หน้า 2 จากทั้งหมด 3
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 02, 2005 5:13 pm
โดย Cartoon
ผมก็ไปมาครับ แล้วก็ได้ถามถึงแผนงานในปีนี้และปีหน้าครับ
ปี 48 นี้จะมีที่จอดรถที่เพิ่มขึ้นคือ ชั้น 1-8 ของตึกใหม่
ถ้าผมฟังและจำไม่ผิดนะ เค้าจะย้าย OPD ขึ้นไปที่ตึกใหม่ในปี 49
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 02, 2005 8:26 pm
โดย Knott
woody เขียน:อ้อ อีกนิดนึงนะครับ P/E ที่สูงลิ่งของ BGH ตอนนี้เกิดจากการควบรวมกิจการในปีที่ผ่านมาด้วยหรือเปล่าครับ
ส่วนหนึ่งเกิดจากการควบรวมแน่นอนครับ ถ้าย้อนดู P/E BGH ตอนต้นปี 2004 ก่อนมีข่าวควบรวม จะอยู่ประมาณ 17-22 แต่หลังจากมีข่าวควบรวม ก็กระโดษไปอยู่ประมาณ 24-25 แล้วเมื่อปลายปีเมื่อการควบรวมแน่นอนแล้ว P/E ก็อยู่ที่ 30 กว่าๆมาตลอด
ที่บอกว่าส่วนหนึ่ง ก็เพราะเดิม P/E ก่อนมีข่าวควบรวมก็ถือว่าสูงอยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับ growth ก็ไม่ถือว่าไร้เหตุผล เพราะเดิมจะ growth ประมาณ 20-30% ต่อปี ถ้ามองแบบ Peter Lynch ก็ถือว่า growth สูงกว่าค่า P/E
ผลของการควบรวมยังไม่สะท้อนในงบปีที่แล้ว เพราะควบรวมเสร็จก็ปลายเดือนธันวาคมพอดี ทำให้ earning ยังเป็นของเดิมอยู่ แต่ปีนี้งบรวมควรจะสะท้อนการควบรวมด้วย ดังนั้นหากต้องการดูปีนี้ต้องไปดูบริษัทที่ควบรวมด้วย คือ SVH (สำหรับกรุงเทพภูเก็ตและหาดใหญ่ ขนาดยังเล็กมากเมือเทียบกับบริษัทแม่ ไม่น่าจะมีผลอะไรมากนักต่องบรวม)
SVH เองยังมีขาดทุนสะสมอยู่เมื่อสิ้นปี 2004 แต่ก็ลดลงเรื่อยๆ และมีกำไรในช่วงปี 2004 แต่กำไรที่ได้เกิดจากหมวด "รายได้อื่น" ในไตรมาสที่ 4 (ยังไม่ได้ไปเจาะงบการเงินดูว่ารายการนี้คืออะไร เกี่ยวกับการควบรวมหรือไม่) หากตัดรายการนี้ออกไปก็ยังขาดทุนอยู่ หากปีนี้ performance สมิติเวชไม่ดีขึ้น การควบรวมครั้งนี้ก็ไม่น่าจะทำให้กำไร BGH ในปีนี้ดีขึ้นสักเท่าไร
ดังนั้นผมคิดว่า ค่า P/E ที่สูงน่าจะเกิดจากความคาดหวังว่าเมื่อควบรวมแล้ว earning น่าจะดีขึ้น (ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดได้หรือไม่) และ market cap ที่ใหญ่ขึ้นอาจทำให้หุ้นมีสภาพคล่องมากขึ้น ต่างชาติอาจสนใจมากขึ้น ทำให้ราคาดีขึ้นได้ (ซึ่งหากดูในรายการซื้อขาย NVDR ก็ไม่ค่อยเห็นของ BGH เท่าไร เห็นแต่ BH มากกว่า) จึงไม่เห็นเหตุผลที่มี value จริงๆที่ทำให้ P/E BGH สูงขนาดนี้เลย คงต้องรอดูผลประกอบการไตรมาส 1 ที่เป็นไตรมาสแรกที่ควบรวมเต็มไตรมาสก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
ผมไม่ค่อยมีความรู้ทางบัญชีเท่าไร หาก comment เรื่องงบอะไรผิดพลาดไป รบกวนผู้รู้ช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 02, 2005 9:52 pm
โดย woody
ขอบคุณ พี่ Knott พี่ สุมาอี้มากๆ เลยครับ ไว้ผมนึกคำถามอะไรออกแล้วจะขออนุญาติโพสต์ต่อนะครับ
หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนพี่ๆ มากไปนะครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 02, 2005 10:00 pm
โดย woody
อ้อ นึกออกแล้วครับ ตอนช่วงปี 97-99 นี่ BH ขาดทุนสุทธิ 2,544, 131, 1,057 ล้าน ตามลำดับ ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไรเป็นสาเหตุหลักหรือครับ....ที่ถามคืออยากจะทราบว่าช่วงเศรษฐกิจแย่ๆ คนป่วย(ใจ)เยอะๆ นี่ โรงพยาบาลขาดทุนเยอะตามขนาดนี้เลยหรือครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 02, 2005 10:13 pm
โดย Knott
ส่วนใหญ่โรงพยาบาลที่แย่ๆในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ก็เกิดจากการกู้ยืมเงินเป็นเงินตราสกุลดอลล่าร์ตาม BIBF น่ะครับ ทีนี้พอลอยตัวค่าเงินบาท หนี้สินก็เลยพุ่งพรวดเกินรายรับที่ทำได้ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยก็พุ่งตาม ทำให้ถึงแม้จะมีรายได้ดีเท่าเดิมก็ขาดทุนได้ครับ เพราะรายจ่ายเพิ่มเร็วมากกระทันหัน
พญาไทที่เปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ด้วยเหตุนี้แหละครับ พญาไท 2 สร้างตึกใหม่โดยกู้เงินต่างประเทศจังหวะที่เศรษฐกิจทรุดพอดี บำรุงราษฎร์เองก็ต้องปิดกิจการสาขาที่ระยองไป ตอนที่ปิดบำรุงราษฎร์ระยองตอนนั้นคนไข้นอกวันละ 4-500 ร้อยคนเชียวนะครับ รายได้ก็น่าจะดี แต่ไม่พอดอกเบี้ยจ่ายที่ท่วมท้นจึงต้องปิดไป สมิติเวชเองก็จุกกับสมิติเวชศรีนครินทร์ที่เปิดใหม่แล้วเหมือนเป็นตึกร้าง 10 ชั้น ใช้อยู่แค่ 3-4 ชั้นเท่านั้น จึงโดน take over โดย BGH ในช่วงต่อมา แต่เป็นการทยอยเข้าไปถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมอยู่หลายปีกว่าจะปรากฏข่าวควบรวมอย่างเป็นทางการปีที่แล้ว ของ BGH โชคดีที่ผู้บริหารประเมินสถานการณ์ได้ทันและรีบเคลียร์หนี้ต่างประเทศก่อนที่จะทรุดหนัก จึงรอดมาได้และถือเป็นจังหวะรุกในขณะที่เครือใหญ่ๆอื่นๆกำลังแย่ จึงสามารถเป็นเครือโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ได้ครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 03, 2005 6:35 am
โดย CK
ตอนนั้นมี NTV ครับที่ไม่ได้กู้เงินดอลล่าร์เยอะเหมือนคนอื่น เลยทำกำไร
ได้สม่ำเสมอ แต่ราคาก็ไม่วายลงตามคนอื่นไปด้วย
ผมเลยได้ปันผลจุกอกไปเลย :lol:
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 03, 2005 10:03 am
โดย mustang
เรียนคุณพี่ สุมาอี้ครับ แล้วท่าเปรียบเทียบกับ NTV นะครับ เป็นอย่างไรบ้างนะครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 03, 2005 3:15 pm
โดย สุมาอี้
เอ่อคือว่าไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ NTV อ่ะครับ เลยไม่กล้าวิเคราะห์อ่ะครับ
คุณ CK, น่าจะตอบแทนได้นะครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 03, 2005 6:24 pm
โดย Knott
เอาคร่าวๆเท่าที่พอทราบจากเพื่อนที่ทำงานที่ NTV นะครับ ลักษณะของ NTV จะเป็นการบริหารแบบธุรกิจครอบครัวโดยผู้ถือหุ้นใหญ่ดูแลเรื่องการบริหารทั้งหมด เพื่อนผมเองไม่ค่อยชอบเพราะบอกว่าถึงขนาดลงมาล้วงลึกการทำงานและการตัดสินใจในการรักษาพยาบาลของแพทย์ด้วย (เจ้าของไม่ได้เป็นแพทย์) ทำให้ค่อนข้างอึดอัดบางครั้ง ข้อดีคือผู้ถือหุ้นใหญ่ดูแลเองใกล้ชิด มีฐานลูกค้าประจำที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ทำให้มีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอ และไม่ได้มีการลงทุนเพิ่มเติมมากนัก เท่าที่ทราบไม่ได้มีแผนที่จะขยายสาขาไปที่ไหนทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ลึกๆกว่านี้ก็ไม่ทราบ
หากเทียบกับ BH ผมคิดว่า NTV น่าจะเป็นลักษณะหุ้น cash cow ที่สร้างรายรับเข้ามาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้โตเร็วนัก ความเสี่ยงที่จะขาดทุนค่อนข้างน้อยหากบริหาร margin ให้ดีๆ ส่วน BH น่าจะเป็นหุ้น growth ที่พยายามขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้น มีความเสี่ยงที่จะประสบการขาดทุนมากกว่า แต่หากสำเร็จการเติบโตก็จะสูงกว่า NTV ในระยะยาวครับ 8)
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 03, 2005 6:54 pm
โดย woody
ผมขอรอต่อรองกับค่า P/E ซักหน่อยละกันนะครับ แล้วคงจะได้ลงเรือลำเดียวกัน
ปล วันนี้บวกไปอีก ห้าสิบสตางค์ เฮ้ออออ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 04, 2005 12:03 am
โดย woody
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว KH ที่ยังหาราคา IPO ไม่เจออีกตัวคุณพี่หมอ Knott ช่วยแจกแจงให้อีกตัวได้ไหมครับ เห็นว่านโยบาลสามสิบบาทรักษาทุกโรคมีผลแก่โรงพยาบาลพอควร นี่รัฐบาลพึ่งเพิ่มงบอุดหนุดสำหรับโครงการนี้อีกด้วย
โดยส่วนตัวแล้วโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในใจก็ไม่พ้น BH แน่นอนในเรื่องของคุณภาพเนื่องจากประสบการณ์ส่วนตัวหลายๆ อย่างที่ได้สัมผัสมา แต่ก็อย่างที่ว่าติดเรื่องราคาตอนนี้นิดนึงอ่ะครับ
ส่วน BGH นั้นก็เคยไปใช้บริการบ้าง เห็นว่ามีการปรับปรุงเยอะใช้ได้ทีเดียว อีกทั้งจากการสอบถามคุณหมอที่รู้จัก เค้าบอกว่า BGH กำลังพัฒนาปรับปรุงครั้งใหญ่ซึ่งดูจากคำตอบแล้วเค้าก็เห็นภาพเป็นบวกไม่น้อยเหมือนกัน
ขอเพิ่มอีกนิดนะครับ การที่เดี๋ยวนี้สิทธิของผู้บริโภคเป็นเทรนด์ที่มาแรงมาก ภาพลักษณ์ของบริษัทสำคัญอย่างมากในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เกี่ยวกับชีวิต ความเป็นความตาย ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของแพทย์ในโรงพยาบาล (สมมติว่ามี) จะมีผลขนาดไหนถ้าเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลครับ....อย่างไรก็ดีหวังว่าจะไม่มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นนะครับ
ปล. ว่าแล้วยังไม่ทันข้ามวัน หนังสือพิมพิ์ฉบับหนึ่งลงเรื่องของน้องที่แพ้ยาจนอาการโคม่า คุณหมอและโรงพยาบาลแถวสุราษฏ์อาจจะโดนฟ้อง อย่างนี้เค้าเรียก Product/service liability ใช่ไหมครับนี่
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 04, 2005 12:39 pm
โดย Knott
KH ผมไม่มีข้อมูลอะไรมากนักครับ แต่ส่วนตัวจะไม่เลือกลงทุนในโรงพยาบาลเอกชนที่รับโครงการ 30 บาท เพราะการจะบริหาร 30 บาทให้ได้กำไรต้องปรับลดภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลพอสมควร ผมเคยทำงานโรงพยาบาลเอกชนที่รับคนไข้ประกันสังคม ลักษณะก็จะคล้าย 30 บาท คือรัฐจ่ายค่า per capita ตามจำนวนคนไข้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ป่วย เป็นจำนวนเงินคงที่ต่อปี ทางโรงพยาบาลไปบริหารเองให้ได้กำไรหรือขาดทุน ดังนั้นหากจะให้ได้กำไร ต้องลดมาตรฐานการรักษาลงโดยการใช้ยาที่ต้นทุนต่ำ ตัดการจ่ายยาบางอย่างออกไป พยายามไม่ส่งแลบหรือเอ็กซเรย์ และพยายามไม่ต้องให้นอนโรงพยาบาล ทำยังไงก็ได้ให้ต้นทุนต่ำๆไว้ ในขณะเดียวกันคนไข้ที่จ่ายเองก็ได้รับการรักษาอีกมาตรฐานหนึ่ง ผลก็คือเป็น double standard คนไข้จะรู้ว่าถ้าจ่ายเงินเองจะได้แบบหนึ่ง ถ้าใช้สิทธิประกันสังคม (หรือ 30 บาท) จะได้อีกแบบหนึ่ง ทำให้ชื่อเสียงโรงพยาบาลไม่ดี ระยะยาวก็ได้ไม่คุ้มเสีย สุดท้ายเมื่อโรงพยาบาลโตมากพอก็เลิกประกันสังคมไป เพราะทนคนไข้ด่าว่าเรื่อง 2 มาตรฐานไม่ไหว
ปัจจุบันนี้ โรงพยาบาลก็แบ่งกันเป็น 2 กลุ่ม คือโรงพยาบาลเชิงสวัสดิการที่รับประกันสังคมหรือ 30 บาท กับโรงพยาบาลที่เป็นแบบ premium คือไม่รับประกันสังคมหรือ 30 บาทเลย กลุ่มแรกก็เป็นโรงพยาบาลรัฐและเอกชนบางแห่ง ส่วนกลุ่มหลังจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เหลือ สังเกตุว่าที่รับประกันสังคมและ 30 บาท จะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีขนาดเตียงและจำนวนคนไข้น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่รับ ที่รับเพราะไม่สามารถหาคนไข้ที่ยอมจ่ายเองให้ได้มากพอที่จะเลี้ยงโรงพยาบาลให้โตขึ้นได้ จึงจำเป็นต้องรับ 30 บาท เคยเห็นตัวเลขว่าตั้งแต่เริ่มโครงการ 30 บาทมา โรงพยาบาลเอกชนที่ขนาดเล็กกว่า 100 เตียงต้องปิดตัวเองไปเป็นจำนวนมาก หรือไม่ก็ต้องเข้ารับโครงการ 30 บาทด้วย ไม่เช่นนั้นก็อยู่ไม่ได้ ส่วนโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่มีฐานคนไข้มากเพียงพออยู่แล้ว กลับโตขึ้นเพราะคนไข้ที่ไม่พึงพอใจกับคุณภาพที่ลดลงจากโครงการ 30 บาทต่างก็ย้ายมารับการรักษาที่โรงพยาบาลเหล่านั้น ดูจาก growth ของเอกชนใหญ่ๆในช่วงที่ผ่านมาได้ครับ :lol: :lol:
อีกอย่างหนึ่ง ช่วงที่ 30 บาทเริ่มใหม่ๆ เคยคุยกับผู้บริหารของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่เข้าโครงการ 30 บาทช่วงแรก อยู่ได้ 1-2 เดือนก็ต้องขอออกจากโครงการ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่ามีปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่เงินจ่ายช้ามาก มีการหัก"ค่าธรรมเนียม"จากทางจังหวัด การจ่ายโรงพยาบาลรัฐและเอกชนก็มีระบบการคิดที่ทำให้เอกชนเสียเปรียบเมื่อมีการส่งต่อคนไข้ระหว่างกัน และปัญหาเรื่องหัวคะแนนของนักการเมืองท้องที่ที่เอาชาวบ้านมานอนเช็คสุขภาพฟรีทั้งที่ 30 บาทไม่ได้ครอบคลุม ประกอบกับคนไข้ที่เข้าโครงการ 30 บาทของโรงพยาบาลก็คือคนไข้เดิมที่บ้านอยู่แถวๆนั้น เคยมาโรงพยาบาลแล้วจ่ายเงินเองเต็มจำนวน พอเข้า 30 บาทก็มาเหมือนเดิมแต่จ่ายน้อยลง ไปๆมาๆก็เลยถอนตัวดีกว่า หวังว่าเดี๋ยวนี้คงได้รับการแก้ปัญหาแล้วนะครับ
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของแพทย์ในโรงพยาบาล (สมมติว่ามี) จะมีผลขนาดไหนถ้าเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลครับ
ถ้าเกิดแล้วเป็นข่าวใหญ่ก็มีผลพอสมควรเรื่องชื่อเสียงของโรงพยาบาลเอง ส่วนการเสียเงินจากการฟ้องร้องถือว่าน้อยมากสำหรับโรงพยาบาล ปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนโดยเฉพาะที่ผ่าน HA มาจะมีระบบ Risk management เพื่อป้องกันและบริหารความเสี่ยง โดยจะ monitor โดยเจ้าหน้าที่ทุกระดับ (ไม่ใช่เฉพาะแพทย์เท่านั้น) หากเห็นว่ามีโอกาสจะเกิดความเสี่ยงขึ้น จะมีทีมลงไปดูแลอย่างรวดเร็ว โดยพยายามให้ทุกฝ่ายพึงพอใจมากที่สุด ทั้งนี้อย่างสมเหตุสมผลนะครับ เช่นหากเห็นว่ามีเรื่องการทำผิดพลาดที่เกิดจากฝ่ายของแพทย์หรือโรงพยาบาลจริง ทางทีมอาจจะคุยกับคนไข้และแก้ปัญหาให้เลย โดยไม่รอให้เกิดเรื่องเป็นข่าวขึ้นมา ซึ่งในความเป็นจริง เรื่องเช่นนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอด แต่หากบริหารให้ดีก็ไม่เป็นข่าวใหญ่ ไม่มีผลอะไรกับองค์กรครับ 8)
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 04, 2005 1:57 pm
โดย mustang
ต้องขอขอบคุณ พี่ knott มากครับที่ให้ข้อมูลกระจ่างดี ขอถามเพิ่มประดับความรู้นึดหนึ่งนะครับ มาตรฐาน ha นะครับ มีโรงพยาบาลไหนบ้างที่ผ่านนะครับ เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกโรงพยาบาลหรือเปล่าครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 04, 2005 2:33 pm
โดย Knott
HA = Hospital Accreditation
เป็นมาตรฐานโรงพยาบาล ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับโรงพยาบาลที่ผ่าน HA แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกแห่งต้องทำอะไรได้เท่ากันนะครับ มาตรฐานจะปรับตามลักษณะและขนาดโรงพยาบาลด้วย ดังนั้นโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ เช่น จุฬา หรือ ศิริราช มาตรฐานก็จะต่างกับโรงพยาบาลอำเภอ แม้จะผ่าน HA เช่นกัน เพราะ HA จะเน้นการประเมินตนเองและการพัฒนาตนเองเพื่อให้คุณภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่องสมำเสมอ แต่ไม่ได้วัดเป็นตัวเลขว่าคุณภาพดีเท่าไร เน้น process มากกว่า result ครับ
ปัจจุบันมีหลายโรงพยาบาลที่ผ่าน HA จนจำไม่ได้แล้วครับว่ามีที่ไหนบ้าง ปกติถ้าเป็นเอกชนมักมีป้ายติดให้เห็นชัด เพราะเหตุผลทางการตลาด สำหรับเอกชนเท่าที่จำได้ ก็มี BH เป็นเอกชนแห่งแรกที่ผ่าน HA (1 ใน 4 โรงพยาบาล HA รุ่นแรกของประเทศไทย) อื่นๆเช่น BGH, PYT ส่วน KH และ NTV ไม่ทราบข้อมูลครับ หากต้องการทราบน่าจะโทรถามโดยตรงได้ครับ เพราะเป็ฯข้อมูลที่เปิดเผย หากยังไม่ผ่านส่วนใหญ่จะบอกว่า"กำลังทำอยู่" ครับ :lol: :lol: ในอนาคตคงต้องทำหมด เพราะประกันสังคมและ 30 บาทจะรับเฉพาะโรงพยาบาลที่ผ่าน HA หรือ ISO9001:2000 ครับ ไม่แน่ใจว่าเริ่มบังคับใช้เมื่อไร
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 04, 2005 3:00 pm
โดย เทียน
ได้ความรู้มากๆครับ ขอบคุณครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 04, 2005 4:52 pm
โดย mustang
โอ้โหพี่ knott ความรู้ด้านนี้ปึกจริง ไม่ทราบว่าเป็นหมอหรือเปล่าครับ
ผมขอถามเพิ่มเติมประดับความรู้นิดนะครับ ในธุรกิจโรงพยาบาลเนี่ยแผนกไหนที่น่าจะทำกำไรต่อหน่อยสูงที่สุดนะครับ แยกเป็นสองกรณี แบบผู้ป่วยในและนอก นะครับ
ขอบคุณครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 04, 2005 8:42 pm
โดย woody
ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วครับพี่ Knott ติดอยู่เรื่องเดียว วันนี้บวกไปอีกเท่าไหร่แล้วน๊า 8)
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 6:48 pm
โดย Knott
mustang เขียน:
ในธุรกิจโรงพยาบาลเนี่ยแผนกไหนที่น่าจะทำกำไรต่อหน่อยสูงที่สุดนะครับ แยกเป็นสองกรณี แบบผู้ป่วยในและนอก นะครับ
กำไรต่อหน่วย ไม่แน่ใจว่าหมายถึงหน่วยอะไรนะครับ เอายังงี้ดีกว่า รายได้ต่อคนไข้ (หรือจำนวนเงินที่ออกจากกระเป๋าคนไข้ต่อการมาโรงพยาบาลแต่ละครั้ง) สำหรับคนไข้ในจะสูงกว่าคนไข้นอก และที่สูงสุดคงเป็นพวกคนไข้หนัก ประเภท ICU, CCU ทั้งหลาย คนไข้นอกทีสูงก็คงเป็นพวกที่ทำหัตถการเช่นมาส่องกล้องดูกระเพาะอาหาร หรือมาตรวจพิเศษบางอย่างเช่นทำ MRI หรือ check up package ใหญ่ๆมีแลบเยอะๆ เป็นต้น
สำหรับการวัดกำไรแยกเป็นแผนกค่อนข้างยาก เพราะต้นทุนจะประเมินยากว่าเป็นของแผนกอะไร เช่นมาตรวจแผนกทางเดินอาหาร หมอให้ x-ray (มีต้นทุนของเครื่องและแผ่นฟิลม์) เจาะเลือด (ต้นทุนห้องแลบเรื่องเครื่องมือและน้ำยา) แล้วเข้าห้องผ่าตัดส่องกล้องในกระเพาะอาหาร (ต้นทุนห้องผ่าตัด เวชภัณฑ์ เครื่องมือ) แล้วตัดชิ้นเนื้อส่งพยาธิ (ต้นทุนแผนกพยาธิเรื่องเครื่องมือและน้ำยา) แล้วสั่งยาไปกิน (ต้นทุนห้องยา) ทั้งนี้ยังไม่นับรวมต้นทุนสถานที่โรงพยาบาล ค่าจ้างบุคลากรต่างๆ ดังนั้นในทางปฏิบัติไม่สามารถจะประเมินกำไรรายแผนกได้จริง แต่ส่วนใหญ่ทางผู้บริหารจะ tracking รายรับของแต่ละแผนก จำนวนคนไข้ และการเจริญเติบโตมากกว่าครับ
woody เขียน:
ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วครับพี่ Knott ติดอยู่เรื่องเดียว วันนี้บวกไปอีกเท่าไหร่แล้วน๊า
อะไรบวกครับ เลือดบวกเหรอครับ :lovl: :lovl: :lovl:
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 9:35 pm
โดย woody
woody wrote:
ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วครับพี่ Knott ติดอยู่เรื่องเดียว วันนี้บวกไปอีกเท่าไหร่แล้วน๊า
อะไรบวกครับ เลือดบวกเหรอครับ
แหม พี่ Knott บวกเอาๆ อารมณ์ดีเลยนะครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 10:46 pm
โดย mustang
กระจ่างเลยครับพี่ knott ผมก็หมายความประมาณนั้นละคับ คือสงสัยนะครับเพราะโรงพยาบาลก็มีกันหลายแผนก
อ้อ เกือบลืม เพิ่มเติมข้อมูลนิดหนึ่งครับ พอดีอ่านเจอในรายงานประจำปีของ ntv
มี ทำ ha เหมือนกันนะคับ แต่รู้สึกเพิ่งเริ่มไม่นาน นะครับ
พี่ๆว่าธุรกิจโรงพยาบาล เป็นธุรกิจวัฐจักรหรือเปล่าครับ แล้วปัจจัยใดบ้างที่จะส่งผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจของโรงพยาบาล นะครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 12:25 am
โดย woody
วัฏจักรสังขารของมนุษย์เป็นแน่แท้ผมว่า ตราบใดที่โรงพยาบาลรักษาคุณภาพของการรักษาพร้อมทั้งขยายกิจการได้อย่างรอบคอบ (ไม่เหมือนช่วงก่อนวิกฤติตอนปี 97 อย่างที่พี่ๆ ชี้ทางสว่างให้พวกเรา) ผมว่าธุรกิจโรงพยาบาลก็ยังโตได้เรื่อยๆ เพราะโดยทั่วไปเวลาคนไม่สบายเค้าก็จะพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อรักษาตัวเอง หรือคนรอบข้างเค้าให้หายดี
ดังนั้นปัจจัยที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งเลยคือเรื่องของ คุณหมอที่ประจำอยู่ ณ โรงพยาบาลนั้นๆ เพราะคุณหมอเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดีที่สุดในการดึงให้ผู้คนมาใช้บริการที่โรงพยาบาลนั้นๆ อย่างเช่นคุณแม่ผมที่ได้ไป BH มาหลายครั้งเพราะมีคุณหมอที่เก่งในเฉพาะทางที่มีชื่อเสียง (แล้วทำไมเราไม่ซื้อเก็บไว้บ้างน๊า ตอนนั้น ฮะฮะ) นอกจากนี้ถ้าย้อนไปดู Boston Model ของเมืองไทย เราจะเห็นได้ว่าธุรกิจทางการแพทย์นั้นถูกจัดให้อยู่ไว้ในกลุ่ม Star เหมือนกับอุตสาหกรรมรถยนต์เลยทีเดียว
มากไปกว่านั้น จากการที่คนเรามีแนวโน้มที่จะอายุมากขึ้นเรื่อยๆ และต้องการความดูแลเอาใจใส่มากขึ้นตามอายุ (โรคต่างๆ ก็แปลกและต้องการการดูแลที่มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน) ทำให้ผมคิดว่าธุรกิจนี้จะยังเติบโตไปได้เรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่ดูเด่นดังเหมือนกลุ่มอื่น
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 8:09 am
โดย mustang
พอดีเมื่อคืนได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนทีเป็นแพทย์นะครับ ก็เลยรู้มาว่า BH เนี่ยจะมีแต่แพทย์เก่งๆ ดังๆ ทั้งนั้นเลย แพทย์จบใหม่นี่หมดสิทธิ เลยครับ
ผมเริ่มสนจัยซื้อ BH เก็บไว้แล้วนะเนี่ย ( แต่ยังไม่ทิ้ง ntv นะครับ )
พี่ knott กับพี่ woody ราคาตอนเนี่ยแพงไปไหมเนี่ย เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโต
:lol: :lol:
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 9:48 am
โดย woody
ที่ 18.3 บาท P/E 14.3 (อันดับ 3 ในกลุ่ม Hospital) BV 6.48 ....(อันดับ 1) ถ้าถามผมว่าแพงหรือเปล่าผมว่าค่อนข้างนะครับสำหรับปีนี้ (เคยเล็งไว้ตอน 14-15 บาท แต่คิดว่ามีของถูกกว่าเศร้าเลยตอนนี้) เนื่องจากอย่างที่พี Knott ก็บอกไว้ว่า ทางผู้บริหารคาดการณ์ว่าจะโตในปีนี้ 15% เป็นผมผมขอดูระยะไปก่อนอีกซักพักนะครับ ตึกใหม่กว่าจะแล้วเสร็จ แล้วเริ่มให้ผลตอบแทนจริงๆ ก็คงปีหน้า รวมทั้งโครงการที่ไปลงทุนในต่างประเทศก็คงต้องใช้เวลา 2-3 ปี
ถ้าเป็นผม ผมขอรอต่ออีกหน่อยละกัน ยังไงก็อุตส่าห์รอมาได้ขนาดนี้
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 9:58 am
โดย mustang
พี่ woody ครับ ผมสงสัยในนโยบายการจ่ายปันผลของ BHนะครับ
ที่บอกว่าตามที่ได้รับอนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้น โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติม
พี่มึความเห็นว่าไงบ้างครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 10:10 am
โดย woody
อืม ตรงนี้ยังไม่ได้ลงไปดูรายละเอียดจริงๆ จังๆ นะครับ คงต้องรอพี่ Knott มาช่วยเสริม แต่ผมว่าเค้าระบุไว้อย่างนี้เผื่อว่าจะมีเหตุอะไรที่ทำให้จ่ายไม่ได้หรือเปล่าครับ จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 10:21 am
โดย mustang
ผมย้อนดู ประวัติย้อนหลังนะครับ bh ขาดทุนในปี 1997-1999 และเริ่มมีกำไรตั้งแต่ปี2000 เป็นต้นมา แต่เพิ่งเริ่มจ่ายปันผล เมื่อปี 2004 ทำไม่เค้าไม่ยอมจ่ายปันผลบ้างเลยละครับ หรือต้องการเก็บไว้ลงทุนอย่างเดียว ครับพี่ woody
* ขอมูล check จาก data ของพี่ครรชิต ต้องขอคุณมากเลยครับ *
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 2:34 pm
โดย woody
สุมาอี้
Joined: 12 Feb 2005
Posts: 57
Posted: Fri May 06, 2005 12:00 pm Post subject:
--------------------------------------------------------------------------------
ฝากบอกทุกท่านที่สนใจหุ้นตัวนี้ครับ เวลาดู P/E ในนสพ. ให้เอา 1.24 คูณด้วยเสมอ เช่น ถ้าตอนนี้ P/E 14.25 แสดงว่า P/E จริงๆ เท่ากับ 17.67 ครับ เนื่องจาก BH มีหุ้นกู้ที่แปลงสภาพได้อยู่ ซึ่งคิดว่าผู้ถือหุ้นกู้คงจะใช้ิสิทธิก็เมื่อเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นไ้ด้รับจะสูงกว่าดอกเบี้ยที่เขาได้รับอยู่ เรื่องนี้ไม่มีเซอร์ไพร์สครับเพราะเป็นเรื่องที่ตลาดรู้อยู่แล้ว
.............ขอบคุณ พี่สุมาอี้ที่เตือนน้องๆ นะครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 07, 2005 3:08 pm
โดย Knott
mustang เขียน:ผมย้อนดู ประวัติย้อนหลังนะครับ bh ขาดทุนในปี 1997-1999 และเริ่มมีกำไรตั้งแต่ปี2000 เป็นต้นมา แต่เพิ่งเริ่มจ่ายปันผล เมื่อปี 2004 ทำไม่เค้าไม่ยอมจ่ายปันผลบ้างเลยละครับ หรือต้องการเก็บไว้ลงทุนอย่างเดียว ครับพี่ woody
เริ่มมีกำไรปี 2000 แต่ยังมีขาดทุนสะสมของเดิมอยู่ครับ เพิ่งจะล้างขาดทุนสะสมได้หมดในปี 2004 จึงเพิ่งสามารถจะปันผลได้ในปี 2004 นี้ครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 07, 2005 3:14 pm
โดย woody
ขอบคุณพี่ Knott ที่ช่วยดูให้นะครับ
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 07, 2005 4:44 pm
โดย สุมาอี้
แรงกดดันอีกอย่างหนึ่งของการเติบโตของกำไรสุทธิในปีนี้ก็คือ การที่ขาดทุนสะสมถูกใช้ไปหมดแล้ว แบบเดียวกับธนาคารกสิกรไทยปีนี้ที่มีกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 11 ทั้งทีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพราะเกิดจากการเริ่มเสียภาษีแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ในอนาคต BH ตั้งเป้าว่าจะลงทุนต่างประเทศปีละ 400-500 ล้านบาท โดยจะระวังไม่ให้ต้องมีการเพิ่มทุนครับ