Thai VI

ไม่แน่ใจครับ
แต่เป็นผม ผมไม่เอาออกหรอกครับ
คนในตลาดฯให้ค่าหุ้นสูงกว่า
สินทรัพย์สุทธิที่มันมีอยู่จริงๆในบริษัท
ตั้ง 4 - 5 เท่า

แต่ถ้าซื้อหุ้น ไว้ที่พีบีวีสุทธิต่ำกว่าหนึ่ง
เมื่อมีการถอนหุ้นออกจากตลาด
ไม่มีทางขาดทุนหุ้นตัวนั้นครับ

ก่อนจีบสาวผมจะสนใจหน้าตา กริยามารยาท ความมีน้ำใจ
เมื่อรักแล้วลืมหมด ตดยังหอม

หุ้นก็เหมือนกัน บางทีค่าต่างๆก็ลืมหมดหลังจากดูจนเข้าใจ ยิ่งถ้าใช้ DCF แล้ว BV จะมีความสำคัญน้อยมาก เขาจะมองกระแสเงินสด เป็นสำคัญ

BV จะสำคัญถ้า
1.กำลังจะขายทรัพย์สินก้อนใหญ่
2. เอา Sunk Cost มาพัฒนาในเร็ววัน
3. มีการประเมินค่าใหม่ทำให้ BV สูง แต่ไปหลอกให้ Earning ต่ำ

เมื่อรักแล้วลืมหมด ตดยังหอม

ขนาดนั้นเลยเหรอครับ :lol:

คลายเครียด เขียน: แต่ถ้าซื้อหุ้น ไว้ที่พีบีวีสุทธิต่ำกว่าหนึ่ง
เมื่อมีการถอนหุ้นออกจากตลาด
ไม่มีทางขาดทุนหุ้นตัวนั้นครับ

ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้นครับ
แต่ก็ไม่แน่เสมอไป กรณีอุตสาหกรรมพรมไทย เคยทำเทนเดอร์
ที่ต่ำกว่า BV มาก จนลุงโกศล ไม่ยอมขายหุ้นให้ครับ


ผมให้น้ำหนัก BV น้อยครับ..

1.BV จริงหรือปลอมก็ไม่รู้
2.กิจการที่ส่วนทุน เริ่มเป็นบวก BV จะสูงมากกว่าปกติ แต่หลายบริษัทก็ยังน่าสนใจ

ผ่านมานี่แบตเตอรี่ญี่ปุ่นก็ทำเทนเดอร์ต่ำกว่า BV แต่ไม่ออกจากตลาด
คงทำไปตามกฏที่จะต้องทำเทนเดอร์เมื่อครอบงำกิจการเท่านั้น

เรื่องเล่นกับ PBV ผมไม่ได้เล่นตรงๆ ผมอิงตำราของอ.เกรแฮม
ที่แนะนำลงทุนกับหุ้นที่ซื้อขายต่ำกว่า Net current asset value ครับ

ว่าแต่ถ้าค้นหาเจอแล้วพวกเราจะกล้าเล่นหรือเปล่า

ใช่ครับ
มีกรณีเดียวที่ต้องให้ไม่ต่ำกว่าบีวีคือ

"เอาหุ้นออกจากตลาดครับ"

ดังนั้นเห็นเทนเดอร์ออฟเฟอร์ไหน
ให้ราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชี
บอกได้เลย
เขาทำตามกฏของตลาด
ว่าด้วยสัดส่วนการถือครองหุ้นจนถึงปริมาณที่กำหนดไว้

ผมว่าดูไว้หน่อยก็ไม่เสียหาย
BV เป็นตาข่ายรองรับราคาหุ้น กรณีที่กำไรไม่เป็นไปตามที่คาด
แต่ถ้ามั่นใจในความสามารถในการทำกำไรมากๆ
ไม่ต้องมองเลยก็ไม่ผิดครับ

ยังเป็นไปไม่ได้ครับ ที่จะประเมินราคาสินทรัพย์ใหม่ทุก 5 ปี
เหตุเพราะ ยังไม่มี กม. หรือมาตรฐานการ บัญชีใดใด มาสนับสนุน

นอกจากนี้ ผมว่า ทีเด็ดจริงๆ นั้น อยู่ที่ ทรัพยากรบุคคล หรือทีมบริหาร
ที่มีความสามารถ รวมทั้ง การมี วัฒนธรรมองค์กร ที่เข้มแข็ง
เพราะเป็นปัจจัยที่ทำให้องค์กรนั้นๆ ประสพความสำเร็จ
และประเมินค่าไม่ได้จริงๆ

ในความคิดของผม BV. ก็เลยไม่เคยและไม่ใกล้กับของจริง
ดังนั้น ก็เลยเป็นอะไร ที่เอาไว้ปลอบใจ หรือดูเล่น มากกว่าครับ

แต่เฮียคลายเครียดเคยบอกไว้ป่าวครับ ว่าเน้น P/BV ต่ำไว้ก่อน เลยไม่เสียหายจากแรงกรรมแห่งความโลภรอบที่แล้ว

คัดท้าย เขียน:ค้นมาให้ เคยถามมาแย้ววว ...  :mrgreen:

http://www.thaivalueinvestor.com/webboa ... hp?p=56597

ลิงค์ที่พี่คัดท้ายให้มาเก่าไปแล้ว ขออนุญาตแปะลิงค์ให้ใหม่ครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?p=56597

ผมให้ความสำคัญกับ BV อะครับ แต่ไม่ใช่ BV ที่บริษัทฯ แสดงมาให้เราดู ผมจะทำการหาใหม่ด้วยวิธี ต้นทุนทดแทน เพื่อปรับให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงในมูลค่าของบริษัทฯ แต่ส่วนมากจะเป็นการตีแบบป้องกันตัว การประเมินตรงนี้ทำได้ยากมาก แต่มันทำให้เห็นภาพชัดขึ้น แต่ตัวผู้ประเมินต้องมีความเข้าใจในธุรกิจ ดีพอสมควร ครับ ในขณะเดียวกัน ผมก็จะประเมินจาก PE และ นโยการปันผลประกอบด้วย ในสมมุติฐาน G ประมาณ 3.5- 5 ในกรณีธุรกิจอิ่มตัว และ จะสร้างสมมุติฐาน ในกรณีบริษัทฯเกิดสถานการ เลวร้าย หรือ อื่นๆ เข้ามากระทบกิจการ แล้วมาประเมินอีกรอบครับ สรุปผมสนใจ BV ระดับนึงครับ เพราะชอบซื้อของถูกกว่า มูลค่าของมัน

p/Bv
ผมนำมาใช้กับ ROE และ ROA โดยใช้ p/Bv เป็นตัวหารครับ เพื่อหา ROE และ ROA ของเงินลงทุนของผมเอง

แต่ไม่แน่ใจว่าทำถูกต้องหรือเปล่านะครับ :lol:  :lol:

[quote="Coca-Cola"]p/Bv
ผมนำมาใช้กับ ROE และ ROA โดยใช้ p/Bv เป็นตัวหารครับ เพื่อหา ROE และ ROA ของเงินลงทุนของผมเอง

แต่ไม่แน่ใจว่าทำถูกต้องหรือเปล่านะครับ :lol:

[quote="sai"]มันมีวิธีเรียกไหมครับ แต่ถูกต้องนะครับ เพราะการที่เราดู roe ตามงบการเงินนั้นเค้าคำนวณจาก p/bv =1 เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าไปซื้อตอนหุ้นมี p/bv มากกว่า 1 ค่า Roe ก็ยังไม่ใช่ของเงินทุนเราครับ

ใหม่ ๆ ก็สนใจคับ

แต่ตอนนี้ ลำดับแรกคือเรื่องของกระแสเงินสด
คือลงทุนไป 10 บาท บริษัทสามารถ
สร้างเงินตอบแทนให้เราได้กี่บาท
ดูว่าเขาให้ผลตอบแทนเราได้เท่าไหร่

เหมือนกับลงทุนบริษัท ก แล้วได้ผลตอบแทน 1 บาท
บริษัท ข ได้ 2 บาท
ผมคงเลือกลงทุนกับ บริษัท ข ก่อน

โดยดูงบกระแสเงินสดของบริษัทเป็นหลักครับ

สนใจครับ ดู pbv ครับ

[quote="Luty97"][quote="sai"]มันมีวิธีเรียกไหมครับ แต่ถูกต้องนะครับ เพราะการที่เราดู roe ตามงบการเงินนั้นเค้าคำนวณจาก p/bv =1 เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าไปซื้อตอนหุ้นมี p/bv มากกว่า 1 ค่า Roe ก็ยังไม่ใช่ของเงินทุนเราครับ