Thai VI

พี่วัวแดง 26 เองมีฟาร์มเป็นของตัวเองซะแล้ว อย่างนี้เงินเก็บคงมีไม่น้อย

รุ่นๆเดียวกับผมหลายคนเลยนะครับ ผม 22 ย่าง 23 เหมือนกัน

การศึกษาก็คล้ายๆกันเลย ผมก็เป็นอดีต นิสิตวิศวะ เหมือนคุณ house เลย(ตอนนี้เป็นบัณทิตแล้ว) แต่คงจะคนละสถาบันกัน เพราะผมเห็นเด็กคณะผมไปเรียน Finance ที่บัญชีกันเยอะเหมือนกัน อุอุ

เหลือเชื่อ

คุณวัวแดง อายุ 26 !!!

อีกหลายๆ คนก็อายุยังน้อย แต่ตอบกระทู้ได้ดีมากครับ

ผมก้อ 26 ครับ จะ 27 อาทิตย์หน้า รายงานตัวครับ

yoyo เขียน:แล้วพี่วัวแดงสอนใจลงทุนครั้งแรกนี่เพราะอะไรหรือครับ
สำหรับผมตอนปี 2 นี่เอาแต่เล่นครับ ไม่เคยคิดเรื่องอนาคตเลย
แล้ตอนศึกษาครั้งแรกทำไมถึงเริ่มด้วยหนังสือเกรแฮมล่ะครับ
ถ้าเป็นผมเริ่มแรกมาอ่านเกรแฮมเลยนี่คงถอดใจไปแล้ว
สำหรับมือใหม่เพิ่งศึกษานี่ผมว่าอ่านยากมากเลยนะพี่

ครั้งแรก อยากรู้ครับ ว่าหุ้นเป็นยังไง
ถามใครก็ไม่มีใครรู้ แถมยังบอกอีก ว่ามีแต่คนเจ๊ง ผมก็เลยงง ว่าเจ๊งแล้วใครรวย แล้วต้องหาข้อมูลเพิ่ม แล้วมาได้ยินอีกว่า คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น อยากรวยนี่เลยคิดเล่นหุ้นดีกว่า (ส่วนหวยซื้อทีไรโดนกินทุกที)

ก็เลยต้องศึกษาด้วยตัวเอง ไม่รู้อะไรดลใจ หนังสือเล่นหุ้นตอนนั้นมีไม่ค่อยเยอะ หยิบปุ้บก็ได้ของเกรแฮม อ่านมาเรื่อยๆ ค่า pe pbv roe ncav คืออะไรไม่รู้หรอก อ่านไปอ่านมาก็หยิบเครื่องคิดเลขมากดดูเรื่อยๆ ว่านี้มาไง นั้นมาไง ก็เลยเข้าใจมาเรื่อย(ชอบคำนวณครับ โรคจิตถ้าตัวไหนหาที่มาไม่ได้ก็ คำนวณจนได้)

ต่อมาเจอตีแตก โฮ้ ยิ่งได้ใจใหญ่เลย ต่อมาก็อ่านๆๆๆๆๆ หลายเล่มมาก
เทคนิคก็อ่าน พออ่านแล้วยิ่งงงใหญ่เลย มาแบบมั่วๆก็มี ดูเส้นโน้น ดูเส้นนี้ มั่วไปหมด มึน เลยไม่สนใจเทคนิคเลย

ส่วนตอนปี2 ก็ยังเล่นอยู่ครับ บ้า cm, วินนิ่ง เป็นที่สุด เรียนๆ โดดๆ จบมาไงก็ไม่รู้ ทุกวันนี้ยังงงอยู่เลย ในห้องมีได้ กว. อยู่3คน แต่แปลกใจ ผมเป็นหนึ่งในนั้น เพราะส่วนมากวิชาสาขาผมได้ c เลยได้ กว. ส่วนวิชาพื้นฐานอย่าไปพูดถึงเลย ไม่หมา ก็ หมา+

รุ่นๆเดียวกับผมหลายคนเลยนะครับ ผม 22 ย่าง 23 เหมือนกัน

การศึกษาก็คล้ายๆกันเลย ผมก็เป็นอดีต นิสิตวิศวะ เหมือนคุณ house เลย(ตอนนี้เป็นบัณทิตแล้ว) แต่คงจะคนละสถาบันกัน เพราะผมเห็นเด็กคณะผมไปเรียน Finance ที่บัญชีกันเยอะเหมือนกัน อุอุ

ส่วนผมไม่เคยไปเรียน Finance
แต่ไปที่บัญชี บ่อยๆ
(แต่ไม่รู้เป็นไร วิดวะ ได้กะ พยาบาล ทุกทีไป)

ส่วนตอนปี2 ก็ยังเล่นอยู่ครับ บ้า cm, วินนิ่ง เป็นที่สุด เรียนๆ โดดๆ จบมาไงก็ไม่รู้

ผมก็เป็นนะ แต่แยกแยะเป็นอ่ะ

การศึกษาก็คล้ายๆกันเลย ผมก็เป็นอดีต นิสิตวิศวะ เหมือนคุณ house เลย(ตอนนี้เป็นบัณทิตแล้ว) แต่คงจะคนละสถาบันกัน เพราะผมเห็นเด็กคณะผมไปเรียน Finance ที่บัญชีกันเยอะเหมือนกัน อุอุ

เว็ปนี้วิศวะกะหมอเยอะแฮะ ENT สาขาไหนครับ

ถ้าเป็นผมเริ่มแรกมาอ่านเกรแฮมเลยนี่คงถอดใจไปแล้ว
สำหรับมือใหม่เพิ่งศึกษานี่ผมว่าอ่านยากมากเลยนะพี่

ตอนนี้ก็ยังโหดครับ ผมไปได้ไม่พ้นครึ่งเล่มซักครั้งลองมา 2-3 หนแล้ว อ เกรแฮม ท่านเขี้ยวชะมัด
อีกเล่มก็ common stock ของ อ ฟิชเชอร์ กว่าจะกระเสือกกระสนผ่าน what to buy ได้ ก็เล่นเอาเป็นเดือน แถมรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งอีกต่างหาก

ผมว่า มาผนึกกำลังกัน อ้อน ให้คุณ WEB แปลขายดีกว่า
WIN-WIN-WIN เลยนะ

รายงานตัวครับ ปีนี้ 25 ครับ ศึกษาเรื่องการลงทุนมา 2 ปี ครับ

จุดผกผันให้เข้ามาสู่วงการ (ใช้คำเว่อร์ไปหรือเปล่าเนี่ย ) ของแต่ละคนน่าสนใจทั้งนั้นเลยครับ

ของผมตอนปีสี่ เห็นเพื่อนเล่นเกมหุ้นอินเตอร์เนตที่ siam2you จัดประกวดน่ะครับ ก็เลยเริ่มมาสนใจ จนเขาแข่งกัน 3 เดือนเสร็จแล้ว ผมก็ยังหมกมุ่นอยู่เลยครับ เพื่อนมันยังหาว่าไอ้นี่ท่าจะบ๊องไปแล้ว โชคดีที่ว่าตอนนั้นเหลือวิชาเรียนอยู่น้อยแล้ว ก็เลยพอเอาตัวรอดมาได้ สงสัยถ้าเกิดไปรู้จักตั้งแต่ปีต้นๆ อาจถึงขั้นไม่จบเลยก็ได้ :lol:

หลังจากนั้นก็ศึกษามาตลอด จนมาทำงานมีเงินเก็บน่ะครับ ถึงเริ่มลงเงินจริงๆ 8)

ผมก็ว่าเหมือน House นะครับว่าในนี้ วิศวะเยอะจัง แต่เรื่องการศึกษาเดี๋ยว PM กันดีกว่า พี่ๆเค้าไม่ค่อยอยากพูดถึงน่ะครับ เดี๋ยวเกิดมี อัตตา มั้ง หมั่นไส้กันมั้งไม่ดีครับ
อ้างอิงจากกระทู้ตระแกรงร่อนอ่ะครับ

เรื่องเล่นนี้ยุคผมที่ต้อง counter strike เลยครับ
วันสอบยังไปเล่นกันได้ ....
ก่อนสอบอ้าง relax
หลังสอบอ้างฉลอง ... เล่นมันทุกวัน

พวก text แนว VI นี่ผมยกให้ robert hagstrom เลยครับ
เขียนดีทุกเล่ม ... โดยเฉพาะ the warren buffet way ทั้ง first , second edition
เล่มหลังเพิ่งอ่านจบเมื่อวานเอง มีบทจิตวิทยาการลงทุนด้วย
เอามาจากเล่มเดียวที่คุณ WEB แปลเลย

สมัยผมตอนปี 1 ก็เล่น Counter กันทั้งวันเหมือนกัน ตอนหลังรู้สึกตัวว่าไม่น่าเอาตังค์ไปถมกับมันขนาดนั้นเลยยย

ผมก็เริ่มจาก siam2you เหมือนกันครับ USC ตอนนั้นผมอยู่ปี 3 ....

ปล

อ้างอิงจาก:

การศึกษาก็คล้ายๆกันเลย ผมก็เป็นอดีต นิสิตวิศวะ เหมือนคุณ house เลย(ตอนนี้เป็นบัณทิตแล้ว) แต่คงจะคนละสถาบันกัน เพราะผมเห็นเด็กคณะผมไปเรียน Finance ที่บัญชีกันเยอะเหมือนกัน อุอุ



เว็ปนี้วิศวะกะหมอเยอะแฮะ ENT สาขาไหนครับ

ผมสาขาคอมพิวเตอร์ครับ พูดถึงแค่นี้ละกัน สถาบันไว้ PM คุยกันดีกว่า

มีนิเทศศาสตร์ หรือสื่อสารมวลชนในนี้มั้ยเนี่ย

ตอนผมถาม ผมไม่ได้คิดถึงสถาบันนะ แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าสาขาไหน
เราสาขาเดียวกันเลยครับ ผมก็คอม

จริงๆ แล้วที่เปรยขึ้นมาว่าวิศวะเยอะนี่ก็คือมีคนตั้งข้อสังเกตว่าวิศวะ จะชอบเล่นหุ้น พอสังเกตดูในนี้ก็เออ ท่าจะจริง

อ้อ counter ไม่เคยได้เงินผมเลยครับ เพราะผมเล่นพวกนี้ทีไร เวียนหัวทุกที ที่ได้เงินผมเป็น winning ซะมากกว่า ซัดกันข้ามวันข้ามคืน

จริงๆแล้ว วิดวะกับหมอ เล่นหุ้นค่อนข้างมาก อาจจะเป็นเพราะมีเงินเหลือเก็บค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับอาชีพอื่น

แต่ผมคิดว่าอาชีพที่น่าจะทำให้เล่นหุ้นได้ดี น่าจะเป็นพวกสายศิลป์นะครับ

ผมเห็นวิดวะ เรียนต่อด้านบริหาร หรือ การเงิน เยอะ เพราะเรื่องการคำนวน เค้าเจอจนเป็นเรื่องปกติ เรียนมาเรียนกัน บางคนจนถึงเป็นดอกเตอร์เลยก็มี

ทำไมถึงคิดว่าสายศิลป์จะเล่นหุ้นแล้วรุ่งล่ะครับพี่เจ๋ง
ผมว่าสายศิลป์นี่จะแบบ เล่นตามอารมณ์ แล้วน่าจะเจ๊งมากกว่า (หรือเปล่า?)

ส่วนผมจริง ๆ สนใจเรื่องหุ้นตั้งแต่ก่อน Black monday ปี 87 ตั้งแต่ตอนอยู่มัธยม 1 เชื่อหรือไม่ (ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความรู้เลยด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์)
ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด ตลาดหุ้นไทยเป็นกระทิงอยู่
ตอนนั้นเขาจะให้นักเรียนทุกคนถือหุ้นสหกรณ์โรงเรียนคนละ 1 หุ้น
ผมเรียนไปสักพักก็เก็บเงินจะไปซื้อหุ้นสหกรณ์เพิ่ม ถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่พร้อมสายตาสงสัยและดูแคลน :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

จนมาทำงาน รพ.เอกชนเมื่อปีที่แล้ว เงินเยอะ ว่าง เหงา เบื่อ แล้วก็ถูกเพื่อนรุ่นน้องสะกิดให้อ่านพ่อรวยสอนลูก แล้วก็เริ่มสนใจหุ้นอีกที แล้วก็อ่านตีแตก สุดท้ายก็แปลงร่างเป็นแมลงเม่า เข้าตลาด :lol: :lol: :lol:

คิดว่า สายศิลป์ นี่เขาใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ตลาดหุ้นก็เหมือนกัน !!!!

ผมว่าอย่างนั้นมัน รุ่งริ่งมากกว่านะ คุณเจ๋ง

ส่วนเรื่องคำนวณ นี่ ผมเห็นด้วยกับพี่แฮรี่ครับ

ตอนผมไปเรียนกับพวกบริหาร มีเพื่อน(คณะบริหาร)ถามว่า ทำไมถึงมาเรียน ก็ตอบอย่างที่คิดแหละครับ ว่า อยากรู้ และ มันง่าย เรียนแล้วไม่เครียดดีกว่าเรียนวิชาในคณะ เขาอึ้งๆไป แล้วถามว่า วิเคราะห์การเงินธุรกิจเนี่ยนะง่าย

ก็ไม่ทันคิดครับ ก็ตอบสวนเลยว่า แล้วมันยากตรงไหน เข้าใจคอนเซ็ปต์ ก็คิดได้แล้ว มีแต่ บวกลบ คูณ หาร ยกกำลัง แคลคูลัสก็ไม่มี เขาทำหน้าอึ้งๆ แล้วก็เดินหนีไป

มาตอนนี้พึ่งนึกได้ เออ พื้นคำนวณ เราดีกว่าเขานี่หว่า ถึงว่าง่าย ถ้าคำนวณ ไม่ดี นี่ก็ยุ่งเหมือนกัน

ผมคิดว่า คนเล่้นหุ้นเยอะ พวกที่เรียนสายบัญชี บริหารนี่อยู่ในตลาดหุ้นกันเยอะกว่า วิศวะหรือหมออีกนะครับ

แต่ว่า วิศวะหรือหมอ เป็นกลุ่มคนที่ใช้คอมพิวเตอร์บ่อย และมีเวลาใช้ เพราะวิชาชีพค่อนข้างเป็นปัจเจก(โดยเฉพาะหมอ) ถึงโผล่มาในเว็บบอร์ดเยอะ ซะมากกว่า

ผมคิดว่า คนเล่้นหุ้นเยอะ พวกที่เรียนสายบัญชี บริหารนี่อยู่ในตลาดหุ้นกันเยอะกว่า วิศวะหรือหมออีกนะครับ

แต่ว่า วิศวะหรือหมอ เป็นกลุ่มคนที่ใช้คอมพิวเตอร์บ่อย และมีเวลาใช้ เพราะวิชาชีพค่อนข้างเป็นปัจเจก(โดยเฉพาะหมอ) ถึงโผล่มาในเว็บบอร์ดเยอะ ซะมากกว่า

เห็นด้วยครับ วันๆทำงานไม่เยอะ แต่ทำทีหนึง เหนื่อยมากๆๆๆๆๆ

ผมว่าเป็นช่วงมากกว่านะ ใกล้ๆ dead line แล้ว solve bug ไม่ออกนี่
ไม่ต้องหลับต้องนอนกันเป็นอาทิตย์

เห็นทำงานกัน เหนื่อยจังเนอะ ผมเรียนต่อไปเรื่อยๆนี่ก็สบายดีแฮะแต่ว่า ไม่มีเงินเดือนใช้นี่ซิ แย่จัง

เอถามเด็ก วิดวะ คอมหน่อยนะครับ ว่า พอจบมานี่ ส่วนใหญ่ไปทำงานแบบไหนครับ สายไหน ที่ไหน อะไรทำนองเนี้ย คืออยากรู้อะ เปิดกะลาให้ตัวเอง

ผมเพิ่งอ่าน the warren buffet way second edition จบ
เค้ามีเขียนถึงงานวิจัยเรื่องหนึ่ง
เค้าทำโดยแบ่งนักเรียนสาขาการลงทุนออกเป็น 2 กลุ่มเท่าๆกัน
กลุ่มนึงให้เรียนไปตามปกติ
อีกกลุ่มนึงให้ไปเรียนวิชา art ร่วมกับนักเรียน art บางวิชา
ผลออกมาค่อนข้างชัดเจนว่านักเรียนที่เรียน art ร่วมกับ investment
ทำผลงานในการลงทุนได้ดีกว่านักเรียนอีกกลุ่ม ...
แต่ไม่รู้นะครับว่าเค้าวัดผลกันยังไง จะเชื่อดีหรือไม่เชื่อดี

ในส่วนตัวผมว่ามีผลนะครับ
การจะเล่นหุ้นให้ได้ผลดีมีเพียงแค่เก่งคำนวณเก่ง logic ไม่ได้
ต้องมีศิลป์ด้วย ... เมื่อ 2 อย่างนี้รวมกันได้ที่แล้วผลลัพธ์ก็จะออกมาเกินคาด

ในจังหวะนั้นคนที่ไปเรียน art ได้ข่าววงในจากวงการ art หรือเปล่า
เช่นไปเรียน มัณฑณศิลป์ แล้วได้ข่าวใหญ่ในวงการเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งภายใน

ch_army เขียน:เห็นทำงานกัน เหนื่อยจังเนอะ ผมเรียนต่อไปเรื่อยๆนี่ก็สบายดีแฮะแต่ว่า ไม่มีเงินเดือนใช้นี่ซิ แย่จัง

เอถามเด็ก วิดวะ คอมหน่อยนะครับ ว่า พอจบมานี่ ส่วนใหญ่ไปทำงานแบบไหนครับ สายไหน ที่ไหน อะไรทำนองเนี้ย คืออยากรู้อะ เปิดกะลาให้ตัวเอง

หลักๆ ก็ 2 สายครับ คือ กลุ่มนักดูแลระบบ(system administrator:admin) และกลุ่มนักพัฒนา(Programmer) ซึ่งแต่ละกลุ่มก็แยกย่อยออกไปอีก

สำหรับกลุ่มดูแลระบบ ก็จะอยู่ได้ ตามทุกบริษัท ละครับที่มีคอม คอยดูแลระบบเน็ตเวิร์อค ต่างๆ หรือไม่ก็จะไปอยู่กับพวก System Integretor คือรับจ้างเดินระบบ และ ดูแลระบบให้บริษัท อื่นๆ

กลุ่มที่ 2 แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือกลุ่มระบบ ฝังตัว(Embeded System) ซึ่งพัฒนาโปรแกรมบนระบบขนาดเล็ก(ไม่ใช่คอม) จะอยู่ตามบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ไม่ว่าใช้เองหรือขาย เช่นโตโยต้า รับนักพัฒนาประเภทนี้ไว้เขียนระบบ ควบคุมเบรก ของรถ
อีกกลุ่มคือ พัฒนาโปรแกรมบนระบบคอมพิวเตอร์ ก็จะอยู่กับซอฟแวร์ เฮาส์ต่างๆ หรือ ไม่อย่างนั้น ก็จะเป็น ฟรีแลนท์ รับ งานอิสระ

อีกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มน้อยมาก คือไปเป็น consultant ครับ อ่านทั้งวัน ทฤษฏีต้องแน่นปึ้ก ไว้ตอบปัญหา 2 กลุ่มแรก

ขอบคุณ House ที่ให้ข้อมูล เปิดกะลาผมครับ