ก รอตอนดึกๆแล้วเล่าให้ฟังขนหัวลุกทีเดียวเลยละ
ที่จริงผมเขียนเรื่อง ผีหลอกเอาไว้แล้วในinvestor guide เรื่องนี้น่าคุยครับ เอามาคุยกันไหม?เพื่อนๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 309
ผมขอทำความรู้จักเป็นส่วนตัวหน่อยนะครับ เฮียคลายเครียด หรือ ที่บางคนเรียกเฮีย 2ค หวังว่าคงไม่รังเกียจคนด้อยประสบการณ์อย่างผม นะครับคลายเครียด เขียน: >>> ขออนุญาตออกความเห็นเล็กน้อยครับ
ตามอ่านกระทู้นี้ในตอนต้นๆ
มาเห็นอีกที
กลายเป็นกระทู้ที่ยาวที่สุดและฮิตที่สุดในเวปบอร์ดหุ้นเท่าที่ผมเคยเห็นมา <<<
ใจจริง ผมอยากให้เฮียคลายเครียดช่วยกรุณาสอดแทรกแสดงความรู้ ความเห็น และประสบการณ์จริงในสนามการลงทุนอันยาวนานไว้ในกระทู้นี้เยอะๆครับ โดยเอาของจริงมาทาบควบคู่ไปกับข้อมูลทางวิชาการที่เซียนทั้งหลายกำลังประหมัดกันอยู่ในกระทู้นี้ จะทำให้มีรสชาดครบถ้วนทุกกระบวนท่า ถ้าพิมพ์ออกเป็นหนังสือรับรองว่าสมบูรณ์แบบทุกประการ ยังไงก้อแบ่งๆจากทางพันทิพมาไว้ที่นี้มากๆหน่อย จะดีมากๆๆๆ หรือว่าทางโน้น rating ดี ได้ค่าตัวแพงก็ได้ ผมเดาเอานะครับ เดี๋ยวผมจะช่วยเจรจาเรื่องค่าตัวกับคุณ Genie อีกแรง ได้ไม่ได้ผมไม่รับรองนะครับ แฮ่ๆๆ ผมเคยติดตามอ่านเรื่องที่เฮียเขียนโดยเฉพาะตอนที่พูดถึง ....คุณพ่อของเฮียไม่โกรธไม่ว่าเฮียสมัยที่เอาตังค์ท่านไปเสียหุ้นหลายแสนน่ะ ผมนี่กลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ คนอะไร้ เขียนหนังสือได้กินใจดีแท้ ผมว่าเฮียแต่งนิยายต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ๆเลย ทมยันตรง ทมยันตรี ชิดซ้ายก็แล้วกันจะบอกให้
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 310
คุณวิบูลย์นี่อำเก่งจริงๆ อายคนอื่นเขาครับ หุ้นก็ยังเล่นไม่เป็นเลย และที่สำคัญ ผมยังไม่มีหุ้น รพ.นี้แม้แต่หุ้นเดียวเลย (รอจนเหงือกแห้งก็ไม่ออกจาก ICU สักกะที ขณะเดียวกันคุณวิบูลย์เตือนว่าหนี้ท่วมบริษัทอีก หนาวจริงๆ) ที่ตั้งประเด็นไว้ในกระทู้ ก็เพียงเพื่อลองคิดลองติดตามหุ้นน่าสนใจ ตามตำราที่อ่านๆมาแค่นั้นเองแหละ จะได้ทำให้กระทู้นี้มีรสชาดน่าอ่านมากขึ้นเท่านั้นเอง และหากจะผิดจะถูกก็ต้องมาเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ทั้งหลายใน TVI นี่แหละVIB007 เขียน: >>> ตอนนี้กำลังทำ Company Visit อยู่ครับ อยู่โรงพยาบาลของพี่พีพี <<<
ขออวยพรให้ภรรยาคุณวิบูลย์หายจากอาการป่วยไวไวแล้วกันนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 311
ขอแสดงความยินดีด้วยความจริงใจครับคุณปรัชญา และก็ขอให้มูลค่าหุ้นของ SSPORT เพิ่มขึ้นเรื่อยๆและยั่งยืนนะครับ ยอมรับว่า คุณปรัชญานี่แหละคือเซียน VI ตัวจริงที่น่านับถือ ครับปรัชญา เขียน: >>> ผลตอบแทนของFE ได้น้อยกว่าSSPORTครับ เพราะFE ถือมาก็หลายเดือน ผลตอบแทนไม่กี่%ครับ
แต่SSPORT-W ผมได้มากเป้น100%เลยครับ <<<
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 312
คุณฉัตรชัยอย่าซีเครียดมากเกินไปครับ .....ในเรื่องที่คุณวิบูลย์พูดถึง company visit นะ ผมว่าแกอำและแซวผมเล่นมากกว่า แต่ก้ออีกนั่นแหละ เจ้ารพ.ที่ว่านี้นั่นนะ เขาทำ PR ระดับอินเตอร์ เห็นออกรายการใน CNN เมื่อไม่นานมานี้เองเป็นเรื่องเป็นราวดีจริงๆ ผมว่าเขากะหากินกับผรั่งตาน้ำข้าวเป็นหลัก กำลังซื้อต่างชาติดีมาก เพราะเทียบค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ในประเทศเขากับประเทศเราต่างกันลิบลับ เราถูกกว่าเยอะ(ถูกสำหรับเขา และ สำหรับครอบครัวเสี่ยวิบูลย์นะครับ ได้แซวกลับแล้ว....ดีใจจังครับ ...คุณวิบูลย์)chatchai เขียน: >>> ผมว่าเวลาสำรวจกิจการควรที่จะสำรวจทั้งช่วงดีและไม่ดีด้วยนะครับ <<<
แต่เรื่องหนี้ท่วมบริษัทนั้นนะ ผมอยากขอความกรุณาคุณฉัตรชัยช่วยประเมินวิเคราะห์เป็นกรณีศึกษาจะดียิ่งครับ กระทู้นี้รับรองมีรสชาดของความเผ็ดมันแน่นอนครับ ขอเชียร์คุณฉัตรชัยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 313
ญาติของเฮียปรัชญา cut loss ไม่เป็น
ช่วงนี้แค่ปรับฐานเล็กน้อยนะ ถ้าเป็นช่วงขาลงจริงๆ ถ้า cut loss ไม่เป็นผมว่าเจ็บตัวหนักเลย
ผมรู้สึกว่า นักเก็งกำไร ต้อง cut loss เป็น
ส่วนนักลงทุนแบบ VI ราคาหุ้นที่ลงมาเป็นโอกาสในการซื้อเพิ่ม
ช่วงนี้แค่ปรับฐานเล็กน้อยนะ ถ้าเป็นช่วงขาลงจริงๆ ถ้า cut loss ไม่เป็นผมว่าเจ็บตัวหนักเลย
ผมรู้สึกว่า นักเก็งกำไร ต้อง cut loss เป็น
ส่วนนักลงทุนแบบ VI ราคาหุ้นที่ลงมาเป็นโอกาสในการซื้อเพิ่ม
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 314
ใช่ BH หรือเปล่าครับ คุณพีพี
ผมเคยดูงบการเงินคร่าวๆ บริษัทยังคงมีหนี้อยู่สูงพอสมควรเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น แต่ผมว่าไม่น่าจะเป็นปัญหานะครับ เพราะแต่ละปีบริษัทสามารถหาเงินสดได้สูงมากที่เดียวครับ
ความน่าลงทุนในบริษัทนี้คงอยู่ที่ราคาที่จะเปิดให้ซื้อขายใหม่ละครับ แต่ผมว่าคงไม่ต่ำกว่า 30 บาทแน่เลย บริษัทนี้มีนักลงทุนหมายจ้องอยู่เยอะมากครับ ราคาเปิดคงสูงพอสมควรครับ
ผมเคยดูงบการเงินคร่าวๆ บริษัทยังคงมีหนี้อยู่สูงพอสมควรเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น แต่ผมว่าไม่น่าจะเป็นปัญหานะครับ เพราะแต่ละปีบริษัทสามารถหาเงินสดได้สูงมากที่เดียวครับ
ความน่าลงทุนในบริษัทนี้คงอยู่ที่ราคาที่จะเปิดให้ซื้อขายใหม่ละครับ แต่ผมว่าคงไม่ต่ำกว่า 30 บาทแน่เลย บริษัทนี้มีนักลงทุนหมายจ้องอยู่เยอะมากครับ ราคาเปิดคงสูงพอสมควรครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 315
ถูกต้องตรงเพี๊ยะเลยครับคุณฉัตรชัย และเห็นทางกิมเอ็งเขาออกบทวิเคราะห์บอกว่ากระแสเงินสดดีมาก ตามข้อมูลที่ผมคัดลอกมามาบางส่วนchatchai เขียน: >>> ใช่ BH หรือเปล่าครับ คุณพีพี <<<
ดังนี้นะครับ
ก้อได้แต่รอว่าจะออกจาก ICU เมื่อไหร่ เห็นว่าจะออกตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่เงียบฉี่เลยKim Eng Research เขียน: >>> บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
BH <4.70 บาท>
เป้าหมาย : 26.00 บาท
กระแสเงินสดดีมากและกำไรโตได้ในไตรมาส 2/46 นี้
ถึงแม้ว่างบของ บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ที่ออกมา 136 ล้านบาทหรือต่ำกว่าคาด ที่ 152 ล้านบาทไป11% แต่กระแสเงินสดอิสระกลับเพิ่มขึ้นจาก 257 ล้านบาทจากปีก่อนเป็น 324 ล้านบาทในครึ่งแรกปีนี้หรือคิดเป็น 1.88 บาท/หุ้น จำนวนผู้ป่วยจากต่างประเทศซึ่งเป็นคิด 40% ของยอดขายหดตัวลง เนื่องจากผลกระทบของโรคไข้มรณะในไตรมาสก่อน แต่รวมแล้วในครึ่งปีนี้ บริษัทมีกำไรโต 32.4% เป็น 300 ล้านบาท โดยมีแรงผลักดันหลักจากผู้ป่วยระดับเศรษฐีในเมืองไทยนั่นเอง
ในขณะที่เราไม่ได้ปรับกำไรในปีนี้แต่อย่างใดเลย ของปีหน้าถูกปรับขึ้นอีก 6% เป็น 689 ล้านบาท เนื่องจากการประหยดต้นทุนโสหุ้ย นอกจากนั้นกระแสเงินสดที่ดีกว่าคาดดันมูลค่า NPV ขึ้นจากเดิม 25 บาท เป็น 26 บาท และเราคาดว่าหุ้นจะกลับเข้ามาเทรดได้อีก 1-2 เดือนข้างหน้า หลังจากที่ถูกแขวนมาตลอด 3 ปี
ธุรกิจหดตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เนื่องจากผู้ป่วยต่างชาติลดลง
ในขณะที่ผู้ป่วยไทยยังใช้บริการมากขึ้นต่อเนื่อง แต่ผู้ป่วยต่างชาติกับลดลง เนื่องจากภาวะโรคไข้หวัดมรณะเข้ามากระทบ ทำให้รายได้แม้จะโต 17% จากปีก่อน แต่หดตัวลง 3% จากไตรมาสก่อนเป็น 1.03 พันล้านบาท อัตรากำไรหดตัวลงจาก 32.6% ปีก่อนและ 31.4% ในไตรมาสก่อนเป็น 29.7% เนื่องจากลูกค้าต่างชาติทำกำไรดีกว่า ส่วนค่าโสหุ้ยนั้นบริษัทยังควบคุมได้ดี คือ ในราว 150-160 ล้านบาท/ไตรมาส ในครึ่งหลังปีนี้กำไรบริสุทธิ์คาดจะโต 47% เป็น 286 ล้านบาท เนื่องจากทั้งลูกค้าภายในและลูกค้าจากต่างประเทศจะเติบโตต่อเนื่อง
------------------------------------------------
กระแสเงินสดอิสระดีขึ้นลดหนี้สินสุทธิลงเหลือ 1.52 พันล้านบาท
บริษัททำเงินสดจากการประกอบการได้ 409 ล้านบาท และนำไปลงทุน 132 ล้านบาทเพื่อสร้างอาคารจอดรถและระบบคอมพิวเตอร์ในโรงพยาบาล (ผ่านบริษัทที่เกี่ยวข้องกันชื่อโกลเบิล แคร์ โซลูชั่น-ประเทศไทย หนี้สินสุทธิของโรงพยาบาลหดตัวลงจาก 2.1 เท่าเหลือ 1.7 เท่า จากไตรมาสก่อน บริษัทไม่ได้จ่ายหนี้คืนแต่อย่างใด เนื่องจากดอกเบี้ยเงินกู้ไปถึงปี 2548 ยังอยู่ต่ำเพียง 1% ดังนั้นจึงถือเงินสดไว้ในมือเพิ่มขึ้นจาก 850 ล้านบาทในไตรมาสก่อนเป็น 947 ล้านบาท <<<
-
- ผู้ติดตาม: 0
intrinsic value ของ BH น่าจะอยู่ที่เท่าไรครับ
โพสต์ที่ 316
ผมเพิ่งจะเริ่มเข้ามาลงทุนช่วงกลางปีนี้เองครับ ความรู้ยังน้อย อยากจะทราบว่า ถ้าเราต้องการผลตอบแทน 15% ต่อปี ทบต้นจาก BH เราควรจะซื้อมันที่ราคาเท่าไร โดยที่ผมสามารถลงทุนเป็นระยะยาวหลายๆปีได้ครับ ช่วยแบ่งปันความรู้และความมั่งคั่งบ้างนะครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 317
ผมขอกลับเอาเรื่องการหา Intrinsic Value กลับมาคุยใหม่ให้ละเอียดขึ้นอีกทีนะครับ
1) Reproduction Cost of Asset ตามที่คุณวิบูลย์กล่าวอย่างย่อๆไว้ดังนี้
รายการ------------------- ตัวเลขตาม บ/ช ---- %ปรับปรุง----- ปรับแล้ว
เงินสด--------------------- 20,000 ลบ.--------- 100%-------- 20,000 ลบ.
เงินลงทุนในส/ทสภาพคล่อง-- 10,000 ลบ.--------- 100 %-------10,000 ลบ.
Inventory ------------------- 30,000 ลบ.-------- 50% --------15,000 ลบ.
A/R--------------------------- 20,000 ลบ.--------70% --------- 14,000 ลบ.
และทำการปรับออกให้ได้ตามความจริงมากที่สุดตามตัวเลขที่อยู่ในงบทุกตัว ตัวที่ยากที่สุดคือพวกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทลูก ที่ดิน เครื่องจักรต่างๆให้ตีเป็นราคาที่คิดว่าคู่แข่งจะซื้อ หรือคิดเป็นราคาเศษเหล็กไปเลย เมื่อได้ตัวเลขที่เป็นมูลค่าที่จับต้องได้แล้วลองกลับมาดูว่า บริษัทนี้มีค่าความนิยม(Goodwill)เท่าไร ตรงนี้หายากกว่าสิ่งใดเสียอีก ถ้าหากว่าบริษัทนี้มี Durable Competitive advantage ก็จะมีค่าความนิยมสูงมากทีเดียว แต่หากว่าเป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าที่ใครๆก็ทำได้ละก็goodwillจะต่ำมากหรือไม่มีเลย เพราะว่าเมื่อบริษัทนี้เกิดขึ้นและผลิตสินค้าออกมามีกำไรมากคู่แข่งก็จะเริ่มเข้ามาโดยคิดว่าลงทุนที่เท่าๆกันก็สามารถทำยอดขาดและกำไรได้เท่าๆกัน เช่น บริษัทมีสินทรัพย์ 10,000 ลบ.ทำกำไรได้ 1,000 ลบ. คู่แข่งก็จะลงทุนเท่านี้ กำไรก็จะเริ่มแบ่งกัน บริษัทเดิมก็จะกำไรลดลงซึ่งอาจสมมุติว่าแบ่งกัน 50 / 50 มูลค่าสินทรัพย์ที่บริษัทมีอยู่ก็จะถูกหารสองไปในทันที คือมูลค่าเดิม10,000 ลบ.ทำกำไรได้ 1,000 ลบ. แต่บัจจุบัน 10,000 ลบ.ทำกำไรได้ 500 ลบ. มูลค่าจะลดลงตามกำไรที่สามารถทำได้
พอมาถึงตรงนี้แล้วก็หนี้ไม่พ้นหลักการของBuffettนั่นเอง คือให้สรรหาแต่บริษัทที่มีDurable Competitive advantage เพื่อที่มูลค่าของบริษัทจะเพิ่มขึ้นตลอดไม่ลดลง
จากนี้ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมออกความเห็นเพิ่มเติม และแก้ไขเพิ่มเติมส่วนที่ผมตกหล่นไปด้วยครับ
ขอเริ่มที่ละวิธีนะครับVIB007 เขียน:การหา Intrinsic Value มีสามวิธีดังต่อไปนี้
1) Reproduction Cost of Asset
2) Earning Power Value
3) Discount Cashflow Model
1) Reproduction Cost of Asset คือการหามูลค่าของบริษัทที่เราจะต้องตั้งขึ้นใหม่เพื่อแข่งขันกับบริษัทที่เราสนใจจะหามูลค่าที่แท้จริง เช่น ถ้าเราจะตั้งบริษัทแข่งกับ Boeing เพื่อผลิตเครื่องบิน เราต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ นั่นคือ เราต้องมีทรัพย์สินที่ Boeing มี (ถ้าให้ดีควรใช้ Adjusted Book Value) บวกกับค่าการตลาด บวกค่า R&D บวกค่าสร้างแบรนด์ บวกฯลฯ เราก็จะได้ค่า Intrinsic Value ของBoeing
2) Earning Power Value คือการหามูลค่าบริษัทจากผลตอบแทนของเงินลงทุนในรูปผลการดำเนินงาน เช่นบริษัทหนึ่งมีกำไร 100 ล้านบาท สมมุติเรามีเงินหนึ่งก้อนและเราสามารถทำผลตอบแทนจากเงินก้อนนี้ได้ 7% ต่อปี ดังนั้นมูลค่าของเงินลงทุนของเราที่ต้องใช้ซื้อบริษัทนี้ คือ 100/.07 เท่ากับ 1429 ล้านบาท นั่นคือมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทนั้น (จะสังเกตเห็นว่า %ผลตอบแทนนี้คือส่วนกลับของ P/E)
3) Discount Cash Flow Model (DCF) คือการหามูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสดตลอดอายุของบริษัทโดยการใช้ส่วนลด (Discount Rate) ที่เหมาะสม
1) Reproduction Cost of Asset ตามที่คุณวิบูลย์กล่าวอย่างย่อๆไว้ดังนี้
วิธีการนี้ผมเห็นว่าน่าจะเป็นการคำนวณเพื่อหามูลค่าของสินทรัพย์ที่มีอยู่เป็นตัวเป็นตนก่อน เช่นเครื่องจักรที่ดิน อุปกรณ์ โดยเอางบการเงินที่มีมาทำการปรับปรุงก่อนนะครับเช่นReproduction Cost of Asset คือการหามูลค่าของบริษัทที่เราจะต้องตั้งขึ้นใหม่เพื่อแข่งขันกับบริษัทที่เราสนใจจะหามูลค่าที่แท้จริง เช่น ถ้าเราจะตั้งบริษัทแข่งกับ Boeing เพื่อผลิตเครื่องบิน เราต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ นั่นคือ เราต้องมีทรัพย์สินที่ Boeing มี (ถ้าให้ดีควรใช้ Adjusted Book Value) บวกกับค่าการตลาด บวกค่า R&D บวกค่าสร้างแบรนด์ บวกฯลฯ เราก็จะได้ค่า Intrinsic Value ของBoeing
รายการ------------------- ตัวเลขตาม บ/ช ---- %ปรับปรุง----- ปรับแล้ว
เงินสด--------------------- 20,000 ลบ.--------- 100%-------- 20,000 ลบ.
เงินลงทุนในส/ทสภาพคล่อง-- 10,000 ลบ.--------- 100 %-------10,000 ลบ.
Inventory ------------------- 30,000 ลบ.-------- 50% --------15,000 ลบ.
A/R--------------------------- 20,000 ลบ.--------70% --------- 14,000 ลบ.
และทำการปรับออกให้ได้ตามความจริงมากที่สุดตามตัวเลขที่อยู่ในงบทุกตัว ตัวที่ยากที่สุดคือพวกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทลูก ที่ดิน เครื่องจักรต่างๆให้ตีเป็นราคาที่คิดว่าคู่แข่งจะซื้อ หรือคิดเป็นราคาเศษเหล็กไปเลย เมื่อได้ตัวเลขที่เป็นมูลค่าที่จับต้องได้แล้วลองกลับมาดูว่า บริษัทนี้มีค่าความนิยม(Goodwill)เท่าไร ตรงนี้หายากกว่าสิ่งใดเสียอีก ถ้าหากว่าบริษัทนี้มี Durable Competitive advantage ก็จะมีค่าความนิยมสูงมากทีเดียว แต่หากว่าเป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าที่ใครๆก็ทำได้ละก็goodwillจะต่ำมากหรือไม่มีเลย เพราะว่าเมื่อบริษัทนี้เกิดขึ้นและผลิตสินค้าออกมามีกำไรมากคู่แข่งก็จะเริ่มเข้ามาโดยคิดว่าลงทุนที่เท่าๆกันก็สามารถทำยอดขาดและกำไรได้เท่าๆกัน เช่น บริษัทมีสินทรัพย์ 10,000 ลบ.ทำกำไรได้ 1,000 ลบ. คู่แข่งก็จะลงทุนเท่านี้ กำไรก็จะเริ่มแบ่งกัน บริษัทเดิมก็จะกำไรลดลงซึ่งอาจสมมุติว่าแบ่งกัน 50 / 50 มูลค่าสินทรัพย์ที่บริษัทมีอยู่ก็จะถูกหารสองไปในทันที คือมูลค่าเดิม10,000 ลบ.ทำกำไรได้ 1,000 ลบ. แต่บัจจุบัน 10,000 ลบ.ทำกำไรได้ 500 ลบ. มูลค่าจะลดลงตามกำไรที่สามารถทำได้
พอมาถึงตรงนี้แล้วก็หนี้ไม่พ้นหลักการของBuffettนั่นเอง คือให้สรรหาแต่บริษัทที่มีDurable Competitive advantage เพื่อที่มูลค่าของบริษัทจะเพิ่มขึ้นตลอดไม่ลดลง
จากนี้ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมออกความเห็นเพิ่มเติม และแก้ไขเพิ่มเติมส่วนที่ผมตกหล่นไปด้วยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 318
ยินดีกับพี่ปรัชญาด้วยนะครับ เรื่องSSPORTปรัชญา เขียน:
คุณวิบูลย์ครับ ผลตอบแทนของFE ได้น้อยกว่าSSPORTครับ
เพราะFE ถือมาก็หลายเดือน ผลตอบแทนไม่กี่%ครับ
แต่SSPORT-W ผมได้มากเป้น100%เลยครับ
ผมแปลงเป็นหุ้นสามัญแล้ว110,000หุ้น
ราคาเฉลี่ยแล้ว ตกหุ้นละ28.60บาท เอาคิดง่ายๆตก30บาทต่อหุ้น
ผมคงถือยาวอีกตัว ผมเก็บเอกสารการซื้อและการแปลง
ส่งไปให้คุณCK ดูและทำเป็นบทความแต่คุณCK ก็ไปเมืองนอก
เอกสารคงค้างอยู่ครับ
เพื่อนๆเห็นมั๊ยครับว่า
การที่เราเข้าใจธุรกิจนั้นเป็นอย่างดีและมั่นใจในตัวเราเอง
ได้รับผลอย่างไร
ผมเคยบอกว่าบริษัทที่มี Warrant ไม่น่าสนใจ
ก็โชคดีครับที่พี่ปรัชญาไม่บ้าจี้ขายหุ้นทิ้งตามผม
พี่ปรัชญารวยแล้วอย่าลืมน้องๆแถวๆนี้นะครับ
ผมว่านักเก็งกำไรก็ต้องมีปรัชญาการเก็งกำไรของตัวเองครับปรัชญา เขียน:
ตอนนี้ญาติพี่น้องภรรยาบาดเจ็บสาหัส
จากหุ้นลงรอบนี้ เขามาขอแบ่งหุ้นผม
โดยเบิกใบหุ้นและชำระค่าหุ้นให้ผม บอกว่าจะถือยาว
เลิกเล่นเก้งกำไร แล้วจะมาลงทุนแบบVI ผมก็ได้แต่แนะนำว่า...
เข้ามาTVI อ่านข้อแนะนำจากคุณวิบูลย์ คุณมน คุณเจ๋ง คุณฉัตรชัย
พี่ครรชิต ลุงขวด และท่านอื่นๆ ที่ลงทุนแบบไม่ต้องไปเครียด
กับการวิ่งขึ้นวิ่งลงของราคาหุ้น เป็นเจ้าของกิจการ
เขาเลยซื้อหุ้นตามคุณฉัตรชัย แต่เขาบอกว่าพี่วิบูลย์ไม่ยอมฟันธงหุ้นให้เลยสักตัว ส่วนของผมเขาขอแบ่งก็กำลังคิดว่าจะทำยังไง
ทำไมไม่ไปซื้อในกระดาน เขาบอกผมแจ้งโอนเป็นใบหุ้นมา
เขาจะได้ถือใบหุ้นแล้วไม่เข้าพอท์ต ถือยาวแบบไม่ขายท่าจะเอาจริง
เผอิญญาติๆเล่นเก็งกำไรกันสุดเหวี่ยง แต่คัดล๊อตไม่เป็น
ก็เหมือนนักลงทุนระยะยาว คือหุ้นลงไม่ขาย
เหมือนVIก็ต้องมีปรัชญาการลงทุนของตัวเอง
ผมว่าญาติพี่คงเป็น VI ได้ไม่นานหรอกครับ
เพราะการลงทุนแบบ VI มันน่าเบื่อ ไม่ตื่นเต้น แถมรวยช้าด้วย
ผมว่าพวกเขาต้องปรับความคิดความเข้าใจของตัวเองครับ
เพราะว่า VI เป็นเรื่องความคิด 90% ครับ
ถ้าไม่เข้าใจ ก็ไม่มั่นใจ
ไม่มั่นใจ ก็ทำได้ไม่นาน
ผมเห็นมาเยอะครับ
เพื่อนผมเอง
ผมเล่าให้เขาฟังว่าผมลงทุนอย่างไร
เขาตอบว่า "เดี๋ยวคุณก็กลับมาซื้อขายเหมือนผม"
ผมไม่ตอบ แต่ถามเขาว่า เขาถือหุ้นยาวบ้างไหม
เขาตอบว่า "มีบ้าง ซื้อมาแล้วราคาตก ยังไม่ได้ขายออก"
เขารีบบอกผมว่า เขาเป็น "นักลงทุนระยะยาวจำเป็น"
จากวันนั้นจนถึงวันนี้
ก็ยังไม่ได้คุยกันเรื่องหุ้นอีกเลย
ผมก็ไม่รู้ว่าพอร์ตเขาเป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าผมเดาเขาคงขายหมูไปเยอะช่วงนี้
หรือไม่ก็ถือหุ้นขาดทุนไว้เป็น VI จำเป็น
ขอบคุณพี่ปรัชญาอีกทีครับปรัชญา เขียน:
เหมือนคุณวิบูลย์ เคยบอกให้แง่คิด
ถ้ามาถามตัวหุ้น เหมือนบะหมี่ปรุงสำเร็จ กินเสร็จแล้ว
พอมื้อต่อไปจะต้องถามคนอื่นอีซื้อหุ้นตัวไหนดี
ถ้าเขาวิเคราะห์เป็น เขาก็ลงทุนเองไม่ต้องมาคอยถามใครจริงอย่างคุณวิบูลย์ว่าครับ
ผมเลยจดคาถา4ข้อ ของคุณวิบูลย์ให้เขาไปครับ
ที่คอยเป็นกำลังใจ นานๆจะมีคนฟังผมสักที
ขอให้รวยๆครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 319
ขอบคุณพี่พีพีที่เป็นห่วงครับPP เขียน: ขออวยพรให้ภรรยาคุณวิบูลย์หายจากอาการป่วยไวไวแล้วกันนะครับ
ภรรยาผมออกจากโรงพยาบาลแล้วครับเมื่อวานนี้
พอดีมีประกันสุขภาพ Bluecross
เลยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ
ขอบอกว่าผมไม่รวยครับ
แค่พอมีพอกิน เดี๋ยวชาวบ้านจะเข้าใจผิด
นี่คุณมนจะเอาจริงเหรอครับMon Money เขียน: กระทู้นี้ผมว่าจัดการพิมพ์เป็นเล่มได้สบายเลยครับ แต่เราต้องหามือดีๆเรื่องการพิมพ์มาช่วยจัดกันหน่อย คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะทำได้ แล้วเอารายได้หักค่าใช้จ่ายไปทำบุญกันครับ
ผมพูดเล่นนะที่บอกไป
ผมยังไม่อยากดังครับ
กลัวคนจับได้ว่าขี้โม้
จริงๆยังไม่รวยซะหน่อย ฝอยเป็นอย่างเดียว
แต่ถ้าเอาเงินไปทำบุญ
ผมสนับสนุนเต็มที่ครับ
ผมว่าคำพูดพี่เจ๋งนี่คือสุดยอดวิชาครับJeng เขียน:
ผมรู้สึกว่า นักเก็งกำไร ต้อง cut loss เป็น
ส่วนนักลงทุนแบบ VI ราคาหุ้นที่ลงมาเป็นโอกาสในการซื้อเพิ่ม
ใครทำได้ รับประกันผลงานได้
ส่วนผม
หุ้นขึ้น ผมชอบครับ
เพราะผมมีกำไรมากขึ้น
หุ้นตก ผมยิ่งชอบครับ
เพราะเป็นโอกาสที่ผมจะเก็บของดีราคาถูก
เรียกว่า
มีความสุขทั้งขึ้นทั้งล่อง
ไม่รู้ว่าจะหาได้จากที่ไหนอีกแล้ว
ในโลกนี้............จริงๆนะ จะบอกให้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: intrinsic value ของ BH น่าจะอยู่ที่เท่าไรครับ
โพสต์ที่ 321
ตอบคุณกานต์กานต์ เขียน:ผมเพิ่งจะเริ่มเข้ามาลงทุนช่วงกลางปีนี้เองครับ ความรู้ยังน้อย อยากจะทราบว่า ถ้าเราต้องการผลตอบแทน 15% ต่อปี ทบต้นจาก BH เราควรจะซื้อมันที่ราคาเท่าไร โดยที่ผมสามารถลงทุนเป็นระยะยาวหลายๆปีได้ครับ ช่วยแบ่งปันความรู้และความมั่งคั่งบ้างนะครับ
ความรู้พวกผมกำลังแบ่งปันอยู่ครับ
ส่วนความมั่งคั่งต้องทำเอาเองครับ
ถ้าเอาง่ายๆ ผมจะใช้การหามูลค่าแบบ
Earning Power Value แล้วกัน
ถ้าต้องการผลตอบแทน 15% จากเงินลงทุน
ซึ่งเท่ากับ Earning/15% = P/E 6.67
ในกรณีที่ธุรกิจนั้นไม่มีการเติบโต
การเลือกซื้อธุรกิจที่ P/E = 6.67
จะสามารถได้ผลตอบแทน 15% จากเงินลงทุนในระยะยาวครับ
แต่ถ้าคิดว่าธุรกิจมีการเติบโตในอนาคต
ควรจะใช้การคิดแบบ DCF ครับ
ผมคงไม่ทำให้ ต้องไปคิดเองครับ
เพราะมุมมองของแต่ละคนในธุรกิจไม่เท่ากัน
แต่ที่แน่ๆ คุณกานต์เข้าใจธุรกิจของ BH หรือยังครับ
ว่าธุรกิจนี้ทำงานอย่างไร
ถ้าตอบไม่ได้
ก็หามูลค่าด้วย DCF ไม่ได้ครับ
ผมรู้อยู่อย่างนึงว่า BH มีขาดทุนสะสมอยู่จำนวนหนึ่ง
ต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีถึงจะล้างขาดทุนสะสมหมด
ถึงจะจ่ายปันผลได้
คุณกานต์กล้าพอที่จะถือหุ้นบริษัทนี้ไปอีก 3-5 ปีหรือเปล่าครับ
ถ้าในอีก 2 ปีข้างหน้า
ราคาหุ้นบริษัทนี้ที่ถืออยู่
ตกลงมาเหลือ 50% ของที่ซื้อมา
คุณกานต์จะทำอย่างไร
ขอให้โชคดีครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 322
Mon money เขียน:เอ้า.....อย่าลืมเรื่องที่ชวนคุยซิครับ คุยกันเรื่องหาintrinsic Value แล้วถกกันให้ถึงที่สุดก่อน จะข้ามไปวิธีถัดไปนะครับ
เอา....เดี๋ยวคุณมนจะน้อยใจ
ความเห็นผมต่อ Reporoduction of Asset ครับ
ผมคิดว่าเราต้องเข้าใจในธุรกิจเป็นอย่างดี
จึงจะสามารถหาประมาณการมูลค่าทางบัญชีที่แท้จริงได้
เช่น ที่ดิน บริษัทที่ทำธุรกิจมานาน
อาจมีราคาที่ดินที่ต้นทุนที่ถูกมากๆ
แต่ถ้าเราเริ่มธุรกิจตอนนี้
เราอาจจะต้องจ่ายค่าที่ดินเพื่อสร้างโรงงาน
ในราคาแพงกว่าหลายเท่าเป็นต้น
ยิ่งเป็นการหามูลค่า Brand หรือ Goodwill
ผมว่ายิ่งยากกว่าหามูลค่าที่ดิน หรือ เครื่องจักรหลายเท่า
ถ้าเราไม่เข้าใจธุรกิจ
การใช้วิธี Reporoduction of Asset จะทำให้ผิดพลาดได้ง่ายครับ
แต่ก็น้อยกว่าแบบ DCF
เพราะมูลค่าทรัพย์สินค่อนข้าง Stable
อีกอย่าง
วิธี Reporoduction of Asset นี้เหมาะกับ
พวกชอบซื้อกิจการเพื่อหั่นขายครับ
โดยเฉพาะพวก Bankruptcy Venture ต่างๆ
ที่คอยหาซื้อบริษัทกำลังล้มละลาย
เพื่อหากำไรจากธุรกิจเหล่านี้
สำหรับมือใหม่
ดู Book Value ให้ออกว่ามีคุณภาพแค่ไหน
ก็ใช้ได้แล้วครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 324
ขอถือโอกาสเข้ามาทักทายอีกครั้งครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณพีพีครับ
ที่ผมไม่ค่อยเข้ามาเวปอื่น
เพราะต้องจัดระเบียบชีวิตจริงกับชีวิตในเนทให้ได้ครับ
รอบตัวผม มีคนที่รู้เรื่องหุ้นน้อยมาก
ยิ่งภรรยาผม ไม่มีความรู้เรื่องหุ้นแม้แต่นิดเดียว
เลยทำให้ผมไม่เครียด เวลาเล่นหุ้น
แต่ต้องเครียด เพราะเขาหาว่าเอาแต่ดูเนท ดูเวปบอร์ด
ทะเลาะกันจนบ้านจะแตกมาแล้ว ฮาๆๆ
และเหตุผลที่สำคัญอีกข้อก็คือ
ผมวางตำแหน่งตัวเองไว้แค่
นักเล่นเกมล่าส่วนเกินทุน ที่กล้าถือหุ้นนานๆแค่นั้นครับ
คุณปรัชญา
พักนี้ได้หลายเด้งเลยนะครับ ฮาๆๆๆ
ไม่เห็นเล่าบ้างเลยว่า อาการประสาทหูเสื่อมดีขึ้นหรือยัง
ผมขอสนับสนุนอย่างเต็มที่
ให้คุณวิบูลย์พิมพ์ออกมาเป็นหนังสือเล่มครับ
อย่างน้อยที่สุดก็ขายผมได้อย่างแน่นอนหนึ่งเล่ม ฮาๆๆๆ
อ่านเอาจากเวป นานๆเข้าตาลายครับ
อ่านต่อไปไม่ค่อยไหว
ให้คุณมนซึ่งอยู่ในแวดวงสิ่งพิมพ์นั่นแหละครับเป็นบรรณาธิการให้
ยิ่งหนังสือออกได้เร็วเท่าไร
ผมว่าจะช่วยแมลงเม่าหุ้น ให้กลายเป็นมนุษย์หุ้นได้มากขึ้นเท่านั้น
แต่คงไม่ถึงขั้นเป็นเซียนหุ้น
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณพีพีครับ
ที่ผมไม่ค่อยเข้ามาเวปอื่น
เพราะต้องจัดระเบียบชีวิตจริงกับชีวิตในเนทให้ได้ครับ
รอบตัวผม มีคนที่รู้เรื่องหุ้นน้อยมาก
ยิ่งภรรยาผม ไม่มีความรู้เรื่องหุ้นแม้แต่นิดเดียว
เลยทำให้ผมไม่เครียด เวลาเล่นหุ้น
แต่ต้องเครียด เพราะเขาหาว่าเอาแต่ดูเนท ดูเวปบอร์ด
ทะเลาะกันจนบ้านจะแตกมาแล้ว ฮาๆๆ
และเหตุผลที่สำคัญอีกข้อก็คือ
ผมวางตำแหน่งตัวเองไว้แค่
นักเล่นเกมล่าส่วนเกินทุน ที่กล้าถือหุ้นนานๆแค่นั้นครับ
คุณปรัชญา
พักนี้ได้หลายเด้งเลยนะครับ ฮาๆๆๆ
ไม่เห็นเล่าบ้างเลยว่า อาการประสาทหูเสื่อมดีขึ้นหรือยัง
ผมขอสนับสนุนอย่างเต็มที่
ให้คุณวิบูลย์พิมพ์ออกมาเป็นหนังสือเล่มครับ
อย่างน้อยที่สุดก็ขายผมได้อย่างแน่นอนหนึ่งเล่ม ฮาๆๆๆ
อ่านเอาจากเวป นานๆเข้าตาลายครับ
อ่านต่อไปไม่ค่อยไหว
ให้คุณมนซึ่งอยู่ในแวดวงสิ่งพิมพ์นั่นแหละครับเป็นบรรณาธิการให้
ยิ่งหนังสือออกได้เร็วเท่าไร
ผมว่าจะช่วยแมลงเม่าหุ้น ให้กลายเป็นมนุษย์หุ้นได้มากขึ้นเท่านั้น
แต่คงไม่ถึงขั้นเป็นเซียนหุ้น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 325
ขอบคุณเฮียคลายเครียดมากครับ
ช่วยแวะมาบ่อยๆนะครับ
ถ้าเห็นอะไรไม่เข้าท่าเข้าทาง
ก็ขัดคอคุณมนและพวกผมได้เลยนะครับ
ยินดีมากครับที่มี"ผู้ใหญ่"ให้การสนับสนุน
เราค้นพบเซียนหุ้นนอกจากพี่ปรัชญาอีกท่านแล้วครับ
คุณ FITCH ครับ
จากเงินห้าแสนบาทกลายเป็น 30 ล้านบาทในห้าปี
เยี่ยมกว่า Buffet และ Peter Lynch อีกครับ
Buffet ทำผลตอบแทนได้ 24% ต่อปี
Lynch ทำผลตอบแทนได้ 35% ต่อปี
ท่าน ดร.นิเวศน์ ทำผลตอบแทนได้ 40% ต่อปี
พี่Chatchai ทำผลตอบแทนได้ 102% ต่อปี
คุณ FITCH ทำผลตอบแทนได้ 127% ต่อปี
(หวังว่าพี่Chatchai คงไม่งอนนะครับที่นำมาเปรียบเทียบ)
อยากขอเชิญ คุณ FITCH
ช่วยแชร์ไอเดียและหลักการการลงทุน
ให้พี่ๆเพื่อนๆได้รับทราบในกระทู้นี้ด้วยครับ
เห็นบอกว่าเกิดจากความเชื่อมั่นในบริษัทแท้ๆ
อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร
ช่วยอธิบายด้วยครับ
ช่วยแวะมาบ่อยๆนะครับ
ถ้าเห็นอะไรไม่เข้าท่าเข้าทาง
ก็ขัดคอคุณมนและพวกผมได้เลยนะครับ
ยินดีมากครับที่มี"ผู้ใหญ่"ให้การสนับสนุน
เราค้นพบเซียนหุ้นนอกจากพี่ปรัชญาอีกท่านแล้วครับ
คุณ FITCH ครับ
จากเงินห้าแสนบาทกลายเป็น 30 ล้านบาทในห้าปี
เยี่ยมกว่า Buffet และ Peter Lynch อีกครับ
Buffet ทำผลตอบแทนได้ 24% ต่อปี
Lynch ทำผลตอบแทนได้ 35% ต่อปี
ท่าน ดร.นิเวศน์ ทำผลตอบแทนได้ 40% ต่อปี
พี่Chatchai ทำผลตอบแทนได้ 102% ต่อปี
คุณ FITCH ทำผลตอบแทนได้ 127% ต่อปี
(หวังว่าพี่Chatchai คงไม่งอนนะครับที่นำมาเปรียบเทียบ)
อยากขอเชิญ คุณ FITCH
ช่วยแชร์ไอเดียและหลักการการลงทุน
ให้พี่ๆเพื่อนๆได้รับทราบในกระทู้นี้ด้วยครับ
เห็นบอกว่าเกิดจากความเชื่อมั่นในบริษัทแท้ๆ
อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร
ช่วยอธิบายด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 326
ต้องขอบอกอย่างน่าละอายว่าเพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้ครั้งแรก เพราะในช่วงเดือนนี้ผมงานยุ่งมากๆ(พี่ๆที่นี้ได้ลงทุนส่วนผมได้เป็นหนี้ครับ แฮะๆต้องหาเงินสดมาบริหารบริษัทตัวเองคู่แข่งก็เพิ่งเข้าตลาดซะด้วย) ส่วนใหญ่เลยเข้ามาmoderateเสร็จแล้วก็แว้บ พอได้อ่านกระทู้นี้แล้วต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีตั้งแต่ EMT ยัน Intrinsic Value แต่เห็นพี่ๆพูดเรื่องEMTดูออกๆจะเป็นแง่ลบอยู่ซักหน่อยนะครับ คือจริงๆแล้วในส่วนตัวผมว่าEMTสามารถใช้ได้จริงครับ(เอจะเป็นการพูดเรื่องเก่าไปรึเปล่าเนี่ย แต่เห็นมันยังคาๆอยู่ไม่จบสมบูรณ์เลยต้องขอใส่เวอร์ชั่นเพิ่มเติมหน่อยละกันนะครับ ) แต่ต้องใช้ตอนที่คุณเข็นหุ้นเข้าตลาดนะครับ แท่มันเกี่ยวกันก็เพราะมันจะโยงเกี่ยวกับเรื่องของDemand Supply คือง่ายๆครับ เวลาคุณจะต้องการขายอะไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคุณก็ย่อมจะขายที่จุดตัดระหว่างDemกับSupถูกไหมครับ(จะได้ไม่มีของเหลือจากการขายไง) ดังนั้นเมื่อคุณจะขายIPOคุณเลยต้องใช้EMTเพื่อซาวเสียงราคาที่น่าขายที่สุด ณ เวลานั้นๆ แหมถ้าผมขายหุ้นบริษัทตัวเองผมย่อมใช้EMTอยู่แล้วเรื่องอะไรจะใช้VIละครับ นี่แหละครับทำไมต้องเรียนEMT(เพราะคุณใช้สมัครงานได้ไง มีใครที่ไหนจะมาจ้างคุณเป็นนักลงทุนกันละครับจริงไหม)
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 327
เอ บ้านพี่ฉัตรชัยอยู่แถวๆโลตัสที่เปิดใหม่ตรงบางใหญ่หรือครับ ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ใกล้ๆโรงงานผมเลย โรงงานผมอยู่แถวๆBigCนะครับ ในซอยวัดไผ่เหลือง สงสัยเอาไว้ว่างๆผมคงต้องไปเยี่นมคาระวะบ้างแล้วละครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 328
เรื่องผลตอบแทนที่น้อง VIB007 นำมาเปรียบเทียบ ผมว่าไม่ยุติธรรมกับ Buffett และ Lynch เท่าไรครับ
เพราะผลตอบแทนที่ผมทำได้เป็นเพียงแค่ระยะเวลา 5 ปีเท่านั้น แต่ของ Buffett และ Lynch นั้นเฉลี่ยจากระยะเวลากว่า 20 ปี
แถมเงินลงทุนของผมยังน้อยกว่าแบบเทียบไม่ได้ ถ้า Port ใหญ่ขึ้น ผลตอบแทนที่ผมทำได้คงลดลงอย่างมากแน่นอนครับ
อีกประเด็นหนึ่ง เวลาลงทุนผมก็ไม่ได้ตั้งเป้าผลตอบแทนที่สูงมากนัก เพื่อความสบายใจในการลงทุนครับ ถ้าหุ้นไม่ขึ้น
ส่วนเรื่อง BH นะครับ ผมดูงบดุลแล้วเกิดข้อสงสัยนะครับ ส่วนของผู้ถือหุ้นมีรายการแปลกๆครับ นั้นคือหุ้นกู้แปลงสภาพ
หุ้นกู้แปลงสภาพนั้นปรกติก็คือหุ้นกู้ชนิดหนึ่ง ถือเป็นหนี้ครับ แต่ที่บริษัทมาลงบัญชีเป็นทุนนั้นบริษัทมีเทคนิคครับ
กล่าวคือปรกติหุ้นกู้แปลงสภาพนั้นจะให้ผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นคนเลือกมาจะแปลงสภาพหรือไม่
แต่บริษัทได้แก้ไขเพิ่มเติมเป็นบริษัทเป็นผู้มีสิทธิในการเลือกที่จะบังคับแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ หรือจะไถ่ถอนคืนครับ
ทำให้ตามหลักการบัญชี สามารถนำมาบันทึกเป็นส่วนของทุนได้ครับ ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีส่วนทุนเกินมา 1,300 ล้านบาท และหนี้ลดไป 1,300 ล้านบาทเช่นกัน
แต่ถ้าถึงปี 2555 บริษัทจะไถ่ถอน ก็จะทำให้ส่วนทุนหายไป 1,300 ล้านบาทครับ
แต่ถ้าบริษัทบังคับที่จะแปลงสภาพ จำนววนหุ้นสามัญก็จะเพิ่มขึ้นครับ
ถ้าสังเกตให้ดี ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวกจำนวน 891.38 ล้านบาทนั้นน้อยกว่า 1,300 ล้านบาทครับ
แสดงว่าถ้าไม่มีรายการดังกล่าวมาบันทึกเป็นทุน บริษัทก็จะยังมีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบอยู่ครับ ตลาดเลยยังไม่ปล่อยออกมาจาก ICU
การที่บริษัทสามารถเปลี่ยนเงื่อนไขของหุ้นกู้แปลงสภาพได้นั้นเพราะว่า บริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ BBL
ซึ่งก็เป็นผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพนั้นแต่เพียงผู้เดียว จึงสามารถทำได้ครับ
ผมเพิ่งเห็นข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ว่ามีการแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญ
ซึ่งส่งผลทำให้เกิด dilution effect มากพอสมควรเลยครับ
เพราะถ้าเดาไม่ผิดหุ้นกู้แปลงสภาพชุดนี้น่าจะมีอัตราดอกเบี้ยจ่ายเพียงแค่ 1% เท่านั้น
ราคาที่เคยคิดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 30 บาท คงต้องประเมินกันใหม่แล้วละครับ ถ้าที่ 30 บาทผมว่าก็ไม่น่าสนใจแล้วละครับ
เพราะผลตอบแทนที่ผมทำได้เป็นเพียงแค่ระยะเวลา 5 ปีเท่านั้น แต่ของ Buffett และ Lynch นั้นเฉลี่ยจากระยะเวลากว่า 20 ปี
แถมเงินลงทุนของผมยังน้อยกว่าแบบเทียบไม่ได้ ถ้า Port ใหญ่ขึ้น ผลตอบแทนที่ผมทำได้คงลดลงอย่างมากแน่นอนครับ
อีกประเด็นหนึ่ง เวลาลงทุนผมก็ไม่ได้ตั้งเป้าผลตอบแทนที่สูงมากนัก เพื่อความสบายใจในการลงทุนครับ ถ้าหุ้นไม่ขึ้น
ส่วนเรื่อง BH นะครับ ผมดูงบดุลแล้วเกิดข้อสงสัยนะครับ ส่วนของผู้ถือหุ้นมีรายการแปลกๆครับ นั้นคือหุ้นกู้แปลงสภาพ
หุ้นกู้แปลงสภาพนั้นปรกติก็คือหุ้นกู้ชนิดหนึ่ง ถือเป็นหนี้ครับ แต่ที่บริษัทมาลงบัญชีเป็นทุนนั้นบริษัทมีเทคนิคครับ
กล่าวคือปรกติหุ้นกู้แปลงสภาพนั้นจะให้ผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นคนเลือกมาจะแปลงสภาพหรือไม่
แต่บริษัทได้แก้ไขเพิ่มเติมเป็นบริษัทเป็นผู้มีสิทธิในการเลือกที่จะบังคับแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ หรือจะไถ่ถอนคืนครับ
ทำให้ตามหลักการบัญชี สามารถนำมาบันทึกเป็นส่วนของทุนได้ครับ ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีส่วนทุนเกินมา 1,300 ล้านบาท และหนี้ลดไป 1,300 ล้านบาทเช่นกัน
แต่ถ้าถึงปี 2555 บริษัทจะไถ่ถอน ก็จะทำให้ส่วนทุนหายไป 1,300 ล้านบาทครับ
แต่ถ้าบริษัทบังคับที่จะแปลงสภาพ จำนววนหุ้นสามัญก็จะเพิ่มขึ้นครับ
ถ้าสังเกตให้ดี ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวกจำนวน 891.38 ล้านบาทนั้นน้อยกว่า 1,300 ล้านบาทครับ
แสดงว่าถ้าไม่มีรายการดังกล่าวมาบันทึกเป็นทุน บริษัทก็จะยังมีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบอยู่ครับ ตลาดเลยยังไม่ปล่อยออกมาจาก ICU
การที่บริษัทสามารถเปลี่ยนเงื่อนไขของหุ้นกู้แปลงสภาพได้นั้นเพราะว่า บริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ BBL
ซึ่งก็เป็นผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพนั้นแต่เพียงผู้เดียว จึงสามารถทำได้ครับ
ผมเพิ่งเห็นข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ว่ามีการแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญ
ซึ่งส่งผลทำให้เกิด dilution effect มากพอสมควรเลยครับ
เพราะถ้าเดาไม่ผิดหุ้นกู้แปลงสภาพชุดนี้น่าจะมีอัตราดอกเบี้ยจ่ายเพียงแค่ 1% เท่านั้น
ราคาที่เคยคิดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 30 บาท คงต้องประเมินกันใหม่แล้วละครับ ถ้าที่ 30 บาทผมว่าก็ไม่น่าสนใจแล้วละครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเราควรทำอย่างไรครับ
โพสต์ที่ 329
สวัสดีครับ พี่ๆทุกท่าน ตอนนี้ผมมีความคิดอยู่ว่าถ้าเกิดวิกฤติตลาดหุ้นเราควรจะซื้อหุ้นเพิ่ม ตรงนี้ผมเข้าใจชัดเจนครับ แต่ถ้าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนกับเมื่อปี40 ที่ทำให้พื้นฐานของหลายๆกิจการแม้แต่กิจการที่ยอดเยี่ยมยังต้องเปลี่ยนไป เช่น หนี้บานเป็นเท่าตัว เราควรจะทำตัวอย่างไรดีครับ ถ้าสมมุติว่าก่อนเกิดวิกฤติเราลงทุนในหุ้นทั้งหมด 100%
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 330
คุณฉัตรชัย เขาจะต้องแนะนำว่าให้ถือเงินสดไว้นะครับ ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขนาดนั้น
แต่ดูๆแล้ว ไม่เห็นจะมีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเลย
ช่วงนี้เขาก็ปั่นข่าวร้ายกัน ให้หุ้นลงเยอะๆ
วอเรนบอกว่า perfect situation คือ ช่วงปรับฐาน+ข่าวร้าย
ซึ่งเราก็ต้องมองหากิจการที่ผลประกอบการ ไม่เกี่ยวกับข่าวเลย แต่ราคาลงมา มากๆ แล้วเราก็เข้าไปซื้อ
แต่ดูๆแล้ว ไม่เห็นจะมีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเลย
ช่วงนี้เขาก็ปั่นข่าวร้ายกัน ให้หุ้นลงเยอะๆ
วอเรนบอกว่า perfect situation คือ ช่วงปรับฐาน+ข่าวร้าย
ซึ่งเราก็ต้องมองหากิจการที่ผลประกอบการ ไม่เกี่ยวกับข่าวเลย แต่ราคาลงมา มากๆ แล้วเราก็เข้าไปซื้อ