Thai VI

แม้หนี้ไม่มาก แต่ภาระค่าใช้จ่ายมีนะครับ นี่แหละหนี้ที่ยังมองไม่เห็น

ผมว่าพัดลมตัวนี้เก่งมากที่สู้กับจีนได้มากว่า 15-16 ปี ช่วงแรกๆๆที่ตลาดพัดลมประดับเพดานเกิดขึ้น มีแต่ของนำเข้าจากจีนทั้งนั้น แต่ช่วงนั้นอเมริกายังไม่ค้าขายกับจีนมากนัก พวกไต้หวันเลยมาตั้งโรงงานในไทย และเจ้าพวกนี้แหละที่บีบ สมอ ไทยให้วาง มอก บีบสินค้าจากจีน จนคนนำเข้าเบื่อที่จะมาทำตามกฎระเบียบอันมากมาย ของ สมอ มาร์จิ้นเลยสูงปรี๊ด ช่วงนั้นนำเข้าจากจีน ราคาประมาณ 600-700 บวกภาษี ก็ไม่เกิน 800 ขายส่ง 1400-1800 แต่ของ ซีอีไอ ขาย 2200-3000

ตัวนี้ผมไม่เคยซื้อเลย เพราะเกลียดๆๆๆๆ

ข่าวล่าสุดสำหรับน้องพัดลมครับ...

สายรายงานมาว่า มีการอัญเชิญผู้บริหารระดับสูงออกแล้วครับ (แจกซองขาว)

ใครถืออยู่ ถ้ามีเวลา monitor หน้าจอ DSM ไปเลยครับ

ดีกว่าถือแล้ว ร่วงเอาๆ อย่างน้อยได้กลับมาบ้าง

ดีครับ อะไรๆจะได้เปลี่ยนแปลง

เปลี่ยนทางดีหรือแย่งลงอ่ะครับ

For better or worse, till death do us part...

5.10 บาท แล้วตอนนี้

Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ข่าวล่าสุดสำหรับน้องพัดลมครับ... 

สายรายงานมาว่า มีการอัญเชิญผู้บริหารระดับสูงออกแล้วครับ (แจกซองขาว) 

ดีครับ อะไรๆจะได้เปลี่ยนแปลง

เท่าที่ทราบ คนที่โดนเชิญออกเป็นคนไทยนะครับ ส่วนกลุ่มแสบนั้นเป็นไต้หวันครับ ไม่คิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นนะครับ ที่ให้ออกคงเป็นเพราะไม่อยากจ้างไว้นั่งตบยุงน่ะครับ

ปิดที่ 4.86 แนะ

ดูดีดี

ตอนนี้ 4.1 แล้ว จ้องไว้นะ.....

ลงแบบไม่มีฐานเลย.......

สงสัยต้องเปลื่ยนมอเตอร์ใหม่แล้ว ไม่ได้เสียแค่ใบพัด :lol:

สงสัยผู้ถือหุ้นเดิม พร้อมใจกันทำ DSM :lol:

ไม่ใช่ DSM ครับ ผมนั่งดูวันนี้มันลง เป็นการขายล้างบางครับ ไม่สนใจราคา
ขายออกมาทีละหลายพันหุ้น หยุดแป๊บนึง แล้วขายตามออกมาอีกหลายพัน

ใคร bid เข้ามาขวางไว้เธอทุบหมดครับ แทบไม่มีใครกล้าซื้อเลย เพราะแค่
ตั้ง bid เข้ามาหมื่นหุ้น ก็โดยทุบทีเดียว 4 ช่องไปเลย

offer ก็น้อยครับ ตั้งแบบไม่เต็มใจ ช่องพันไม่กี่พันหุ้น

ภาคบ่ายคงมีหลายคนตื่นขึ้นมาช่วยซื้อ หรือไม่ก็ช่วยขาย

ลงแบบนี้ แป๊บเดียวก็เห็น floor ครับ แล้วเดี๋ยวเย็นนี้ค่อยมีข่าวออก ไม่ดีก็ร้าย

HI.ผมเอง เขียน:สงสัยผู้ถือหุ้นเดิม พร้อมใจกันทำ DSM :lol:

ฮาๆ ถ้าทำdsm ป่านนี้หมดมือไปแล้ว
ผมเดาว่าพวกทำdsm แปลงร่างไปอยู่หุ้นตัวอื่นกันหมดแล้ว

ไม่รู้ว่าพวกที่เข้าไปรับตอน5.8ถึง6บาท
ตอนนี้เริ่มถอดใจหรือยัง

ขาดทุนอย่างมากก็แค่100%
แต่กำไรไม่มีที่สิ้นสุด


แนวคิดของ ปีเตอร์ ลิ้นซ์ ใช้กับ CEI อาจหัวใจวายตายได้

คนที่ซื้อที่16บาทปลายปีที่แล้ว คงคิดว่าซื้อได้ถูกกว่า35บาท กว่าครึ่ง
คนที่ซื้อที่6บาท ก็คิดว่าซื้อได้ถูกกว่า16บาทม๊ากมัก

ตอนนี้4.06แล้ว
หุ..หุ... 8)[/quote]

summax invesment limited ที่ถือหุ้น 51% จากงบใน settrade ล่าสุด เป็นใครอ่ะครับ รู้มั้ยเนี่ย

มูลค่าหุ้นในตลาดตอนนี้มีมูลค่าเท่าไรคับ

ที่ราคาตอนนี้ 4.28*188.3= 805.9 ล้าน......ซื้อมั้ยครับ

แต่ SUMMAX INVESTMENT LIMITED จะขายมั้ยหนอ

ncav ล่าสุด(q2) 3.42บาท/หุ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 4.21 ถือดีมั้ยหนอ

สินค้าคงเหลือลดลง 31%และลูกหนี้เพิ่มขึ้น 20% ..........เค้าขายดีหรือผลิตน้อยลง

เงินสดเหลือ 76 ล้านทั้งที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีถึง 158 ล้าน

ข่าวร้ายเพียบเลย หุหุ เจอกันที่ สามบาทครึ่ง :lol:

market cap
188.30 * 4.32 = 813.45

asset 2111.37

liability 882.94 (no long term liability)

Equity 1228.42 (R/E 606.90)

*setsmart q1 2005 consolidated, B/S

ถ้ามองว่า เป็นปัญหาชั่วคราว ราคานี้ก็น่าสนใจ

แต่ถ้ามองแบบ graham
worst case, conservative สุดๆ ไม่สนเรื่องธุรกิจด้วย

2111.37-822.94 - 718.73(finished goods)
=569.7 * 0.75 (margin of safety 25%)
=427.27 (2.27 per share)

กลัวว่าปัญหาจะชั่วคราวสิครับ
ถ้าเก็งกำไร ก็ลุ้นรีบาวแล้วขาย

คุณTUNGUE ไวจริงๆ
ผมลองคิดดูแล้ว
ราคาตลาดตอนนี้บวกหนี้สินลบเงินสดแล้ว
ได้มูลค่าใกล้เคียงยอดขายงวด6เดือน

แต่คิดมาถึงที่สุดแล้วนึกขึ้นได้ว่า
เอ.....งบการเงินงวดนี้ผู้สอบทาน ไม่รับรองนี่หว่า

คุณTONGUE ไวจริงๆ
ผมลองคิดดูแล้ว
ราคาตลาดตอนนี้บวกหนี้สินลบเงินสดแล้ว
ได้มูลค่าใกล้เคียงยอดขายงวด6เดือน

แต่คิดมาถึงที่สุดแล้วนึกขึ้นได้ว่า
เอ.....งบการเงินงวดนี้ผู้สอบทาน ไม่รับรองนี่หว่า

มือดันซน
เคาะเก็บเพิ่มเลย
แย่แล้วงานนี้

เริ่มมีประเด็น ว่าจีนอาจเพิ่มค่าเงินหยวนเร็วๆนี้
ความสามารถแข่งขันด้านราคาจะดีขึ้นไหมครับ

ค่าเงินหยวน คงทำการเพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป

3.98 แล้วครับ

3.5 คงได้เห็น

แต่คงไม่เป็นเซอร์กิต 2 นะ เพราะหนี้มันผิดกัน

มองแบบแง่ร้ายสุดๆ

ถ้าแพ้คดีความกับลูกค้า จะเกิด liability อีกราวๆ 100 ล้านบาท
ถ้าเสียลูกค้าที่มียอดสั่งซื้อ 90% แต่ fixed costs ยังต้องจ่าย
น่าจะเกิด liability ต่อเนื่องไปอีกเดือนละหลายสิบล้าน

กว่าจะหาลูกค้าใหม่เข้ามาแทนได้ 75% พอจุดคุ้มทุน คงต้อง
ใช้เวลาอีก 2 ปี

รวมๆ แล้ว อีกสองปี คงจะมีหนี้เพิ่มขึ้นมาราวๆ 500 ล้านบาท

asset น่าจะด้อยค่าลงไปราวๆ 30%

Equity คงจะแทบเหลือ 0 ในอีกสองปี

เอาข่าวมาให้อ่าน

ที่. CEI 09/2548 วันที่ 28 เมษายน 2548

เรื่อง สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/ 2548
เรียน กรรมการผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ ( ประเทศไทย ) จำกัด ( มหาชน ) ขอแจ้งสรุปมติที่ประชุม
คณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2548 ในวันที่ 28 เมษายน 2548 ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
1. รับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2548
2. กรรมการของบริษัท คือ นายโอภาส เลวิจันทร์ ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และได้แต่งตั้งกรรมการ
ใหม่ คือ นางสาวได จวน หมิง เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัท ทั้งนี้บุคคลดังกล่าวมีคุณสมบัติครบถ้วน
ตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย โดยคณะกรรมการ
ของบริษัทฯ ประกอบด้วยกรรมการทั้งหมดจำนวน 10 คนดังนี้
1. นายหลัว เจิ้น จง ประธานกรรมการ
2. นางไต้ ชุนยากรรมการ
3. นางสาวไต้ เวน-ลี กรรมการ
4. นางหลี่ กุ้ย ฟ่ง กรรมการ
5. นายไบรอัน แอล ฮาร์ดี้ กรรมการ
6. นางอู๋ ลี่ หยุน กรรมการ
7. นายไพบูลย์ ภาสพานทอง กรรมการ
8. นางภารดี นาคพันธุ์ชีวัน กรรมการ
9.นายเฉิน ไทย เฮิงกรรมการ
10. นางสาวได จวน หมิง กรรมการ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและเผยแพร่ให้นักลงทุนทราบโดยทั่วกัน

ขอแสดงความนับถือ


( นางสาวไต้ เวน ลี )
กรรมการ