สิ่งสำคัญที่ผมต้องเล่าเรื่องส่วนตัวประกอบด้วยเพราะ ตั้งแต่ 1-4
เป็นการบอกให้รู้ว่า ผมคิดอย่างไร ตัดสินใจอย่างไร ในสภาวะแวดล้อมขณะ
นั้น เพราะการตัดสินใจ ในขณะนั้นมันเป็นสิ่งที่ผมใช้เวลาเงียบๆ ขลุกอยู่กับ
ตัวเองคนเดียวถึง 2 วันเต็มๆ ผมกำลังจะบอกว่าเมื่อผมกางพอร์ตออกดู แล้ว
เปรียบเทียบการเล่นหุ้นของผมกับการดำเนินชีวิตและการทำงาน พบว่ามันให้
ผลคล้ายกันมาก และถ้าผมไม่เปลี่ยนแปลงมันก็คงให้ผลไม่ต่างจากเดิมๆ ที่
ผ่านมา ผมเอาหุ้น FE ที่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าการลงทุนอย่างนี้มันคืออะไร (ตอน
หลังเมื่อได้อ่านมากๆ ขึ้นและดูจากหลายๆ Web รวมทั้งที่นี่จึงรู้ว่าแบบนี้น่าจะ
พอเรียกว่า VI) แต่ผมยังขาดอยู่ 2 อย่างคือ ผมไม่ได้เอาเงินปันผลและเครดิต
ภาษีที่ได้มาลงทุนซ้ำ ทำให้เสียโอกาส และ ผมมีเงินเหลือแค่เกือบ
200,000 มันไม่เหมาะแน่กับการลงทุนในภาวะขณะนั้น เพราะเวลาที่ผมใช้ทิ้ง
ขว้างก่อนหน้านี้มันมากเกินไป แต่แน่นอนผมเริ่มรู้แล้วว่า ยังมีการเล่นหุ้นอีก
แบบที่ให้ผลลัพธ์ได้ดีจากเงินปันผล และช่วงเวลาหนึ่งทีผ่านไปมันจะมี
Capital Gain ตามมา ซึ่งผมต้องใช้เวลาและความรู้จาก MBA ที่ผมจบมานาน
และโทษมาตลอดว่าไม่รู้เรียนไปทำไมไม่เคยได้ใช้ประโยชน์ แต่ภายหลังคำ
ตอบคือ รู้แต่นำไปประยุกต์ใช้ไม่เป็นต่างหาก เพราะเมื่อเริ่มนำมาใช้มันจะเกิด
ปัญหาให้คิดต่อและตัดสินใจว่า ใช่อย่างที่คิดหรือไม่ กลับมาที่เรื่องการตัดสิน
ใจเล่นหุ้นของผม ผมว่าผมมีเงินไม่มากหุ้นในพอร์ทำไมมันมีเยอะตัวจัง หลาย
ตัวขึ้นลง 10% ก็ทำให้ผมกำไรได้แค่หลักพัน รวมทั้งเวลาสั่งซื้อขายกับมาร์ก็
เหมือนกับเขาไม่ให้ความสำคัญ ช่วงที่ชุลมุนโทรศัพท์ของเราถูกแขวนรอ
ทุกที แล้วเราก็ขาดทุนซึ่งผมพบว่ามีกระทู้ในหลาย Web โทษเหตุการณ์แบบ
นี้ไปที่มาร์ทั้งหมด ทั้งๆ ที่เราเองต้องยอมรับส่วนหนึ่งว่า ซื้อ Lot ใหญ่กับ Lot
เล็กในเวลาเดียวกัน ในทางธุรกิจยังไงเขาก็ต้องเลือก Lot ใหญ่ก่อน
ผมจึงตัดสินใจขายหุ้นที่ผมไม่มีเหตุผลที่จะเลือกเล่นทิ้งทั้งหมด เหลือหุ้นทั้ง
พอร์ตอยู่ 2 ตัวคือ FE อีกตัวคือ Tisco มันมีเหตุผลคือ FE ผมตั้งใจให้เป็นต้น
แบบในการลงทุนระยะยาว เพื่อหวังปันผลเป็นหลัก ส่วน Tisco นี่เป็นหุ้นที่ผม
น่าจะเข้าใจมันมากที่สุด เพราะเคยทั้งกำไรกับมันมากสุดและขาดทุนกับมัน
หนักสุด รวมทั้ง Tisco ในขณะนั้นเป็นหุ้นตัวนึงที่มี Story ให้รอเล่นอยู่หลาย
เรื่อง ผมรู้ว่า Web นี้น่าจะพูดถึง VI แต่ตามความคิดผม คุณจะเป็น VI ได้ต้อง
ดูสภาวะตัวเองทั้งเรื่องเวลาและเงินทุนที่ใช้ ผมแก้ปัญหาเรื่องหนี้ไปแล้ว แต่ก็
ยังมีหนี้ที่ต้องทยอยผ่อนอย่างน้อยก็ค่าดอกเบี้ย เพราะผมยังเลือกที่จะให้มัน
เป็น O/D เหมือนเดิม ส่วนอีกด้านคือเรื่องงานเขาว่า คนเราเมื่อจังหวะมันต่ำ
สุดแล้วมันมีแต่จะดีขึ้น ปรากฎว่าผมได้งานใหญ่ที่เหลือเป็นวิธีการเจรจาทาง
ธุรกิจให้ Supplier เชื่อว่าเราจัดการได้จริง ตอนนี้ผมจะเปรียบเทียบให้ดูว่า
งาน การใช้ชีวิต และการเล่นหุ้นมันคล้ายกันอย่างไร
1. การที่ผมตัดสินใจทิ้งเงินดาวน์ทั้งคอนโดและสวนผลไม้ ก็คล้ายกับการที่ผมตัดทิ้งหุ้นที่ผมไม่คิดจะเล่นและลงทุน
2. การที่ผม Refinance ก็เหมือนกับการที่ผมเลือกหุ้นที่ผมจะลงทุนและเล่น
ต่อไป อันนี้ผมคิดว่าถ้าอยู่ที่เดิมผมจ่ายดอกแบบที่เขาตีความว่าผมเป็นพวก
ผิดนัดชำระเงิน ทั้งๆ ที่ผมจ่ายดอกเบี้ย O/D ที่ใช้มาตลอด แต่เมือคุยกับเขา
เขาบอกว่า O/D เป็นเงินทุนหมุนเวียนมีอายุแค่ 1 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วหาก
ทางธนาคารเห็นว่าผู้กู้ยังน่าเชื่อถืออยู่ก็จะต่ออายุไปให้ แต่ถ้าเห็นว่าเสี่ยงก็จะ
เรียกเงินนั้นคืน ในกรณีนี้เมื่อเรียกคืนผมไม่มีจ่าย เขาก็เลยถือว่าผมผดนัด
ชำระเงินคิดอัตราสูงสุดน่าจะ 19-20% ในขณะที่ที่ใหม่คิด 8.5% นั่นคือผม
ต้องเลือกหุ้นที่จะให้ผลตอบแทนกับผมได้ดีทีสุดเท่าที่ผมจะหาได้ในขณะนั้น
3. ผมได้งานใหญ่ในภาวะที่ตกต่ำสุดๆ ซึ่งต่อให้ผมไม่ได้ผมก็เตรียมทางออก
ไว้แล้ว แต่ผมเสี่ยงทุ่มที่จะทำงานใหญ่ทั้งหมดเพราะ ไม่มีอะไรเสีย เหมือนกัน
เมื่อหุ้นตกแบบสุดๆ แล้วทุกคนอยู่ในภาวะกลัวกันหมด ทั้งที่ตอนนั้นมันหา
เหตุผลที่จะตกต่อไปอีกก็ไม่มี คุณซื้อไปถ้ามีโอกาสก็น่าจะมีแต่ได้กับได้
สำหรับหุ้นที่ผลดำเนินงานยังไปได้อยู่
ผมบอกไม่ได้ว่าการแก้ปัญหาทั้งหมดมันดีพร้อม เพราะหลายอันเมื่อเวลาผ่าน
ไปแล้วรู้ผลลัพธ์ ผมรู้สึกว่าทำไมตอนนั้นไม่ตัดสินใจอีกแบบ มันเหมือนกับ
การเล่นหุ้นที่พอรู้ผลในแต่ละช่วงเวลาทำให้เรามักจะโทษตัวเองว่าทำไมตอน
นั้นไม่ทำอีกอย่างที่ดีกว่านะ ทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นแต่พยายามตัดใจให้เร็วที่สุด
เพราะเราเปลี่ยนแปงอดีตไม่ได้ แต่เตรียมการสำหรับอนาคตได้ สังเกตนะ
ครับว่าผมแยกระหว่างเล่นหุ้นกับลงทุน คุณคงเดาออกว่าผมเอาหุ้นไหนเล่น
และเอาหุ้นไหนลงทุน
ยอมรับเลยครับเขียนนี่มันยากกว่าอ่านจริงๆ อ่านบอร์ดต่างๆ มา หลายปีตั้งแต่
พันทิพย์เป็นที่แรก แต่ไม่เคยสมัครสมาชิก เคย Post ในที่ต่างๆ นับครั้งได้แต่
ก็แค่สั้นๆ แต่ที่นี่ผมเข้ามาอ่านเกือบทุกวันที่มีโอกาส รู้สึกจะมีสมาชิกคนนึง
เขียนว่าผู้ที่มาเยือนที่ Online อยู่ขอให้แสดงตัวก็เลยรู้สึกละอายที่เอาแต่แอบ
อ่านอย่างเดีบว เลยสมัครสมาชิก ส่วนอันนี้หัวข้อมันกระตุ้นว่าคุณลงทุนมากี่
ปี ทำให้รู้สึกอยากจะบอกอะไรที่เป็นประสบการณ์เผื่อสมาชิกบางท่านจะได้นำ
ไปหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ผมเดินผิดพลาดได้ ถัดไปผมจะมาต่อว่าหลังจากผม
จัดการวิธีการลงทุนแบบแบ่งเป็น 2 ส่วนแล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง